Huawei เสนอโซลูชันที่เน้นนวัตกรรม F5.5G เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการบรรลุการเติบโตของธุรกิจใหม่

Logo

กรุงเทพฯ ประเทศไทย–(BUSINESS WIRE)–4 พฤศจิกายน 2022

ในการประชุมสุดยอด Green All-Optical Network ของ Ultra-Broadband Forum (UBBF 2022) ครั้งที่ 8 Kim Jin รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ออปติคัลของ Huawei ได้กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ “นวัตกรรมที่มุ่งเน้น F5.5G ขับเคลื่อนการเจริญเติบโต” ในการบรรยาย Kim Jin ได้อธิบายถึงโอกาสและความท้าทายในด้านการสื่อสารด้วยแสงในระหว่างการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้กับทุกภาคส่วนของธุรกิจทั่วโลก อีกทั้งเขายังนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมที่สำคัญของ Huawei เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จทางธุรกิจในตลาดภายในประเทศและองค์กรในช่วงวิวัฒนาการสู่ F5.5G นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ทั้งอุตสาหกรรมคว้าโอกาสแห่งยุคดิจิทัล เริ่มปรับใช้โซลูชันที่เป็นนวัตกรรม และเปิดรับการเติบโตใหม่ในอุตสาหกรรมการสื่อสาร

 Kim Jin รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ออปติคัลของ Huawei ci5.googleusercontent.com/proxy/2-ff8iT0alAZZivS2F–sgIZZgw1MP6hArNF29Nm4Ej8u8v5WfgOMAnzkq1JToAZNsuk7MkEC01bpUnoeSJcXQT2Bp41VDrCp_1vyStm4SMA0xhA-TzCf3I-Kija=s0-d-e1-ft#https://mms.businesswire.com/… ” />

Kim Jin รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ออปติคัลของ Huawei (ภาพ: Business Wire)

เนื่องจากการพัฒนาของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมแบบดั้งเดิมนั้นช้าลง จึงจำเป็นต้องมีจุดที่ทำให้เติบโตใหม่ อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของอุตสาหกรรมโฮมบรอดแบนด์ทั่วโลกยังไม่ได้รับการปลดปล่อยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความครอบคลุมบรอดแบนด์ภายในบ้านและประสบการณ์เครือข่ายภายในบ้าน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมจะครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นสำหรับการเติบโตของตลาดโทรคมนาคม การบริการสำหรับบ้านและองค์กรระดับพรีเมียมคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 10% ทุกปีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อเทียบกับฉากหลังนี้ การเตรียมความสามารถของเครือข่ายล่วงหน้าจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ให้บริการในการคว้าโอกาสทางดิจิทัลในคลื่นลูกถัดไป ด้วยเหตุนี้ Huawei จึงได้พัฒนาโซลูชันการสร้างเครือข่าย CO+X ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ FTTR สำหรับโซลูชันภายในบ้าน โซลูชัน Super Site แบบออปติคัลทั้งหมด โซลูชัน OptiX Alps-WDM และโซลูชันเครือข่ายแกนหลักแบบตาข่าย 3 มิติ 400G OXC เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จทางธุรกิจในอนาคต

โซลูชันการสร้างเครือข่าย CO+X: เร่งการปรับใช้บรอดแบนด์ประจำที่

เพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการเข้าถึงบริการบรอดแบนด์ประจำที่เพื่อให้บ้านแต่ละหลังได้รับความเร็วที่เร็วขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลง Huawei จึงได้พัฒนาโซลูชันการสร้างเครือข่าย CO+X ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ในโซลูชันนี้ OLT หลายสาขาได้ขยายจาก OLT ในห้องอุปกรณ์ CO ซึ่ง OLT ของสาขาเหล่านี้สามารถติดตั้งในตู้ข้างถนนหรือติดตั้งบนผนังหรือเสาได้ และสามารถจัดการในลักษณะบูรณาการได้ โซลูชันนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้นอย่างรวดเร็วโดยใช้ทรัพยากรห้องอุปกรณ์ CO น้อยลง เร่งการสร้างเครือข่าย FTTH อย่างมีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการก่อสร้างโดยรวมลง 23% นอกจากนี้ Huawei ได้เปิดตัวโซลูชัน DQ-ODN ที่ใช้โหมดการเชื่อมต่อล่วงหน้าเพื่อแทนที่โหมดการสร้างเครือข่ายแบบดั้งเดิมที่ไม่มีประสิทธิภาพซึ่งอาศัยการสไปซ์สายไฟเบอร์ โซลูชัน DQ-ODN เพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้าง 30% และลดต้นทุนการก่อสร้าง ODN ของผู้ให้บริการได้อย่างมาก

FTTR สำหรับโซลูชันภายในบ้าน: นิยามใหม่ของประสบการณ์โฮมบรอดแบนด์

ด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดโฮมบรอดแบนด์ การมอบประสบการณ์คุณภาพที่แตกต่างจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของผู้ให้บริการ Huawei ได้เปิดตัว FTTR นวัตกรรมสำหรับโซลูชันภายในบ้านที่ขยายเครือข่ายกิกะบิตไปยังห้องต่างๆ โดยใช้การเชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ออปติก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โซลูชันนี้ใช้ใยแก้วนำแสงแบบโปร่งใสที่ยืดหยุ่นเป็นพิเศษเพื่อขยายไปยังแต่ละห้องในบ้าน โดยให้สัญญาณ Wi-Fi ความเร็วสูงครอบคลุมในแต่ละห้อง ด้วยการควบคุมแบบรวมศูนย์และการประสานสัญญาณ Wi-Fi โซลูชันนี้ช่วยลดการรบกวน เพิ่มความเร็วในการโอนย้ายโรมมิ่ง และทำให้ได้รับประสบการณ์บรอดแบนด์กิกะบิตที่ราบรื่นทั่วทุกมุมของบ้าน

โซลูชัน Super Site แบบออปติคัลทั้งหมด: ปรับปรุงคุณภาพการเชื่อมต่อ

เพื่อให้บริการแก่องค์กรได้ดียิ่งขึ้น Huawei ได้พัฒนาโซลูชันการปรับใช้เว็บไซต์ร่วม OLT+OTN ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยโซลูชันนี้ Huawei ได้สร้างเครือข่ายการเข้าถึงแบบออปติคัล ODN เพื่อจัดเตรียมรูปแบบเครือข่ายสี่ประเภทในการเชื่อมต่อองค์กรขนาดใหญ่ องค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง องค์กรขนาดเล็กและขนาดไมโคร และบ้านตามลำดับ ผู้ให้บริการสามารถเลือกคุณภาพการเชื่อมต่อเฉพาะตามความต้องการของการบริการในสถานการณ์เฉพาะได้ โดยลด TCO ลงประมาณ 50% ซึ่งบนพื้นฐานของความครอบคลุมในทุกสถานการณ์ โซลูชันเส้นทางส่วนตัวของ OSU ยังสามารถใช้การเชื่อมต่อเส้นทางส่วนตัวระดับองค์กรที่รวดเร็วในโหมด end-to-end รองรับการปรับแบนด์วิดท์ตามความต้องการจาก 2 Mbps ถึง 100 Gbps และให้บริการเส้นทางการสื่อสารส่วนตัวที่ยืดหยุ่นและมีคุณภาพสำหรับองค์กรต่างๆ

โซลูชัน OptiX Alps-WDM: ทำให้เครือข่ายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

Huawei ยังได้เปิดตัวโซลูชัน OptiX Alps-WDM เพื่อจัดการกับความต้องการแบนด์วิดท์ที่ไม่สม่ำเสมอของเครือข่ายเมโทร ตลอดจนข้อกำหนดสำหรับการปรับแต่งทรัพยากรความยาวคลื่นที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โซลูชันนี้ใช้เทคโนโลยีทรัพยากรร่วมสำหรับความยาวคลื่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ด้วยเทคโนโลยีนี้ จำเป็นต้องมีส่วนประกอบน้อยลงในแต่ละโหนดการรวมกลุ่มของเมโทร และสามารถใช้ทรัพยากรความยาวคลื่นร่วมกันและปรับแต่งได้อย่างยืดหยุ่นระหว่างวงแหวนการเข้าถึงที่เชื่อมต่อ ด้วยวิธีนี้ สามารถจัดสรรแหล่งข้อมูลสำหรับการส่งได้อย่างยืดหยุ่น ลดต้นทุนการบำรุงรักษาเครือข่ายได้มากกว่า 20% อีกทั้งโซลูชันนี้ยังรองรับพัฒนาการที่ราบรื่นจาก 100G เป็น 400G

โซลูชันเครือข่ายแกนหลักแบบตาข่าย 3 มิติ 400G OXC: สร้างเครือข่ายแกนหลักแบบอัลตราบรอดแบนด์

ด้วยการถือกำเนิดของคลื่นดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ เครือข่ายจะต้องเผชิญกับการเพิ่มขึ้น 10 เท่าทั้งในด้านปริมาณการเชื่อมต่อและปริมาณการรับส่งข้อมูล เครือข่ายของผู้ให้บริการต้องมีความสามารถอันทรงพลังที่สร้างขึ้นล่วงหน้าเพื่อเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาต่อยอดธุรกิจในอุตสาหกรรม เพื่อจัดการกับความท้าทายนี้ Huawei ได้เปิดตัวโซลูชันเครือข่ายแกนหลักแบบตาข่าย 3 มิติ 400G พร้อมสเปกตรัมออปติคัลกว้างพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสเปกตรัมของไฟเบอร์ออปติก 50% และลดต้นทุนต่อบิตลง 30% โซลูชันนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการสร้างเครือข่ายแกนหลักที่มีแบนด์วิดท์สูงพิเศษและมีความน่าเชื่อถือสูง

ในงาน HUAWEI CONNECT ที่จัดขึ้นในเดือนกันยายนปีนี้ Huawei ได้เปิดตัวเอกสารข้อมูลชุด “Striding Towards the Intelligent World” ซึ่งรวมถึงเอกสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายออปติคัล F5.5G เอกสารนี้ชี้ให้เห็นทิศทางการพัฒนาในอนาคตและแนวโน้มเทคโนโลยีของเครือข่าย F5.5G โซลูชันนวัตกรรมที่สำคัญของ Huawei จะส่งเสริมวิวัฒนาการ F5.5 ของอุตสาหกรรมต่อไป Kim Jin กล่าวว่า “Huawei ยินดีที่จะทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรเพื่อก้าวไปสู่ ​​F5.5G และสร้างการเชื่อมต่อแบบออปติคัลที่แพร่หลายและ OTN เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเปิดรับการเติบโตรูปแบบใหม่”

ตั้งแต่วันที่ 27-28 ตุลาคมปีนี้ การประชุม Ultra-Broadband Forum (UBBF) ครั้งที่ 8 ซึ่งร่วมเป็นเจ้าภาพโดย UN Broadband Commission และ Huawei จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งการประชุมนี้รวบรวมผู้ประกอบการชั้นนำระดับโลก ผู้นำในอุตสาหกรรม หน่วยงานกำกับดูแล องค์กรมาตรฐาน พันธมิตรในอุตสาหกรรม และอื่น ๆ อีกมากมาย และมุ่งเน้นไปที่หัวข้อ “ก้าวสู่อัลตร้าบรอดแบนด์ 5.5G” โดยจะวิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจที่เครือข่ายอัลตราบรอดแบนด์นำมาสู่การพัฒนาบ้านและอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างละเอียดถี่ถ้วน และสำรวจวิวัฒนาการและทิศทางการพัฒนานวัตกรรมของอุตสาหกรรมเครือข่ายแบบประจำที่ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52955044/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Huawei, Rita Peng, +8613120012305, pengqiuyu1@huawei.com

Black & Veatch แต่งตั้ง Ruturaj Govilkar ให้เป็นผู้นำธุรกิจอินเดียในฐานะลูกค้ารุ่นใหม่ผู้มองหาโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดคาร์บอน ยั่งยืน และมีความยืดหยุ่น

Logo

เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย–(BUSINESS WIRE)–4 พฤศจิกายน 2022

Black & Veatch ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ ได้แต่งตั้ง Ruturaj Govilkar ให้เป็นผู้จัดการประจำประเทศและเป็นกรรมการผู้จัดการของอินเดีย เพื่อคุมการเติบโตของบริษัท เขาจะมาดูแลธุรกิจทุกด้านของ Black & Veatch ภายในประเทศ

ข่าวดังกล่าวเป็นไปตามคำมั่นสัญญามูลค่า 100 ล้านล้านรูปีของอินเดียเมื่อไม่นานมานี้ (ประมาณ 1.35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) คำมั่นที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในช่วง 25 ปีต่อจากนี้ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างงาน และสามารถพึ่งพาตนเองในด้านพลังงานภายในปี 2047 ด้วยผู้เชี่ยวชาญในประเทศที่มีมากกว่า 800 คนประจำอยู่ที่เมืองมุมไบและเมืองปูเน่ โดยทีมจะใช้ผลงานทั้งหมดในด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างระดับโลกของบริษัทในการมอบโซลูชันที่เข้ากับท้องถิ่นแบบผสานรวมสำหรับลูกค้าชาวอินเดีย

“มีนักพัฒนาชาวอินเดียรุ่นใหม่และธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และผลประโยชน์ที่ยั่งยืนมากขึ้นจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เริ่มตั้งแต่การปรับใช้โซลูชันด้านพลังงานใหม่ ไปจนถึงการออกแบบ การสร้างศูนย์ข้อมูลและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านอุตสาหกรรมและการประมวลผลอื่นๆ” กล่าวโดย Govilkar “การใช้ประโยชน์จากมาตรฐานและเทคโนโลยีระดับโลกขั้นสูงของ Black & Veatch ทำให้ลูกค้ามีโอกาสที่จะลดต้นทุนการดำเนินงาน ปรับปรุงให้น่าเชื่อถือและยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงตอบสนองความคาดหวังใหม่ๆ เพื่อผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าเดิม”

การดำเนินงานในอินเดียของ Black & Veatch ได้ให้โซลูชันโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าในอินเดีย ตลอดจนทรัพยากรด้านวิศวกรรมที่เชี่ยวชาญและมีคุณภาพสูงสำหรับโครงการ Black & Veatch ที่ส่งไปทั่วโลก

“Ruturaj นำประสบการณ์มากมายจากโครงการระดับนานาชาติในยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย และประสบการณ์จากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น น้ำมัน ก๊าซ น้ำ และพลังงาน” Hoe Wai Cheong ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch กล่าว “เขาเหมาะสมอย่างยิ่งกับตำแหน่งที่จะต้องแนะนำลูกค้าชาวอินเดียผู้กำลังสำรวจหาโอกาสต่างๆ อันเป็นผลมาจากเมกะเทรนด์ระดับโลก เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้า เชื้อเพลิงสะอาด การทำให้คาร์บอนเป็นศูนย์ การแปลงเป็นดิจิทัล และความยืดหยุ่น”

Govilkar ทำงานให้ Black & Veatch มาหลายบทบาทตั้งแต่ที่เข้ามาในปี 2010 เขามีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมวิศวกรรมและการก่อสร้างระดับโลก อีกทั้งยังสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมเคมีจากมหาวิทยาลัย Nagpur

คลิกที่นี่ เพื่อดาวน์โหลดรูปประกอบเสริม

ข้อความจากบรรณาธิการ:

• Black & Veatch ให้การสนับสนุนชุมชนในอินเดียมาตั้งแต่ปี 1969 และสืบทอดสิ่งต่างๆ มาจากหน่วยงานที่เข้าครอบครองก่อนหน้านี้ซึ่งมีความเป็นมาย้อนหลังนานขึ้นไปกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 800 คนจากสถานที่สองแห่งในอินเดียทำโครงการด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างทั่วโลกและภายในอินเดีย โครงการล่าสุดได้แก่ สถานีเติมก๊าซธรรมชาติแห่งแรกทางชายฝั่งตะวันออกของอินเดีย ซึ่งเป็นสถานีจัดเก็บและเติมก๊าซธรรมชาติแบบลอยน้ำแห่งแรกในรัฐคุชราตของอินเดีย และอีกโครงการคือการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ของ Adani Power โดยลดต้นทุนการดำเนินงานและการปล่อยมลพิษ

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม จัดซื้อ ให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมผลงานด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนซึ่งมีมานานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกด้วยการแก้ปัญหาเรื่องความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ในรูปแบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2021 มีมากกว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และทางโซเชียลมีเดีย

ติดต่อ

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com

แหล่งที่มา: Black & Veatch

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SMART Modular Technologies ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ DuraMemory ด้วยหน่วยความจำโพลไฟล์ต่ำรุ่นใหม่ DDR5 VLP ECC UDIMM

Logo

รายการผลิตภัณฑ์ที่ขยายใหม่นี้คือหน่วยความจำรุ่น DDR5 VLP UDIMM ที่ออกแบบมาสำหรับเบลดเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U ที่ใช้ในแอปพลิเคชันระบบเครือข่าย แอปพลิเคชันการคำนวณ และแอปพลิเคชันจัดเก็บข้อมูล

นครไทเปใหม่ ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–3 พฤศจิกายน 2022

SMART Modular Technologies, Inc. (“SMART”), หน่วยงานของ SGH (Nasdaq: SGH) และผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลชนิดไฮบริด, ชนิด Solid-state drives, และโซชูชันหน่วยความจำชั้นนำของโลกได้ประกาศออกมาวันนี้ว่าจะมีการเพิ่มรายการผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นโมดูลหน่วยความจำชนิด Unbuffered Dual In-Line รหัสการแก้ไขข้อผิดพลาด โพรไฟล์ต่ำ แรม DDR5 ขนาด 16GB และ 32GB (VLP ECC UDIMM) เสริมจากรายการผลิตภัณฑ์มอดูลหน่วยความจำโพลไฟล์ต่ำ (VLP) สำหรับเบลดเซิร์ฟเวอร์

SMART’s new DuraMemory DDR5 VLP ECC UDIMMs are designed for embedded 1U blade networking, telecom, compute and storage applications. (Photo: Business Wire)

DDR5 VLP ECC UDIMM หน่วยความจำรุ่นใหม่จาก DuraMemory ของ SMART ออกแบบมาเพื่อใช้ฝังในแอปพลิเคชันระบบเครือข่าย แอปพลิเคชันโทรคมนาคม แอปพลิเคชันการคำนวณ และแอปพลิเคชันการจัดเก็บข้อมูลบนเบลดเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U (ภาพ: Business Wire)

DDR5 VLP ECC UDIMM รุ่นใหม่จาก DuraMemory ของ SMART ออกแบบมาสำหรับเบลดเซิร์ฟเวอร์และระบบตัวล้อมเบลดเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U ที่ใช้ในแอปพลิเคชันระบบเครือข่าย แอปพลิเคชันโทรคมนาคม แอปพลิเคชันการคำนวณ และแอปพลิเคชันจัดเก็บข้อมูล ซึ่งได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพโดยการลดขนาดพื้นที่และใช้พลังงานน้อยลง  DDR5 VLP ECC UDIMM ออกแบบมาให้ตรงกับข้อมูลจำเพาะด้านความสูง ความหนาแน่น พลังงาน และประสิทธิภาพที่จำเป็นต่อการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันหน่วยความจำรุ่นใหม่ๆ

“CPU ในหน่วยความจำขนาด DDR5 รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวนี้ จะมีโมดูล DDR5 VLP หลากหลายแบบให้ลูกค้าได้เลือกสรรตามความต้องการเฉพาะตัวสำหรับเบลดเซิร์ฟเวอร์รุ่นต่างๆ ที่ใช้ในแอปพลิเคชัน Edge, IIoT และแอปพลิเคชันในตระกูลที่คล้ายกันนี้ โดยจะมีการประมวลผลข้อมูลที่จำเป็นตั้งแต่ต้นทาง” Arthur Sainio ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ DRAM ที่ SMART กล่าว

โมดูล DDR5 นี้จะมอบสถาปัตยกรรมการจัดการพลังงานและช่องทางการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น ใช้พลังงานน้อยลง ทำงานได้รวดเร็วขึ้น และสามารถเพิ่มความหนาแน่นให้สูงขึ้นได้เมื่อเทียบกับโมดูล DDR4 โดยที่โมดูลหน่วยความจำ VLP ECC UDIMM โพลไฟล์ต่ำของ SMART (ความสูง 18.75 มม.) นี้มอบพื้นที่การจัดวางโมดูลหน่วยความจำ DIMM แนวตั้งในพื้นที่เบลดเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U ได้และช่วยประหยัดพื้นที่ได้มาก รวมทั้งความจุความหนาแน่นที่สูงจะช่วยเพิ่มความจุหน่วยความจำได้สูงสุด 384GB ในระบบการคำนวณและการจัดเก็บข้อมูลของเบลดเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U ด้วยช่องเสียบสำหรับโมดูลหน่วยความจำ DIMM 12 ช่อง ปัจจุบันโมดูลนี้รองรับหน่วยความจำขนาด DDR5-4800 ขณะที่หน่วยความจำขนาด DDR5-5600 กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา

นอกจากนี้ SMART ยังมอบ VLP ECC UDIMM ที่ทนทานด้วยเกรดอุณหภูมิระดับอุตสาหกรรม (-40° ถึง +85°C) สำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U ที่ใช้ในแอปพลิเคชัน Edge และแอปพลิเคชันอื่นๆ อีกด้วย โดยสามารถใช้งานในสภาวะแวดล้อมที่หนาวหรือร้อนจัดได้อย่างไรกังวล SMART ยังมอบคุณสมบัติเพิ่มเติมด้วย อาทิ อุปกรณ์ต้านทานซัลเฟอร์ การเคลือบผิวแบบ Underfill และแบบ Conformal และคลิปการเก็บข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์จะทำงานได้ดีในทุกสภาพการณ์

VLP ECC UDIMM สำหรับแรม DDR5 ขนาด 16GB และ 32GB จาก SMART มีวางจำหน่ายแล้ว หากต้องการทราบข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคและวิธีสั่งซื้อ โปรดไปหน้าผลิตภัณฑ์ VLP UDIMM ที่ smartm.com

*รูปแบบของตัว “S” และ “SMART” เช่นเดียวกับ “SMART Modular Technologies” และ “DuraMemory” เป็นเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Modular Technologies, Inc. เครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอื่นๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับ SMART Modular Technologies

เป็นเวลากว่า 30 ปีมาแล้วที่ SMART Modular Technologies ได้ช่วยเหลือลูกค้าจากทั่วโลกด้วยการคำนวณที่ถูกต้องแม่นยำผ่านการออกแบบ พัฒนา และบรรจุภัณฑ์สุดล้ำสำหรับโซลูชันหน่วยความจำประสิทธิภาพสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ยืนยงของเรามีตั้งแต่เทคโนโลยีสุดล้ำในปัจจุบันไปจนถึงผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล DRAM และ Flash แบบมาตรฐานกับแบบดั้งเดิม เราคือผู้จัดหาโซลูชันจัดเก็บข้อมูลและโซลูชันหน่วยความจำที่ได้มาตรฐาน ทนทาน และปรับแต่งได้ตามความปรารถนาของลูกค้าเพื่อให้ตรงตามความต้องการของแอปพลิเคชันที่หลากหลายในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วนี้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52958418/en

ข้อมูลการติดต่อ

ติดต่อฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์
Arthur Sainio
ผู้อำนวยการการตลาดผลิตภัณฑ์ DRAM
SMART Modular Technologies
39870 Eureka Dr., Newark, CA 94583
+1 (510) 364-3647
arthur.sainio@smartm.com

ติดต่อฝ่ายสื่อ
APAC
Morris Yang
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
+886 (2) 7705 2770
apac@smartm.com

แหล่งข้อมูล: SMART Modular Technologies, Inc.

Ultra-Broadband 5.5G Bangkok Initiative เปิดตัวโดย กสทช. องค์กรอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ และ Huawei

Logo

กรุงเทพฯ ประเทศไทย–(BUSINESS WIRE)–2 พฤศจิกายน 2022

ระหว่างการประชุม Ultra-Broadband Forum (UBBF 2022) ครั้งที่ 8 โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอัลตราบรอดแบนด์ 5.5G ได้รับการเสนอร่วมกันโดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สมาคมบรอดแบนด์โลก (WBBA) TM Forum, Informa Tech, AIS, True, China Mobile International Limited (CMI), MTN GlobalConnect, Zain KSA, Telekom Malaysia, LightCounting และ Huawei เรียกร้องให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมทั้งหมดร่วมกันกำหนดทิศทางและมาตรฐานการพัฒนาอัลตราบรอดแบนด์ 5.5G และส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมโครงข่ายถาวร

Guests from standards organizations, industry organizations, operators, and Huawei participated in the initiative ceremony (Photo: Business Wire)

แขกจากองค์กรมาตรฐาน องค์กรอุตสาหกรรม ผู้ปฏิบัติงาน และ Huawei เข้าร่วมการประชุมโครงการริเริ่ม (ภาพ: Business Wire)

พลอากาศโท ดร.ธนพันธ์ ไรเจริญ กรรมาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ชี้ว่าการเชื่อมต่อแบบสองกิกะบิตเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อทำให้เกิดนวัตกรรมและการปรับปรุงประสิทธิภาพ ตลอดจนส่งเสริมความฉลาดทางสังคมและระดับชาติ ซึ่งที่จริงแล้ว “การสร้างการเชื่อมต่อและเชื่อมช่องว่างทางดิจิทัล” เป็นกลยุทธ์ของประเทศไทยในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ในปี 2021 ประเทศไทยได้เผยแพร่สมุดปกขาวของ Giga Thailand และกำหนดแผนพัฒนาในอีกห้าปีข้างหน้า ตอนนี้ แผนการของ “Giga Thailand” ได้กลายเป็นความจริงแล้ว พลอากาศโท ดร.ธนพันธ์ ไร่เจริญ เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมเดินหน้าต่อไปและเริ่มก่อสร้างเมืองสองกิกะบิตในปี 2023 เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางดิจิทัลในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

Gary Nugent ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Informa Tech กล่าวว่า “วิสัยทัศน์ของโลกอัจฉริยะและคำมั่นสัญญาของ 5.5G ที่ซึ่งมีศักยภาพของคลาวด์ AI และบรอดแบนด์ความเร็วสูงรวมกันเพื่อจัดการกับความท้าทายในอนาคตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เป็นเหมือนโลกใบหนึ่งที่คาดการณ์ ปรับแต่ง และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรอันมีค่าของเรา”

ในอุตสาหกรรมออปติคัล ETSI ได้ออกสมุดปกขาว F5G Advanced and Beyond ในเดือนกันยายนปีนี้ นอกเหนือจากการสรุปความสามารถของ F5G แล้ว สมุดปกขาวยังอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมในอนาคตที่มีต่อแบนด์วิดธ์ที่สูงขึ้น การเชื่อมต่อที่มากขึ้น ชาญฉลาดขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เรียลไทม์มากขึ้น และการตรวจจับที่แข็งแกร่งขึ้น

ในอุตสาหกรรมการสื่อสารข้อมูล บริษัทวิเคราะห์และที่ปรึกษา Omdia ได้เผยแพร่รายงานการวิจัยเกี่ยวกับแนวโน้มของเครือข่ายการสื่อสารข้อมูลสำหรับสมุดปกขาวปี 2030 ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งได้อธิบายความหมายแฝงหลักของเครือข่ายการสื่อสารข้อมูลในอนาคต Net5.5G และกำหนดคุณสมบัติหกประการ ได้แก่ อัลตราบรอดแบนด์สีเขียว เครือข่ายที่ได้รับการปรับปรุง IPv6 แบบ end-to-end AI เครือข่ายหลายโดเมน ฯลฯ สมุดปกขาวให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับทิศทางวิวัฒนาการของเครือข่ายในโลกดิจิทัล

Huawei เชื่อว่าการก้าวไปสู่อัลตราบรอดแบนด์ 5.5G จะต้องอาศัยความพยายามร่วมกันของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมทั้งหมด รวมถึงองค์กรมาตรฐาน หน่วยงานกำกับดูแล ผู้ปฏิบัติงาน และผู้จำหน่ายอุปกรณ์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมในด้านเทคโนโลยี เครือข่าย และระบบนิเวศ และสร้างความมั่งคั่งทางอุตสาหกรรมร่วมกัน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Huawei, Rita Peng, +8613120012305, pengqiuyu1@huawei.com

แหล่งข้อมูล: Huawei

Hytera เปิดตัวโครงการสรรหาพันธมิตรในเอเชียและแอฟริกา

Logo

SHENZHEN, China–(BUSINESS WIRE)–2 พฤศจิกายน 2022

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพ ได้เปิดตัวโครงการสรรหาพันธมิตรโดยเปิดรับบริษัทในประเทศแถบเอเชียและแอฟริกา

ในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในตลาดการสื่อสารระดับมืออาชีพ Hytera ขอเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมมากที่สุดกลุ่มหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย Digital Mobile Radio (DMR), Push-to-talk over Cellular (PoC) และวิทยุชุด Terrestrial Trunked Radio (TETRA) กล้องติดลำตัว และอุปกรณ์เสริม ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษในตลาดนี้ Hytera ได้ให้บริการแก่กลุ่มอุตสาหกรรมแนวดิ่งที่หลากหลาย รวมถึงความปลอดภัยสาธารณะ สาธารณูปโภค น้ำมันและก๊าซ การขนส่ง การรับมือเหตุฉุกเฉิน การบริการ การรักษาความปลอดภัยส่วนตัว และการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวก

โครงการใหม่นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อขยายเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกของ Hytera ซึ่งประกอบด้วยผู้จัดจำหน่าย ตัวแทนจำหน่าย ผู้วางระบบ และผู้ให้บริการเครือข่ายเคลื่อนที่ โครงการนี้จะเพิ่มแรงกระตุ้นให้กับการเติบโตของ Hytera โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียและแอฟริกา “ด้วยโครงการสรรหาพันธมิตรใหม่นี้ เรานำเสนอรายการผลประโยชน์สำหรับคู่ค้าช่องทางของ Hytera และพันธมิตรในอุตสาหกรรมแนวดิ่ง” กล่าวโดย Wilson Hu ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาช่องทางของ Hytera “แผนรองรับพันธมิตรของ Hytera ยังพร้อมให้ความช่วยเหลือพันธมิตรใหม่และเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรในตลาดที่มีอยู่ตลอดจนขยายไปสู่ตลาดใหม่”

โครงการนี้รวมถึงสิทธิประโยชน์ในด้านแรงจูงใจในการขาย เงื่อนไขทางการเงิน การตลาดร่วม บริการหลังการขาย และลีดที่ผู้ผลิตกำหนด นอกจากนี้ แผนรองรับพันธมิตรของ Hytera มีเป้าหมายเพื่อให้ธุรกิจมีความได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้นโดยทำให้มั่นใจว่าพันธมิตรแต่ละรายมีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานคุณภาพระดับโลก มาตรฐานระดับสูงนั้นมีความสำคัญสำหรับผู้ใช้การสื่อสารระดับมืออาชีพ เนื่องจากพวกเขาจะต้องสามารถพึ่งพาอุปกรณ์สื่อสารของพวกเขาเพื่อช่วยให้ปฏิบัติงานประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และปลอดภัยยิ่งขึ้น

การทำงานร่วมกับคู่ค้าช่องทางที่ดีที่สุดและพันธมิตรในอุตสาหกรรมถือเป็นหัวใจสำคัญของความสามารถของ Hytera ในการส่งมอบคุณค่าให้กับผู้ใช้ มีเพียงการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเท่านั้นที่สามารถทำให้ Hytera และพันธมิตรมั่นใจได้ว่าจะเป็นไปตามข้อกำหนดที่หลากหลายของการสื่อสารอย่างมืออาชีพ การผสมผสานผลิตภัณฑ์การสื่อสารคุณภาพสูงและการจัดหาบริการจาก Hytera จะทำให้พันธมิตรมีความได้เปรียบทางการแข่งขันที่จำเป็นในการเอาชนะใจลูกค้ารายอื่นและเร่งการเติบโตของธุรกิจ

นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Hytera เนื่องจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกสำหรับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลรูปแบบกายภาพเป็นรูปแบบดิจิทัล (digitization) นั้นเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอุตสาหกรรม ICT อุตสาหกรรมต่างๆ จำนวนมากกำลังดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดต้นทุนโดยทำให้การดำเนินงานเป็นแบบดิจิทัล โดยเฉพาะระบบการสื่อสาร        

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการสรรหาพันธมิตรของ Hytera ได้ที่
https://bit.ly/3NiGFaE

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) เป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพ ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เราสร้างเสริมการเชื่อมต่อที่รวดเร็วกว่า ปลอดภัยกว่า และหลากหลายมากกว่าสำหรับผู้ใช้ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจและภารกิจ เราเอื้อให้โลกมีความสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการรับมือเหตุฉุกเฉิน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://www.hytera.com/en/home.html

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Media Contact
Jia Liu
Hytera Communications Corporation Limited
jia.liu@hytera.com

Partner Program Contact
Overseas Sales Department

Hytera Communications Corporation Limited
marketing@hytera.com

แหล่งข้อมูล: Hytera Communications

สถานที่ท่องเที่ยวติดเทรนด์ปี 2023 ของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลเผยทริปยอดนิยมสำหรับนักเดินทางทุกประเภท

Logo

โคเปนเฮเกน, ฟลอริดาคีย์ส, อิสตันบูล, ลิสบอน และเม็กซิโกซิตีล้วนเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–1 พฤศจิกายน 2022

วันนี้ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล ได้เผยแพร่รายชื่อสถานที่เที่ยวติดเทรนด์ปี 20231 ซึ่งประกอบด้วยสิบสุดยอดสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักเดินทางในปีหน้า โดยได้ข้อมูลมาจากการจองการเดินทางของสมาชิก American Express Card® สำหรับแต่ละสถานที่ที่ว่านี้ ที่ปรึกษาด้านการเดินทางของอเมริกัน เอ็กซ์เพรสยังได้จัดทำแผนการเดินทางสามวัน โดยให้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับสถานที่ยอดนิยมที่น่าเข้าพัก กิน ช้อป และสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงวิธีที่สมาชิก Platinum Card® สามารถใช้ “วันหยุดโบนัส” ที่ได้จากการเช็คเอาต์ที่รับประกันที่เวลา 16:00 น. เมื่อจองที่พักระดับ Fine Hotels + Resorts® ผ่านอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล

American Express Travel's 2023 Trending Destinations (Graphic: Business Wire)

สถานที่ท่องเที่ยวติดเทรนด์ปี 2023 ของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล (กราฟิก: Business Wire)

“เมื่อสมาชิกที่มีบัตรจองการเดินทางผ่านอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล พวกเขาเชื่อใจให้เราดูแลสิ่งที่มีค่าที่สุด ซึ่งก็คือเวลา” กล่าวโดย Audrey Hendley ประธานอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล “ประวัติการทำงานทั่วโลกของเรากว่า 100 ปีแห่งความชำนาญและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสมาชิกที่มีบัตรของเรา ทำให้เรามีความสามารถพิเศษในการสร้างแรงบันดาลใจให้นักเดินทางโดยสร้างรายชื่อสถานที่เที่ยวยอดนิยมประจำปีนี้ ทำให้กระบวนการวางแผนง่ายขึ้น และให้คำแนะนำอย่างมั่นใจเกี่ยวกับสิ่งที่สมาชิกที่มีบัตรต้องทำเมื่อเดินทางถึงที่หมาย”

แบบสำรวจ Amex Trendex2 ล่าสุดพบว่าผู้ใหญ่ 50% บอกว่าใช้เวลาวางแผนการเดินทางวันหยุดอย่างน้อยห้าชั่วโมง เพื่อช่วยนักเดินทางประหยัดเวลาและสนุกกับการเดินทางให้ได้มากที่สุด ที่ปรึกษาด้านการเดินทางของอเมริกัน เอ็กซ์เพรสจึงสร้างแผนการเดินทางสามวันในช่วงสุดสัปดาห์สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแต่ละแห่ง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในเรื่องที่พัก ที่กิน และกิจกรรมที่ดีที่สุดเพื่อสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่น

81% ของผู้ทำแบบสำรวจ Amex Trendex2 ยอมรับว่าต้องการใช้เวลาทุกชั่วโมงขณะท่องเที่ยวให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในแผนการเดินทางนี้กลายเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่า ไม่ว่าจะผจญภัยคนเดียว สำรวจกันเป็นกลุ่ม หรือใช้เวลากับครอบครัว แผนการเดินทางก็มีทุกอย่างสำหรับทุกคน ตั้งแต่การหาขนมชูร์โรที่ดีที่สุดในเม็กซิโกซิตี และการเจอกับโคอาลาในซิดนีย์ ไปจนถึงการทำทรีตเมนต์ที่สปาสุดหรูในปารีส และสำรวจป่าเมเปิลในรัฐเวอร์มอนต์

ทั้งนี้ 88% ของผู้ทำแบบสำรวจยอมรับด้วยว่าอยากเที่ยวให้นานกว่าเดิม สมาชิกบัตรแพลตตินัมจะได้รับประโยชน์จากการเช็คเอาต์เกินเวลาที่รับประกันไว้ที่ 16:00 น. เมื่อจองที่พักระดับ Fine Hotels + Resorts ผ่านอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล หนึ่งในสิทธิประโยชน์ระดับพรีเมียมที่มากมายที่มาจากการจองกับอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลอย่างการเช็คเอาต์เกินเวลา จะทำให้นักเดินทางได้รับ “วันพิเศษ” เพื่อให้เที่ยวต่อได้นานขึ้น แผนการท่องเที่ยวที่ติดเทรนด์จะอธิบายถึงวิธีใช้เวลาในการเดินทาง เพื่อให้สมาชิกบัตรได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนวิธีทำชีสระดับปรมาจารย์ในปารีส การล่องเรือไปหมู่เกาะเจ้าชายในอิสตันบูล หรือการเที่ยวชมสินค้าโปรตุเกสแท้ๆ ในลิสบอน

นอกเหนือจากสถานที่เที่ยวยอดนิยมแล้ว อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลยังได้อธิบายถึงเทรนด์สำคัญที่กระตุ้นการท่องเที่ยวในปี 2023 อีกด้วย ดังนี้

  • ใครๆ ก็อยากได้การผจญภัยครั้งใหม่: 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าต้องการเดินทางไปยังสถานที่เที่ยวที่ต้องการในปี 2023
  • เที่ยวพักผ่อนโดยคำนึงถึงสุขภาพแบบองค์รวม89% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าต้องการไปเที่ยวเพื่อหลีกหนีจากกิจวัตรประจำวัน และ 74% วางแผนที่จะเดินทางมากขึ้นในปี 2023 เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี
  • มองหาประสบการณ์เฉพาะบุคคล88% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าต้องการสัมผัสประสบการณ์ของคนในพื้นที่และเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมเมื่อเดินทาง และ 73% เต็มใจที่จะจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้ได้ซึ่งแผนการเดินทางที่ต้องการ
  • ตั้งแต่เป้าหมายชีวิตเมื่อขึ้นปีใหม่ไปจนถึงการเดินทางในหน้าร้อน43% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าต้องการเดินทางมากขึ้นตามเป้าหมายชีวิตเมื่อขึ้นปีใหม่ และ 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามเริ่มคิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุดฤดูร้อนปี 2023 ที่กำลังจะมาถึง
  • จ่ายเพิ่มเพื่อการพักผ่อนที่ดีที่สุด74% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่ามีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินไปกับการเดินทางในปี 2023 มากขึ้น และ 40% บอกว่ายินดีจ่ายแพงขึ้นเพื่อการเช็คเอาต์เกินเวลาเมื่อเลือกที่พักสำหรับการเดินทาง

