Category Archives: Finance

Mercer เผยค่าเฉลี่ยเงินเดือนในประเทศไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.2% ในปี 2026

Logo

ข่าวประชาสัมพันธ์

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อมวลชน
Fei Tierney
Marsh McLennan
โทรศัพท์: +65 98009984
อีเมล: fei.tierney@mmc.com

วันที่ 19 ธันวาคม 2025—Mercer ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือ Marsh McLennan (NYSE: MMC) และเป็นผู้นำระดับโลกในการช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้านการลงทุน กำหนดทิศทางอนาคตของการทำงาน และยกระดับผลลัพธ์ด้านสุขภาพและการเกษียณอายุของพนักงาน เผยว่าค่าเฉลี่ยเงินเดือนของพนักงานในประเทศไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.2% ในปี 2026 สูงกว่าเล็กน้อยจาก 5% ในปี 2025

การสำรวจค่าตอบแทนรวม (Total Remuneration Survey) ปี 2025 ของ Mercer จัดทำการวิเคราะห์แนวโน้มและนโยบายด้านค่าตอบแทนในตำแหน่งงานมากกว่า 5,400 ตำแหน่ง จากบริษัทกว่า 815 แห่งในประเทศไทยที่ครอบคลุมทุกภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าแม้อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนจะชะลอลงเมื่อเทียบกับปี 2025 แต่เกือบทุกบริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจ (99.6%) มีแผนจะปรับขึ้นเงินเดือนในปี 2026 ใกล้เคียงกับ 99.7% ในปี 2025

จากการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการปรับขึ้นเงินเดือนในปี 2026 ได้แก่ การแข่งขันเพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถ โดยเฉพาะในหลายภาคส่วนที่ต้องการทักษะเฉพาะทาง และการให้ความสำคัญกับค่าตอบแทนตามผลงาน (merit-based compensation) อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยองค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับทั้งประสิทธิภาพการทำงานและความคุ้มค่าในด้านต้นทุน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในมุมอุตสาหกรรมนั้น ภาคพลังงานเป็นผู้นำด้วยอัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนเฉลี่ยที่คาดไว้ที่ 6.0% รองลงมาคือกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ 5.7% และกลุ่มยานยนต์ที่ 5.5%

ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่มีท้าทายอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อโครงสร้างแรงงานในปัจจุบัน ทำให้ในปี 2025 มีจำนวนพนักงานประจำลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งต่ำกว่าระดับในปี 2021 ที่เป็นช่วงการระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวแตกต่างกันไปในแต่ละอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น ในภาคพลังงานและวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Life Sciences) ที่มีจำนวนพนักงานประจำเพิ่มขึ้น

เพื่อตอบสนองต่อตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง รวมถึงความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไป รายงานยังชี้ให้เห็นว่า บริษัทต่าง ๆ ในประเทศไทยกำลังวางแผนปรับกลยุทธ์ด้านค่าตอบแทนในปีหน้า โดยปัจจุบัน 95.3% ขององค์กรที่เข้าร่วมการสำรวจมีแผนจูงใจระยะสั้น เช่น โบนัส ขณะที่สัดส่วนของบริษัทที่เสนอแรงจูงใจระยะยาว เช่น หุ้นพนักงาน เพิ่มขึ้นจาก 19.3% ในปี 2024 เป็น 38.2% ในปี 2025

นอกจากนี้ยังมีบริษัทจำนวนเพิ่มมากขึ้น (23.5%) ได้นำเสนอสวัสดิการแบบยืดหยุ่นเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจค่าตอบแทนสำหรับพนักงาน โดยมีทั้งการประกันสุขภาพ (89.5%) สมาชิกสันทนาการ/สปอร์ตคลับ (76.6%) และการตรวจสุขภาพ (64.9%) เป็นองค์ประกอบสิทธิประโยชน์และบริการหลักภายใต้แผนสวัสดิการแบบยืดหยุ่น

คุณธีระ เหล่าลัทธพล ผู้นำด้าน Data Intelligence & Academy Solution ของ Mercer ประเทศไทย กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลเห็นได้ชัดมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการปรับโครงสร้างองค์กรในประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อกลยุทธ์องค์กรพัฒนาไปอย่างรวดเร็วควบคู่กับนวัตกรรมด้านทรัพยากรบุคคล ข้อมูลจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรยังคงสามารถแข่งขันได้ในตลาดแรงงาน รวมถึงสามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของพนักงานที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อที่องค์กรจะสามารถดึงดูดและรักษาบุคลากรชั้นนำไว้ได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนมากขึ้น”

เกี่ยวกับ Mercer
Mercer เป็นบริษัทในเครือของ Marsh McLennan (NYSE: MMC) ผู้นำระดับโลกในการสนับสนุนลูกค้าให้บรรลุเป้าหมายด้านการลงทุน กำหนดอนาคตของการทำงาน และยกระดับผลลัพธ์ด้านสุขภาพและการเกษียณอายุของพนักงาน โดย Marsh McLennan เป็นผู้นำระดับโลกด้านการบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์ และบุคลากร โดยให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก ผ่านธุรกิจหลักทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ Marsh, Guy Carpenter, Mercer และ Oliver Wyman ซึ่ง Marsh McLennan มีความมุ่งมั่นในการช่วยให้องค์กร “มั่นใจในการเติบโตอย่างยั่งยืน” ผ่านมุมมองเชิงลึกและการให้คำปรึกษาที่สร้างผลลัพธ์จริง ซึ่งองค์กรมีรายได้ต่อปีมากกว่า 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และพนักงานกว่า 90,000 คนทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ mercer.com หรือติดตามข่าวสารทาง LinkedIn และ X

อาบูดาบีเปิดตัวกลุ่ม FIDA เพื่อกำหนดทิศทางโซลูชันทางการเงินและการลงทุนแห่งอนาคต

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2025

อาบูดาบีได้เปิดตัวกลุ่มธุรกิจฟินเทค ประกันภัย ดิจิทัล และสินทรัพย์ทางเลือก (FIDA) เพื่อเร่งการพัฒนาโซลูชันทางการเงินและการลงทุนแห่งอนาคต และได้ขยายบทบาทของเอมิเรตส์ในฐานะศูนย์กลางเงินทุนระดับโลก

กลุ่มอุตสาหกรรมการเงินนี้ นำโดยกรมพัฒนาเศรษฐกิจแห่งอาบูดาบี (ADDED) และสำนักงานการลงทุนแห่งอาบูดาบี (ADIO) เป็นเสาหลักสำคัญของแผนการกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจระยะยาวของอาบูดาบี โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2045 กลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน FIDA จะช่วยเพิ่ม GDP โดยตรงของอาบูดาบีได้ถึง 15.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างงานที่มีทักษะ 8,000 ตำแหน่ง และดึงดูดการลงทุนได้อย่างน้อย 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้ช่วยตอกย้ำถึงตำแหน่งของอาบูดาบีในฐานะจุดหมายปลายทางของระบบการเงินที่ทันสมัยและยืดหยุ่น

FIDA ได้รวบรวมพื้นที่ที่มีการเติบโตสูงที่ทั้งเทคโนโลยี กฎระเบียบ และเงินทุนมาบรรจบกัน รวมถึงฟินเทค สินทรัพย์ดิจิทัล ประกันภัย การประกันภัยต่อ และการลงทุนทางเลือกต่างๆ โดยมีเป้าหมายที่จะวางตำแหน่งอาบูดาบีให้เป็นเขตอำนาจศาลที่ได้รับความนิยมสำหรับบริษัทระดับโลกที่ต้องการออกแบบ ทดสอบ และขยายผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ภายในสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่มั่นคงและมองไปข้างหน้า

