Category Archives: Energy

โครงการ Beyond2020 ติดตั้งระบบแสงสว่างให้กับค่ายผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดของโลกในบังกลาเทศ

Logo

การส่งมอบความช่วยเหลือครั้งนี้ช่วยยกระดับความปลอดภัยและปูทางไปสู่การทำกิจกรรมทางชุมชนในยามค่ำคืนที่มากขึ้น

อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–04 พฤษภาคม 2564

Beyond2020 โครงการด้านมนุษยธรรมที่สนับสนุนโดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกาศว่าได้ติดตั้งระบบไฟพลังงานแสงอาทิตย์ที่จำเป็นให้กับค่ายผู้ลี้ภัยกูตูปาลองโรฮิงญาในเมืองค็อกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศ เพื่อมอบแสงสว่างให้กับผู้คน 4,500 ชีวิต การติดตั้งระบบไฟในบังกลาเทศ ซึ่งต้องการยกระดับความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้ผู้คนในการทำกิจกรรมทางสังคมและชุมชนในยามค่ำคืนครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นระยะที่สองของโครงการ ‘20by2020’ ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ‘Beyond2020’ เพื่อทำหน้าที่เป็นเวทีหลักในการมอบความช่วยเหลือทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210504005849/en/

Beneficiaries receive solar solutions by Beyond2020 – (Photo: AETOSWire)

ผู้รับความช่วยเหลือด้านพลังงานแสงอาทิตย์จากโครงการ Beyond2020 – (รูปภาพ: AETOSWire)

โครงการ Beyond2020 ซึ่งก้าวข้ามอุปสรรคทางด้าน ‘วัยที่แตกต่าง’, ‘พรมแดน’ และ ‘ขีดจำกัด’ คอยจัดหาโซลูชันที่จำเป็นซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตให้กับผู้รับความช่วยเหลือมากมายทั่วโลก โดยที่ผ่านมาได้จัดหาเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาที่ดีและส่งเสริมการเติบโตซึ่งสามารถเข้าถึงได้อย่างถ้วนหน้าและมีความยั่งยืน

Electricians Without Borders องค์กรไม่แสวงผลกำไรชั้นนำจากฝรั่งเศส และผู้คว้ารางวัล Zayed Sustainability Prize ในหมวด ‘พลังงาน’ ของปี 2563 ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ติดตั้งเทคโนโลยีดังกล่าวในนามของ Beyond2020 ณ ค่ายผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยอดีตผู้คว้ารางวัลรายนี้ใช้ประสบการณ์ที่ช่วยให้ชนะรางวัลจากโครง ‘Light for the Rohingyas’ ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากว่าช่วยยกระดับชีวิตของผู้คนหลายพันจากการใช้พลังงานหมุนเวียนและการให้คำปรึกษาด้านการประกอบการ

โครงการ Beyond2020 ซึ่งเป็นการต่อยอดงานของ ชีค ซายิด บิน สุลต่าน อัล นาห์ยัน ผู้ล่วงลับ ด้วยการสนับสนุนงานด้านมนุษยธรรมของบิดาผู้รวมประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้บริจาคเทคโนโลยีและโซลูชันที่มีความยั่งยืนให้กับชุมชนที่มีความเปราะบางไปแล้วในทั้งหมด 9 ประเทศ โซลูชันหรือเทคโนโลยีแต่ละชิ้นได้เข้าไปมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงชุมชนอีกมากมายทั่วโลก และได้รับการยกย่องโดยเลือกให้เป็นผู้เข้ารอบสุดท้ายหรือผู้คว้ารางวัลชนะเลิศของ Zayed Sustainability Prize

ฯพณฯ ดร. สุลต่าน อาเหม็ด อัล จาเบอร์ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่ขั้นสูงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ ผู้อำนวยการโครงการ Zayed Sustainability Prize กล่าวว่า “การเพิ่มขีดความสามารถให้กับชุมชนเปราะบางและเร่งสร้างความก้าวหน้าในระดับโลกไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ยังคงเป็นหลักในการเดินหน้าของโครงการ Beyond2020 โครงการ Beyond2020 และพันธมิตรมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือชุมชนที่ขาดแคลนในบังกลาเทศ และสนับสนุนความพยายามด้านมนุษยธรรมขององค์กรไม่แสงหากำไรต่าง ๆ ในการบรรเทาความทุกยากที่ชุมชนต้องเผชิญ”

ฯพณฯ ดร. สุลต่าน อาเหม็ด อัล จาเบอร์ กล่าวเสริมว่า “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีมุมมองด้านมนุษยธรรมแบบองค์รวม เสริมแกร่งด้วยผู้นำที่ชาญฉลาดซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน รวมถึงการริเริ่มและขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายช่วยเหลืองานด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ต่าง ๆ ของโลก พวกเรามีความยินดีที่ได้แนะนำโซลูชันด้านแสงสว่างที่สำคัญเหล่านี้โดยโครงการ Beyond2020 ซึ่งจะนำมาซึ่งการดำรงชีวิตที่ง่ายขึ้นของคนในชุมชนรวมถึงมีความปลอดภัยมากขึ้น พร้อมทั้งสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยมากขึ้นสำหรับกิจกรรมของชุมชนที่มีการขยายตัว เราจะเดินหน้าขยายความช่วยเหลือและการเข้าถึงโซลูชันที่มีความยั่งยืนและล้ำสมัยของผู้เข้ารอบสุดท้ายและผู้ได้รับรางวัล Zayed Sustainability Prize ให้กับชุมชนในวงกว้างทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลก”

ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ความอุตสาหะ และการขยายตัวของโครงการ Beyond2020 ยังคงมีความสำคัญอย่างต่อเนื่องในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคครั้งใหญ่ ซึ่งต้องอาศัยความพยายามในการทำงานร่วมกันอย่างรวดเร็วของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในชุมชนที่มีความยั่งยืนทั่วโลก

นายโยฮันเนส ฟาน เดอร์ คลาว ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ซึ่งประจำอยู่ในบังกลาเทศ กล่าวว่า “โครงการ Beyond2020 กำลังพาการเข้าถึงวิธีแก้ปัญหาด้านพลังงานอย่างยั่งยืนไปสู่ทิศทางใหม่ สำหรับในบังกลาเทศ การบริจาคครั้งนี้จะนำความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีมาสู่การใช้ชีวิตของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่มีความเปราะบางอย่างแท้จริง แสงสว่างในยามค่ำคืนช่วยเพิ่มความปลอดภัยและมีผลกระทบทางสำคัญที่เป็นประโยชน์อย่างมากต่อชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้คนที่มีความทุพลภาพ ผู้หญิง และเด็กหญิง การใช้เทคโนโลยีที่มีความยั่งยืน เช่น โซลูชันด้านพลังงานหมุนเวียนที่ขยายเพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติในบังกลาเทศให้ความสำคัญลำดับต้น ๆ”

Electricians Without Borders สนับสนุนความเชี่ยวชาญในระดับนานาชาติทางด้านโครงการพลังงานหมุนเวียนให้กับชุมชนที่ไม่มีระบบสาธารณูปโภคโดยการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับครัวเรือน 240 ชุด และมอบตะเกียงพลังงานแสงอาทิตย์ 640 ชิ้นให้กับค่ายผู้ลี้ภัย พร้อมสอนให้ผู้ที่อาศัยในค่ายเรียนรู้เกี่ยวกับการซ่อมแซมอุปกรณ์ให้กับครัวเรือน การส่งมอบความช่วยเหลือในบังกลาเทศของโครงการ Beyond2020 ครอบคลุมผู้ลี้ภัยทั้งหมด โดยมุ่งเน้นกลุ่มคนที่มีความพิการ สตรีมีครรภ์ และเด็กผู้หญิง

สำหรับระยะแรกของโครงการ มีการส่งมอบความช่วยเหลือไปทั้งหมดแปดครั้งจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นความช่วยเหลือทางด้านพลังงาน สุขภาพ น้ำและอาหารในเนปาล แทนซาเนีย ยูกันดา จอร์แดน อียิปต์ กัมพูชา มาดากัสการ์ และอินโดนีเซีย และนอกจากบังกลาเทศแล้ว ยังมีอีก 11 ประเทศที่จะได้รับความช่วยเหลือจากโครงการในระยะที่สอง

โครงการ Beyond2020 เป็นความร่วมมือของเหล่าพันธมิตรทั้งจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และจากนานาชาติชั้นนำที่กำลังขยายการเติบโต ซึ่งรวมถึง Abu Dhabi Global Market, Abu Dhabi Fund for Development, Mubadala Petroleum, กระทรวงขันติธรรมและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ (Ministry of Tolerance and Coexistence), Masdar และ BNP Paribas

เกี่ยวกับรางวัล Zayed Sustainability Prize

การมอบรางวัล Zayed Sustainability Prize ริเริ่มขึ้นจากความเป็นผู้นำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปี 2551 เพื่อเป็นเกียรติแด่สิ่งที่บิดาผู้รวมประเทศ ชีค ซายิด บิน สุลต่าน อัล นาห์ยัน ผู้ล่วงลับ สร้างเอาไว้ โดยรางวัล Zayed Sustainability Prize เป็นการมอบรางวัลรายการแรก ๆ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เป็นเชิดชูความพยามในการแก้ปัญหาด้านความยั่งยืนและมนุษยธรรมทั่วโลก

รางวัล Zayed Sustainability Prize มอบให้กับผู้บุกเบิกและนักสร้างสรรค์นวัตกรรมทั่วโลกที่มีความมุ่งมั่นในการเร่งหาทางออกด้านความยั่งยืนที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง

ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา มีการมอบรางวัลให้กับผู้ชนะไปแล้ว 86 ราย คนเหล่านั้นได้ร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกทั้งในทางตรงและทางอ้อมให้กับผู้คนกว่า 335 ล้านชีวิตทั่วโลก การมอบรางวัล Zayed Sustainability Prize แบ่งเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ดังนี้ สุขภาพ อาหาร พลังงาน น้ำ และโรงเรียนมัธยมโลก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://zayedsustainabilityprize.com/en/ หรือเยี่ยมชมสื่อโซเชียลของเราได้ที่ TwitterFacebookInstagramYouTube

*ที่มา: AETOSWire

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210504005849/en/

ติดต่อ:

Medhat Juma
Hill+Knowlton Strategies
โทร: +971 561399482
Medhat.Juma@hkstrategies.com

Erika Spagakou
Hill+Knowlton Strategies
โทร: +971 551398765
Erika.Spagakou@hkstrategies.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Bloom Energy แต่งตั้ง Benjamin Gaszynski เป็นผู้นำการพัฒนาธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

แซนโฮเซ แคลิฟอร์เนีย –(BUSINESS WIRE)–28 เมษายน 2564

Bloom Energy ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นพลังงานแบบกระจาย ในวันนี้ประกาศแต่งตั้ง Benjamin Gaszynski เป็นทีมผู้นำระดับนานาชาติเพื่อเสริมสร้างความพยายามในการขยายตัวของบริษัท ยกระดับตำแหน่งทางการแข่งขันและสนับสนุนการปรับใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดและการใช้เชื้อเพลิงยืดหยุ่นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการเริ่มต้นมุ่งเน้นไปที่ประเทศไทย สิงคโปร์และมาเลเซีย

ผู้นำธุรกิจระหว่างประเทศที่ใช้เวลา 15 ปีในภาคน้ำมันและก๊าซ พลังงานหมุนเวียนและสิ่งแวดล้อม ประวัติของ Gaszynski มีประสบการณ์มากมายในการพัฒนา การจัดการและการเติบโตอย่างรวดเร็วของหน่วยธุรกิจพลังงานมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ทั่วเอเชียและตะวันออกกลางในองค์กรต่างๆ เช่น Ortec Group และ AIS Bardot

Gaszynski จะรายงานตรงต่อ Azeez Mohammed รองประธานบริหารฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของ Bloom Energy

 “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Benjamin สู่ Bloom” Azeez Mohammed กล่าว “เขานำประสบการณ์มากมายตลอดจนมุมมองและความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าซึ่งจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดการปล่อยคาร์บอน เพิ่มความยืดหยุ่นและกำหนดเส้นทางสู่อนาคตที่ไม่มีคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์”

เซลล์เชื้อเพลิงที่ไม่เผาไหม้และเชื้อเพลิงยืดหยุ่นของ Bloom Energy ใช้ก๊าซชีวภาพและไฮโดรเจนนอกเหนือจากก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าทรัพยากรที่ใช้การเผาไหม้แบบเดิมอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้เทคโนโลยีของ Bloom ยังสามารถใช้ในการสร้างไฮโดรเจนซึ่งได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างยิ่งที่จำเป็นสำหรับการลดคาร์บอนอย่างสมบูรณ์ของเศรษฐกิจพลังงาน

เกี่ยวกับ Bloom Energy

ภารกิจของ Bloom Energy คือการสร้างพลังงานที่สะอาดและเชื่อถือได้ในราคาที่เหมาะสมสำหรับทุกคนในโลก ผลิตภัณฑ์ของบริษัท Bloom Energy Server มอบพลังงานไฟฟ้าที่สะอาดตลอดเวลา เชื่อถือได้และยืดหยุ่นสูง คุ้มค่าและเหมาะสำหรับการใช้งานไมโครกริด ลูกค้าของ Bloom รวมถึงบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 100 และผู้นำด้านการผลิต ศูนย์ข้อมูล การดูแลสุขภาพ การค้าปลีก การศึกษา ระดับอุดมศึกษา สาธารณูปโภค และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bloomenergy.com

ข้อควรระวังเกี่ยวกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าตามความหมายของกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน คำแถลงเหล่านี้ไม่ควรถือเป็นการรับประกันผลลัพธ์และไม่ควรถือเป็นการบ่งชี้กิจกรรมในอนาคตหรือผลการดำเนินงานในอนาคต เหตุการณ์หรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอาจแตกต่างอย่างมากจากที่อธิบายไว้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เนื่องจากความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการตามรายละเอียดในเอกสารที่ยื่นต่อ SEC เป็นระยะของ Bloom

Bloom ไม่มีภาระผูกพันในการแก้ไขหรืออัปเดตข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ต่อสาธารณะเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายกำหนด

ติดต่อ:

Jennifer Duffourg
Bloom Energy
Jennifer.Duffourg@bloomenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG ลงนามข้อตกลงกิจการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 12.4 พันล้านดอลลาร์กับ Aramco

Logo

โดยกลุ่มบริษัทที่นำโดย EIG เข้าถือหุ้น 49% ในกิจการใหม่ที่มีชื่อว่า Aramco Oil Pipelines Co. โดยมีสิทธิในการเก็บภาษีศุลกากร 25 ปีสำหรับน้ำมันที่ขนส่งผ่านเครือข่ายท่อส่งน้ำมันดิบของ Aramco

หนึ่งในการเข้าซื้อกิจการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก

วอชิงตัน–(บิสิเนสไวร์)–10 เม.ย. 2564

EIG ซึ่งเป็นสถาบันลงทุนชั้นนำของภาคพลังงานทั่วโลกและหนึ่งในผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของโลกประกาศในวันนี้ว่าทางบริษัทได้ทำสัญญาเช่าและเช่าคืนกับ Saudi Arabian Oil Co. (“Aramco”) โดยกลุ่มลงทุนที่นำโดย EIG จะเข้าถือหุ้น 49% ใน Aramco Oil Pipelines Company (“Aramco Oil Pipelines”) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นใหม่ซึ่งมีสิทธิในการเก็บภาษีศุลกากร 25 ปีสำหรับน้ำมันที่ขนส่งผ่านเครือข่ายท่อส่งน้ำมันดิบของ Aramco  การซื้อกิจการดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 12.4 พันล้านดอลลาร์ โดย Aramco ถือหุ้น 51% ที่เหลือในกิจการใหม่ คิดเป็นมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมดของท่อส่งน้ำมัน Aramco ประมาณ 25.3 พันล้านดอลลาร์

เครือข่ายท่อส่งน้ำซึ่งรวมถึงท่อส่งน้ำมันดิบที่มีอยู่และในอนาคตทั้งหมดของ Aramco ในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียนั้นเชื่อมต่อแหล่งน้ำมันกับเครือข่ายปลายน้ำ  เครือข่ายนี้ส่งน้ำมันดิบ 100% ของ Aramco ที่ผลิตในราชอาณาจักรภายใต้สัญญาสัมปทาน

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำการซื้อกิจการ Aramco จะเช่าสิทธิ์การใช้งานในเครือข่ายท่อส่งน้ำมันดิบไปยัง Aramco Oil Pipelines และ Aramco Oil Pipelines จะให้สิทธิ์ แต่เพียงผู้เดียวในการใช้งาน ขนส่ง ดำเนินการและบำรุงรักษาเครือข่ายท่อส่งกลับไปยัง Aramco ในระยะเวลา 25 ปีเพื่อแลกกับภาษีรายไตรมาสตามปริมาณที่ Aramco จ่าย  อัตราภาษีจะได้รับการสนับสนุนโดยภาระผูกพันขั้นต่ำ  Aramco จะรักษาตำแหน่งและการควบคุมการปฏิบัติงานของเครือข่ายท่อน้ำมันไว้ตลอดเวลาและจะรับความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและเงินทุนทั้งหมด  การทำธุรกรรมจะไม่กำหนดข้อจำกัดใดๆ เกี่ยวกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่แท้จริงของ Aramco ซึ่งอยู่ภายใต้การตัดสินใจด้านการผลิตที่ออกโดยราชอาณาจักร

“นี่เป็นโอกาสพิเศษสำหรับนักลงทุนของ EIG และเราภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Aramco ในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกนี้” R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าว “การเข้าซื้อนี้สอดคล้องกับปรัชญาของ EIG ในการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูงที่มีสัญญากระแสเงินสดในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับ Aramco ในระยะยาวและเพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับนักลงทุนของเราผ่านการลงทุนที่สำคัญนี้”

Amin H. Nasser ประธานและซีอีโอของ Aramco กล่าวว่า “การทำธุรกรรมครั้งสำคัญนี้กำหนดแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตโฟลิโอของเรา  เราใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์กับโปรแกรม Shareek ของราชอาณาจักรที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้  โครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งของ Aramco จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยข้อตกลงนี้ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นของเรา  นอกจากนี้พันธมิตรระยะยาวของเราในกิจการนี้จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  ในอนาคตเราจะยังคงสำรวจโอกาสในการสนับสนุนกลยุทธ์ในการสร้างมูลค่าระยะยาวของเราต่อไป”

การทำธุรกรรมคาดว่าจะปิดลงโดยเร็วที่สุด โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดบัญชีตามธรรมเนียม รวมถึงข้อกำหนดการควบรวมกิจการและการอนุมัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

HSBC Bank plc ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ EIG ในการทำธุรกรรมและ Latham & Watkins ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมายของ EIG

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นสถาบันลงทุนชั้นนำของภาคพลังงานทั่วโลกด้วยเงินภายใต้การบริหาร 22.0 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563  EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 39 ปี EIG ได้มอบเงินกว่า 34.9 พันล้านดอลลาร์ให้กับภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 365 โครงการใน 36 ประเทศใน 6 ทวีป  ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำนาญชั้นนำ บริษัทประกันภัย กองทุนเงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป  EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ในวอชิงตันดีซีโดยมีสำนักงานอยู่ในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ EIG ที่ www.eigpartners.com

เกี่ยวกับ Aramco

Aramco เป็นบริษัทด้านพลังงานและเคมีภัณฑ์ครบวงจรระดับโลก  เราขับเคลื่อนด้วยความเชื่อหลักของเราว่าพลังงานคือโอกาส  ตั้งแต่การผลิตน้ำมันประมาณหนึ่งในแปดบาร์เรลของโลกไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานใหม่ๆ  ทีมงานทั่วโลกของเราทุ่มเทเพื่อสร้างผลกระทบในทุกสิ่งที่เราทำ  เรามุ่งเน้นที่จะทำให้ทรัพยากรของเราเชื่อถือได้มากขึ้น มีความยั่งยืน และมีประโยชน์มากขึ้น  สิ่งนี้ช่วยส่งเสริมความมั่นคงและการเติบโตในระยะยาวทั่วโลก www.aramco.com.

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210409005457/en/

ติดต่อ:

EIG
Sard Verbinnen & Co.
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com 

Aramco
International Media Relations (ฝ่ายสื่อนานาชาติ):
international.media@aramco.com 
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์: Investor.relations@aramco.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch ได้รับเลือกให้เป็นบริษัทวิศวกรหลักของฟาร์มกังหันลมในเวียดนาม

Logo

ฟาร์มกังหันลมบนบกขนาด 100 เมกะวัตต์ของ บริษัท Dien Xanh Gia Lai Investment Energy Joint Stock Company จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและเป้าหมายความยั่งยืนของเวียดนาม

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–8 เมษายน 2564

เวียดนามกำลังขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า พร้อม ๆ ไปกับการปรับความสมดุลระหว่างพอร์ตโฟลิโอด้านการผลิตและตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและเศรษฐกิจที่กำลังเฟื่องฟู

ประเทศเวียดนามกำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อพัฒนาความมั่นคงด้านพลังงานด้วยความตั้งใจในการลดคาร์บอนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

รายงานของ Black & Veatch ว่าด้วยทิศทางเชิงกลยุทธ์: อุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชีย 2564 คาดว่า การลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนจะมีการเติบโตของการลงทุนที่มีนัยยะสำคัญที่สุดภายในบรรดาอุตสาหกรรมการผลิตฟลังงานยุคใหม่ ในช่วงสามถึงห้าปีข้างหน้า

ฟาร์มกังหันลม Ia Pech 1 และ Ia Pech 2 ซึ่งตั้งอยู่ในเขต Ia Grai ของจังหวัด Gia Lai ถือเป็นตัวอย่างของการลงทุนในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของเวียดนาม

Dien Xanh Gia Lai Investment Energy Joint Stock Company ซึ่งเป็นผู้พัฒนาฟาร์มกังหันลม la Pech ได้ว่าจ้าง Black & Veatch ให้เป็นวิศวกรหลักของฟาร์มกังหันลมทั้งสองแห่ง โครงการฟาร์มกังหันลม Ia Pech แต่ละโครงการจะมีกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ (MW)

“Black & Veatch มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยอาศัยความเชี่ยวชาญระดับโลกและประสบการณ์ในท้องถิ่นของเรา ด้วยความสามารถและความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุมตลอดวงจรของโครงการ ตลอดจนถึงเทคโนโลยีการผลิต การส่งผ่านและการจัดจำหน่าย เราจึงได้ร่วมมือกับผู้ผลิตไฟฟ้าทั่วโลกเพื่อ  ปรับใช้โซลูชันพลังงานหมุนเวียนที่เชื่อถือได้และคำนึงถึงอนาคต” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารของ Black & Veatch ประธานและกรรมการผู้จัดการ Asia Power Business กล่าว

ในฐานะวิศวกรหลักของฟาร์มกังหันลม la Pech ทาง Black & Veatch จะดำเนินการบริการต่าง ๆ รวมถึงการจัดการโครงการ การควบคุมโครงการ การตรวจสอบการออกแบบ การประกันคุณภาพ การตรวจสอบการก่อสร้าง และการสนับสนุนการว่าจ้างต่าง ๆ

ฟาร์มกังหันลม Ia Pech จะผลิตและขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนามเป็นเวลา 20 ปี การก่อสร้างฟาร์มมีกำหนดจะเริ่มในปี 2564 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาสที่สี่ของปี 2564

“ การใช้พลังงานลมที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมไฟฟ้าในการผสมผสานรุ่นนี้สอดคล้องกับโซลูชันพลังงานลมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ของเรา ทำให้เราสามารถให้บริการในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา” Dave Hallowell รองประธานอาวุโสระดับโลกของ Black & Veatch  พลังงานทดแทน “ กล่าวเสริม

Black & Veatch รองรับพลังงานลมกว่า 56 GW ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการให้คำแนะนำทางเทคนิคในกรณีของพลังงานลมถึงกว่า 36,000 เมกะวัตต์ การพัฒนาและการสนับสนุนการดำเนินการสำหรับพลังงานลม 19,500 เมกะวัตต์ และการออกแบบรายละเอียดสำหรับพลังงานลม 1,200 เมกะวัตต์ บริษัทได้รับการยอมรับจาก Inframation และ SparkSpread ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานพลังงานและพลังงานหมุนเวียนข้อมูลและการวิเคราะห์ ในฐานะที่ปรึกษาด้านเทคนิคอันดับหนึ่ง หรือ the top technical advisor โดยอิงจากจำนวนข้อตกลงในปี 2563

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • Black & Veatch นำเสนอบริการที่หลากหลายตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนและการสนับสนุนการพัฒนาโครงการไปจนถึงการดำเนินโครงการการเชื่อมต่อกริดและการจัดการสินทรัพย์ ประสบการณ์ของเราเกี่ยวกับโครงการหมุนเวียน รวมถึง ลม ความร้อนจากแสงอาทิตย์ แผงเซลล์แสงอาทิตย์ พลังงานแสงอาทิตย์ ชีวมวล พลังน้ำ ความร้อนใต้พิภพ ก๊าซฝังกลบ และพลังงานทางทะเล
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามอยู่ที่ร้อยละ 6.5 ในปี 2564

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็น บริษัท ด้านวิศวกรรมการจัดหาและที่ปรึกษาการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในนวัตกรรมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี พ. ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าส่งเสริมชีวิตของผู้คนทั่วโลกด้วยการจัดการกับความสามารถในการฟื้นฟู และความน่าเชื่อถือของทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายรับของเราในปี 2563 มีจำนวนมากกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210330006161/en/

ติดต่อ:

Emily Chia

+65 6335 6623 P

+65 9875 8907 M

Chialp@bv.com

สายด่วนสื่อ 24 ชั่วโมง

+1 866-496-9149

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

PW Power Systems ขณะนี้จะกลายเป็น Mitsubishi Power Aero ซึ่งบ่งบอกถึงการบูรณาการที่ดียิ่งขึ้นของบริษัท

Logo

  • PW Power Systems เป็นผู้ริเริ่มและเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นพลังงานตามความต้องการมานานกว่า 60 ปี เป็นผู้ให้บริการที่ยืดหยุ่น, สามารถติดตามผลได้อย่างรวดเร็ว, ปรับแต่งกังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่จำเป็นทั่วโลก
  • การใช้แบรนด์ Mitsubishi Power นับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างมากในการผสานรวมการผลิต, การขาย, การตลาด, การเงิน, การบริการและการดำเนินโครงการของ Mitsubishi Power

ASIA PACIFIC, THAILAND. (5 เมษายน 2564) – วันนี้ PW Power Systems เปลี่ยนชื่อเป็น Mitsubishi Power Aero อย่างเป็นทางการ การนำแบรนด์ Mitsubishi Power มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ต่อลูกค้ากังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่น จุดแข็งของกลุ่มผลิตภัณฑ์กังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นและประวัติผลงานจะได้รับการยกระดับโดยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและเทคโนโลยีของบริษัทแม่ของ Mitsubishi Power Aero

“เรากำลังใช้สินทรัพย์ห่วงโซ่อุปทานของ Mitsubishi Power ทั่วโลกเพื่อสนับสนุนการผลิตอุปกรณ์ใหม่ตลอดจนบริการหลังการขาย”  Raul Pereda ประธานและซีอีโอของ Mitsubishi Power Aero กล่าว “ทีมวิศวกรของเรากำลังร่วมมือกันเพื่อทำให้กังหันก๊าซของเราสามารถแข่งขันได้มากขึ้นรวมถึงการใช้งานกับเชื้อเพลิงไฮโดรเจน การควบคุมจากระยะไกลและปัญญาประดิษฐ์ TOMONITM แหล่งทรัพยากรการเงินของกลุ่มที่กว้างขึ้นยังช่วยให้เราสามารถนำเสนอโซลูชันทางการค้าที่ยืดหยุ่นมากขึ้นให้กับลูกค้าของเรา เรากระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับลูกค้าเพื่อส่งมอบพลังงานในเวลาที่โลกต้องการมากที่สุด”

เมื่อการใช้พลังงานไฟฟ้าขยายตัวและความต้องการพลังงานที่เชื่อถือได้ก็เพิ่มขึ้นทั่วโลก บทบาทของพลังงานตามความต้องการที่เป็นแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคมของการขาดแคลนพลังงานมีความสำคัญและเพิ่มสูงขึ้นและความซับซ้อนของระบบไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การขยายตัวของพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็วเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรง การใช้พลังงานไฟฟ้าในการขนส่ง การจัดเก็บพลังงาน และเชื้อเพลิงทางเลือก รวมถึงไฮโดรเจน โซลูชันการผลิตไฟฟ้าที่ยืดหยุ่นจาก Mitsubishi Power เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าจัดการกับความต้องการพลังงานที่หลากหลายได้อย่างสมดุล

“พลังงานตามความต้องการเป็นองค์ประกอบสำคัญในการที่ Mitsubishi Power นำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรให้กับลูกค้าของเรา” Paul Browning ประธานและซีอีโอของ Mitsubishi Power Americas กล่าว“FT8Ò MOBILEPACÒ สามารถเปิดเครื่องทำงานได้รวดเร็วทันใจเพียงการแจ้งเตือนสั้น ๆ และกังหันก๊าซ FT4000Ò SWIFTPACÒ ให้พลังงานที่ยืดหยุ่นเป็นพิเศษแก่ลูกค้าที่ต้องการเพิ่มการใช้งานของพลังงานหมุนเวียนไม่ต่อเนื่อง เช่น ลมและแสงอาทิตย์ จากการที่พลังงานปราศจากคาร์บอนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก พลังงานแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรองรับความเพียงพอของทรัพยากร เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ผสานรวมความสามารถด้านห่วงโซ่อุปทาน, ด้านการผลิต, ด้านวิศวกรรม, ด้านการตลาด, ด้านการขาย, ด้านการบริการ และความสามารถทางการเงินกับผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง, ด้านการบริการ และความสามารถในโครงการแบบครบวงจรของ Mitsubishi Power Aero เราจะทำงานร่วมกับลูกค้าของเราเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านพลังงาน”

# # #

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:

Stefan L. Zavatone

รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร

stefan.zavatone@aeropowermhi.com

860-368-5499

Sophia Wee

+65 9112 4325

sophia.wee.3z@mhi.com

เกี่ยวกับ Mitsubishi Power Americas, Inc.

Mitsubishi Power Americas, Inc. มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเลค แมรี่ รัฐฟลอริดา มีพนักงานด้านการผลิตไฟฟ้า ด้านการจัดเก็บพลังงาน และผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันมืออาชีพมากกว่า 2,000 คน พนักงานของเรามุ่งเน้นไปที่การเพิ่มขีดความสามารถให้กับลูกค้าเพื่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในราคาที่เหมาะสมและเชื่อถือได้ ในขณะเดียวกันก็พัฒนาความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์ไปทั่วอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ โซลูชันการผลิตไฟฟ้าของ Mitsubishi Power ประกอบด้วยก๊าซธรรมชาติ ไอน้ำ อนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่น ความร้อนใต้พิภพ เทคโนโลยีหมุนเวียนแบบกระจาย การควบคุมสิ่งแวดล้อม และบริการต่าง ๆ โซลูชันการจัดเก็บพลังงานประกอบด้วยไฮโดรเจนสีเขียว และระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ Mitsubishi Power ยังนำเสนอดิจิทัลโซลูชันที่ช่วยให้สามารถดำเนินการและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าได้โดยอัตโนมัติ Mitsubishi Power, Ltd. เป็นบริษัทในเครือของ Mitsubishi Heavy Industries, Ltd. (MHI) MHI มีสำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องจักรกลหนักชั้นนำของโลกที่มีธุรกิจด้านวิศวกรรมและการผลิตซึ่งครอบคลุมทั้งพลังงานโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง การบินและอวกาศ และการป้องกันประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ Mitsubishi Power Americas และติดตามเราบนเครือข่ายสังคม LinkedIn

เกี่ยวกับ Mitsubishi Power Aero LLC

Mitsubishi Power Aero LLC มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกลาสตันเบอรี รัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำในการจัดหาโซลูชั่นพลังงานตามความต้องการที่รวดเร็วสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าทั่วโลกและลูกค้าในอุตสาหกรรมและ O&G เรานำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ยืดหยุ่น และปรับแต่งได้รวมถึงแพ็คเกจกังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นที่มีขนาดตั้งแต่ 30 ถึง 140 เมกะวัตต์ บริการหลังการขายที่ปรับแต่งและตอบสนองความเชี่ยวชาญด้าน EPC แบบครบวงจร และการจัดเก็บแบตเตอรี่ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าขยายตัวและมีการเพิ่มพลังงานหมุนเวียนให้กับโครงข่ายไฟฟ้า Mitsubishi Power Aero จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการให้ความมั่นคงด้านพลังงานแก่ลูกค้าทั่วโลก Mitsubishi Power Aero เป็นของกลุ่มบริษัท Mitsubishi Power Americas, Inc. ติดต่อกับเราได้ที่ aero.power.mhi.com และ LinkedIn

Commonwealth LNG เปิดตัวการประมูลราคาสำหรับการรับซื้อก๊าซ LNG

Logo

ฮูสตัน, นิวยอร์กและสิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–18 ม.ค. 2564

Commonwealth LNG ร่วมกับ Gunvor Group (“ Gunvor”) ประกาศในวันนี้ว่าด้วยการเปิดตัวกระบวนการอย่างเป็นทางการเพื่อให้มีการเสนอราคาเพื่อสำรองการรับซื้อก๊าซ LNG จากโรงงานผลิตที่วางแผนไว้จำนวน 8.4 ล้านตันต่อปี ณ เมืองคาเมรอน รัฐหลุยเซียนา นี่ถือเป็นกระบวนการประกวดราคาครั้งแรกที่ลูกค้าในอนาคตของก๊าซ LNG สามารถได้รับการจัดหาซัพพลายแบบที่สามารถกำหนดปริมาณ ราคา และระยะเวลาเองได้ ผ่านการเสนอราคาแข่งขัน โดยก๊าซ LNG จะมีให้บริการภายใต้ข้อตกลงการรับค่าบริการแบบ free on board (FOB) หรือแบบ delivered at place ( (DAP) เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของ Commonwealth กล่าวว่าแนวทางเลือกที่แตกต่างออกไปเช่นนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงในตลาดพลังงาน อันเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก

Paul Varello ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Commonwealth กล่าวว่าแนวทางใหม่ในการขายก๊าซ LNG เป็นประโยชน์ต่อโครงการ และต่อผู้ซื้อที่มีศักยภาพ “ เราเชื่อว่ากระบวนการนี้เป็นทางออกที่เป็นประโยชน์ร่วมกันและมีความเสี่ยงต่ำสำหรับผู้ซื้อในการตอบสนองความต้องการในระยะยาวของพวกเขา ในขณะที่ให้ Commonwealth เองก็สามารถพัฒนาโครงการของเราอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด”

การประกวดราคาของ Commonwealth ได้รับการสนับสนุนโดย Gunvor Group, Ltd. ซึ่งเป็นผู้ค้าก๊าซ LNG อิสระชั้นนำระดับโลก โดย Gunvor และ Commonwealth LNG มีข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ว่าด้วยการให้ Gunvor สนับสนุน Commonwealth ในการได้มาซึ่งผลผูกพันข้อตกลงการผลิต LNG และการจัดหาก๊าซสำหรับที่โรงงาน ทั้งนี้ Gunvor มุ่งมั่นที่จะรับก๊าซ LNG มากถึง 3 ล้านตันต่อปีจากโครงการ นอกจากนี้ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการประกวดราคา Gunvor จะเปิดใช้การเสนอขายพื้นฐานแบบ DAP ให้กับลูกค้าที่ต้องการตัวเลือกนี้ นอกจากนี้การใช้ประโยชน์จากพอร์ตโฟลิโอ LNG ของ Gunvor จะช่วยให้การเสนอขายมีภาระผูกพันในการจัดหาซัพพลายก๊าซ LNG ที่มั่นคงเชื่อถือได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการจัดหาโครงการกรีนฟิลด์และ / หรือช่วยทำให้สามารถส่งมอบก๊าซ LNG ก่อนที่จะเริ่มโครงการ Commonwealth LNG ให้กับผู้ซื้อที่มีความจำเป็นต้องการซัพพลายก่อนล่วงหน้า

“กระบวนการประกวดราคาถือเป็นการต่อยอดจากโมเมนตัมที่มีขึ้นระหว่าง Commonwealth และ Gunvor ภายใต้ข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ที่ดำเนินการในปี 2562” Kalpesh Patel หัวหน้าฝ่ายการค้าแอลเอ็นจีของ Gunvor กล่าว “ ความยืดหยุ่นที่ Gunvor สามารถนำเสนอให้ ทั้งในแง่ของปริมาณการเชื่อมต่อในช่วงต้นและทั้งเรื่องสัญญา DES / DAP ของบริษัท ทำให้ Commonwealth ได้เปรียบและแตกต่างไปจากโครงการ LNG ที่กำลังดำเนินการอยู่แห่งอื่น ๆ ”

Commonwealth ให้บริษัท Poten & Partners, Inc. จัดการกระบวนการประกวดราคา โดย Poten ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นบริษัทที่ปรึกษา LNG ชั้นนำของโลก กระบวนการประกวดราคาจะเปิดตัวในวันที่ 18 มกราคม โดยจะเรียกร้องให้มีการยืนยันความสนใจภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์และยื่นเสนอราคาภายในต้นเดือนเมษายน 2564 โดย Commonwealth จะประเมินการเสนอราคาแต่ละรายการโดยพิจารณาจากปริมาณราคา อายุสัญญา และเครดิตของผู้ประมูล อนึ่ง จะมีการออกสัญญาให้กับบริษัทที่ประมูลชนะในเดือนมิถุนายนของปีนี้

โครงการนี้น่าจะบรรลุ FID ภายในไตรมาสแรกของปี 2565 โดยคาดว่าจะมีการขนส่งสินค้าครั้งแรกในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ทาง Commonwealth กำลังดำเนินการตามกำหนดการก่อสร้างที่กำลังมีการเร่งกำลังขึ้น ซึ่งจะช่วยให้โครงการสามารถสร้างได้ภายในสามปีโดยใช้วิธีการแบบแยกส่วน โดยที่การประดิษฐ์ส่วนประกอบหลัก ๆ ถูกจัดทำขึ้นนอกสถานที่ ดังนั้น จึงทำให้โครงการสามารถเสนอราคาขาย LNG จากสหรัฐอเมริกา ที่ต่ำที่สุดได้แห่งหนึ่ง

เกี่ยวกับ Commonwealth LNG

Commonwealth LNG เป็นโครงการสถานีส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) 8.4 ล้านตันต่อปี ซึ่งตั้งอยู่บนแม่น้ำ Calcasieu ที่อ่าวเม็กซิโกใกล้เมืองคาเมรอน รัฐหลุยเซียนา ทีมผู้นำของโครงการมุ่งมั่นที่จะสร้างโรงงานผลิต LNG ระดับโลกโดยให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงและการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง www.CommonwealthLNG.com

เกี่ยวกับ Gunvor Group Ltd

Gunvor Group เป็นหนึ่งในบริษัทซื้อขายสินค้าอิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยการหมุนเวียนสร้างโซลูชันโลจิสติกส์ที่เคลื่อนย้ายพลังงานที่จับต้องได้อย่างปลอดภัยและอย่างมีประสิทธิภาพจากแหล่งที่มา พร้อมกับแจกจ่ายและจัดเก็บพลังงานไปยังที่ที่มีความต้องการพลังงานมากที่สุด บริษัทนี้เป็นผู้ค้าก๊าซ Liquefied National Gas (LNG) อิสระชั้นนำระดับโลก www.GunvorGroup.com

เกี่ยวกับ Poten & Partners, Inc.

Poten & Partners เป็นบริษัทในเครือของ BGC Partners มากว่า 80 ปี Poten ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าแก่ลูกค้าเกี่ยวกับตลาดน้ำมันก๊าซและการขนส่งระหว่างประเทศ บริษัทมีทีมที่ปรึกษาการค้าที่มีประสบการณ์ที่สนับสนุนโครงการ LNG ที่มีอยู่และกำลังพัฒนาทั่วโลก www.Poten.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210118005075/en/

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ:

Commonwealth LNG

Lyle Hanna

ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสาร

ออฟฟิศ: 346-352-4436

มือถือ: 281-794-9606

อีเมล: lhanna@teamcpl.com

Carbon Trust เปิดตัวโครงการเร่งการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับ บริษัทภาคอาหารและเครื่องดื่มในอาเซียน

Logo

โครงการ UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator สนับสนุนบริษัทภาคอาหารและเครื่องดื่มในมาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนามในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดต้นทุนด้านพลังงานภายใต้โครงการคาร์บอนต่ำ ASEAN Low Carbon Programme ที่ได้รับทุนจากกองทุน Prosperity Fund ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–14 ม.ค. 2564

วันนี้ Carbon Trust ได้เปิดตัว UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator (the Accelerator) เพื่อสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ขยายการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน  โครงการ Accelerator จะดำเนินการจนถึงเดือนมีนาคม 2565 โดยเน้นที่ภาคอาหารและเครื่องดื่มในมาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนามโดยสนับสนุนบริษัทในขั้นตอนต่างๆ ของการจัดการพลังงานเพื่อช่วยให้ตระหนักถึงความสำคัญของประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

ภาคอาหารและเครื่องดื่มนับว่าเป็นหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานมากที่สุดในภูมิภาค โดยสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 4.5Mtoe (หรือ 35% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในปัจจุบัน)  การสนับสนุนโครงการมีให้สำหรับบริษัทขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการแปรรูปและการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

Accelerator ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุน Prosperity Fund ของรัฐบาลสหราชอาณาจักรผ่านโครงการพลังงานคาร์บอนต่ำของอาเซียน (ASEAN Low Carbon Energy Programme) โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้นผ่านการใช้ระบบการจัดการพลังงาน

เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับโอกาสในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงได้มีชุดคู่มือการประหยัดพลังงานซึ่งครอบคลุมกระบวนการที่พบบ่อยที่สุด 7 กระบวนการในภาคอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งรวมถึงการทำความเย็น การปรุงอาหาร การกลั่น และการอบแห้ง นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างระบบการจัดการพลังงานที่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดทั่วโลก ISO50001

นอกจากนี้ Accelerator จะจัดเวิร์กชอปการเสริมสร้างขีดความสามารถและมอบความช่วยเหลือด้านเทคนิคให้กับบริษัททุกขนาดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่บริษัทขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ในระดับประเทศ  จุดมุ่งหมายของการสนับสนุนคือเพื่อช่วยให้บริษัท ต่างๆ เข้าใจการใช้พลังงานในปัจจุบัน กำหนดเป้าหมายประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ระบุโอกาสในการประหยัดพลังงาน จัดตั้งระบบการจัดการพลังงานใหม่หรือปรับปรุงระบบที่มีอยู่และพัฒนาการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างขีดความสามารถภายในที่เหมาะสม

นอกจากนี้ Accelerator จะมีการจัดกิจกรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอาหารและเครื่องดื่ม  โดยร่วมกับพันธมิตร Spirax Sarco ทาง Accelerator จะจัดการฝึกซ้อมเสมือนจริงเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างระบบการอบไอน้ำ การขนส่ง และการเพิ่มประสิทธิภาพของผู้ใช้ปลายทางในภาคอาหารและเครื่องดื่มในวันที่ 26 มกรมคม เวลา 15:30น. (GMT+8)

Jane Ellaway หัวหน้ากองทุนเพื่อความมั่งคั่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า

“การเปิดตัว UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator เป็นโอกาสที่ดีสำหรับภาคอาหารและเครื่องดื่มในการเริ่มต้นเส้นทางสู่ประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น  การลงทุนในการประหยัดพลังงานครั้งนี้มีความสำคัญซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของข้อตกลงปารีส  ทางสหราชอาณาจักรมีความยินดีที่ได้เป็นพันธมิตรในครั้งนี้และหวังว่า Accelerator จะเป็นแพลตฟอร์มในการแบ่งปันความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด”

Chris Stephens ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของ Carbon Trust กล่าวว่า

“เรารู้สึกยินดีที่สามารถใช้ประสบการณ์อันยาวนานในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้การสนับสนุนฟรีแก่ธุรกิจในท้องถิ่นในการลดค่าพลังงานและการปล่อยมลพิษ  นอกจากนี้ เรากำลังเห็นบริษัทอื่นๆ ทั่วโลกตั้งเป้าหมายประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เป็นเสาหลักของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและเราตื่นเต้นที่จะสนับสนุนธุรกิจชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่ธุรกิจจะใช้มาตรการประหยัดพลังงานต้นทุนต่ำซึ่งเป็นชัยชนะสำหรับพวกเขาและสำหรับโลกใบนี้”

UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator จะดำเนินการจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2565

จบ

เกี่ยวกับ Carbon Trust

ก่อตั้งขึ้นในปี 2544 Carbon Trust ทำงานร่วมกับธุรกิจ รัฐบาล และสถาบันต่างๆ ทั่วโลกช่วยให้ได้มีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการลดคาร์บอน กลยุทธ์การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบและเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำในเชิงพาณิชย์

Carbon Trust:

  • ทำงานร่วมกับบริษัทและรัฐบาลช่วยให้พวกเขาวางกลยุทธ์ของตนกับวิทยาศาสตร์สภาพอากาศและบรรลุเป้าหมายของข้อตกลงปารีส
  • ให้คำแนะนำและความมั่นใจจากผู้เชี่ยวชาญทำให้นักลงทุนและสถาบันการเงินมั่นใจว่าการเงินสีเขียวจะมีผลลัพธ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
  • รองรับการพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชั่นคาร์บอนต่ำเพื่อสร้างรากฐานสำหรับระบบพลังงานแห่งอนาคต

Carbon Trust ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในลอนดอนมีทีมงานทั่วโลกที่มีพนักงานกว่า 200 คนซึ่งเป็นตัวแทนของกว่า 30 สัญชาติใน 5 ทวีป

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210113005747/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ
Ainslie Macleod ที่
Carbon Trust: +44 (0)207 170 7050
หรือ press@carbontrust.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch: ความไม่แน่นอนในการลงทุนและพลังงานหมุนเวียนสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชีย

Logo

ความยืดหยุ่นในการปรับตัว ความสามารถในการจับจ่าย และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมในเอเชีย

กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย (18 พ.ย. 2563) – ความไม่แน่นอนของการลงทุนที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและพลังงานหมุนเวียน เป็นสองความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชียในปัจจุบันนี้ จากรายงาน Strategic Directions: Electric Industry Asia 2563 ครั้งแรกของ Black & Veatch

จากข้อมูลที่ได้จากผู้นำระดับอาวุโสในอุตสาหกรรมพลังงาน ในรายงานชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างสมดุลระหว่างความสามารถในการจับจ่าย กับแรงกดดันในการลดปริมาณคาร์บอนในการผลิตไฟฟ้า ในขณะเดียวกันต้องสร้างระบบที่เชื่อถือได้และมีความหยืดหยุ่นที่พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ สภาพอากาศที่รุนแรง และความไม่ต่อเนื่องของพลังงานหมุนเวียน

สิ่งที่เป็นภัยต่อประสิทธิภาพของระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่เชื่อถือได้ในตลาดไฟฟ้าในเอเชีย ได้แก่ :

  1. การลงทุนด้านกำลังการผลิตเครือข่ายไม่ทันกับความต้องการ
  2. การลงทุนที่น้อยเกินไปในเครือข่ายการส่งกระแสไฟที่เชื่อถือได้
  3. การนำพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ต่อเนื่องมาใช้มากเกินไป
  4. ความจุในการจัดเก็บพลังงานไม่เพียงพอ
  5. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ.

“การจัดหาเงินทุนและการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ เนื่องจากเรายังคงดำเนินการอยู่ในช่วงที่ได้รับผลกระทบของ COVID-19” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการของ Black & Veatch, Asia Power Business กล่าว “เราเห็นความจำเป็นในการใช้โซลูชันแบบบูรณาการมากขึ้นในการผลิต การส่งและการจัดจำหน่าย รวมไปถึงการขยายตัวของโรงไฟฟ้าระบบเชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติและการกักเก็บพลังงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการใช้พลังงาน”

การลงทุนที่จะเติบโตแบบเห็นได้ชัดที่สุด สำหรับกำลังการผลิตใหม่ ๆที่จะเกิดขึ้นในอีกสามถึงห้าปีข้างหน้าคาดว่าจะอยู่ในรูปแบบพลังงานหมุนเวียน ประกอบด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ (บนพื้นดิน), การกักเก็บพลังงาน, พลังงานแสงอาทิตย์ (แบบลอยน้ำ), ลม (นอกชายฝั่ง) และไมโครกริด ซึ่งจะเป็นห้าอันดับแรกของการลงทุน ต้นทุนของพลังงานที่ถูกลงถูกมองว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนโดยมีการปรับปรุงเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์โฟโตวอลเทอิก  (PV) แบบสองหน้าและการจัดแผงที่มีความล้ำหน้ามากขึ้นจะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ทั่วโลก

นอกจากนี้ยังคาดว่าอนาคตของการผลิตไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงจะดำเนินไปอย่างน้อยถึงปี 2578 โดย 66 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าก๊าซจะยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงข่ายไฟฟ้า ในขณะที่มีเพียง 18 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นว่าถ่านหินจะยังคงมีบทบาทคล้ายกันในการผลิตไฟฟ้า บ่อยครั้งที่เราเห็นการใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลาย ก๊าซจะทำหน้าที่เป็นพลังงานพื้ฐานหลักในการผลิตไฟฟ้าเพื่อสร้างเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าควบคู่ไปกับการใช้งานระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นตามคาดการณ์เอาไว้

“อุตสาหกรรมคาดว่าการลงทุนระยะใกล้จะเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ที่มีอยู่ แทนที่จะเป็นการสร้างใหม่ หรือแม้แต่การเลื่อนการลงทุนออกไป” Harry Harji รองประธานฝ่ายที่ปรึกษาด้านการจัดการของ Black & Veatch ในเอเชีย “ COVID-19 ป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล, ระบบควบคุมตรวจสอบจากระยะไกล และแนวทางการบริหารจัดการสินทรัพย์ร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนในปี 2564 หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาล (66%) ยังคงถูกมองว่าเป็นตัวแทนที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของพวกเขาในอีกหลายเดือนข้างหน้า สำหรับข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Electric Industry Asia 2564 ดาวน์โหลดที่นี่

คลิกที่นี่ และ ที่นี่ เพื่อดาวน์โหลดภาพประกอบ

หมายเหตุของบรรณาธิการ:

  • Strategic Directions: Electric Industry Asia 2564 เป็นรายงานอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ Black & Veatch เกี่ยวกับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชีย รายงานนี้ได้ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมอาวุโสในอุตสาหกรรม 35 คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบธุรกิจในพื่นที่ครอบคลุมเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ / หรือเอเชียตะวันออก ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ถึง 21 สิงหาคม 2563
  • ซีรีย์รายงานการกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ของ Black & Veatch ให้ข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ในแวดวงอุตสาหกรรมโดยอ้างอิงกับการวิจัยชั้นนำของตลาด ประกอบด้วยรายงานประจำปีหลายฉบับ รวมถึงระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะ น้ำและไฟฟ้า   โดยทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่มีความสำคัญ รวมถึงความท้าทายและโอกาสต่าง ๆ เยี่ยมชม http://bv.com/reports เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษาและการก่อสร้างที่มีพนักงานเป็นเจ้าของซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2458 เราได้ช่วยทำให้ชีวิตผู้คนในกว่า 100 ประเทศดีขึ้น ด้วยการจัดการกับความสามารถในการฟื้นฟูและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของโลก รายได้ของเราในปี 2562 อยู่ที่ 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ติดต่อสำหรับสื่อ

EMILY CHIA

+65 6761 3511 p

+65 9875 8907 m

ChiaLP@BV.com

ฮอตไลน์สำหรับสื่อติดต่อ 24 ชั่วโมง

+1 866 496 9149

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

NuScale Power ประกาศการเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ ของ NuScale Power Module™ เอาต์พุต ซึ่งเป็นโซลูชันโรงไฟฟ้าที่เพิ่มเติมเข้ามา

Logo

จากการวิเคราะห์ครั้งใหม่พบว่า NuScale Power Module™ สามารถเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าได้ถึง 77 MWe

พอร์ตแลนด์, โอเรกอน –(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2563

NuScale Power ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับความพยายามด้านคุณค่าวิศวกรรมเพิ่มเติม โดยการใช้เครื่องมือการทดสอบและการสร้างแบบจำลองขั้นสูง ทำให้ NuScale สามารถวิเคราะห์และสรุปได้ว่า NuScale Power Module™ (NPM) สามารถสร้างพลังงานเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ต่อโมดูล รวมเป็น 77 MWe ต่อโมดูล ( ขั้นต้น) ทำให้สร้างไฟฟ้าได้ 924 MWe สำหรับโรงไฟฟ้าเรือธงแบบ 12 โมดูล นอกจากนี้ NuScale กำลังยังได้ประกาศโซลูชันทางเลือกโรงไฟฟ้าขนาดเล็กในแบบสี่โมดูล (ประมาณ 308 MWe) และแบบหกโมดูล (ประมาณ 462 MWe)

วิศวกรของเราได้พิสูจน์อีกครั้งว่าเทคโนโลยีของ NuScale เป็นเทคโนโลยีระดับเฟิร์สคลาส ที่สามารถประหยัดต้นทุนและปรับแต่งได้เองในระดับที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในตลาดพลังงานนิวเคลียร์” John Hopkins ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NuScale Power กล่าว“ ด้วยความก้าวหน้านี้ NuScale ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำระดับโลกในการแข่งขันเพื่อทำการค้าเครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็ก”

การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของโรงงานเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบแยกส่วนขนาดเล็ก NuScale (SMR) 12 โมดูลอีก 25 เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดต้นทุนด้านค่าใช้จ่ายสิ่งอำนวยความสะดวกในราคาต่อกิโลวัตต์ ได้ในชั่วข้ามคืน จากที่คาดไว้ 3,600 ดอลลาร์ เหลืออยู่ที่ประมาณ 2,850 ดอลลาร์ นอกจากนี้โรงไฟฟ้า 12 โมดูลที่ปรับขนาดได้นี้ จะทำให้มันเข้าใกล้การเป็นคู่แข่งที่แท้จริงสำหรับตลาดขนาดกิกะวัตต์มากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ กำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นมา เกิดขึ้นได้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ กับเทคโนโลยี NPM

โซลูชันโรงไฟฟ้าขนาดเล็กจะทำให้ลูกค้า NuScale มีตัวเลือกมากขึ้นทั้งในด้านขนาดกำลังการผลิต ความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน และต้นทุน นอกจากนี้ยังจะสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลดลง ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่มุ่งเน้นไปที่การทำให้การก่อสร้างง่ายขึ้น ลดระยะเวลาการก่อสร้าง (กำหนดการ) และลดต้นทุน โซลูชันใหม่นี้ช่วยให้ NuScale สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น รวมไปถึงความต้องการโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น สำหรับประเทศบนเกาะ ชุมชนนอกโครงข่ายไฟฟ้าระยะไกล พื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมและหน่วยงานรัฐบาล นอกจากนี้ การไม่ใช้พลังงานถ่านหินที่ทำให้ใช้พลังงานน้อยลงยังทำให้ลูกค้าปฏิบัติตามกฏทางด้านมลภาวะทางอากาศอีกด้วย

กระบวนการกำกับดูแลในการเพิ่มระดับกำลังเครื่องปฏิกรณ์สูงสุดที่โรงงานนิวเคลียร์สามารถทำงานได้นั้นเรียกว่าการเพิ่มกำลัง (power uprate) โดยการเพิ่มกำลังไฟฟ้าจะได้รับการตรวจสอบโดยคณะกรรมการกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับใช้มาตรฐาน Standard Design Approval (SDA) ของ NuScale  ซึ่ง NuScale มีกำหนดทำให้บรรลุภายในปี 2565

ผลิตภัณฑ์ใหม่ระดับเริ่มต้นของ NuScale จะเป็นโซลูชันโรงไฟฟ้าสี่และหกโมดูลโดยสามารถกำหนดค่าอื่น ๆ ได้อีกด้วย โซลูชันสำหรับโรงไฟฟ้าขนาดเล็กเหล่านี้มีความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและได้รับการสนับสนุนและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี NPM ชั้นนำของอุตสาหกรรมและมาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกาแล้ว อนึ่ง เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้า NuScale ที่เป็นเรือธง การกำหนดค่าที่เล็กลงเหล่านี้จะยังคงรักษาความสามารถในการส่งมอบโซลูชันโรงไฟฟ้าที่ปรับขนาดได้พร้อมคุณสมบัติความสามารถและประสิทธิภาพที่ไม่มีใน SMR อื่น ๆ ทั้งนี้ NuScale จะสามารถส่งมอบโมดูลแรกให้กับลูกค้าได้ในปี 2570

เกี่ยวกับ NuScale Power

NuScale Power ได้พัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำเบาแบบแยกส่วนเพื่อจัดหาพลังงานสำหรับการผลิตไฟฟ้า การให้ความร้อน การกรองน้ำทะเล และการใช้ความร้อนในกระบวนการอื่น ๆ โดยการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็ก (SMR) ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้มีการออกแบบโดยใช้กระบวนการ NuScale Power Module™ ที่ประดิษฐ์ขึ้นจากโรงงาน ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 77 เมกะวัตต์โดยใช้เทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์แบบน้ำแรงดันที่ปลอดภัยกว่า เล็กกว่า และปรับขนาดได้ ทั้งนี้การออกแบบที่ปรับขนาดได้ของ NuScale หมายความว่า โรงไฟฟ้าสามารถรองรับโมดูลไฟฟ้าได้ถึง 12 โมดูล ซึ่งมอบประโยชน์ในรูปแบบของพลังงานที่ปราศจากคาร์บอนและลดภาระผูกพันทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับโรงงานนิวเคลียร์ขนาดกิกะวัตต์ ผู้ลงทุนรายใหญ่ใน NuScale คือ Fluor Corporation ซึ่งเป็น บริษัท ด้านวิศวกรรมการจัดหาและการก่อสร้างระดับโลกที่มีประวัติ 60 ปีในด้านพลังงานนิวเคลียร์เชิงพาณิชย์

NuScale มีสำนักงานใหญ่ในพอร์ตแลนด์ โอเรกอน และมีสำนักงานใน คอร์วัลลิส โอเรกอน  ร็อควิลล์ แมรีแลนด์ ชาร์ล็อต  นอร์ธคาโรไลนา ริชแลนด์วอชิงตัน และลอนดอนสหราชอาณาจักร ติดตามเราได้ที่ Twitter: @NuScale_Power, Facebook: NuScale Power, LLC, LinkedIn: NuScale-Power,  และ Instagram: nuscale_power. NuScale มีโลโก้แบรนด์และ เว็บไซต์ ดู วิดีโอ สั้น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201110005452/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Diane Hughes รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร NuScale Power

dhughes@nuscalepower.com

(C) 503-270-9329

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การติดตั้งโซลาร์รูฟที่ทรงพลังที่สุดในโลกเสร็จได้สมบูรณ์และเปิดดำเนินการที่ศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์ที่ทันสมัยของ PVH Europe

Logo

มอบพลังงานเพื่อตอบสนองความต้องการของอาคาร PVH Europe ทั้งหมดในเนเธอร์แลนด์ โดยความสำเร็จด้านความยั่งยืนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ PVH Corp. ที่มีความมุ่งมั่นในการจัดหาไฟฟ้า 100% จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2573

อัมสเตอร์ดัม–(บิสิเนสไวร์)–06 ต.ค. 2563

PVH Europe ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ทั่วโลกของ Tommy Hilfiger และสำนักงานในยุโรปของ Calvin Klein ซึ่งทั้งสองแห่งมีเจ้าของเป็น PVH Corp. [NYSE: PVH] ประกาศการติดตั้งหลังคาโซลาร์รูฟที่คาดว่าทรงพลังที่สุดในโลก*ที่ศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์อันทันสมัยในเวนโล ประเทศเนเธอร์แลนด์  สร้างโดยแผงโซลาร์เซลล์มากกว่า 48,000 แผงหลังคาโซลาร์รูฟครอบคลุมการใช้ไฟฟ้าของศูนย์รวมทั้งให้พลังงานทางอ้อม 100% สำหรับคลังสินค้า สำนักงาน และร้านค้าของ PVH Europe ในเนเธอร์แลนด์ผ่านเครือข่ายไฟฟ้าสาธารณะของเนเธอร์แลนด์  Eneco ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านพลังงานของ PVH Europe ได้รับรองว่าพลังงานทั้งหมดที่จำเป็นในการขับเคลื่อนอาคารเหล่านี้เกิดจากการติดตั้งบนชั้นดาดฟ้าใหม่  ศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์เวลโลเป็นของ Heylen Warehouses ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ของเบลเยียม โดยร่วมทุนกับ AG Real Estate และมี IZEN เป็นพันธมิตรด้านการติดตั้งด้านเทคนิคสำหรับหลังคา

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201006005513/en/

PVH Europe Warehouse and Logistics Center in Venlo, the Netherlands, Solar roof (Photo: Business Wire)

แผงหลังคาโซลาร์รูฟของศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์ PVH Europe ในนเวนโล ประเทศเนเธอร์แลนด์ Solar roof (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการเดินทางของ PVH ในการจัดหาไฟฟ้า 100% จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนสำหรับสำนักงาน คลังสินค้า และร้านค้าและเพื่อผลักดันการลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานลง 30% ภายในปี 2573  งานนี้เชื่อมโยงกับเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนตามหลักวิทยาศาสตร์ของ PVH ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลดคาร์บอนตามที่กำหนดโดยข้อตกลงปารีส  นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญที่ระบุไว้ใน กลยุทธ์ความรับผิดชอบขององค์กร Forward Fashion ของบริษัทซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบด้านลบให้เป็นศูนย์เพิ่มผลกระทบเชิงบวกถึง 100% และปรับปรุงชีวิตกว่า 1 ล้านคนในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท

ข้อมูลสำคัญ:

  • คลังสินค้าเวนโลเป็นศูนย์กระจายสินค้าหลักของ PVH Europe ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 110,000 เมตร2
  • ได้รับรางวัลการประเมินความยั่งยืนของ BREEAM (Building Research Establishment Environmental Assessment Method) ระดับ “ดีมาก”
  • โซลาร์รูฟที่ทรงพลังที่สุดในโลกด้วยกำลังการผลิต 18 MWp (เมกะวัตต์สูงสุด)
  • อำนวยความสะดวกด้วยแผงโซลาร์เซลล์ประสิทธิภาพสูงกว่า 48,000 แผง
  • ขับเคลื่อนร้านค้า คลังสินค้า และสำนักงานของ PVH Europe ทั้งหมดในเนเธอร์แลนด์

“นี่เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์ของเราในเมืองเวนโลและสำหรับเป้าหมายความยั่งยืนของ PVH ในยุโรป” Martijn Hagman ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าว “เราได้มีส่วนร่วมในการติดตั้งสิ่งที่เราเชื่อว่เป็นโซลาร์รูฟที่มีประสิทธิภาพและใช้งานได้เต็มรูปแบบที่สุดในโลกซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในความมุ่งมั่นของเราที่จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ภายในปี 2573 และลดการปล่อยห่วงโซ่อุปทานลง 30% ภายในปี 2573  สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีทีมงานที่เก่งที่สุดในกลุ่มผู้ร่วมงาน PVH ที่มีความสามารถมีความกระตือรือร้นและความทุ่มเท”

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ 600,000 ชิ้นของ TOMMY HILFIGER และ CALVIN KLEIN จัดจำหน่ายทุกวันจากศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์ PVH Europe ในเวนโลไปยังจุดขาย รวมถึงร้านค้าที่ดำเนินการในยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกาและที่ส่งตรงถึงลูกค้า การจัดอันดับที่ดีมากของคลังสินค้าโดย BREEAM ได้รวมเอามาตรฐานที่เป็นแบบอย่างสำหรับพลังงาน น้ำ การขนส่ง วัสดุของเสีย มลพิษ นิเวศวิทยา สุขภาพ และความเป็นอยู่  สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นผ่านการประหยัดพลังงานในพื้นที่ 100% การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง FSC (Forest Stewardship Council) 100% และการรีไซเคิลกระดาษแข็งพลาสติกและสิ่งพิมพ์ทั้งหมด 100%

PVH เป็นสมาชิกของ RE100 ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มด้านไฟฟ้าหมุนเวียนขององค์กรที่นำโดย Climate Group และได้ให้คำมั่นว่า RE100 จะจัดหาไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2573

Sam Kimmins หัวหน้า RE100 ของ Climate Group กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีแก่ PVH ในขั้นสุดท้ายของโครงการโซลาร์รูฟท็อปเวนโล  นี่เป็นอีกก้าวที่น่าตื่นเต้นในการทำงานและความร่วมมือระดับโลกเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 2025 RE100 ของพวกเขา  โดยยกระดับมาตรฐานสำหรับพลังงานหมุนเวียนในสถานที่”

เราเชื่อว่าอาคารโลจิสติกส์จะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นต่อไป” Philippe Deschilder ซีอีโอของ Heylen Warehouses กล่าว “การเป็นพันธมิตรกับ PVH Europe สำหรับโครงการโซลาร์รูฟสนับสนุนความทะเยอทะยานของเราในการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าโดยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์”

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับการชื่นชมมากที่สุดในโลก เราขับเคลื่อนแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้า – เพื่อผลดี  ผลงานแบรนด์ของเราประกอบด้วย CALVIN KLEIN, TOMMY HILFIGER, Van Heusen, IZOD, ARROW, Warner's, Olga และแบรนด์ Geoffrey Beene ตลอดจนแบรนด์เน้นดิจิทัลเป็นศูนย์กลาง True & Co  เราทำจำหนายสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์ที่เป็นเจ้าของและได้รับใบอนุญาตทั้งในและต่างประเทศ  PVH มีผู้ร่วมงานกว่า 40,000 คนที่ดำเนินงานในกว่า 40 ประเทศและมีรายได้ 9.9 พันล้านดอลลาร์ต่อปี  นั่นคือพลังของเรา  นั่นคือพลังของ PVH

ติดตามเราได้ที่ Facebook, Instagram, Twitter and LinkedIn

เกี่ยวกับ RE100

RE100 เป็นโครงการริเริ่มระดับโลกที่รวบรวมธุรกิจที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกซึ่งมุ่งมั่นที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน 100%  นำโดย Climate Group ร่วมกับ CDP กลุ่มนี้มีรายได้รวมกว่า 5.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐและดำเนินงานในหลากหลายภาคส่วน  พวกเขาร่วมกันส่งสัญญาณอันทรงพลังให้กับผู้กำหนดนโยบายและนักลงทุนเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจที่สะอาด #RE100

* PVH ให้คำจำกัดความของ "หลังคาโซลาร์เซลล์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก" ว่าเป็นหลังคาโซลาร์เซลล์ที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันและติดตั้งบนโครงสร้างฐานเดียว

อ่านต้นฉบับใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201006005513/en/

ติดต่อ:

PVH Europe

Baptiste Blanc, +31 62904 2334
Sr. Director, Global Communications ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารระดับโลก
Baptiste.Blanc@tommy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย