แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศแต่งตั้ง วรฉัตร ลักขณาโรจน์ ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารคนต่อไปของ 2C2P เดินหน้าขยายธุรกิจ-เสริมทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ ตอบรับเอสเอ็มอีทั่วภูมิภาค

Logo

  • วรฉัตร ลักขณาโรจน์ พร้อมนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดฟินเทคมาขับเคลื่อน 2C2P จากผู้ให้บริการเกตเวย์การชำระเงินแก่ลูกค้าองค์กรสู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชันดิจิทัลและบริการทางการเงินแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจทุกขนาดรวมถึงกลุ่มเอสเอ็มอีทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • ออง โจ โม ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารคนปัจจุบันของ 2C2P จะก้าวลงจากตำแหน่งในเดือนเมษายนนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจส่วนตัว หลังจาก 22 ปีในฐานะผู้นำที่เปลี่ยน 2C2P ให้กลายเป็นผู้ให้บริการระบบชำระเงินชั้นนำระดับภูมิภาคที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากลูกค้ามากมาย ทั้งในภาคธุรกิจการบิน อีคอมเมิร์ซ ตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ และอื่นๆ
  • แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (หรือในชื่อเดิม กลุ่มธุรกิจต่างประเทศของแอนท์ กรุ๊ป) ได้ลงทุนเชิงกลยุทธ์ใน 2C2P เมื่อเดือนเมษายน 2565 โดยนับจากนั้นทั้งสองบริษัททำงานประสานกันได้อย่างแข็งแกร่งด้วยการผสานผลิตภัณฑ์และทีมงานของทั้งสองฝ่ายเพื่อพัฒนาโซลูชันที่เปี่ยมนวัตกรรมสำหรับลูกค้า

กรุงเทพฯ / สิงคโปร์  25 กุมภาพันธ์ 2568 

แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินดิจิทัล นวัตกรรมดิจิทัล และเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำระดับโลก ประกาศแต่งตั้งคุณวรฉัตร ลักขณาโรจน์ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร (CEO) คนต่อไปของ 2C2P โดยคุณวรฉัตรจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนเมษายน 2568 หลังจากที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

Worachat Luxkanalode (Photo: Business Wire)

วรฉัตร ลักขณาโรจน์ (รูปภาพ: Business Wire))

ในบทบาทนี้ คุณวรฉัตรจะดูแลกลยุทธ์ทางธุรกิจและการดำเนินงานโดยรวมของ 2C2P และเข้ามาสานต่อภารกิจในการยกระดับกลยุทธ์ของบริษัท จากเดิมที่เน้นการให้บริการลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่เป็นหลัก สู่การให้บริการแก่ธุรกิจทุกขนาดรวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ 2C2P เป็นธุรกิจในเครือของแอนทอม (Antom) ผู้ให้บริการ โซลูชันด้านการชำระเงินและนวัตกรรมดิจิทัลระดับโลกภายใต้ความดูแลของ แอนท์ กรุ๊ป โดยปัจจุบัน 2C2P ให้บริการแก่ธุรกิจชั้นนำทั้งในภาคการท่องเที่ยว อีคอมเมิร์ซ ความบันเทิง และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

แกรี่ หลิว ผู้จัดการทั่วไปของแอนทอม – แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “แอนทอมและ 2C2P  ได้ต่อยอดนวัตกรรมร่วมกันและขยายระบบนิเวศเพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการชั้นนำทั้งในระดับโลกและท้องถิ่น ผลักดันการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและภูมิทัศน์การชำระเงินในภูมิภาคนี้  แอนทอมและ 2C2P จะยังคงอยู่แนวหน้าของการเปลี่ยนแปลงนี้ ในฐานะทีมที่เป็นหนึ่งเดียวภายใต้พันธกิจร่วมกัน ในการเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการทุกขนาด ด้วยโซลูชันที่ล้ำสมัยและบริการระดับโลก พร้อมรองรับและขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งในยุคดิจิทัล”

“คุณวรฉัตรนับเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการฟินเทค ที่พรั่งพร้อมด้วยประสบการณ์และผลงานที่ผ่านการพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว ในด้านบริการชำระเงิน การเงินการธนาคารเชิงดิจิทัล และการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า 2C2P จะสามารถสานต่อความโดดเด่นในด้านนวัตกรรมให้ก้าวไปอีกขั้น ภายใต้การนำของคุณวรฉัตร ทั้งยังขยายบริการของเราให้ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีในภูมิภาคนี้อย่างกว้างขวางขึ้น ควบคู่ไปกับกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่” คุณหลิวเสริม

ปัจจุบันคุณวรฉัตรร่วมงานอยู่กับแกร็บ ซูเปอร์แอปชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของแกร็บ ประเทศไทย ทั้งนี้คุณวรฉัตรเข้าร่วมงานกับแกร็บเมื่อปี 2562 และผ่านการทำงานหลากหลายตำแหน่งจวบจนปัจจุบัน ทั้งในฐานะกรรมการผู้จัดการ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ประเทศไทย และกรรมการบริหารของแกร็บ ประเทศไทย ก่อนหน้านี้คุณวรฉัตรมีประสบการณ์ในบทบาทผู้บริหารระดับสูงของธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำทั้งของไทยและต่างประเทศ รวมกว่า 17 ปี ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมบุกเบิกนวัตกรรมดิจิทัลในภาคการเงินการธนาคารของไทยอีกด้วย

คุณวรฉัตรกล่าวในโอกาสนี้ว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนลและเข้ามาดูแล 2C2P ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ขณะที่เรากำลังเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดบริการชำระเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง บทบาทของผมจะมุ่งเน้นไปที่การปรับกลยุทธ์ขององค์กร ให้พร้อมตอบสนองความต้องการของกลุ่มเอสเอ็มอีในภูมิภาคนี้ได้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยการต่อยอดจากรากฐานอันแข็งแกร่งที่วางไว้ โดยทีมผู้บริหารชุดปัจจุบันของ 2C2P โดยเฉพาะผู้ก่อตั้งที่เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์อย่างคุณออง”

“นับจากนี้ไป 2C2P จะทำงานร่วมกับแอนทอมอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นไปอีก และกลายเป็นส่วนสำคัญในบริการและนวัตกรรมแบบครบวงจรที่แอนทอมมอบให้กับผู้ประกอบการทั่วโลก ผมมั่นใจว่าทีมงานทั้งสองจะสามารถร่วมกันสรรสร้างโซลูชันด้านการชำระเงิน นวัตกรรมดิจิทัล และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์อย่างแม่นยำมากขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเสริมพลังให้ธุรกิจในทุกระดับเติบโตได้ดียิ่งขึ้นในเศรษฐกิจยุคดิจิทัล” คุณวรฉัตรเสริม

2C2P ก่อตั้งขึ้นโดยคุณออง โจ โม ที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2546 โดยในเดือนเมษายน 2566 แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (หรือในชื่อเดิม กลุ่มธุรกิจต่างประเทศของแอนท์ กรุ๊ป) ได้เข้ามาเป็นผู้ร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ใน 2C2P ก่อนที่ทั้งสองบริษัทจะร่วมงานกันอย่างใกล้ชิด ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมมาผสมผสานกันได้ลงตัว และยังสรรสร้างนวัตกรรมในระดับแนวหน้าของตลาดบริการด้านการชำระเงินอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ปริมาณการรับชำระเงินรายปีของ 2C2P ได้เพิ่มขึ้นถึงเกือบสองเท่าตัวขณะที่ปริมาณการชำระเงินรวม (Total Payment Volume; TPV) จากลูกค้ารายหลักของแอนทอมที่ทั้งสองบริษัทร่วมกันให้บริการก็เพิ่มมากขึ้นถึง 10 เท่าตัว

การเติบโตอย่างแข็งแกร่งนี้มาจากลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอีคอมเมิร์ซ ค้าปลีก สายการบิน ตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) ธุรกิจโรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ดิจิทัลคอนเทนต์ และธุรกิจแบบออนไลน์สู่ออฟไลน์ (O2O) ครอบคลุมตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันเปิดตัวนวัตกรรมหลายอย่าง เช่น แอนทอม บิสซิเนส แอคเคาท์ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรับชำระเงินและทำการจ่ายเงินทั้งในประเทศและข้ามประเทศได้อย่างราบรื่นด้วยบัญชีเดียว และการผนึกรวมระบบของ 2C2P เข้าเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีของแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถทำการชำระเงินข้ามประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่แข่งขันได้เพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า

“ในเมื่อ 2C2P อยู่ในความดูแลของคนมีฝีมือแล้ว ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ ผมจะอุทิศเวลาส่วนหนึ่งให้กับงานวิจัยของผมเรื่อง ‘เส้นทางสู่ความสำเร็จและความล้มเหลวของสตาร์ทอัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: เจาะความแตกต่างของทิศทางการเติบโต’ และผมก็กำลังเขียนหนังสือเรื่อง ‘Red Kite’ ที่จะเป็นบันทึกเรื่องราวชีวิตของผมเองทั้งในมุมของชีวิตส่วนตัวและการบริหารธุรกิจ นอกจากงานเขียนเหล่านี้ ผมก็รอไม่ไหวแล้วที่จะได้ขับเครื่องบินเล็กของผมไปเจอกับสถานที่ใหม่ๆ และผู้คนใหม่ๆ” คุณอองกล่าวผ่านทางโพสต์ LinkedIn

ในโอกาสนี้ คุณหลิวยังได้กล่าวขอบคุณคุณอองสำหรับความทุ่มเทและบทบาทในการขับเคลื่อน 2C2P ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอีกด้วย “วิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำของคุณอองทำให้ 2C2P ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง และยังสามารถช่วยลูกค้าองค์กรทั่วทั้งภูมิภาคให้ก้าวข้ามอุปสรรคที่ท้าทายไม่น้อยในด้านระบบการชำระเงิน จนกระทั่ง 2C2P เป็นที่รู้จักในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในด้านการชำระเงิน ความสำเร็จทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนถึงความมุ่งมั่นทุ่มเท วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ และความสามารถของคุณอองในการจุดประกายให้ทีมงานเดินหน้าสู่ความเป็นเลิศ”

ทั้งนี้ คุณปิยชาติ รัตน์ประสาทพร ประธานกรรมการบริหารคนปัจจุบันของ 2C2P ประเทศไทย จะวางมือจากตำแหน่งดังกล่าวในเดือนเมษายนเช่นกัน โดยคุณอองและคุณปิยชาติจะยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของ 2C2P จนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้

“เราขอให้ทั้งคุณอองและคุณปิยชาติประสบกับความสำเร็จและความสมหวังต่อไปในอนาคต” คุณหลิวกล่าว

# # #

เกี่ยวกับแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล

แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ และดำเนินงานภายใต้พันธกิจเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของการค้าระดับโลกด้วยนวัตกรรมดิจิทัลที่สร้างโอกาสให้ทุกคนและทุกธุรกิจได้เติบโตสู่ความสำเร็จ เราร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรอย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการทุกระดับทั่วโลก ให้บรรลุเป้าหมายด้านการเติบโตของตนเอง ผ่านทางโซลูชันด้านการชำระเงินแบบดิจิทัล และบริการทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบบครบวงจร ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.antglobal.com/

เกี่ยวกับแอนทอม

แอนทอม โดยแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านการชำระเงินและนวัตกรรมดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการทั่วโลก ด้วยโซลูชันการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลแบบครบวงจร ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการใช้งานแบบเฉพาะทางในแต่ละอุตสาหกรรม พร้อมตอบโจทย์ของธุรกิจทุกขนาด ทั้งนี้ แอนทอมทำงานร่วมกับผู้ประกอบการในกว่า 50 ประเทศและในทุกภูมิภาค เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงผู้บริโภคในตลาดกว่า 200 แห่ง และรับชำระเงินได้มากกว่า 100 สกุลเงิน นอกจากระบบชำระเงินแล้ว แอนทอมยังมีโซลูชันสำหรับการตลาดเชิงดิจิทัลและบริการ เพื่อช่วยผู้ประกอบการเปลี่ยนถ่ายมาใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล จนสามารถยกระดับการดำเนินงานและดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้มากขึ้น ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.antom.com/

เกี่ยวกับ 2C2P

2C2P เป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินแบบครบวงจร ที่ช่วยให้องค์กรชั้นนำระดับโลกสามารถชำระและรับชำระเงินได้อย่างปลอดภัยผ่านช่องทางเดียว เครือข่ายที่กว้างขวางของ 2C2P ครอบคลุมทั้งช่องทางออนไลน์ สมาร์ทโฟน และออฟไลน์ รวมถึงจุดชำระเงินทางเลือกกว่า 600,000 แห่ง จึงช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงลูกค้าหรือผู้รับเงินได้ทุกที่ ทั้งนี้ 2C2P ยังให้บริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการทำบัตรใช้จ่ายบริการดิจิทัลวอลเล็ต ระบบความปลอดภัย 3D Secure การชำระค่าบริการ และสินค้าดิจิทัล เพื่อตอบสนองทุกความต้องการทางธุรกิจ

2C2P มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ โดยปัจจุบันดำเนินธุรกิจอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และฮ่องกง นอกจากนี้ 2C2P ยังเป็นพันธมิตรด้านการชำระเงินที่ได้รับความไว้วางใจจากสายการบิน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจค้าปลีก และองค์กรอื่นๆ อีกมากมาย ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://2c2p.com/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54214032/en

Media Inquiries:

Fanny Wu

chen.wc@antgroup.com

media@2c2p.com

Gradiant และ GF Piping Systems ร่วมมือกันเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและความยั่งยืนในอุตสาหกรรมน้ำ

Logo

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความสามารถของ Gradiant ในการส่งมอบโซลูชันการบำบัดน้ำประสิทธิภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อภารกิจทั่วโลก

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–23 มกราคม 2025

Gradiant ผู้นำระดับโลกด้านการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ GF Piping Systems ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันการไหลชั้นนำในวันนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ได้ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของ Gradiant ในการส่งมอบโซลูชันการบำบัดน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงและทันสมัยให้กับอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก ประกอบด้วยอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เภสัชกรรม และแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญ ขณะเดียวกันก็ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำระดับโลกอีกด้วย

Today, Gradiant, a global leader in advanced water and wastewater treatment, announced a strategic partnership with GF Piping Systems. (Photo: Business Wire)

วันนี้ Gradiant ผู้นำระดับโลกด้านการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ GF Piping Systems (ภาพ: Business Wire)

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงที่ไม่ผูกขาด GF Piping Systems จะจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่กำหนดไว้ให้กับ Gradiant เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินโครงการจะราบรื่นในโรงงานหลักๆ ทั่วโลก เครือข่ายการสนับสนุนระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งของ GF จะช่วยให้ Gradiant เข้าถึงความเชี่ยวชาญทางเทคนิคตลอดเวลา รวมถึงความช่วยเหลือในสถานที่จริง จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการส่งมอบโซลูชันของ Gradiant จะตรงเวลาและน่าเชื่อถือ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อภารกิจต่างๆ

GF Piping Systems มีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุขั้นสูงมากกว่า 30 ปี มีความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปชั้นนำและการส่งมอบที่รวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่ซับซ้อนของโครงการบำบัดน้ำขนาดใหญ่ทั่วโลก วัสดุประสิทธิภาพสูง ระบบอัตโนมัติ และบริการทั่วโลกสำหรับวัฏจักรน้ำทั้งหมดของ GF Piping Systems โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือให้สูงสุด เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสามารถทำงานได้ตามมาตรฐานสูงสุด

“ความร่วมมือครั้งนี้ผสมผสานเทคโนโลยีการบำบัดน้ำขั้นสูงและความเชี่ยวชาญด้านกระบวนการของ Gradiant เข้ากับประสบการณ์ของ GF Piping Systems ในด้านโซลูชันการไหลที่แม่นยำ” Govind Alagappan ประธานของ Gradiant กล่าว “เราทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลกที่ต้องพึ่งพาเรา เพื่อให้บรรลุประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และความยืดหยุ่นที่มากขึ้นในการดำเนินการด้านน้ำ”

“ความร่วมมือของเรากับ Gradiant นั้นเหมาะสมอย่างยิ่ง” Wolfgang Dornfeld หัวหน้าหน่วยธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียของ GF Piping Systems กล่าว “เราทั้งคู่มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อการบำบัดน้ำที่ยั่งยืนผ่านการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน ด้วยฐานการดำเนินงานทั่วโลกของเรา เราจึงสามารถสนับสนุนโครงการต่างๆ ของ Gradiant ได้ทั่วโลกด้วยโซลูชันระบบท่อและพอร์ตโฟลิโอการบริการที่เชื่อถือได้และสร้างสรรค์ของเรา”

ความร่วมมือดังกล่าวได้รับการเฉลิมฉลองที่ศูนย์ประสบการณ์ลูกค้าของ GF Piping Systems ในสิงคโปร์ ด้วยการส่งมอบเครื่องเชื่อมอินฟราเรด IR-63M เครื่องที่ 100 ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ถึงการมุ่งเน้นด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน เครื่องเชื่อมที่ล้ำสมัยนี้จะช่วยเสริมศูนย์นวัตกรรมระดับโลกของ Gradiant ในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่ได้รับการยอมรับสำหรับนวัตกรรมเทคโนโลยีน้ำ โดยขับเคลื่อนความก้าวหน้าที่ก้าวล้ำในการบำบัดน้ำเพื่ออุตสาหกรรม เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านน้ำที่สำคัญที่สุดของโลก

เกี่ยวกับ Gradiant
Gradiant เป็นบริษัทน้ำที่แตกต่าง ด้วยชุดโซลูชันครบวงจรที่แตกต่างและเป็นกรรมสิทธิ์สำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านน้ำ บริษัทให้บริการการดำเนินงานที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่จำเป็นของโลก รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ เภสัชกรรม อาหาร และเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญ และพลังงานทดแทน โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Gradiant จะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำและน้ำเสียที่ถูกปล่อยออกมา รวมถึงการนำทรัพยากรที่มีค่ากลับคืนมาและเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในบอสตันแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: 

https://www.businesswire.com/news/home/54188508/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ข้อมูลผู้ติดต่อองค์กร
Felix Wang
หัวหน้าฝ่ายแบรนด์และประชาสัมพันธ์ระดับโลกของ Gradiant
fwang@gradiant.com

ที่มา: Gradiant

Vortexa เปิดตัว ‘Anywhere Freight Pricing’: แพลตฟอร์มการกำหนดราคาค่าขนส่งระหว่างท่าเรือแห่งแรกสำหรับพลังงาน

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2025

Vortexa ผู้ให้บริการชั้นนำด้านการวิเคราะห์ตลาดพลังงานและการขนส่งสินค้าระดับโลก เปิดตัว Anywhere Freight Pricing ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มกำหนดราคาขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือแห่งแรกของโลกสำหรับการซื้อขายพลังงาน โซลูชันที่ล้ำสมัยนี้ทำให้สามารถกำหนดราคาได้ทันทีและไม่จำกัดสำหรับเส้นทางขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสะอาด (Clean Petroleum Product หรือ CPP) ที่ใช้งานอยู่มากกว่า 50,000 เส้นทาง รวมถึงเส้นทางที่เป็นไปได้มากกว่า 70 ล้านเส้นทาง ซึ่งจะช่วยกำหนดมาตรฐานใหม่ทั้งหมดในด้านความเร็วและขนาดในตลาดการขนส่งสินค้าทั่วโลก

Fabio Kuhn, Founder and CEO of Vortexa (Photo: Business Wire)

Fabio Kuhn, ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Vortexa (ภาพ: Business Wire)

ตลาดการขนส่งสินค้าพลังงานนั้นต้องดิ้นรนกับกลไกการกำหนดราคาที่ไม่มีประสิทธิภาพสูงและความไม่สมดุลของข้อมูลที่สำคัญมาเป็นเวลานาน ซึ่ง Anywhere Freight Pricing จะช่วยให้ผู้ค้า ผู้เช่าเหมาลำ และเจ้าของเรือสามารถเข้าถึงและมีความโปร่งใสอย่างไม่มีใครเทียบได้ โดยได้กำหนดนิยามใหม่สำหรับการตัดสินใจซื้อขายสินค้า คือ:

  •  เข้าถึงได้ทันที: ประเภทเรือ ท่าเรือต้นทางและปลายทาง เพื่อรับอัตราค่าระวางล่าสุดสำหรับเส้นทางที่ระบุ โดยราคาจะอัปเดตทุกวัน เวลา 16.30 น. ตามเวลาสหราชอาณาจักร
  •  ครอบคลุมทั่วโลก: เส้นทางที่ใช้งานอยู่มากกว่า 50,000 เส้นทางและเส้นทางสะอาดที่เป็นไปได้มากกว่า 70 ล้านเส้นทาง
  •  เปรียบเทียบเส้นทางแบบไม่จำกัด: เพิ่มประสิทธิภาพตัวเลือกการกำหนดราคาโดยการประเมินหลายเส้นทาง รวมถึงการแยกรายละเอียดค่าธรรมเนียมท่าเรือและคลอง
  •  ข้อมูลในอดีต: ข้อมูลราคา 5 ปีสำหรับเส้นทางทั้งหมดเพื่อวิเคราะห์ตามฤดูกาลและแนวโน้ม พร้อมตัวเลือกการซ้อนทับสำหรับจำนวนเรือและสินค้า

“นับตั้งแต่เริ่มมีตลาดพลังงานโลก ผู้ค้าได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เข้าถึงราคาค่าขนส่งที่พุ่งสูงได้ทันทีและไม่จำกัด เพื่อประเมินแนวคิดในการซื้อขายของตนก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด ด้วย Anywhere Freight Pricing Vortexa ได้ทำให้สิ่งนี้กลายเป็นจริง โดยการเปลี่ยนแปลงวิธีการกำหนดราคาและการซื้อขายค่าขนส่งพลังงานไปตลอดกาล” Fabio Kuhn ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Vortexa กล่าว

การเปิดตัวครั้งนี้ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีเชิงลึกและข้อมูลการตลาดที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Vortexa โดยเปลี่ยนแปลงการซื้อขายในตลาดที่ค่าขนส่งสินค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนผลกำไรมากขึ้นเรื่อยๆ การเปิดตัวครั้งแรกมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่สะอาด และจะมีการกำหนดราคาค่าขนส่งสำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสกปรก (DPP) ที่จะตามมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เกี่ยวกับ Vortexa

Vortexa นำเสนอข้อมูลและการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ชั้นนำของตลาดสำหรับตลาดพลังงานและการขนส่งสินค้า การผสมผสานความฉลาดของมนุษย์เข้ากับข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้ Vortexa ช่วยให้ลูกค้าสำรวจภูมิทัศน์พลังงานที่ซับซ้อนด้วยความชัดเจนและความมั่นใจที่มากขึ้น ด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างอนาคตของตลาดพลังงาน Vortexa ช่วยให้ผู้ค้าพลังงาน นักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งได้รับความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดที่ซับซ้อนและคลุมเครือโดยการตัดสินใจซื้อขายด้วยความมั่นใจ Vortexa มีพนักงานจากหลากหลายสาขามากกว่า 170 คน โดยผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านพลังงานและการขนส่งสินค้า วิทยาศาสตร์ข้อมูล และวิศวกรรมที่ดีที่สุดในลอนดอน เจนีวา สิงคโปร์ ฮูสตัน นิวยอร์ก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/54209688/en

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Richard Kewish, รองประธานฝ่ายโครงการเชิงกลยุทธ์และความร่วมมือ
vafp@vortexa.com

ที่มา: Vortexa
 


ผู้อารักขามัสยิดศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองได้อนุมัติสัญลักษณ์เงินริยัลซาอุดีอาระเบีย

Logo

20 กุมภาพันธ์ 2025 21 ชาอฺบาน 1446

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย –(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2025

ในวันนี้ 20 กุมภาพันธ์ 2025 กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ อัล ซาอุด ผู้อารักขามัสยิดศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง ได้อนุมัติสัญลักษณ์สกุลเงินริยัลซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ที่จะเสริมสร้างเอกลักษณ์ของสกุลเงินของซาอุดีอาระเบีย

The Saudi Riyal Symbol (Graphic: Business Wire)

สัญลักษณ์เงินริยัลซาอุดีอาระเบีย (กราฟิก: Business Wire)

ผู้ว่าการธนาคารกลางซาอุดีอาระเบีย (SAMA) ฯพณฯ นายอัยมัน โมฮัมเหม็ด อัล-ซายารี แสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อผู้อารักขามัสยิดศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ อัล ซาอุด และมกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรี เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน สำหรับการเปิดตัวสัญลักษณ์เงินริยัลซาอุดีอาระเบีย

อัล-ซายารีตั้งข้อสังเกตว่าการตัดสินใจครั้งนี้ช่วยเสริมสร้างเอกลักษณ์ทางการเงินของซาอุดีอาระเบียทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ เขาระบุว่าการนำสัญลักษณ์ใหม่มาใช้จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปสำหรับธุรกรรมทางการเงินและเชิงพาณิชย์ โดยจะมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

อัล-ซายารีกล่าวว่าความคิดริเริ่มนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ของชาติและความเป็นเจ้าของทางวัฒนธรรม เน้นย้ำถึงบทบาทของสกุลเงินประจำชาติ และแสดงให้เห็นว่าราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจสำคัญๆ ของโลกและสมาชิก G20 นอกจากนี้ ความคิดริเริ่มนี้ยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญเพิ่มมากขึ้นของสกุลเงินประจำชาติในระบบนิเวศทางการเงินระดับโลกอีกด้วย

ผู้ว่าการรัฐรับทราบถึงความพยายามร่วมมือที่อำนวยความสะดวกให้เกิดความสำเร็จนี้ โดยแสดงความขอบคุณต่อหน่วยงานที่มีส่วนร่วมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาสัญลักษณ์ที่นำโดย SAMA รวมถึงกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสื่อมวลชน และองค์กรมาตรฐาน มาตรวิทยา และคุณภาพแห่งซาอุดีอาระเบีย