ฯพณฯ Ahmed Jasim Al Zaabi ประธานของ ADDED กล่าวว่า “กลยุทธ์ทางเศรษฐกิจของอาบูดาบีได้สร้างขึ้นมาบนการวางแผนระยะยาวและหลักการที่ว่าเงินทุน บุคลากรที่มีความสามารถ และนวัตกรรมต้องไหลเวียนผ่านโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยกลุ่ม FIDA เป็นการลงทุนเชิงโครงสร้างเพื่ออนาคต ด้วยการประสานความพยายามระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล เงินทุนของรัฐ สถาบันการเงิน และผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม ซึ่ง FIDA จะช่วยเสริมสร้างรากฐานของระบบการเงินยุคใหม่และตอกย้ำถึงตำแหน่งของอาบูดาบีในระดับโลกในฐานะเมืองหลวงแห่งเงินทุน”

ฯพณฯ Badr Al-Olama ผู้อำนวยการทั่วไปของ ADIO ให้ความเห็นว่า “FIDA ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในบทบาทของอาบูดาบีในด้านการเงินระดับโลก เรามีโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก ที่ซึ่งนวัตกรรมดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงทางด้านฟินเทค และเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาบรรจบกับเงินทุนระยะยาวและกฎระเบียบที่มองไปข้างหน้าตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยการนำนักลงทุนภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล สถาบันระดับโลก และผู้คิดค้นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีมารวมไว้ในกลุ่มเดียวกันที่เชื่อมต่อกัน อาบูดาบีจึงเป็นบ้านที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังสร้างอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัล โซลูชันทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วย AI และแพลตฟอร์มฟินเทคที่ก้าวล้ำ”

เสาหลักของโครงการแบบบูรณาการของกลุ่มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่ครอบคลุมและแข่งขันได้ในระดับโลก โดย FIDA จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางสินทรัพย์ดิจิทัลและแพลตฟอร์มฟินเทคระดับสถาบันที่ได้มาตรฐานสากล ขยายขีดความสามารถด้านการประกันภัยและการรับประกันภัยต่อเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการบริหารความเสี่ยงที่ซับซ้อน และสร้างกรอบการออมระยะยาวที่คุ้มครองผู้บริโภคซึ่งเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางการเงิน นอกจากนี้ยังจะขยายการเข้าถึงช่องทางการระดมทุนที่หลากหลายสำหรับวิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมถึงการให้สินเชื่อทางเลือก หนี้เพื่อการลงทุน และโซลูชันเงินทุนต่างๆ เพื่อการเติบโต

การเงินที่ยั่งยืนเป็นส่วนสำคัญของกลุ่มธุรกิจ โดยเน้นการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินสีเขียวและการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่านที่สอดคล้องกับพันธสัญญาของอาบูดาบีในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นอกจากนี้ FIDA จะขยายภูมิทัศน์ของสินทรัพย์ทางเลือกในเอมิเรตส์ สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนในหุ้นเอกชน เงินทุนร่วมลงทุน และอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งเป้าไปที่นักลงทุนสถาบันระดับโลก

โดยทางกลุ่มจะจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับภาคส่วนสำคัญๆ รวมถึงนวัตกรรมด้านอาหารและน้ำผ่านกลุ่มการเติบโตทางการเกษตรและอาหารและความอุดมสมบูรณ์ของน้ำ (AGWA), วิทยาศาสตร์ชีวภาพผ่านกลุ่มสุขภาพ ความอดทน อายุยืน และการแพทย์ (HELM) และการคมนาคมขนส่งผ่านกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะและการขับเคลื่อนอัตโนมัติ (SAVI) ซึ่งจะช่วยให้บริษัทนวัตกรรมทั่วทั้งเศรษฐกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม บริหารความเสี่ยง และขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สถานะของอาบูดาบีในฐานะ “เมืองหลวงแห่งเงินทุน” นั้นได้รับการสนับสนุนจากความมั่งคั่งของรัฐบาลมูลค่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ กรอบการกำกับดูแลระดับโลก และเครือข่ายที่ครอบคลุมข้อตกลงด้านภาษีซ้ำซ้อน การคุ้มครองการลงทุน และข้อตกลงทางการค้าต่างๆ บริษัทที่ดำเนินงานภายใต้ FIDA จะได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงตลาดโลกที่สำคัญในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชียอย่างมีประสิทธิภาพและได้รับการสนับสนุนจากสนธิสัญญา โดยการผสมผสานระหว่างความลึกของเงินทุน ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ และการเชื่อมต่อระหว่างประเทศนี้ ทำให้อาบูดาบีมีศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านฟินเทค การประกันภัยต่อ และสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ

FIDA จะรวบรวมระบบนิเวศที่ประสานงานกันของพันธมิตรซึ่งครอบคลุมด้านกฎระเบียบ การเงิน โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และการพัฒนาบุคลากร โดยการกำกับดูแลด้านกฎระเบียบนั้นจะนำโดยกระทรวงการคลัง ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ADGM และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งจะร่วมมือกันเพื่อให้มั่นใจถึงการกำกับดูแลทางการเงินที่สอดคล้องกันและพร้อมสำหรับอนาคต

พันธมิตรทางการเงิน ซึ่งรวมถึงกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ สำนักงานบริหารทรัพย์สินของครอบครัว และกองทุนคาลิฟาเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจ จะช่วยให้สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ในแต่ละช่วงของการเติบโต สถาบันโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมด้านบำนาญ การชำระเงิน สินเชื่อ และประกันภัย จะสนับสนุนการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่มีมาตรฐานระดับโลก

เครือข่ายนวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนาที่นำโดย Hub71, มหาวิทยาลัยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคาลิฟา, สถาบันการเงินเอมิเรตส์ และ ADGM Academy จะมุ่งเน้นไปที่การนำผลการวิจัยไปสู่เทคโนโลยีทางการเงินที่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ เครือข่ายพัฒนาบุคลากรนี้จะช่วยพัฒนาทักษะด้านวิทยาศาสตร์ประกันภัย, วิศวกรรมฟินเทค, การเงินที่ใช้คณิตศาสตร์ สถิติ และการคำนวณขั้นสูง และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างบทบาทของอาบูดาบีในฐานะศูนย์กลางของโซลูชันทางการเงินชั้นนำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

FIDA ได้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงสถานะของอาบูดาบีในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระดับโลกแห่งอนาคต และผลักดันความมุ่งมั่นของเอมิเรตส์ในการเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่สร้างอนาคตของการเงินและการบริหารจัดการการลงทุน

แหล่งที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Neil Luis
00971505422125

ที่มา: Abu Dhabi Investment Office

กลุ่มพัฒนาองค์ความรู้ด้านกลาโหม ความมั่นคง และความยืดหยุ่น (DSRB) – แถลงการณ์อย่างเป็นทางการ

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2025

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 กลุ่มพัฒนาองค์ความรู้ด้านกลาโหม ความมั่นคง และความยืดหยุ่น (DSRB) ได้จัดการประชุมระดับสูงขึ้น ณ กรุงลอนดอน โดยมีผู้แทนจาก 37 ชาติ รวมถึงประเทศสมาชิก G7 ทั้งหมด ตลอดจนคณะกรรมาธิการยุโรป NATO และรัฐสภายุโรป รวมถึงธนาคารระดับโลกและบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เพื่อหารือเกี่ยวกับ DSRB

