Category Archives: Advertising

โคนามิ จะปล่อยเกม PES 2021 วันที่ 15 กันยายนนี้ในราคาพิเศษ เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 25 ปี PES และประกาศเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับสโมสรฟุตบอลโรม่ารวมทั้งไทยลีกด้วย

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–31 สิงหาคม 2563

imgบริษัท โคนามิ ดิจิตอล เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (Konami Digital Entertainment Limited) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในวันนี้  (28 สิงหาคม 2563)  ถึงการลงนามเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาวกับสโมสรฟุตบอลโรม่า (AS Roma) ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลชั้นนำของประเทศอิตาลี

ชื่อทีม ตราสัญลักษณ์ และชุดของสโมสรฟุตบอลโรม่าที่จะเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเกมในซีรีส์ eFootball PES เท่านั้น จึงทำให้ eFootball PES 2021 SEASON UPDATE (PES 2021) เป็นวิดีโอเกมฟุตบอลบนเครื่องคอนโซลเพียงเกมเดียวที่จะนำเสนอความยิ่งใหญ่ของอิตาลีทันทีที่เปิดตัวในวันที่ 15 กันยายนนี้

นอกจากนี้ สตาดีโอโอลิมปีโก (Stadio Olimpico) ซึ่งเป็นสนามฟุตบอลที่มีมายาวนาน และเปรียบเสมือนบ้านของสโมสรฟุตบอลโรม่า ก็จะเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเกม eFootball PES 2021 เท่านั้น โดยจะถูกสร้างสรรค์ขึ้นในเกมโดยนักออกแบบที่มีความสามารถของบริษัทโคนามิ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือเป็นหัวใจสำคัญของบริษัท ดังนั้น โคนามิ จึงมีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่จะทำให้ อี จัลโลรอสซี (I Giallorossi) หรือ ทีมเหลือง-แดงได้ภาคภูมิใจ

โจนัส ไลการ์ด กรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านการพัฒนาแบรนด์และธุรกิจของ บริษัทโคนามิ ดิจิตอล เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ได้กล่าวไว้ว่า “พวกเรามีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการเป็นแชมป์ฟุตบอลอิตาลีซึ่งถูกนำเสนอผ่านซีรีส์ eFootball PES และพวกเราภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่สโมสรฟุตบอลโรม่า ได้มาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์เป็นทีมล่าสุด สำหรับ PES 2021 ในปีนี้จะเป็นวิดีโอเกมบนเครื่องคอนโซลเพียงเกมเดียวที่สามารถนำเสนอสโมสรได้ ซึ่งนับเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเป็นพาร์ทเนอร์กันในระยะยาว”

โคนามิ และสโมสรฟุตบอลโรม่า มีความตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากการร่วมมือกันครั้งนี้อย่างเต็มที่ ในการโปรโมทฟุตบอลโรมันสู่ผู้ชมทั่วโลกผ่านโครงการริเริ่มหลายโครงการ รวมถึงการมีส่วนร่วมในโปรเจกต์ eSports ในอนาคตอีกด้วย

“พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับโคนามิ ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกในด้านการออกแบบและพัฒนาวิดีโอเกมและ eSports มาเป็นครอบครัวของเรา” จอร์จิโอ แบรมบิลล่า CRO ของสโมสรฟุตบอลโรม่าได้กล่าวไว้ “ด้วยข้อตกลงนี้ พวกเราจะสามารถสร้างประสบการณ์ที่ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์และความเชื่อมโยงกันของนวัตกรรมใหม่ ๆ ของเหล่าแฟนของจัลโลรอสซีทั่วโลกได้ พวกเรากำลังทำงานกันอย่างหนักกับพาร์ทเนอร์ใหม่ของเราเพื่อจัดเตรียมกิจกรรมสำหรับไม่กี่เดือนข้างหน้า และเพื่อสนับสนุนการเปิดตัวของ PES 2021 ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย และทางสโมสรก็มั่นใจว่าโคนามิจะเป็นพาร์ทเนอร์ในเชิงกลยุทธ์ที่ดีพร้อมที่สุด สำหรับการพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับทีม eSports ของสโมสรฟุตบอลโรม่า โดยจะมุ่งเน้นไปที่การเจาะกลุ่มคนที่ชื่นชอบในการเล่นวิดีโอเกมฟุตบอลมากยิ่งขึ้น”

สโมสรฟุตบอลโรม่า (AS Roma) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1927 ดำเนินการอย่างต่อเนื่องด้วยมาตรฐานสูงสุด ของฟุตบอลอิตาลี และเป็นหนึ่งในสโมสรที่ได้รับความนิยิมสูงสุดในภูมิภาคอีกด้วย นอกจากนี้ ทางสโมสรยังเคยคว้าชัยชนะในการแข่งขัน เซเรีย อา (Serie A) ถึง 3 ครั้ง โกปปาอีตาเลีย (Coppa Italia) ถึง 9 ครั้ง และซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา (Supercoppa Italiana) ถึง 2 ครั้ง

eFootball PES 2021 SEASON UPDATE จะเปิดให้เล่นบนแพลทฟอร์ม PlayStation®4, Xbox One™ และ PC STEAM ในวันที่ 15 กันยายนนี้  โดยได้เปิดให้แฟนๆ สั่งพรีออเดอร์ตัวเกมล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวิดีโอเกมที่บนปกเกมจะมีภาพของสองนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง ลิโอเนล เมสซิ จากสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา และคริสเตียโน โรนัลโด จากสโมสรฟุตบอลยูเวนตุส นอกจากนี้ eFootball PES ก็ยังคงสนับสนุนนักเตะรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถอย่างมาร์คัส แรชฟอร์ด จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอัลฟอนโซ่ เดวีส์ จากสโมสรฟุตบอลไบเอิร์น โดยแอมบาสเดอร์ทั้งสี่คนจะอยู่บนปกของ Club Editions ตัวใหม่ล่าสุด     

STANDARD & CLUB EDITIONS

  • STANDARD EDITION – ด้วยหน้าปกเกมที่โดดเด่น ซึ่งมีภาพของหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอย่าง ลิโอเนล เมสซิ โดยเกม PES 2021 Standard Edition นี้ จะวางจำหน่ายทั้งในร้านค้าทั่วไปและร้านค้าออนไลน์ในราคา 790 บาท
  • PARTNER CLUB EDITIONS – เป็นครั้งแรกที่เหล่าบรรดาแฟน ๆ จะสามารถซื้อ PES 2021 ในรูปแบบพิเศษ Club Editions ผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์ม ซึ่งมีทั้งสโมสรบาร์เซโลน่า, ยูเวนตุส, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, บาเยิร์นมิวนิค และอาร์เซนอล โดย Club Editions เหล่านี้จะรวบรวมเนื้อหาพิเศษของสโมสรต่าง ๆ เช่น   myClub  squads, Iconic Moment Series players, exclusive kits, branded menus และอื่นๆ โดยเกม PES 2021 Club Editions เหล่านี้จะวางจำหน่ายในราคา 922 บาท
  • LOYALTY DISCOUNT – สำหรับผู้เล่นที่เคยมีข้อมูลจากเวอร์ชั่น PES 2020 จะได้รับส่วนลด 20% เมื่อพรีออเดอร์เกม PES 2021 ในรูปแบบ Club Edition ผ่านตัวเกมเดิม PES 2020 รวมถึงผู้ที่เล่นในเวอร์ชั่น LITE อีกด้วย (จนถึงวันที่ 29 ตุลาคม)
  • VETERAN'S BONUS – นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่เล่น myClub ใน eFootball PES 2020 ก็จะได้รับ Vateran's Bonus พร้อมกับรางวัลต่างๆ มากมายตาม Milestone ที่ทำได้ในเกม ซึ่งรายละเอียดของรางวัลและ Milestone สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์หลักของเกม

คุณสมบัติเด่น

  • SEASON UPDATE – เป็นเวอร์ชั่นอัพเดตของตัวเกม eFootball PES 2020 ซึ่งจะมีข้อมูลผู้เล่นและรายชื่อสโมสรล่าสุด (รวมถึงไทยลีกด้วย) เนื่องจากหลายลีกได้มีการเลื่อนการจบฤดูการแข่งขันออกไป ทำให้ข้อมูลล่าสุดของทีมและลีกที่ได้รับไลเซนส์จำเป็นจะต้องมีการอัพเดตผ่านแพทช์ในวันแรก (จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต)
  • EXCLUSIVE UEFA EURO 2020™ CONTENT – ก่อนการแข่งขันจริงในปี 2021 เนื้อหาของ UEFA EURO 2020™ จะอยู่ใน PES 2021 ด้วย โดยจะมีโหมด Tournament ของ  UEFA EURO 2020™  ที่มี 55 ทีมชาติในสังกัดยูฟ่า แข่งในสนามชื่อดังอย่างเวมบลีย์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจำลองการแข่งขันทั้งก่อนและหลังการเปิดตัวในช่วงฤดูร้อน
  • ICONIC MOMENT SERIES – ย้อนอดีตช่วงเวลาที่น่าจดจำของบรรดานักฟุตบอลซุปเปอร์สตาร์ ทั้งนักฟุตบอลในปัจจุบันและในอดีต ด้วยซีรีส์ myClub ตัวใหม่นี้

สามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจาก eFootball PES และข้อมูลเพิ่มเติมได้จากช่องทางต่อไปนี้:

===============================

"e-Football" and "eFootball logo" are registered trademarks or trademarks of Konami Digital Entertainment Co., Ltd. in Japan and other countries or regions.

Official product manufactured and distributed by KONAMI under license granted by A.S. Roma S.p.A and Soccer s.a.s. di Brand Management S.r.l. All other copyrights or trademarks are the property of their respective owners and are used under license.  ©Konami Digital Entertainment.

===============================

หมายเหตุบรรณาธิการ:

เนื้อหาของเกมรวมถึงภาพและวิดีโอสามารถพบได้ที่นี่: https://www.konami-assets.com/

เกี่ยวกับโคนามิ กรุ๊ป (Konami Group)

Konami Group ก่อตั้งขึ้นในปี 1973 โดยเริ่มจากการเป็นผู้ผลิตเครื่องเล่น สำหรับร้านค้า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้เติบโตขึ้นโดยมีหน่วยธุรกิจที่แตกต่างกันในตลาดต่างๆ ในปัจจุบัน KONAMI HOLDINGS CORPORATION ประกอบไปด้วยธุรกิจบันเทิงดิจิตอล  ความบันเทิง  เกมพร้อมระบบ และธุรกิจด้านกีฬา  บริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (Osaka Securities Exchange) ในปี 1984, ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange) ในปี 1988 และตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange) ในปี 1999 สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.konami.com/en

เกี่ยวกับโคนามิ ดิจิตอล เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (Konami Digital Entertainment)

Konami Digital Entertainment   เป็นบริษัทหลักของ Konami Group โดยเป็นบริษัทที่พัฒนาเนื้อหาความบันเทิง   บนมือถือ คอนโซล และการ์ดเกม   มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในแฟรนไชส์ระดับโลก เช่น PES, Metal Gear, Silent Hill, Castlevania และ Contra รวมถึง Yu-Gi-Oh! ชุดเกมการ์ดซื้อขาย: www.konami.com/games/corporate/en/

รายละเอียดเพิ่มกรุณาติดต่อ

บริษัท เอ็ม วัน เน็ตเวิร์ค จำกัด  

คุณจงกลณี ทรัพย์รื่นรวย

อีเมลล์: jongkolnee.s@m1network.co.th

โทร: 081-854-3836

น้องม.ปลายพร้อมไหม โครงการ “สหพัฒน์แอดมิชชั่น” ครั้งที่ 23

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–28 สิงหาคม 2563

imgน้องม.ปลายพร้อมไหม โครงการ “สหพัฒน์แอดมิชชั่น” ครั้งที่ 23 เขาเตรียมจัดตารางติวเข้มให้น้อง ๆ ไปลุยสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันเต็มที่ แถมปีนี้บอสหญิงแห่งสหพัฒน์ ชัยลดา ตันติเวชกุล ยังประกาศปรับเปลี่ยนการติวให้เป็นออนไลน์ Live Streaming Class ติวฟรีแบบใหม่ อยู่ไหนก็ติวได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้เข้าถึงน้อง ๆ ทั่วประเทศ และยังขนกองทัพติวเตอร์ชื่อดังมาติดอาวุธความรู้ให้น้อง ๆ พร้อมแนะแนวอาชีพที่น่าสนใจ แถมน้อง ๆ คนไหนติวจบ จะได้รับ Online Certificate เพื่อนำไปแนบในพอร์ตกันด้วย งานนี้บอกเลยว่าพลาดไม่ได้ สำหรับน้อง ๆ นักเรียนที่สนใจติวเข้มออนไลน์ สามารถลงทะเบียนได้ทาง www.sahapatadmission.com หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 064-163-3449 และ 064-836-3990

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

ผู้บริโภคเพิ่มแรงกดดันทำให้เกิดนวัตกรรม ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–28 สิงหาคม 2563

บทความโดย นายฟาบิโอ ทิวิติ รองประธานบริษัท อินฟอร์ อาเชียน

imgผู้บริโภคจำนวนมากเอาจริงเอาจังกับเรื่องคุณภาพอาหารที่จะบริโภค ผลกระทบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องถึงสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากผู้ผลิตอาหาร เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มจึงจำต้องเร่งให้มีการแนะนำ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่เปลี่ยนไปในเรื่องของความสดใหม่ ผลดีต่อสุขภาพ และความใส่ใจในกระบวนการผลิต เทคโนโลยีสามารถเข้ามาช่วยทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้  ปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเรื่องอาหารการกินในทุกวันนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องรสชาติ ความสดใหม่ และความสะดวกสบายเท่านั้น  เมื่อต้องเลือกซื้ออาหารให้กับครอบครัว ผู้บริโภคจะใช้วิจารณญาณให้ความสำคัญในประเด็นสุขภาพ ประโยชน์ต่อร่างกายและเหตุปัจจัยทางสังคมอีกด้วย  โดยพวกเขาจะอ่านฉลากโภชนาการ หาข้อมูลตัวตนหรือความเป็นมาของซัพพลายเออร์ การคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ และการรักษาความยั่งยืนของสภาพแวดล้อม  มาตรฐานต่าง ๆ ที่ผู้บริโภคคาดหวังไว้เหล่านี้ ล้วนเพิ่มแรงกดดันให้กับผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ทว่าบริษัททั้งหลายที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยก็ควรจะไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้  เพราะการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีความตระหนักรู้และรับผิดชอบต่อสังคม จะช่วยให้บริษัทสร้างความแตกต่างที่คุ้มค่าได้

ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในด้านต่าง ๆ

เริ่มต้นจากแหล่งเพาะปลูก – ปัจจุบันผู้บริโภคต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของอาหารและเส้นทางที่เริ่มต้น จากแหล่งเพาะปลูกมาจนถึงจานอาหารมากขึ้น  จากรายงาน “แนวโน้มทิศทางอุตสาหกรรมอาหารของตลาดประเทศอาเซียนและจีน” ระบุถึงการที่ประชากรในเขตเมืองจะยอมจ่ายเพิ่มเพื่อคุณภาพที่ดีกว่า รวมถึงการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุชาวไทยและชาวสิงคโปร์ ทำให้ประชากรใส่ใจเรื่องสุขภาพและข้อมูลอาหารมากขึ้น  มูลนิธิ The International Food Information Council (IFIC) ระบุในรายงานล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มด้านอาหาร ปี 2562 ว่า “ชาวอเมริกันมีความต้องการเสพข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับอาหารที่พวกเขาบริโภคเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา และเทคโนโลยีก็ช่วยผู้ที่ชมชอบการรับประทานอาหารได้มากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน…นอกจากนี้ยังได้ช่วยผลักดันให้เกิดความโปร่งใสด้านซัพพลายเชนอาหารอีกด้วย” 

โภชนเภสัช ไม่ใช่คนรุ่นมิลเลนเนียลเท่านั้นที่มองหาทางเลือกที่เกี่ยวกับสุขภาพอย่างจริงจัง  คนทุกวัยต่างหันมาใช้วิตามิน เกลือแร่ และส่วนประกอบอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อกระดูก ข้อต่อ ระบบภูมิคุ้มกัน การย่อยอาหาร และสุขภาพสมองของตน  จากงานวิจัยของ Mintel ระบุว่า 20% ของผู้บริโภคชาวอเมริกันที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ใช้อาหารเสริมเพื่อสุขภาพเกี่ยวกับข้อต่อ และเนื่องจากผู้บริโภคต่างเสาะหาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ช่วยลดอาการอักเสบได้ ดังนั้นจึงเกิดผลิตภัณฑ์มากมายหลายชนิดที่มีส่วนผสมของขิง ขมิ้น สารสกัดชาเขียว และเห็ดต่าง ๆ ที่สามารถใช้รักษาโรคได้

เมื่อสุขภาพและความงามไปด้วยกัน – ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มสามารถใช้ประโยชน์จากงานวิจัยที่จัดทำโดยอุตสาหกรรมความงามซึ่งครั้งหนึ่งเคยเปิดเผยถึงผลเบอรี่และเครื่องเทศบางชนิดที่ให้ประโยชน์ในการชะลอวัยได้  นอกจากนี้สิ่งที่ได้รับความสนใจอื่น ๆ ได้แก่กรดไขมันโอเมก้า-3 ไบโอติน อโลเวร่า และโคเอนไซม์คิวเท็น ซึ่งเป็นสารอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ  ที่ผ่านมาบริษัทต่าง ๆ ไม่ค่อยเต็มใจลงทุนทางด้านนี้มากเท่าใดนัก เนื่องจากข้อจำกัดในการอ้างอิงถึงคุณประโยชน์ต่าง ๆ ด้านสุขภาพ  ปัจจุบันผู้บริโภคที่มีข้อมูลพร้อม ต้องการข้อมูลพื้นฐานและคำอธิบายต่าง ๆ บนบรรจุภัณฑ์น้อยลง ดังนั้นความท้าทายของผู้ผลิตจึงอยู่ที่การตัดสินใจเลือกส่วนผสมให้เหมาะกับชนิดของผลิตภัณฑ์มากกว่า

ความยั่งยืน – มูลนิธิ IFIC ระบุว่า “ความเคลื่อนไหวด้านความยั่งยืนนั้นเกิดขึ้นเป็นวัฎจักร เนื่องจากมีวิธีใหม่ ๆ ในการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ครอบคลุมตลอดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ นับตั้งแต่เรื่องแหล่งวัตถุดิบไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การกำจัดขยะ หรือการนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง วิธีการแบบ 360 องศานี้สะท้อนให้เห็นถึงหลักการของเศรษฐกิจหมุนเวียนที่มีการรักษาทรัพยากรต่าง ๆ ไว้ใช้งานให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เป็นการนำเอาคุณค่าของทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนำวัสดุกลับไปใช้งานใหม่อีกครั้งเมื่อหมดอายุการใช้งาน”

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้พลาสติก – วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทำจากพลาสติกได้กลายเป็นหัวข้อร้อนแรงระดับโลก ซึ่งผลักดันให้เกิดความต้องการด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ  วัสดุบรรจุภัณฑ์ชีวฐานจะกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตบรรจุภัณฑ์รุ่นใหม่ ๆ ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม  ความคิดริเริ่มต่าง ๆ เช่น โครงการ “Loop” หรือ “Upcycling SE Project” ก็กำลังพยายามที่จะนำแนวความคิดเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่สามารถส่งคืนและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ กลับมาอีกครั้งหนึ่ง

ขยะน้อยลง – ในปี 2561 ได้เกิดความตระหนักรู้เกี่ยวกับ “ผลผลิตที่ไม่น่ากิน: ugly produce” ขึ้น พืชผักผลไม้ที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามข้อกำหนดที่ผู้ค้าปลีกระบุได้รับโอกาสอีกครั้งหนึ่ง โดยทางเทสโก้ได้กลายเป็นผู้ค้าปลีกพิเศษแต่เพียงผู้เดียวที่จำหน่ายน้ำผลไม้ประเภท “Waste NOT” หลากหลายชนิดซึ่งล้วนแล้วแต่ทำมาจากผลผลิตที่ถูกระบุว่า “ไม่น่ากิน” ทั้งสิ้น

การอนุรักษ์ดิน – ดินดีอุดมสมบูรณ์ด้วยสารอาหารเป็นรากฐานของอาหารเพื่อสุขภาพ  บริษัทต่าง ๆ ควรเข้ามามีบทบาทในการทำให้ดินอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เช่น แบรนด์สินค้าอาหารสำหรับทารกของประเทศอเมริกา “Gerber” ที่กำลังหวังว่าแนวทางแบบองค์รวมและเกษตรอินทรีย์ที่อยู่ในสายผลิตภัณฑ์ “Clean Field Farming” ของบริษัทฯ จะประสบความสำเร็จ และช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งช่วยปรับปรุงระบบนิเวศให้ดีขึ้นด้วย  นอกจากนี้ Annie’s Homegrown ก็ยังเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่ช่วยสร้างความรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคในเรื่องนี้

การลดน้ำตาล – จากรายงานคำแนะนำในการบริโภคอาหารสำหรับชาวอเมริกัน ปี 2558-2563 (Dietary Guidelines for Americans 2015-2020) พบว่าคนจำนวนมากเชื่อคำแนะนำในการให้รับประทานน้ำตาลน้อยลง โดย 77% กล่าวว่าพวกเขากำลังค่อย ๆ จำกัดหรือหลีกเลี่ยงน้ำตาลในอาหาร และอีก 59% เห็นว่าน้ำตาลเป็นของไม่ดี  สารให้ความหวานจากพืชแบบใหม่หรือที่ได้จากผลิตภัณฑ์นม กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับผู้ผลิตในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์แบบคลาสสิกให้ดีขึ้น

มังสวิรัติ – การรับประทานอาหารที่มาจากพืชเป็นหลักยังคงได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้น โดยยอดขายอาหาร “ทางเลือกมังสวิรัติ” เพิ่มขึ้นถึง 20% ตั้งแต่ปี 2560  จากโพลล์ของ Gallup พบว่ามีชาวอเมริกันเพียง 5% เท่านั้นที่ระบุว่าเป็นมังสวิรัติ และอีก 3% เป็นวีแกน แต่สำหรับคนอื่น ๆ มีการเพิ่มผักชนิดต่าง ๆ และลดการบริโภคโปรตีนเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพทั่วไป สำหรับประเทศไทยพบว่ามีชาวไทยเพียง 3.3% ที่เป็นมังสวิรัติ

แล้วเทคโนโลยีช่วยให้ผู้ผลิตก้าวทันความต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างไร

เพื่อให้ก้าวทันต่อเหตุการณ์ ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มจะต้องทันเทรนด์ต่าง ๆ และอัปเดตการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทคโนโลยีสามารถช่วยได้หลากหลายวิธีดังนี้

นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ – การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างรวดเร็วถือเป็นเรื่องที่จำเป็น  กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ แสดงถึงทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพได้ อีกทั้งยังมีการเพิ่มแร่ธาตุและสารอาหารที่เกี่ยวข้องกับความสมดุลของสุขภาพเข้าไปในผลิตภัณฑ์ด้วย  การลดน้ำตาล สีสังเคราะห์ และวัตถุกันเสียในผลิตภัณฑ์สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคยุคใหม่จำนวนมากได้เช่นกัน  โซลูชั่นด้านการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ทันสมัย (enterprise resource planning – ERP) สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะจะช่วยจัดการเรื่องสูตรอาหาร วัตถุดิบ และสูตรในการผลิตต่าง ๆ ทำให้มั่นใจว่าสามารถรักษาคุณภาพให้ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด  ส่วนโซลูชั่นในการจัดการวงจรการผลิต (Product lifecycle management – PLM) ยังช่วยเร่งความเร็วในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ จัดการขั้นตอนต่าง ๆ พร้อมปรับปรุงการบริหารจัดการโครงการ การทำงานร่วมกัน และการทดสอบผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น

ฉลากชัดเจน (Clean labels) – ความโปร่งใสและความชัดเจนในกระบวนการผลิตอาหารกำลังทวีความ สำคัญมากยิ่งขึ้น ฉลากสินค้าเป็นกลยุทธ์สำคัญในการถ่ายทอดข้อความต่าง ๆ (ที่ต้องการสื่อถึงผู้บริโภค) บริษัทที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรม RSM กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันที หากเขาไม่เข้าใจหรือไม่สามารถหาข้อมูลได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ผลิตขึ้นมาอย่างไรและมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง ก็มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะไม่สนใจผลิตภัณฑ์นั้น ๆ  ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มสามารถหันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยจัดรูปแบบและเนื้อหาของป้ายกำกับแบบ clean label ให้เป็นไปตามข้อบังคับปัจจุบัน  โซลูชั่น PLM ช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ง่าย และเป็นไปอย่างถูกต้องครบถ้วนตามข้อกำหนด

การวางแผนด้านซัพพลาย – เมื่อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ออกสู่ตลาด และเริ่มเป็นที่ต้องการมากขึ้น ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วคือสินค้ามีไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย  บริษัทต่าง ๆ ต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับซัพพลายเออร์ และใช้ประโยชน์จากเครื่องมือการวางแผนด้านซัพพลายเชน เพื่อให้ผู้ค้าปลีกสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้

การสามารถตรวจสอบย้อนกลับระบบซัพพลายเชน – มูลนิธิ  International Food Information Council (IFIC) ระบุว่าเรื่องนี้ติดหนึ่งในห้าอันดับแรกของแนวโน้มด้านอาหารในปี 2562 และคาดว่าจะยังเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้บริโภคต่อไปอีก และจะทำให้เกิดความต้องการโซลูชั่นที่สามารถให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน  ผู้ผลิตอาหารจำนวนมากขึ้นทราบดีว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ มีราคาถูกลง และสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านั้นในการจัดการกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนได้  โซลูชั่นการจัดการซัพพลายเชนสมัยใหม่ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการมองภาพรวมและการติดตามตรวจสอบซัพพลายเออร์

การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ – โซลูชั่นธุรกิจอัจฉริยะ (business intelligence – BI) ที่ทันสมัยที่มีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ติดตั้งมาด้วย จะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ คาดการณ์แนวโน้ม และความต้องการของตลาด  ข้อมูลเชิงลึกที่วิเคราะห์ถึงอนาคตจะช่วยในการเตรียมวัตถุดิบ และวางแผนการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ได้ เช่น ด้านเครื่องจักร บรรจุภัณฑ์ และบุคลากร

สรุปประเด็นสำคัญ

โลกของการผลิตอาหารและเครื่องดื่มมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรื่องรสชาติเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัย หลากหลายประการที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ทุกวันนี้ประเด็นด้านสุขภาพ ความสมดุลของร่างกาย และเหตุปัจจัยทางสังคม เช่น ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ต่างก็มีความสำคัญเท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตจะเห็นเรื่องนี้เป็นความท้าทายหรือเป็นโอกาสในการปรับให้เข้ากับลูกค้า และด้วยการมีเทคโนโลยีทันสมัยพร้อมใช้งานจะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถคว้าโอกาสในการเร่งเปิดตัว และนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นตัวช่วยนำพาบริษัทก้าวไปสู่ความเจริญเติบโตในอนาคต 

โค้งสุดท้าย! มูลนิธิเอสซีจี ชวนน้องประถมฯ ประกวดวาดภาพระบายสี “เด็กไทยสู้ภัยโควิด”

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–26 สิงหาคม 2563

imgใกล้ปิดรับสมัครแล้ว สำหรับการประกวดวาดภาพระบายสี ในโครงการประกวดวาดภาพระบายสี “เด็กไทยสู้ภัยโควิด” (Thai Kids Fight COVID) ซึ่งจัดโดย มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับ มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ขอเชิญชวนน้อง ๆ นักเรียนระดับประถมศึกษาทั้งโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน เข้าร่วมการประกวดวาดภาพระบายสี ในหัวข้อการดูแลตัวเองที่โรงเรียน ให้ห่างไกลจากโควิด -19 เพื่อให้เด็กนักเรียนได้เห็นความสำคัญของการป้องกันตนเอง  รวมไปถึงการปลูกฝังเรื่องสุขลักษณะในชีวิตประจำวัน เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางกายภาพ การล้างมือ เป็นต้น โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2563

การประกวดเป็น 2 ประเภท คือ ระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น ปีที่ 1 – 3  และ ระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ปีที่ 4 – 6 โดยวาดภาพผลงานลงบนกระดาษขนาด A3 ไม่จำกัดเทคนิคการวาด สามารถใช้สีได้ทุกประเภท ซึ่งจะคัดเลือกผู้เข้ารอบจำนวน ประเภทละ 20 ภาพ โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในวันที่ 5 กันยายน 2563 แล้วเปิดให้ทางบ้านร่วมโหวตผ่าน Facebook มูลนิธิเอสซีจี ระหว่างวันที่  6 – 18 กันยายน โดยภาพที่มียอด Like สูงสุดจะได้รับรางวัลขวัญใจมหาชน ซึ่งรอบสุดท้ายจะตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และประกาศผลผู้ชนะรางวัลในวันที่ 19 กันยายน 2563 ผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 20,000 บาท รวมเงินรางวัล 160,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลและประกาศนียบัตรจาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย นอกจากนี้โรงเรียนต้นสังกัดของนักเรียนที่ได้รับรางวัลทั้งหมด จะได้รับชุดอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ประกอบไปด้วย เครื่องวัดอุณหภูมิ โรงเรียนละ 2 เครื่อง และสเปรย์แอลกอฮอล์ โรงเรียนละ 100 ขวด

น้อง ๆ นักเรียนระดับประถมศึกษาที่สนใจ รีบคลิกดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.scgfoundation.org และส่งภาพผลงานมาที่ มูลนิธิเอสซีจี หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2586 2042 และ 0 2586 1190 และเฟซบุ๊กมูลนิธิเอสซีจี https://www.facebook.com/SCGFoundation/

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ มูลนิธิเอสซีจี โทร 0 2586 2042 หรือ 0 2586 1190

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th
อุษณีย์ ถาวรกาญจน์ โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

สคฝ. เผยสถิติผู้ฝาก 6 เดือนแรก รวม 80 ล้านราย ย้ำมาตรการคุ้มครองเงินฝากมั่นคงสูง พร้อมเปิดศูนย์บริการให้ความรู้การคุ้มครองเงินฝาก 1158 และช่องทางออนไลน์ ให้ข้อมูลการคุ้มครองแก่ประชาชน

Logo

imgกรุงเทพฯ 24 สิงหาคม 2563 – สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA เสริมความมั่นใจการคุ้มครองเงินฝากในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน ย้ำมาตรการการคุ้มครองเงินฝากที่เป็นบัญชีเงินฝากสกุลเงินบาทภายในประเทศ ครอบคลุมบัญชีของผู้ฝากที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ในสถาบันการเงินภายใต้การคุ้มครองทั้ง 35 แห่ง ซึ่งหากสถาบันการเงินภายใต้การคุ้มครองถูกปิดกิจการ สคฝ. จะคืนเงินฝากภายใน 30 วัน โดยข้อมูลในช่วงครึ่งปี 2563 ระหว่างเดือน มกราคม ถึง มิถุนายน พบว่า ประเทศไทย มีจำนวนผู้ฝากในระบบสถาบันการเงินภายใต้ความคุ้มครองของ สคฝ. รวม 80.82 ล้านราย โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.38 หรือราว 1.1 ล้านราย และจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง มีจำนวนทั้งสิ้น 14.67 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.12 เมื่อเทียบกับข้อมูล ณ สิ้นปี 2562 โดยกว่าร้อยละ 98 เป็นผู้ฝากรายย่อย
มีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการคุ้มครองเงินฝากเพิ่มเติมได้ที่ www.dpa.or.th   ศูนย์บริการให้ความรู้การคุ้มครองเงินฝาก โทร. 1158 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/dpathailand             

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนทั่วทุกมุมโลก โดย สคฝ. มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝาก ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ฝากเงินเป็นสกุลเงินบาทกับสถาบันการเงินภายใต้กฎหมาย ว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากทั้ง 35 แห่ง ซึ่งจะคุ้มครองทันทีในลักษณะ 1 รายชื่อผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงิน ในบัญชีเงินฝาก 5 ประเภท ได้แก่ 1. เงินฝากกระแสรายวัน 2. เงินฝากออมทรัพย์ 3. เงินฝากประจำ 4. บัตรเงินฝาก และ 5. ใบรับฝากเงิน อย่างไรก็ตาม ในกรณีสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองถูกเพิกถอนใบอนุญาต ผู้ฝากจะได้รับเงินฝากคืนภายใน 30 วัน ตามวงเงินที่กฎหมายกำหนด โดยปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากอยู่ที่ 5 ล้านบาท ทั้งนี้ วงเงินคุ้มครองดังกล่าว สามารถครอบคลุมการคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนของผู้ฝาก 80.51 ล้านราย หรือคิดเป็นร้อยละ 99.63 ของผู้ฝากทั้งระบบ สำหรับเงินฝากที่เกินวงเงินการคุ้มครอง ผู้ฝากมีโอกาสได้รับเงินฝากคืนเพิ่มเติม จากการชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการในภายหลัง                

จากข้อมูลสถิติการฝากเงินในสถาบันการเงิน ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเงินฝากย้อนหลัง 3 ปี พบแนวโน้มจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองของระบบสถาบันการเงินเป็นไปในทิศทางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างปี 2560 – 2562 มีเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง จำนวน 12.54 ล้านล้านบาท 13.02 ล้านล้านบาท และ 13.56 ล้านล้านบาท ตามลำดับ และจากข้อมูลในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ระหว่างเดือนมกราคม – มิถุนายน พบว่า
ประเทศไทย มีจำนวนผู้ฝากในระบบสถาบันการเงินภายใต้ความคุ้มครองของ สคฝ. รวม 80.82 ล้านราย โดยเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.38 หรือราว 1.1 ล้านราย และมีจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองมีจำนวนทั้งสิ้น 14.67 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.12 เมื่อเทียบกับข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2562 โดยกว่าร้อยละ 98 เป็นผู้ฝากรายย่อยที่มีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท

จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันปริมาณเงินฝากมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ฝากเกือบทุกกลุ่ม โดยปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้นสูงสุดในกลุ่ม “ผู้ฝากบุคคลธรรมดา” และ “ผู้ฝากภาคธุรกิจ องค์กรภาครัฐ และกองทุนต่าง ๆ” อีกทั้งมีการขยายตัวใน
ทุกระดับวงเงินฝาก โดยเกือบครึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากในระดับเงินฝากวงเงินสูงกว่า 25 ล้านบาท อย่างไรก็ดี
จากปริมาณเงินฝากที่ขยายตัวในอัตราสูง เป็นผลมาจากความผันผวนในตลาดการเงิน ทำให้นักลงทุนโยกย้ายเงินลงทุนมาเข้าเงินฝากมากขึ้นเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากเงินฝากมีความปลอดภัยสูง เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นในตลาดเงินที่ผลตอบแทนลดลง และยังมีแนวโน้มการออมเพื่อสำรองการใช้จ่ายในอนาคต

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลผลตอบแทนตามประเภทสินทรัพย์เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ระหว่าง 2553 – 2562 พบว่า ผลตอบแทนการฝากเงินประเภทออมทรัพย์อยู่ที่ร้อยละ 0.72 ประเภทฝากประจำ 1 ปีอยู่ที่ร้อยละ 1.88 ประเภทพันธบัตร 3 ปีอยู่ที่ร้อยละ 2.41 ทองคำอยู่ที่ร้อยละ 2.31 JUMBO25 (หุ้น) อยู่ที่ร้อยละ 10.01 ทั้งนี้ แม้ว่าการฝากเงินยังเป็นช่องทางที่มั่นคงและมีความปลอดภัยสูง แต่ผู้ฝากยังสามารถพิจารณาการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ตามความเหมาะสมและความต้องการของตนเอง โดยต้องพิจารณาและศึกษาการจัดสรรสินทรัพย์อย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยในการบริหารการเงินอย่างยั่งยืน ขณะนี้ สคฝ. อยู่ระหว่างการศึกษาผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ เพื่อพิจารณาขยายการคุ้มครองในอนาคต นายทรงพล กล่าวทิ้งท้าย

 ประชาชนและองค์กรต่าง ๆ สามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการคุ้มครองเงินฝากได้ที่ www.dpa.or.th
ศูนย์บริหารให้ความรู้การคุ้มครองเงินฝาก โทร. 1158 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/dpathailand    

###

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชนติดต่อ

เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์ – JC&CO PUBLIC COMMUNICATIONS –

ชิดชนก ทองดี / +6698-494-9351 / chidchanokt@jcco.co.th  

ปัณณทัต กิตติพงศ์ยิ่งยง / 6662-445-9966 / pannatatk@jcpr.co.th

** MEDIA HOTLINE: 063-641-9549 (ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์) **

“สหพัฒน์” เปิดโครงการ “สหพัฒน์แอดมิชชั่น” ครั้งที่ 23 จัดติวฟรีออนไลน์รูปแบบใหม่ให้น้อง ม.ปลายก่อนเข้ามหาวิทยาลัย

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–24 สิงหาคม 2563

imgนางชัยลดา ตันติเวชกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทสหพัฒนพิบูลย์ จำกัด (มหาชน) และ นายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วย คุณนฤมล ชวเลขยางกูร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ฟร็อกดิจิตอล กรุ๊ป จำกัด เปิดโครงการ “สหพัฒน์แอดมิชชั่น” ครั้งที่ 23 ซึ่งเป็นครั้งแรกของการติวฟรีรูปแบบใหม่ Live Streaming Class ติวฟรีแบบใหม่ อยู่ไหนก็ติวได้” ผ่านระบบ Interactive Video Platform บนเว็บไซต์ Sahapat Admission ณ ลานอเนกประสงค์ เนชั่นทีวี เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วประเทศ ได้เตรียมความพร้อมก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเข้มข้นไปพร้อมกัน

#SahatpatAdmission23

#ติวฟรีแบบใหม่อยู่ไหนก็ติวได้

###

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร. 081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

JMT เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ รุ่นอายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี และรุ่นอายุ 3 ปี 6 เดือน ดอกเบี้ย 4.40% ต่อปี เสนอขายวันที่ 28 และ 31 สิงหาคม และ 1 กันยายน นี้

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–24 สิงหาคม 2563

imgบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน)  (“บริษัท” หรือ “JMT”) เสนอขายหุ้นกู้ อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี และรุ่นอายุ 3 ปี 6 เดือน ดอกเบี้ย 4.40% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาทสำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่ และทวีคูณครั้งละ 1 แสนบาท ผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อได้ที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) โดยจะเสนอขายหุ้นกู้วันที่ 28 และ 31 สิงหาคม และ 1 กันยายน 2563 นี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th

บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ โดยเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ “BBB” แนวโน้ม “Stable” โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563

สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ในการลงทุนเพิ่ม และ/หรือดำเนินการทั่วไปของบริษัท นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) กล่าว่า “บริษัทฯ มองว่าในช่วงนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่บริษัทฯ จะซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มเติม เราพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์กับสถาบันการเงินทุกแห่ง ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาบริษัทสามารถบริหารจัดการให้สามารถมีผลประกอบการได้ตามเป้าหมายได้ สามารถทำกำไรรายไตรมาสเป็นสถิติสูงสุด และมีกระแสเงินสดที่จัดเก็บจากลูกหนี้ที่เติบโตกว่าร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนของปีที่แล้ว”

JMT เป็นบริษัทในเครือ เจมาร์ท ซึ่ง JMT ดำเนินธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้สิน และ ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินมาบริหาร โดยปัจจุบันบริษัทมีกองหนี้ด้อยคุณภาพที่อยู่ภายใต้การบริหารมากกว่า 189,000 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้นำในการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพอันดับต้นของประเทศ ที่มีทิศทางผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ มามากกว่า 20 ปี โดยล่าสุด ในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 227 ล้านบาท หรือคิดเป็นการขยายตัวที่ 52% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 762 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการขยายตัวที่ 29% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า โดยบริษัทยังมีแผนเดินหน้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง จากการที่หนี้ด้อยคุณภาพในระบบยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก สำหรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น ยังไม่ได้ส่งผลกระทบในการจัดเก็บหนี้ของบริษัท โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 นั้น บริษัทมียอดจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) เท่ากับ 1,699 ล้านบาท หรือเท่ากับอัตราการขยายตัวที่ 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า

“แลคตาซอย” ชวนโพสต์ท่า สู้สู้ คู่กับกล่องเเลคตาซอย ครีเอทท่าเด็ดพร้อมข้อความให้กำลังใจลุ้นรับรางวัลใหญ่

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–24 สิงหาคม 2563

imgแลคตาซอย ชวนมาร่วมสนุกกับกิจกรรม “โชว์ท่า..เเลคตาซอย สู้ๆ เติมพลัง ในวันใหม่” ด้วยกติกาแสนง่าย เพียงโพสต์รูปโชว์ท่าสู้ๆ คู่กับกล่องเเลคตาซอย 300 มิลลิลิตร หรือ 500 มิลลิลิตร  พร้อมคำให้กำลังใจเพื่อนๆ ให้สู้ๆ ไปด้วยกัน นำมาโพสต์ลงเฟซบุ๊กของตนเองและตั้งค่าเป็นสาธารณะ ติด #Lactasoy #แลคตาซอย เเคปภาพมายืนยันการร่วมกิจกรรมที่ FB: Lactasoy https://www.facebook.com/lactasoyclub/ ระยะเวลาการร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 63 ถึง 24 ก.ย. 63 นี้เท่านั้น

ผู้โชคดีที่ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลใหญ่ ได้แก่ รางวัลที่ 1 iPad 10,900.- รางวัลที่ 2 หม้อทอดไร้น้ำมัน tefal 5,900.-  รางวัลที่ 3 เครื่องชงกาแฟแรงดัน mini mex 4,290.-  รางวัลที่ 4 เครื่องสกัดน้ำผักผลไม้ electrolux 3,200.-  ประกาศผลวันที่ 30 ก.ย. 63 ทาง FB: Lactasoy https://www.facebook.com/lactasoyclub/

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร. 081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

“มาม่าคัพ Spicy Carbonara” รสชาติเผ็ดร้อน ถูกปากคนชอบความแซ่บ

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–21 สิงหาคม 2563

imgบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ส่งเมนูความแซ่บ “มาม่าคัพ Spicy Carbonara” อร่อยได้ทุกที่ Spicy กว่าเดิม เอาใจคนชอบรักเส้นด้วยเส้นที่หนานุ่มกว่าเดิม ผสานกับรสชาติคาโบนาร่าที่สไปซี่เข้มข้นขึ้นอย่างลงตัว สำหรับใครที่ชอบรสชาติจัดจ้านรับรองว่าถูกปากถูกใจ อดใจไม่ไหวอย่างแน่นอน รีบไปลิ้มลองความอร่อยกันได้แล้ววันนี้ที่ร้าน 7-11 ทุกสาขา ในราคา 15 บาท

###

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์ โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th