สัญลักษณ์ริยัลซาอุดีอาระเบียได้รับการพัฒนาตามมาตรฐานทางเทคนิคสูงสุด สะท้อนถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของราชอาณาจักร โดยใช้ชื่อสกุลเงินประจำชาติของเราว่า “ริยัล” ในการออกแบบที่ได้มาจากการประดิษฐ์ตัวอักษรอาหรับ สัญลักษณ์ดังกล่าวจะช่วยปรับปรุงการแสดงค่าเงินริยัลซาอุดีอาระเบียในบริบทท้องถิ่น ภูมิภาค และนานาชาติให้มีความคล่องตัวมากขึ้น จึงเหมาะสมที่จะใช้ในการอ้างอิงถึงริยัลซาอุดีอาระเบียในธุรกรรมทางการเงินและเชิงพาณิชย์ทั้งหมด

ขณะที่ซาอุดีอาระเบียก้าวไปสู่เป้าหมายวิสัยทัศน์ 2030 การเปิดตัวสัญลักษณ์ดังกล่าวจะช่วยตอกย้ำความสำคัญของระบบการเงินของราชอาณาจักรและบทบาทที่เพิ่มขึ้นในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54210713/en

Contacts

ทีมสื่อของธนาคารกลางซาอุดีอาระเบีย: Media@SAMA.GOV.SA

ที่มา: Saudi Central Bank

 

Toshiba เปิดตัวโฟโต้รีเลย์ขนาดเล็กที่มีเวลาเปิดใช้งานด้วยความเร็วสูง ซึ่งช่วยลดเวลาการทดสอบสำหรับผู้ทดสอบเซมิคอนดักเตอร์

Logo

คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2025

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation(“Toshiba”) ได้เปิดตัว “ TLP3414S ” และ “ TLP3431S,” ที่เป็นโฟโต้รีเลย์ที่อยู่ในแพ็คเกจ S-VSON4T [1] ที่มีเวลาเปิดเครื่องเร็วกว่าผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของ Toshiba[2] โดยมีพิกัดแรงดันไฟฟ้าเทอร์มินัลเอาต์พุตในสถานะ OFF และอัตรากระแสไฟฟ้าในสถานะ ON ของ TLP3414S อยู่ที่ 40V/250mA และ 20V/450mA สำหรับ TLP3431S ที่สามารถเริ่มจัดส่งได้ตั้งแต่วันนี้

Toshiba: small photorelays TLP3414S and TLP3431S that help shorten test time for semiconductor testers (Graphic: Business Wire)

Toshiba: โฟโต้รีเลย์ขนาดเล็ก TLP3414S และ TLP3431S ที่ช่วยลดเวลาการทดสอบสำหรับผู้ทดสอบเซมิคอนดักเตอร์ (กราฟิก: Business Wire)

โฟโตรีเลย์ใหม่นี้จะให้การเชื่อมต่อแบบออปติคัลประสิทธิภาพสูงพร้อมเอาท์พุตออปติคัลที่ได้รับการพัฒนาจากไดโอดเปล่งแสงอินฟราเรดในด้านอินพุต รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์ตรวจจับภาพ (อาร์เรย์โฟโตไดโอด) ที่ทำให้เวลาเปิดเครื่องมีความเร็วสูง โดยมีเวลาสูงสุดอยู่ที่ 150μs เวลาในการเปิดเครื่องของผลิตภัณฑ์ TLP3414S นั้นสั้นกว่าผลิตภัณฑ์ TLP3414 ในปัจจุบันของ Toshiba ที่ประมาณ 50% และเวลาของผลิตภัณฑ์ TLP3431S นั้นสั้นกว่าผลิตภัณฑ์ TLP3431 ในปัจจุบันของ Toshiba ที่ประมาณ 62%

นอกจากนี้ ความต้านทานในสถานะ ON ที่ส่งผลต่อการลดทอนสัญญาณเมื่อมีการเปิดเอาต์พุต (TLP3414S: สูงสุด 3Ω, TLP3431S: สูงสุด 1.2Ω) และความจุเอาต์พุต ซึ่งส่งผลต่อการรั่วไหลของสัญญาณความถี่สูงเมื่อเอาต์พุตถูกปิด (ทั้ง TLP3414S และ TLP3431S: โดยทั่วไปอยู่ที่ 6.5pF) เทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ Toshiba ที่มีอยู่[2] , และส่งสัญญาณได้อย่างเสถียร

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เหมาะสำหรับการใช้งานพินอิเล็กทรอนิกส์[3] ในเครื่องทดสอบเซมิคอนดักเตอร์ที่ตรวจวัดอุปกรณ์ภายใต้การทดสอบ (DUT) ด้วยความแม่นยำสูงและความเร็วสูงในขณะเปลี่ยนสัญญาณ

แพ็คเกจนี้จะมีใช้แพ็คเกจ S-VSON4T ขนาดเล็กที่ลดพื้นที่การติดตั้งลงประมาณ 20% เมื่อเทียบกับแพ็คเกจ VSON4[4] ในผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของ Toshiba ซึ่งมีส่วนช่วยในการย่อขนาดของเครื่องทดสอบเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ลงได้

Toshiba จะยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการด้านประสิทธิภาพที่สูงขึ้น รวมถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นในเครื่องทดสอบเซมิคอนดักเตอร์

หมายเหตุ:

[1] แพ็คเกจ S-VSON4T: 1.45×2.0 มม. (ประเภท)

[2] ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ของ Toshiba TLP3414 (พิกัด 40V/250mA) และ TLP3431 (พิกัด 20V/450mA) ในแพ็คเกจ VSON4

[3] พินอิเล็กทรอนิกส์ (PE): วงจรอินเทอร์เฟซสำหรับการจ่ายพลังงานและสัญญาณทดสอบไปยัง DUT และสำหรับการตัดสินสัญญาณเอาท์พุตจาก DUT

[4] แพ็คเกจ VSON4: 1.45×2.45 มม. (ประเภท)

การใช้งาน

  • เครื่องทดสอบเซมิคอนดักเตอร์ (เครื่องทดสอบหน่วยความจำความเร็วสูง เครื่องทดสอบลอจิกความเร็วสูง ฯลฯ)
  • การ์ดโพรบ
  • อุปกรณ์วัด

คุณสมบัติ

  • เวลาเปิดเครื่องความเร็วสูง: tON =150μs (สูงสุด)
  •  ความต้านทานสถานะ ON ต่ำ
     TLP3414S RON =3Ω (สูงสุด)
     TLP3431S RON =1.2Ω (สูงสุด)
  • แพ็คเกจเล็ก S-VSON4T : 1.45×2.0 มม. (ประเภท), t=1.3 มม. (ประเภท)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

 (Ta =25°C)

หมายเลขชิ้นส่วน

 TLP3414S

 TLP3431S

แพ็คเกจ

ชื่อของ Toshiba

S-VSON4T

ขนาด (มม.)

1.45×2.0 (ประเภท), t=1.3 ประเภท)

ประเภทหน้าสัมผัส

1-Form-A

(ปกติเปิด)

พิกัด

สูงสุด

จริง

 แรงดันไฟฟ้าที่ขั้วเอาต์พุตในสถานะ OFF VOFF (V)

40

20

 กระแสไฟฟ้าในสถานะ ON ION (mA)

250

450

 กระแสไฟฟ้าในสถานะ ON (พัลส์) IONP (mA)

750

1350

 อุณหภูมิในการทำงาน Topr (°C)

-40 ถึง 110

 แรงดันไฟฟ้าแยก BVS (Vrms)

AC, 60s,

R.H.≤60%

500

ลักษณะ

ทาง

ไฟฟ้าแบบคับเปิล

 กระแสไฟฟ้า LED ทริกเกอร์ IFT (mA)

สูงสุด

3

 ความต้านทานในสถานะ ON RON (Ω)

ประเภท

2

0.8

สูงสุด

3

1.2

ลักษณะ

ทางไฟฟ้า

 ความจุไฟฟ้าเอาต์พุต COFF (pF)

ประเภท

6.5

ลักษณะ

การสวิชชิ่ง

 เวลาเปิด tON (μs)

สูงสุด

 150[5]

 เวลาปิด tOFF (μs)

 100[5]

การตรวจสอบตัวอย่างและความพร้อมใช้งาน

 ซื้อออนไลน์

 ซื้อออนไลน์

หมายเหตุ

 [5] เงื่อนไขการทดสอบ TLP3414S: RL =200Ω, VDD =20V, IF =5mA, TLP3431S: RL =200Ω, VDD =10V, IF =5mA

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

บทความทางเทคนิค
โฟโต้รีเลย์ขนาดเล็กพร้อมการสวิชชิ่งความเร็วสูง
โฟโต้รีเลย์ขนาดกะทัดรัดพร้อมไดร์ฟแรงดันไฟฟ้าต่ำและพิกัดการทำงานที่อุณหภูมิสูง

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TLP3414S
TLP3431S

คลิกลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์แยกกระแสไฟโซลิดสเตตรีเลย์ของ Toshiba
ไอโซเลเตอร์/โซลิดสเตตรีเลย์

หากต้องการตรวจสอบความพร้อมของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์ โปรดไปที่:
TLP3414S
ซื้อออนไลน์
TLP3431S
ซื้อออนไลน์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง ใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมมากกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ

โดยมีพนักงานกว่า 19,400 คนทั่วโลกที่มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน บริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างและมีส่วนสนับสนุนเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนโดยทั่วไป

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54208008/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การสอบถามสำหรับลูกค้า
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สำหรับออปโตอิเล็กทรอนิกส์
โทร.: +81-44-548-2218
ติดต่อเรา

การสอบถามสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

 

Cargill และ Hafnia ได้เปิดตัว Seascale Energy เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงบริการจัดซื้อเชื้อเพลิงทางทะเล

Logo

บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่นี้จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพในการรับประกันการเข้าถึงเชื้อเพลิงทางทะเลคุณภาพสูงที่น่าเชื่อถือในราคาที่แข่งขันได้

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2025

ธุรกิจการขนส่งทางทะเลของ Cargill และบริษัท Hafnia ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งทางเรือชั้นนำได้ร่วมมือกันเปิดตัว Seascale Energy ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ผสมผสานธุรกิจบังเกอร์ที่มีอยู่ของ Cargill Pure Marine Fuels และ Bunker Alliance ของ Hafnia ด้วยการรวมจุดแข็งของบริษัทระดับโลกทั้งสอง โดย Seascale Energy นั้นตั้งเป้าที่จะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการจัดหาเชื้อเพลิงทางทะเลโดยการส่งมอบความคุ้มค่า ความโปร่งใส และการเข้าถึงนวัตกรรมเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน

ด้วยการรวมปริมาณการจัดซื้อบังเกอร์เข้าด้วยกัน การร่วมทุนครั้งนี้จะสามารถรักษาราคาและเงื่อนไขที่แข่งขันได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถนำเสนอโซลูชั่นการจัดซื้อจัดจ้างที่ปรับให้เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า นอกจากนี้ยังนำเสนอเครือข่ายท่าเรือทั่วโลกที่มีอยู่มากมาย ทำให้ลูกค้าสามารถจัดหาเชื้อเพลิงคุณภาพสูงได้ทั่วทั้งโลก

การเข้าถึงทั่วโลกและความแข็งแกร่งทางการค้าของ Cargill และ Hafnia ควบคู่ไปกับความเป็นเลิศในการดำเนินงานทางทะเล สร้างโซลูชันชั้นนำสำหรับการจัดการบังเกอร์ Jan Dieleman ประธานธุรกิจการขนส่งทางทะเลของ Cargill กล่าว“วิสัยทัศน์ของเราคือการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในการขนส่ง ปลดล็อกคุณค่าสำหรับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา ในขณะเดียวกันก็สามารถจัดการกับความท้าทายในอุตสาหกรรมในด้านความโปร่งใส คุณภาพ และการลดการปล่อยคาร์บอน โดยเรากำลังร่วมกันกำหนดอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับการจัดหาเชื้อเพลิงทางทะเล”

การร่วมทุนนี้ช่วยให้เจ้าของเรือและผู้เช่าเหมาลำได้รับการปรับปรุงความโปร่งใสและขนาด ทำให้พวกเขาได้รับข้อตกลงที่แข่งขันได้และประสิทธิภาพที่เป็นมาตรฐาน บริการจัดซื้อจัดจ้างที่ปรับให้เหมาะสมจะช่วยลดต้นทุนภายใน ทำให้ลูกค้ามีทรัพยากรมากขึ้นเพื่อมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานหลักของตน

Seascale Energy แสดงถึงวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันของเราในการลดความซับซ้อนและสร้างสรรค์ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในส่วนบังเกอร์” Mikael Skov ซีอีโอของ Hafnia กล่าว “ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริการที่ใหญ่ที่สุดในประเภทนี้ ที่นำโดยผู้ใช้เชื้อเพลิงรายใหญ่สองราย เรามุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพและจัดการกับความท้าทายในอุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราในภาคส่วนการเดินเรือ”

บริษัทร่วมทุนจะใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุด และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของความเชี่ยวชาญในการพัฒนากฎระเบียบและเทคโนโลยีเชื้อเพลิงต่างๆ ในขั้นต้น Seascale Energy จะมีปริมาตรบังเกอร์เกือบแปดล้านเมตริกตัน และจะสานต่อความปรารถนาอันแรงกล้าในการเติบโตเพื่อเพิ่มขนาด

Seascale Energy จะเป็นเจ้าของร่วมกันและเท่าเทียมกันโดย Cargill และ Hafnia โดยหน่วยงานใหม่นี้จะถูกควบคุมร่วมกันและจะดำเนินงานภายใต้โครงสร้างซีอีโอคู่ (Olivier Josse, Cargill และ Peter Grünwaldt, Hafnia) ซึ่งการดำเนินธุรกิจนี้จะเริ่มในไตรมาสที่สองของปี 2025 ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบ

สมาชิกในทีมกว่า 25 คนจาก Cargill และ Hafnia จะดำเนินงานภายใต้ Seascale Energy จากสิงคโปร์ เจนีวา โคเปนเฮเกน และฮูสตัน

เกี่ยวกับ Cargill: Cargill มุ่งมั่นที่จะจัดหาอาหาร ส่วนผสม โซลูชั่นทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อหล่อเลี้ยงโลกด้วยวิธีที่ปลอดภัย รับผิดชอบ และยั่งยืน โดยเราเป็นหัวใจสำคัญของห่วงโซ่อุปทานที่ร่วมมือกับเกษตรกรและลูกค้าในการจัดหา ผลิต และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต

พนักงานประมาณ 160,000 คนของเราได้ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างมีเป้าหมาย โดยมอบสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตแก่ลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโต ชุมชนเจริญรุ่งเรือง และผู้บริโภคมีชีวิตที่ดี ด้วยประสบการณ์กว่า 160 ปีในฐานะบริษัทครอบครัว เรามองไปข้างหน้าในขณะที่ยังคงยึดมั่นในค่านิยมของเรา เราให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก เราเข้าถึงได้สูงขึ้น เราทำสิ่งที่ถูกต้อง ในวันนี้และสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ Cargill.com และศูนย์ข่าวของเรา

เกี่ยวกับ Hafnia: Hafnia เป็นบริษัทเรือบรรทุกน้ำมันชั้นนำระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันและเคมีภัณฑ์ ในฐานะหนึ่งในเจ้าของและผู้ดำเนินการเรือบรรทุกน้ำมันรายใหญ่ที่สุด Hafnia เป็นเจ้าของและบริหารจัดการกองเรือที่ทันสมัยกว่า 200 ลำในเชิงพาณิชย์ เพื่อให้มั่นใจถึงโซลูชั่นการขนส่งที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และมีความรับผิดชอบ Hafnia ได้นำเสนอแพลตฟอร์มการขนส่งแบบครบวงจร รวมถึงการจัดการด้านเทคนิค บริการเชิงพาณิชย์และการเช่าเหมาลำ การจัดการสระว่ายน้ำ และโต๊ะบังเกอร์ขนาดใหญ่

ด้วยความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ความยั่งยืน และนวัตกรรม Hafnia ได้ให้บริการลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงบริษัทน้ำมันรายใหญ่ระดับชาติและระดับนานาชาติ บริษัทเคมีภัณฑ์ ตลอดจนบริษัทการค้าและสาธารณูปโภค โดย Hafnia มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ ดำเนินงานโดยมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าเพื่อกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ โดยได้รับแรงหนุนจากค่านิยมหลักของความร่วมมือ ความทะเยอทะยาน ความน่าเชื่อถือ และความยั่งยืน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54203833/en

Contacts

การสอบถามสำหรับสื่อ :

Cargill: Nicole Marlor (ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสัมพันธ์และการสื่อสารในภาวะวิกฤตในภูมิภาค APAC, EMEA และ LATAM), nicole_marlor@cargill.com

Hafnia: Sheena Williamson-Holt (หัวหน้าฝ่ายสื่อสารและการสร้างแบรนด์), swh@hafnia.co

ที่มา: Cargill

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวระบบนำทางไร้ GPS รุ่นใหม่และระบบควบคุมการบินที่ปลอดภัยเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยด้านการบิน

Logo

VentureOne และ ADASI ร่วมมือกันบูรณาการเทคโนโลยีการบินอัตโนมัติขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดย TII – เปิดตัว Perceptra และ Saluki ที่งาน IDEX 2025

ABU DHABI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–18 กุมภาพันธ์ 2025

เนื่องจากเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้สองแบบผลักดันให้เกิดการลดขนาดมากขึ้นทั่วโลก ADASI ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตระบบ UAV จึงได้ประกาศนำเทคโนโลยีการบินอัตโนมัติขั้นสูงสองรายการมาใช้โดย VentureOne จาก Abu Dhabi นั่นคือ Perceptra ซึ่งเป็นเทคโนโลยีนำทางไร้ GPS ที่ล้ำสมัยใหม่ล่าสุด และ Saluki ซึ่งเป็นเทคโนโลยีควบคุมการบินที่มีความปลอดภัยสูงสำหรับระบบอัตโนมัติ

UAE Launches Next-Gen GPS-Less Navigation and Secure Flight Control to Strengthen Aviation Security (Photo: AETOSWire)

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวระบบนำทางไร้ GPS รุ่นใหม่และระบบควบคุมการบินที่ปลอดภัยเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยด้านการบิน (ภาพ: AETOSWire)

เทคโนโลยีทั้งสองนี้ได้รับการพัฒนาโดยสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีและได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ปฏิบัติการอย่างปลอดภัยและยืดหยุ่นในสภาพแวดล้อมที่มีความท้าทายสูง เทคโนโลยีเหล่านี้ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับผู้ผลิต UAV โดยให้ความยืดหยุ่น ความแม่นยำ และความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นสำหรับการปฏิบัติการทางอากาศอัตโนมัติ ข้อตกลงระหว่าง VentureOne, ADASI และ TII ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในงาน IDEX 2025 ซึ่งเป็นนิทรรศการด้านการป้องกันประเทศที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ซึ่งได้มีการเปิดตัว Saluki และ Perceptra

เทคโนโลยี Global Positioning System (GPS) ถือเป็นเสาหลักที่สำคัญของระบบนำทางมาช้านาน โดยรองรับการใช้งานตั้งแต่การใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันไปจนถึงการป้องกันประเทศและการปฏิบัติการทางทหารที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม การพึ่งพา GPS อย่างแพร่หลายนี้ทำให้มีช่องโหว่ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ผ่านเทคนิคต่างๆ เช่น การรบกวนสัญญาณและการปลอมแปลง การรบกวนสัญญาณเกิดขึ้นเมื่อสัญญาณในความถี่เดียวกันล้นเครื่องรับ GPS ทำให้ไม่สามารถติดตามตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ ในขณะที่การปลอมแปลงเกี่ยวข้องกับการส่งสัญญาณปลอมเพื่อหลอกเครื่องรับให้คำนวณตำแหน่งหรือเวลาที่ไม่ถูกต้อง ช่องโหว่เหล่านี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่สำคัญในทุกภาคส่วนที่ต้องพึ่งพาการนำทางที่แม่นยำ รวมถึงโดรนไร้คนขับ การบินพาณิชย์ และเครื่องบินทหาร

ในการป้องกันประเทศและความปลอดภัย สัญญาณ GPS ที่ถูกบุกรุกอาจส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของภารกิจและความปลอดภัยของบุคลากร ในขณะที่ในด้านการบิน ข้อผิดพลาดในการนำทางอาจทำให้เส้นทางการบินเบี่ยงเบนและเกิดการหยุดชะงักในการปฏิบัติงาน ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้ภาคการบินและหน่วยงานกำกับดูแลระหว่างประเทศ เช่น IATA และ EASA ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลของยุโรป กำลังแสวงหาวิธีแก้ไขอย่างเร่งด่วนสำหรับการรบกวนสัญญาณ GPS ตามรายงานฉบับหนึ่งรายงานจาก Reuters ในปี 2024

สำหรับระบบอัตโนมัติ เช่น โดรนและยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หากไม่สามารถรักษาตำแหน่งที่แม่นยำได้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหรือมีความเสี่ยงสูง ตั้งแต่การบินไปจนถึงการป้องกันประเทศ เนื่องจากการใช้ระบบที่ขึ้นอยู่กับ GPS ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความต้องการโซลูชันการนำทางแบบทางเลือกที่ยืดหยุ่นจึงมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น Perceptra และ Saluki เอาชนะความท้าทายมากมายในปัจจุบันด้วยการนำทางตามวิสัยทัศน์ขั้นสูงซึ่งมอบประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้และยืดหยุ่น

Dr. Najwa Aaraj, CEO ของ TII กล่าวว่า “Perceptra ซึ่งมีขีดความสามารถในการไม่ต้องใช้ GPS และ Saluki ซึ่งมีสถาปัตยกรรม Zero Trust ที่ซับซ้อน ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในระบบนำทางอัตโนมัติที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงหลายภาคส่วน ตั้งแต่การสนับสนุนการเดินทางที่ปลอดภัยในเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ ภารกิจค้นหาและกู้ภัยด้วยการนำทางที่แม่นยำ ไปจนถึงการทำให้การขนส่งโดยใช้โดรนในเมืองมีประสิทธิภาพสำหรับการจัดส่งในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น เทคโนโลยีเหล่านี้มีการใช้งานจริงในวงกว้าง ความสามารถในการปรับตัวยังทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้มีคุณค่าอย่างยิ่งในการป้องกันประเทศ ช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยสำหรับการปฏิบัติการและยืดหยุ่นแม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายที่สุด ความร่วมมือนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงแบบใช้งานได้สองแบบที่ตอบสนองความต้องการของทั้งพลเรือนและการป้องกันประเทศ ขณะเดียวกัน เสริมให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำในระบบอัตโนมัติรุ่นต่อไป”

Perceptra เป็นระบบที่ใช้การมองเห็น โดยสามารถช่วยให้การนำทางมีความน่าเชื่อถือโดยไม่ต้องใช้ GPS ช่วยให้แพลตฟอร์มทางอากาศสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่มี GNSS ได้ ระบบนี้มีคุณสมบัติการล็อกภาพใหม่ ข้อผิดพลาดในการนำทางต่ำ และบูรณาการได้ง่ายบนแพลตฟอร์มต่างๆ สำหรับการข่าวกรอง การเฝ้าระวัง การลาดตระเวน และสงครามอิเล็กทรอนิกส์

Saluki คือตัวควบคุมการบินและคอมพิวเตอร์ในการดำเนินภารกิจอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงพร้อมสถาปัตยกรรม Zero Trust ด้วยความเข้ากันได้กับ PX4 ความสามารถของ Gen AI และพลังประมวลผล 300 TOPS จึงรองรับการจัดการยานพาหนะหลายคันสำหรับการใช้งานด้านการป้องกันที่สำคัญต่อภารกิจ

“ที่ ADASI เราผสานรวมเฉพาะเทคโนโลยีขั้นสูงที่พิสูจน์แล้วในภาคสนามเท่านั้น เพื่อให้แน่ใจว่าโดรนของเราทำงานได้อย่างแม่นยำ ทนทาน และปลอดภัยอย่างไม่มีใครเทียบได้ แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงที่สุด” Juma Al Kaabi, CEO ของ ADASI กล่าว “Perceptra และ Saluki มาพร้อมคุณสมบัติที่โดรนรุ่นต่อไปต้องการอย่างแท้จริง นั่นคือ การนำทางที่ปลอดภัย ไม่ขึ้นกับ GPS และการควบคุมภารกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI”

“VentureOne มุ่งมั่นเพื่อการวิจัยที่ล้ำสมัยเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม” Reda Nidhakou รักษาการ CEO ของ VentureOne กล่าว “Saluki และ Perceptra เป็นเพียงสองนวัตกรรมใหม่จากหลาย ๆ นวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการปฏิบัติการโดรนในภาคส่วนต่าง ๆ จะมีความยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น โดยเริ่มจากการป้องกันประเทศ เรากำลังเตรียมการเพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอความปลอดภัยและการบินอัตโนมัติที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการปฏิบัติการโดยใช้โดรนในอนาคต”

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว TII ได้ประกาศเกี่ยวกับความร่วมมือกับสำนักงานการบินพลเรือนทั่วไป (GCAA) เพื่อสนับสนุนความพยายามด้านกฎระเบียบโดยการพัฒนาวิธีการขั้นสูงสำหรับการออกแบบทางเดินอากาศ วิธีการเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางการบินและลดความเสี่ยงของเหตุการณ์ทางอากาศในพื้นที่อากาศที่ซับซ้อนในเมือง เพื่อให้แน่ใจว่าการนำทางของโดรนแท็กซี่ทั้งแบบมีนักบินและแบบไร้คนขับมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ Perceptra และ Saluki จะช่วยเสริมวิสัยทัศน์ของ Abu Dhabi ในการเป็นผู้นำด้านระบบนำทางรุ่นต่อไปและระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

VentureOne และ TII เป็นส่วนหนึ่งของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ซึ่งดูแลระบบนิเวศการวิจัยและพัฒนาของ Abu Dhabi เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงซึ่งมีผลกระทบต่อระดับโลก ADASI เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม EDGE ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและการป้องกันประเทศ

แหล่งข้อมูล: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54208729/en

Contacts

 Amy Robertson
+971 504788319

ที่มา: VentureOne

ROSHN Group เปิดตัวการขายสำหรับ ALMANAR ชุมชนบูรณาการเต็มรูปแบบแห่งแรกในมักกะห์ อัล มุการ์รามะฮ์

Logo

  • ALMANAR จะนำการใช้ชีวิตในชุมชนแบบบูรณาการของ ROSHN มาสู่มักกะห์ อัล มุการ์รามะฮ์ โดยนำเสนอบ้านใหม่มากกว่า 700 หลังสำหรับการขายในชุดแรก
  • ด้วยบ้านหลากหลายสไตล์ที่ตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเดินไปยังสิ่งอำนวยความสะดวกสำคัญต่างๆ ได้ ALMANAR รับรองว่าผู้พักอาศัยจะได้รับความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ริยาด ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2025

ROSHN Group ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ชั้นนำของซาอุดีอาระเบียและบริษัท PIF ได้เปิดตัวการขายชุดแรกสำหรับ ALMANAR ซึ่งเป็นชุมชนแห่งแรกในมักกะห์ โดย ALMANAR ได้นำเสนอวิถีชีวิตใหม่ ผสมผสานกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญรวมถึงไลฟ์สไตล์ต่างๆ โดยตั้งอยู่ในเขตอัลฮารามที่ห่างจากมัสยิดอัลฮารามเพียง 20 นาที และ ALMANAR จะขยายโครงการต่างๆ ของ ROSHN ไปทั่วราชอาณาจักร

ROSHN Group launches sales for ALMANAR, its first fully integrated community in Makkah Al-Mukarramah (Photo: AETOSWire)

ROSHN Group เปิดตัวการขายสำหรับ ALMANAR ชุมชนบูรณาการเต็มรูปแบบแห่งแรกในมักกะห์ อัล มุการ์รามะฮ์ (ภาพ: AETOSWire)

โดย ALMANAR นำเสนอการขายครั้งแรกด้วยบ้านเดี่ยว 727 หลังในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ทาวน์เฮาส์ 3 ถึง 4 ห้องนอน และดูเพล็กซ์ ไปจนถึงวิลล่า 4 ถึง 5 ห้องนอน รวมถึงวิลล่า C10 ที่ใหญ่ที่สุดของ ROSHN Group โดยบ้านทุกหลังใน ALMANAR มีห้องครัวทันสมัยพร้อมสีสันที่เข้ากันรวมถึงที่จอดรถที่ร่มรื่นและสะดวกสบาย โดยลูกค้าสามารถเยี่ยมชมวิลล่าตัวอย่างของ ALMANAR ได้ที่ศูนย์การขายในสถานที่จริง

ชุมชน ALMANAR ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่ติดกับประตูมักกะห์ ห่างจากมัสยิดอัลฮารามเพียง 20 นาที และห่างจากสนามบินนานาชาติ King Abdulaziz ในเมืองเจดดาห์ไม่ถึง 1 ชั่วโมง โดยชุมชน ALMANAR มีพื้นที่สีเขียวขจีเป็นศูนย์กลาง และมีพื้นที่สาธารณะเปิดโล่งมากกว่า 18% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่ง ALMANAR ได้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนแบบไดนามิก และส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดีและกระตือรือร้นด้วยเส้นทางเฉพาะสำหรับการเดินและปั่นจักรยาน

ชุมชนแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายและมีชีวิตชีวาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการพัฒนาของ ROSHN Group ที่เข้าถึงได้ง่ายจากทุกบ้านบนถนนที่มีคนเดินได้ รวมถึงศูนย์ขายปลีกและศูนย์การค้า โรงเรียน และมัสยิดในท้องถิ่นและมัสยิดจูมาห์ โดยชุมชน ALMANAR ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยมที่ประตูตะวันตกของมักกะห์ ระหว่างทางด่วนเก่าและใหม่ที่เชื่อมระหว่างเมืองกับเจดดาห์ที่เชื่อมต่อกันได้อย่างดีเยี่ยม

ชุมชน ALMANAR ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิภาค โดยบ้านมีสไตล์สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมและการประดับตกแต่งที่ทำจากวัสดุสมัยใหม่ที่ถ่ายทอดแก่นแท้และมรดกของภูมิภาคได้อย่างสวยงาม โดยความยั่งยืนยังเป็นหัวใจสำคัญของชุมชน ALMANAR ด้วยบ้านที่ให้การอนุรักษ์พลังงานและน้ำอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมด้วยเทคโนโลยีประหยัดพลังงานชั้นนำของอุตสาหกรรม รวมถึงฉนวนกันความร้อนที่ทันสมัย ​​และเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ

Dr. Khalid Johar รักษาการซีอีโอของ ROSHN Group กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้นำวิสัยทัศน์ของเราเกี่ยวกับวิถีชีวิตใหม่มาสู่มักกะห์เป็นครั้งแรก โดยนำเสนอมาตรฐานสูงสุดสำหรับชุมชนที่มีชีวิตชีวาและบูรณาการที่หน้าประตูเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยทุกคน ด้วยชุมชน ALMANAR เราให้เกียรติการออกแบบสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าของภูมิภาคในขณะที่โอบรับธรรมชาติ ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีโอกาสโอบรับวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี การเปิดตัวชุมชน ALMANAR ชุดแรกเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นซึ่งตอบสนองความต้องการและความปรารถนาที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัยในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายวิสัยทัศน์ 2030 สำหรับการเป็นเจ้าของบ้านและคุณภาพชีวิตที่ดี”

*ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54208053/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Abeer Alqahtani
aalqahtani@apcoworldwide.com

ที่มา: ROSHN Group

Flowchem เสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมผู้นำ ด้วยการแต่งตั้ง COO ทีมเทคโนโลยี และคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอาวุโสในอุตสาหกรรม

Logo

ฮูสตัน–(BUSINESS WIRE)–13 กุมภาพันธ์ 2025

Flowchem (“Flowchem” หรือ “บริษัท”) และ SCF Partners (“SCF”) มีความยินดีที่จะประกาศการเพิ่มบุคลากรจำนวนมาก Flowchem คือบริษัทชั้นนำระดับโลกในตลาดสารลดแรงต้าน (“DRA”) โดยรับจัดหาสารเคมีพิเศษที่ออกแบบตามกำหนด เพื่อช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะสมที่สุด การแต่งตั้งครั้งสำคัญเหล่านี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมผู้บริหารที่มีอยู่แล้วในช่วงเวลาที่บริษัทเข้าซื้อกิจการในปี 2024 ซึ่งจะทำให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเติบโตอย่างได้ต่อเนื่องและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม

  •  Shivali Agarwal ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (“COO”) Shivali มีประสบการณ์การทำงานในอุตสาหกรรมมาหลายสิบปีในตำแหน่งต่างๆ ทั่วโลก โดยล่าสุดดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปกลุ่มระบบการผลิตที่ SLB (NYSE:SLB) Shivali สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก Harvard Business School และปริญญาโทวิทยาศาสตร์สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาวิศวกรรมเคมีจาก Birla Institute of Technology & Science ในเมืองปิลานี ประเทศอินเดีย
     
  •  Flowchem ได้เสริมความแข็งแกร่งทีมเทคโนโลยีของตนด้วยการจ้างงานด้านเทคนิคที่สำคัญหลายตำแหน่ง ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ Dr. Lu-Chien Chou เป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับในสาขานี้ โดยเป็นผู้นำการวิจัย DRA อันล้ำสมัยที่ Baker Hughes (NASDAQ:BKR) และผู้ให้บริการ DRA รายอื่นๆ John Stephens เข้าร่วม Flowchem หลังจากมีประสบการณ์หลายสิบปีในงานวิจัย การพัฒนา และการผลิตสารเคมีในอุตสาหกรรม รวมถึงที่ Siege Engineering และ PPG Industries (NYSE:PPG) ผู้นำด้านวิทยาศาสตร์เหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่า Flowchem ยังคงอยู่ในแถวหน้าของเทคโนโลยี DRA ในขณะเดียวกันก็รักษาคุณภาพและประสิทธิภาพระดับชั้นนำของอุตสาหกรรมในการลดต้นทุนและการปล่อยมลพิษสำหรับลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ
     
  •  บริษัทได้รวบรวมคณะกรรมการบริหารชั้นนำ ที่ประกอบด้วยผู้นำระดับสูงในอุตสาหกรรมที่มีประสบการณ์ด้านพลังงานและสารเคมี:
     
    •  Cris Gaut (ประธาน) – ประธานและอดีต CEO ของ Forum Energy Technologies (NYSE:FET); อดีต CFO ของ Halliburton (NYSE:HAL); อดีต CFO และประธานร่วมของ Ensco International
       
    •  Joe Blount – อดีตประธานและ CEO ของ Colonial Pipeline; อดีต CEO ของ Century Midstream LLC; อดีตนายกสมาคมท่อส่งน้ำมัน (AOPL)
       
    •  Scott Rogan – CFO ของ Eagle LNG Partners; อดีตรองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรของ Targa; อดีตหุ้นส่วนและหัวหน้าฝ่ายการลงทุนธุรกิจกลางน้ำของ Energy Capital Partners
       
    •  Chris Oversby – อดีต CEO ของ Optum Energy Solutions ซึ่งเป็นธุรกิจเทคโนโลยี DRA; อดีตผู้บริหารด้านเคมีภัณฑ์ที่ Baker Hughes, Clariant & Univar
       
    •  Sean Rice – หุ้นส่วนผู้จัดการของ SCF Partners
       
    •  Dan West – กรรมการผู้จัดการของ SCF Partners

Jon Blair CEO ของ Flowchem ให้ความเห็นว่า “ผมมีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง Shivali Agarwal ให้เป็น COO โดย Shivali เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมประวัติความสำเร็จที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว ความเชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการของเธอจะช่วยส่งเสริมความพยายามของเราให้ก้าวไปข้างหน้า ทีมเทคโนโลยีและคณะกรรมการบริหารเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งขึ้นของเราจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงโซลูชัน DRA ของเราและช่วยเพิ่มมูลค่าที่เราจะมอบให้กับลูกค้าทั่วโลก”

Dan West กรรมการผู้จัดการของ SCF Partners กล่าวว่า “ทีมงานของเราที่ Flowchem ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างมากในการสร้างมูลค่าให้ทั้งลูกค้าและผู้ถือหุ้น โดยทำให้การดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานมีความปลอดภัยมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการปล่อยมลพิษลง เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เพิ่มผู้นำคนสำคัญเหล่านี้เพื่อเสริมสร้างและเร่งการเติบโตของบริษัท”

เกี่ยวกับ Flowchem, Val-Tex และ Sealweld

Flowchem เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำของสารลดแรงลาก (“DRA”) ซึ่งปรับการไหลของท่อให้เหมาะสมและเพิ่มกำลังการผลิต การใช้ Flowchem DRA ช่วยให้ผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกสามารถลดการใช้พลังงานในการดำเนินการสูบน้ำ ซึ่งช่วยลดทั้งต้นทุนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้อง และเพิ่มผลกำไรโดยรวมของการดำเนินงานด้านโครงสร้างพื้นฐานให้สูงสุด Flowchem ให้บริการคำปรึกษาเกี่ยวกับการไหลและโซลูชันแบบครบวงจรสำหรับการใช้งานท่อทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.flowchem-dra.com

Val-Tex ก่อตั้งขึ้นในปี 1962 เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาวาล์วคุณภาพสูงชั้นนำของอุตสาหกรรม เช่น สารซีลแลนท์ น้ำมันหล่อลื่น ข้อต่อ และอุปกรณ์ฉีด ความมุ่งมั่นอันยาวนานของ Val-Tex ในด้านความเป็นเลิศของผลิตภัณฑ์และความพึงพอใจของลูกค้าได้รับความไว้วางใจและคำแนะนำจากผู้ผลิตวาล์วชั้นนำของโลก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.valtex.com

Sealweld มอบผลิตภัณฑ์และบริการดูแลวาล์วคุณภาพเยี่ยมมาตั้งแต่ปี 1969 โดยมุ่งเน้นที่การลดและขจัดการรั่วไหลของวาล์วในท่ออย่างปลอดภัย ประสบการณ์หลายสิบปีและการพัฒนาโซลูชันที่ใช้งานได้จริงทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ดูแลวาล์วประสิทธิภาพสูงที่เหมาะกับท่อส่งก๊าซหรือของเหลว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.sealweld.com

เกี่ยวกับ SCF Partners

SCF ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 โดยให้บริการเงินทุนและความช่วยเหลือด้านการเติบโตเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างและขยายบริษัทด้านบริการพลังงาน อุปกรณ์ และเทคโนโลยีชั้นนำที่ดำเนินงานทั่วโลก SCF ได้ลงทุนในบริษัทแพลตฟอร์มมากกว่า 80 แห่งและเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมมากกว่า 400 แห่งเพื่อพัฒนาบริษัทด้านบริการพลังงานและอุปกรณ์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 18 แห่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส และมีสำนักงานในเมืองคาลการี อเบอร์ดีน และออสเตรเลีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.scfpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Paul Bateman
(713) 227-7888
pbateman@scfpartners.com

ที่มา: Flowchem

ผู้ปกครองเมืองราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า “วิทยาศาสตร์เป็นรากฐานที่ช่วยให้เราสร้างอนาคตที่ยั่งยืน” ในระหว่างการปราศรัยเปิดงาน การประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูงครั้งที่ 16

Logo

 ชีค ซาอุด บิน ซัคร์ อัล กาซิมี:

  • 'ราสอัลไคมาห์มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และมีส่วนสนับสนุนการสนทนาในระดับโลกเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูง

ราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2025

ชีค ซาอุด บิน ซัคร์ อัล กาซิมี สมาชิกสภาสูงสุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผู้ปกครองเมืองราสอัลไคมาห์ กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานในวันแรกของการประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติเรื่องวัสดุขั้นสูง (IWAM) ที่จัดขึ้นเป็นระยะเวลาสามวัน โดยพระองค์ได้กล่าวถึงวิทยาศาสตร์ที่เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น รวมถึงวิธีที่ราสอัลไคมาห์มุ่งมั่นต่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์

His Highness Sheikh Saud bin Saqr Al Qasimi, UAE Supreme Council Member and Ruler of Ras Al Khaimah, delivering the opening keynote address at the International Workshop on Advanced Materials today (Photo: AETOSWire)

ชีค ซาอุด บิน ซัคร์ อัล กาซิมี สมาชิกสภาสูงสุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผู้ปกครองเมืองราสอัลไคมาห์ กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานการประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูงวันนี้ (ภาพ: AETOSWire)

ชีค ซาอุด กล่าวว่า “การเป็นเจ้าภาพงาน IWAM ประจำปีนี้ แสดงให้เห็นว่า ราสอัลไคมาห์มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และมีส่วนร่วมในการสนทนาในระดับโลกเกี่ยวกับวัสดุขั้นสูง”

“ด้วยการพัฒนาวัฒนธรรมแห่งการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์และการลงทุนในวัสดุขั้นสูง เรากำลังวางรากฐานสำหรับวันพรุ่งนี้ที่สดใสยิ่งขึ้น ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการวิจัยวัสดุขั้นสูงนั้นจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการปฏิวัติการผลิตพลังงาน การขนส่ง รวมถึงการผลิตต่างๆ”

วิทยาศาสตร์คือการแสวงหาความรู้อย่างเป็นระบบและมีเป้าหมาย เป็นเสมือนเลนส์ที่เราใช้ตรวจสอบจักรวาล กล่าวเสริมโดยชีค ซาอุด

“วิทยาศาสตร์จะต้องเป็นรากฐานที่เราใช้สร้างอนาคตที่ยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองต่างๆ โดยคนรุ่นใหม่ของเรานั้นจะมีบทบาทอย่างแข็งขันในการแสวงหาความรู้ของเราต่อไป” ชีค ซาอุด กล่าวสรุป

IWAM จัดขึ้นเป็นปีที่ 16 แล้ว โดยรวมผู้เข้าร่วมกว่า 200 รายจาก 20 ประเทศ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ นักศึกษา และวิทยากรต่างๆ เพื่อการบรรยาย การอภิปราย และจัดแสดงโปสเตอร์เกี่ยวกับวิธีที่วัสดุขั้นสูงมีส่วนช่วยกำหนดทิศทางของอนาคต

ฟอรั่มดังกล่าวมีนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงเข้าร่วม อาทิเช่น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และออกซ์ฟอร์ด (สหราชอาณาจักร) และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียและสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) (สหรัฐอเมริกา)

ในงาน IWAM ยังให้เหล่านักวิทยาศาสตร์มอบรางวัลให้แก่นักศึกษาผู้ชนะการแข่งขัน Ras Al Khaimah Innovation and Sustainability Challenge ซึ่งประกอบด้วยการแข่งขัน 7 รายการเพื่อพัฒนาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมเพื่อรับมือกับความท้าทายในชีวิตจริง

นอกจากนี้ ยังมีเซสชั่นทางวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมปลายในระหว่างการประชุม IWAM อีกด้วย ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์จะไปเยี่ยมชมบริษัทต่างๆ ในราสอัลไคมาห์ เพื่อเน้นย้ำถึงวิธีการใช้วัสดุขั้นสูงในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต

โดยงาน IWAM นี้ได้รับการสนับสนุนจาก Stevin Rock จากราสอัลไคมาห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเหมืองหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 80 ล้านตันต่อปี

*ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54208079/en

Contacts

Steven McCombe
media@rakmediaoffice.ae

ที่มา: Ras Al Khaimah Government Media Office

Thai Herald

Thai Herald