1รูปแบบสถานที่ท่องเที่ยวมาแรงในปี 2023
สถานที่ท่องเที่ยวติดเทรนด์ปี 2023 ของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลได้รับการเลือกโดยอิงจากการจองของสมาชิกบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรสทั่วโลกที่จองผ่านอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลโดยดูจากการเติบโตของการเดินทางปีต่อปีระหว่างปี 2019 ถึง 2022

2รูปแบบการทำแบบสำรวจ
แบบสำรวจออนไลน์ Amex Trendex ดำเนินการโดย Morning Consult ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนจนถึง 3 ตุลาคม 2022 โดยสุ่มจากนักเดินทางในสหรัฐอเมริกา 2,000 คนที่มีรายได้อย่างน้อย $70K และจัดว่าเป็นผู้ใหญ่ที่มักเดินทางบ่อยโดยใช้เครื่องบินอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี การสัมภาษณ์จัดทางออนไลน์ ผลลัพธ์จากแบบสำรวจทั้งหมดมีอัตราความคลาดเคลื่อนบวกหรือลบ 2 คะแนน

เงื่อนไขและข้อกำหนดของโปรแกรม FINE HOTELS + RESORTS
โปรแกรม Fine Hotels + Resorts® (FHR) สามารถใช้จองครั้งใหม่ได้ผ่านอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลโดยใช้ได้กับสถานที่ที่เข้าร่วมโปรแกรม และใช้ได้กับสมาชิกประเภท Consumer, Business และ Corporate Platinum Card® และสมาชิก Centurion® (สมาชิก Delta SkyMiles® Platinum Card ไม่ได้รับสิทธิ์นี้) การจองต้องทำโดยใช้บัตรที่มีสิทธิ์และต้องชำระเงินโดยใช้บัตรนั้นหรือบัตร American Express® อื่นในนามสมาชิกบัตรที่มีสิทธิ์ และสมาชิกบัตรจะต้องเดินทางตามแผนการเดินทางที่จอง มูลค่ารวมเฉลี่ยของสิทธิประโยชน์ของโปรแกรมนั้นคำนวณจากการจองของปีก่อนหน้าสำหรับการเข้าพักสองคืน มูลค่าที่แท้จริงจึงแตกต่างกันไป การเช็คอินตอนเที่ยงและการอัปเกรดห้องพักขึ้นอยู่กับความพร้อมและให้บริการ ณ ตอนเช็คอิน โดยที่ห้องพักบางประเภทไม่สามารถอัปเกรดได้ ประเภทของเครดิตประสบการณ์นั้นแตกต่างกันไปตามสถานที่ให้บริการ โดยที่เครดิตประสบการณ์จะถูกนำไปใช้กับค่าใช้จ่ายที่มีสิทธิ์จนถึงจำนวนเครดิตประสบการณ์ ขอแนะนำให้จองล่วงหน้าสำหรับเครดิตประสบการณ์บางอย่าง ประเภทและมูลค่าของอาหารเช้าประจำวัน (สำหรับสองคน) จะแตกต่างกันไปตามสถานที่ให้บริการ อาหารเช้าจะมีมูลค่าขั้นต่ำอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อห้องต่อวัน หากค่าใช้จ่ายของ Wi-Fi รวมอยู่ในค่าธรรมเนียมของที่พัก เครดิตรายวันจะถูกนำมาใช้เมื่อเช็คเอาต์ สิทธิประโยชน์จะนำไปใช้เป็นรายห้องต่อการเข้าพัก (จำกัดแค่สามห้องต่อการเข้าพักหนึ่งครั้ง) การเข้าพักแบบต่อเนื่องที่จองโดยสมาชิกบัตรคนเดียว สมาชิกบัตรที่เข้าพักในห้องเดียวกัน หรือสมาชิกบัตรที่เดินทางในกลุ่มเดียวกันภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ณ สถานที่เดียวกันจะถือเป็นการเข้าพักหนึ่งครั้งและไม่มีสิทธิ์ได้รับสิทธิประโยชน์ FHR เพิ่มเติม (“การกระทำต้องห้าม”) อเมริกัน เอ็กซ์เพรสและที่พักขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขหรือเพิกถอนสิทธิประโยชน์ FHR ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ หากเราหรือที่พักพิจารณาตามดุลยพินิจแล้วว่า คุณอาจมีส่วนร่วมในการกระทำต้องห้าม หรือมีส่วนร่วมในการละเมิด การใช้ในทางที่ผิด หรือการเล่นตุกติกที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ FHR ของคุณ ข้อจำกัดด้านผลประโยชน์แตกต่างกันไปตามสถานที่ให้บริการ สิทธิประโยชน์ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้และไม่สามารถใช้ร่วมกับข้อเสนออื่นๆ เว้นแต่จะระบุไว้ จะต้องใช้สิทธิประโยชน์ ณ ช่วงที่จองที่พัก เครดิตที่เกี่ยวข้องจะใช้เมื่อเช็คเอาต์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่าในสกุลเงินท้องถิ่น สิทธิประโยชน์ ที่พักที่ร่วมรายการ ความพร้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกของที่พักเหล่านั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้

เกี่ยวกับอเมริกัน เอ็กซ์เพรส

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (NYSE:AXP) เป็นบริษัทการชำระเงินแบบบูรณาการระดับโลก โดยช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ ข้อมูลเชิงลึก และประสบการณ์ที่ยกระดับชีวิตและสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ americanexpress.com และติดต่อเราผ่านทาง facebook.com/americanexpressinstagram.com/americanexpresslinkedin.com/company/american-expresstwitter.com/americanexpress และ youtube.com/americanexpress

ลิงก์สำคัญไปยังผลิตภัณฑ์ บริการ และข้อมูลความรับผิดชอบของบริษัท: personal cardsbusiness cardstravel servicesgift cardsprepaid cardsmerchant servicesAccertifyKabbageResycorporate cardbusiness traveldiversity and inclusioncorporate responsibility และ Environmental, Social, and Governance reports

ที่ตั้ง: นิวยอร์ก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52957038/en

ติดต่อ

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส
Emily Vicker
Emily.Vicker@aexp.com

Ali Barlow
Ali.Barlow@aexp.com

แหล่งข้อมูล: อเมริกัน เอ็กซ์เพรส

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


FIFA+ Collect เชิญชวนแฟนเกมฟุตบอล “Own It, Win It, Live It” พร้อมแจกประสบการณ์ระดับ VIP ในการเข้าร่วม FIFA World Cup Qatar 2022™

Logo

ทุกการซื้อแพ็กบนแพลตฟอร์มของสะสมดิจิทัลอย่างเป็นทางการจาก FIFA มอบสิทธิ์เข้าร่วมโปรแกรมระดับโลกโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายน

ZURICH & BOSTON–(BUSINESS WIRE)–1 พฤศจิกายน 2022

FIFA+ Collect แพลตฟอร์มของสะสมดิจิทัลอย่างเป็นทางการของ FIFA+ ที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชนของ Algorand ได้ประกาศแจกประสบการณ์ระดับ VIP สุดพิเศษสำหรับแฟนเกมฟุตบอลเพื่อเข้าร่วม FIFA World Cup Qatar 2022™ โปรแกรม “Own It, Win It, Live It” เปิดให้รับสิทธิ์ได้จนถึงวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายน ปี 2022 ที่ www.fifapluscollectgowin.com

Every purchase of FIFA+ Collect digital collectibles unlocks entry to the “Own It, Win It, Live It” VIP Experience giveaway. Entry is open now through 20 November 2022 at <a href=www.fifapluscollectgowin.com. (Graphic: Business Wire)” src=”https://mms.businesswire.com/media/20221101005910/en/1620726/4/Press_Release_banner_2.jpg” />

ทุกการซื้อของการสะสมดิจิทัลจาก FIFA+ Collect ปลดล็อกการเข้าร่วม “Own It, Win It, Live It” แจกประสบการณ์ระดับ VIP การเข้าร่วมเปิดจนถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2022 (กราฟิก: Business Wire)

ผู้ชนะที่ได้รับสิทธิ์ระดับ VIP แต่ละคนจะสามารถเชิญแขกได้หนึ่งคนเพื่อเข้าร่วมทริปเที่ยว Doha เป็นเวลาห้าวัน/สี่คืน ฟรี รวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ที่พักสุดหรูที่ St. Regis Doha ตั๋วเข้าชมเกมการแข่งชัน FIFA World Cup รอบก่อนรองชนะเลิศสองใบ เงินสดมูลค่า 500 ดอลลาร์ (สหรัฐ) กระเช้าของขวัญที่ระลึกจาก FIFA และ FIFA+ Collect และอื่นๆ อีกมากมาย โดยจะมีการสุ่มเลือกผู้ชนะในทุกสัปดาห์

แฟนเกมฟุตบอลทั่วโลกที่ซื้อแพ็กของสะสมดิจิทัลสำหรับไฮไลท์เกมในประวัติศาสตร์ 92 ปี ของ FIFA จะมีสิทธิ์เข้าร่วมรายการนี้ โดยผู้ซื้อชุดแพ็กแต่ละชุดจะได้รับสิทธิ์หนึ่งรายการโดยอัตโนมัติ และการซื้อชุดแพ็กเพิ่มเติมแต่ละชุดจะได้รับสิทธิ์เพิ่ม โดยเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับการซื้อเพิ่มแต่ละรายการ

แพ็กชุดของสะสมดิจิทัลของ FIFA+ แต่ละชุดจะประกอบด้วยไฮไลท์แบบสุ่มสามรายการจากฟุตเทจรายการเกมฟุตบอลประวัติศาสตร์สุดพิเศษจาก FIFA โดยขณะนี้มีสองคอลเลกชันที่พร้อมให้สะสม ได้แก่ Genesis Collection ซึ่งเป็นชุดคอลเลกชันลิมิเต็ดชุดแรกจาก FIFA+ Collects ซึ่งจะมีการจำหน่ายในระยะเวลาที่จำกัด และคอลเลกชัน Archives ที่เป็นชุดคอลเลกชันใหม่ล่าสุด โดยทั้งสองคอลเลกชันนี้มีราคาเพียง 4.99 ดอลลาร์ (สหรัฐ) โดยมีของที่น่าสะสมต่างๆ มากมายทั้งสี่ระดับ ทั้งของสะสมทั่วไป ของสะสมหายาก ของสะสมระดับตำนาน และของสะสมที่เป็นสัญลักษณ์ ของสะสมดิจิทัลสามารถใช้บนแพลตฟอร์มได้เพื่อเก็บสะสม แลกเปลี่ยน ขาย และเล่นเกมล่ารางวัลและเข้าร่วมความท้าทายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น

เกี่ยวกับ Algorand 
ก่อตั้งขึ้นโดย Silvio Micali นักเข้ารหัสที่ได้รับรางวัล Turing Award-winning ระดับ 1 ที่มีประสิทธิภาพสูงของ Algorand ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในการสร้างเทคโนโลยีให้รวดเร็ว ราบรื่น และครอบคลุมยิ่งขึ้น Algorand กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงในทุกอุตสาหกรรม นับจาก TradFi และ DeFi จนถึงระดับเศรษฐกิจสำหรับครีเอเตอร์ใหม่ๆ ด้วยความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกันและส่งมอบโซลูชั่นที่ดีเยี่ยม เทคโนโลยีที่ยั่งยืนช่วยเสริมสร้างให้มีส่วนร่วม มีความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับทุกคน ในฐานะที่เป็นเทคโนโลยีทางเลือกสำหรับองค์กรทั่วโลกกว่า 2,000 แห่ง ระบบนิเวศของ Algorand กำลังปรับแต่งผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน โปรโตคอล และการแลกเปลี่ยนมูลค่าเจเนอเรชันถัดไป สามารถเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.algorand.com

เกี่ยวกับ FIFA 
FIFA เป็นองค์กรระดับโลกที่กำกับดูแลเกมฟุตบอลและพัฒนาเกมทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2016 องค์กรมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วจนสามารถรองรับเกมเพื่อผู้คนทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ FIFA รูปแบบใหม่นี้มุ่งมั่นในการปรับปรุงเกมฟุตบอลให้เป็นสากล ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และครอบคลุมในทุกด้าน ไม่เพียงในบางทวีปเท่านั้น แต่ขยายไปทุกที่ FIFA มีวิสัยทัศน์ที่จะขยายเกมฟุตบอลให้เป็นสากลอย่างแท้จริง พัฒนาเกมฟุตบอลให้เข้าถึงในทุกที่ ภายใต้วิสัยทัศน์ของ FIFA ในการทำให้ฟุตบอลเป็นสากลอย่างแท้จริง FIFA จะช่วยพัฒนาฟุตบอลในทุกๆ ที่ เพื่อให้มีทีมชาติอย่างน้อย 50 ทีม และ 50 สโมสรจากทุกทวีปที่สามารถเข้าแข่งขันได้ในการแข่งขันระดับสูง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Deana Graffeo Weeks
Alchemy Media for FIFA+ Collect
646-389-7519 or deana@alchemymedia.co

แหล่งข้อมูล: FIFA+ Collect

Edith Cowan University ปรับเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ด้านดิจิทัลด้วย Boomi

Logo

  • Boomi ช่วยให้มหาวิทยาลัยชั้นนำในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้นสำหรับเจ้าหน้าที่และเสริมสร้างประสบการณ์ออนไลน์ของนักเรียน ในขณะเดียวกัน ก็เพิ่มเสริมประสิทธิภาพในแผนกเทคโนโลยี
  • Edith Cowan University ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ ทั่วโลกในการเลือกแพลตฟอร์มการผสานรวมกลุ่มชั้นนำของ Boomi ซึ่ได้รับรางวัล Gold Globee Award® โดยเป็นระบบการบริการ (iPaaS) เพื่อผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น

CHESTERBROOK, Pa.–(BUSINESS WIRE)–1 พฤศจิกายน 2022

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่อและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ประกาศในวันนี้ว่า Edith Cowan University (ECU) มีการปรับใช้ แพลตฟอร์ม Boomi AtomSphere™ เพื่อสร้างโครงงานดิจิทัลที่ส่งเสริมการเข้าถึงและการแบ่งปันข้อมูลทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานและการมีส่วนร่วมทางออนไลน์ของนักศึกษา

Edith Cowan University Polishes Digital Learning Experience With Boomi (Photo: Business Wire)

Edith Cowan University ปรับเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ด้านดิจิทัลด้วย Boomi (ภาพ: Business Wire)

Edith Cowan University ตั้งอยู่ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย รองรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีและสูงกว่าปริญญาตรีได้มากกว่า 30,000 คน และให้คำมั่นที่จะมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่เติมเต็มให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาที่พร้อมทำงาน เพื่อเสริมสร้างคำมั่นสัญญานี้ มหาวิทยาลัยจึงพยายามทำให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่และนักศึกษาสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมผ่านแพลตฟอร์มนักศึกษาที่หลากหลาย

“เรามีการจัดเก็บข้อมูลสำคัญจำนวนมากไว้ในกลุ่มแอปพลิเคชันของเรา ซึ่งเจ้าหน้าที่และนักเรียนสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมได้ตลอดเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกและการสนับสนุนการตัดสินใจ” กล่าวโดย Vito Forte ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ (CIO) ของ ECU “การมีเครื่องมือที่เหมาะสม เช่น แพลตฟอร์ม Boomi จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลมีความถูกต้องและเชื่อถือได้ และมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันระบบคลาวด์บน IaaS ของเรา เช่นเดียวกับแอปพลิเคชัน SaaS จำนวนมากที่เราใช้งานอยู่”

ก่อนหน้านี้ ECU อาศัยการผสานรวมแบบจุดต่อจุดแบบใช้ครั้งเดียวโดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งเป็นแนวทางเดิมๆ ในการสร้างเสริมให้การบูรณาการระบบธุรกิจมีความทันสมัยและขยายฐานสถาปัตยกรรมอ้างอิงการผสานรวมและกระบวนการพัฒนา มหาวิทยาลัยได้เลือก iPaaS แบบ cloud-native แบบ low-code ของ Boomi มาช่วยในการเชื่อมต่อและประสานรวมข้อมูลให้มากขึ้นในเวลาที่น้อยลง

มหาวิทยาลัยใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม Boomi AtomSphere เพื่อสร้างความสามารถในการผสานรวมแบบครบวงจร ซึ่งสนับสนุนรูปแบบและมาตรฐานการออกแบบที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งสนับสนุนโดยสถาปัตยกรรมอ้างอิงการผสานรวม ซึ่งช่วยให้มั่นใจถึงแนวทางการออกแบบโซลูชันที่สอดคล้องกัน และส่งเสริมการเชื่อมต่อ การใช้บริการซ้ำในระดับสูง และความสามารถในการปรับขนาดที่เพิ่มขึ้น โครงการของ ECU รวมถึงการเชื่อมต่อระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ของ Salesforce ระบบการจัดการการเรียนรู้ ระบบการจัดการนักเรียน และระบบการจัดการทรัพยากรบุคคล ตลอดจน Azure Event Hub และ Azure Data Explorer เพื่อรองรับการวิเคราะห์พื้นหลังส่วนสำคัญสำหรับการบันทึก การดีบัก และการตรวจสอบการใช้งานบริการการผสานรวมสำหรับพนักงานไอที Boomi ยังสนับสนุนการวิเคราะห์และการรายงานของ ECU เกี่ยวกับการจัดการนักเรียนสู่ระบบ เพื่อให้มหาวิทยาลัยสามารถประเมินการมีส่วนร่วมทางออนไลน์ได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ iPaaS ชั้นนำของหมวดหมู่ยังช่วยเร่งงานการพัฒนาในกลุ่มไอที ช่วยให้สามารถเปิดตัวบริการและแอปใหม่ๆ ได้ภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะเป็นเดือน สถาปัตยกรรมแอปพลิเคชันที่ยืดหยุ่นของ Boomi ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการพัฒนาและการบำรุงรักษาแพลตฟอร์มอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ ECU สามารถมุ่งเน้นไปที่สถาปัตยกรรมอ้างอิง รวมถึงการเปิดตัวฐานข้อมูล การจัดคิวข้อความ การจัดการ API และความปลอดภัยได้

“มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียได้รับการยอมรับอย่างถูกต้องในความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และหลายแห่งอยู่ในจุดสำคัญสำหรับความสามารถในการมอบประสบการณ์และหลักสูตรที่ปรับให้เหมาะกับนักศึกษาโดยเฉพาะ” กล่าวโดย Nathan Gower ผู้อำนวยการ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (ANZ) ที่ Boomi “ในโลกของการเรียนรู้แบบผสมผสานและในวิทยาเขตดิจิทัล โอกาสในการสร้างนวัตกรรมนั้นมีมากมาย และ ECU ก็ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นของนักเรียนและครู ผู้เรียนที่เป็นเจ้าของภาษาดิจิทัลไม่ควรต้องเลือกแหล่งข้อมูลต่างๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการ ข้อมูลควรมีความถูกต้องและพร้อมใช้งาน โดยมีการนำเสนอภาพรวมแบบออนไลน์ ด้วยการใช้แพลตฟอร์ม Boomi AtomSphere เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างทันท่วงที ราบรื่น และเชื่อถือได้ ECU จะช่วยให้สามารถสร้างเส้นทางการเรียนรู้ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยที่ทีมไอทีไม่ต้องจมอยู่กับวงจรการพัฒนาแบบเดิมๆ”

Boomi ได้รับตำแหน่งผู้นำใน Gartner® Magic Quadrant™ สำหรับ Enterprise Integration Platform as a Service (EiPaaS) เป็นเวลาแปดปีติดต่อกัน

ในฐานะบริษัทที่ให้บริการซอฟต์แวร์ระดับโลก (SaaS) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว Boomi มีชุมชนผู้ใช้ที่กำลังเติบโตซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 100,000 ราย และเป็นหนึ่งในอาร์เรย์ที่ใหญ่ที่สุดของผู้รวมระบบระดับโลก (GSIs)  ในสเปซของ iPaaS บริษัทมีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย ซึ่งรวมถึง Accenture, Deloitte, SAP และ Snowflake ทั้งยังมีการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการคลาวด์ไฮเปอร์สเกลอร์ที่ใหญ่ที่สุด รวมถึง Amazon Web Services, Google และ Microsoft เป็นต้น บริษัทเพิ่งได้รับรางวัล Gold Globee® Award ในหมวด Platform as a Service (PaaS) และได้รับการจัดอันดับอันทรงเกียรติระดับ 5 ดาว ใน CRN Partner Program Guide ซึ่งเป็นรายการของโปรแกรมพันธมิตรที่โดดเด่นที่สุดจากเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรม ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและบริการที่ยืดหยุ่นผ่านช่องทางไอที แพลตฟอร์ม Boomi AtomSphere ช่วยให้องค์กรต่างๆ ในทุกอุตสาหกรรมสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันข้อมูล ปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ และมอบประสบการณ์ลูกค้าแบบบูรณาการมากขึ้น

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อจำกัดความรับผิดชอบของ Gartner:

Gartner จะไม่มีการรับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใดๆ ที่ปรากฎในเอกสารการวิจัย และไม่มีการระบุให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้จำหน่ายที่ได้รับคะแนนสูงสุดหรือกำหนดตำแหน่งอื่นๆ เอกสารเผยแพร่งานวิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ขอแสดงข้อจำกัดความรับผิดชอบใดๆ ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย ในส่วนที่เกี่ยวกับการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันความสามารถในการขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ GARTNER และ Magic Quadrant เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและเครื่องหมายบริการของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และได้รับอนุญาตให้ใช้ในที่นี้ โดยสงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด หมายเหตุ: Boomi เคยเป็นที่รู้จักในนาม Dell Boomi ตั้งแต่ปี 2014 จนถึง 2019

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ตั้งเป้าที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นโดยเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่ง ทุกที่ ผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มการรวมระบบคลาวด์ในฐานะผู้ให้บริการ (iPaaS) และปัจจุบันเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลก (SaaS) Boomi มีการนำเสนอฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการผสานรวมและเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 รายทั่วโลก ซึ่งรวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันไปใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และประมวลผลข้อมูล ในขณะเดียวกัน ก็มีการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปเยี่ยมชมที่ http://www.boomi.com

© 2022 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘B’, Boomiverse, และ AtomSphere เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทในเครือ ซึ่งสงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/52954143/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Boomi:
Boomi ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
boomi@watterson.com.au

Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสื่อและนักวิเคราะห์สัมพันธ์ใน APJ ที่ Boomi
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งข้อมูล: Boomi

Boehringer Ingelheim ขยายการใช้งาน Medidata Rave สำหรับการเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในการทดลองทางคลินิก

Logo

การทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีชั้นนำด้านอุตสาหกรรมและความสามารถในการทดลองทางคลินิกแบบกระจายศูนย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการศึกษาและการมีส่วนร่วมของผู้ป่วย

NEW YORK–(BUSINESS WIRE)–27 ตุลาคม 2022

Medidata บริษัทในเครือ Dassault Systèmes และ Boehringer Ingelheim ประกาศขยายเวลาความร่วมมือเป็นเวลา 5 ปี โดยครอบคลุมขอบเขตที่กว้างขึ้นในการเก็บบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อตกลงใหม่นี้ขยายขอบเขตการใช้งาน Rave EDC สำหรับการทดลองทางคลินิกของ Boehringer Ingelheim ทั่วโลก และรวมถึง myMedidata ชุดเทคโนโลยีที่เน้นการรักษาผู้ป่วยที่เป็นนวัตกรรมของ Medidata ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางมากขึ้นและเพิ่มความหลากหลายของผู้ป่วยในการทดลองทางคลินิกแบบกระจายศูนย์ (DCTs)

ด้วยข้อตกลงดังกล่าว Boehringer Ingelheim มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญ โดยการให้ความสามารถในการยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางที่ยืดหยุ่นได้ของ Medidata ซึ่งรวมถึงพอร์ทัลผู้ป่วย myMedidata ที่เป็นแพลตฟอร์มบนเว็บปลายทางเดียว ที่เอื้อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ การประเมินผลลัพธ์ทางคลินิกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (eCOA) และการเข้าตรวจของผู้ตรวจสอบ/ผู้ป่วยผ่านวิดีโอ myMedidata LIVE

“ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรม Boehringer Ingelheim และ Medidata มีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย” กล่าวโดย Anthony Costello, CEO Patient Cloud ของ Medidata “การเข้าถึงการรักษาทั่วโลกของ Boehringer Ingelheim นั้นเหมาะอย่างยิ่งกับความสามารถที่ยืดหยุ่นของ myMedidata และส่วนอื่น ๆ ของแพลตฟอร์ม Clinical Cloud ของ Medidata โดยการร่วมมือกันนี้ จะช่วยให้เราสามารถปรับปรุงการเข้าถึงและความหลากหลายของการมีส่วนร่วมในโปรแกรมทางคลินิกที่หลากหลายได้อย่างรวดเร็ว”

โปรแกรมการทดลองทางคลินิกแบบกระจายศูนย์ของ Medidata ซึ่งเป็นโปรแกรมเดียวของอุตสาหกรรมที่ให้ข้อเสนอที่ยืดหยุ่นได้แบบครบวงจร ช่วยเสริมการปฏิวัติวิธีการที่แต่ละบุคคลให้ข้อมูล วิธีจัดส่งยาไปยังผู้ป่วย และวิธีการจัดการและตรวจสอบข้อมูลการทดลองทางคลินิก สิ่งสำคัญที่สุดคือ เทคโนโลยีที่ควบคุมจากระยะไกลเหล่านี้สร้างโอกาสในการปรับปรุงการเข้าถึงของผู้ป่วยและการนำผู้ป่วยเข้ามามีส่วนร่วมทั่วทั้งภูมิภาค รวมถึงทำให้มีผู้ป่วยที่หลากหลายมากขึ้นในการทดลองทางคลินิก

Boehringer Ingelheim สร้างขึ้นจากเทคโนโลยี Medidata รวมถึง Rave EDC (การเก็บบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์), Coder, TSDV (การตรวจสอบแหล่งข้อมูลเป้าหมาย) และเกตเวย์ความปลอดภัย นอกจากนี้ Boehringer Ingelheim ยังมีการสำรวจการทดลองความอัจฉริยะของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ Medidata เพื่อให้การวิเคราะห์ขั้นสูงมีความเร็ว ความสำเร็จ และคุณภาพของการทดลองทางคลินิกที่สูงขึ้น ทั้งยังได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี Medidata Rave Imaging ผ่านบริการที่ทำสัญญากับซัพพลายเออร์ด้านการถ่ายภาพของบริษัท

Medidata เป็นบริษัทในเครือของ Dassault Systèmes ที่มีแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE อยู่ในตำแหน่งที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพชีวิตความเป็นอยู่ในยุคของการแพทย์แบบจำเพาะบุคคลด้วยแพลตฟอร์มทางวิทยาศาสตร์และธุรกิจแบบครบวงจรแห่งแรก ตั้งแต่การวิจัยไปจนถึงการค้า

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพชีวิตความเป็นอยู่ โดยสร้างความหวังให้กับผู้ป่วยหลายล้านคน Medidata ช่วยสร้างหลักฐานและข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยบริษัทเภสัชกรรม บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ บริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์และการวินิจฉัย รวมถึงช่วยนักวิจัยด้านวิชาการในการเพิ่มคุณค่า ลดความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์ ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่าหนึ่งล้านรายทั้งจากลูกค้าและพันธมิตรกว่า 2,000 รายเข้าถึงแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลกเพื่อการพัฒนาทางคลินิก ข้อมูลเชิงพาณิชย์ และข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริง Medidata บริษัทในเครือ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์กและมีสำนักงานทั่วโลกเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes บริษัท 3DEXPERIENCE เป็นตัวเร่งความก้าวหน้าในมนุษยชาติ เรานำเสนอสภาพแวดล้อมเสมือนจริงแบบ 3 มิติให้แก่องค์กรธุรกิจและผู้คนเพื่อให้จินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ลูกค้าของเราได้ขยายขอบเขตของนวัตกรรม การเรียนรู้ และการผลิต เพื่อให้ได้มาซึ่งโลกที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับผู้ป่วย พลเมือง และผู้บริโภค Dassault Systèmes สร้างมูลค่าให้กับลูกค้ามากกว่า 300,000 ราย ในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะรายใหญ่หรือรายเล็ก ในกว่า 140 ประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.3ds.com

3DEXPERIENCE, ไอคอนเข็มทิศ, โลโก้ 3DS, CATIA, BIOVIA, GEOVIA, SOLIDWORKS, 3DVIA, ENOVIA, NETVIBES, MEDIDATA, CENTRIC PLM, 3DEXCITE, SIMULIA, DELMIA และ IFWE เป็นเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes, บริษัทสัญชาติฝรั่งเศส “société européenne” (ทะเบียนพาณิชย์แวร์ซายส์ # B 322 306 440) หรือบริษัทสาขาในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Tom Paolella

ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารและกิจการองค์กร

+1-848-203-7596

thomas.paolella@3ds.com

Paul Oestreicher

ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารระหว่างประเทศ

+1-917-522-4692

paul.oestreicher@3ds.com

แหล่งข้อมูล: Medidata

Mary Kay มอบเงินช่วยเหลือด้านสุขภาพผิวและนำเสนองานวิจัยด้านชีววิทยาดวงตาที่หย่อนคล้อย ในงานประชุมประจำปีของสมาคมยุโรปด้านการวิจัยโรคผิวหนังครั้งที่ 51

Logo

DALLAS–(BUSINESS WIRE)–26 ตุลาคม 2022

Mary Kay Inc., หนึ่งในบริษัทนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลกเปิดตัวร่วมมือครั้งใหม่กับ European Society for Dermatological Research (ESDR)  ที่มีสำนักงานจดทะเบียนในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อมอบรางวัลแก่นักวิจัยในการประชุม ESDR ประจำปีครั้งที่ 51 การประชุมมีการจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 1 ตุลาคม ปี 2022 โดยจะมีการบันทึกการประชุมและพร้อมให้บริการตามความต้องการหลังการประชุม

“Women are seeking more advanced at-home beauty treatment options and our Upstream Innovation team is meeting this need by designing new products that provide compelling skin benefits. Participation at international conferences like ESDR is one way we share and learn about the latest advancements in skincare science to remain relevant in our research efforts and build industry-wide connections,” said Dr. Lucy Gildea, Chief Innovation Officer, Product & Science at Mary Kay. (Credit: Mary Kay Inc.)

“ผู้หญิงกำลังมองหาตัวเลือกการรักษาความงามใกล้บ้านที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น และทีมนวัตกรรมต้นน้ำของเราสามารถตอบสนองความต้องการนี้โดยการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มอบคุณประโยชน์ด้านผิวที่น่าดึงดูด การเข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติเช่น ESDR เป็นวิธีหนึ่งที่เราแบ่งปันและเรียนรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าล่าสุดในวิทยาศาสตร์การดูแลผิว เพื่อให้คงความเกี่ยวข้องในความพยายามในการวิจัยของเรา สร้างการเชื่อมต่อทั่วทั้งอุตสาหกรรม และส่งเสริมให้ Mary Kay เป็นผู้นำระดับโลกในด้านวิทยาศาสตร์ผิวหนัง” ดร.ลูซี กิลเดีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรม ฝ่ายผลิตภัณฑ์และวิทยาศาสตร์ของแมรี่ เคย์ กล่าว (เครดิต: Mary Kay Inc.)

Mary Kay จะมีการมอบเงินสนับสนุนจำนวน $20,000 ให้แก่นักวิจัยที่ดำเนินการศึกษานวัตกรรมด้านสุขภาพผิวหนังหรือโรคผิวหนัง ซึ่งผู้สมัครที่มีสิทธิ์สามารถสมัครได้จนถึงวันที่ 9 ธันวาคม ปี 2022 ผู้ชนะจะได้รับการประกาศในระหว่างงานเสมือนที่จัดขึ้นพิเศษในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ก่อนการประชุมครั้งแรกของการประชุมสมาคมระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคผิวหนังครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ด้วยเงินทุนเหล่านี้ Mary Kay หวังว่าจะสามารถช่วยให้นักวิจัยได้ค้นพบมุมมองใหม่และกลยุทธ์การรักษาโรค

Mary Kay นำเสนอผลการวิจัยใหม่ที่น่าตื่นเต้นในการประชุม ESDR ประจำปีครั้งที่ 51 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งมุ่งเน้นชีววิทยาในการเสื่อมสภาพของผิว ทีมงานมีการสำรวจการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไปซึ่งส่งผลต่อดวงตา โดยเฉพาะเปลือกตาบน เมื่อเวลาผ่านไป รูปทรงเปลือกตาบนเริ่มหย่อนคล้อย ทำให้มีลักษณะที่หย่อนคล้อยหรือเป็นถุง ปัจจุบัน มีเพียงตัวเลือกเดียวที่แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงรูปลักษณ์ของเปลือกตาที่หย่อนคล้อยได้อย่างมีนัยสำคัญ ในการประชุมประจำปี Geetha Kalahasti รองหัวหน้ากลุ่มนักวิทยาศาสตร์ การวิจัยต้นน้ำ การรับรองทางคลินิกและวิทยาศาสตร์ที่ Mary Kay ได้แบ่งปันผลการศึกษาทางคลินิกที่ประเมินประสิทธิภาพของสูตรเครื่องสำอางที่มีสารสกัดจากพฤกษชาติเป็นวิธีแก้ปัญหาเฉพาะที่ในการรักษาเปลือกตาตก สารสกัดจากพฤกษชาติมุ่งเป้าไปที่ส่วนประกอบหลัก 3 อย่างที่มีส่วนทำให้เกิดผลกระทบ ได้แก่ การเสื่อมสภาพทางผิวหนัง การหดตัวของเปลือกตาบน และการขยับของแผ่นไขมันบนเปลือกตาบน ผลการวิจัยแสดงให้เห็นการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญในความหย่อนคล้อยของเปลือกตาและเส้นขอบตา ซึ่งเป็นโซลูชันเครื่องสำอางที่บ้านที่มีแนวโน้มว่าจะแก้ปัญหาดวงตาที่หย่อนคล้อยได้ แพทย์ผิวหนังที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอิสระสองคนได้ประเมินผลทางคลินิกและยืนยันว่าผลลัพธ์เป็นที่น่าสนใจ

“ผู้หญิงกำลังมองหาตัวเลือกการรักษาความงามใกล้บ้านที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น และทีมนวัตกรรมต้นน้ำของเราสามารถตอบสนองความต้องการนี้โดยการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มอบคุณประโยชน์ด้านผิวที่น่าดึงดูดใจ นี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายวิธีที่เราตอบสนองและเกินความคาดหวังของผู้บริโภค” ดร.ลูซี กิลเดีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรม ฝ่ายผลิตภัณฑ์และวิทยาศาสตร์ของแมรี่ เคย์ กล่าว “การเข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติเช่น ESDR เป็นวิธีหนึ่งที่เราแบ่งปันและเรียนรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าล่าสุดในวิทยาศาสตร์การดูแลผิว เพื่อให้คงความเกี่ยวข้องในความพยายามในการวิจัยของเรา สร้างการเชื่อมต่อทั่วทั้งอุตสาหกรรม และส่งเสริมให้ Mary Kay เป็นผู้นำระดับโลกในด้านวิทยาศาสตร์ผิวหนัง”

ESDR สนับสนุนการวิจัยด้านโรคผิวหนัง โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงสุขภาพของผู้ป่วยโรคผิวหนังให้ดียิ่งขึ้น การประชุม European Society for Dermatological Research (ESDR) ประจำปีจัดขึ้นที่ยุโรปในเดือนกันยายนของทุกปี หัวข้อการประชุม ESDR ประจำปีนี้ประกอบด้วยการบรรยายจากนักวิทยาศาสตร์รับเชิญที่มีชื่อเสียงในระดับสากล การนำเสนอบทคัดย่อ บทความด้านวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ทางผิวหนัง การประชุมวิชาการในหลากหลายหัวข้อ การประชุมเชิงปฏิบัติการเชิงโต้ตอบ โดยมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานกว่า 1,100 คนจาก 51 ประเทศ การประชุม  ESDR ประจำปีดึงดูดความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วทุกมุมโลกที่มีความสนใจในด้านโรคผิวหนัง และผลการวิจัยขั้นพื้นฐาน ทางคลินิก และผลงานวิจัยล่าสุด

“ในนามของคณะกรรมการ ESDR เราขอขอบคุณ Mary Kay สำหรับการสนับสนุนแก่ ESDR และการสนับสนุนกิจกรรม ESDR วัตถุประสงค์หลักของสมาคมคือ การส่งเสริมงานวิจัยเชิงนวัตกรรมในด้านโรคผิวหนัง และเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของนักวิจัยในการวิจัยด้านผิวหนัง เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ Mary Kay มาร่วมป็นส่วนหนึ่งของความพยายามนี้” Eli Sprecher, Chair of the Scientific Program Committee of ESDR กล่าว

เกี่ยวกับ MARY KAY

Mary Kay Ash หนึ่งในผู้ผลิตฝ้าเพดานกระจกรุ่นดั้งเดิม ก่อตั้งบริษัทความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ ทำให้ชีวิตผู้หญิงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ความฝันของเธอนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทยุคบุกเบิก Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิง โดยสนับสนุนด้านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน การสร้างเครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัย ​​เครื่องสำอาง อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็กๆ ทำตามความฝัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ที่ FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือ ติดตามเราได้ที่ Twitter

เกี่ยวกับสมาคมยุโรปเพื่อการวิจัยด้านโรคผิวหนัง (ESDR)

สมาคมยุโรปเพื่อการวิจัยด้านผิวหนัง (ESDR) ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 โดยเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ส่งเสริมวิทยาศาสตร์พื้นฐานและคลินิกด้านโรคผิวหนัง ESDR เป็นสมาคมวิจัยด้านโรคผิวหนังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีสมาชิกในปัจจุบันประมาณ 1100 คน โดยการสนับสนุนการวิจัยด้านโรคผิวหนังและผิวหนัง ESDR มีส่วนส่งเสริมให้มีความเข้าใจเชิงลึกด้านภาวะสมดุลของผิวหนัง และพัฒนาสุขภาพของผู้ป่วยจากโรคผิวหนัง ESDR สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยด้านโรคผิวหนังระหว่างแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ESDR ยังมีการจัดกิจกรรมการศึกษาตลอดทั้งปีเพื่อให้ความรู้เพิ่มเติมในการวิจัยด้านโรคผิวหนัง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าเยี่ยมชม: https://esdr.org/

ติดต่อ

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย




Thai Herald

Thai Herald