Category Archives: Technology

Daigas Gas and Power Solution ได้รับงานออกแบบวิศวกรรม (FEED) พร้อมคว้าสัญญาบริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคสำหรับโครงการขยายสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลวในไต้หวัน

Logo

โอซาก้า, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–6 เมษายน 2565

Daigas Gas and Power Solution Co., Ltd. (DGPS) ซึ่ง Osaka Gas Co., Ltd. (OG) (TOKYO:9532) เป็นผู้ถือหุ้น 100% ได้รับงานออกแบบวิศวกรรม (Front End Engineering & Design หรือ FEED) และบริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคสำหรับโครงการขยายสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว Taichung เฟส 4 ซึ่งมี CPC Corporation, Taiwan (CPC) เป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการ

LNG Tanks in CPC Taichung LNG Receiving Terminal (Phase-2) (Photo: Business Wire)

ถัง LNG ในสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว Taichung ของ CPC (เฟส 2) (ภาพ: Business Wire)

ที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันได้ออกนโยบายด้านพลังงานโดยตั้งเป้าให้มีการค่อย ๆ หยุดการใช้พลังงานนิวเคลียร์และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง ภายใต้นโยบายพลังงานนี้ รัฐบาลมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าให้ได้ 50% ภายในปี 2568 ขณะที่ CPC ก็อยู่ระหว่างขยายการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG และความจุในการจัดเก็บควบคู่ไปกับแผนดังกล่าว

โครงการขยายในเฟส 4 ประกอบด้วยการสร้างถังเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว 4 ถัง (แต่ละถังมีความจุ 180,000 กิโลลิตร) โรงแปรสภาพก๊าซ และท่าเทียบเรือสำหรับถังเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว หลังโครงการแล้วเสร็จตามที่กำหนดไว้ในปี 2572 ศักยภาพในการจัดการ LNG ของคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติ Taichung จะเพิ่มเป็น 13 ล้านตันต่อปี(*1)

Osaka Gas สะสมทักษะและโนว์ฮาวในการบริหารจัดการและบำรุงรักษาสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลวอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยผ่านประสบการณ์ที่ได้จากสถานีรับระดับโลกของบริษัทเองนับตั้งแต่การมาถึงของสินค้า LNG ครั้งแรกในปี 2515

ประสบการณ์ด้านธุรกิจของ DGPS กับ CPC เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในปี 2533 เมื่อ Osaka Gas Engineering Co., Ltd. (หรือ OGE ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น DGPS) ได้ให้บริการด้านเทคนิคสำหรับการเริ่มก่อสร้างสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว Yung-An ของ CPC นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา OGE/DGPS ได้สร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ใกล้ชิดกับ CPC ผ่านการเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในสถานีรับ LNG ของ CPC รวมถึงบริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคอย่างต่อเนื่องสำหรับการก่อสร้างสถานีรับ LNG แห่งที่ 3 ของ CPC ใน Guantang ของเมือง Taoyuan(*2) DGPS เชื่อว่าความสามารถทางเทคนิคของ Daigas Group ในการออกแบบ ก่อสร้าง และบริหารจัดการสถานีรับ LNG รวมถึงความพยายามอย่างไม่ลดละและการเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการก่อนหน้านี้เป็นปัจจัยหลักที่ CPC นำมาใช้พิจารณาเพื่อเลือกบริการการออกแบบทางวิศวกรรม (FEED) ของ DGPS และสัญญาบริการให้คำปรึกษาทางเทคนิคสำหรับโครงการขยายในระยะที่ 4 DGPS มุ่งมั่นที่จะมอบบริการด้านเทคนิคระดับสูง (*3) ให้กับ CPC อย่างต่อเนื่องเพื่อให้โครงการขยายสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว Taichung ในเฟส 4 แล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์

Daigas Group รวมถึง DGPS จะขยายธุรกิจด้านพลังงานในต่างประเทศจากต้นน้ำถึงปลายน้ำโดยใช้ประสบการณ์จากทั้งในและนอกญี่ปุ่นรวมถึงแพลตฟอร์มทางธุรกิจในต่างประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างเต็มรูปแบบ

(*1)

อ้างอิงจากข้อมูลใน “Feasibility Study Report on Taichung plant outer port expansion (Phase-4)”

(*2)

“Osaka Gas Engineering to Provide Consulting Services on Construction of LNG Receiving Terminals in Taiwan” – ข่าวประชาสัมพันธ์ของ Osaka Gas Co., Ltd. เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2561

(*3)

DGPS ได้ให้บริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง การดำเนินการ และการบำรุงรักษาสถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว 40 โครงการใน 9 ประเทศ รวมถึงไต้หวัน

ดูภาพ/แกลเลอรีมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52630340/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

HINAKO MATSUO
OSAKA GAS CO., LTD.
ฝ่ายสื่อสารองค์กร 
อีเมล: hin-matsuo@osakagas.co.jp


Black & Veatch และ The Green Solutions ลงนาม MoU เพื่อพัฒนาการผลิตพลังงานสีเขียวในเวียดนาม

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–4 เมษายน 2565

Black & Veatch และ The Green Solutions (TGS) ได้ลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) เพื่อพัฒนาการผลิตและการจัดหาไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียวในเวียดนาม

TGS เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผลิต และการบริการของโครงการพลังงานหมุนเวียน และเป็นผู้นำในการใช้ประโยชน์จากพลังงานสีเขียวในเวียดนามเพื่อนำไปผลิตไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียว Black & Veatch เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน ได้นำความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีของพลังงานสะอาดและการแปรรูปแอมโมเนียมาสู่โครงการ

“The Green Solutions มีความมุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในด้านพลังงานหมุนเวียนในเวียดนาม และการเป็นพันธมิตรกับ Black & Veatch จะทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัติให้ดีที่สุดในโลกพร้อมกับสอดคล้องกับข้อกำหนดของเอเชีย และมีส่วนสนับสนุนต่อโครงการที่ปลอดจากจากปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของภูมิภาคในอนาคต” Winnie Huynh ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ TGS กล่าว

ไฮโดรเจนสามารถนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า การจัดเก็บพลังงาน และโซลูชั่นการขนส่งขั้นสูง ในขณะที่แอมโมเนียสามารถทำให้เป็นของเหลวสำหรับการจัดเก็บและการขนส่งทั่วโลก ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อผลิตไฟฟ้าหรือสารเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ

ภายใต้ MoU โดย Black & Veatch และ TGS ตั้งเป้าที่จะผลิตแอมโมเนียสีเขียวจำนวน 180,000 ตันและไฮโดรเจนสีเขียวจำนวน 30,000 ตันต่อปี เพื่อสนับสนุนความพยายามในการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับภูมิภาค

TGS ได้แต่งตั้ง Black & Veatch เพื่อศึกษาการผลิตและการเก็บรักษาไฮโดรเจนสีเขียวในเวียดนามโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมที่จ่ายผ่านระบบโครงข่ายไฟฟ้า การศึกษายังรวมถึงการพัฒนาโรงงานผลิตแอมโมเนียสีเขียว ตลอดจนการกำหนดค่าโรงงานและการทบทวนเทคโนโลยี ความเสี่ยงในการวิวัฒนาการของเทคโนโลยีและการบรรเทาผลกระทบเบื้องต้น การออกแบบแนวคิด การประเมินต้นทุนตามลำดับความสำคัญ และการคำนวณต้นทุนที่ปรับระดับได้ Augustus Global Investments จะจัดหาเงินทุนเพื่อการพัฒนาเบื้องต้นสำหรับโครงการนี้

“ด้วยประวัติศาสตร์ 80 ปีของเราในการทำงานกับการผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียในอุตสาหกรรมปุ๋ย ความพร้อมที่จะนำความความรู้ความเชี่ยวชาญในทุกขั้นตอนของโครงการด้านไฮโดรเจน ตั้งแต่การให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคและการออกแบบไปจนถึงการดำเนินงานของโครงการ ในฐานะที่เป็นบุกเบิกในการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจรของไฮโดรเจนและแอมโมเนีย Black & Veatch เองก็มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่จะมุ่งเน้นด้านความยั่งยืนอย่างเช่น The Green Solutions ในขณะที่เราเองก็ยังมีเป้าหมายที่จะช่วยในการลดการปล่อยคาร์บอนในเอเชียด้วยการเพิ่มการนำเอาไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียวมาใช้” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Black & Veatch กล่าว

“Augustus ผสมผสานปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) เข้ากับกระบวนการลงทุนและการจัดการที่หลากหลายของเรา เรายินดีที่จะสนับสนุนธุรกิจที่คิดถึงอนาคตอย่างเช่น The Green Solutions และ Black & Veatch ที่พวกเขาทำงานเพื่อตระหนักถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการกำจัดคาร์บอนของเอเชีย” Fadi Krikor ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Augustus Global Investments กล่าว

MoU ตอบสนองต่อการมองโลกในทางที่ดีของเอเชียสำหรับเชื้อเพลิงสีเขียวอย่างเช่น ไฮโดรเจนและแอมโมเนีย ตามผลรายงาน Black & Veatch’s 2022 Asia Electric Report ร้อยละ 73 ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าไฮโดรเจนจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายใน 10 ปีนับจากนี้มากกว่าเทคโนโลยีอื่นใด นอกจากนี้ผลรายงานยังเผยว่าร้อยละ 46 คิดว่าจะเป็นทางเลือกที่สะอาดและราคาไม่แพงสำหรับการผลิตก๊าซภายในปี 2573

ในฐานะที่เป็นพันธมิตรด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลก Black & Veatch มีประสบการณ์ที่แข็งแกร่งในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและวัตถุดิบตั้งต้นจากก๊าซธรรมชาติ การบำบัดน้ำสำหรับงานอุตสาหกรรม การสร้างและการทำให้บริสุทธิ์ของไฮโดรเจน การบีบอัดไฮโดรเจน การจัดการและการผลิตพลังงาน และการเลือกเทคโนโลยีการจัดเก็บที่คุ้มค่า

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดภาพที่สนับสนุน

หมายเหตุของบรรณาธิการ:

  • Black & Veatch ได้รับเลือกให้เป็น Owner's Engineer โดย Intermountain Power Agency (IPA) สำหรับโครงการ Intermountain Power Project Renewal Project (IPPRP) ซึ่งเป็นหนึ่งในการติดตั้งของเทคโนโลยีกังหันแบบเผาไหม้ที่แรกซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ไฮโดรเจนสีเขียวในปริมาณสูง
  • Black & Veatch ได้จัดเตรียมการออกแบบแนวความคิดและดำเนินการประเมินต้นทุนสำหรับการรวมก๊าซไฮโดรเจนจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้เคียงเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการเผาไหม้ในโรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม Long Ridge Energy Terminal 485-MW GE 7HA.02
  • Black & Veatch ได้รับการคัดเลือกจาก Enegix Energy ให้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโรงงานไฮโดรเจนสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก world’s largest green hydrogen plant โรงงานแห่งนี้ตั้งเป้าหมายการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวมากกว่า 600 ล้านกิโลกรัมต่อปี

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch คือบริษัทออกแบบด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงาน 100 เปอร์เซ็นต์ร่วมเป็นเจ้าของ มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยการพัฒนาความยืดหยุ่น และคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญท ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมในการดำเนินงานกว่า 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และทางสื่อสังคม

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220328005361/en/

ติดต่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA HOTLINE | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ฟีเจอร์ใหม่ของ NFT Gallery จากลิงก์ “aboutme” ใน Bio Tool ตอบสนองความต้องการของนักสะสม NFT ที่จะแสดงคอลเล็กชันของตนด้วยการผสานรวมกับ OpenSea API ทำให้จัดแสดงคอลเลคชัน NFT ของคุณได้ง่ายขึ้น

Logo

https://aboutme.style/

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 มีนาคม 2565

วันที่ 31 มีนาคม 2565 Bloom&Co. Corporation (สำนักงานใหญ่: ชิบูยะ โตเกียว ญี่ปุ่น) ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “NFT Gallery*” จาก “aboutme” ซึ่งเป็นลิงก์ในผลิตภัณฑ์ไบโอสำหรับอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ ทั้งนี้ “aboutme” ได้รับการพัฒนาและเปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้เพื่อเฉลิมฉลองความสามารถที่สร้างสรรค์และขยายความเป็นไปได้สำหรับบุคคลในการแสดงออกในยุคใหม่ของความเป็นปัจเจกเอกลักษณ์ ฟีเจอร์ใหม่นี้จะทำให้ครีเอเตอร์มีวิธีเพิ่มเติมในการแสดงผลงานและสื่อสารกับผู้ชมได้อย่างแท้จริง

*โดยขณะนี้สามารถทำงานร่วมกันได้กับเว็บเบราว์เซอร์และระบบแอนดรอยด์

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220328005951/en/

aboutme-NFT Gallery

aboutme-NFT Gallery

การแสดงคอลเล็กชัน NFT ของคุณใน NFT Gallery สามารถทำได้ผ่านการผสานรวมอย่างราบรื่นกับตลาดซื้อขาย NFT ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง OpenSea

NFT ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และด้วยอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์จำนวนมากที่ขยายเข้าสู่พื้นที่อย่างรวดเร็ว แต่พวกเขายังคงสำรวจวิธีที่ดีที่สุดในการใช้ประโยชน์จาก NFT ของตน

“aboutme” ช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จาก NFT Gallery นี้เพื่อแสดงกิจกรรม NFT ของคุณโดยผสมผสานและรักษาความสอดคล้องกับคุณค่าของแบรนด์ ตัวละคร และบุคลิกภาพของคุณบนโซเชียลมีเดีย

ด้วยการเชื่อมโยงกับ OpenSea ผ่าน API ซึ่งเป็นตลาดซื้อขาย NFT ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คุณสามารถแสดงคอลเลกชัน NFT ของคุณจาก OpenSea ได้บนหน้าเพจ 'aboutme' ของคุณ และทำให้ผู้ติดตามของคุณทุกคนสามารถเข้าดูโดยทันที การเข้าถึง NFTs ของคุณทำได้ง่าย ๆ เพียงคลิกเดียวสำหรับผู้ติดตามของคุณ

ฟีเจอร์ของฟังก์ชัน “NFT Gallery” ใหม่

#1 ทันทีที่เห็นคอลเล็กชัน NFT ของคุณ

คุณสามารถแสดงคอลเล็กชัน NFT ในโปรไฟล์ของคุณได้ตามที่คุณต้องการโดยเลือกและเปลี่ยนลำดับการแสดงผล ชิ้นงานศิลปะ NFT จะถูกนำเข้าโดยอัตโนมัติจาก OpenSea และแสดงด้วยสัญลักษณ์ NFT

#2 การผสานรวม API กับ OpenSea ซึ่งเป็นตลาดซื้อขาย NFT ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

การแสดง NFT ของคุณนั้นง่ายสุด ๆ และรวดเร็ว การใช้ประโยชน์จากกระเป๋าเงินของคุณเพื่อดำเนินการนำเข้าให้เสร็จสิ้นในคราวเดียวโดยไม่ต้องยุ่งยาก

#3 การรวมพลังร่วมกันกับกิจกรรมและลิงก์อื่น ๆ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับคอลเล็กชัน NFT ของคุณ

เพิ่มความน่าดึงดูดใจให้กับงานของคุณโดยเชื่อมโยงกิจกรรมทั้งหมดของคุณแบบองค์รวมในโซเชียลมีเดีย พื้นที่เสมือนจริง และการโฆษณาที่ผ่านมา ฯลฯ

“aboutme” คืออะไร

ลิงก์ที่ง่ายและสะดวกในหน้าเพจไบโอที่คุณสามารถสร้างบนโทรศัพท์ของคุณ พร้อมแบ่งปันในไม่กี่นาที

เรียบง่ายและใช้งานง่าย สิ่งที่คุณต้องทำคือเพียงแค่เลือกหรือออกแบบธีมสีที่คุณเลือก แล้ววางลิงก์และรูปภาพที่คุณต้องการแชร์

แสดงตัวตนของคุณและแบ่งปันความประทับใจที่คุณต้องการมอบให้ โอกาสใหม่ ๆ ในการแสดงออกจะเริ่มเปิดเผยได้โดยทันทีด้วยคำว่า “aboutme”

ออกแบบหน้า “aboutme” ของคุณเพื่อสื่อสารอย่างกล้าหาญและอย่างจริงใจ ปล่อยให้ผู้ติดตามของคุณค้นพบข้อเสนอของคุณด้วยลิงก์ที่ไม่ซ้ำใครที่หลากหลาย รูปภาพและไอคอนที่มีอยู่ถัดจากลิงก์ของคุณเป็นตัวเปิดใช้งานที่ยอดเยี่ยมในการกำหนดโทนเสียงที่แท้จริงและการแสดงออกถึงความเป็นตัวคุณบน “aboutme” การแสดงคอลเล็กชัน NFT นั้นทำได้ง่ายและไม่เหมือนใครด้วย 'aboutme' ผ่านการผสานรวม OpenSea API

วิธีปรับแต่งรูปลักษณ์และความรู้สึกของหน้าเพจ “aboutme” ของคุณแบบไม่จำกัด!

คุณต้องการเลือกธีมสีที่สวยงามจากชุดที่มีอยู่ หรือปรับแต่ง “aboutme” ของคุณตามที่คุณรู้สึกหรือไม่? เลือกธีมที่ตรงกับอารมณ์หรือความประทับใจและการออกแบบที่ต้องการ มีตัวเลือกให้แบบไม่จำกัด

ดาวน์โหลด URLs

Browser version: https://aboutme.style/
App Store : https://apps.apple.com/app/id1573524704
Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=jp.fctry.aboutme

ข้อมูลภาพอ้างอิง

คุณสามารถดาวน์โหลดได้จากลิงก์ต่อไปนี้
Google Drive: https://l.aboutme.style/PesiMv   

[ข้อมูลบริษัท Bloom&Co. Company]

ชื่อบริษัท : Bloom&Co.
ที่อยู่ : F-201 Hillside Terrace, 18-8 Sarugaku-cho, Shibuya-ku, Tokyo, Japan

Official site : https://aboutme.style/
Instagram : https://www.instagram.com/aboutme.style_official/
Official aboutme : aboutme.style/aboutme

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220328005951/en/

กรุณาติดต่อสอบถามสำหรับข้อมูลนี้ได้ที่
Bloom&Co. Public Relations: Yuriko Shimizu
อีเมล์ : pr@bloom-and-co.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia เปิดตัว UFS Ver. 3.1 อุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังสำหรับการใช้งานในยานยนต์

Logo

การปรับปรุงประสิทธิภาพยังคงพัฒนาแอพพลิเคชั่นยานยนต์ต่อไป ยกระดับประสบการณ์ให้กับคนขับ

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–30 มี.ค. 2565

Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นหน่วยความจำ ประกาศว่า บริษัทได้เริ่มปล่อยผลิตภัณฑ์[1]  Automotive Universal Flash Storage ตัวใหม่[2] (UFS) Ver. 3.1 อุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชในตัว  โดยรุ่นผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ใช้หน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D ของบริษัท และมีจำหน่ายในขนาดความจุตั้งแต่ 64 กิกะไบต์ (GB) ถึง 512GB เพื่อรองรับข้อกำหนดต่าง ๆ ของแอพพลิเคชั่นยานยนต์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ขับขี่

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220329005491/en/

Kioxia Corporation: UFS Ver. 3.1 Embedded Flash Memory Devices for Automotive Applications (Photo: Business Wire)

บริษัท Kioxia: UFS เวอร์ชัน 3.1 อุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังสำหรับการใช้งานในยานยนต์ (รูปภาพ: Business Wire)

ความต้องการในการจัดเก็บข้อมูลสำหรับการใช้งานในยานยนต์ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากระบบสาระบันเทิง (infotainment) และ ADAS[3] ในรถยนต์มีความซับซ้อนมากขึ้น ระบบ UFS เหมาะสมอย่างยิ่งเพื่อรองรับความต้องการด้านประสิทธิภาพและความจุที่เพิ่มขึ้นของแอปพลิเคชันเหล่านี้ อุปกรณ์ใหม่นี้รองรับช่วงอุณหภูมิที่กว้าง (-40°C ถึง +105°C) ตรงตามข้อกำหนด AEC[4]-Q100 Grade2 และนำเสนอความสามารถด้านความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นที่ต้องการสำหรับการใช้งานยานยนต์ที่ซับซ้อนมากขึ้น

ประสิทธิภาพการอ่านและเขียนตามลำดับของอุปกรณ์ Automotive UFS Ver. 3.1 ได้รับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญประมาณ 2.2 เท่าสำหรับการอ่าน และ 6 เท่าสำหรับการเขียน  เมื่อเทียบกับอุปกรณ์รุ่นก่อน[5] ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ส่งผลให้ระบบเริ่มทำงานได้เร็วขึ้นและอัปเดต OTA (Over-the-Air) ได้เร็วขึ้น

หมายเหตุ

[1] การจัดส่งอุปกรณ์ตัวอย่างขนาด 256GB, 128GB และ 64GB จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม โดยอุปกรณ์ขนาด 512GB จะตามมาในเดือนเมษายน

[2] Universal Flash Storage (UFS) เป็นหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแบบฝังที่สร้างตามข้อกำหนดมาตรฐาน JEDEC UFS เนื่องจากอินเทอร์เฟซแบบอนุกรม UFS จึงสนับสนุนการดูเพล็กซ์เต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยให้อ่านและเขียนพร้อมกันระหว่างโปรเซสเซอร์โฮสต์และอุปกรณ์ UFS ได้

[3] ระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driving Assistant System)

[4] ข้อกำหนดคุณสมบัติส่วนประกอบไฟฟ้าที่กำหนดโดย AEC (สภาอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ หรือ Automotive Electronics Council)

[5] อุปกรณ์ 512GB รุ่นก่อนหน้าของ Kioxia Corporation “THGAFBT2T83BABI”

ความเร็วในการอ่านและเขียนเป็นค่าที่ดีที่สุดที่เกิดในสภาพแวดล้อมการทดสอบเฉพาะที่ Kioxia Corporation และ Kioxia Corporation ไม่รับประกันความเร็วในการอ่านหรือเขียนในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้และขนาดไฟล์ที่อ่านหรือเขียน

ในการกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ Kioxia ทุกครั้ง: ความจุ(density) ของผลิตภัณฑ์จะระบุตามความจุของชิปหน่วยความจำภายในผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่จำนวนความจุหน่วยความจำที่ผู้ใช้ปลายทางสามารถใช้ได้ ความจุที่ผู้บริโภคใช้งานได้จะลดลงเนื่องจากพื้นที่ข้อมูลโอเวอร์เฮด การจัดรูปแบบ แบดบล็อกและข้อจำกัดอื่น ๆ และอาจมีความแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์โฮสต์และแอปพลิเคชัน สำหรับรายละเอียด โปรดดูข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง คำจำกัดความของ 1KB = 2^10 ไบต์ = 1,024 ไบต์ คำจำกัดความของ 1Gb = 2^30 บิต = 1,073,741,824 บิต คำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ 1Tb = 2^40 บิต = 1,099,511,627,776 บิต

ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2560 Toshiba Memory ซึ่งเป็นบริษัทเดิมได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ขึ้นในปี 2530 ทั้งนี้ Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและหน่วยความจำ – ค่านิยมพื้นฐานสำหรับสังคม BiCS FLASH™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความจุสูง ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์ต่าง ๆ

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:

Kioxia Corporation

ฝ่ายขายและการตลาดหน่วยความจำ

https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อ ถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220329005491/en/

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ:

Kioxia Corporation

ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย

Koji Takahata

โทร: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Celonis ประกาศการเข้าซื้อกิจการ Process Analytics Factory (PAF) เพื่อเปิดใช้งานการจัดการการดำเนินการในทุกที่

Logo

เตรียมเปิตัว PAFnow ความสามารถใน Celonis Experiences ที่ Celonis World Tour 2022

นิวยอร์กและดาร์มสตัดท์ เยอรมนี–(บิสิเนส ไวร์)–29 มี.ค. 2022

Celonis ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการการดำเนินการ ประกาศซื้อกิจการ Process Analytics Factory GmbH (PAF) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการทำเหมืองข้อมูลสำหรับ Microsoft Power BI  การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้ผู้ใช้ Microsoft Power Platform หลายล้านรายสามารถใช้ประโยชน์จากระบบการจัดการการดำเนินการ (EMS) ชั้นนำของตลาดของ Celonis สำหรับการขุดกระบวนการ ระบบอัตโนมัติ และการทำงานร่วมกัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220329005245/en/

Celonis acquires PAF to support Execution Management Everywhere. (Graphic: Business Wire)

Celonis เข้าซื้อกิจการ PAF เพื่อรองรับการจัดการการดำเนินการได้ทุกที่ (กราฟิก: Business Wire)

การเข้าซื้อกิจการ PAF เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของ Celonis เพื่อให้บริษัททุกแห่งและในทุกอุตสาหกรรมสามารถใช้กระบวนการขุดภายใน Celonis EMS เพื่อเปิดเผยและแก้ไขประสิทธิภาพของกระบวนการ  Celonis มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมผู้ใช้แพลตฟอร์มการทำงานอัตโนมัติ การทำงานร่วมกัน และเวิร์กโฟลว์ระดับแนวหน้าในการดำเนินธุรกิจโดยใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการที่เป็นเอกลักษณ์ของ Celonis และการดำเนินการที่ตรงเป้าหมายและชาญฉลาด

ผลิตภัณฑ์การขุดกระบวนการของ PAFnow ถูกรวมเข้ากับ Microsoft Power BI และ Microsoft Office 365 อย่างสมบูรณ์สำหรับการวิเคราะห์ การแสดงภาพ และการปรับเปลี่ยนทุกกระบวนการ  97% ของ Fortune 500 และบริษัทกว่า 260,000 แห่งทั่วโลก ใช้ Microsoft Power BI

Celonis EMS ผสานรวมในแพลตฟอร์มคลาวด์แบบบูรณาการ ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ระบบประมวลผลอัจฉริยะ และการดำเนินการตามเป้าหมาย เพื่อส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพธุรกิจระดับบน ล่างสุด และ Greenline อย่างรวดเร็ว ลูกค้าที่ต้องการความกระจ่างอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับวิธีการทำงานของกระบวนการทางธุรกิจ – ไม่ว่าจะข้ามห่วงโซ่อุปทาน ศูนย์บริการที่ใช้ร่วมกัน หรือภูมิทัศน์ของระบบ – สามารถได้รับประโยชน์จากความสามารถเฉพาะตัวและขั้นสูงของ Celonis EMS ภายในสภาพแวดล้อม Microsoft ที่คุ้นเคย

Maximilian Gerbert หัวหน้าโครงการที่ Mercedes-Benz Management Consulting กล่าวว่า “เราในฐานะผู้เร่งการพัฒนาทางดิจิทัลของ Mercedes-Benz – เป็นแผนกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลด้วยกลยุทธ์ทางธุรกิจอัจฉริยะที่สร้างขึ้นมาหลายปี แต่เมื่อเรานำการขุดกระบวนการมาสู่โครงสร้างพื้นฐาน BI ของเรา เราสามารถเห็นภาพรวมและระบุประสิทธิภาพของกระบวนการทั่วทั้งบริษัทของเราอย่างที่เราไม่เคยทำได้มาก่อน เมื่อเกิดปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน เราใช้ข้อมูลเชิงลึกจากการขุดกระบวนการภายใน BI เพื่อระบุปัญหาคอขวดและดำเนินการแก้ไข ก่อนที่ปัญหาเหล่านี้จะส่งผลต่อกระแสเงินสดและประสบการณ์ของลูกค้า เรารู้สึกตื่นเต้นกับข่าวการเข้าซื้อกิจการ Celonis และความสามารถในการยกระดับความสามารถอันทรงพลังของ Celonis EMS ภายในสภาพแวดล้อมของ Microsoft”

Linus Linder หัวหน้าฝ่ายไอทีของ Muller – Die lila Logistik Service GmbH กล่าวว่า “เป็นเรื่องดีที่ Celonis และ PAF ร่วมมือกัน  ตอนนี้เราสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลแบบเรียลไทม์ ความชาญฉลาดของกระบวนการ และการดำเนินการที่เป็นเป้าหมายใน Celonis EMS ภายในสภาพแวดล้อม Microsoft Power BI ที่เราคุ้นเคย”

การนำ Celonis EMS ไปใช้อย่างรวดเร็วนั้นเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงเพื่อใช้ข้อมูลเชิงลึกของกระบวนการและความชาญฉลาดในการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจ

จากข้อมูลของ Gartner® มูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ไฮเปอร์ออโตเมชั่นจะสูงถึงเกือบ 860 พันล้านดอลลาร์ในปี1 2025 แต่ธุรกิจจำนวนมากไม่ได้เพิ่มมูลค่าสูงสุดให้กับการลงทุนทางดิจิทัลเนื่องจากขาดข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการที่ล้าสมัยซึ่งขัดขวางการดำเนินธุรกิจ ตามรายงานของ Forrester ที่ทำโดย Celonis กระบวนการขุดขึ้นมาถึงจุดเปลี่ยนในปี 2022 เนื่องจากผู้มีอำนาจตัดสินใจต้องการการดำเนินการที่ดีขึ้นโดยการค้นหาและแก้ไขความไร้ประสิทธิภาพของกระบวนการ

“ตั้งแต่เราเริ่มต้นเมื่อ 11 ปีที่แล้ว พันธกิจของ Celonis ยังคงเหมือนเดิมเสมอ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุศักยภาพสูงสุดในการดำเนินธุรกิจโดยการขจัดความไร้ประสิทธิภาพของกระบวนการ – และนั่นทำให้ Celonis ต้องไปทุกที่” Alex Rinke ซีอีโอร่วมและผู้ร่วมก่อตั้ง Celonis กล่าว  “การเข้าซื้อกิจการของ PAF ช่วยให้ผู้ใช้หลายล้านรายของ Microsoft Power Platform ใช้ข้อมูลเฉพาะของ Celonis และข้อมูลเชิงลึกอันชาญฉลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ ระบบอัตโนมัติ และการทำงานร่วมกัน”

“การรวมกันนี้ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของการเป็นผู้นำตลาดของ Celonis ด้วยรากฐานที่ PAF ได้สร้างขึ้นใน Microsoft Power Platform ซึ่งช่วยให้บริษัทของเราสร้างสะพานเชื่อมระหว่าง Microsoft Power Platform กับ Celonis Execution Management System” Tobias Rother ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง PAF กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ช่วยให้ Celonis อยู่ในมือของชุมชนผู้นำธุรกิจขนาดใหญ่และเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้”

“ในรายงาน HFS SaaS XXV 2022 เราจัดอันดับ Celonis ให้เป็นบริษัท SaaS ส่วนตัวชั้นนำในอันดับโดยรวม การสร้างมูลค่าธุรกิจ การมีส่วนร่วมของพันธมิตร และการจัดตำแหน่ง OneOffice” Phil Fersht ซีอีโอและหัวหน้านักวิเคราะห์ของ HFS Research กล่าว “การเข้าซื้อกิจการ PAF แสดงให้เห็นถ้งสาเหตุที่ Celonis ได้รับการจัดอันดับร่วมกับ Microsoft, Salesforce, Amazon, Adobe และ Google สำหรับการกำหนดอนาคตของระบบอัตโนมัติ ข้อมูล และการออกแบบกระบวนการ  Celonis กำลังย้ายข้อมูลกระบวนการที่เป็นเอกลักษณ์และข้อมูลเชิงลึกอันชาญฉลาดไปยังแพลตฟอร์มการทำงาน ระบบอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างมีกลยุทธ์”

“วัตถุประสงค์ของการขุดกระบวนการคือการได้รับความเข้าใจตามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความแปรปรวนของกระบวนการทางธุรกิจและความไร้ประสิทธิภาพในการปรับปรุงกระบวนการอย่างเป็นระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในขณะที่สอดคล้องกับเป้าหมายโดยรวมของธุรกิจ การฝังกระบวนการขุดลงในแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ทั่วไปทำให้ทีมสามารถทำงานร่วมกันโดยใช้เครื่องมือที่คุ้นเคยได้ง่ายขึ้น” Maureen Fleming รองประธานโครงการ IDC Intelligent Process Automation Market Research and Advisory Service กล่าว

ความสามารถของซอฟต์แวร์ PAFnow จะเปิดตัวใน Celonis Experiences ที่ Celonis World Tour 2022 โดย Celonis Experiences จะแสดงให้เห็นว่าลูกค้าสามารถผสานรวมได้อย่างราบรื่นได้อย่างไร  Celonis EMS พร้อมการรายงานของ Microsoft Power BI ทำงานร่วมกับ Microsoft Teams และทริกเกอร์โฟลว์ใน Microsoft Power Automate

เกี่ยวกับ Celonis

Celonis ช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินการกับข้อมูลได้ Celonis Execution Management System ขับเคลื่อนโดยแกนประมวลผลชั้นนำของตลาด ของแอปพลิเคชัน สตูดิโอสำหรับนักพัฒนา และฝาครอบแพลตฟอร์ม ความสามารถสำหรับผู้บริหารธุรกิจและผู้ใช้ในการกำจัดความไร้ประสิทธิภาพขององค์กรนับพันล้าน มอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน  Celonis มีลูกค้าทั่วโลกหลายพันรายและมีสำนักงานใหญ่ในเมืองมิวนิก เยอรมนี และนิวยอร์กซิตี้ สหรัฐอเมริกา โดยมีสำนักงาน 20 แห่งทั่วโลก

© 2022 Celonis SE. สงวนลิขสิทธิ์. Celonis, Execution Management System, EMS และโลโก้ “droplet” ของ Celonis เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Celonis SE ในเยอรมนีและเขตอำนาจศาลอื่นๆ ชื่อผลิตภัณฑ์และบริษัทอื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

1 Gartner, Forecast Analysis: Hyperautomation of Enablement Software, Worldwide, Cathy Tornbohm, Fabrizio Biscotti, Rachel Chippendale, March 22, 2021.

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220329005245 /th/

ติดต่อ:

Isabell Horvath, VP, Comms
press@celonis.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


TransPod เปิดตัวขั้นต่อไปของการพัฒนาการขนส่งผ่าน UltraSpeed Tube ในอัลเบอร์ตาแคนาดาด้วยเงิน 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Logo

TransPod ประสบความสำเร็จในก้าวสำคัญของอุตสาหกรรม กลายเป็นบริษัทขนส่งทางท่อแห่งแรกที่ยืนยันด้านการเงินสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

Broughton Capital Group ร่วมกับ CERIECO ได้ออกเงื่อนไขในการจัดหาเงินทุนรวม 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐและการจัดการ Master EPC ซึ่งรวมถึงการมีส่วนร่วมที่สำคัญจากผู้รับเหมาในแคนาดาเพื่อเร่งการพัฒนา TransPod Line ระหว่างเอดมันตันและคาลการี และขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาค

เอดมันตัน อัลเบอร์ตา–(BUSINESS WIRE)–29 มีนาคม 2565

TransPod บริษัทเพื่อการสร้างสตาร์ทอัพใน TransPod Line ซึ่งเป็นระบบขนส่งความเร็วสูงพิเศษรูปแบบใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงและกำหนดนิยามใหม่ของการขนส่งเชิงพาณิชย์ วันนี้ได้ประกาศว่าขั้นตอนต่อไปของโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา ทั้งนี้ Broughton Capital Group (“BCG”) โดยความร่วมมือกับ China-East Resources Import & Export Co. (“CERIECO”) ได้ตกลงในหลักการที่จะจัดหาเงินทุนรวมกันจำนวน 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐและการจัดการ Master EPC ตามลำดับเพื่อเร่งการพัฒนา TransPod Line ระหว่างเอดมันตันและคาลการี และขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาค การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการที่เผยแพร่ไปแล้วต่อ TransPod Line ยืนยันว่าโครงการขนส่งความเร็วสูงพิเศษนี้จะสร้างงานได้มากถึง 140,000 ตำแหน่ง และเพิ่ม 19.2 พันล้านดอลลาร์แก่ GDP ของส่วนภูมิภาคตลอดการก่อสร้าง และการจัดการ Master EPC ที่คาดว่าจะมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญจากผู้รับเหมาชาวแคนาดา

“ในฐานะบริษัทแรกและแห่งเดียวที่ยืนยันการเงินดังกล่าวสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งผ่านท่อมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ TransPod ภูมิใจในความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการเติบโตในอัลเบอร์ตาผ่านนวัตกรรมและการเป็นพันธมิตรที่แท้จริง” Sebastien Gendron ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ TransPod กล่าว “การก่อสร้างและการดำเนินงานของ TransPod Line จะช่วยให้ชาวอัลเบอร์ตันสามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้อย่างง่ายดาย ช่วยสร้างงานใหม่ และอำนวยความสะดวกในการลงทุนในส่วนภูมิภาค ด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุนของเราและรัฐบาลอัลเบอร์ตา เราจะนำเสนอวิสัยทัศน์ร่วมกันของเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า ยั่งยืน และเติบโต”

เหตุการณ์สำคัญจากการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ Alberta TransPod ได้แก่:

  • การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญ: Alberta TransPod Line จะเพิ่ม 19.2 พันล้านดอลลาร์ (หรือร้อยละ 6.25) ให้กับ GDP ของภูมิภาคภายในปี 2573
  • การเติบโตของการจ้างงานที่สำคัญ: โครงการโครงสร้างพื้นฐาน Alberta TransPod จะสร้างงาน 15,600 ตำแหน่งต่อปี รวมทั้งหมด 140,000 ตำแหน่งในระยะเวลา 9 ปี
  • ความสามารถในการจ่ายที่ดีขึ้นสำหรับนักเดินทาง: Riding TransPod จะใช้เวลา 45 นาทีจากคาลการีไปยังเอดมันตัน โดยมีค่าตั๋วประมาณ 90 ดอลลาร์แคนาดา เมื่อเทียบกับการขับรถมากกว่าสามชั่วโมงหรือตั๋วเครื่องบินในราคาประมาณ 162 ดอลลาร์
  • การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์: ในช่วงระยะเวลาหนึ่งปีคาดว่าจำนวนผู้โดยสารระหว่างคาลการีและเอดมันตันจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงจำนวน 636,000 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกป่าที่ใหญ่กว่าคาลการีถึงสี่เท่า

“เป้าหมายเชิงกลยุทธ์อย่างหนึ่งของ BCG คือการลงทุนในโครงการที่เป็นนวัตกรรมและความสอดคล้องของเรากับ CERIECO สำหรับโครงการ TransPod นั้นเหมาะสมกับวัตถุประสงค์อย่างยิ่งและเป็นลางที่ดีสำหรับโครงการในอนาคต เรากำลังรอคอยที่จะก้าวไปข้างหน้า” Broughton Capital Group กล่าว

ขั้นตอนต่อไปของโครงการ Alberta TransPod มีดังต่อไปนี้:

  • ระยะสั้น: การวิจัยและพัฒนา; ใบอนุญาตก่อสร้าง การประเมินสภาพสิ่งแวดล้อม การได้มาซึ่งที่ดิน (ปีปัจจุบัน-2567)
  • ระยะกลาง: การสร้างสนามทดสอบ การทดสอบความเร็วสูง และการรับรอง (ปี 2566-2570)
  • ระยะยาว: การก่อสร้าง inter-city line เต็มรูปแบบระหว่างเอดมันตันและคาลการี (เริ่มในปี 2570)

CERIECO กล่าวว่า “การเป็นพันธมิตรของเรากับ BCG และ TransPod นำเสนอการวางแนวเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นแนวทางที่น่ายกย่องชื่นชมสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เราเชื่อว่าจะเพิ่มมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญทั่วทั้งโครงการอันเป็นนวัตกรรมในแคนาดา”

เพื่อสนับสนุนการพัฒนางานระดับภูมิภาคและให้การฝึกอบรมพนักงานสำหรับ TransPod Line ในอัลเบอร์ตา ทั้งนี้ TransPod ได้ร่วมมือกับ Building Trades of Alberta เพื่อยกระดับความเชี่ยวชาญระดับภูมิภาคและเครือข่ายพันธมิตร

“TransPod เป็นผู้นำที่น่าตื่นเต้นและเปลี่ยนเกมสำหรับอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวและการขนส่งในแคนาดาและที่อื่น ๆ” Terry Parker กรรมการบริหาร Building Trades of Alberta กล่าว “ไม่เพียงแต่จะช่วยให้แคนาดาจัดการกับเป้าหมายคาร์บอนเท่านั้น แต่โครงการ Alberta TransPod จะสร้างงานที่มีรายได้ดีและสนับสนุนชุมชนสำหรับคนงานการค้าที่มีทักษะของอัลเบอร์ตา รวมถึงงานจากชุมชนพื้นเมือง ผู้หญิง ชาวแคนาดาใหม่ และผู้ฝึกงาน ทั้งนี้ Building Trades of Alberta — และสมาชิกมากกว่า 60,000 คน — พร้อมและตื่นเต้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้”

Colliers Capital Markets ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Colliers International ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ TransPod

เกี่ยวกับ TransPod Inc.

เป้าหมายของ TransPod คือการเปลี่ยนแปลงและกำหนดนิยามใหม่ของการขนส่งเชิงพาณิชย์ระหว่างเมืองใหญ่ในตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ สตาร์ทอัพก่อตั้งขึ้นในปี 2558 เพื่อสร้างระบบขนส่งผ่านท่อชั้นนำของโลก (TransPod Line) เพื่อเชื่อมโยงผู้คน เมือง และธุรกิจเข้าด้วยกันด้วยการขนส่งความเร็วสูงในราคาประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม TransPod Inc. มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.transpod.com 

เกี่ยวกับ Broughton Capital Group

Broughton Capital Group (BCG) เป็นผู้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการในอังกฤษ โดยผู้เชี่ยวชาญของเราในฐานะผู้จัดเตรียมและผู้ให้บริการด้านตราสารหนี้ในฐานะผู้ให้กู้อาวุโส มุ่งเน้นไปที่ภาคส่วนของโครงการต่าง ๆ ทั่วโลกทั้งในภาครัฐและเอกชน เรามีประสบการณ์สูงกับทีมงานระดับเฟิร์สคลาสทั้งภายในและภายนอก ในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินทางเลือก เรามุ่งหวังที่จะให้บริการโซลูชั่นทางการเงินที่ไม่ได้มีอยู่ในตลาดการเงินของโครงการทั่วไป ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ มีความยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันได้ในเงื่อนไขทางการเงินที่เรานำเสนอในฐานะผู้ให้กู้

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.broughton-capital.com 

เกี่ยวกับ CERIECO

CERIECO ก่อตั้งขึ้นในปี 2536 เป็นรัฐวิสาหกิจของจีนที่มีโครงการต่าง ๆ ในกว่า 30 ประเทศ CERIECO เป็นผู้รับเหมา EPC ทั่วไปที่มีความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อเพื่อการส่งออก CERIECO ดำเนินงานในแคนาดาภายใต้ CERIECO Canada Corp.

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.cerieco.com 

ติดต่อ:

Dianna Lai Read
Director, Communications
TransPod Inc.
dianna.lai@transpod.com

Richard Yu
Colliers Capital Markets
richard.yu@colliers.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG และ Fluxys จับมือเป็นพันธมิตรในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ LNG ที่สนับสนุนการใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ในชิลี

Logo

วอชิงตัน และ บรัสเซลส์–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2565

EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และ Fluxys บริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานชั้นนำ ประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาร่วมกันจะเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 80 ใน GNL Quintero SA (“Quintero”) ซึ่งเป็นคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่รอเปลี่ยนสถานะของเหลวให้กลับเป็นก๊าซที่ใหญ่ที่สุดในชิลี จาก Enagas Chile SpA และบริษัทในเครือของ OMERS Infrastructure เงื่อนไขของการทำธุรกรรมไม่ได้รับการเปิดเผย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220327005104/en/

Quintero เป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญซึ่งสนับสนุนกลยุทธ์การใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ของชิลีด้วยพลังงานทางเชื่อมที่ช่วยทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจกับการใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียนและการเลิกใช้ถ่านหินที่สอดคล้องกัน ทั้งนี้ Quintero เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 เป็นสถานีรับและขนถ่าย LNG ที่ใหญ่ที่สุดในชิลี รวมถึงมีความสามารถในการเก็บรักษาและเปลี่ยนสถานะของเหลวให้กลับเป็นก๊าซ คลังจัดเก็บได้รับประโยชน์จากสถานที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในอ่าวควินเทโร โดยจัดหาฐานลูกค้าที่หลากหลายในชิลีตอนกลางทั่วทั้งภาคส่วนที่อยู่อาศัย การพาณิชย์ การอุตสาหกรรม การขนส่ง และการผลิตไฟฟ้า คลังจัดเก็บร้อยละ 75 เป็นกำลังการผลิตก๊าซ LNG ของประเทศ และในปี 2564 การนำเข้าก๊าซธรรมชาติทั้งหมดร้อยละ 67 (ทั้ง LNG และท่อส่งก๊าซ) มาถึงชิลีผ่านสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์นี้ ด้วยกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติ 15 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ความสามารถในการจัดเก็บ LNG อยู่ที่ 334,000 ลูกบาศก์เมตร และ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวันของความสามารถในการบรรทุกของรถบรรทุก ทำให้สถานีเป็นซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้สำหรับก๊าซธรรมชาติซึ่งมีส่วนช่วยในการกระจายพลังงานและความปลอดภัยของชิลี

ชิลีมีแหล่งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลก และความสามารถ RES เทียบเท่าร้อยละ 4 ของความต้องการพลังงานทั่วโลกทั้งหมด ประเทศกำลังตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในสามผู้ผลิตไฮโดรเจนสีเขียวรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีแผนจะติดตั้งพลังงานหมุนเวียน 200 GW ภายในปี 2583 เพื่อผลิตไฮโดรเจนสีเขียว ชิลีได้ลงนามในข้อตกลงหลายฉบับเพื่อส่งเสริมการส่งออกไฮโดรเจนสีเขียว รวมถึงท่าเรือ Antwerp/Zeebrugge ของเบลเยียม เยอรมนี, ท่าเรือรอตเตอร์ดัม และเกาหลีใต้

การเข้าซื้อกิจการอยู่บนพื้นฐานการมีอยู่ของ EIG ในตลาดชิลี ที่บริษัทเป็นเจ้าของ Cerro Dominador ซึ่งเป็นศูนย์รวมพลังงานแสงอาทิตย์ที่ก้าวล้ำโดยรวมโรงไฟฟ้าโฟโตโวลเทอิก (PV) ขนาด 100 เมกกะวัตต์เข้ากับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ (CSP) ขนาด 110 เมกะวัตต์ ทั้งนี้โรงงานไฟฟ้า PV เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 และโรงงานไฟฟ้า CSP ประสบความสำเร็จในการประสานกับโครงข่ายไฟฟ้าของชิลีในเดือนเมษายน 2564 โดย EIG ยังเป็นพันธมิตรใน AME S.p.A ผู้พัฒนาโครงการในชิลีและผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ ซึ่ง AME เป็นเจ้าของร่วมกับ Generadora Metropolitana ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้ารายใหญ่อันดับห้าในชิลี รวมทั้ง HIF Global ซึ่งเป็นผู้นำในภาคส่วนไฮโดรเจนและเชื้อเพลิงสังเคราะห์ โดยมีชุดโครงการเชิงพาณิชย์ขนาดต่าง ๆ อยู่ระหว่างการพัฒนา และคาดว่าจะมีการก่อสร้างในช่วงอีกหลายปีข้างหน้า

สำหรับ Fluxys การเป็นพันธมิตรนี้ถือเป็นการลงทุนที่มองไปข้างหน้าเพื่อสร้างฐานที่มั่นคงในประเทศอื่นในละตินอเมริกา ที่มีการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานถือเป็นวาระสำคัญของรัฐบาล ด้วยทรัพยากรพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมที่มีอยู่มากมาย ชิลีตั้งเป้าที่จะผลิตไฮโดรเจนสีเขียวที่มีราคาถูกที่สุดในโลก โดย Belgian Hydrogen Import Coalition กับ Fluxys ในฐานะพันธมิตรได้ยืนยันความสามารถในการแข่งขันและความเป็นไปได้ของห่วงโซ่อุปทานโมเลกุลสีเขียวจากชิลีไปยังยุโรปและเบลเยียม

“เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการลงทุนใน Quintero ซึ่งเป็นบริษัทที่สอดคล้องกับการมุ่งเน้นด้านโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์คุณภาพสูงของเราอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมีความสำคัญต่อภูมิภาคที่ทำหน้าที่และให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจ” R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าว “เรายินดีที่ได้เป็นพันธมิตรอีกครั้งกับ Fluxys ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านปฏิบัติการระดับโลก เพื่อช่วยให้ Quintero รองรับความต้องการด้านพลังงานของชิลีและเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านด้วยพลังงานที่เชื่อถือได้ สถานะที่แข็งแกร่งของ Quintero ที่ปรากฎอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติทำหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจในการขยายธุรกิจในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและใกล้เคียง ซึ่งรวมถึงการจัดเก็บ การโหลดของรถบรรทุก และการเปลี่ยนสถานะของเหลวให้กลับเป็นก๊าซ ตลอดจนการพัฒนากำลังการผลิตสำหรับไฮโดรเจนสีเขียว โดยที่ Quintero มีศักยภาพที่สำคัญในการเป็นผู้นำในประเทศในอุตสาหกรรมตั้งไข่”

Pascal De Buck กรรมการผู้จัดการและซีอีโอของ Fluxys กล่าวว่า “ด้วยคลังจัดเก็บก๊าซ LNG 3 แห่งในยุโรป ความทะเยอทะยานของเราในการลงทุนนอกยุโรปและเพื่อมาเป็นผู้ขนส่งพลังงานรายใหม่ ซึ่ง Quintero เหมาะสมอย่างยิ่งกับกลยุทธ์ของเราในการเติบโตในแง่ของอนาคตแบบคาร์บอนต่ำ” “เราต้องการปรับใช้และขยายความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมของเราไปทั่วโลก และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ EIG ในฐานะนักลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานชั้นนำระดับโลกซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างจริงจังในโครงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในชิลี ความร่วมมือของเราใน Quintero ทำให้ Fluxys เข้าใกล้การพัฒนาไฮโดรเจนในชิลีมากขึ้น และสนับสนุนการนำเข้าไฮโดรเจนในเบลเยียม เรากำลังรอคอยที่จะร่วมมือและพัฒนาโอกาสใหม่กับผู้บริหารและพนักงานของ Quintero”

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะปิดได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม ซึ่งรวมถึงการควบคุมการควบรวมกิจการที่จำเป็นและการอนุมัติด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

Citigroup Global Markets Inc. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ EIG และ Fluxys ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม White & Case LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ EIG และ Linklaters LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ Fluxys

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยจำนวนเงิน 23 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดย EIG ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและพลังงานทั่วโลก ในช่วง 40 ปีแห่งประวัติศาสตร์ EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่ากว่า 39.7 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 379 โครงการใน 38 ประเทศในหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำมากมาย บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งอธิปไตยในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป ซึ่ง EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และกรุงโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ได้ที่ www.eigpartners.com

เกี่ยวกับ Fluxys

Fluxys มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเบลเยียม เป็นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เป็นอิสระเต็มรูปแบบ โดยมีพนักงาน 1,300 คนที่ทำงานด้านการส่งและจัดเก็บก๊าซ และคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว Fluxys ดำเนินการทางท่อส่งน้ำมันและคลังก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นระยะทาง 12,000 กิโลเมตรผ่านบริษัทในเครือทั่วโลก ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 29 พันล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี บริษัทในเครือของ Fluxys ได้แก่ Fluxys Belgium ที่จดทะเบียนใน Euronext ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งและจัดเก็บก๊าซ และคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวในเบลเยียม

ในฐานะบริษัทที่มีจุดมุ่งหมาย Fluxys ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนทำให้สังคมดีขึ้นด้วยการกำหนดอนาคตของพลังงานที่สดใส Fluxys สร้างขึ้นบนทรัพย์สินอันเป็นเอกลักษณ์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์ของบริษัท Fluxys มุ่งมั่นที่จะขนส่งไฮโดรเจน ไบโอมีเทน หรือตัวนำพาพลังงานคาร์บอนเป็นกลางอื่น ๆ รวมทั้ง CO2 เพื่อรองรับการดักจับ การใช้งาน และการเก็บรักษา www.fluxys.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220327005104/en/

ติดต่อสื่อ

EIG
Sard Verbinnen & Co.
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com

ติดต่อสื่อ Fluxys
Laurent Remy
+32 2 282 74 50
laurent.remy@fluxys.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Amadis จับมือแผนก PayPlug ของ Groupe BPCE เพื่อนำแอปพลิเคชัน SoftPOS มาตรฐาน nexo ระดับโลกตัวแรกมาใช้

Logo

โซลูชันดังกล่าวช่วยให้สามารถรับการชำระเงินแบบมาตรฐานได้ผ่านสมาร์ทโฟน แท็บเลต และ COTS

มอนทรีออล & ปารีส–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2565

PayPlug (ส่วนหนึ่งของธุรกิจระบบชำระเงินภายใต้ Groupe BPCE) เลือก Amadis ซึ่งเป็นเครื่องมือแก้ไขซอฟต์แวร์ระบบชำระเงินระดับโลก เพื่อนำมาใช้กับแอปพลิเคชันรับชำระเงินมาตรฐาน nexo ที่ใช้กับเครื่องรับชำระเงินแบบดั้งเดิมหลาย ๆ แบบ รวมถึงอุปกรณ์ SoftPOS ของ Android ผ่านรูปแบบการรับชำระเงินที่เป็นมาตรฐาน โดยไม่ต้องใช้เฟรมเวิร์กประมวลผลบัตร EMV® Level 2 ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการติดตั้งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาลงอย่างมาก และมอบความเป็นเจ้าของให้กับ PayPlug เหนือโซลูชันรับชำระด้วยบัตรที่มีอยู่ ความเป็นพันธมิตรครั้งนี้ก่อขึ้นจากความร่วมมือที่ยาวนานระหว่าง Amadis และ PayPlug

แอปพลิเคชันใหม่ของ PayPlug ช่วยให้พนักงานหน้าร้านสามารถนำประสบการณ์การชำระเงินมามอบให้กับลูกค้า ณ จุด POI (จุดปฏิสัมพันธ์) ได้ทุกที่ที่ลูกค้าต้องการ โดยเปิดใช้งานผ่านอุปกรณ์ NFC COTS (Commercial-Off-The-Shelf) ของ Android เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเลต หรืออุปกรณ์ที่พัฒนามาเพื่อใช้กับสายงานต่าง ๆ

Antoine Grimaud ซีอีโอของ PayPlug กล่าวว่า “Amadis นำเสนอวิธีที่มีประสิทธิภาพให้กับเราเพื่อนำไปเสนอกับลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีด้วยระบบชำระเงินที่ต้องแสดงบัตรรูปแบบใหม่ที่ล้ำสมัย เราหวังว่าโซลูชันนี้จะช่วยดันให้เกิดโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าของเรา ขณะเดียวกันก็สร้างจุดรับชำระเงินใหม่ ๆ ในหลายประเทศ และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน

แอปพลิเคชันใหม่ของ PayPlug ประกอบด้วยองค์ประกอบของ Amadis One (โซลูชัน SoftPOS ของ Amadis) ทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะ OLA (Open Level 2 API) ซึ่ง OLA เป็นระดับชั้นสำหรับการจัดการ (abstraction layer) ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้งานแอปพลิเคชันชำระเงินด้วยสแต็ก EMV Level 2 ของผู้ผลิตปลายทางใด ๆ หรือ SoftPOS ทำให้ธุรกิจสามารถผู้วินิจฉัยอุปกรณ์ชำระเงินได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบแวดล้อม ฮาร์ดแลร์ หรือระบบฏิบัติการ

Emmanuel Haydont ซีอีโอของ Amadis กล่าวว่า “แอปพลิเคชัน PayPlug ชิ้นใหม่นี้สะท้อนถึงยุคใหม่ของการรับชำระเงิน และเราตื่นเต้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันนี้ ด้วยโปรโตคอลของ nexo ที่เป็นจุดเด่น Amadis ได้ทำให้การนำ nexo มาใช้เป็นเรื่องง่ายขึ้นและช่วยลดต้นทุน พร้อมช่วยให้ธุรกิจนำระบบไปใช้และเพิ่มการเข้าถึงในประเทศต่าง ๆ ได้มากขึ้นด้วย”

Jacques Soussana เลขานุการทั่วไปของ nexo standards อธิบายว่า “เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็น PayPlug และลูกค้าของพวกเขาเป็นอีกหนึ่งบริษัทล่าสุดที่จะได้ใช้ประโยชน์จากงานที่เป็นมาตรฐานของเรา เกณฑ์และโปรโตคอลของเราได้ลบข้อจำกัดต่าง ๆ ที่พบในระบบนิเวศของการรับชำระเงินแบบดั้งเดิมออกไป ซึ่งรวมถึงภายในสภาพแวดล้อมของระบบชำระเงินแบบใหม่ด้วย เช่น แพลตฟอร์มรับชำระเงินเคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟน แท็บเลต และ COTS”

เพื่อให้โซลูชันสามารถทำงานร่วมกันได้มากขึ้น แอปพลิเคชันของ PayPlug จำเป็นต้องถูกรวมเข้ากับมาตรฐานการชำระเงินของ nexo อย่างมีประสิทธิภาพ Amadis ทำให้การใช้งานง่ายขึ้นด้วยเฟรมเวิร์ก off-the-shelf แบบเปิดที่มีมาตรฐานซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของ nexo

เกี่ยวกับ PayPlug

PayPlug เป็นโซลูชันชำระเงินผ่านบัตรแบบหลายช่องทางสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีจากฝรั่งเศส นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา PayPug ได้มอบทางเลือกที่ทั้งล้ำสมัยและสะดวกสบายให้กับผู้เล่นดั้งเดิมในตลาดมากมาย ไม่เพียงเท่านั้น ธุรกิจฟินเทคยังพึ่งพาระบบนิเวศที่มีความพิเศษเฉพาะของพาร์ทเนอร์และคุณสมบัติที่ถูกนำมาผสานรวมกันเพื่อทำลดความซับซ้อนของทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการชำระเงินให้กับลูกค้า ผู้ค้าปลีก และผู้ค้าออนไลน์ถึง 15,000 รายในยุโรป หลังผ่านการรับรองโดย Payment Institution จาก ACPR Banque de France แล้ว PayPlug ได้เข้าร่วมกลุ่ม BPCE ในเดือนเมษายนของปี 2560 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา PayPlug โตเกือบ 100% ต่อปี www.payplug.com

เกี่ยวกับ nexo standards

nexo standards เป็นสมาคมที่มุ่งมั่นทุ่มเทกับการลบข้อจำกัดที่พบในระบบนิเวศการรับชำระเงินที่กระจัดกระจายในโลกในปัจจุบัน โดยทำให้เกิดการรับชำระเงินที่รวดเร็ว ไร้พรมแดนโดยสร้างมาตรฐานของการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ที่มีส่วนได้เสียในการรับชำระเงินทั้งหมด เกณฑ์ของ nexo และโปรโตคอลในการส่งข้อความเป็นไปตามมาตรฐาน ISO 20022 สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกสิ่งและเปิดให้ใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ www.nexo-standards.org/

เกี่ยวกับ Amadis

Amadis เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์การชำระเงินที่เป็นไปตามข้อกำหนด โดยมีซอฟต์แวร์ที่ทำงานบนอุปกรณ์มากกว่า 40 ล้านเครื่องทั่วโลก บริษัทให้บริการโซลูชันการแก้ไขและพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ล้ำสมัยสำหรับผู้ค้า ผู้ผลิตอุปกรณ์ชำระเงิน และผู้ให้บริการทั่วโลก Amadis นำเสนอตัวเลือกเทคโนโลยีซอฟต์แวร์รับชำระเงินที่หลากหลายที่สุดในอุตสาหกรรมแก่ผู้ค้า โดยพิจารณาจากมาตรฐานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่มีอยู่ โดยไม่ต้องอาศัยฮาร์ดแวร์ กลุ่มค้าปลีก หรือที่ตั้ง บริษัทนำทีมซอฟต์แวร์ชั้นยอดและมีประสบการณ์มาสู่อุตสาหกรรม และช่วยมอบโซลูชันแก้ปัญหาให้กับฟินเทค โปรเซสเซอร์ และผู้ค้าระดับนานาชาติในกว่า 23 ประเทศ เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.amadis.ca

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220327005013/en/

ติดต่อ:

Tina Meunier Agence : Hopscotch for Pay Plug 
payplug@hopscotch.fr 
01 58 65 01 21 

David Finkelstein – The DFI Group (for Amadis) 
david@thedfigroup.net 
+1 416-300-4150

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Tanner Pharma เพิ่มสินค้าคงคลังของ Leukine® ในยุโรปเพื่อขยายความพร้อมใช้งานและเพิ่มการตอบสนองต่อการได้รับรังสีที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องในยูเครน

Logo

Leukine ได้รับการรับรองจาก FDA ให้รักษาความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (ARS) ตามข้อแนะนํา/กําหนดของ EMEA/CPMP Guidance ในระบบการรักษาการได้รับแก๊สมัสตาร์ด (HD)

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–24 มีนาคม 2565

Tanner Pharma Group ผู้จัดจำหน่ายยาที่จำเป็นระดับสากล ประกาศว่าได้เพิ่มสินค้าคงคลัง Leukine (sargramostim, rhuGM-CSF ที่มาจากยีสต์) อย่างมีนัยสำคัญที่จะจัดขึ้นในยุโรป การดำเนินการนี้ด้วยความร่วมมือกับ Partner Therapeutics (PTx) เจ้าของของ Leukine เพื่อตอบสนองต่อสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครนและมีโอกาสทวีความรุนแรงขึ้นสำหรับเหตุการณ์ที่อาจต้องปรับใช้อย่างรวดเร็วในการหนุนเสริมทางการแพทย์เพื่อรักษาการได้รับรังสีหรือสารเคมี

“เพื่อตอบสนองต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยูเครน Tanner สนับสนุนการเตรียมพร้อมและการตอบสนองในยุโรปโดยการเพิ่มสินค้าคงคลังของ Leukine ในพื้นที่ที่สามารถนำไปใช้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน” Banks Bourne ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Tanner Pharma กล่าว “ประสิทธิภาพอันโดดเด่นของ Leukine ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตเมื่อให้ภายใน 96 ชั่วโมงหลังได้รับรังสีและปราศจากการให้เลือดครบส่วน ทำให้เป็นมาตรการรับมือที่มีประสิทธิภาพสูงพร้อมข้อได้เปรียบด้านลอจิสติกส์ที่สำคัญในกรณีที่เกิดการระเบิดนิวเคลียร์ การวางตำแหน่งอุปทานเพิ่มเติมในยุโรปทำให้มั่นใจได้ว่า Leukine มีวางจำหน่ายอย่างรวดเร็วหากจำเป็น”

Leukine เป็นตัวปรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้การรักษาผลการสร้างเม็ดเลือดของความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลันและได้รับการจัดเพื่อใช้โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเป็นมาตรการรับมือทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 2556 นอกจากนี้ Leukine ยังได้รับการแนะนำให้ใช้เพื่อรักษา H-ARS ในทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) การจัดการทางการแพทย์สำหรับการบาดเจ็บจากรังสีปี 2563(1) และถูกนำมาใช้เพื่อรักษาผู้ประสบภัยจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนปิลในปี 2529 ได้สำเร็จ(2) นอกเหนือจาก ARS แล้ว แนะนำให้ใช้ Leukine ตามเอกสารแนะนํา/กําหนดของ EMEA/CPMP Guidance ว่าด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายด้วยสารเคมีในการบำบัดการได้รับแก๊สมัสตาร์ด (HD)(3) ในขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาแต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับใช้กับการได้รับซัลเฟอร์มัสตาร์ด

การฉายรังสีในปริมาณมากจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอย่างรุนแรง เซลล์ที่เสียหายรวมถึงโมโนไซต์ (monocytes) แมคโครเฟจ (macrophages) เกล็ดเลือด (platelets) นิวโทรฟิล (neutrophils) เซลล์เดนดริติก (dendritic cells) และเซลล์เม็ดเลือดแดง (red blood cells) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) โดย Leukine กระตุ้นเซลล์แต่ละประเภทเหล่านี้และแสดงให้เห็นว่าช่วยเร่งการฟื้นตัวจากเกล็ดเลือด ผลกระทบในวงกว้างนี้ช่วยให้รอดชีวิตจาก ARS เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องให้เลือด นี่เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญที่ให้ความคาดหวังว่าหลังจากเหตุการณ์ทางรังสีวิทยาหรือนิวเคลียร์ ผลิตภัณฑ์เลือดจะถูกจำกัดหรือไม่พร้อมใช้งาน นอกจากนี้ยังเป็นเพียงมาตรการรับมือ ARS เดียวที่แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพเมื่อให้ยานานกว่า 24 ชั่วโมงหลังการสัมผัส ในความเป็นจริงการค้นคว้าได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพเมื่อให้ยานานถึง 96 ชั่วโมงหลังการสัมผัส(4,5) ภายหลังเหตุการณ์กัมมันตภาพรังสีหรือนิวเคลียร์ กรอบเวลาการรักษา 48-96 ชั่วโมงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง(6,7) ความท้าทายด้านลอจิสติกส์ในการจัดเตรียมเวชภัณฑ์และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพพร้อมสำหรับการตอบสนองและการรักษาที่แนะนำให้ใช้เวลา 2 วันก่อนที่จะให้ยาในทุกระดับ นอกจากนี้ Leukine ยังมีความเสถียรอยู่ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 12 เดือน ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ซัพพลายเชนแบบแช่เย็นในช่วงวิกฤต

ด้านล่างนี้คือข้อมูลสรุปเกี่ยวกับการใช้ Leukine สำหรับความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (ARS) และแก๊สมัสตาร์ด (HD) ที่ได้รับจาก Partner Therapeutics:

เกี่ยวกับ LEUKINE ในความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (ARS)

Leukine ได้รับการรับรองจาก FDA เพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตในผู้ป่วยที่ได้รับรังสีในปริมาณ myelosuppressive (กลุ่มของอาการที่ไม่รุนแรงในการสร้างเลือดของความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน หรือ H-ARS) ข้อมูลจากการค้นคว้า GLP NHP หลายรายการซึ่งได้รับทุนจากสถาบัน U.S. Biomedical Advanced Research and Development Authority (BARDA) แสดงให้เห็นว่า Leukine ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตโดยการกระตุ้นการสร้างเกล็ดเลือดในไขกระดูกและเพิ่มจำนวนเกล็ดเลือดอย่างมีนัยสำคัญ นอกเหนือจากการเร่งการฟื้นตัวของเม็ดเลือดขาวและเรทติคิวโลไซต ด้วยเหตุนี้จึงระบุองค์ประกอบหลักทั้งสามของความเสียหายของการสร้างเลือดจากการได้รับรังสี รวมกันกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) การค้นคว้า NHP แสดงให้เห็นว่า Leukine ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตและเร่งการฟื้นตัวจากการลดการทำงานของไขกระดูก (รวมถึงภาวะเกล็ดเลือดต่ำ) เมื่อได้รับรังสีนานถึง 96 ชั่วโมง (4,5,8) Leukine ไม่ได้รับการรับรองจาก EMA สำหรับ H-ARS

Leukine คือรูปแบบรีคอมบิแนนท์ที่มาจากยีสต์ของ Granulocyte-Macrophage Colony Stimulating Factor (GM-CSF) ซึ่งเป็นโปรตีนขนาดเล็กในกลุ่ม pleiotropic ที่ส่งเสริมการสร้างต้นกำเนิดของ megakaryocytic และ erythroid และกระตุ้นให้เซลล์ progenitor แบ่งและแยกความแตกต่างภายในวิถีทางแกรนูโลไซต์ (granulocyte)และ แมคโครเฟจ (macrophage) โดย Leukine กระตุ้นการผลิต การเพิ่มจำนวนและการสร้างความแตกต่างของเซลล์เม็ดเลือดในกลุ่มของไมอิลอยด์ของเซลล์ต้นกำเนิดของการสร้างเลือด ซึ่งรวมถึงแกรนูโลไซต์ (granulocyte) แมคโครเฟจ (macrophages) เกล็ดเลือด (platelets) เซลล์เดนดริติก (dendritic cells) และเซลล์เม็ดเลือดแดง (red blood cells) นอกจากนี้ยังกระตุ้นแกรนูโลไซต์ (granulocytes) และโมโนไซท์ (monocytes) ที่โตเต็มที่ เพิ่มคุณสมบัติฟาโกไซติก (phagocytic) และ ไลติก (lytic) ผลกระทบของ Leukine ต่อเกล็ดเลือด (platelets) โมโนไซต์ (monocytes) แมคโครเฟจ (macrophage) และเซลล์เดนดริติก (dendritic cells) นอกเหนือจากผลกระทบที่ทราบแล้วต่อนิวโทรฟิล (neutrophils) ได้แสดงให้เห็นในสภาวะของโรคต่าง ๆ และสนับสนุนการใช้ใน H-ARS

ฉลาก FDA ของ Leukine ใน ARS อ่านว่า: “เพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตในผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่และเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 17 ปีที่ได้รับรังสีอย่างรุนแรงจากปริมาณใน myelosuppressive (กลุ่มของอาการที่ไม่รุนแรงในการสร้างเลือดของความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน [H-ARS]);” Leukine® สำหรับการฉีด: ดูได้ที่ www.leukine.com/pi สำหรับข้อมูลการสั่งจ่ายยา Leukine

เกี่ยวกับ LEUKINE ในการได้รับแก๊สมัสตาร์ด (HD)

Leukine ไม่ใช่ FDA หรือ EMA ที่ได้รับการอนุมัติให้รักษาการได้รับแก๊ส HD แนะนำให้ใช้ Leukine ในตามเอกสารแนะนํา/กําหนดของ EMEA/CPMP Guidance ว่าด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายด้วยสารเคมีในการบำบัดการได้รับแก๊ส HD

การได้รับ HD นั้นไปยับยั้งการทำงานของไขกระดูก นำไปสู่การการลดการทำงานของไขกระดูก และภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) รายงานภาวะเม็ดเลือดข่าวต่ำในผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังการได้รับสารในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (WWI) สงครามโลกครั้งที่สอง (WWII) และสงครามอิรัก-อิหร่าน (Iran-Iraq War) และมีรายงานการเสียชีวิตในทุกกรณีที่จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลงต่ำกว่า 200/µl6 ในขณะที่รายงานการเสียชีวิตน้อยกว่าร้อยละ 2.5 ของทั้งหมดที่ได้รับ HD โดยผลเสียหายทางโลหิตวิทยาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการรักษาในโรงพยาบาล และความเสียหายทางโลหิตวิทยาอย่างรุนแรงเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต(10)

Leukine ช่วยเร่งการฟื้นตัวของการทำงานของไขกระดูกและการฟื้นตัวจากภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) และลดการเสียชีวิตจากการติดเชื้อในบุคคลที่มีภาวะไขกระดูกล้มเหลวภายใต้สถานการณ์ที่หลากหลาย รวมทั้งหลังการให้เคมีบำบัดอย่างเข้มข้นและหลังจากการฉายรังสีทั่วทั้งร่างกายในขนาดสูงอย่างเฉียบพลันในบริบทของการปลูกถ่ายเซลล์เม็ดเลือด(4,5,8) ทั้งประสบการณ์ทางคลินิกในผู้ที่ได้รับ Leukine หลังการให้เคมีบำบัดและการฉายรังสีบำบัด และข้อมูลจากการค้นคว้า GLP NHP ARS ที่สนับสนุนการอนุมัติของ Leukine และการใช้ในข้อบ่งชี้เหล่านั้น แสดงให้เห็นว่า Leukine ช่วยเร่งการฟื้นตัวจากภาวะการกดไขกระดูกและภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) และลดอัตราการติดเชื้อและภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และมีแนวโน้มที่จะให้ประโยชน์เช่นเดียวกันหลังจากการได้รับ HD(4-5,9-11)

Tanner มอบเส้นทางที่สอดคล้องกับกฎระเบียบเพื่อให้ Leukine มีวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมนี้หรือขอสิทธิ์ในการเข้าถึง Leukine กรุณาส่งอีเมลไปที่ leukine@tannerpharma.com

เกี่ยวกับ TANNER PHARMA GROUP

Tanner Pharma Group ร่วมมือกับบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์เพื่อจัดหาโซลูชั่นแบบเบ็ดเสร็จที่เพิ่มผู้ป่วยในการเข้าถึงยาทั่วโลก ด้วยการขยายธุรกิจในกว่า 130 ประเทศ Tanner นำเสนอโซลูชั่นที่ปรับให้เหมาะกับบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่อยู่นอกตลาดหลักที่พวกเขาให้ความสำคัญ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.tannerpharma.com

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Partner Therapeutics สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://www.partnertx.com/

(1) การจัดการทางการแพทย์ของการบาดเจ็บจากรังสี, เวียนนา, สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ, 2020; ผลรายงานความปลอดภัยชุดที่ 101

(2) Dainiak N, การจัดการทางการแพทย์ของกลุ่มอาการรังสีเฉียบพลันและการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตสูง, Journal of Radiation Research, ฉบับที่ 59, เลขที่ S2, 2018, p. ii54-ii64. Doi:10.1093/jrr/rry004

(3) เอกสารแนะนำ/กำหนดของ EMEA/CPMP เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ถูกโจมตีของผู้ก่อการร้ายด้วยสารเคมี; The European Agency for the Evaluation of Medicinal Products Pre-authorization Evaluation of Medicines for Human Use, ลอนดอน, 25 เมษายน 2003; EMEA/CPMP/1255/03

(4) Clayton N, et al. (2021): Sargramostim (rhu GM-CSF) ปรับปรุงการอยู่รอดของสัตว์ตระกูลลิงที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วยการกดไขกระดูกอย่างรุนแรงหลังจากการฉายรังสีครอบคลุมทุกอวัยวะในร่างกาย ปริมาณสูง แบบเฉียบพลัน การวิจัยการฉายรังสี 195:191-199 https://doi.org/10.1667/RADE-20-00131.1

(5) Zhong Y, et al. (2020): ประสิทธิภาพของการบริหาร sargramostim ที่ล่าช้าจนถึง 120 ชั่วโมงหลังการได้รับสารในแบบจำลองการฉายรังสีครอบคลุมทุกอวัยวะในร่างกายของสัตว์ตระกูลลิงที่ไม่ใช่มนุษย์, Int. J. Radiat. Biol.; https://doi.org/10.1080/09553002.2019.1673499

(6) Yeddanapudi N, et. al., (2018): แจ้ง CONOPS และกลยุทธ์การปรับใช้มาตรการรับมือทางการแพทย์หลังจากการระเบิดอุปกรณ์นิวเคลียร์แบบชั่วคราว: ความสำคัญของประสิทธิภาพการรักษาที่ล่าช้า; Int. J. Radiat. Biol

(7) Pray L, et al., (2019): สำรวจความพร้อมทางการแพทย์และสาธารณสุขสำหรับเหตุการณ์นิวเคลียร์: การดำเนินการของการประชุมเชิงปฏิบัติการ; สำนักพิมพ์วิชาการแห่งชาติ http://doi.org/10.17226/25372

(8) Gale R, Armitage J, (2021): การใช้ปัจจัยการเจริญเติบโตของการสร้างเลือดที่โคลนในระดับโมเลกุลในบุคคลที่ได้รับรังสีไอออไนซ์ครอบคลุมทุกอวัยวะในร่างกายในปริมาณสูงเฉียบพลันและมีอัตราปริมาณที่สูง; Blood Reviews 45; https://doi.org/10.1016/j.blre.2020.100690

(9) Leukine แบบ Package Insert

(10) Willems, JL, การจัดการทางคลินิกของผู้เสียชีวิตจากแก๊สมัสตาร์ด, Ann Med Milit Belg 1989; 3: S1-61.

(11) Sezigan S, et. al., ภาวะเกล็ดเลือดต่ำและภาวะแทรกซ้อนทางโลหิตวิทยาเฉียบพลันของการได้รับซัลเฟอร์มัสตาร์ดในผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการก่อการร้ายทางเคมี, Toxicology Letters 318 (2020) 92-98

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220324005308/en/

ติดต่อ:

Christine Quern
CBQ Communications
cq@christinequern.com
617.650.8497

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia เปิดตัว SSD รุ่นที่ 2 ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0 สำหรับองค์กรและศูนย์ข้อมูลที่อาศัยพลังการประมวลผลอย่างมหาศาล

Logo

KIOXIA CD8 Series ใหม่ นี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานประมาณ 14% เมื่อเทียบกับ SSD รุ่นก่อนหน้า

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–23 มีนาคม 2565

Kioxia Corporation ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายไดรฟ์ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เฟซ  PCIe® 5.0 รายแรก[1] ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้เปิดตัว SSD รุ่นที่ 2 เพื่อต่อยอดจากความสำเร็จ โดยศูนย์ข้อมูล KIOXIA CD8 Series ใหม่ของบริษัทชื่อว่า NVMe™ SSD (“CD8 Series”) ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะแก่การใช้งานกับศูนย์ข้อมูลที่อาศัยพลังการประมวลผลอย่างมหาศาลและปริมาณงานที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร โดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เฟซ PCIe 5.0 ที่ช่วยเพิ่มแบนด์วิดท์เป็นมากกว่า PCIe 4.0 ถึงสองเท่า จาก 16 กิกะทรานส์เฟอร์ต่อวินาที (GT/s) เป็น 32 กิกะทรานส์เฟอร์ต่อวินาที ขณะนี้ CD8 Series พร้อมมอบบริการประเมินผลให้แก่ลูกค้าแล้ว

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220322005623/en/

KIOXIA CD8 Series: 2nd Generation SSDs Designed with PCIe® 5.0 Technology for Enterprise and Hyperscale Data Centers (Photo: Business Wire)

KIOXIA CD8 Series: SSD รุ่นที่ 2 ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0 สำหรับองค์กรและศูนย์ข้อมูลที่อาศัยพลังการประมวลผลอย่างมหาศาล (ภาพ: Business Wire)

CD8 Series จะใช้คอนโทรลเลอร์และเฟิร์มแวร์ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Kioxia บนพื้นฐานของเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นที่ 5 ของ Kioxia ซึ่งสามารถปรับปรุงการใช้งานตามความต้องการของลูกค้าได้ และอยู่ในฟอร์มแฟกเตอร์ขนาด 2.5 นิ้ว [2] และ Z-height ที่ 15 มม. ไดรฟ์ใหม่นี้ได้รับการออกแบบตามข้อกำหนดของศูนย์ข้อมูล NVMe SSD 2.0 และ NVMe 1.4 บนพื้นฐานเทคโนโลยี PCIe 5.0 และโครงการ Open Compute Project (OCP) เพื่อเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ซึ่งเหมาะแก่การใช้งานกับแอปพลิเคชัน และการใช้งานที่เป็นการประมวลผลประสิทธิภาพขั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ ข้อมูลชั่วคราว การซื้อขายทางการเงิน และการวิเคราะห์

คุณสมบัติเพิ่มเติมประกอบด้วย:

  • รุ่นที่มีความทนทานในการอ่านแบบ 1DWPD (การเขียนไดรฟ์ต่อวัน) ที่กำหนดเป้าหมายสำหรับปริมาณงานที่อาศัยพลังการประมวลผลอย่างมหาศาลและมีเซิร์ฟเวอร์เป็นศูนย์กลางบนความจุตั้งแต่ 960GB ถึง 15.36TB
  • รุ่นที่มีความทนทานในการใช้งานผสมผสานแบบ 3DWPD มีจำหน่ายบนความจุตั้งแต่ 800GB ถึง 12.8TB
  • มอบประสิทธิภาพการอ่านแบบสุ่มถึง 1.25 ล้าน IOPS และอัตราการอ่านแบบลำดับที่ 7.2GB/s เพิ่มขึ้นประมาณ 14% จากรุ่นก่อนหน้า[3]
  • ช่องทางการรักษาความปลอดภัย ประกอบด้วย การลบข้อมูลโดยใช้คำสั่ง sanitize instance erase (SIE) ซึ่งเป็นการลบข้อมูลทั้งที่เป็น Mapping Table และบล็อกข้อมูลทั้งหมด และการลบข้อมูลผ่านไดรฟ์ที่เข้ารหัสด้วยตนเอง (SED) [4]

หมายเหตุ
[1] อิงจากการสำรวจของ Kioxia สำหรับ KIOXIA CD7 E3.S Series ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564
[2] “2.5 นิ้ว” หมายถึงฟอร์มแฟกเตอร์ของ SSD โดยไม่ได้ระบุขนาดจริงของไดรฟ์
[3] การเปรียบเทียบรุ่น 1DWPD กับรุ่นก่อนหน้าอย่าง KIOXIA CD7 Series
[4] ความพร้อมด้านตัวเลือกความปลอดภัย/การเข้ารหัสอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

*ไดรฟ์ตัวอย่างมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการประเมิน ข้อมูลจำเพาะของไดรฟ์ตัวอย่างอาจแตกต่างไปจากรุ่นของไดรฟ์ที่ใช้งานจริง

*คำจำกัดความของความจุ: Kioxia กำหนด 1 เมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ 1 กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์ และ 1 เทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุของพื้นที่จัดเก็บโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 230 = 1,073,741,824 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของพื้นที่จัดเก็บน้อยลง ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่าง ๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*ความเร็วในการอ่านและเขียนเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดที่ได้จากสภาพแวดล้อมการทดสอบเฉพาะที่ Kioxia Corporation และ Kioxia Corporation ไม่รับประกันความเร็วในการอ่านหรือเขียนในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้ และขนาดไฟล์ที่อ่านหรือเขียน

*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG
*NVMe เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ
*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia
Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำที่อุทิศตนเพื่อการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2560 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Kioxia ได้แยกออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530 โดยบริษัทถือเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันและบริการหน่วยความจำที่ล้ำสมัยซึ่งเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้คนและขยายขอบเขตทางสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D แบบใหม่ของ Kioxia หรือที่เรียกว่า BiCS FLASH™ กำลังสร้างอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูงซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ศูนย์ยานยนต์และศูนย์ข้อมูล

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
ฝ่ายส่งเสริมการขาย
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อนั้นถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220322005623/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Koji Takahata
โทร: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย