Category Archives: Finance

CTBC Holding ร่วมแบ่งปันความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมดิจิทัลและการป้องกันการฉ้อโกงในงาน Banking Summit Asia 2025

Logo

ไทเป, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2025

บริษัท CTBC Financial Holding จำกัด (CTBC Holding) ที่ได้รับเชิญจาก Financial Times และ The Banker สื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำระดับโลก ได้เข้าร่วมงาน Banking Summit Asia 2025 เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา โดยคุณ Titan Chia (賈景光) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศของ CTBC Holding ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อหลักๆ ของการพัฒนานวัตกรรมบริการทางการเงินดิจิทัลควบคู่ไปกับการสร้างหลักประกันความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของข้อมูล พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ของ CTBC ในด้านดิจิทัล โดยคุณ Titan Chia เป็นตัวแทนเพียงคนเดียวที่มาจากภาคการเงินของไต้หวัน

Titan Chia (right), Chief Information Officer of CTBC Financial Holding, served as a speaker today at the “Banking Summit Asia 2025,” held in Asia for the first time, where he shared the company’s achievements in fraud prevention through digital innovation. / Courtesy of CTBC Financial Holding

Titan Chia (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ บริษัท CTBC Financial Holding เป็นวิทยากรในงาน “Banking Summit Asia 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย โดยเขาได้ร่วมแบ่งปันความสำเร็จของบริษัทในการป้องกันการฉ้อโกงผ่านนวัตกรรมดิจิทัล / เครดิตภาพโดย CTBC Financial Holding

งาน Global Banking Summit ซึ่งจัดโดย Financial Times และ The Banker ร่วมกัน ถือเป็นหนึ่งในงานประชุมทางการเงินที่สำคัญที่สุดของโลก โดยปีนี้ถือเป็นการประชุมสุดยอดครั้งแรกในเอเชีย จัดขึ้นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ฮ่องกง และสามารถดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้เกือบ 300 คนจากทั่วโลก ผู้จัดงานได้ร่วมเสวนากับ คุณ Titan Chia และ คุณเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกสิกรไทย

คุณ Chia ย้ำว่าความท้าทายสำคัญของธนาคารในปัจจุบันคือการปกป้องความปลอดภัยของผู้ใช้ควบคู่ไปกับการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เขากล่าวว่า CTBC Bank ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ CTBC Holding ได้นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบป้องกันการฉ้อโกงที่ออกแบบมาเพื่อรับประกันว่าทรัพย์สินของลูกค้าจะปลอดภัยและให้บริการได้อย่างราบรื่น

โมเดล “AI SKYNET” ที่พัฒนาโดย CTBC Holding สามารถตรวจจับการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้โดยการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงเกือบ 300 รายการภายในเวลาเพียง 1 วินาที โดยในปี 2024 โมเดลนี้สามารถป้องกันการทุจริตได้เกือบ 2.8 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน และมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 30% ส่วนในไตรมาสแรกของปี 2025 เพียงไตรมาสเดียว สัญญาณการฉ้อโกงได้ลดลงเหลือ 24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

เพื่อสร้างเครือข่ายป้องกันการฉ้อโกงที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น CTBC Holding ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมและเครือข่ายสังคมออนไลน์ LINE และร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุดไต้หวัน และสำนักงานอัยการเขตไทเป นอกจากนี้ CTBC Holding ยังทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานคณะทำงานพัฒนาแอปพลิเคชัน Fintech โดยเป็นผู้นำภาคการเงินของไต้หวันในการสร้างเครือข่ายความปลอดภัยระหว่างธนาคารเพื่อต่อสู้กับการฉ้อโกง

ในฐานะหนึ่งในธนาคารเอกชนที่มีความเป็นสากลมากที่สุดของไต้หวัน สาขาต่างประเทศของ CTBC Bank จึงได้รับการประสานงานจากสำนักงานใหญ่เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามนโยบายด้านกฎระเบียบท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและป้องกันการฉ้อโกงข้ามพรมแดน ในอนาคต CTBC Bank วางแผนที่จะสำรวจการพัฒนา “ศูนย์ข้อมูลระดับภูมิภาค” โดยใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสขั้นสูงและกลไกการปกปิดตัวตนที่สอดคล้องตามมาตรฐาน เพื่อบูรณาการข้อมูลข้ามพรมแดนและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการฉ้อโกงให้ดียิ่งขึ้น

CTBC Holding เชื่อมั่นว่าความน่าเชื่อถือและความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลคือรากฐานสำคัญของการเงินยุคใหม่ ในอนาคต CTBC จะเดินหน้าพัฒนาการประยุกต์ใช้ AI บิ๊กดาต้า และเทคโนโลยีคลาวด์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และทำงานร่วมกับพันธมิตรทางการเงินระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลและการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วทั้งเอเชีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250916711131/en

Contacts

ฝ่ายประชาสัมพันธ์, CTBC Bank
Ken Wang (+8862) 3327-7777#6712
Sherry Fang (+8862) 3327-7777#6711

ที่มา: CTBC Holding

KBRA ขยายการดำเนินงานในโตเกียวด้วยการแต่งตั้ง Yasu Iwasa เป็นหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่น

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2025

KBRA เป็นผู้นำด้านการจัดอันดับเครดิตและการวิจัยระดับโลก มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง Yasumitsu “Yasu” Iwasa ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่น ซึ่งช่วยตอกย้ำเส้นทางการเติบโตในเอเชีย หลังจากได้จัดตั้งสำนักงานในโตเกียวเพื่อเชิงกลยุทธ์ในเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมา

สำนักงานโตเกียวของ KBRA สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการขยายฐานการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในตลาดสินเชื่อทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยปัจจุบัน ทีมงานของเรามีความพร้อมในการเติบโตและมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง และสามารถให้บริการแก่นักลงทุนทั่วทั้งในและต่างประเทศ

Yasu Iwasa มีประสบการณ์เกือบ 30 ปี ในด้านวาณิชธนกิจและการจัดการสินทรัพย์ โดยเคยดำรงตำแหน่งระดับสูงในสถาบันการเงินระดับโลกชั้นนำในญี่ปุ่น ล่าสุด เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่นและกรรมการผู้จัดการที่ Impax Asset Management ที่เป็นผู้นำในการเปิดตัวและการเติบโตของการดำเนินงานในญี่ปุ่น นอกจากบทบาทผู้นำในระดับบริหารแล้ว เขายังเคยทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ในทีมจัดจำหน่ายอีกด้วย โดยระหว่างปี 2014 ถึง 2021 Yasu ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายญี่ปุ่นที่ Fullerton Fund Management ที่เป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ในเครือ Temasek Group โดยเขาเริ่มต้นอาชีพการทำงานที่ Goldman Sachs ได้ทำงานด้านตราสารอนุพันธ์และการจัดโครงสร้างตราสารทุนเป็นเวลาประมาณ 12 ปี ซึ่งประสบการณ์นี้ได้ช่วยสร้างความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งของเขาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก

Yasu สำเร็จการศึกษาปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเอสเซ็กซ์ในสหราชอาณาจักร

“ญี่ปุ่นเป็นตลาดนักลงทุนที่สำคัญและมีความซับซ้อน” Kate Kennedy กรรมการผู้จัดการอาวุโสและหัวหน้าร่วมฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ KBRA กล่าว “เครือข่ายที่ลึกซึ้งของ Yasu ประกอบกับความเข้าใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับฉากทัศน์สินเชื่อในภาคเอกชนทั่วโลก ร่วมกับประสบการณ์ในการเปิดตัวการดำเนินงานด้านการจัดการสินทรัพย์ ทำให้เขามีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนภารกิจของเราในภูมิภาคนี้”

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำในการดำเนินงานของ KBRA ในญี่ปุ่น” คุณ Iwasa กล่าว “ฉากทัศน์สินเชื่อในภาคเอกชนกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความมุ่งมั่นของ KBRA ในด้านความโปร่งใส การวิเคราะห์ที่เข้มข้น รวมถึงการให้บริการที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกนั้น สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนที่นี่อย่างสมบูรณ์แบบ ผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะร่วมมือกับพนักงานปัจจุบันของเราที่โตเกียวที่ประกอบด้วย Miki Monroe-Sheridan หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ, Yuuichi Hino หัวหน้าฝ่ายกำกับดูแลกิจการญี่ปุ่น รวมถึง Peter Connolly ผู้อำนวยการอาวุโส เพื่อช่วยสร้างสถานะที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นของเราในประเทศญี่ปุ่น”

ที่ KBRA พันธกิจของเรามุ่งเน้นไปที่การประเมินสินเชื่อที่โปร่งใสและมองการณ์ไกล ที่สามารถช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและรอบรู้ ในฐานะผู้นำด้านการจัดอันดับสินเชื่อในภาคเอกชน ทาง KBRA จะผสานรวมข้อมูลเชิงลึกเชิงวิเคราะห์เข้ากับบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการและความเข้มงวดด้านระเบียบวิธี เนื่องจากความต้องการสินเชื่อในภาคเอกชนทั่วโลกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ญี่ปุ่นจึงเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจและตอบสนองต่อความต้องการสินเชื่อทางเลือกที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยความชัดเจนและความสม่ำเสมอที่นักลงทุนคาดสามารถหวังได้จาก KBRA

เกี่ยวกับ KBRA

KBRA เป็นหนึ่งในสถาบันจัดอันดับเครดิตที่สำคัญ ซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร KBRA ได้รับการยอมรับให้เป็นสถาบันจัดอันดับเครดิตที่มีคุณสมบัติในไต้หวัน และยังเป็นองค์กรจัดอันดับเครดิตที่ได้รับการแต่งตั้งสำหรับการจัดอันดับการเงินแบบมีโครงสร้างในแคนาดาอีกด้วย ในฐานะสถาบันจัดอันดับเครดิตที่ให้บริการครบวงจร นักลงทุนสามารถใช้การจัดอันดับของ KBRA เพื่อวัตถุประสงค์ด้านเงินทุนตามกฎหมายได้ในเขตอำนาจศาลหลายแห่ง

ID เอกสาร: 1011259

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ

Adam Tempkin, ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร
+1 646-731-1347
adam.tempkin@kbra.com

ที่มา: Kroll Bond Rating Agency, LLC

Veritas Capital ปิดการระดมทุนกองทุนหลักลำดับที่เก้าด้วยวงเงินสูงสุดที่กำหนดไว้ที่ 1.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

Logo

การระดมทุนนี้เพิ่มขึ้น 35% จากกองทุน Fund VIII ทำให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของ Veritas มีมูลค่ามากกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่งสานต่อภารกิจของบริษัทในการปฏิรูปเทคโนโลยีและธุรกิจที่สอดคล้องกับภาครัฐ

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–10 กันยายน 2025

Veritas Capital (“Veritas”) เป็นนักลงทุนชั้นนำที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีและภาครัฐเข้าด้วยกัน ประกาศปิดการระดมทุนครั้งสุดท้ายของกองทุน Veritas Capital Fund IX (“กองทุน IX”) ด้วยยอดเงินลงทุนรวม 1.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ กองทุน IX มียอดจองซื้อเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก โดยมีความต้องการเกินกว่าวงเงินสูงสุดที่กำหนดไว้ และสูงกว่าเป้าหมายเริ่มต้นที่ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ การระดมทุนครั้งนี้เพิ่มขึ้น 35% จากกองทุน VIII ซึ่งปิดการระดมทุนที่ 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 โดยการปิดการระดมทุนครั้งนี้ทำให้ Veritas สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ได้มากกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในทุกกลยุทธ์ของบริษัท ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะนักลงทุนชั้นนำที่มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยี

“กองทุน IX ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Veritas และผมมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในทีมงานและพันธมิตรที่ยั่งยืนที่ทำให้ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นได้” กล่าวโดย Ramzi Musallam ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหุ้นส่วนผู้จัดการของ Veritas “ท่ามกลางสภาพแวดล้อมการระดมทุนที่ท้าทายที่สุดครั้งหนึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความต้องการกองทุน IX ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเครื่องยืนยันถึงกลยุทธ์และแพลตฟอร์มของเราอย่างชัดเจน ในขณะที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในการกำหนดอนาคตของความมั่นคงแห่งชาติ ในการยกระดับการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ รวมถึงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในวงกว้าง กองทุนนี้จะช่วยให้เราสามารถขยายผลกระทบ คว้าโอกาสใหม่ๆ และผลักดันนวัตกรรมในจุดที่สำคัญที่สุดต่อไปได้”

กองทุน IX ขับเคลื่อน Veritas ให้มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจที่จำเป็นและมีความยืดหยุ่นในตลาดที่มีกฎระเบียบสูง ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ภาคส่วนเหล่านี้กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ซอฟต์แวร์ ข้อมูล และ AI กำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานของสังคม แพลตฟอร์มของ Veritas สร้างขึ้นจากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นกรรมสิทธิ์ และกลยุทธ์ที่ทำซ้ำได้ โดยออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนมูลค่าในตลาดที่ซับซ้อนและมีความสำคัญระดับโลก

ความเป็นผู้นำและผลงานของ Veritas ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดอันดับ 10 อันดับแรกของโลกโดย HEC Paris–Dow Jones เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบริษัทซื้อกิจการที่มีผลงานดีที่สุดในอเมริกาโดย Preqin ในปี 2023

เกี่ยวกับ Veritas Capital

Veritas เป็นนักลงทุนด้านเทคโนโลยีมายาวนาน มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมากกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีและภาครัฐ บริษัทลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และซอฟต์แวร์ที่สำคัญต่อภารกิจ โดยเน้นที่เทคโนโลยีและโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยี แก่ลูกค้าภาครัฐและภาคเอกชนทั่วโลก Veritas มุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าโดยการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของบริษัทที่ลงทุนด้วยวิธีการทั้งแบบออร์แกนิกและแบบอนินทรีย์ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในสาขาที่สำคัญยิ่ง เช่น การดูแลสุขภาพ การศึกษา พลังงาน และความมั่นคงแห่งชาติ ถือเป็นหัวใจสำคัญของบริษัท Veritas ภูมิใจที่ได้ดูแลสินทรัพย์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก การพัฒนาคุณภาพของการดูแลสุขภาพควบคู่ไปกับการลดต้นทุน การพัฒนาระบบการศึกษา การเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และการปกป้องประเทศชาติและพันธมิตรของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.veritascapital.com

การที่ Veritas ได้รับรางวัลหรือการจัดอันดับใดๆ ที่อ้างอิงในที่นี้ ไม่ได้บ่งชี้ถึงประสบการณ์ของนักลงทุนรายบุคคลที่มีต่อ Veritas หรือผลการดำเนินงานในอนาคตของกองทุน Veritas แต่อย่างใด การจัดอันดับและรางวัลดังกล่าวไม่ควรถือเป็นคำแนะนำหรือการประเมินธุรกิจการจัดการการลงทุนของ Veritas โดยสามารถอ่านประกาศสำคัญ ข้อสงวนสิทธิ์ และรายละเอียดเกี่ยวกับรางวัลหรือการจัดอันดับใดๆ ที่อ้างอิงได้ที่นี่

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Veritas Capital:
 
สื่อใหม่
Prosek Partners
Pro-Veritas@Prosek.com

ที่มา: Veritas Capital

ท่ามกลางความต้องการวีซ่านิวซีแลนด์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทาง Greener Pastures New Zealand จึงได้เปิดตัวกองทุนเพื่อการลงทุนในกีวีฟรุตใหม่

Logo

กองทุนนี้มุ่งเป้าไปที่ภาคการเกษตรชั้นนำของนิวซีแลนด์ โดยเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการขอวีซ่าถาวรในนิวซีแลนด์ผ่านการลงทุน

โอ๊คแลนด์, นิวซีแลนด์–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2025

Greener Pastures New Zealand เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนและไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรแห่งแรกของนิวซีแลนด์ ในวันนี้ได้ประกาศเปิดตัวกองทุนกีวีฟรุตของ Greener Pastures โดยกองทุนนวัตกรรมนี้จะช่วยให้บุคคลและครอบครัวต่างๆ ที่ต้องการพำนักถาวรในนิวซีแลนด์ผ่านวีซ่า Active Investor Plus หรือที่มักเรียกกันว่า “Golden Visa” ของนิวซีแลนด์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านการลงทุนด้วยการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ โดยกองทุนนี้จะลงทุนในภาคส่วนกีวีฟรุตของนิวซีแลนด์โดยเฉพาะ รวมถึงการเป็นเจ้าของที่ดินที่มีผลผลิตสูง เช่น สวนกีวีฟรุต รวมถึงหุ้นใน Zespri ที่เป็นผู้ส่งออกและจำหน่ายกีวีฟรุตรายใหญ่ที่สุดของโลก

Greener Pastures New Zealand ได้เปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ โดยมอบเส้นทางที่ครอบคลุมสู่การพำนักอาศัยสำหรับบุคคลและครอบครัวที่มีสินทรัพย์สุทธิสูงผ่านโครงการวีซ่า Active Investor Plus เนื่องจากความต้องการวีซ่าเพื่อการลงทุนของนิวซีแลนด์ที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางความสนใจจากทั่วโลกในการใช้ชีวิตอย่างมั่นคงและมีคุณภาพสูง ทำให้ Greener Pastures มีความโดดเด่นในฐานะที่เป็นบริษัทเดียวที่นำเสนอบริการครบวงจร ซึ่งรวมถึงการลงทุนที่ผ่านการรับรอง การอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า รวมถึงการวางแผนด้านไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล ที่ครอบคลุมถึงการจัดหาที่เรียนในโรงเรียน การจัดหาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการบูรณาการด้านชุมชนต่างๆ

“เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวกองทุนกีวีฟรุตของ Greener Pastures” กล่าวโดย Dominic Jones กรรมการผู้จัดการของ Greener Pastures New Zealand “กองทุนนี้ช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านการลงทุนสำหรับวีซ่า Active Investor Plus ผ่านการลงทุนในหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สร้างมูลค่ามหาศาลให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาอย่างยาวนาน ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ชั้นนำให้กับโลก กีวีฟรุตเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้บริโภค เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการลงทุนในภาคส่วนนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศนิวซีแลนด์ อุตสาหกรรมนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จของนิวซีแลนด์มาอย่างยาวนาน และแนวโน้มในอนาคตของภาคส่วนนี้นั้นน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก”

ความรู้เชิงสถาบันของ Greener Pastures New Zealand เกี่ยวกับภาคเกษตรกรรมนั้นเกิดมาจากความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินอย่างลึกซึ้งในตลาดการลงทุนของประเทศ ประกอบกับความผูกพันทั้งโดยส่วนตัวและครอบครัวที่มีต่อการเกษตร เกษตรกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมกีวีฟรุต โดยก่อนที่จะเริ่มต้นอาชีพในสายงานธนาคารและการเงินในลอนดอน รวมถึงการก่อตั้ง Origin Capital Partners ที่เป็นบริษัทจัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงและเป็นบริษัทแม่ของ Greener Pastures New Zealand นั้น Jones ได้เติบโตในชนบทของนิวซีแลนด์ โดยมีรากฐานมาจากครอบครัวในอุตสาหกรรมกีวีฟรุตและผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านมาหลายรุ่น เขามองว่ามรดกทางการเกษตรของนิวซีแลนด์นั้นเป็นหัวใจสำคัญของอัตลักษณ์และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ โดยสมาชิกคณะกรรมการของ Greener Pastures New Zealand และ Origin Capital Partners นั้นมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในด้านการลงทุนส่วนบุคคล รวมถึงการกำกับดูแลในอุตสาหกรรมกีวีฟรุตมาเป็นเวลานานหลายปี

กองทุนกีวีฟรุตของ Greener Pastures ประกอบด้วยที่ดินในนิวซีแลนด์ที่ให้ผลผลิตสูงในรูปแบบของสวนกีวีเป็นหลัก โดยกองทุนจะเข้าซื้อสวนกีวีที่มีอยู่แล้วหรือพัฒนาสวนใหม่จากที่ดินเปล่า ที่มอบโอกาสพิเศษให้กับเหล่านักลงทุนในการปฏิบัติตามเกณฑ์การลงทุนของวีซ่าผ่านการเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ดินอันทรงคุณค่า อุตสาหกรรมกีวีของนิวซีแลนด์นั้นมีประวัติที่แข็งแกร่งในการสร้างมูลค่า โดยผลตอบแทนรวมจากที่ดินที่ปลูกกีวีนั้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าภาคการเกษตรอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้างที่ยั่งยืน

กองทุนนี้ถือเป็นกองทุนที่สามที่ Greener Pastures New Zealand และ Origin Capital Partners ระดมทุนและบริหารจัดการในภาคธุรกิจกีวีฟรุต โดยกองทุนสองกองทุนแรกรวมกันนั้นจัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจกีวีฟรุตที่ใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ ที่บริหารจัดการสินทรัพย์มากกว่า 225 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์

กองทุนกีวีฟรุตของ Greener Pastures เป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนลำดับที่สองจาก Greener Pastures New Zealand ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองข้อกำหนดวีซ่า Active Investor Plus นอกจากนี้ บริษัทยังมีกองทุน Greener Pastures Diversified Fund ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะสำหรับวีซ่าประเภทนี้ โดยให้การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำในตลาดหุ้นบริษัทเอกชนที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงตราสารหนี้นอกตลาดอีกด้วย

เกี่ยวกับ Greener Pastures New Zealand

Greener Pastures New Zealand เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนและไลฟ์สไตล์แบบบูรณาการแห่งแรกของนิวซีแลนด์ ที่ให้คำปรึกษาแก่คู่รักและครอบครัวชาวต่างชาติที่มีความมั่งคั่งสูงผ่านโครงการวีซ่า Active Investor Plus (AIP) ในฐานะบริษัทในเครือของ Origin Capital Partners โดยบริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ปรับแต่งตามความต้องการและการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ เพื่อให้มั่นใจว่าการย้ายถิ่นฐานมายังนิวซีแลนด์จะราบรื่น มีกลยุทธ์ ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดย Greener Pastures ได้ช่วยให้พลเมืองโลกสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนในหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าปรารถนาที่สุดของโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.greenerpastures.nz

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ: greenerpastures@misfittoyscomms.com

ที่มา: Greener Pastures New Zealand

1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป: การปฏิวัติองค์กรของ Halo ได้เปิดตัวแล้วสำหรับองค์กรระดับโลกที่ได้รับเลือก

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–08 กันยายน 2025

Halo ผู้นำอิสระด้านการจัดการบริการองค์กร (ESM) วันนี้ประกาศเปิดตัว “1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไปซึ่งเป็นแพ็คเกจองค์กรใหม่ที่โดดเด่นที่รับประกันค่าใช้จ่ายใบอนุญาต ESM ที่แน่นอนและคาดการณ์ได้ตลอดอายุการใช้งานให้กับองค์กร พร้อมทั้งมอบการใช้งานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ความคล่องตัวที่มากขึ้น และระดับความร่วมมือที่ผู้จำหน่ายแบบดั้งเดิมไม่สามารถเทียบได้

ทำไมต้องตอนนี้

องค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งติดอยู่ในสัญญามูลค่าเจ็ดหลักกับแพลตฟอร์มเดิม ซึ่งต้องเผชิญกับต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ที่พุ่งสูงขึ้น การเปิดตัวโครงการที่ล่าช้า และเงื่อนไขที่ไม่ยืดหยุ่น โปรแกรม 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป ของ Halo จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยตรง:

  •  โปร่งใส ราคายุติธรรม คาดการณ์มูลค่า ACV ไว้ที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป
  •  การใช้งานรวดเร็วกว่าที่คุณคิดมาก – การเปิดตัวองค์กรหลักที่ส่งมอบในกรอบเวลาที่ไม่เคยมีมาก่อน
  •  ความร่วมมือที่แท้จริง กับการจัดการระยะยาวที่สร้างขึ้นจากผลลัพธ์ที่วัดผลได้และการส่งมอบมูลค่าอย่างต่อเนื่อง
  •  สัญญาที่ยืดหยุ่น – ออกได้ทุกเมื่อโดยไม่มีค่าปรับ
  •  ทุนสนับสนุนนวัตกรรมอันทรงเกียรติ สำหรับเงินทุนทั้งหมดเพื่อครอบคลุมการโยกย้ายจากแพลตฟอร์มปัจจุบัน
  •  ไม่มีการชำระเงินจนกว่าการย้ายข้อมูลจะเสร็จสมบูรณ์และสัญญาปัจจุบันหมดอายุ

โอกาสสุดพิเศษ

1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป: การปฏิวัติองค์กรของ Halo มี ให้เฉพาะองค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 20,000 คน หรือตัวแทนฝ่ายบริการมากกว่า 1,000 คนเท่านั้น การเข้าร่วมต้องอยู่บนพื้นฐานการสมัครเข้าร่วมอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่เริ่มใช้งานในช่วงแรกจะได้รับความสนใจและอิทธิพลอย่างเหนือชั้นต่อแผนงานของ Halo

ผู้เข้าร่วมจะได้รับประโยชน์จาก:

  •  ราคาคงที่ตลอดชีพที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ไม่มีการอัพเซลล์
  •  การติดตั้งใช้งานได้เร็วกว่าที่คิดพร้อมความสามารถที่พิสูจน์แล้วในการจัดการบริการระดับองค์กรได้ในเวลาอันรวดเร็ว
  •  การผสานรวมและการกำหนดค่าความปลอดภัยที่ออกแบบเฉพาะ
  •  มีอิทธิพลโดยตรงต่อลำดับความสำคัญด้านนวัตกรรมของ Halo
  •  เงินทุนสนับสนุนการย้ายผ่านทุนนวัตกรรมเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านและเร่งการสร้างมูลค่าให้เร็วขึ้น

นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชั่วอายุคนที่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิดขององค์กรเกี่ยวกับการจัดการบริการ กล่าวโดย Paul Hamilton ซีอีโอของ Halo การกำหนดราคาที่คาดการณ์ได้ตลอดชีพ และการมอบทุนสนับสนุนนวัตกรรมที่เอื้อเฟื้อเพื่อรองรับภาระหนักในการย้ายระบบ ช่วยให้เรามอบความมั่นใจและช่องทางให้ลูกค้าองค์กรเริ่มต้นของเราได้หลุดพ้นจากแพลตฟอร์มเก่าที่มีข้อจำกัดและมีราคาแพงเกินไป

ความพิเศษเฉพาะที่มาพร้อมวัตถุประสงค์

ด้วยการจำกัดจำนวนลูกค้า “1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป” Halo รับประกันว่าผู้เข้าร่วมทุกรายในช่วงแรกจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ทรัพยากรระดับพรีเมียม และความสามารถในการกำหนดอนาคตของ Enterprise Service Management ควบคู่ไปกับทีมผู้นำของ Halo

เกี่ยวกับ Halo

Halo คือบริษัท SaaS เอกชนที่ก่อตั้งโดยผู้ก่อตั้ง นิยามใหม่ของ Enterprise Service Management โดย Halo สร้างขึ้นบนหลักการของความโปร่งใส ความยุติธรรม และความร่วมมือระยะยาว ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถส่งมอบบริการที่ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดจากรูปแบบผู้ให้บริการแบบเดิม

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจ Halo Enterprise ได้ที่ https://usehalo.com/enterprise-package

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/ 20250908530996/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ: Richard Horvath – Richard.horvath@imaginehalo.com

ที่มา: Halo

Fitch Learning ตกลงเข้าซื้อ Moody’s Analytics Learning Solutions และ Canadian Securities Institute

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–14 สิงหาคม 2025

Fitch Learning ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการเรียนรู้ทางการเงินและการรับรองวิชาชีพ ประกาศในวันนี้ว่า ได้ลงนามข้อตกลงกับ Moody's เพื่อเข้าซื้อกิจการสองแห่งของบริษัท ได้แก่ Moody's Analytics Learning Solutions (MALS) ผู้ให้บริการการฝึกอบรมสินเชื่อระดับโลก และ Canadian Securities Institute (CSI) ผู้ให้บริการชั้นนำด้านการรับรองวิชาชีพสำหรับอุตสาหกรรมบริการทางการเงินของแคนาดา

การเข้าซื้อกิจการจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้าด้วยการนำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการพัฒนาอาชีพและการรับรองวิชาชีพ รวมถึงโซลูชันการเรียนรู้สำหรับธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อผู้บริโภค และการจัดการการลงทุน

“ข้อตกลงนี้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านการพัฒนาทักษะและการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่องในภาคบริการทางการเงิน ขณะที่องค์กรต่างๆ ลงทุนด้านการเรียนรู้และพัฒนามากขึ้น เพื่อส่งเสริมการรักษาพนักงานและศักยภาพของพนักงาน โซลูชันของเราจะช่วยเสริมศักยภาพให้กับทีมงาน รวมถึงช่วยขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรในท้ายที่สุด” Andreas Karaiskos ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Fitch Learning กล่าว

เงื่อนไขของธุรกรรมนี้ไม่ได้รับการเปิดเผย คาดว่าการเข้าซื้อกิจการจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่สี่หลังจากปฏิบัติตามเงื่อนไขการปิดตามปกติแล้ว รวมถึงการได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

“การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับความมุ่งมั่นของเราในการเสริมสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับตลาดการเงินที่มีความซับซ้อนมากขึ้น การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยขยายขอบเขตการศึกษาทางการเงินและมอบคุณค่าและโอกาสที่ยิ่งใหญ่กว่าให้กับโลก เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้บริการนักศึกษาและลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง และยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่สู่ชุมชนของ Fitch Learning” คุณ Karaiskos กล่าวสรุป

เกี่ยวกับ Fitch Learning
Fitch Learning ร่วมมือกับลูกค้าเพื่อเสริมสร้างความรู้ พัฒนาทักษะ และยกระดับการดำเนินงาน โดยมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจเชิงบวก ด้วยศูนย์ต่างๆ อยู่ในศูนย์กลางทางการเงินที่มีชื่อเสียง ได้แก่ นิวยอร์ก โทรอนโต ลอนดอน ดูไบ ริยาด สิงคโปร์ และฮ่องกง Fitch Learning มุ่งมั่นที่จะเข้าใจความต้องการที่ซับซ้อนของลูกค้าในตลาดการเงินทั่วโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดย Fitch Learning มีหลักสูตรประกาศนียบัตรด้านการเงินเชิงปริมาณ (CQFi) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านการศึกษาทางการเงินเชิงปริมาณขั้นสูง และสถาบันผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อระดับโลก ซึ่งอุทิศตนเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศด้านการศึกษาและมาตรฐานสินเชื่อทั่วโลก Fitch Learning เป็นส่วนหนึ่งของ Fitch Group ที่เป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการข้อมูลทางการเงิน มีการดำเนินงานใน 30 ประเทศ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Fitch Learning พัฒนาบุคลากรทางการเงินทั่วโลก ให้ไปที่ www.fitchlearning.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Alayna Francis
+44 20 3530 1098
alayna.francis@thefitchgroup.com

Cristina Bermudez
Cristina.bermudez@thefitchgroup.com
+1 305-613-5814

ที่มา: Fitch Learning

Anchorage Digital ร่วมมือกับ Ethena Labs เปิดตัว Stablecoin ตัวแรกที่สอดคล้องกับ GENIUS และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง

Logo

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–24 กรกฎาคม 2025

Anchorage Digital ซึ่งเป็นที่ตั้งของธนาคารคริปโตแห่งแรกและแห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลาง ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Ethena Labs ผู้สร้าง USDe และ USDtb เพื่อนำ USDtb เข้าสู่สหรัฐฯ ในฐานะ Stablecoin ตัวแรกที่มีเส้นทางที่ชัดเจนในการปฏิบัติตาม GENIUS Act ที่เพิ่งประกาศใช้ ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ของอเมริกาในการควบคุมการออก Stablecoin

การเปิดตัวครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการออก Stablecoin ของ Anchorage Digital ซึ่งเป็นโซลูชันแบบครบวงจรสำหรับสถาบันต่างๆ ในการเปิดตัวและแจกจ่ายเงินดิจิทัลดอลลาร์ที่ได้รับการควบคุมอย่างเต็มรูปแบบ การตัดสินใจของ Anchorage Digital ที่จะร่วมมือกับ Ethena ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบและผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสถาบันสามารถเข้าถึงข้อได้เปรียบเฉพาะตัวของสินทรัพย์ดิจิทัล ถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับนวัตกรรมให้สอดคล้องกับกฎระเบียบในระบบการเงินของสหรัฐฯ

ภายใต้ความร่วมมือนี้ USDtb stablecoin ซึ่งปัจจุบันออกในต่างประเทศ จะออกในสหรัฐอเมริกาโดย Anchorage Digital Bank ซึ่งจะทำให้ Anchorage Digital Bank เป็นผู้นำด้านการออก stablecoin ในสหรัฐอเมริกาสำหรับสถาบันที่กำลังมองหาเงินดิจิทัลดอลลาร์ที่เป็นไปตามกฎระเบียบ สามารถตั้งโปรแกรมได้ และสอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลสูงสุดที่กำหนดโดย GENIUS Act การออก stablecoin นี้ภายใต้กรอบการทำงานที่สอดคล้องกับสหรัฐอเมริกา ช่วยให้การบูรณาการเข้ากับระบบการเงินของสหรัฐอเมริกาเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น และช่วยให้สถาบันต่างๆ มีช่องทางการถือครอง USDtb ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลมากขึ้น

“การผ่านร่างพระราชบัญญัติ GENIUS มอบความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่ช่วยให้สถาบันที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลางอย่าง Anchorage Digital Bank สามารถมีส่วนร่วมในระบบนิเวศของ Stablecoin ได้อย่างเต็มที่ เรามีความภูมิใจที่ได้สนับสนุน Ethena ในการนำผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเข้าสู่สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะช่วยสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นที่มากขึ้นให้แก่พันธมิตรของพวกเขา ในขณะที่ Stablecoin กำลังกลายเป็นรากฐานสำคัญของการเงินยุคใหม่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ Stablecoin จะต้องสร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย เป็นไปตามข้อกำหนด และสร้างขึ้นให้ใช้งานได้ยาวนาน” — Nathan McCauley ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Anchorage Digital

“แม้ว่าเราจะเห็นความต้องการ USDtb ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่เราคาดหวังว่าการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ GENIUS จะช่วยให้พันธมิตรและผู้ถือครองของเราสามารถขยายการใช้งาน USDtb ได้อย่างมั่นใจและครอบคลุมผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่างมีนัยสำคัญ การร่วมมือกับ Anchorage Digital ซึ่งเป็นธนาคารคริปโตแห่งเดียวในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง จะช่วยเสริมสร้างรากฐานที่จำเป็นต่อการขยายขนาดผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยไม่กระทบต่อความเร็ว ความยืดหยุ่น และความน่าเชื่อถือ” — Guy Young ซีอีโอของ Ethena Labs

Stablecoins กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของอนาคตทางการเงินอย่างรวดเร็ว ทั้งในอเมริกาและทั่วโลก โดยขับเคลื่อนทุกสิ่งตั้งแต่การชำระเงินแบบเรียลไทม์และการชำระเงินข้ามพรมแดน ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานฟินเทคยุคใหม่และตลาดแบบกระจายศูนย์ Anchorage Digital ช่วยให้มั่นใจได้ว่าชั้นพื้นฐานของการเงินยุคใหม่นี้สร้างขึ้นจากความไว้วางใจ ความยืดหยุ่น และความเป็นผู้นำของสหรัฐอเมริกา ด้วยการทำให้การออกสกุลเงินดิจิทัลมีความปลอดภัย ปรับขนาดได้ และมีการควบคุม

เกี่ยวกับ Ethena Labs

คือผู้สร้าง USDe และ USDtb และเป็นผู้สนับสนุนโปรโตคอล Ethena Ethena คือโปรโตคอลเบื้องหลัง USDe ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ใหญ่เป็นอันดับสามและเติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่า TVL มากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบันที่ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้ DeFi ที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่ง ควบคู่ไปกับการผสานรวมกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดและแอปพลิเคชัน DeFi รายใหญ่ Ethena Labs ได้รับการสนับสนุนจาก Fidelity, Franklin Templeton, Dragonfly, Binance Labs, Bybit และ OKX และอื่นๆ

เกี่ยวกับ Anchorage Digital

Anchorage Digital คือแพลตฟอร์มคริปโตระดับโลกที่ช่วยให้สถาบันต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการซื้อขาย การวางหลักประกัน การดูแลสินทรัพย์ การกำกับดูแล การชำระเงิน การออก Stablecoin และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยชั้นนำของอุตสาหกรรม Anchorage Digital เป็นที่ตั้งของ Anchorage Digital Bank N.A. ซึ่งเป็นธนาคารคริปโตแห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลางในสหรัฐอเมริกา และยังให้บริการแก่สถาบันต่างๆ ผ่าน Anchorage Digital Singapore ซึ่งได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางสิงคโปร์ Anchorage Digital NY ซึ่งได้รับ BitLicense จากกรมบริการทางการเงินนิวยอร์ก และกระเป๋าเงิน Porto ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่ดูแลสินทรัพย์ด้วยตนเองของ Anchorage Digital เมื่อเร็วๆ นี้ Anchorage Digital Bank ได้กลายเป็นธนาคารผู้ออก Stablecoin แห่งเดียวในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลางและสอดคล้องกับมาตรฐาน GENIUS ด้วยการออก GENIUS บริษัทได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันชั้นนำมากมาย อาทิ Andreessen Horowitz, GIC, Goldman Sachs, KKR และ Visa โดยมีมูลค่า Series D มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ Anchorage Digital ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 ที่ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย มีสำนักงานในนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก, ปอร์โต โปรตุเกส, สิงคโปร์ และซูฟอลส์ รัฐเซาท์ดาโคตา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ anchorage.com, บน X @Anchorage และบน LinkedIn

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Anchorage Digital
press@anchorage.com
 
Ethena Labs
Nate Johnson
Ethena-August@augustco.com
+1 323-892-5554

ที่มา: Anchorage Digital

Multiply Group เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Tendam เพิ่ม EBITDA จากการดำเนินงานเป็นสองเท่า และขยายฐานธุรกิจทั่วโลก

Logo

  • Tendam คือกลุ่มธุรกิจเครื่องแต่งกายที่มีส่วนแบ่งตลาดใหญ่เป็นอันดับสองของสเปน และเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจเครื่องแต่งกายแบบ Omnichannel ชั้นนำของยุโรป
  • แบรนด์แฟชั่นที่มีชื่อเสียง 12 แบรนด์ของ Tendam นำเสนอความหลากหลายและการเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ซึ่งช่วยให้กลุ่มบริษัทมีสถานะในอุตสาหกรรมที่เน้นผู้บริโภคที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  • ธุรกรรมดังกล่าวมีมูลค่า 5.6 พันล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (1.3 พันล้านยูโร) ที่ส่งผลให้ Multiply Group ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในธุรกิจค้าปลีกและเครื่องแต่งกายระดับโลก

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาดริด ลอนดอน ลักเซมเบิร์ก และปารีส–(BUSINESS WIRE)–24 กรกฎาคม 2025

Multiply Group (ADX: MULTIPLY) เป็นบริษัทโฮลดิ้งด้านการลงทุนที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่อาบูดาบี ซึ่งลงทุนและดำเนินธุรกิจทั่วโลก ได้เสร็จสิ้นการลงทุนครั้งใหญ่ครั้งแรกในยุโรปแล้วในวันนี้ ด้วยการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ใน Tendam ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเครื่องแต่งกายที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสเปนตามส่วนแบ่งทางการตลาด1 ข้อตกลงนี้ทำให้ EBITDA จากการดำเนินงานของ Multiply เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหลังการรวมกิจการ และขยายโมเดลการเข้าซื้อกิจการที่โดดเด่น ปลดล็อกศักยภาพผ่านเงินทุนและเทคโนโลยี และมอบความเป็นผู้นำตลาดอย่างยั่งยืน

Multiply Group Completes Acquisition of Tendam, Doubling Operational EBITDA and Expanding Global Footprint (Photo: AETOSWire)

Multiply Group เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Tendam เพิ่ม EBITDA จากการดำเนินงานเป็นสองเท่าและขยายฐานธุรกิจทั่วโลก (ภาพ: AETOSWire)

ในฐานะหนึ่งในกลุ่มบริษัทเครื่องแต่งกายแบบ Omnichannel ชั้นนำของยุโรป Tendam มีการบริหารจุดขายมากกว่า 1,800 แห่ง และดำเนินโครงการสร้างความภักดีทางดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จในกว่า 80 ตลาด รวมถึงสเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และลาตินอเมริกา ทำให้บริษัทมีสถานะที่ดีในแวดวงค้าปลีกที่กำลังพัฒนา ตั้งแต่แฟชั่นราคาประหยัดไปจนถึงสไตล์พรีเมียม กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของบริษัทประกอบด้วย 12 แบรนด์ชั้นนำ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ผ่านแบรนด์แฟชั่นชั้นนำต่างๆ เช่น Women’secret, Springfield, Cortefiel และ Pedro del Hierro เป็นต้น

ในปัจจุบัน Multiply มีส่วนแบ่งส่วนใหญ่ 67.91% ใน Castellano Investments S.À R.L. (“บริษัท”) (เจ้าของ Tendam Brands S.A.U. และบริษัทย่อยอื่นๆ) โดยที่ Llano Holdings S.À R.L. และ Arcadian Investments S.À R.L. ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนของ CVC Funds และ PAI Partners ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย

ด้วยการลงทุนครั้งนี้ Multiply Group ขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เน้นผู้บริโภค และสร้างสถานะในภาคค้าปลีกและเครื่องแต่งกาย โดยที่ Tendam ได้กลายเป็นธุรกิจแพลตฟอร์มภายใต้แนวค้าปลีกและเครื่องแต่งกายของ Multiply

Multiply จะเป็นผู้นำในการเติบโตระยะต่อไปของ Tendam การเติบโตนี้ขึ้นอยู่กับการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศในยุโรป ลาตินอเมริกา และตะวันออกกลาง การนำ AI มาใช้ในทุกแง่มุมของธุรกิจ ตั้งแต่การจัดหาไปจนถึงการดำเนินงานของลูกค้า จะช่วยสนับสนุนการเติบโตนี้ และจะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีอยู่แล้ว นอกจากนี้ Multiply จะสนับสนุนธุรกิจในการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) แบบเจาะจง เพื่อเปิดตัวแบรนด์และหมวดหมู่สินค้าใหม่ๆ

Samia Bouazza ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการของ Multiply Group กล่าวว่า “การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นการก้าวเข้าสู่กลยุทธ์ของ Multiply Group ในภาคค้าปลีกและเครื่องแต่งกาย ด้วยการเข้าถือครองหุ้นควบคุมในแพลตฟอร์ม Omnichannel ชั้นนำ เรากำลังลงทุนในรูปแบบธุรกิจที่มุ่งเน้นอนาคตและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้บริหารที่โดดเด่น แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นจากแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับ มอบความคล่องตัวและวิสัยทัศน์ในการขยายธุรกิจไปยังหมวดหมู่ใหม่ๆ และขยายแบรนด์เกิดใหม่ทั่วโลก ด้วยความเชี่ยวชาญของเราในการสร้างความร่วมมือ ด้วยการนำ AI มาใช้ และการขับเคลื่อนการควบรวมและซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ เราพร้อมแล้วที่จะเร่งการเติบโตและสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นของเรา”

จากมุมมองเชิงกลยุทธ์ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มอบโอกาสอันสำคัญให้กับ Multiply Group ในการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มแบรนด์ที่แข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่พิสูจน์แล้วของ Tendam เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต โดยได้รับการสนับสนุนจากแรงหนุนจากผู้บริโภคที่เอื้ออำนวยในตลาดค้าปลีกเครื่องแต่งกายระดับโลก

Jaume Miquel ประธานและซีอีโอของ Tendam เน้นย้ำว่า “วันนี้เรากำลังเริ่มต้นยุคใหม่ ผู้ถือหุ้นและทีมผู้บริหารจะร่วมกันนำศักยภาพของ Tendam มาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อขยายแบรนด์ของเราไปสู่รูปแบบ ตลาด และช่องทางใหม่ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างการเติบโตและผลกำไรที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ผ่านระบบนิเวศแบรนด์แบบ Omnichannel ที่โดดเด่นและไม่มีใครเทียบได้”

ตั้งแต่ปี 2020 ด้วยทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ Tendam มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับรูปแบบธุรกิจในตลาดหลักๆ ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2025 บริษัทรายงานยอดขาย 12 เดือนล่าสุดอยู่ที่ 1.4 พันล้านยูโร และกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ซึ่งคำนวณโดยใช้มาตรฐาน IFRS 16 อยู่ที่ 340.7 ล้านยูโร

Multiply Group ได้รับคำแนะนำจาก Greenhill (บริษัทในเครือ Mizuho), Hogan Lovells และ KPMG เกี่ยวกับธุรกรรมนี้ Castellano และผู้ถือหุ้นปัจจุบันได้รับคำแนะนำจาก Uria Menendez Ramón Hermosilla Abogados และ Latham & Watkins LLP เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของ Tendam ในธุรกรรมนี้

เกี่ยวกับ MULTIPLY GROUP

Multiply Group PJSC เป็นบริษัทโฮลดิ้งด้านการลงทุนที่มีฐานอยู่ในอาบูดาบี ซึ่งลงทุนและดำเนินงานในธุรกิจที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างรายได้ทั่วโลก

Multiply Group เป็นที่รู้จักในเรื่องแนวคิดการเติบโตที่โดดเด่น และจะยังคงนำเงินทุนไปลงทุนในสองสาขาหลักที่แตกต่างกัน โดยทั้งสองสาขาใช้แนวทางการลงทุนที่มีวินัย และรับรองการสร้างมูลค่าที่สม่ำเสมอและยั่งยืนสำหรับผู้ถือหุ้นของเราในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

Multiply ดำเนินธุรกิจและการลงทุนเชิงกลยุทธ์ระยะยาว ซึ่งปัจจุบันลงทุนและดำเนินงานในธุรกิจยานพาหนะ พลังงานและสาธารณูปโภค สื่อและการสื่อสาร สุขภาพและความงาม และค้าปลีกและเครื่องแต่งกาย การลงทุนแบบ Anchor จะให้ผลตอบแทนระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่การเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม

Multiply+ เป็นกลุ่มบริษัทที่มีส่วนร่วมในการลงทุนตามโอกาสและไม่แบ่งแยกภาคส่วน โดยส่วนใหญ่ผ่านการถือหุ้นส่วนน้อยในตลาดเอกชนและตลาดสาธารณะ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ไปที่ www.multiply.ae

เกี่ยวกับ Tendam

Tendam เป็นผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าสำเร็จรูปแบบหลายแบรนด์และแบบ Omnichannel ชั้นนำของยุโรป และเป็นผู้เล่นรายใหญ่อันดับสองของสเปนเมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งตลาด Tendam ดำเนินธุรกิจในกลุ่มตลาดมวลชนระดับพรีเมียม และสร้างขึ้นบนระบบนิเวศแบบบูรณาการที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์ของตนเอง 12 แบรนด์ ได้แก่ Women’secret, Springfield, Cortefiel, Pedro del Hierro, Hoss Intropia, Slowlove, High Spirits, Dash and Stars, OOTO, HI&BYE, Milano และเสื้อผ้าเด็ก Springfield Kids นอกจากนี้ Tendam ยังจำหน่ายแบรนด์บุคคลที่สามที่คัดสรรมาเกือบ 200 แบรนด์ ผ่านแพลตฟอร์ม Omnichannel หลากหลายแบรนด์

ปัจจุบัน Tendam ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศ ผ่านจุดขายมากกว่า 1,800 แห่ง (รวมถึงร้านค้าที่บริหารงานโดยตรง มุมร้านค้า และแฟรนไชส์) และออนไลน์ โดยมีเว็บไซต์ 33 แห่งสำหรับ 8 แบรนด์ของบริษัท แอปพลิเคชัน 6 แอปพลิเคชัน รวมถึงเว็บไซต์และตลาดออนไลน์อื่นๆ ของบริษัท โดยสามารถดูเว็บไซต์บริษัทของ Tendam ได้ที่ www.tendam.es

1 การเข้าซื้อกิจการของ Tendam ในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาจะไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะได้รับอนุมัติจากหน่วยงานการแข่งขันที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะได้รับในเร็วๆ นี้

ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20250723669640/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:

W assim El Jurdi
Multiply Group
อีเมล: wassim@multiply.ae

Rawad Khattar
Weber Shandwick
โทร.: +971 56 336 2131
อีเมล: rkhattar@webershandwick.com

ที่มา: Multiply Group

Expensify ขยายการสนับสนุนทั่วโลกสำหรับบัตรองค์กร ภาษา การเรียกเก็บเงิน และการจ่ายเงินคืน

Logo

ปัจจุบัน SuperApp ทางการเงินรองรับบัตรองค์กรจากธนาคารหลายพันแห่งทั่วโลก รวมถึงการอัปเกรดระหว่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ จำนวนมาก

พอร์ตแลนด์, รัฐออริกอน –(BUSINESS WIRE)–25 มิถุนายน 2025

Expensify, Inc (Nasdaq: EXFY), ซึ่งเป็น SuperApp จัดการทางการเงินสำหรับการใช้จ่าย การเดินทาง และบัตรองค์กร ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ขยายการสนับสนุนระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมทั่วทั้งแพลตฟอร์ม การเปิดตัวครั้งนี้รวมถึงการรองรับการนำเข้าบัตรองค์กรจากธนาคารมากกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก มีความสามารถในหลากหลายภาษา การเรียกเก็บเงินตามสกุลเงินยูโร การจ่ายเงินคืนระหว่างประเทศใน Expensify ใหม่ รวมถึงการเข้าถึงเวอร์ชันเบต้าสำหรับบัตร Expensify ทั่วสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และเร็วๆ นี้ในแคนาดา

การอัปเดตเหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ระดับโลกของ Expensify ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกสามารถจัดการค่าใช้จ่ายและบัตรได้รวดเร็วและราบรื่นมากกว่าที่เคยเป็นโดยอยู่ภายในแพลตฟอร์มเดียว

“ขณะนี้ บริษัทต่างๆ ทั่วโลกสามารถจัดการค่าใช้จ่าย บัตร การจ่ายเงินคืน และอื่นๆ ได้ทั้งหมดภายใน Expensify” กล่าวโดย David Barrett ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Expensify

ไฮไลท์ของการขยายตัวระหว่างประเทศในปัจจุบัน:

  •  ขยายการรองรับบัตรองค์กรด้วยธนาคารใหม่มากกว่า 10,000 แห่งทั่วโลกที่บูรณาการเพื่อการนำเข้าและการกระทบยอดที่ราบรื่น
  •  การแปลภาษาที่นอกเหนือจากภาษาอังกฤษและภาษาสเปนใน Expensify ใหม่ ยังมีการรองรับภาษาเพิ่มอีก 10 ภาษา รวมถึงภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่น
  •  การเรียกเก็บเงินตามสกุลเงินยูโร สมาชิกสามารถชำระค่าสมัครสมาชิก Expensify เป็นสกุลเงินยูโรได้ (นอกเหนือจาก USD, GBP, AUD และ NZD)
  •  การสนับสนุนการจ่ายเงินคืนทั่วโลก เพื่อถอนเงินจากบัญชีธนาคารธุรกิจในสกุลเงิน USD, CAD, GBP, EUR และ AUD และฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารใน (เกือบทุกประเทศ) ประเทศใดก็ได้ที่ Expensify ใหม่
  •  Expensify Card เวอร์ชันเบต้า เปิดให้บริการแล้วในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป และกำลังจะมีการสนับสนุนในแคนาดาเร็วๆ นี้

“วันนี้เป็นวันสำคัญ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าทุกอย่างที่เราทำมาหลายปีล้วนเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้ โดยนำเสนอวิธีที่เร็วที่สุดในการจัดการค่าใช้จ่ายของคุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม” Barrett กล่าวเสริม

สมาชิกสามารถเลือกใช้เวอร์ชันเบต้าที่เกี่ยวข้องได้โดยติดต่อผู้จัดการบัญชีของตนหรือติดต่อได้ที่ concierge@expensify.com

เกี่ยวกับ Expensify

Expensify ช่วยให้ผู้คนกว่า 15 ล้านคนทั่วโลกติดตามค่าใช้จ่าย จองการเดินทาง คืนเงินให้กับพนักงาน จัดการบัตรองค์กร ส่งใบแจ้งหนี้ และชำระค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมดในที่เดียว ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพอิสระ ดำเนินธุรกิจขนาดเล็ก กำลังจัดการทีม หรือดูแลการเงินระดับโลก ให้ Expensify จัดการการเดินทางและค่าใช้จ่ายของคุณอย่างรวดเร็วในการแชท

คำชี้แจงเชิงคาดการณ์

คำชี้แจงบางข้อในข่าวเผยแพร่ฉบับนี้ถือเป็นคำชี้แจงเชิงคาดการณ์ตามความหมายของบทบัญญัติ “safe harbor” ของ Private Securities Litigation Reform Act of 1995 คำชี้แจงทั้งหมดที่อยู่ในข่าวเผยแพร่ฉบับนี้ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงในอดีตควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นคำชี้แจงเชิงคาดการณ์ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง คำชี้แจงเกี่ยวกับการเปิดตัว ความสำเร็จ และผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากความพยายามขยายกิจการทั่วโลกของ Expensify คำชี้แจงเชิงคาดการณ์เหล่านี้มีพื้นฐานมาจากความคาดหวังในปัจจุบันของฝ่ายบริหาร คำชี้แจงเหล่านี้ไม่ใช่คำมั่นสัญญาหรือการรับประกัน แต่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ทราบและไม่ทราบ ความไม่แน่นอน และปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่อาจทำให้ผลลัพธ์ ประสิทธิภาพ หรือความสำเร็จที่แท้จริงของ Expensify แตกต่างไปจากผลลัพธ์ ประสิทธิภาพ หรือความสำเร็จในอนาคตใดๆ ที่ระบุหรือเป็นนัยในคำชี้แจงเชิงคาดการณ์ รวมถึงความเสี่ยงที่กล่าวถึงในเอกสารที่ Expensify ยื่นต่อ SEC รวมถึงรายงานประจำปีของ Expensify ในแบบฟอร์ม 10-K และรายงานไตรมาสที่ตามมาในแบบฟอร์ม 10-Q Expensify ไม่ผูกพันที่จะอัปเดตคำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากเหตุการณ์ในอนาคต ข้อมูลใหม่ หรืออื่นใด ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Daniel Vidal, press@expensify.com

ที่มา: Expensify, Inc.

DDC Enterprise ประกาศระดมทุนสูงสุด 528 ล้านดอลลาร์เพื่อเร่งกลยุทธ์ Bitcoin Treasury

Logo

ทุ่มเงินทุนก้อนสำคัญให้กับการซื้อ Bitcoin โดยเฉพาะ ทำให้ DDC ก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในการถือครอง Bitcoin

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–17 มิถุนายน 2025

บริษัท DDC Enterprise Limited (NYSE: DDC) (“DDC” หรือ “บริษัท”) ได้ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ทำข้อตกลงซื้อหลักทรัพย์ 3 ฉบับ รวมมูลค่ารวมสูงสุดถึง 528 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่บริษัท ก่อนหักค่าธรรมเนียมตัวแทนจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการเสนอขาย นักลงทุน ได้แก่ Anson Funds, Animoca Brands, Kenetic Capital, และเครือข่ายกองทุนสถาบันชั้นนำและนักลงทุน Bitcoin รายบุคคล เงินทุนที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้เกือบทั้งหมดจะใช้เพื่อขยายคลัง Bitcoin ของบริษัท การระดมทุนครั้งสำคัญนี้ ซึ่งถือเป็นการระดมทุน Bitcoin เพื่อจุดประสงค์เดียวครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) อีกทั้งยังคาดว่าจะช่วยเร่งภารกิจของ DDC ในการก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถือครอง Bitcoin ที่มีมูลค่าสูงสุดแห่งหนึ่ง

This transformative financing – among the largest single-purpose Bitcoin raises by any NYSE-listed company – accelerates DDC's mission to establish one of the most valuable corporate Bitcoin holdings.

การจัดหาเงินทุนอันเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ – ถือเป็นการระดมทุน Bitcoin เพื่อจุดประสงค์เดียวครั้งใหญ่ที่สุดโดยบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาด NYSE – จะช่วยเร่งภารกิจของ DDC ในการสร้างการถือครอง Bitcoin ในองค์กรที่มีมูลค่าสูงที่สุดแห่งหนึ่ง

โครงสร้างการระดมทุนเชิงกลยุทธ์: ความเชื่อมั่นของสถาบันในระดับขนาดใหญ่

  •  การลงทุนในหุ้น PIPE มูลค่า 26 ล้านเหรียญสหรัฐ
    บริษัทได้ทำข้อตกลงการจองซื้อกับนักลงทุนชั้นนำ ได้แก่ Animoca Brands, Kenetic Capital, Jack Liu, Matthew Liu (ผู้ร่วมก่อตั้ง Origin Protocol) และกองทุนสถาบันชั้นนำอื่นๆ รวมถึงนักลงทุน Bitcoin รายบุคคล โดย DDC คาดว่าจะออกหุ้นสามัญ Class A จำนวนสูงสุด 2,435,169 หุ้นในราคาเฉลี่ย 10.30 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยหุ้นที่ออกให้นี้จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดการซื้อขายเป็นระยะเวลา 180 วัน
     
     
  •  ตั๋วเงินแปลงสภาพที่มีหลักประกันมูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐและการจัดสรรหุ้นแบบส่วนตัวมูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ
    โดยมี Anson Funds เป็นผู้ลงทุน ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนสถาบันที่มีสำนักงานในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ตราสารหนี้แปลงสภาพที่มีหลักประกันนี้ไม่มีดอกเบี้ยและจะครบกำหนดชำระใน 24 เดือน ตามข้อตกลง บริษัทจะออกตราสารหนี้ที่มีมูลค่าต้นรวม 25 ล้านดอลลาร์เป็นงวดแรก โดยมีศักยภาพเพิ่มเติมอีก 275 ล้านดอลลาร์สำหรับการเบิกถอนครั้งต่อไปตามข้อตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่าย Anson Funds กำลังซื้อหุ้นสามัญประเภท A จำนวน 307,693 หุ้นในราคา 2 ล้านดอลลาร์ในการเสนอขายแบบส่วนตัวพร้อมกัน
     
     
  •  วงเงินสินเชื่อผ่านการออกหุ้นจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
     วงเงินสินเชื่อผ่านการออกหุ้นมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (“ELOC”) ซึ่งได้รับการค้ำประกันโดย Anson Funds เช่นกัน ออกแบบมาเพื่อให้ DDC มีความยืดหยุ่นสูงสุดในการเข้าถึงเงินทุนสำหรับการจัดเก็บ BTC เฉพาะ ด้วย ELOC เมื่อเริ่มดำเนินการในอนาคตหลังจากลงทะเบียน บริษัทสามารถปรับจังหวะตลาดให้เหมาะสมและสามารถซื้อ BTC ได้อย่างสม่ำเสมอตามดุลยพินิจของฝ่ายบริหาร

รายได้รวมส่วนใหญ่จากการระดมทุนจะถูกนำไปใช้เพื่อซื้อ Bitcoin

คำกล่าวของ Norma Chu ผู้ก่อตั้ง ประธานและซีอีโอของ DDC Enterprise

“วันนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับ DDC Enterprise และผู้ถือหุ้นของเรา เงินทุนจำนวนสูงถึง 528 ล้านดอลลาร์นี้ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับทั้งจากภาคการเงินแบบดั้งเดิมและแนวหน้าของสินทรัพย์ดิจิทัล ถือเป็นพันธกิจอันแข็งแกร่งในการดำเนินกลยุทธ์การสะสม Bitcoin ขององค์กรที่ทะเยอทะยานทั่วโลก วิสัยทัศน์ของเราชัดเจน: เรากำลังสร้างคลัง Bitcoin ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก”

Ms. Chu กล่าวต่อว่า “เงินทุนนี้คาดว่าจะผลักดันให้ DDC กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือ Bitcoin รายใหญ่ระดับโลก การลงทุนนี้โดย Anson Funds และกลุ่มนักลงทุน PIPE ถือเป็นการยืนยันบทบาทสำคัญของ Bitcoin ในงบดุลขององค์กรในอนาคตได้เป็นอย่างดี ที่ DDC เราจะจัดสรรเงินทุนนี้ด้วยวินัยของสถาบันและความเชื่อมั่นที่ไม่สั่นคลอน เพื่อเสริมสร้างตำแหน่งของเราในฐานะสะพานเชื่อมชั้นนำระหว่างตลาดทุนระดับโลกและระบบนิเวศ Bitcoin DDC Enterprise มีตำแหน่งที่แข็งแกร่งในฐานะเครื่องมือซื้อขายหุ้นสาธารณะที่ชัดเจนสำหรับการเปิดรับ Bitcoin อย่างเข้มข้นและการสร้างมูลค่า ฉันจะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของคลัง BTC ของเราและมอบผลตอบแทน BTC ที่น่าดึงดูดให้กับผู้ถือหุ้นของเราอย่างต่อเนื่อง”

Maxim Group LLC ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียวในการเสนอขาย การปิดการขายขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามเงื่อนไขการปิดการขายตามปกติ

ข่าวเผยแพร่ฉบับนี้ไม่ถือเป็นข้อเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อหลักทรัพย์เหล่านี้ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใด ๆ ที่การเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายก่อนการจดทะเบียนหรือการได้รับคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐดังกล่าวหรือเขตอำนาจศาลอื่นใด

เกี่ยวกับ DDC Enterprise

DDC Enterprise Limited (NYSE: DDC) เป็นผู้นำการปฏิวัติคลัง Bitcoin ขององค์กรในขณะที่ยังคงรักษารากฐานของตนในฐานะแพลตฟอร์มอาหารเอเชียชั้นนำระดับโลก บริษัทได้วางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ให้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองหลัก โดยดำเนินกลยุทธ์การสะสมที่ก้าวร้าว ในขณะที่ยังคงขยายพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์อาหารต่างๆ อย่างต่อเนื่อง – รวมถึง DayDayCook, Nona Lim และ Yai's Thai – ปัจจุบัน DDC อยู่แถวหน้าของบริษัทมหาชนที่นำ Bitcoin เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมทางการเงินของตน

คำเตือนเกี่ยวกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ข้อความบางส่วนในประกาศฉบับนี้เป็นข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์ถึงอนาคต

นักลงทุนสามารถระบุคำกล่าวที่มีลักษณะคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ได้จากคำหรือวลี เช่น “อาจ” “จะ” “คาดหวัง” “คาดการณ์ล่วงหน้า” “มุ่งหวัง” “ประมาณการ” “ตั้งใจ” “วางแผน” “เชื่อว่า” “มีแนวโน้มที่จะ” “ศักยภาพ” “ดำเนินต่อไป” หรือสำนวนอื่นๆ ที่คล้ายกัน ตัวอย่างของคำกล่าวที่มีลักษณะคาดการณ์ล่วงหน้า ได้แก่ คำกล่าวที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มทางธุรกิจ การสะสม Bitcoin และเป้าหมายและกิจกรรมในอนาคตของบริษัทภายใต้ธุรกรรมทางการเงินที่อธิบายไว้ข้างต้น รวมถึงคำกล่าวเกี่ยวกับการปิดการเสนอขายและการบรรลุเงื่อนไขการปิดและการใช้รายได้ในการเสนอขาย คำกล่าวเหล่านี้อาจมีความไม่แน่นอนและความเสี่ยง รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวถึงในส่วนปัจจัยเสี่ยงและในส่วนการหารือและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการเกี่ยวกับสภาพทางการเงินและผลการดำเนินงานของแบบฟอร์ม 20-F, 6-K และรายงานอื่นๆ รวมถึงแบบฟอร์ม 6-K ซึ่งพร้อมสำเนาเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมข้างต้น เพื่อยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“SEC”) และมีให้บริการที่www.sec.govแม้ว่าบริษัทเชื่อว่าความคาดหวังที่แสดงไว้ในคำชี้แจงเชิงคาดการณ์เหล่านี้มีความสมเหตุสมผล แต่บริษัทไม่สามารถรับรองได้ว่าความคาดหวังดังกล่าวจะออกมาถูกต้อง และบริษัทขอเตือนนักลงทุนว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอาจแตกต่างไปจากผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก และขอแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ในอนาคตในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อ SEC ปัจจัยเพิ่มเติมมีการหารือในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อ SEC ซึ่งสามารถดูได้ที่www.sec.govบริษัทไม่มีภาระผูกพันที่จะต้องอัพเดตหรือแก้ไขแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ต่อสาธารณะใดๆ เพื่อสะท้อนถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภายหลัง หรือการเปลี่ยนแปลงความคาดหวังของบริษัทที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่นี้ ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250616739727/en

Contacts

สำหรับฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของ Bitcoin:
Yujia Zhai | ddc@orangegroupadvisors.com
สื่อ: pr@daydaycook.com

ที่มา: DDC Enterprise Limited