Category Archives: Finance

KBRA ขยายฐานการดำเนินงานทั่วโลกด้วยการเปิดสำนักงานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแห่งแรกในโตเกียว

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–13 มิถุนายน 2025

KBRA ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับเครดิตระดับโลกที่ให้บริการครบวงจร มีความยินดีที่จะประกาศถึงก้าวสำคัญในการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระดับนานาชาติ นั่นคือการเปิดสำนักงานแห่งใหม่ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ฐานปฏิบัติการแห่งใหม่ของ KBRA ในโตเกียวซึ่งเป็นฐานแห่งแรกของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่สะท้อนถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของบริษัทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในฐานะผู้นำด้านความคิด ผู้ริเริ่มนวัตกรรม และผู้บุกเบิกในการจัดอันดับตราสารสินเชื่อเอกชนและสินเชื่อกองทุนในระดับโลก ซึ่งจะส่งผลให้ KBRA แข็งแกร่งขึ้นในภูมิภาคและกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าในเอเชีย ตลอดจนฐานนักลงทุนด้านสินเชื่อเอกชนและตลาดทุนที่ซับซ้อนของญี่ปุ่น

โตเกียวเป็นสำนักงานใหม่ล่าสุดของ KBRA ซึ่งปัจจุบันมีสำนักงาน 7 แห่งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก นอกเหนือจากสำนักงาน 4 แห่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเปิดดำเนินการในปี 2023 ในนิวยอร์ก เพนซิลเวเนีย แมริแลนด์ และสำนักงานในชิคาโก ซึ่งเปิดดำเนินการในปี 2023 แล้ว KBRA ยังมีสำนักงานในเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งเปิดดำเนินการในปี 2017 และสำนักงานใหญ่ในลอนดอน ซึ่งเปิดดำเนินการในปี 2019

KBRA มีความยินดีที่จะต้อนรับบุคลากรสำคัญหลายตำแหน่งเพื่อรองรับการขยายตัวในญี่ปุ่น โดย Yuuichi Hino จะเข้าร่วมในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติตามกฎระเบียบประจำประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะนำประสบการณ์อันยาวนานในการนำทางสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบของญี่ปุ่นมาใช้ และ Miki Monroe-Sheridan ยังเข้าร่วมในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ซึ่งเธอจะเป็นผู้นำความพยายามในการทำงานร่วมกับผู้เข้าร่วมตลาดในท้องถิ่น และเสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคของ KBRA ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Peter Connolly ผู้อำนวยการอาวุโสในทีมสินเชื่อโครงสร้างจะย้ายจากสำนักงานนิวยอร์กของ KBRA ไปยังโตเกียวเพื่อช่วยสนับสนุนการครอบคลุมการวิเคราะห์และการมีส่วนร่วมของลูกค้า

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศเปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่ในโตเกียว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ KBRA ขยายขอบข่ายการให้บริการไปทั่วโลก เพื่อมอบการวิจัยอันยอดเยี่ยมและข้อมูลเชิงลึกที่เป็นอิสระและรอบคอบให้กับกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่กำลังขยายตัวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงการวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของเราในด้านสินเชื่อภาคเอกชน การเงินที่มีโครงสร้าง และด้านอื่นๆ ของตลาดทุน” กล่าวโดย Kate Kennedy หัวหน้าร่วมฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ KBRA “เรามุ่งหวังที่จะสร้างสะพานเชื่อมกับผู้เล่นในตลาดที่ตั้งอยู่ในเอเชียแปซิฟิก และนำความสอดคล้องในการวิเคราะห์ ความโปร่งใส และมุมมองของเราไปสู่ภาคส่วนตลาดสินเชื่อระดับโลกที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมักจะมีความซับซ้อน”

ทั่วทั้งตลาดสินเชื่อ รวมถึงสินทรัพย์ทางการเงินที่มีโครงสร้าง สินเชื่อเอกชน สินเชื่อกองทุน บริษัท สถาบันทางการเงิน รัฐบาล บริษัทประกันภัยและภาคส่วนอื่น ๆ ทาง KBRA มีอัตราการออกสินเชื่อมากกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจากการจัดอันดับมากกว่า 80,000 รายการจากองค์กรที่ได้รับการจัดอันดับมากกว่า 6,300 แห่ง

KBRA เป็นผู้นำในตลาดเอกชนและการจัดอันดับและการประเมินสินเชื่อเพื่อการเงินของกองทุน บริษัทได้ดำเนินการประเมินสินเชื่อหรือการจัดอันดับสินเชื่อมากกว่า 3,500 รายการสำหรับผู้กู้ในตลาดระดับกลางในพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อเอกชน นอกจากนี้ KBRA ยังได้ออกการจัดอันดับสำหรับธุรกรรมการเงินของกองทุนมากกว่า 250 รายการและธุรกรรมการเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากสินทรัพย์เอกชนมากกว่า 200 รายการ ตลอดจนธุรกรรมตราสารหนี้ป้อนมากกว่า 200 รายการและบริษัทพัฒนาธุรกิจ 34 แห่ง KBRA ยังรักษาการจัดอันดับสินเชื่อให้กับผู้จัดการสินทรัพย์เอกชนชั้นนำ 54 รายของโลก และจัดอันดับภาระผูกพันสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในตลาดระดับกลางและสินเชื่อเอกชนมากกว่า 100 รายการ และสินเชื่อเอกชน ทุนส่วนตัว หรือสินเชื่อรองอื่นๆ อีกหลายสิบรายการ

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้การจัดอันดับของ KBRA แตกต่าง ให้ไปที่ www.engagewith.kbra.com

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้สะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจในปัจจุบันของบริษัท และไม่สะท้อนถึงการอนุมัติจากสำนักงานบริการทางการเงินของญี่ปุ่น (JFSA) ในฐานะหน่วยงานจัดอันดับเครดิต และไม่ได้มีเจตนาจะสื่อเป็นนัยว่า KBRA Japan ได้รับอนุญาตจาก JFSA ในขณะนี้ KBRA Japan กำลังแสวงหาการอนุมัติดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติ เนื้อหาของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง และบริษัทจะแจ้งข้อมูลอัปเดตตามความเหมาะสม

เกี่ยวกับ KBRA

KBRA เป็นหนึ่งในสถาบันจัดอันดับเครดิตที่สำคัญ ซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร KBRA ได้รับการยอมรับให้เป็นสถาบันจัดอันดับเครดิตที่มีคุณสมบัติในไต้หวัน และยังเป็นองค์กรจัดอันดับเครดิตที่ได้รับการแต่งตั้งสำหรับการจัดอันดับการเงินแบบมีโครงสร้างในแคนาดาอีกด้วย ในฐานะสถาบันจัดอันดับเครดิตที่ให้บริการครบวงจร นักลงทุนสามารถใช้การจัดอันดับของ KBRA เพื่อวัตถุประสงค์ด้านเงินทุนตามกฎหมายได้ในเขตอำนาจศาลหลายแห่ง

หมายเลขเอกสาร : 1009927

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ

Adam Tempkin, ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร
+1 646-731-1347
adam.tempkin@kbra.com

ที่มา: Kroll Bond Rating Agency, LLC

Multiply Group จุดประกายให้กับโลกด้วยการเปิดตัว Multiply Media Group เพื่อสร้างฐานการผลิตสื่อที่ทรงพลังที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

Logo

  •  Multiply Media Group (MMG) ได้ผนวกรวม BackLite Media, Viola Media และ Media 247 เพื่อจัดการพอร์ตโฟลิโอสื่อกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดและพรีเมียมที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วยจำนวนหน่วยโฆษณากว่า 3,000 หน่วย
  •  กลุ่มสื่อที่เพิ่งรวมเข้าด้วยกันใหม่จะทำหน้าที่เป็นฐานเปิดตัวในการคว้าโอกาสในระดับภูมิภาคและระดับโลกในส่วนของสื่อ ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย สหราชอาณาจักร ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
  •  MMG จะกำหนดภูมิทัศน์สื่อของภูมิภาคใหม่ผ่านนวัตกรรม ขนาด และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์
  •  MMG เปิดตัวที่การประชุมประจำปีขององค์กร World Out of Home Organization (WOO) ในเม็กซิโกซิตี้

อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–06 มิถุนายน 2025

Multiply Group (ADX: MULTIPLY) บริษัทโฮลดิ้งเพื่อการลงทุนที่ตั้งอยู่ในอาบูดาบี เปิดตัว Multiply Media Group (MMG) ในวันนี้ โดยรวมบริษัทสื่อนอกบ้าน (OOH) ชั้นนำสามแห่งภายใต้พอร์ตโฟลิโอของบริษัทเข้าด้วยกันเพื่อสร้างฐานการผลิตสื่อที่แข็งแกร่งแห่งใหม่ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การรวมตัวกันของ BackLite Media, Viola Media และ Media 247 ภายใต้ Multiply Media Group ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของสื่อที่ใช้เทคโนโลยีในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และที่อื่นๆ

Multiply Group lights up the world with the launch of Multiply Media Group, creating a media powerhouse headquartered in the UAE (Photo: AETOSWire)

Multiply Group จุดประกาย.ให้กับโลกด้วยการเปิดตัว Multiply Media Group เพื่อสร้างฐานการผลิตสื่อที่ทรงพลังที่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ภาพ: AETOSWire)

Samia Bouazza GCEO และกรรมการผู้จัดการของ Multiply Group กล่าวว่า: การเปิดตัว Multiply Media Group ถือเป็นการรวมตัวของสื่อที่สำคัญที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การรวบรวมสินทรัพย์สื่อชั้นนำของตลาดไว้ภายใต้กลุ่มเดียวที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเทคโนโลยี เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการสร้างมูลค่าในระยะยาวและผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น โดย MMG วางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความทะเยอทะยานระดับโลก และกลยุทธ์การลงทุนที่มองไปข้างหน้าของเรา

MMG เปิดตัวที่การประชุมประจำปีขององค์กร World Out of Home Organization (WOO) ในเม็กซิโกซิตี้ และขณะเดียวกันก็จุดประกายให้กับโลกด้วยการเข้าซื้อกิจการสื่อ DOOH ที่สำคัญทั่วโลก ส่องแสงสว่างให้กับเมืองและจอภาพต่างๆ ทั่วโลกด้วยการแสดงตัวตนที่โดดเด่น การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงการขยายตัวทั่วโลกของ Multiply Group บริษัทโฮลดิ้งมูลค่า 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ IHC ที่เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตะวันออกกลางด้วยมูลค่าตลาดมากกว่า 240 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกลุ่มที่รวมเข้าด้วยกันใหม่นี้จะทำหน้าที่เป็นฐานในการคว้าโอกาสในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติที่เกิดขึ้นในภาคส่วนสื่อผ่านธุรกิจในพอร์ตโฟลิโอของ MMG

MMG จะขับเคลื่อนประสิทธิภาพและนวัตกรรมในภาคส่วนสื่อ OOH โดยปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์สื่อของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ผ่านขนาด, AI และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อบรรลุภารกิจ โดย MMG จะลงทุนในสินทรัพย์สื่อที่มีศักยภาพสูง กระตุ้นการเติบโตด้วยนวัตกรรม และสร้างการทำงานร่วมกันในพอร์ตโฟลิโอผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์

Jawad Hassan หัวหน้าฝ่ายสื่อและการสื่อสารที่ Multiply Group กล่าวว่า: “เป็นเวลาหลายปีแล้วที่กลยุทธ์การเติบโตที่ทะเยอทะยานของ Multiply Group สำหรับภาคส่วนสื่อได้พาเราจากกลุ่มธุรกิจที่รวมเอาผู้นำในอุตสาหกรรมสามรายเข้าด้วยกันจนกลายมาเป็นกำลังสำคัญในสื่อที่มีศักยภาพมหาศาลในการกำหนดภูมิทัศน์สื่อระดับภูมิภาคทั้งหมดใหม่ในรูปแบบที่จะสร้างผลกระทบในทันทีและมูลค่าในระยะยาวให้กับลูกค้า ผ่าน MMG เราพร้อมที่จะรับเอาเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทการเปลี่ยนแปลงของ AI และเราจะมองหาการลงทุนในเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องที่ช่วยให้เราสร้างแคมเปญที่สร้างสรรค์และมีพลวัต

ขนาดของ MMG ประกอบด้วยหน่วยโฆษณา 3,000 หน่วยทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงสินทรัพย์พรีเมียมมากกว่า 75 รายการบนถนน Sheikh Zayed ของดูไบ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากข้อตกลงความร่วมมือระยะยาวกับ Road and Transport Authority (RTA) (Mada Media) ในดูไบและ The Department of Municipalities & Transport (DMT) ในอาบูดาบี

James Bicknell ซีอีโอของ Multiply Media Group กล่าวว่า: “Multiply Media Group เปิดตัวในฐานะพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงในสื่อนอกบ้าน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่รวมเอาสินทรัพย์สื่อเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคไว้ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนหนึ่งเดียว ด้วย MMG เราไม่ได้แค่ขยายขนาดเท่านั้น แต่เรากำลังขยายขนาดอย่างชาญฉลาด พันธกิจของเราชัดเจน นั่นคือ การนำเสนอบริบทในระดับขนาดใหญ่ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในจุดที่สำคัญอย่างแท้จริงในเวลาที่สำคัญที่สุด โดย MMG ได้รับการออกแบบมาให้คล่องตัว นำโดยข้อมูล และบูรณาการอย่างลึกซึ้ง ทำให้ลูกค้าของเราสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายด้วยความเกี่ยวข้อง การตอบสนอง และการตอบสนองที่มากขึ้นกว่าที่เคย ซึ่งสิ่งนี้เป็นมากกว่าสื่อ มันคือโมเมนตัม

การเปิดตัว MMG เกิดขึ้นตามข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ล่าสุดระหว่างกลุ่มธุรกิจสื่อแนวตั้งของ Multiply Group และ Al Arabia, Arabian Contracting Services Company (Al Arabia) เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) เพื่อลงทุนในภาคส่วนโฆษณากลางแจ้ง (OOH) ทั่วโลก Multiply Group ยังได้ประกาศบันทึกข้อตกลง (MoU) ล่าสุดกับ Saudi Media Company (SMC) โดยทั้งสองการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์นี้เน้นย้ำถึงศักยภาพในการขยายตัวทั่วโลกของแบรนด์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Multiply

สื่ออื่นๆ ของ Multiply Group รวมถึง Yieldmo ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาบนมือถือตามบริบท และ Firefly ซึ่งเป็นบริษัทดิจิทัล Taxi-Top ชั้นนำของอเมริกาเหนือ กลุ่มบริษัทได้เข้าซื้อกิจการ Viola Communications ซึ่งเป็นบริษัทการตลาดและการสื่อสารในปี 2021

เกี่ยวกับ MULTIPLY GROUP

Multiply Group PJSC เป็นบริษัทโฮลดิ้งการลงทุนที่มีฐานอยู่ในอาบูดาบี ซึ่งลงทุนและดำเนินงานในธุรกิจที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างรายได้ทั่วโลก

Multiply Group เป็นที่รู้จักจากแนวคิดการเติบโตที่โดดเด่น และจะยังคงจัดสรรเงินทุนให้กับสองสาขาที่แตกต่างกัน โดยทั้งสองสาขาใช้แนวทางการลงทุนที่มีวินัย และมั่นใจว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มที่สม่ำเสมอและยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นของเราในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว:

Multiply การลงทุนและการดำเนินการในแนวตั้งเชิงกลยุทธ์ระยะยาว ซึ่งปัจจุบันลงทุนและดำเนินการในธุรกิจการเดินทาง พลังงานและสาธารณูปโภค สื่อและการสื่อสาร สุขภาพและความงาม และการค้าปลีกและเครื่องแต่งกาย การลงทุนหลักจะให้รายได้ประจำในระยะยาว ผ่านการซื้อกิจการเพิ่มเติม

Multiply+ กลุ่มบริษัทยังดำเนินการลงทุนตามโอกาสและไม่แบ่งตามภาคส่วน โดยส่วนใหญ่ผ่านการถือหุ้นส่วนน้อยในตลาดเอกชนและตลาดของรัฐ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.multiply.ae

เกี่ยวกับ Multiply Media Group

Multiply Media Group (MMG) เป็นบริษัทสื่อชั้นนำที่มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนประสิทธิภาพและนวัตกรรมในทุกภาคส่วน ความมุ่งมั่นของเราไร้ขีดจำกัด แต่แนวทางของเราชัดเจน เราลงทุนในสินทรัพย์สื่อที่มีศักยภาพสูง กระตุ้นการเติบโตผ่านนวัตกรรม และสร้างการทำงานร่วมกันในพอร์ตโฟลิโอของเราผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์และความเป็นผู้นำที่ชาญฉลาด

MMG ประกอบด้วย BackLite Media, Viola Media, Media 247 และ Purple Printing ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว จะสามารถสร้างระบบนิเวศแบบบูรณาการขึ้นเพื่อนำเสนอสเกลในขนาดต่างๆ ความแม่นยำ และมูลค่าที่ยั่งยืนขึ้น

MMG ให้ความชัดเจนที่จำเป็นในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในอุตสาหกรรม ผ่านการลงทุนที่มุ่งเป้าไปที่เทคโนโลยี บุคลากร และนวัตกรรม เราพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่พร้อมสำหรับอนาคต โดยคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าก่อนที่ความต้องการเหล่านั้นจะเกิดขึ้น ด้วยการจัดแนวความสามารถให้สอดคล้องกันทั่วทั้งกลุ่ม เราทวีคูณผลกระทบ เร่งนวัตกรรม และขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว

ผลกระทบมากขึ้น นวัตกรรมมากขึ้น โมเมนตัมที่มากขึ้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.mmg.global

ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250606708480/en

Contacts

Wassim El Jurdi
Multiply Group
+971561059595
wassim@multiply.ae

Rawad Khattar
Weber Shandwick
+971563362131
rkhattar@webershandwick.com

ที่มา: Multiply Media Group

ผู้ปกครองเมืองเข้าร่วมการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างเมืองราสอัลไคมาห์และเมืองไมอามีเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ

Logo

  •  ชีคซาอุด บิน ซัคร์ อัล กาซิมี:เรามุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือแบบไดนามิกที่สะท้อนถึงค่านิยมร่วมและวิสัยทัศน์ที่ทะเยอทะยานของเราสำหรับอนาคต
  •  การวางผังเมืองและความปลอดภัยสาธารณะ การส่งเสริมธุรกิจและการท่องเที่ยว การพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงเทคโนโลยีสมาร์ทซิตี้ในพื้นที่ที่ครอบคลุมโดยข้อตกลง

ราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–19 พฤษภาคม 2025

ชีคซาอุด บิน ซัคร์ อัล กาซิมี สมาชิกสภาสูงสุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผู้ปกครองเมืองราสอัลไคมาห์ ในวันนี้ ทรงเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างเมืองราสอัลไคมาห์และเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา เพื่อเสริมสร้างและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน

Ras Al Khaimah Ruler attends signing of MoU between Ras Al Khaimah and Miami to enhance cooperation across sectors (Photo: AETOSWire)

ผู้ปกครองเมืองราสอัลไคมาห์เข้าร่วมการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างเมืองราสอัลไคมาห์และไมอามีเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ (ภาพ: AETOSWire)

ข้อตกลงดังกล่าวลงนามโดยที่ปรึกษาอาวุโสของชีคซาอุด ฯพณฯ โมฮัมเหม็ด ฮัสซัน ออมราน อัลชามซี และนายกเทศมนตรีเมืองไมอามี ฟรานซิส ซัวเรซ

ชีคซาอุดกล่าว: “ข้อตกลงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของความร่วมมือระหว่างเมืองราสอัลไคมาห์และเมืองไมอามี แม้ว่าจะเป็นการสานต่อมิตรภาพและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ยาวนานระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสหรัฐอเมริกาก็ตาม โดยการสนับสนุนความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนที่มากขึ้น เราจะเปิดเส้นทางใหม่สำหรับนวัตกรรม การลงทุน และการเจรจาทางวัฒนธรรม เรามุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือแบบไดนามิกที่สะท้อนถึงค่านิยมร่วมและวิสัยทัศน์ที่ทะเยอทะยานของเราสำหรับอนาคต”

ผ่านทางบันทึกความเข้าใจ เมืองราสอัลไคมาห์และไมอามีตั้งใจที่จะสร้างความสัมพันธ์ความร่วมมือในหลายภาคส่วนและหลายพื้นที่ที่มีความสนใจร่วมกัน รวมถึงการวางผังเมืองและความปลอดภัยสาธารณะ การส่งเสริมธุรกิจและการท่องเที่ยว เทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ นวัตกรรมและการเริ่มต้นธุรกิจ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ

ในระหว่างการประชุม การหารือยังเน้นที่การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน รวมถึงบริษัทสหรัฐฯ ที่มีอยู่มากมายในเมืองราสอัลไคมาห์ เช่น Hilton, Guardian Glass และ Caresoft Global ชีคซาอุดยังเน้นย้ำถึงภูมิทัศน์เศรษฐกิจที่คึกคักของเมืองและโอกาสในการลงทุนที่เมืองนี้เสนอเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจและนวัตกรรม

นายกเทศมนตรีซัวเรซแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อชีคซาอุดสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยชื่นชมความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสหรัฐอเมริกา และข้อตกลงที่จะเป็นบทใหม่ที่น่าตื่นเต้นในความสัมพันธ์ระหว่างเมืองราสอัลไคมาห์และเมืองสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

 ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250519654773/en

Contacts

การสอบถามสำหรับสื่อ:
Steven McCombe
 media@rakmediaoffice.ae

ที่มา: Ras Al Khaimah Government Media Office

Sidra Capital ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Bursa Suq Al-Sila’

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–19 พฤษภาคม 2025

Sidra Capitalได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของ Bursa Suq Al-Sila’ (BSAS) ในฐานะผู้ซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นการเข้าร่วมระดับเดียวกับธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำระดับโลก และสถาบันการเงินระหว่างประเทศหลายแห่ง

BSAS เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในมาเลเซีย ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารสภาพคล่องและการจัดหาเงินทุนตามหลักการอิสลามสำหรับสถาบันการเงินอิสลาม BSAS กลายเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับธุรกรรม Tawarruq มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 20 ล้านเหรียญสหรัฐตอนเปิดตัวในปี 2009

“Sidra Capital เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านการบริหารสินทรัพย์ตามหลักศาสนาอิสลาม โดยเน้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และการเงินส่วนบุคคล ในขณะที่เรากำลังขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เราเห็นโอกาสใหญ่สำหรับโซลูชันที่สอดคล้องกับหลักชะรีอะห์ การเข้าถึงโดยตรงกับแพลตฟอร์มที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับธุรกรรม Tawarruq ช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของเรา” Ghassan Soufiรองประธานกรรมการ Sidra Capital กล่าว

“Tawarruq หรือสินค้าโภคภัณฑ์มูราบาฮะ เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ใช้งานได้จริงสำหรับข้อจำกัดทางชะรีอะห์เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน เนื่องจากเรามุ่งมั่นที่จะเข้าสู่ตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น การเข้าถึง BSAS จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการปิดดีลได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่ามากขึ้น”Arif Rahimประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Sidra Capital Singapore กล่าวเสริม

โดยปกติแล้ว ธุรกรรม Tawarruq ในสินเชื่ออิสลามจะดำเนินการผ่านนายหน้า หรือตัวกลางที่ทำหน้าที่ซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก เช่น London Metal Exchange การก่อตั้ง BSAS ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Bursa Malaysia Berhad ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถซื้อขายโดยตรงบนแพลตฟอร์มได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการตัดตัวกลางออก และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยสนับสนุน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แหล่งที่มา: AETOSWire

Contacts

Sarah Abuzeid
ฝ่านสื่อสารองค์กร
prandmarketing@sidracap.com

ที่มา: Sidra Capital

SBC Medical Group Holdings ประกาศผลประกอบการทางการเงินไตรมาสแรกของปี 2025

Logo

เออร์ไวน์, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–15 พฤษภาคม 2025

SBC Medical Group Holdings Incorporated (NASDAQ: SBC, “SBC Medical” หรือ “บริษัท”) ซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้ดําเนินการ และผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการและผลิตภัณฑ์สำหรับศูนย์บำบัดความงามระดับโลก ในวันนี้ได้ประกาศงบการเงินงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025

ไฮไลท์ไตรมาสแรกปี 2025

  •  รายได้รวม อยู่ที่ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลง 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
  •  รายได้จากการดําเนินงาน อยู่ที่ 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  •  รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group อยู่ที่ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  •  กําไรต่อหุ้น ซึ่งหมายถึงกําไรสุทธิที่เป็นของบริษัทหารด้วยจํานวนหุ้นที่ชำระแล้วเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักอยู่ที่ 0.21 ดอลลาร์สหรัฐ ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  •  EBITDA1 ซึ่งคํานวณโดยการนำค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจําหน่าย ผลขาดทุนจากการด้อยค่ามาบวกกับรายได้จากการดําเนินงาน อยู่ที่ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว EBITDA margin 1 อยู่ที่ 52% ในไตรมาสแรกของปี 2025 เทียบกับ 46% ในไตรมาสแรกของปี 2024
  •  อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งหมายถึงกําไรสุทธิต่อปีที่เป็นของบริษัทหารด้วยค่าเฉลี่ยของส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2025 อยู่ที่ 41% ซึ่งลดลง 10 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  •  จํานวนคลินิกพันธมิตร อยู่ที่ 251 แห่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้น 36 แห่งจากวันที่ 31 มีนาคม 2024
  •  จํานวนลูกค้า2 ในงวดสิบสองเดือนที่ผ่านมาสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025 อยู่ที่ 6.1 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  •  อัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำของลูกค้า3 ที่เข้ารับบริการคลินิกของแฟรนไชส์สองครั้งขึ้นไปอยู่ที่ 71%

1 EBITDA และ EBITDA Margin เป็นมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP โปรดดูหัวข้อ “การใช้มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP” และตารางที่มีชื่อว่า “การกระทบยอดผลลัพธ์ของ GAAP และ Non-GAAP ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ“
2 จำนวนลูกค้าจะนับรวมลูกค้าของคลินิกแบรนด์ SBC, Rize CliniGc และ Gorilla Clinic แต่ไม่นับรวมลูกค้าของ AHH Clinics
3 จำนวนลูกค้าจะนับรวมลูกค้าของคลินิกแบรนด์ SBC, Rize Clinic และ Gorilla Clinic แต่ไม่นับรวมลูกค้าของ AHH Clinics และไม่รวมการให้คำปรึกษาฟรี

Yoshiyuki Aikawa ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SBC Medical กล่าวว่า “SBC กำลังเตรียมการอย่างแข็งขันสำหรับการขยายตัวเชิงกลยุทธ์โดยการปรับปรุงแพลตฟอร์ม เพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างผลกำไร และทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงผ่านกลยุทธ์ราคาที่ปรับปรุงใหม่และปรับตัวตามพลวัตของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ในไตรมาสแรกของปี 2025 เรายินดีที่ได้เห็นการขยายตัวของ Medical Corporations (MCs) ได้รับความสนใจในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ ​​การจัดซื้อ และการให้เช่าของเรา เนื่องจากความต้องการบริการทางการแพทย์ด้านความงามทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน การลดลงของรายได้ในไตรมาสนี้สะท้อนถึงการยุติธุรกิจจัดหาพนักงานและการขายกิจการ Sky Net Academy (“SNA”) และ SBC Kijimadaira Resort เป็นหลัก (“Kijimadaira”) ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ อัตรากำไรจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจาก 45% ในไตรมาสแรกของปี 2024 เป็น 51% ในไตรมาสแรกของปี 2025 นอกจากนี้ รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group ยังเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของการเปลี่ยนแปลงและการดำเนินการตามรูปแบบธุรกิจของเรา ในขณะที่เราเดินหน้าต่อไป เรายังคงมั่นใจในความสามารถของเราในการสร้างรูปแบบแฟรนไชส์ที่ปรับขนาดได้ ขณะเดียวกันก็เร่งการขยายตัวในตลาดในประเทศและต่างประเทศ ขับเคลื่อนมูลค่าระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นและวางตำแหน่งให้บริษัทสามารถคว้าโอกาสในอนาคตได้”

ผลประกอบการทางการเงินไตรมาสแรกของปี 2025

รายได้รวมอยู่ที่ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบเชิงลบจากการยุติธุรกิจจัดหาพนักงานและการขายบริษัทย่อย ซึ่งถูกชดเชยบางส่วนจากความต้องการวัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของบริษัททางการแพทย์

กำไรสุทธิสำหรับสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025 อยู่ที่ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดียวกันของปี 2024 การเพิ่มขึ้นนี้ส่วนใหญ่มาจากผลกระทบของกำไรพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการครบกำหนดของกรมธรรม์ประกันชีวิต

EBITDA อยู่ที่ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ที่ลดลงหลังจากการยุติธุรกิจจัดหาพนักงานและการเลิกรวมกิจการของ SNA และ Kijimadaira

เกี่ยวกับ SBC Medical

SBC Medical ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของและให้บริการจัดการและผลิตภัณฑ์แก่ศูนย์รักษาความงาม บริษัทมุ่งเน้นในการให้บริการจัดการที่ครอบคลุมแก่คลินิกแฟรนไชส์เป็นหลัก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความต้องการด้านการโฆษณาและการตลาดบนแพลตฟอร์มต่างๆ (เช่น เครือข่ายโซเชียลมีเดีย) การจัดการพนักงาน (เช่น การสรรหาและการฝึกอบรม) การจองสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ ​​ความช่วยเหลือในการเช่าที่พักและการเช่าสถานที่สำหรับพนักงานแฟรนไชส์ ​​การก่อสร้างและการออกแบบคลินิกแฟรนไชส์ ​​การจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (การขายต่อ) การจัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางให้กับคลินิกแฟรนไชส์เพื่อขายต่อให้กับลูกค้าของคลินิก ใบอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรและยังไม่ได้จดสิทธิบัตร การใช้เครื่องหมายการค้าและตราสินค้า โซลูชันซอฟต์แวร์ไอที (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการปรึกษาทางการแพทย์ทางไกล) การจัดการโปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ ​​(โปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้า) และเครื่องมือการชำระเงินสำหรับคลินิกแฟรนไชส์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://sbc-holdings.com/

การใช้มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP

บริษัทใช้มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP เช่น EBITDA ในการประเมินผลการดำเนินงานและเพื่อวัตถุประสงค์ในการตัดสินใจทางการเงินและการดำเนินงาน บริษัทเชื่อว่ามาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ช่วยระบุแนวโน้มพื้นฐานในธุรกิจ บริษัทเชื่อว่ามาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัท ช่วยเพิ่มความเข้าใจโดยรวมเกี่ยวกับประสิทธิภาพในอดีตและแนวโน้มในอนาคตของบริษัท และทำให้มองเห็นตัวชี้วัดหลักที่ฝ่ายบริหารของบริษัทใช้ในการตัดสินใจทางการเงินและการดำเนินงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ภายใต้ U.S. GAAP และไม่ได้ถูกนำเสนอตาม U.S. GAAP มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP มีข้อจำกัดในการใช้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ และเมื่อประเมินผลการดำเนินงาน กระแสเงินสด หรือสภาพคล่องของบริษัท นักลงทุนไม่ควรพิจารณามาตรการเหล่านี้โดยแยกส่วนหรือใช้แทนการขาดทุนสุทธิ กระแสเงินสดที่ได้จากกิจกรรมการดำเนินงาน หรืองบกำไรขาดทุนรวมและข้อมูลกระแสเงินสดอื่นๆ ที่จัดทำตาม U.S. GAAP

บริษัทบรรเทาข้อจำกัดเหล่านี้โดยการปรับมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ให้สอดคล้องกับมาตรการประสิทธิภาพตาม U.S. GAAP ที่สามารถเปรียบเทียบได้มากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ควรนำมาพิจารณาเมื่อประเมินประสิทธิภาพของบริษัท

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP โปรดดูตารางที่หัวข้อ “การปรับปรุงผลการดำเนินงานที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบตาม GAAP และผลการดำเนินงานที่ไม่ใช่ GAAP”

คำชี้แจงเชิงคาดการณ์

ข่าวเผยแพร่ฉบับนี้มีคำกล่าวที่มองไปข้างหน้า คำกล่าวที่มองไปข้างหน้าไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีตหรือคำกล่าวที่แสดงถึงสภาพปัจจุบัน แต่เป็นเพียงความเชื่อของบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์และผลการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วหลายกรณีมีความไม่แน่นอนโดยเนื้อแท้และอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท คำกล่าวที่มองไปข้างหน้าเหล่านี้สะท้อนมุมมองปัจจุบันของบริษัทเกี่ยวกับประสิทธิภาพทางการเงินของบริษัท การเติบโตของรายได้และกำไร แนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจ แผนการจัดสรรเงินทุนและสภาพคล่อง ในบางกรณี คำกล่าวที่มองไปข้างหน้าสามารถระบุได้โดยการใช้คำ เช่น “อาจ” “ควร” “คาดหวัง” “คาดการณ์ล่วงหน้า” “พิจารณา” “ประมาณการ” “เชื่อว่า” “วางแผน” “คาดการณ์” “ทำนาย” “ศักยภาพ” หรือ “หวัง” หรือคำเชิงลบของคำเหล่านี้หรือคำที่คล้ายคลึงกัน บริษัทขอเตือนผู้อ่านอย่าพึ่งพาคำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าอย่างมากเกินไป ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เท่านั้น และอาจมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน สมมติฐาน หรือการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่างๆ ที่ยากต่อการคาดเดาหรือวัดผลได้ คำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มีพื้นฐานมาจากการคาดการณ์ปัจจุบันของฝ่ายบริหาร และไม่รับประกันผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัทไม่ดำเนินการหรือยอมรับภาระผูกพันใดๆ ที่จะเผยแพร่ข้อมูลอัปเดตหรือแก้ไขคำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าต่อสาธารณะเพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ของบริษัทหรือการเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ เงื่อนไข หรือสถานการณ์ที่คำกล่าวดังกล่าวอ้างอิง ยกเว้นในกรณีที่กฎหมายกำหนด ปัจจัยที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปจากการคาดการณ์ปัจจุบันอย่างมากอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และบริษัทไม่สามารถคาดการณ์ปัจจัยทั้งหมดได้ ปัจจัยดังกล่าวรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก ระดับภูมิภาค หรือระดับท้องถิ่น สภาวะเศรษฐกิจ ธุรกิจ การแข่งขัน การตลาด และกฎระเบียบ และปัจจัยต่างๆ ที่ระบุไว้ภายใต้หัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยง” และในที่อื่นๆ ในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (the “SEC”) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้บนเว็บไซต์ของ SEC ที่ www.sec.gov

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
งบดุลรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

 31 มีนาคม

 2025

 31 ธันวาคม

 2024

 สินทรัพย์

 สินทรัพย์หมุนเวียน:

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

$

132,055,823

$

125,044,092

บัญชีลูกหนี้

1,633,456

1,413,433

บัญชีลูกหนี้– กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

30,557,912

28,846,680

สินค้าคงเหลือ

1,694,765

1,494,891

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

7,281,088

5,992,585

ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า หมุนเวียน

8,903,724

10,382,537

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น

32,970,169

11,276,802

 รวมสินทรัพย์หมุนเวียน

 215,096,937

 184,451,020

 สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน:

ทรัพย์สินและอุปกรณ์สุทธิ

8,523,351

8,771,902

สินทรัพย์ไม่มีตัวตนสุทธิ

1,543,779

1,590,052

การลงทุนระยะยาวสุทธิ

3,703,699

3,049,972

ค่าความนิยมสุทธิ

4,780,616

4,613,784

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน ไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

10,648,402

8,397,582

สินทรัพย์สิทธิการใช้สัญญาเช่าดําเนินงาน

5,152,104

5,267,056

สินทรัพย์สิทธิการใช้สัญญาเช่าทางการเงิน

522,055

สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

2,513,653

9,798,071

ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า ไม่หมุนเวียน

4,525,883

5,023,551

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

1,922,709

1,745,801

การลงทุนระยะยาวใน MCs – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

18,691,785

17,820,910

สินทรัพย์อื่น

6,980,816

15,553,453

 รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

 69,508,852

 81,632,134

 รวมสินทรัพย์

 $

 284,605,789

 $

 266,083,154

 หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

 หนี้สินหมุนเวียน:

บัญชีเจ้าหนี้

$

17,854,422

$

13,875,179

บัญชีเจ้าหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

1,141,762

659,044

ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี

66,950

96,824

ตั๋วเงินและเจ้าหนี้อื่นหมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

1,422,976

26,255

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า

525,497

820,898

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

10,155,134

11,739,533

ภาษีเงินได้ค้างจ่าย

1,624,002

18,705,851

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน หมุนเวียน

4,131,154

4,341,522

หนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงิน หมุนเวียน

157,532

หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น

8,564,250

8,103,194

เจ้าหนี้จากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

2,822,537

2,823,590

 รวมหนี้สินหมุนเวียน

 48,466,216

 61,191,890

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
งบดุลรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ — (ต่อ)

 31 มีนาคม

 2025

 31 ธันวาคม

 2024

 หนี้สินไม่หมุนเวียน:

เงินให้กู้ยืมระยะยาว

6,798,045

6,502,682

ตั๋วเงินและเจ้าหนี้อื่นไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

12,413

5,334

หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

346,432

926,023

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน ไม่หมุนเวียน

1,312,819

1,241,526

หนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงิน ไม่หมุนเวียน

195,572

หนี้สินอื่น

1,151,857

1,193,541

 รวมหนี้สินไม่หมุนเวียน

 9,817,138

 9,869,106

 รวมหนี้สิน

 58,283,354

 71,060,996

 ส่วนของผู้ถือหุ้น:

หุ้นบุริมสิทธิ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 20,000,000 หุ้น ไม่มีหุ้นที่ออกและชำระแล้ว ณ วันที่ 31 มีนาคม 2025 และ 31 ธันวาคม 2024)

หุ้นสามัญ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 400,000,000 หุ้น หุ้นที่ออกและชำระแล้ว 103,881,251 และ 103,020,816 หุ้น, 103,611,251 และ 102,750,816 หุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2025 และ 31 ธันวาคม 2024 ตามลำดับ)

10,388

10,302

ส่วนเกิน (ต่ำกว่า) มูลค่าหุ้น

62,513,837

62,513,923

หุ้นทุนซื้อคืน (ราคาทุน 270,000 หุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2025 และ 31 ธันวาคม 2024)

(2,700,000

)

(2,700,000

)

กำไรสะสม

210,965,453

189,463,007

ขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นสะสม

(44,343,412

)

(54,178,075

)

 รวมส่วนของผู้ถือหุ้นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

 226,446,266

 195,109,157

ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

(123,831

)

(86,999

)

 รวมส่วนของผู้ถือหุ้น

 226,322,435

 195,022,158

 รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

 $

 284,605,789

 $

 266,083,154

หมายเหตุประกอบเป็นส่วนสำคัญของงบการเงินรวมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบนี้

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
งบกำไรขาดทุนรวมและ
งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

 สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่
 31 มีนาคม

 2025

 2024

รายได้สุทธิ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

$

45,257,145

$

50,470,207

รายได้สุทธิ

2,071,556

4,337,835

 รวมรายได้สุทธิ

 47,328,701

 54,808,042

ต้นทุนรายได้ (รวมต้นทุนรายได้จากกิจการที่เกี่ยวข้องกันจำนวน 3,456,928 ดอลลาร์สหรัฐและ 1,797,359 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับงวดสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025 และ 2024 ตามลำดับ)

9,595,617

15,288,667

 กําไรขั้นต้น

 37,733,084

 39,519,375

 ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน:

ค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไปและการบริหาร

13,531,010

15,058,490

 รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

 13,531,010

 15,058,490

 รายได้จากการดำเนินงาน

 24,202,074

 24,460,885

 รายได้อื่น (ค่าใช้จ่าย):

Iรายได้จากดอกเบี้ย รายได้จากดอกเบี้ย รายได้จากดอกเบี้ย

55,333

17,689

ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย

(6,207

)

(3,008

)

รายได้อื่น รายได้อื่น รายได้อื่น

151,328

349,681

ค่าใช้จ่ายอื่น

(1,697,259

)

(1,436,656

)

กำไรจากการไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันชีวิต

8,746,138

กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย

3,813,609

 รวมรายได้อื่น

 7,249,333

 2,741,315

 กำไรก่อนภาษีเงินได้

 31,451,407

 27,202,200

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้

9,959,457

8,451,984

 กำไรสุทธิ

 21,491,950

 18,750,216

หัก: ขาดทุนสุทธิที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม

(10,496

)

(7,536

)

 กําไรสุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

 $

 21,502,446

 $

 18,757,752

 กําไร (ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น:

ส่วนปรับปรุงจากการแปลงค่าสกุลเงินต่างประเทศ

$

9,808,327

$

(10,193,852

)

 รวมกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ

 31,300,277

 8,556,364

หัก: ขาดทุนเบ็ดเสร็จที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม

(36,832

)

(92,000

)

 กําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

 $

 31,337,109

 $

 8,648,364

 กําไรสุทธิต่อหุ้นที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated*

กำไรต่อหุ้นพื้นฐานและปรับลดแล้ว

$

0.21

$

0.20

 จำนวนหุ้นเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ชำระแล้ว*

จำนวนหุ้นพื้นฐานและปรับลดแล้ว

103,276,637

94,192,433

*

ปรับปรุงย้อนหลังสําหรับผลกระทบของการเพิ่มทุนแบบย้อนกลับในวันที่ 17 กันยายน 2024

หมายเหตุประกอบเป็นส่วนสำคัญของงบการเงินรวมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบนี้

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
งบกระแสเงินสดรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

 สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่

 31 มีนาคม

 2025

 2024

 กระแสเงินสดจากกิจกรรมดําเนินงาน

กำไรสุทธิ

$

21,491,950

$

18,750,216

 การปรับเพื่อกระทบยอดกำไรสุทธิกับเงินสดสุทธิที่ได้จากกิจกรรมดําเนินงาน:

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย

628,304

1,018,477

ค่าใช้จ่ายการเช่าที่ไม่ใช่เงินสด

985,184

1,052,123

สํารองเผื่อขาดทุนสินเชื่อ

25,102

152,579

การเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนระยะยาว

140,581

938,511

กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย

(3,813,609

)

กำไรจากการไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันชีวิต

(8,746,138

)

กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

(12,375

)

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอตัดบัญชี (ผลประโยชน์)

7,016,227

(360,582

)

 การเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดําเนินงาน

บัญชีลูกหนี้

(147,925

)

(383,254

)

บัญชีลูกหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(295,505

)

4,775,935

สินค้าคงเหลือ

(124,279

)

(34,802

)

ลูกหนี้สัญญาเช่าทางการเงิน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(2,779,253

)

(814,608

)

ลูกหนี้สินเชื่อของลูกค้า

4,501,760

2,858,633

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น   

(3,150,243

)

610,059

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

98,164

138,212

สินทรัพย์อื่น

318,351

(328,818

)

บัญชีเจ้าหนี้

3,235,017

(8,937,435

)

บัญชีเจ้าหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

441,481

ตั๋วเงินจ่าย – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(548,077

)

(1,104,968

)

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า

(328,791

)

(1,451,008

)

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(2,114,829

)

(161,936

)

ภาษีเงินได้ค้างจ่าย

(17,635,239

)

(6,552,783

)

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน

(1,036,605

)

(1,067,196

)

หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น

63,764

(1,604,603

)

หนี้สินอื่น

(98,005

)

3,032

 เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดําเนินงาน

 1,928,621

 3,682,175

 กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน

การซื้อทรัพย์สินและอุปกรณ์

(253,725

)

(702,281

)

การซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ

(1,700,000

)

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าสําหรับทรัพย์สินและอุปกรณ์

(501,253

)

รายได้รับล่วงหน้าจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(367,579

)

การซื้อเงินลงทุนระยะยาว

(635,145

)

เงินกู้ยืมระยะยาวแก่ผู้อื่น

(12,783

)

(44,865

)

การชําระคืนจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

70,000

215,000

การชําระคืนจากผู้อื่น

30,680

21,422

การจําหน่ายบริษัทย่อย สุทธิจากเงินสดที่จําหน่ายไป

(815,819

)

รายได้จากการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

323,419

 เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน

 (978,807

 )

 (3,394,122

 )

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
งบกระแสเงินสดรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ — (ต่อ)

 สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่
31 มีนาคม

 2025

 2024

 กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน

การกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

15,000

การชําระคืนเงินกู้ยืมระยะยาว

(55,873

)

(30,354

)

การชำระคืนหนี้สินเช่าซื้อทางการเงิน

(223,454

)

การชําระคืนให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(16,053

)

(9,873

)

 เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน

 (280,380

 )

 (40,227

 )

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

6,342,297

(7,089,208

)

 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่เพิ่มขึ้นสุทธิ

 7,011,731

 (6,841,382

 )

 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ ต้นงวด

 125,044,092

 103,022,932

 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นงวด

 $

 132,055,823

 $

 96,181,550

 การเปิดเผยข้อมูลกระแสเงินสดเพิ่มเติม

เงินสดที่จ่ายดอกเบี้ยจ่าย

$

6,207

$

3,008

เงินสดที่จ่ายภาษีเงินได้

$

20,577,290

$

16,172,526

 กิจกรรมจัดหาเงินและกิจกรรมลงทุนที่ไม่ใช่เงินสด

ทรัพย์สินและอุปกรณ์ที่โอนจากการชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

$

125,287

$

สินทรัพย์สิทธิการเช่าดําเนินงานที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนกับหนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน

$

102,599

$

สินทรัพย์สิทธิการเช่าทางการเงินที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนกับหนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงิน

$

581,129

$

การวัดค่ามูลค่าใหม่ของหนี้สินตามสัญญาเช่าดำเนินงานและสินทรัพย์สิทธิการใช้อันเนื่องมาจากการแก้ไขสัญญาเช่า

$

358,358

$

1,078,611

การออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันที่เกี่ยวข้องในการให้บริการสินเชื่อ

$

1,922,224

$

10,951,451

การออกหุ้นสามัญเป็นหุ้นจูงใจ

$

86

$

รายรับจากการไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันชีวิต

$

17,735,717

$

หมายเหตุประกอบเป็นส่วนสำคัญของงบการเงินรวมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบนี้

การกระทบยอดระหว่าง GAAP กับมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
การกระทบยอดผลลัพธ์ของ GAAP และ Non-GAAP ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

 สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม

 2025

 2024

รายได้รวมสุทธิ

$

47,328,701

$

54,808,042

รายได้จากการดำเนินงาน

24,202,074

24,460,885

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย

628,304

1,018,477

 EBITDA

24,830,378

25,479,362

 EBITDA margin

52

%

46

%

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ในเอเชีย:
SBC Medical Group Holdings Incorporated
Hikaru Fukui / หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์
อีเมล: ir@sbc-holdings.com

ในสหรัฐอเมริกา:
ICR LLC
Bill Zima / หุ้นส่วนผู้จัดการ
อีเมล: bill.zima@icrinc.com

ที่มา: SBC Medical Group Holdings Incorporated

Pacific Prime Thailand คว้ารางวัล Top International Broker Award 2025 จาก AXA ประเทศไทย

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–07 พฤษภาคม 2025

บริษัท Pacific Prime Thailand นายหน้าประกันสุขภาพชั้นนำระดับนานาชาติ ได้รับรางวัล Top International Broker Award จากบริษัท AXA ประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2025 โดยมีนาย Ricky Batten ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท Pacific Prime Thailand และนาย Pierre Morin หัวหน้าฝ่ายขายระดับโลกเป็นผู้แทนรับรางวัล รางวัลนี้เป็นเครื่องแสดงถึงความมุ่งมั่นที่บริษัท Pacific Prime Thailand มีต่อพันธมิตรผู้ให้บริการประกันภัยระดับโลก

Pacific Prime Thailand was awarded Thailand’s Top International Broker Award 2025 at ‘Dare to Dream’ AXA Awards 2025

Pacific Prime Thailand ได้รับรางวัล Thailand’s Top International Broker Award 2025 ในงาน ‘Dare to Dream’ AXA Awards 2025

พิธีมอบรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นในงาน ‘Dare to Dream’ AXA Awards 2025 ซึ่งจัดโดยบริษัท AXA ประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2025 ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ โดยมีมร. Guillaume Mirabaud ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AXA ประเทศไทย เข้าร่วมพิธีและมอบรางวัล

นาย Ricky Batten ผู้จัดการทั่วไปของ Pacific Prime Thailand กล่าวแสดงความขอบคุณดังต่อไปนี้:

“ในนามของ Pacific Prime Thailand ผมขอขอบคุณบริษัท AXA ประเทศไทย อย่างจริงใจสำหรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ รางวัลนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณค่าที่ Pacific Prime สามารถมอบให้กับพันธมิตรของเรา เช่น AXA ประเทศไทย และลูกค้าของเราทั่วโลก รางวัลนี้แสดงให้เห็นว่าความทุ่มเทของทีมงานของเราสามารถช่วยให้ลูกค้าของเราเดินหน้าในแวดวงประกันภัยได้อย่างไร ขอขอบคุณ AXA ประเทศไทย สำหรับการยอมรับและความไว้วางใจที่มีให้เราอย่างยาวนาน เราหวังว่ารางวัลนี้จะเป็นเพียงก้าวสำคัญก้าวหนึ่งในการเดินทางที่ยาวนานและประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นในอนาคต”

นอกจากนี้ นาย Ricky Batten ยังกล่าวขอบคุณเป็นพิเศษต่อผู้บริหารของ AXA ประเทศไทย ประกอบด้วย มร. Guillaume Mirabaud ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท AXA ประเทศไทย นาง Sally O'Hara ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท AXA ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์และประเทศเกาหลีใต้ นายจารุตม์ สุขะวดี ผู้อำนวยการสายงานบริหารช่องทางการขาย นาย Antoine Brune ผู้อำนวยการสายงานด้านสุขภาพ และนางหทัยนันท์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสายงานบริหารช่องทางการขาย

เกี่ยวกับ AXA ประเทศไทย:

บริษัท AXA เป็นบริษัทประกันภัยและบริการทางการเงินที่ดำเนินงานในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก บริษัท AXA ให้บริการประกันภัย การลงทุน และการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่หลากหลายแก่ลูกค้าบุคคลและธุรกิจ โดยมีนวัตกรรมและการให้บริการลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ บริษัท AXA ให้คำแนะนำและการสนับสนุนแบบเฉพาะบุคคลแก่ลูกค้ามากกว่าล้านคนทั่วโลกผ่านเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ ตัวแทน และพันธมิตรที่กว้างขวาง พร้อมด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อความยั่งยืนและแนวทางการลงทุนอย่างรับผิดชอบ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: https://www.axa.co.th

เกี่ยวกับ Pacific Prime:

บริษัท Pacific Prime ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 และเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยและผู้เชี่ยวชาญด้านผลประโยชน์พนักงานที่ได้รับรางวัลระดับโลก Pacific Prime ให้บริการโซลูชันด้านประกันภัยสำหรับลูกค้าบุคคลและองค์กร โดยในปัจจุบัน บริษัท Pacific Prime มีเบี้ยประกันภัยอยู่ภายใต้การบริหารจัดการเป็นมูลค่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ Pacific Prime เป็นบริษัทนายหน้าผลประโยชน์พนักงานรายใหญ่เป็นอันดับสามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยบริษัทมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนและมีสำนักงาน 15 แห่งทั่วโลก ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน ไทย มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินโดนีเซีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pacific Prime โปรดไปที่: https://www.pacificprime.com/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Stephen Ho
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด
Pacific Prime
+852 3589 0508

ที่มา: Pacific Prime

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250506374654/en

DDC ประกาศการเติบโตในปี 2024 ที่เป็นสถิติใหม่และริเริ่มโครงการสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ในจดหมายของผู้ถือหุ้นโดยผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Norma Chu

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2025

DDC Enterprise Ltd. (NYSEAM: DDC) เปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2024 พร้อมจดหมายถึงผู้ถือหุ้นจากผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ Norma Chu โดยเน้นย้ำถึงผลการดำเนินงานทางการเงินในเชิงบวกของบริษัท และเปิดเผยกลยุทธ์การสะสม Bitcoin แนวใหม่ที่จะกำหนดนิยามการสร้างมูลค่าใหม่ในระยะยาว

ถึงผู้ถือหุ้นอันทรงเกียรติของเรา

ปี 2024 เป็นปีแห่งการเติบโตเชิงปฏิรูปและก้าวสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ DDC ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะบอกว่าเราไม่เพียงแต่บรรลุตามการคาดการณ์ทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเกินความคาดหวังอีกด้วย โดยมอบประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งในตัวชี้วัดหลัก ขณะเดียวกันก็วางรากฐานสำหรับอนาคตที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น เมื่อเราเข้าสู่ปี 2025 แรงผลักดันของเราก็เร่งตัวขึ้น โดยขับเคลื่อนด้วยการดำเนินการอย่างมีวินัยและบทใหม่ที่กล้าหาญในกลยุทธ์องค์กรของเรา

จุดเด่นทางการเงินและการดำเนินงานประจำปี 2024

  •  การเติบโตของรายได้:37.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขับเคลื่อนโดยการเข้าซื้อแบรนด์สหรัฐฯ เชิงกลยุทธ์ และความยืดหยุ่นอย่างยั่งยืนในการดำเนินงานหลักของเราในประเทศจีน
  •  การขยายมาร์จิ้น:อัตราส่วนกำไรขั้นต้นปรับปรุงดีขึ้นเป็น 28.4% จาก 25.0% ในปี 2023 สะท้อนถึงการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานที่เข้มงวดและวินัยด้านต้นทุน
  •  เส้นทางสู่ความสามารถในการทำกำไร:EBITDA ที่ปรับแล้วโดยขาดทุนลดลงเหลือ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 2 ล้านเหรียญสหรัฐหากไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ) โดยธุรกิจในประเทศจีนของเราสร้าง EBITDA ที่เป็นบวก ตลอดทั้งปี
  •  งบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น: มูลค่าสุทธิของผู้ถือหุ้นพุ่งขึ้น 33% เป็น 11.3 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับการสนับสนุนจากการแปลงหนี้ และการออกหุ้น เงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด และการลงทุนระยะสั้นอยู่ที่ประมาณ 23.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2025

การมุ่งเน้นอย่างไม่ลดละของทีมงานของเราในด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานและการลงทุนเชิงกลยุทธ์ได้ทำให้ DDC กลายเป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวและปรับตัวได้มากขึ้น พร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

2025: ปีแห่งการเร่งการเติบโตเชิงกลยุทธ์

โดยอาศัยรากฐานของปี 2024 เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะบรรลุ EBITDA ที่ปรับแล้วเป็นบวกในปี 2025 โดยขับเคลื่อนโดยความคิดริเริ่มเชิงปฏิรูปสองประการ:

  1.  กิจกรรมร่วมค้ากับจีน (JV): ความร่วมมือร่วมทุนที่เราประกาศไปเมื่อไม่นานนี้คาดว่าจะมีส่วนช่วยสร้างกำไรสุทธิประจำปี 3 ล้านเหรียญสหรัฐ ในอีกห้าปีข้างหน้า
  2.  กลยุทธ์การสำรอง Bitcoin: เรากำลังเริ่มต้นดำเนินการริเริ่มอันล้ำสมัยเพื่อวางตำแหน่ง DDC ให้เป็นแนวหน้าของนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยการการมุ่งเน้นไปที่การสะสม Bitcoin

โอกาสของ Bitcoin: วิสัยทัศน์สำหรับอนาคต

ฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศกลยุทธ์การสะสม Bitcoin ของ DDC ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของแผนการสร้างมูลค่าในระยะยาวของเรา คุณสมบัติเฉพาะตัวของ Bitcoin ในฐานะแหล่งเก็บมูลค่าและการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาคนั้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการกระจายความเสี่ยง สำรอง และเพิ่มผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น

ความมุ่งมั่นของเรา:

  •  ดำเนินการซื้อ 100 BTC ทันที โดยมีเป้าหมายที่จะสะสม 500 BTC ภายในหกเดือน และ5,000 BTC ภายใน 36 เดือน .
  • ทีมบริหารเงินที่ทุ่มเทและคณะที่ปรึกษาที่เน้นด้านคริปโตเคอเรนซีที่ขยายตัวใหม่จะดูแลกลยุทธ์นี้ เพื่อให้แน่ใจว่าการสะสมมีวินัยและคำนึงถึงความเสี่ยง

ความคิดริเริ่มนี้เน้นย้ำถึงความมั่นใจของเราในศักยภาพการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีบล็อคเชนและความมุ่งมั่นของเราในการริเริ่มกลยุทธ์ทางการเงินขององค์กร

การวางแผนอนาคต

ในฐานะผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ฉันมีความหวังมากขึ้นกว่าเดิมเกี่ยวกับแนวทางของ DDC ผลงานของเราในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเราในการขยายขนาดอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่แผนริเริ่มในปี 2025 ของเรา โดยเฉพาะกลยุทธ์ Bitcoin ของเรา สะท้อนถึงแนวทางการคิดล่วงหน้าเพื่อสร้างมูลค่า เราไม่ได้แค่ปรับตัวให้เข้ากับอนาคตเท่านั้น แต่เรากำลังกำหนดอนาคตด้วย

ถึงผู้ถือหุ้นของเรา: ขอขอบคุณสำหรับความไว้วางใจที่มีให้เสมอมา เรากำลังร่วมกันสร้างบริษัทที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรม ความยืดหยุ่น และความทะเยอทะยานอันกล้าหาญ

ขอแสดงความนับถือ
Norma Chu
ผู้ก่อตั้ง ประธานและซีอีโอ
DDC Enterprise Limited

คำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์

ข้อความบางส่วนในข่าวเผยแพร่ฉบับนี้เป็นคำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ รวมถึงข้อความเกี่ยวกับกลยุทธ์ Bitcoin ของเรา ประสิทธิภาพของ JVs การปฏิบัติตามข้อกำหนดของ NYSE และ SEC รายได้ที่คาดการณ์ไว้ อัตรากำไร การเติบโตและการขยายตัว คำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่ทราบและไม่ทราบ และอิงตามความคาดหวังและการคาดการณ์ปัจจุบันของบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตที่บริษัทเชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อสภาพทางการเงิน ผลการดำเนินงาน กลยุทธ์ทางธุรกิจ และความต้องการทางการเงิน คำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์เหล่านี้ยังขึ้นอยู่กับสมมติฐานเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางธุรกิจปัจจุบันและอนาคตของบริษัท และสภาพแวดล้อมที่บริษัทจะดำเนินการในอนาคตอีกด้วย นักลงทุนสามารถค้นหาคำกล่าวเหล่านี้ได้หลายคำ (แต่ไม่ใช่ทั้งหมด) โดยการใช้คำ เช่น “อาจ” “จะ” “คาดหวัง” “คาดการณ์ล่วงหน้า” “มุ่งหวัง” “ประมาณการ” “ตั้งใจ” “วางแผน” “เชื่อว่า” “มีแนวโน้มที่จะ” หรือสำนวนอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน บริษัทไม่มีภาระผูกพันที่จะต้องอัพเดตหรือแก้ไขคำกล่าวอ้างเชิงคาดการณ์ต่อสาธารณะใดๆ เพื่อสะท้อนถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภายหลัง หรือการเปลี่ยนแปลงในความคาดหวังของบริษัท ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด แม้ว่าบริษัทเชื่อว่าความคาดหวังที่แสดงไว้ในคำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์เหล่านี้มีความสมเหตุสมผล แต่บริษัทไม่สามารถรับประกันได้ว่าความคาดหวังดังกล่าวจะถูกต้อง และบริษัทขอเตือนนักลงทุนว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอาจแตกต่างไปจากผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก และขอแนะนำให้นักลงทุนตรวจสอบปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ในอนาคตของบริษัทในใบแจ้งการจดทะเบียนของบริษัทและเอกสารที่ยื่นต่อ SEC

ที่มา: DDC Enterprise, Ltd.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

นักลงทุน:
Jeff Ervin
jeffervin@daydaycook.com

ที่มา: DDC Enterprise, Ltd.

Planto ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะ Fintech Innovation Challenge: การใช้ประโยชน์จาก AI สำหรับ SMEs ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Asian Development Bank

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–06 มีนาคม 2025

Planto บริษัทฟินเทคที่มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกงได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะ AI สำหรับ SMEs Challenge จาก Asian Development Bank (ADB)! การยกย่องนี้ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการเพิ่มศักยภาพให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยโซลูชั่นทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่สร้างผลกระทบอย่างแท้จริง

โดยแนวทางของ Planto มีจุดมุ่งเน้นอยู่ที่:

✅ การพัฒนาการประเมินสินเชื่อและขยายการเข้าถึงเงินทุน – ทำให้ SME ได้รับการประเมินที่ยุติธรรมและขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อปลดล็อกโอกาสในการเติบโต

✅ การสนับสนุนการจัดการทางการเงินและการศึกษา – ช่วยให้เจ้าของธุรกิจมีเครื่องมือและความรู้ที่เหมาะสมเพื่อนำทางเส้นทางทางการเงินของพวกเขาอย่างมั่นใจ

✅ การใช้ประโยชน์จาก LLM เพื่อการแปลงเป็นดิจิทัล – ปรับปรุงกระบวนการทางการเงินและลดอุปสรรคสำหรับ SME ผ่านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

✅ การเตรียมความพร้อมสำหรับ SME สำหรับการเงินแบบเปิด – วางรากฐานสำหรับการแบ่งปันข้อมูลที่ราบรื่นและการเชื่อมต่อทางการเงินในระบบนิเวศทางการเงินที่กำลังพัฒนา

นับจากนี้ไป Planto จะได้รับการสนับสนุนจาก ADB Digital Learning Labs โดยจะมีการแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกต่างๆ กับเจ้าหน้าที่ของ ADB และธนาคารพันธมิตรทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงิน และสร้างระบบนิเวศสำหรับ SME ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

“ที่ Planto เราเชื่อว่า AI มีพลังในการเปลี่ยนแปลงการเข้าถึงทางการเงินสำหรับ SME ต่างๆ ทำให้พวกเขาเจริญเติบโตในโลกดิจิทัลมากขึ้น การได้รับการยอมรับจาก Asian Development Bank เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงภารกิจของเราในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจด้วยโซลูชั่นทางการเงินที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรมต่อไป โดยส่งเสริมให้เกิดความครอบคลุมทางการเงินสำหรับธนาคาร SME ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” Ankit Suri ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Planto กล่าว

“SME กว่า 70 ล้านรายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล การนำ AI มาใช้ และโครงการริเริ่มด้านการเงินแบบเปิดที่กำลังจะเกิดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค การได้รับการยอมรับจาก ADB นี้ ได้ช่วยตอกย้ำความเชื่อของเราว่าความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินและฟินเทคสามารถสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนต่อ SME ได้” Apinun Narkhan ผู้ร่วมก่อตั้งกล่าวเสริม

โดยเงินทุนสนับสนุนสำหรับความท้าทายด้านนวัตกรรมฟินเทคได้รับจากกองทุนเทคโนโลยีระดับสูงที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นและบริหารงานโดย ADB

เกี่ยวกับ Planto

Planto Limited ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 เป็นบริษัทฟินเทคที่มีสมาชิกในทีมทั่วเอเชีย โดย Planto ได้นำเสนอโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและมีส่วนร่วมด้วย AI สำหรับทั้งธนาคารและผู้บริโภคปลายทาง บริษัทได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินหลายแห่งเพื่อพัฒนาโซลูชันนวัตกรรมที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางผ่าน AI ข้อมูล รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้ธนาคารสามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมทางดิจิทัล การขายทางดิจิทัล และประสิทธิภาพการดำเนินงานได้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Ankit Suri, CEO
ankit@planto.io

ที่มา: Planto Limited

Multiply Group ลงนามการลงทุนครั้งสำคัญกับพันธมิตร CVC และ PAI เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้น (67.91%) ใน Tendam โดยธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่ม EBITDA เป็นสองเท่าของการดำเนินงานหลังการรวมกิจการ

Logo

  •  Multiply Group ก่อตั้งกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและเครื่องแต่งกายใหม่โดยมี Tendam เป็นธุรกิจหลัก ซึ่งจะทำให้การดำเนินธุรกิจของกลุ่มในอุตสาหกรรมที่เน้นผู้บริโภคมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  •  Tendam เป็นกลุ่มเครื่องแต่งกายที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสเปนเมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งการตลาด และเป็นหนึ่งในกลุ่มเครื่องแต่งกายแบบ Omnichannel ชั้นนำของยุโรป โดยมีจุดขาย 1,800 จุดในตลาดมากกว่า 80 แห่ง รวมถึงสเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และละตินอเมริกา รวมถึงแบรนด์ต่างๆ เช่น Women’secret, Springfield และ Cortefiel
  •  สัดส่วนการถือหุ้นส่วนใหญ่ใน Tendam นี้เป็นกิจกรรมการลงทุนด้านอาคารแนวดิ่งล่าสุดโดย Multiply Group ซึ่งเพิ่งใช้เงินประมาณ 1 พันล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อซื้อ BackLite Media, Excellence Premier Investment และ The Grooming Company Holding

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–26 กุมภาพันธ์ 2025

Multiply Group PJSC (ADX: MULTIPLY) บริษัทโฮลดิ้งด้านการลงทุนที่มีฐานอยู่ในอาบูดาบี ซึ่งลงทุนและดำเนินธุรกิจทั่วโลกผ่านสี่ภาคส่วน ได้แก่ การเดินทาง สื่อและการสื่อสาร พลังงานและสาธารณูปโภค และความงามและสุขภาพ โดยต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลทั้งหมดสำเร็จ ได้ตกลงที่จะลงทุนโดยการเพิ่มทุนซึ่งจะทำให้ได้หุ้นควบคุม 67.91% ใน Castellano Investments S.À R.L. (“บริษัท ”) (เจ้าของ Tendam Brands S.A.U และบริษัทย่อยอื่นๆ) กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทควบคู่ไปกับ Llano Holdings S.À R.L. และ Arcadian Investments S.À R.L. ซึ่งเป็นเครื่องมือในการลงทุนขององค์กรสำหรับ CVC Funds และ PAI Partners ตามลำดับ ซึ่งจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยในบริษัท

Multiply Group signs landmark investment with CVC and PAI Partners to secure a controlling stake in Tendam (Photo: AETOSWire)

Multiply Group ลงนามการลงทุนครั้งสำคัญกับ CVC และ PAI Partners เพื่อควบคุมสัดส่วนการถือหุ้นใน Tendam (ภาพ: AETOSWire)

Tendam เป็นกลุ่มธุรกิจเครื่องแต่งกายที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสเปน เมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งการตลาด และเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจเครื่องแต่งกายแบบ Omnichannel ชั้นนำของยุโรป Multiply Group จะเป็นผู้นำในการเติบโตในระยะต่อไปของ Tendam โดยมุ่งเน้นไปที่การขยายตัวในระดับนานาชาติและการพัฒนาระบบนิเวศแบบ Omnichannel ของกลุ่มต่อไป การทำธุรกรรมดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง

ด้วยการลงทุนครั้งนี้ Multiply Group จึงสามารถสร้างสถานะของตนเองในภาคค้าปลีกและเครื่องแต่งกายได้ โดยมี Tendam ทำหน้าที่เป็นเสาหลักสำหรับแนวทางใหม่นี้ ข้อตกลงนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ครั้งแรกของ Multiply Group ในยุโรป ซึ่งถือเป็นการเติบโตทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญและช่วยให้บริษัทมีสถานะที่มั่นคงยิ่งขึ้นในธุรกิจที่เน้นผู้บริโภค

ตั้งแต่ปี 2020 Tendam มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส โดยรวบรวมโมเดลธุรกิจในตลาดสำคัญๆ และขยายการดำเนินงานในต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2025 ยอดขายรวมของ Tendam ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (LTM) อยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านยูโร โดยมี EBITDA หลัง IFRS-16 ที่ 341 ล้านยูโร

Samia Bouazza ซีอีโอกลุ่มและกรรมการผู้จัดการ Multiply Group  กล่าวว่า “การถือหุ้นส่วนใหญ่ใน Tendam บรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์สามประการสำหรับ Multiply Group ซึ่งได้แก่ ช่วยให้เราเดินหน้าต่อไปตามคำมั่นสัญญาของเราในการสร้างการเติบโตของ EBITDA ในระดับสองหลัก ถือเป็นการเข้าสู่ภาคค้าปลีกและเครื่องแต่งกายเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เราตั้งเป้าไว้และเชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และสุดท้าย การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นก้าวที่ชัดเจนในการพยายามขยายธุรกิจไปทั่วโลกของเรา ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มธุรกิจสามารถขยายพอร์ตโฟลิโอระหว่างประเทศต่อไปได้ในปีต่อๆ ไป”

Tendam กลายเป็นผู้บุกเบิกในภาคส่วนค้าปลีกเครื่องแต่งกายแบบ Omnichannel โดยมีจุดขายมากกว่า 1,800 จุดในเกือบ 80 ประเทศใน 4 ทวีป โดยมีแบรนด์ของตัวเอง 12 แบรนด์ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มตลาดมวลชนระดับพรีเมียม (Women’secret, Springfield, Cortefiel, Pedro del Hierro, Hoss Intropia, Slowlove, High Spirits, Dash and Stars, OOTO, HI&BYE, Milano และไลน์เสื้อผ้าเด็ก Springfield Kids) ตลอดจนแบรนด์บุคคลที่สามเกือบ 200 แบรนด์ คลับสะสมคะแนนที่มีชื่อเสียง ความสามารถทางเทคโนโลยีที่เป็นผู้นำตลาด เครือข่ายที่กว้างขวางซึ่งประกอบด้วยจุดขายมากกว่า 1,800 จุด (รวมถึงร้านค้าที่ดำเนินการโดยตรง มุมถนน และแฟรนไชส์) และออนไลน์

จากมุมมองเชิงกลยุทธ์ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ Multiply Group ในการสร้างแบรนด์บนแพลตฟอร์มของ Tendam และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคตด้วยการเข้าถึงตลาดค้าปลีกเครื่องแต่งกายทั่วโลกที่ 1.3 ล้านล้านยูโร

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการเข้าซื้อกิจการ และกิจกรรมขยายธุรกิจแบบแนวดิ่งต่างๆ ของ Multiply Group ซึ่งบริษัทประสบความสำเร็จในการเข้าควบคุมสัดส่วนการถือหุ้นใน Excellence Premier Investment, Media 247, BackLite Media และ The Grooming Company Holding และบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพประจำปี 2024 เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้

Jaume Miquel ประธานและซีอีโอของ Tendamเน้นย้ำว่า “นับตั้งแต่นำกลยุทธ์ Tendam 5.0 มาใช้ Tendam ได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่โดดเด่น โดยได้รับการสนับสนุนจากการสร้างระบบนิเวศแบบ Omnichannel ที่มีเอกลักษณ์และไม่มีใครเทียบได้ การลงทุนของ Multiply Group ถือเป็นการรับรองกลยุทธ์ดังกล่าวและช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตอย่างรวดเร็ว ในทำนองเดียวกัน CVC Funds และ PAI ผ่าน Llano และ Arcadian ให้ความต่อเนื่องและความเข้าใจในเชิงลึกที่แข็งแกร่งของบริษัท นักลงทุนทั้งหมดของเรา ร่วมกับทีมผู้บริหารที่มีความมุ่งมั่น ถือเป็นหลักประกันที่ดีที่สุดสำหรับการเติบโตและความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง”

Caroline Goergen ผู้อำนวยการของ Llano Holdings S.à r.l.,กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับ Multiply Group และยังคงสนับสนุน Tendam ต่อไปในช่วงการเติบโตใหม่นี้ เรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งต่อทีมผู้บริหารของ Tendam ซึ่งได้สร้างระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์และมีประสิทธิภาพเหนือกว่าตลาดอย่างมาก เรายังคงกระตือรือร้นเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของ Tendam และการลงทุนอย่างต่อเนื่องของเรา”

Laura Muries หุ้นส่วนและหัวหน้าสเปนของกองทุนเรือธงของ PAIกล่าวว่า: “นับตั้งแต่ที่เราลงทุนในปี 2017 ความร่วมมือกับ Tendam ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จ ปัจจุบัน Tendam เป็นบริษัทชั้นนำที่ทำกำไรได้หลายช่องทาง โดยสามารถเข้าถึงลูกค้า 24 ล้านรายและเติบโตเหนือตลาดอย่างต่อเนื่อง เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนบริษัทในการพัฒนากลยุทธ์ใหม่นี้ในระดับสากลต่อไป” 

Multiply Group ได้รับคำแนะนำจาก Greenhill (บริษัทในเครือ Mizuho), Hogan Lovells และ KPMG เกี่ยวกับธุรกรรมนี้ Castellano และผู้ถือหุ้นปัจจุบันได้รับคำแนะนำจาก Uria Menendez นอกจากนี้ Ramón Hermosilla Abogados และ Latham & Watkins LLP ยังเป็นที่ปรึกษากฎหมายในธุรกรรมนี้ด้วย

Multiply Group ประสบความสำเร็จอย่างแข็งแกร่งในปี 2024 โดยวัดผลจากตัวชี้วัดสำคัญ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากตำแหน่งผู้นำตลาดในกลุ่มธุรกิจการเดินทาง สื่อ และความงาม รายได้ของกลุ่มพุ่งสูงขึ้น 56% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าระดับ 2 พันล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และขับเคลื่อนด้วยการเติบโตแบบออร์แกนิกเป็นตัวเลขสองหลักในทุกแนวดิ่ง ส่งผลให้ EBITDA ของกลุ่มเติบโต 15% แตะที่ 1.9 พันล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 *ที่มาAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54214631/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
Wassim El Jurdi
Multiply Group
M: +971 56 105 9595
E: wassim@multiply.ae

Rawad Khattar
Weber Shandwick
M: +971 56 336 2131
E: rkhattar@webershandwick.com

ที่มา: Multiply Group PJSC

แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศแต่งตั้ง วรฉัตร ลักขณาโรจน์ ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารคนต่อไปของ 2C2P เดินหน้าขยายธุรกิจ-เสริมทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ ตอบรับเอสเอ็มอีทั่วภูมิภาค

Logo

  • วรฉัตร ลักขณาโรจน์ พร้อมนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดฟินเทคมาขับเคลื่อน 2C2P จากผู้ให้บริการเกตเวย์การชำระเงินแก่ลูกค้าองค์กรสู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชันดิจิทัลและบริการทางการเงินแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจทุกขนาดรวมถึงกลุ่มเอสเอ็มอีทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • ออง โจ โม ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารคนปัจจุบันของ 2C2P จะก้าวลงจากตำแหน่งในเดือนเมษายนนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจส่วนตัว หลังจาก 22 ปีในฐานะผู้นำที่เปลี่ยน 2C2P ให้กลายเป็นผู้ให้บริการระบบชำระเงินชั้นนำระดับภูมิภาคที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากลูกค้ามากมาย ทั้งในภาคธุรกิจการบิน อีคอมเมิร์ซ ตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ และอื่นๆ
  • แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (หรือในชื่อเดิม กลุ่มธุรกิจต่างประเทศของแอนท์ กรุ๊ป) ได้ลงทุนเชิงกลยุทธ์ใน 2C2P เมื่อเดือนเมษายน 2565 โดยนับจากนั้นทั้งสองบริษัททำงานประสานกันได้อย่างแข็งแกร่งด้วยการผสานผลิตภัณฑ์และทีมงานของทั้งสองฝ่ายเพื่อพัฒนาโซลูชันที่เปี่ยมนวัตกรรมสำหรับลูกค้า

กรุงเทพฯ / สิงคโปร์  25 กุมภาพันธ์ 2568 

แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินดิจิทัล นวัตกรรมดิจิทัล และเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำระดับโลก ประกาศแต่งตั้งคุณวรฉัตร ลักขณาโรจน์ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร (CEO) คนต่อไปของ 2C2P โดยคุณวรฉัตรจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนเมษายน 2568 หลังจากที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

Worachat Luxkanalode (Photo: Business Wire)

วรฉัตร ลักขณาโรจน์ (รูปภาพ: Business Wire))

ในบทบาทนี้ คุณวรฉัตรจะดูแลกลยุทธ์ทางธุรกิจและการดำเนินงานโดยรวมของ 2C2P และเข้ามาสานต่อภารกิจในการยกระดับกลยุทธ์ของบริษัท จากเดิมที่เน้นการให้บริการลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่เป็นหลัก สู่การให้บริการแก่ธุรกิจทุกขนาดรวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ 2C2P เป็นธุรกิจในเครือของแอนทอม (Antom) ผู้ให้บริการ โซลูชันด้านการชำระเงินและนวัตกรรมดิจิทัลระดับโลกภายใต้ความดูแลของ แอนท์ กรุ๊ป โดยปัจจุบัน 2C2P ให้บริการแก่ธุรกิจชั้นนำทั้งในภาคการท่องเที่ยว อีคอมเมิร์ซ ความบันเทิง และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

แกรี่ หลิว ผู้จัดการทั่วไปของแอนทอม – แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “แอนทอมและ 2C2P  ได้ต่อยอดนวัตกรรมร่วมกันและขยายระบบนิเวศเพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการชั้นนำทั้งในระดับโลกและท้องถิ่น ผลักดันการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและภูมิทัศน์การชำระเงินในภูมิภาคนี้  แอนทอมและ 2C2P จะยังคงอยู่แนวหน้าของการเปลี่ยนแปลงนี้ ในฐานะทีมที่เป็นหนึ่งเดียวภายใต้พันธกิจร่วมกัน ในการเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการทุกขนาด ด้วยโซลูชันที่ล้ำสมัยและบริการระดับโลก พร้อมรองรับและขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งในยุคดิจิทัล”

“คุณวรฉัตรนับเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการฟินเทค ที่พรั่งพร้อมด้วยประสบการณ์และผลงานที่ผ่านการพิสูจน์ฝีมือมาแล้ว ในด้านบริการชำระเงิน การเงินการธนาคารเชิงดิจิทัล และการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า 2C2P จะสามารถสานต่อความโดดเด่นในด้านนวัตกรรมให้ก้าวไปอีกขั้น ภายใต้การนำของคุณวรฉัตร ทั้งยังขยายบริการของเราให้ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีในภูมิภาคนี้อย่างกว้างขวางขึ้น ควบคู่ไปกับกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่” คุณหลิวเสริม

ปัจจุบันคุณวรฉัตรร่วมงานอยู่กับแกร็บ ซูเปอร์แอปชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของแกร็บ ประเทศไทย ทั้งนี้คุณวรฉัตรเข้าร่วมงานกับแกร็บเมื่อปี 2562 และผ่านการทำงานหลากหลายตำแหน่งจวบจนปัจจุบัน ทั้งในฐานะกรรมการผู้จัดการ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ประเทศไทย และกรรมการบริหารของแกร็บ ประเทศไทย ก่อนหน้านี้คุณวรฉัตรมีประสบการณ์ในบทบาทผู้บริหารระดับสูงของธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำทั้งของไทยและต่างประเทศ รวมกว่า 17 ปี ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมบุกเบิกนวัตกรรมดิจิทัลในภาคการเงินการธนาคารของไทยอีกด้วย

คุณวรฉัตรกล่าวในโอกาสนี้ว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนลและเข้ามาดูแล 2C2P ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ขณะที่เรากำลังเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดบริการชำระเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง บทบาทของผมจะมุ่งเน้นไปที่การปรับกลยุทธ์ขององค์กร ให้พร้อมตอบสนองความต้องการของกลุ่มเอสเอ็มอีในภูมิภาคนี้ได้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยการต่อยอดจากรากฐานอันแข็งแกร่งที่วางไว้ โดยทีมผู้บริหารชุดปัจจุบันของ 2C2P โดยเฉพาะผู้ก่อตั้งที่เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์อย่างคุณออง”

“นับจากนี้ไป 2C2P จะทำงานร่วมกับแอนทอมอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นไปอีก และกลายเป็นส่วนสำคัญในบริการและนวัตกรรมแบบครบวงจรที่แอนทอมมอบให้กับผู้ประกอบการทั่วโลก ผมมั่นใจว่าทีมงานทั้งสองจะสามารถร่วมกันสรรสร้างโซลูชันด้านการชำระเงิน นวัตกรรมดิจิทัล และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์อย่างแม่นยำมากขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเสริมพลังให้ธุรกิจในทุกระดับเติบโตได้ดียิ่งขึ้นในเศรษฐกิจยุคดิจิทัล” คุณวรฉัตรเสริม

2C2P ก่อตั้งขึ้นโดยคุณออง โจ โม ที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2546 โดยในเดือนเมษายน 2566 แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (หรือในชื่อเดิม กลุ่มธุรกิจต่างประเทศของแอนท์ กรุ๊ป) ได้เข้ามาเป็นผู้ร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ใน 2C2P ก่อนที่ทั้งสองบริษัทจะร่วมงานกันอย่างใกล้ชิด ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมมาผสมผสานกันได้ลงตัว และยังสรรสร้างนวัตกรรมในระดับแนวหน้าของตลาดบริการด้านการชำระเงินอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ปริมาณการรับชำระเงินรายปีของ 2C2P ได้เพิ่มขึ้นถึงเกือบสองเท่าตัวขณะที่ปริมาณการชำระเงินรวม (Total Payment Volume; TPV) จากลูกค้ารายหลักของแอนทอมที่ทั้งสองบริษัทร่วมกันให้บริการก็เพิ่มมากขึ้นถึง 10 เท่าตัว

การเติบโตอย่างแข็งแกร่งนี้มาจากลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอีคอมเมิร์ซ ค้าปลีก สายการบิน ตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) ธุรกิจโรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ดิจิทัลคอนเทนต์ และธุรกิจแบบออนไลน์สู่ออฟไลน์ (O2O) ครอบคลุมตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันเปิดตัวนวัตกรรมหลายอย่าง เช่น แอนทอม บิสซิเนส แอคเคาท์ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรับชำระเงินและทำการจ่ายเงินทั้งในประเทศและข้ามประเทศได้อย่างราบรื่นด้วยบัญชีเดียว และการผนึกรวมระบบของ 2C2P เข้าเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีของแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถทำการชำระเงินข้ามประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่แข่งขันได้เพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า

“ในเมื่อ 2C2P อยู่ในความดูแลของคนมีฝีมือแล้ว ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ ผมจะอุทิศเวลาส่วนหนึ่งให้กับงานวิจัยของผมเรื่อง ‘เส้นทางสู่ความสำเร็จและความล้มเหลวของสตาร์ทอัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: เจาะความแตกต่างของทิศทางการเติบโต’ และผมก็กำลังเขียนหนังสือเรื่อง ‘Red Kite’ ที่จะเป็นบันทึกเรื่องราวชีวิตของผมเองทั้งในมุมของชีวิตส่วนตัวและการบริหารธุรกิจ นอกจากงานเขียนเหล่านี้ ผมก็รอไม่ไหวแล้วที่จะได้ขับเครื่องบินเล็กของผมไปเจอกับสถานที่ใหม่ๆ และผู้คนใหม่ๆ” คุณอองกล่าวผ่านทางโพสต์ LinkedIn

ในโอกาสนี้ คุณหลิวยังได้กล่าวขอบคุณคุณอองสำหรับความทุ่มเทและบทบาทในการขับเคลื่อน 2C2P ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอีกด้วย “วิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำของคุณอองทำให้ 2C2P ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง และยังสามารถช่วยลูกค้าองค์กรทั่วทั้งภูมิภาคให้ก้าวข้ามอุปสรรคที่ท้าทายไม่น้อยในด้านระบบการชำระเงิน จนกระทั่ง 2C2P เป็นที่รู้จักในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในด้านการชำระเงิน ความสำเร็จทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนถึงความมุ่งมั่นทุ่มเท วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ และความสามารถของคุณอองในการจุดประกายให้ทีมงานเดินหน้าสู่ความเป็นเลิศ”

ทั้งนี้ คุณปิยชาติ รัตน์ประสาทพร ประธานกรรมการบริหารคนปัจจุบันของ 2C2P ประเทศไทย จะวางมือจากตำแหน่งดังกล่าวในเดือนเมษายนเช่นกัน โดยคุณอองและคุณปิยชาติจะยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของ 2C2P จนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้

“เราขอให้ทั้งคุณอองและคุณปิยชาติประสบกับความสำเร็จและความสมหวังต่อไปในอนาคต” คุณหลิวกล่าว

# # #

เกี่ยวกับแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล

แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ และดำเนินงานภายใต้พันธกิจเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของการค้าระดับโลกด้วยนวัตกรรมดิจิทัลที่สร้างโอกาสให้ทุกคนและทุกธุรกิจได้เติบโตสู่ความสำเร็จ เราร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรอย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการทุกระดับทั่วโลก ให้บรรลุเป้าหมายด้านการเติบโตของตนเอง ผ่านทางโซลูชันด้านการชำระเงินแบบดิจิทัล และบริการทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบบครบวงจร ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.antglobal.com/

เกี่ยวกับแอนทอม

แอนทอม โดยแอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านการชำระเงินและนวัตกรรมดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการทั่วโลก ด้วยโซลูชันการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลแบบครบวงจร ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการใช้งานแบบเฉพาะทางในแต่ละอุตสาหกรรม พร้อมตอบโจทย์ของธุรกิจทุกขนาด ทั้งนี้ แอนทอมทำงานร่วมกับผู้ประกอบการในกว่า 50 ประเทศและในทุกภูมิภาค เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงผู้บริโภคในตลาดกว่า 200 แห่ง และรับชำระเงินได้มากกว่า 100 สกุลเงิน นอกจากระบบชำระเงินแล้ว แอนทอมยังมีโซลูชันสำหรับการตลาดเชิงดิจิทัลและบริการ เพื่อช่วยผู้ประกอบการเปลี่ยนถ่ายมาใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล จนสามารถยกระดับการดำเนินงานและดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้มากขึ้น ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.antom.com/

เกี่ยวกับ 2C2P

2C2P เป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินแบบครบวงจร ที่ช่วยให้องค์กรชั้นนำระดับโลกสามารถชำระและรับชำระเงินได้อย่างปลอดภัยผ่านช่องทางเดียว เครือข่ายที่กว้างขวางของ 2C2P ครอบคลุมทั้งช่องทางออนไลน์ สมาร์ทโฟน และออฟไลน์ รวมถึงจุดชำระเงินทางเลือกกว่า 600,000 แห่ง จึงช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงลูกค้าหรือผู้รับเงินได้ทุกที่ ทั้งนี้ 2C2P ยังให้บริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการทำบัตรใช้จ่ายบริการดิจิทัลวอลเล็ต ระบบความปลอดภัย 3D Secure การชำระค่าบริการ และสินค้าดิจิทัล เพื่อตอบสนองทุกความต้องการทางธุรกิจ

2C2P มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ โดยปัจจุบันดำเนินธุรกิจอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และฮ่องกง นอกจากนี้ 2C2P ยังเป็นพันธมิตรด้านการชำระเงินที่ได้รับความไว้วางใจจากสายการบิน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจค้าปลีก และองค์กรอื่นๆ อีกมากมาย ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://2c2p.com/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54214032/en

Media Inquiries:

Fanny Wu

chen.wc@antgroup.com

media@2c2p.com