ขณะนี้มีหลายประเทศแสดงความตั้งใจที่จะเริ่มดำเนินขั้นตอนอย่างเป็นทางการที่จำเป็นเพื่อจัดตั้ง DSRB ขึ้น

รูปแบบการมีส่วนร่วมแบบเป็นขั้นตอนเช่นนี้เป็นมาตรฐานในการก่อตั้งสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปมักเริ่มจากกลุ่มประเทศหลักจำนวนน้อยที่ทำหน้าที่เป็นแกนกลาง และขยายสมาชิกเพิ่มเติมในภายหลัง ผ่านการเจรจาร่างกฎบัตรและรอบการเพิ่มทุนในลำดับถัดไป

DSRB ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมความครอบคลุมให้กับโครงการ SAFE ของสหภาพยุโรป โดยมอบแพลตฟอร์มพหุภาคีที่กว้างขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงประเทศสมาชิก NATO และประเทศในภูมิภาคอินโด–แปซิฟิกเข้าด้วยกัน พร้อมทั้งระดมเงินทุนระดับโลกเพื่อสร้างศักยภาพด้านงบดุลที่จำเป็นสำหรับการสนับสนุนงบประมาณด้านกลาโหมของประเทศต่าง ๆ และการลงทุนเพื่อเสริมความยืดหยุ่นในระยะยาว

โครงการนี้ยังคงเดินหน้าร่วมกับรัฐบาลต่าง ๆ และมีเส้นทางที่ชัดเจนสู่ขั้นตอนถัดไปของการดำเนินงาน ได้แก่ การหารือระหว่างประเทศผู้ก่อตั้ง การจัดทำกฎบัตร และการจัดตั้งทุน DSRB ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนฐานอุตสาหกรรมของประเทศพันธมิตรให้แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ผ่านการจัดหาเงินทุนระยะยาวที่สามารถขยายขนาดได้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

tharper@apcoworldwide.com 

ที่มา: DSRB Development Group

Rachael Kao ประธาน CTBC Holding เน้นย้ำกลยุทธ์ระดับโลกในงาน Financial Times Summit ในฐานะตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของไต้หวัน

Logo

ไทเป, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–08 ธันวาคม 2025

CTBC Financial Holding ก้าวสู่เวทีนานาชาติอีกครั้งในงาน “Global Banking Summit 2025” ซึ่งจัดโดย Financial Times และ The Banker ได้นำผู้นำทางการเงินระดับโลกมารวมตัวกันที่กรุงลอนดอน ระหว่างวันที่ 2-4 ธันวาคม โดย Rachael Kao ประธาน CTBC Holding ได้เข้าร่วม “CEO Keynote Interview” เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม เพื่อแบ่งปันนวัตกรรมดิจิทัล กลยุทธ์ ESG และความพยายามในการขยายธุรกิจไปทั่วโลกของ CTBC ซึ่งทำให้เธอเป็นตัวแทนเพียงคนเดียวจากภาคการเงินของไต้หวันในงานปีนี้

Rachael Kao (right), President of CTBC Financial Holding, joins the “CEO Keynote interview” at the Financial Times Global Banking Summit 2025, engaging in a discussion with moderator Kimberley Long (left) on CTBC’s development and trends in the banking industry. / Courtesy of CTBC Financial Holding

Rachael Kao (ขวา) ประธานบริษัท CTBC Financial Holding ร่วมใน “บทสัมภาษณ์ CEO Keynote” ในงาน Financial Times Global Banking Summit 2025 โดยร่วมพูดคุยกับ Kimberley Long (ซ้าย) ผู้ดำเนินรายการ เกี่ยวกับพัฒนาการและแนวโน้มของ CTBC ในอุตสาหกรรมการธนาคาร / ภาพโดย CTBC Financial Holding

การประชุมสุดยอดสามวันซึ่งจัดร่วมกันโดย Financial Times และ The Banker มุ่งเน้นไปที่ธีม “การนำทางสู่ความซับซ้อน ขับเคลื่อนนวัตกรรม” หัวข้อต่างๆ ประกอบด้วย ภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยี สภาพภูมิอากาศ และการลงทุนระดับโลก งานนี้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญทางการเงินกว่าพันคน และผู้บริหารระดับสูงมากกว่า 40 คน วิทยากรใน “บทสัมภาษณ์ CEO Keynote” ร่วมกับ Rachael Kao ได้แก่ Lucy Rigby รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร, Nikhil Rathi ซีอีโอของ FCA และ Mel Stride รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและบำนาญของสหราชอาณาจักร

ระหว่างการสัมภาษณ์ Rachael Kao ได้อ้างอิงวลีอันเป็นที่รู้จักกันดีของ Heraclitus โดยเน้นย้ำว่าความยืดหยุ่นคือศักยภาพสำคัญที่กำหนดนิยามของสถาบันการเงินในปัจจุบัน เธอกล่าวว่ารากฐานการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง การบริหารความเสี่ยง การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และโครงการริเริ่มทางการเงินที่ยั่งยืนของ CTBC ล้วนเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตระยะยาวของบริษัท ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันได้โดยเน้นเรื่องความยั่งยืนเป็นหลัก

Rachael Kao เน้นย้ำว่าการเงินสีเขียว การเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่าน การลงทุนด้าน ESG และการลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานสามารถเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมของไต้หวันได้อย่างไร เธออ้างอิงถึงความสอดคล้องของ CTBC กับมาตรฐานความยั่งยืนระดับโลก บทบาทของ CTBC ในฐานะประธาน PCAF ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และการเป็นสมาชิกในกลุ่มทำงาน TNFD เนื่องจากบริษัทไต้หวันหลายแห่งกำลังเผชิญกับข้อกำหนดการลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก CTBC จึงให้การสนับสนุนลูกค้าผ่านการบัญชีคาร์บอน การวางแผนการเปลี่ยนผ่าน โซลูชันด้านประสิทธิภาพพลังงาน และความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน

ผู้ดำเนินรายการ Kimberley Long ยังได้สอบถามถึงวิธีการสนับสนุนอุตสาหกรรมของไต้หวัน Rachael Kao อธิบายว่า CTBC ซึ่งมีสาขามากกว่า 370 แห่งใน 14 ประเทศ ทำหน้าที่เป็น “ธนาคารซัพพลายเชน” ที่ให้บริการลูกค้าที่กำลังขยายตัวทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเซมิคอนดักเตอร์ เธอกล่าวว่า CTBC ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายระหว่างประเทศเพื่อจัดหาเงินทุน การบริหารจัดการเงินสด และโซลูชันสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าทางอุตสาหกรรมของไต้หวัน

โดย Long ได้นึกถึงภูมิทัศน์ธนาคารที่หนาแน่นของไต้หวัน จึงถามว่า CTBC โดดเด่นอย่างไรในด้านการเข้าถึงบริการทางการเงิน และ Rachael Kao ได้เน้นย้ำถึงพันธกิจของ CTBC ในการสร้างความมั่นใจว่าประชาชนจะได้รับการดูแล ความปลอดภัย ความเข้าใจ และความเคารพมากขึ้น CTBC ออกแบบอินเทอร์เฟซตู้เอทีเอ็มสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ใช้บริการที่มีปัญหาทางสายตา และชาวต่างชาติ เสริมความแข็งแกร่งให้กับมาตรการป้องกันการฉ้อโกงด้วย AI และนำเสนอกระบวนการปล่อยสินเชื่อสำหรับ SME ในรูปแบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ CTBC ในการสร้างระบบการเงินดิจิทัลที่อบอุ่น น่าเชื่อถือ และครอบคลุม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/ 20251207394751/en

Contacts

ฝ่ายประชาสัมพันธ์, CTBC Bank
Ken Wang (+8862) 3327-7777#6712
Sherry Fang (+8862) 3327-7777#6711

ที่มา: CTBC Financial Holding

GoTyme Bank เปิดตัวการซื้อขาย Crypto ในฟิลิปปินส์ ร่วมกับ Alpaca

Logo

ซานมาเทโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย และมะนิลา ฟิลิปปินส์–(BUSINESS WIRE)–08 ธันวาคม 2025

GoTyme Bank ธนาคารที่เติบโตเร็วที่สุดในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Gokongwei Group และ Tyme Group ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล โดยการเปิดตัวนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือกับ Alpaca ผู้นำระดับโลกด้าน API โครงสร้างพื้นฐานด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ให้การเข้าถึงคริปโทเคอร์เรนซี หุ้น ETF ออปชัน และตราสารหนี้

GoTyme Bank Launches Crypto Trading in the Philippines in Partnership with Alpaca

GoTyme Bank เปิดตัวการซื้อขาย Crypto ในฟิลิปปินส์ ร่วมกับ Alpaca

ความต้องการคริปโตยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยฟิลิปปินส์อยู่ในอันดับที่ 9 ในด้านการใช้งาน และอันดับที่ 20 ในด้านความมั่งคั่งของคริปโต ปัจจุบัน ชาวฟิลิปปินส์ประมาณ 10% ใช้คริปโต และคาดการณ์ว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 12.79 ล้านคนภายในปี 2026 การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากความต้องการโซลูชันทางการเงินที่ให้ความสำคัญกับดิจิทัลเป็นอันดับแรกในกลุ่มประชากรที่ไม่มีบัญชีธนาคารและเข้าถึงบริการทางการเงินไม่เพียงพอที่อยู่ที่ประมาณ 76% ของประเทศ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อคริปโตของฟิลิปปินส์ยังได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากจุดยืนเชิงบวกของรัฐบาลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการที่ประชากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น และการเข้าถึงบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมที่จำกัด

“เป้าหมายของเราคือการเป็นธนาคารที่พลิกโฉมวงการมากที่สุดในฟิลิปปินส์ ที่ช่วยให้ชาวฟิลิปปินส์ทุกคนสามารถปลดล็อกศักยภาพทางการเงินของตนเองได้ การเปิดตัว GoTyme Crypto ถือเป็นก้าวสำคัญสู่วิสัยทัศน์ดังกล่าว ขณะที่เรายังคงมุ่งมั่นนำเสนอโซลูชันทางการเงินระดับโลกที่ผสานรวมความปลอดภัย ความเรียบง่าย และนวัตกรรม” Nate Clarke ประธานและซีอีโอของ GoTyme Bank กล่าว “การร่วมมือกับ Alpaca ช่วยให้เรานำความเชี่ยวชาญระดับโลกมาสู่ลูกค้าในประเทศ ทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเขามีเครื่องมือที่จะก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ”

“ในขณะที่ชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากมองหาวิธีกระจายความเสี่ยงในการออมและป้องกันความผันผวนของสกุลเงินท้องถิ่น แอปคริปโตส่วนใหญ่กลับมุ่งเป้าไปที่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และก่อให้เกิดความรู้สึกกังวลสำหรับผู้ใช้ทั่วไป นั่นคือสิ่งที่ GoTyme Bank มุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหา” An Phan ผู้จัดการผลิตภัณฑ์พอร์ตโฟลิโอของ TymeX ซึ่งเป็นฝ่ายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ Tyme Group กล่าวเสริม “ผลิตภัณฑ์ของเรามุ่งเน้นความเรียบง่ายและความน่าเชื่อถือ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อคริปโตอย่างมั่นใจโดยไม่ต้องวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ซับซ้อนหรือจัดการในหลายๆ แอป”

ด้วยการสนับสนุนจาก Broker API ของ Alpaca ลูกค้าของ GoTyme Bank สามารถ:

  • เริ่มต้นการลงทุนโดยเพิ่มเงินทุนเข้าบัญชี GoTyme Crypto USD ได้อย่างง่ายดายโดยใช้บัญชีกระแสรายวัน GoTyme Bank ของคุณ
  • การเข้าถึงการลงทุนแบบออนดีมานด์สำหรับเหรียญที่ได้เลือกมา 11 เหรียญ ได้แก่ Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) และ Solana (SOL) และ
  • ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกและข่าวสารของตลาดแบบเรียลไทม์เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างมีข้อมูล

การบูรณาการที่คล่องตัวร่วมกับอินเทอร์เฟซที่คุ้นเคยและความปลอดภัยระดับธนาคารจะช่วยลดความยุ่งยากและทำให้การลงทุนเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

“เราภูมิใจที่ได้สนับสนุน GoTyme Bank ในการทำให้การซื้อขายคริปโตเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และเข้าถึงการผสานรวมที่กำลังเติบโตของการเงินแบบดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัล ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่นำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ Alpaca ช่วยให้ GoTyme Bank ช่วยให้ชาวฟิลิปปินส์หลายล้านคนสามารถสร้างความมั่งคั่งและมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกได้อย่างมั่นใจ” Yoshi Yokokawa ซีอีโอของ Alpaca กล่าว

เกี่ยวกับ Alpaca

Alpaca เป็นโบรกเกอร์-ดีลเลอร์ที่ให้บริการชำระบัญชีด้วยตนเอง มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้นำระดับโลกด้าน API โครงสร้างพื้นฐานด้านโบรกเกอร์ที่ให้บริการเข้าถึงหุ้น กองทุน ETF ออปชัน ตราสารหนี้ และคริปโทเคอร์เรนซี โดย Alpaca นำเสนอโซลูชันทางการเงินแบบฝังตัวสำหรับการแปลงโทเค็น การให้กู้ยืมหลักทรัพย์แบบชำระเต็มจำนวน เงินสดที่ให้ผลตอบแทนสูง การซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง 5 วัน การลงทุนที่สอดคล้องกับหลักชะรีอะห์ และอื่นๆ อีกมากมาย ปัจจุบัน Alpaca ให้บริการบัญชีโบรกเกอร์มากกว่า 8 ล้านบัญชี ครอบคลุมบริษัทฟินเทคและสถาบันหลายร้อยแห่งในกว่า 40 ประเทศ ด้วยเงินทุนกว่า 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ alpaca.markets

เกี่ยวกับ GoTyme Bank

GoTyme Bank เป็นธนาคารที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Bangko Sentral ng Pilipinas โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง Gokongwei Group และ Tyme ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารดิจิทัลข้ามประเทศ ด้วยระบบนิเวศอันกว้างขวางของ Gokongwei Group ทำให้ลูกค้าสามารถใช้บริการธนาคารได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร และพักผ่อน โดย Gokongwei Bank นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่คำนึงถึงความปลอดภัย ความเรียบง่าย และความสวยงาม ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ ตู้คีออสก์ และบัตรเดบิตที่ได้รับรางวัล ซึ่งเปิดทางสู่การออม การใช้จ่าย การลงทุน และการจัดการเงินรูปแบบใหม่ของลูกค้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gotyme.com.ph

GoTyme Bank ธนาคารดิจิทัลและผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือนที่ได้รับอนุญาตจาก BSP (MSB000215) ให้บริการสินทรัพย์เสมือนในฟิลิปปินส์ โดยสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีไม่ได้รับการประกันโดย PDIC หรือหน่วยงานรัฐบาลใดๆ

บริการคริปโทเคอร์เรนซีให้บริการโดย Alpaca Crypto LLC ซึ่งเป็น MSB ที่จดทะเบียนกับ FinCEN (NMLS #2160858) และเป็นบริษัทในเครือของ AlpacaDB, Inc. สินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีมีความผันผวนและเก็งกำไรสูง มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสีย และไม่ได้รับการประกันโดย FDIC หรือหน่วยงานรัฐบาลใดๆ ลูกค้าควรตระหนักถึงความเสี่ยงต่างๆ ก่อนใช้บริการเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงการสูญเสียเงินต้นที่อาจเกิดขึ้น ข้อควรพิจารณาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ การพัฒนากฎระเบียบ และลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปของเทคโนโลยีสินทรัพย์ดิจิทัล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยงของคริปโทเคอร์เรนซี โปรดคลิก ที่นี่

บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ให้บริการโดย Alpaca Securities LLC (“Alpaca Securities”) สมาชิก FINRA / SIPC เป็นบริษัทในเครือที่ AlpacaDB, Inc. ถือหุ้นทั้งหมด โดยเทคโนโลยีและบริการต่างๆ จะนำเสนอโดย AlpacaDB, Inc.

AlpacaDB, Inc. เป็นบริษัทแม่ของ Alpaca Securities LLC และ Alpaca Crypto LLC ให้บริการและเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึง API โครงสร้างพื้นฐานนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่รองรับบริการทางการเงินของ Alpaca

นี่ไม่ใช่ข้อเสนอ การชักชวนให้เสนอ หรือคำแนะนำในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือสกุลเงินดิจิทัล หรือการเปิดบัญชีนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์หรือบัญชีสกุลเงินดิจิทัลในเขตอำนาจศาลใดๆ ที่ Alpaca Securities หรือ Alpaca Crypto ตามลำดับ ไม่ได้จดทะเบียนหรือได้รับอนุญาตตามที่เกี่ยวข้อง

Alpaca, GoTyme Group (GoTyme Bank) และ Gokongwei Group เป็นนิติบุคคลแยกจากกัน แต่ละฝ่ายเป็นอิสระและไม่รับผิดชอบต่อภาระผูกพันหรือหนี้สินของอีกฝ่าย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: 
www.businesswire.com/news/home/20251207383870/en

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Patrick Valoppi
press@alpaca.markets

ที่มา: Alpaca

Fitch Learning เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Moody’s Analytics Learning Solutions (MALS) และ Canadian Securities Institute

Logo

ควบรวมหน่วยงานเพื่อเร่งการพัฒนาทักษะด้านบริการทางการเงินและขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจที่วัดผลได้ใน 148 ประเทศ

NEW YORK–(BUSINESS WIRE)–05 ธันวาคม 2025

Fitch Learning เป็นผู้นำระดับโลกด้านการเรียนรู้ทางการเงินและการรับรองวิชาชีพ ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Moody’s Analytics Learning Solutions (MALS) และ Canadian Securities Institute (CSI) แล้ว MALS เป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อและการเรียนรู้ดิจิทัลระดับโลก และ CSI เป็นผู้ให้บริการการรับรองชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมบริการทางการเงินของแคนาดา

Fitch Learning ได้รับการยอมรับทั่วโลกในฐานะผู้ให้บริการการศึกษาทางการเงินชั้นนำ ให้บริการการฝึกอบรมเฉพาะทางสำหรับอุตสาหกรรมด้านการบริการทางการเงิน โดยมีการรับรองคุณวุฒิ โปรแกรมโซลูชันองค์กรที่มีความยืดหยุ่น บริการจัดการ และโซลูชันการเรียนรู้ดิจิทัลที่ได้รับความไว้วางใจจากสถาบันชั้นนำทั่วโลก การควบรวมธุรกิจในครั้งนี้จะเสริมบริการแก่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินกว่า 92,000 คน ใน 148 ประเทศ ในทุกช่วงวัย

“การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นการมุ่งสร้างโอกาสการเติบโตที่มากขึ้น ทั้งสำหรับองค์กรและบุคคล” Andreas Karaiskos ซีอีโอของ Fitch Learning กล่าว “การผสมผสานความเชี่ยวชาญอันล้ำลึกและเทคโนโลยีการเรียนรู้ของทั้งสององค์กรเข้าด้วยกัน จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถสร้างทีมงานที่พร้อมสรรพสำหรับอนาคต และช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้รับทักษะที่สำคัญที่สุดในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน”

การควบรวมธุรกิจในครั้งนี้ จะทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงชุดโซลูชันที่ขยายกว้างขึ้น โดยครอบคลุมการธนาคารเพื่อการพาณิชย์และผู้บริโภค ความเสี่ยงด้านสินเชื่อ การบริหารความมั่งคั่งและการลงทุน การธนาคารเพื่อการลงทุนและองค์กร ทักษะทางวิชาชีพ ตลอดจนการการวิเคราะห์ข้อมูลและ AI

แบรนด์ CSI จะยังคงดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับการให้การรับรองและเครื่องหมายรับรองอันทรงเกียรติของอุตสาหกรรม แบรนด์ MALS จะถูกยกเลิก และจะมีการนำเสนอโซลูชันของแบรนด์นี้เป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตโฟลิโอของ Fitch Learning

“เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญนี้สำหรับ Fitch Learning ลูกค้าของเรา และผู้เรียนในภาคส่วนการบริการทางการเงิน” Karaiskos กล่าว “การเข้าซื้อกิจการ MALS และ CSI ไม่ได้เป็นเพียงแค่การขยายธุรกิจของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างบุคลากรระดับโลกที่มีความสามารถ เพื่อมอบผลลัพธ์ที่สร้างผลลัพธ์สูงให้กับลูกค้าของเรา””

การนำ Fitch Learning, MALS และ CSI มารวมกันเป็นองค์กรเดียว ถือเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงการศึกษาทางการเงิน โดยก้าวข้ามวิธีการเรียนรู้แบบเดิมๆ เพื่อมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่เป็นนวัตกรรม มีพลวัต และปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนสามารถเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด และช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับอาชีพการงานในอนาคต

เงื่อนไขการทำธุรกรรมนี้ไม่ได้รับการเปิดเผย

สามารถเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.fitchlearning.com

เกี่ยวกับ Fitch Learning

Fitch Learning เป็นส่วนหนึ่งของ Fitch Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการศึกษาทางการเงินระดับโลกที่น่าเชื่อถือ โดยได้รับการสร้างขึ้นด้วยความเชี่ยวชาญเชิงลึกด้านสินเชื่อและเสริมความแข็งแกร่งด้วยประสบการณ์อันกว้างขวางในบริการทางการเงิน เรานำเสนอโซลูชันการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพผ่านโปรแกรม หลักสูตร และคุณวุฒิวิชาชีพที่มุ่งเน้นลูกค้า ด้วยการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลและเครื่องมือการเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เราช่วยให้องค์กรต่างๆ ทั่วโลกสามารถสร้างทีมงานที่พร้อมสำหรับอนาคต Fitch Learning เป็นเจ้าของ Canadian Securities Institute, Certificate in Quantitative Finance Institute (CQFI) และ Global Institute of Credit Professionals โดยมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินตลอดเส้นทางอาชีพของพวกเขา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

รายชื่อติดต่อสำหรับสื่อ:
Brooke Rera
+1 631 871 4994
fitchlearning@allisonworldwide.com

Cristina Bermudez
+1 305-613-5814
cristina.bermudez@thefitchgroup.com

ที่มา: Fitch Learning

Prudential Financial เลือก Pace ในการช่วยทำให้การดำเนินงานด้านประกันภัยเป็นระบบอัตโนมัติด้วยเอเจนต์ AI

Logo

เอเจนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Pace สามารถช่วยปรับปรุงบริการด้านนโยบายและดำเนินการงานรับรองคุณภาพอื่นๆ ภายในธุรกิจประกันชีวิตส่วนบุคคลของ Prudential

NEW YORK–(BUSINESS WIRE)–04 ธันวาคม 2025

Pace เอเจนต์ด้านการประกันภัย ซึ่งผ่านการรับเลือกจากธุรกิจประกันชีวิตส่วนบุคคล (ILI) ของ Prudential เพื่อช่วยทำให้การให้บริการง่ายขึ้นและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

เอเจนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Pace กำลังเข้าช่วยปรับปรุงการให้บริการด้านนโยบายและสนับสนุนการประกันคุณภาพภายในธุรกิจ ILI ของ Prudential ระบบอัตโนมัติชุดแรกเริ่มต้นทำงานแล้ว และใช้เวลาทำงานหลายพันชั่วโมง

“การร่วมงานกับ Prudential เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า เราจะสามารถนำ AI มาใช้เป็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ได้อย่างไร” Jamie Cuffe ซีอีโอของ Pace กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้สนับสนุนทีมงานที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาด้วยเอเจนต์ AI ที่ใช้งานได้จริงในปัจจุบัน โดยมาพร้อมความแม่นยำและความเร็วที่ดีเยี่ยมในระดับเดียวกัน”

ข้อตกลงหลายปีระหว่าง Pace และธุรกิจ ILI ของ Prudential เริ่มต้นเป็นโครงการนำร่องและขยายไปสู่การผลิตเต็มรูปแบบอย่างรวดเร็วหลังจากแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงที่ชัดเจนในด้านความเร็วและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน

“เราได้ก้าวไปอีกขั้นในการปรับปรุงกระบวนการหาลูกค้าให้ทันสมัย” Sara Atkinson รองประธานฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์สำหรับธุรกิจ ILI ของ Prudential กล่าว “ด้วยระบบอัตโนมัติ ทีมงานของเราจึงมีเวลามากขึ้นในการมุ่งเน้นสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งสนับสนุนเป้าหมายที่เปิดกว้างขึ้นของ Prudential ในการมอบประสบการณ์ระดับชั้นนำของอุตสาหกรรมให้ทั้งลูกค้าและผู้รับบริการ”

เกี่ยวกับ PACE

Pace คือ เอเจนต์ด้านประกันภัย เอเจนต์ AI ของ Pace ทำหน้าที่ควบคุมแอปพลิเคชันภายในองค์กร วิเคราะห์ข้อมูลในเอกสาร และโทรศัพท์ติดต่อเพื่อจัดการงานต่างๆ ที่ปกติแล้วผู้ให้บริการด้านกระบวนการทางธุรกิจ (BPO) มักจะทำ Pace ทำงานร่วมกับบริษัทประกันภัยชั้นนำเพื่อช่วยจัดการงานประกันภัยที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจต่างๆ เช่น การรับเรื่อง การให้บริการกรมธรรม์ การจัดการสินไหมทดแทน และการป้อนข้อมูล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม withpace.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

รายชื่อติดต่อสำหรับสื่อของ Pace
+1 (917) 791-0529
press@withpace.com

รายชื่อติดต่อสำหรับธุรกิจของ Pace
Tristan Gosakti
tristan@withpace.com

ที่มา: Pace

COOCON เข้าร่วมงาน Singapore FinTech Festival ประจำปี 2025

Logo

  • เพิ่มความสะดวกสบายในการชำระเงินให้กับชาวต่างชาติในเกาหลีด้วยบริการชำระและถอนเงินผ่านคิวอาร์โค้ดที่ไม่ซับซ้อน
  • ลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและขยายความครอบคลุมไปทั่วโลกผ่านเครือข่ายการชำระเงินด้วย Stablecoin

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–25 พฤศจิกายน 2025

COOCON (CEO คิม จง-ฮยอน, KOSDAQ 294570) บริษัทแพลตฟอร์มข้อมูลธุรกิจชั้นนำ เข้าร่วมงาน Singapore FinTech Festival (SFF) ประจำปี 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่ Singapore EXPO ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 14 พฤศจิกายน และได้นำเสนอบริการการชำระเงินระดับโลกรูปแบบใหม่

บริการการชำระเงินระดับโลกของ COOCON เป็นโซลูชันล้ำสมัยที่ช่วยให้ผู้ให้บริการการชำระเงินในต่างประเทศสามารถให้บริการในตลาดเกาหลีได้แบบเรียลไทม์โดยที่ไม่จำเป็นต้องวางโครงสร้างพื้นฐานแยกต่างหาก ผู้ใช้จากต่างประเทศสามารถชำระเงินที่ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเสื้อผ้า และร้านผลิตภัณฑ์ความงามทั่วเกาหลีได้อย่างง่ายดาย เพียงสแกนคิวอาร์โค้ดภายในแอปชำระเงินจากประเทศของพวกเขา อีกทั้งยังสามารถถอนเงินเป็นสกุลวอนเกาหลี (KRW) ได้ทันทีจากตู้ ATM กว่า 40,000 แห่งทั่วประเทศ บริการนี้ช่วยให้นักเดินทางและนักท่องเที่ยวต่างชาติในเกาหลีสามารถชำระและถอนเงินสดได้อย่างราบรื่น ทำให้ไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนเงินหรือเปิดบัญชีธนาคารในประเทศให้ยุ่งยาก และเพิ่มความสะดวกสบายได้อย่างมาก

COOCON ได้จัดตั้งระบบการชำระเงินที่สามารถเข้าใช้ได้อย่างแพร่หลายโดยมีโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีรองรับ ซึ่งประกอบด้วยผู้จำหน่ายผ่านคิวอาร์บนมือถือมากกว่า 2 ล้านราย ร้านในเครือข่ายแฟรนไชส์มากกว่า 100,000 แห่ง และตู้ ATM อีกกว่า 40,000 แห่งทั่วเกาหลี เมื่อใช้ประโยชน์จากรากฐานที่มั่นคงนี้ บริษัทจึงสามารถพัฒนากลยุทธ์ในการสร้างเครือข่ายการให้บริการการชำระเงินระดับโลกรูปแบบใหม่ที่รองรับการชำระเงินทั่วโลก การชำระเงินในประเทศ และแพลตฟอร์ม Stablecoin ได้ และด้วยระบบการชำระเงินที่ครอบคลุมนี้ COOCON จึงสามารถช่วยให้ผู้ให้บริการการชำระเงินในต่างประเทศสามารถเข้าสู่ตลาดเกาหลีได้อย่างราบรื่น

สำหรับการเข้าร่วมงาน SFF 2025 ในครั้งนี้ COOCON ได้กระชับความสัมพันธ์กับผู้ให้บริการการชำระเงินและ Stablecoin ระดับโลกที่มหกรรมเทคโนโลยีทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย อีกทั้งยังได้นำเสนอความสามารถทางเทคโนโลยีและวิสัยทัศน์ระยะยาวของตนบนเวทีระดับนานาชาติอย่างเต็มรูปแบบ บริษัทได้เปิดบูธที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้เข้าร่วมงานจากเกาหลีเพื่อจัดแสดงผลงานบริการระดับโลกและกลยุทธ์ในอนาคต พร้อมกับเร่งสร้างเครือข่ายการประสานงานกับคู่ค้าทั่วโลกเพื่อให้ตอบสนองต่อกรอบการกำกับดูแลที่พัฒนาอยู่เสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่งานประจำปีนี้ COOCON ยังได้สาธิตความสามารถในการชำระและถอนเงินโดยใช้ Stablecoin เป็นครั้งแรกบนเวทีระดับสากล บริษัทได้สร้างเครือข่ายการชำระเงินที่สามารถเปิดใช้ได้ทันทีและสอดคล้องกับการปรับแก้กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับ Stablecoin ที่กำลังใกล้เข้ามา ตลอดจนแผนในการใช้เครือข่ายนี้เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและความยุ่งยากในการเจรจาตกลง พร้อมกับรับรองระบบการชำระเงินระดับโลกที่ปลอดภัยและวางใจได้ ยิ่งไปกว่านั้น COOCON จะยังคงขยายความร่วมมือกับผู้ดูแล Stablecoin รายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป โดยการวางรากฐานเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาบทบาทของตนในฐานะศูนย์กลางภายในระบบ Stablecoin ทั่วโลก

คิน จง-ฮยอน CEO ของ COOCON กล่าวว่า “หลังจากที่เราได้รับความสนใจอย่างล้มหลามจากบริษัททั่วโลกในงาน Singapore FinTech Festival เมื่อปีที่แล้ว บูธของเราก็มีผู้เข้าชมจำนวนมากอีกครั้งในปีนี้ ตลอดงานนี้ เราหวังว่าจะได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของบริการการชำระเงินระดับโลกของ COOCON และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี API ที่เราสั่งสมมาตลอด 20 ปีนี้” เขากล่าวเสริม “มหกรรมครั้งนี้จะเป็นโอกาสในการขยายความครอบคลุมระดับโลกของเราไปยังตลาดเทคโนโลยีทางการเงินที่สำคัญในเอเชีย เราจะมุ่งมั่นค้นหาและประสานความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในภาคส่วนการชำระเงินและ Stablecoin เพื่อเร่งการขยายตัวออกสู่ตลาดในต่างประเทศต่อไป”

ในขณะเดียวกัน มหกรรมเทคโนโลยีทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง SFF 2025 ได้นำพาผู้นำด้านการเงินและเทคโนโลยีระดับโลก เช่น ผู้กำหนดนโยบาย สถาบันการเงิน บริษัท IT นักลงทุน และสตาร์ทอัพหน้าใหม่ มารวมตัวกัน โดยในปีนี้ มีบริษัทเข้าร่วมมากกว่า 650 แห่งจาก 130 ประเทศและผู้เข้าชมอีกกว่า 65,000 คน พร้อมการจัดแสดงผลงาน การสัมมนา และโครงการการสร้างเครือข่ายที่ครอบคลุมเทรนด์การเงินล่าสุดที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง บล็อกเชน การเข้าถึงบริการทางการเงิน และการเงินที่ยั่งยืน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Webcash for COOCON
คิม โด-ยอล
+82-2-3774-4743
dykim@webcash.co.kr

 กง ฮา-ยัง
+82-2-3774-4756
 hazero@webcash.co.kr

คัง มิน-จี
+82-2-3774-4755
kmj9845@webcash.co.kr

อี มิน-จู
+82-2-3779-9103
lmj0326@webcash.co.kr

ที่มา: COOCON

Teachers Mutual Bank Limited ปรับปรุงการยืนยันตัวตนด้วย Boomi

Logo

ธนาคารร่วมชั้นนำมอบการประมวลผลข้อมูลประจำตัวที่เร็วขึ้น 95 เปอร์เซ็นต์ ลดความพยายามด้วยตนเองอย่างมาก และปลดล็อกข้อมูลแบบเรียลไทม์

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศในวันนี้ว่า Teachers Mutual Bank Limited ซึ่งเป็นธนาคารร่วมทุนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย ได้นำแพลตฟอร์ม Boomi Enterpriseมาใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และสร้างรากฐานที่ปลอดภัยและปรับขนาดได้สำหรับนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในอนาคต

Teachers Mutual Bank Limited (TMBL) ก่อตั้งขึ้นเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว โดยดำเนินธุรกิจแยกย่อยในสี่แบรนด์ ได้แก่ Teachers Mutual Bank, Health Professionals Bank, Firefighters Mutual Bank และ UniBank ในปัจจุบัน Teachers Mutual Bank Limited มีสมาชิกรวมกันเกือบ 220,000 ราย และมีสินทรัพย์รวมมากกว่า 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

TMBL เป็นลูกค้าของ Boomi มาเป็นเวลา 10 ปี และเคยร่วมงานกับ Boomi เพื่อสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบ Omnichannelดิจิทัลที่ดียิ่งขึ้น หลังจากความสำเร็จนี้ TMBL ได้ใช้ Boomi เพื่อผสานรวมโครงสร้างพื้นฐานเดิมเข้าด้วยกัน โดยผสานรวมระบบธนาคารหลัก ระบบบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล (ERP) และระบบจากภายนอกเข้ากับสภาพแวดล้อมข้อมูลแบบเรียลไทม์ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้สมาชิกธนาคารสามารถอัปเดตข้อมูลของตนผ่านช่องทางออนไลน์ สาขา และศูนย์บริการลูกค้าได้ภายในเวลาไม่ถึง 60 วินาที ซึ่งก่อนหน้านี้อาจใช้เวลานานถึงสามวันทำการและต้องดำเนินการด้วยตนเอง

“เรารู้ดีว่าการปรับปรุงระบบของเราให้ทันสมัยไม่ใช่แค่การอัปเกรดเทคโนโลยีเท่านั้น แต่มันคือการทำให้สมาชิกของเราใช้บริการธนาคารได้ง่ายขึ้นในทุกๆ วัน” Anureet Bal หัวหน้าฝ่ายแอปพลิเคชันองค์กรของ Teachers Mutual Bank Limited กล่าว “ไม่ว่าใครจะโทรติดต่อศูนย์บริการลูกค้าหรือเข้าสู่ระบบธนาคารออนไลน์ รายละเอียดของพวกเขาก็อัปเดตได้ภายในไม่กี่วินาที ไม่ใช่แค่ไม่กี่วัน การตอบสนองที่รวดเร็วแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก่อนที่การผสานรวมแบบเรียลไทม์และการประสานข้อมูลจะกลายเป็นบรรทัดฐานของเรา”

ในขั้นตอนการเปิดตัว TMBL ได้นำบริการ API ของ Boomi มาใช้เพื่อสร้างแหล่งข้อมูลเดียวที่เชื่อถือได้สำหรับข้อมูลของลูกค้า ในขณะที่การจัดการ API ของ Boomiจะช่วยให้สามารถบูรณาการระหว่างระบบธนาคารและช่องทางดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและปรับขนาดได้

Boomi ช่วยให้ชุดเครื่องมือ RPA ของธนาคารสามารถทำงานอัตโนมัติในกระบวนการรู้จักลูกค้า (KYC) (การยืนยันตัวตน) การตรวจจับการฉ้อโกง และการจัดการข้อยกเว้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนด และทำให้พนักงานมีเวลาไปเน้นที่งานที่มีมูลค่าสูงกว่าได้

“แรงกดดันด้านกฎระเบียบกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เราไม่อยากถือว่าการปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นเพียงแค่หนึ่งสิ่งที่ต้องทำ” Bal กล่าวเสริม “การฝังระบบยืนยันตัวตนและการตรวจสอบการฉ้อโกงเข้าไปในระบบแบบเรียลไทม์ที่ขับเคลื่อนด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราตอบสนองได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่เรายังสร้างรากฐานดิจิทัลที่สามารถพัฒนาไปพร้อมกับความต้องการของสมาชิกและอนาคตของบริการทางการเงินอีกด้วย”

ในอนาคต TMBL วางแผนที่จะพัฒนาสถาปัตยกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Boomi เพื่อรองรับขั้นตอนการปฏิรูป AML ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกให้ดียิ่งขึ้น

“มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจกับผลกระทบทางดิจิทัล” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว “การผนวกการปฏิบัติตามกฎระเบียบเข้ากับกระบวนการบริการลูกค้า และมอบเครื่องมือให้พนักงานตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ Teachers Mutual Bank Limited ได้สร้างรากฐานที่เป็นเชิงรุก ไม่ใช่เชิงรับ นั่นคือสิ่งที่ธนาคารยุคใหม่ควรจะเป็น”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และ AI Agent ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม โดยทาง Boomi ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบ Agentic ที่จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมในระดับที่กว้างกว่าเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘Boomi’, โลโก้ ‘B’ และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113137300/en

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

ธนาคาร Mizuho เร่งปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 20022 และปรับปรุงระบบการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย Boomi

Logo

สถาบันการเงินจะลดเวลาในการเริ่มต้นใช้งานลง เพิ่มความสามารถในการปรับขนาดตามภูมิภาค และปกป้องลูกค้าจากการหยุดชะงักของกฎระเบียบ

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศในวันนี้ว่า ธนาคาร Mizuho ได้นำแพลตฟอร์ม Boomi Enterpriseมาใช้งานเพื่อเร่งการปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 20022 และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โครงการนี้ช่วยให้การเริ่มต้นใช้งานของลูกค้าราบรื่นขึ้น ด้วยคำสั่งชำระเงินที่ง่ายขึ้น และความสามารถในการปรับขนาดเพื่อรองรับอนาคต ทั้งหมดนี้เพื่อปกป้องลูกค้าจากความซับซ้อนของการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบต่างๆ

ธนาคาร Mizuho เป็นส่วนหนึ่งของ Mizuho Financial Group หนึ่งในสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดำเนินธุรกิจครอบคลุมทั้งธนาคารเพื่อลูกค้าองค์กร ธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อย และธนาคารเพื่อการลงทุน ขณะที่อุตสาหกรรมบริการทางการเงินกำลังเปลี่ยนผ่านจากระบบการส่งข้อความ SWIFT MT แบบเดิมไปสู่มาตรฐาน ISO 20022 ธนาคารจึงได้เล็งเห็นโอกาสที่จะก้าวไปไกลกว่าการปฏิบัติตามข้อกำหนด และใช้การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อยกระดับผลลัพธ์ให้กับลูกค้า

“เราทราบดีว่าการเปลี่ยนผ่านสู่มาตรฐาน ISO 20022 อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานประจำวันของลูกค้า แทนที่จะผลักภาระความซับซ้อนนั้นให้พวกเขา เรากลับตัดสินใจรับผิดชอบแทน” Andy Nam ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศประจำภูมิภาคของธนาคาร Mizuho กล่าว “โครงการนี้จะช่วยให้ลูกค้าของเรายังคงใช้รูปแบบไฟล์ที่คุ้นเคยได้ต่อไป ในขณะที่เราจะจัดการการแปลงไฟล์อย่างแนบเนียนเบื้องหลัง ความเรียบง่ายแบบนี้ต้องอาศัยความซับซ้อนของระบบแบ็กเอนด์ขั้นสูง”

แทนที่จะต้องให้ลูกค้าปรับปรุงระบบของตนเองให้ทันสมัยเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ Mizuho เลือกที่จะละทิ้งภาระทางเทคนิคทั้งหมด โดยลงทุนในพอร์ทัลบริการตนเองที่สามารถรองรับรูปแบบใดๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ และจัดการการแปลและการตรวจสอบโดยอัตโนมัติ

ด้วย Boomi ทำให้ Mizuho ได้แทนที่เครื่องมือแปลงไฟล์ที่หลากหลายและซับซ้อนในสาขาต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยอินเทอร์เฟซเดียวที่ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียว พอร์ทัลบนเว็บนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถอัปโหลดหรือป้อนคำสั่งชำระเงินด้วยตนเองได้ทั้งในรูปแบบเดิมและรูปแบบ ISO 20022 โดยแพลตฟอร์มแบบใช้โค้ดน้อยของ Boomi นั้นจะช่วยจัดการการแปลง การตรวจสอบความถูกต้อง และการส่งมอบคำสั่งแต่ละคำสั่งอย่างปลอดภัย ช่วยลดความซับซ้อนของขั้นตอนการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงอย่างมาก

แพลตฟอร์มใหม่นี้ช่วยให้ Mizuho สามารถลดระยะเวลาในการเริ่มต้นใช้งานของลูกค้าลงได้เป็นอย่างมากจากหลายเดือนเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์ ขณะเดียวกันก็สนับสนุนการหาลูกค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดต้นทุนในการให้บริการลง โซลูชันนี้เปิดให้บริการในตลาดสำคัญๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแล้ว และกำลังขยายการให้บริการไปยังพื้นที่อื่นๆ ของธนาคารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

“การดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอันรวดเร็วถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ความสำเร็จที่แท้จริงคือสิ่งที่โครงการนี้ทำให้เกิดขึ้น” Andy กล่าวเสริม “เราได้สร้างรากฐานที่ปรับขนาดได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งถัดไปของวงการธนาคารดิจิทัลได้อีกด้วย”

โครงการริเริ่มนี้ได้กลายเป็นต้นแบบสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้สามารถส่งเสริมความคล่องตัว นวัตกรรม และผลลัพธ์ที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้าในสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน Mizuho กำลังมองหาการต่อยอดความสำเร็จนี้ โดยสำรวจการพัฒนาขีดความสามารถด้านดิจิทัลเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรที่หลากหลายยิ่งขึ้นทั่วภูมิภาค

“การปรับปรุงระบบชำระเงินให้ทันสมัยไม่ได้เกิดขึ้นในสภาวะสุญญากาศ แต่จำเป็นต้องประสานระบบเก่าและระบบใหม่เข้าด้วยกันในลักษณะที่ไม่ส่งผลกระทบต่อบริการที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจ” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว “แนวทางของธนาคาร Mizuho ผสมผสานการปฏิบัติตามกฎระเบียบเข้ากับการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การผนวกมาตรฐาน ISO 20022 เข้ากับกลยุทธ์การบูรณาการที่ยืดหยุ่น ช่วยให้ธนาคารสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินงานในอนาคตและปลดล็อกวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในระดับขนาดใหญ่”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และ AI Agent ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม โดยทาง Boomi ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบ Agentic ที่จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมในระดับที่กว้างกว่าเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘Boomi’, โลโก้ ‘B’ และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113295012/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi