Category Archives: Technology

Carbon Trust เปิดตัวโครงการเร่งการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับ บริษัทภาคอาหารและเครื่องดื่มในอาเซียน

Logo

โครงการ UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator สนับสนุนบริษัทภาคอาหารและเครื่องดื่มในมาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนามในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดต้นทุนด้านพลังงานภายใต้โครงการคาร์บอนต่ำ ASEAN Low Carbon Programme ที่ได้รับทุนจากกองทุน Prosperity Fund ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–14 ม.ค. 2564

วันนี้ Carbon Trust ได้เปิดตัว UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator (the Accelerator) เพื่อสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ขยายการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน  โครงการ Accelerator จะดำเนินการจนถึงเดือนมีนาคม 2565 โดยเน้นที่ภาคอาหารและเครื่องดื่มในมาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนามโดยสนับสนุนบริษัทในขั้นตอนต่างๆ ของการจัดการพลังงานเพื่อช่วยให้ตระหนักถึงความสำคัญของประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

ภาคอาหารและเครื่องดื่มนับว่าเป็นหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานมากที่สุดในภูมิภาค โดยสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 4.5Mtoe (หรือ 35% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในปัจจุบัน)  การสนับสนุนโครงการมีให้สำหรับบริษัทขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการแปรรูปและการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม

Accelerator ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุน Prosperity Fund ของรัฐบาลสหราชอาณาจักรผ่านโครงการพลังงานคาร์บอนต่ำของอาเซียน (ASEAN Low Carbon Energy Programme) โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้นผ่านการใช้ระบบการจัดการพลังงาน

เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับโอกาสในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงได้มีชุดคู่มือการประหยัดพลังงานซึ่งครอบคลุมกระบวนการที่พบบ่อยที่สุด 7 กระบวนการในภาคอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งรวมถึงการทำความเย็น การปรุงอาหาร การกลั่น และการอบแห้ง นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างระบบการจัดการพลังงานที่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดทั่วโลก ISO50001

นอกจากนี้ Accelerator จะจัดเวิร์กชอปการเสริมสร้างขีดความสามารถและมอบความช่วยเหลือด้านเทคนิคให้กับบริษัททุกขนาดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่บริษัทขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ในระดับประเทศ  จุดมุ่งหมายของการสนับสนุนคือเพื่อช่วยให้บริษัท ต่างๆ เข้าใจการใช้พลังงานในปัจจุบัน กำหนดเป้าหมายประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ระบุโอกาสในการประหยัดพลังงาน จัดตั้งระบบการจัดการพลังงานใหม่หรือปรับปรุงระบบที่มีอยู่และพัฒนาการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างขีดความสามารถภายในที่เหมาะสม

นอกจากนี้ Accelerator จะมีการจัดกิจกรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอาหารและเครื่องดื่ม  โดยร่วมกับพันธมิตร Spirax Sarco ทาง Accelerator จะจัดการฝึกซ้อมเสมือนจริงเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างระบบการอบไอน้ำ การขนส่ง และการเพิ่มประสิทธิภาพของผู้ใช้ปลายทางในภาคอาหารและเครื่องดื่มในวันที่ 26 มกรมคม เวลา 15:30น. (GMT+8)

Jane Ellaway หัวหน้ากองทุนเพื่อความมั่งคั่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า

“การเปิดตัว UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator เป็นโอกาสที่ดีสำหรับภาคอาหารและเครื่องดื่มในการเริ่มต้นเส้นทางสู่ประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น  การลงทุนในการประหยัดพลังงานครั้งนี้มีความสำคัญซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของข้อตกลงปารีส  ทางสหราชอาณาจักรมีความยินดีที่ได้เป็นพันธมิตรในครั้งนี้และหวังว่า Accelerator จะเป็นแพลตฟอร์มในการแบ่งปันความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด”

Chris Stephens ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของ Carbon Trust กล่าวว่า

“เรารู้สึกยินดีที่สามารถใช้ประสบการณ์อันยาวนานในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้การสนับสนุนฟรีแก่ธุรกิจในท้องถิ่นในการลดค่าพลังงานและการปล่อยมลพิษ  นอกจากนี้ เรากำลังเห็นบริษัทอื่นๆ ทั่วโลกตั้งเป้าหมายประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เป็นเสาหลักของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและเราตื่นเต้นที่จะสนับสนุนธุรกิจชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่ธุรกิจจะใช้มาตรการประหยัดพลังงานต้นทุนต่ำซึ่งเป็นชัยชนะสำหรับพวกเขาและสำหรับโลกใบนี้”

UK-ASEAN Energy Efficiency Accelerator จะดำเนินการจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2565

จบ

เกี่ยวกับ Carbon Trust

ก่อตั้งขึ้นในปี 2544 Carbon Trust ทำงานร่วมกับธุรกิจ รัฐบาล และสถาบันต่างๆ ทั่วโลกช่วยให้ได้มีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการลดคาร์บอน กลยุทธ์การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบและเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำในเชิงพาณิชย์

Carbon Trust:

  • ทำงานร่วมกับบริษัทและรัฐบาลช่วยให้พวกเขาวางกลยุทธ์ของตนกับวิทยาศาสตร์สภาพอากาศและบรรลุเป้าหมายของข้อตกลงปารีส
  • ให้คำแนะนำและความมั่นใจจากผู้เชี่ยวชาญทำให้นักลงทุนและสถาบันการเงินมั่นใจว่าการเงินสีเขียวจะมีผลลัพธ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
  • รองรับการพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชั่นคาร์บอนต่ำเพื่อสร้างรากฐานสำหรับระบบพลังงานแห่งอนาคต

Carbon Trust ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในลอนดอนมีทีมงานทั่วโลกที่มีพนักงานกว่า 200 คนซึ่งเป็นตัวแทนของกว่า 30 สัญชาติใน 5 ทวีป

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210113005747/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ
Ainslie Macleod ที่
Carbon Trust: +44 (0)207 170 7050
หรือ press@carbontrust.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Azbil เปิดตัวซอฟต์แวร์ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าในระดับโลก

Logo

–การทำงานแบบคาดการณ์ล่วงหน้าช่วยยกระดับการติดตามการทำงาน ณ ฐานการผลิต–

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–13 มกราคม 2564

Azbil Corporation (TOKYO:6845) ได้ประกาศการเปิดตัวระดับโลกของระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับข้อมูลอนุกรมเวลา (จากนี้เรียก “ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า”) ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษและภาษาจีนสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และเกาหลี

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210112006172/en/

Early Warning System screenshot (Photo: Business Wire)

ภาพหน้าจอของระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า (รูปภาพ: Business Wire)

ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อปี 2556 เป็นแพ็คเกจซอฟต์แวร์สำหรับติดตามการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มของข้อมูลอนุกรมเวลา (time series data) สำหรับตัวแปรในการประมวลผลที่สำคัญ เช่น อุณหภูมิ ความดัน อัตราการไหล และระดับของเหลว เพื่อแจ้งเตือนผู้ควบคุมเกี่ยวกับการเบี่ยงเบนที่อาจเกิดขึ้นจากค่าควบคุมได้ตั้งแต่ต้น เมื่อเทียบกับระบบแจ้งเตือนโดยระบบควบคุมแบบกระจาย (DCS) ระบบที่มีการคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อแจ้งเตือนนั้นมีข้อดีในแง่ของการรู้ล่วงหน้าก่อนที่ตัวแปรต่าง ๆ จะถึงขีดจำกัดของค่าควบคุมหรือก่อนที่อุปกรณ์ความปลอดภัยจะทำงาน

ในกรณีฉุกเฉินที่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับอุปกรณ์และทำให้ระบบแจ้งเตือนแบบ DCS ทำงาน อาจมีบางครั้งที่ระบบไม่แจ้งเตือนหรืออาจเกิดข้อผิดพลาดอื่น ๆ ที่มีสาเหตุจากมนุษย์และนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ ขณะที่ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าจะทำงานแยกจากระบบ DCS และเข้ามาเสริมระบบแจ้งเตือนแบบทั่วไปด้วยระบบคาดการณ์ล่วงหน้า ตัวอย่างเช่น การแสดงแนวโน้มบนจอขนาดใหญ่ซึ่งแยกจากจอของระบบ DCS จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานจัดการกับปัญหาได้ตั้งแต่ในระยะต้นและด้วยวิธีการที่เหมาะสม สำหรับวิธีนี้ ระบบจะทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบและระบบควบคุมที่มีอยู่ เช่น DCS เพื่อประสิทธิผลที่มากขึ้น

ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่แล้วระบบจะถูกใช้ในบริษัทด้านน้ำมันและเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีความระมัดระวังอย่างมากในเรื่องความปลอดภัยในโรงงานและต้องการใช้เทคโนโลยี IoT อย่างไรก็ดีในช่วงที่ผ่านมา ระบบดังกล่าวยังมีการใช้ที่สถานีผลิตน้ำประปาเพื่อติดตามการทำงานของถังพักจ่ายน้ำ คุณภาพของน้ำ และสถานีระบายน้ำ เพื่อให้การจ่ายน้ำประปามีความต่อเนื่องอีกด้วย นอกจากนี้ การใช้ระบบนี้ยังขยายครอบคลุมไปถึงการคงระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และยาให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ ตัวอย่างเช่น ระบบได้ตรวจพบความผิดปกติเกี่ยวกับความผันผวนของอุณหภูมิและทำงานระงับการเบี่ยงเบนจากค่าควบคุมก่อนที่จะเกิดปัญหา และเพื่อตอบสนองความต้องการต่อโซลูชันที่อิงข้อมูลที่สูงขึ้นในฐานการผลิตในต่างประเทศ Azbil จึงได้เปิดตัวซอฟต์แวร์ดังกล่าวในเวอร์ชันภาษาอังกฤษและภาษาจีน

คุณสมบัติ

  • ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าจะใช้ฟังก์ชันการคาดการณ์ตรวจหาความเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะถึงขีดจำกัดของค่าควบคุม (ก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้น) และส่งสัญญาณแจ้งเตือนซึ่งช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมีเวลามากขึ้นในการจัดการ นอกจากการส่งสัญญาณแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้ว ระบบจะคำนวณระยะเวลาโดยประมาณจนกว่าค่าควบคุมจะถึงขีดจำกัด และแสดงข้อมูลสำหรับช่วยตัดสินใจเลือกวิธีรับมือที่เหมาะสม
  • ช่วยเพิ่มความตระหนักของผู้ปฏิบัติงาน เนื่องจากบางครั้งระบบสามารถคาดการณ์การเกิดซ้ำของความเสื่อมสภาพหรือความผันผวนอย่างกะทันหันหลังการแจ้งเตือน
  • สามารถดูแลการติดตามการวัดที่สำคัญ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่การติดตามการทำงานของสถานที่ผลิตทั้งหมดได้ดีขึ้นและลดภาระงานของมนุษย์
  • สามารถเชื่อมต่อไปยังระบบหรือระบบ DCS, PLC หรือ PIMS*2 ของผู้จำหน่ายเจ้าอื่นได้ โดยใช้โปรโตคอลการสื่อสารเพื่อจุดประสงค์ทั่วไป หรือ OPC-DA*1
  • ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเซ็นเซอร์ใหม่ และผู้ใช้สามารถจัดการงานด้านด้านวิศวกรรมได้ด้วยตัวเอง

สำหรับรายละเอียด โปรดดูที่เว็บไซต์ด้านล่างนี้
https://www.azbil.com/products/factory/factory-product/monitoring-control-system-software/monitoring-operation-support/actmos/index.html

ภายใต้หลักปรัชญา "ระบบอัตโนมัติที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นสำคัญ" กลุ่มบริษัท Azbil ตั้งเป้าสร้างประโยชน์ “ในทิศทางที่สอดคล้องกัน” เพื่อสังคมที่ยั่งยืนและการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถแก้ปัญหาที่สังคมต้องเผชิญและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้พร้อมกัน

*1 มาตรฐานสำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลประมวลผล การแจ้งเตือน ข้อมูลย้อนหลัง หรืออื่น ๆ โดยใช้เทคโนโลยี COM/DCOM (Component Object Model / Distributed Component Object Model) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ Microsoft Windows
*2 ระบบจัดการข้อมูลโรงงานซึ่งจะรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลประมวลผลและข้อมูลการผลิตจากระบบติดตามและควบคุมต่าง ๆ ในฐานการผลิตและโรงงาน เพื่อแสดงภาพและวิเคราะห์กระบวนการทำงานและสถานะการผลิตของอุปกรณ์การผลิต

เกี่ยวกับ Azbil Corporation
Azbil Corporation หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ Yamatake Corporation ก่อนหน้านี้  เป็นบริษัทชั้นนำด้านอาคารและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีการวัดและการควบคุมพัฒนาโซลูชันที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า เพื่อให้การดำเนินงานของพวกเขามีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น Azbil ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2449 และให้บริการลูกค้าทั่วโลกในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในด้านความปลอดภัยความสะดวกสบายและการเติมเต็มและการรักษาสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ณ สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563 Azbil มีพนักงานกว่า 9,800 คนทั่วโลก และสร้างรายได้ถึง 259 พันล้านเยน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ https://www.azbil.com/

Windows เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือเครื่องหมายการค้าของ Microsoft Corporation ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210112006172/en/

ติดต่อ:

Robert Jones
โทร: +81-3-6810-1006
อีเมล: publicity@azbil.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ระดับ Advanced Class ตระกูล TXZ +™ 5 กลุ่มใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำรองรับการควบคุมมอเตอร์ และให้ต้นทุนระบบที่ต่ำลง

Logo

ใช้แกนArm®Cortex®-M core ที่มาพร้อมกับหน่วยความจำแฟลชความจุสูงในตัว

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–13 มกราคม 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ใหม่ 5 กลุ่มซึ่งเป็นของ ตระกูลTXZ+™ โดยกลุ่ม M4K, M4M, M4G และ M4N ใช้แกน Arm Cortex-M4 และกลุ่ม M3H ใช้แกน Arm Cortex-M3 ทุกกลุ่มมีการใช้พลังงานต่ำ และเหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย  เช่น การควบคุมมอเตอร์ อุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อฟังก์ชันการตรวจจับระดับแนวหน้า เป็นต้น

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210112005488/en/

Toshiba: TXZ+(TM) family advanced class 32-bit microcontrollers (Graphic: Business Wire)

Toshiba: ไมโครคอนโทรลเลอร์ระดับสูง 32 บิตในตระกูล TXZ + (TM) (กราฟิก: Business Wire)

ตัวอย่างสินค้า หรือ engineering samples จะเริ่มจัดส่งในไตรมาสที่สี่ของปีงบประมาณ 2563 (มกราคมถึงมีนาคม 2564) และการผลิตจำนวนมากจะเริ่มในไตรมาสที่สองของปี 2564 (กรกฎาคมถึงกันยายน 2564) นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่เกี่ยวข้องเครื่องมือในการพัฒนาและซอฟต์แวร์ตัวอย่างมาให้อีกด้วย.

คลาสขั้นสูงมีความถี่ในการทำงานสูงสุด 200MHz หน่วยความจำแฟลชสูงสุด ตัวแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอล 2MB และ 12 บิต อุปกรณ์เหล่านี้ติดตั้งอุปกรณ์ต่อพ่วงที่เน้นด้านการใช้งาน เช่น เครื่องยนต์ควบคุมมอเตอร์ประสิทธิภาพสูงหรืออินเทอร์เฟซการเชื่อมต่อที่หลากหลาย

คุณสมบัติหลัก

แกน Arm Cortex-M4 core

กลุ่ม M4K

ฮาร์ดแวร์ควบคุมมอเตอร์ฟังก์ชั่นการวินิจฉัยตัวเองสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานแบบ IEC 60730

กลุ่ม M4M

ฮาร์ดแวร์ควบคุมมอเตอร์ฟังก์ชั่นการวินิจฉัยตัวเองสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานแบบ IEC 60730

กลุ่ม M4G

ความถี่ในการทำงานสูงสุด 200MHz หน่วยความจำแฟลชสูงสุด 2MB อินเทอร์เฟซสำหรับการสื่อสารความเร็วสูง วงจรอะนาล็อกสำหรับการเชื่อมต่อเซ็นเซอร์หลายตัว การอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงเพื่อการประมวลผลที่ปลอดภัย

กลุ่ม M4N

ความถี่ในการทำงานสูงสุด 200MHz สูงสุด หน่วยความจำแฟลชสูงสุด 2MB อินเทอร์เฟซต่าง ๆ สำหรับอุปกรณ์ IoT (การตรวจจับและการสื่อสาร) รองรับการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง

แกน Arm Cortex-M3 core

กลุ่ม M3H

ฟังก์ชันจอแสดงผล LCD ในตัวฟังก์ชั่นการวินิจฉัยตัวเองสำหรับเครื่องใช้ในบ้านที่มีมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน IEC 60730 การควบคุมมอเตอร์ประสิทธิภาพสูงที่ลดต้นทุนระบบโดยการลด BOM

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคลาสขั้นสูงของตระกูล Toshiba TXZ + โปรดไปที่:

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/company/exhibition/campaign/txzplus-family-advanced-class-new-products.html

คลิกที่นี่เพื่อดูวิดีโอแนะนำ

https://videoclip.toshiba.semicon-storage.com/ap-en/detail/videos/semiconductor-products/video/6222047575001/products-overview:-5-groups-of-txz-%E2%84%A2-family-advanced-class-microcontroller?autoStart=true

* Arm and Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ / หรือที่อื่น ๆ

* TXZ+™เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

คำถามจากลูกค้า:

System Devices Marketing Dept.II

Multi Marketing Group II

โทร: +81-3-3457-3465

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่ประกาศ อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation รวมความแข็งแกร่งของบริษัทใหม่เข้ากับภูมิปัญญาและประสบการณ์ โดยนับตั้งแต่ได้รับการเปิดตัวจากบริษัทโตชิบาในเดือนกรกฎาคม 2560 เราได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในบริษัทอุปกรณ์ทั่วไปชั้นนำและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้แก่ลูกค้า และหุ้นส่วนทางธุรกิจในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกตัวระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 24,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเรา และให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆ เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสานต่อยอดขายรายปีที่ปัจจุบันอยู่ที่เจ็ดแสนห้าหมื่นล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อเอื้อให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนทุกที่

ดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210112005488/en/

สอบถามสำหรับสื่อ:

Chiaki Nagasawa

ฝ่ายการตลาดดิจิทัล

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

โทร: +81-3-3457-4963

semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Milrem Robotics เปิดตัว Type-X RCV รุ่นใหม่

Logo

ทาลลินน์ เอสโตเนีย–(บิสิเนสไวร์)–12 ม.ค. 2564

หุ่นยนต์ยานยนต์ต่อสู้ Type-X ขนาดกลางโดย Milrem Robotics ผู้พัฒนาหุ่นยนต์และระบบขับเคลื่อนอิสระชั้นนำของยุโรป ได้ผ่านการทดสอบการเคลื่อนที่เบื้องต้น

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20210112005037/en/

The Type-X by Milrem Robotics will become an intelligent wingman to main battle tanks and infantry fighting vehicles and will be capable of taking on the most dangerous tasks and positions, resulting in lower lethality risks. (Photo: Business Wire)

Type-X โดย Milrem Robotics จะเป็นหน่วยสนับสนุนขับเคลื่อนอัจฉริยะให้กับรถถังหลักและรถต่อสู้ทหารราบ โดยจะสามารถดำเนินงานและประจำตำแหน่งที่อันตรายที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

Type-X จะเป็นหน่วยสนับสนุนขับเคลื่อนอัจฉริยะให้กับรถถังหลักและรถต่อสู้ทหารราบ โดยจะสามารถดำเนินงานและประจำตำแหน่งที่อันตรายที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

“Type-X จะมอบแสนยานุภาพที่เท่าเทียมหรือเหนือกว่าพร้อมกับการใช้งานทางยุทธวิธีให้กับหน่วยที่มียานรบทหารราบ โดยสามารถทำลายตำแหน่งป้องกันของศัตรูโดยมีความเสี่ยงกับกองทหารของตัวเองน้อยที่สุดและการแทนที่ RCV ที่หายไปนั้นถือเป็นความแตกต่างในเชิงลอจิสติกส์เพียงเล็กน้อย” Kuldar Väärsi ซีอีโอของ Milrem Robotics กล่าว

Type-X สามารถติดตั้งปืนใหญ่ได้ถึง 50 มม.  หากติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 30 มม. นั้นจะสามารถวางตำแหน่ง RCV ได้ทางร่มชูชีพ โดย C-130J และ KC-390 สามารถบรรทุกได้หนึ่งคัน A400M สองคันและ C-17 ห้าคัน

“ยานยนต์คันนี้จะมีฟังก์ชั่นอัจฉริยะเช่นการติดตาม การนำทางจุดอ้างอิง และการตรวจจับสิ่งกีดขวางโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์เป็นส่วนหนึ่งของอัลกอริทึม” Väärsi กล่าว “นอกจากนี้ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ของเรายังใช้แนวทางสร้างสรรค์ใหม่เพื่อให้สามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกลด้วยความเร็วที่สูงขึ้น”

ด้วยน้ำหนัก 12 ตันและการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพจึงมีความสามารถด้านภูมิประเทศที่เหนือกว่า  ความสูง 2.2 ม. และเครื่องยนที่ติดตั้งไว้ด้านหลังจะทำให้โอกาสการตรวจจับภาพและความร้อนต่ำ

Type-X เบากว่าสามถึงสี่เท่าและราคาต่ำกว่า IFV ทั่วไปอย่างมาก โดยได้รับการออกแบบมาพร้อมกับการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่ชาญฉลาดรวมกับระบบตรวจสอบสุขภาพ การใช้งานและหลักการของ Line Replacement Unit เพื่อลดต้นทุนการใช้งานและการขนส่ง  นอกจากนี้ระบบส่งกำลังแบบไฮบริดและรางยางช่วยลดต้นทุนตลอดอายุการใช้งานได้อย่างมาก

ในการสร้าง Type-X Milrem Robotics ได้ใช้ความรู้ที่ได้รับจากการพัฒนายานพาหนะภาคพื้นดินไร้คนขับ THeMIS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนกองทหารในพื้นที่ที่ใช้งานโดยสิบประเทศ รวมถึงประเทศสมาชิก NATO 7 ราย ได้แก่ ฝรั่งเศส นอร์เวย์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และเอสโตเนีย

Milrem Robotics เป็นผู้พัฒนาหุ่นยนต์และระบบเคลื่อนอิสระชั้นนำของยุโรปโดยมีสำนักงานสองแห่งในเอสโตเนีย หนึ่งแห่งในสวีเดนและฟินแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ในอีกไม่นาน

บริษัทเป็นผู้นำกลุ่มที่ได้รับรางวัล 30,6 MEUR จาก European Defense Industrial Development Program (EDIDP) ของคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อพัฒนาระบบภาคพื้นดินไร้คนขับที่ได้มาตรฐานยุโรป

ชมวิดีโอ Type-X: https://youtu.be/34-NWYQ0L0c

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210112005037/en/

ติดต่อ:

Gert Hankewitz
Export Director
Gert hankewitz@milrem.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เครื่องกระตุ้นหัวใจขั้นสูงของ ZOLL Medical ได้รับรางวัลห้าดาว จาก World of Safety & Health Asia Award 2563

Logo

ZOLL AED 3 และ ZOLL AED 3 BLS ได้รับการยอมรับจาก World of Safety & Health Asia ในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีสำหรับผู้ช่วยชีวิตทุกคน

เชล์มสฟอร์ด, แมสซาชูเซตส์–(BUSINESS WIRE)–6 ม.ค. 2564

ZOLL® Medical Corporation บริษัท ในเครือ Asahi Kasei ที่ผลิตอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ประกาศในวันนี้ว่า  ZOLL AED 3®  และ ZOLL AED 3 BLS  เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AEDs) หรือ automated external defibrillators ได้รับรางวัลจาก World of Safety & Health Asia (WSHAsia) ในสาขา New & Innovative Solutions Awards ซึ่งเป็นสาขาที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในครั้งนี้เป็นครั้งแรก ในฐานะที่เป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่ได้รับการจัดเรตติ้งอยู่ที่ห้าดาว เครื่องกระตุ้นหัวใจ ZOLL ได้รับการยอมรับในด้านเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่ไม่มีใครเทียบได้ และให้ระยะเวลาการหยุดกดหน้าอกไปจนถึงขั้นตอนกระตุกหัวใจที่สั้นที่สุดในวงการ ณ ปัจจุบัน

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับจาก World of Safety & Health Asia สำหรับเทคโนโลยี Real CPR Help®และ RapidShock™ ของเรา เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบเครื่อง AED ที่สามารถช่วยชีวิตผู้คน ซึ่งช่วยให้ผู้ที่บังเอิญอยู่ในที่เกิดเหตุและผู้ที่ทำงานด้านการช่วยชีวิตสามารถดำเนินการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็วและด้วยความมั่นใจ” Elijah A. White ประธานของ ZOLL Resuscitation กล่าว “การวิจัยแสดงให้เห็นว่าฟีดแบ็ค CPR แบบเรียลไทม์ พร้อมกับการฝึกอบรม ช่วยให้มีอัตราการรอดชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นสูงขึ้นกว่า 2 เท่า เราทุ่มเทในการทำงานในส่วนของเราเพื่อส่งมอบเทคโนโลยีฟีดแบ็ค CPR ขั้นสูงที่ใช้งานง่ายและเชื่อถือได้ เพื่อรองรับทั้งมืออาชีพและบุคคลทั่วไปให้สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยไปตามแต่ละขั้นตอนของกระบวนการ”

รางวัลโซลูชันและนวัตกรรมใหม่ หรือ New & Innovative Solution Awards ของ WSHAsia ถือเป็นการยกย่องความเป็นเลิศในผลิตภัณฑ์และบริการที่มุ่งพัฒนาด้านความปลอดภัยและสุขภาพในสถานที่ทำงาน ผลงานแต่ละผลงานได้รับการประเมินโดยคณะกรรมการที่มีชื่อเสียง 5 คนที่มาจากอุตสาหกรรมความปลอดภัยและสุขภาพจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การได้รับคะแนนระดับห้าดาวหมายถึงการได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการทั้ง 5 คน

“เราประทับใจในเครื่อง AED ที่เป็นนวัตกรรมใหม่จาก ZOLL Medical โดยเฉพาะการให้ระยะเวลาหลังจากหยุดกดหน้าอกไปจนถึงขั้นตอนกระตุกหัวใจที่สั้นอย่างน่าทึ่ง ซึ่งสั้นที่สุดในอุตสาหกรรมปัจจุบันนี้” Raymond Wat ผู้ก่อตั้ง World of Safety & Health Asia กล่าว “ ZOLL AED 3 และ ZOLL AED 3 BLS ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่รองรับการกู้ชีพและคุณสมบัติการตรวจสอบอัตโนมัติทั้งหมด และยังมาพร้อมการเชื่อมต่อ WiFi เพื่อเพิ่มความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน”

ZOLL AED 3

การออกแบบที่ใช้งานง่ายและคุณสมบัติที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นของเครื่องกระตุ้นหัวใจ ZOLL AED 3 ทำให้บุคคลที่ต้องเข้ามาเป็นผู้ช่วยชีวิตแบบที่คาดไม่ถึงมีทั้งความมั่นใจและความรู้ที่จำเป็นในการตอบสนองต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน หรือ sudden cardiac arrest  (SCA) เทคโนโลยี Real CPR Help ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้ผู้ช่วยชีวิตสามารถทำ CPR ที่มีคุณภาพสูงพร้อม ๆ กับการได้รับฟีดแบ็คข้อเสนอแนะด้านคุณภาพของการกดหน้าอกแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมีหน้าจอสีเต็มรูปแบบที่มาพร้อมภาพกู้ชีพที่เห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับตัวจับเวลาแต่ละรอบของ CPR และแถบสีขนาดใหญ่ที่แสดงความลึกของการกดหน้าอกระหว่างทำ CPR อีกด้วย

ZOLL AED 3 BLS

เครื่องกระตุ้นหัวใจ ZOLL AED 3 BLS มีคุณสมบัติทั้งหมดที่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ZOLL AED 3 มี แต่เพิ่มการให้การช่วยเหลือในเชิงลึกสำหรับผู้ช่วยชีวิตระดับมืออาชีพ โดย CPR Dashboard™ บนอุปกรณ์จะแสดงเวลาที่ผ่านไป การนับถอยหลังของวงจร CPR แรงกระแทกของการกระตุกหัวใจ และยังแสดงค่า ECG อีกด้วย การใช้ RescueNet® CaseReview ทำให้ข้อมูลประสิทธิภาพการกู้ชีพอย่างละเอียดสามารถถูกส่งออกได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายผ่าน USB หรือผ่าน WiFi โดยตรง ทั้งนี้ ข้อมูลสามารถถูกประเมินและใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการกู้ชีพในอนาคต จะเห็นได้ว่า ZOLL AED 3 BLS ไม่เพียงแต่จะช่วยแนะแนวทางผู้ช่วยชีวิตในการทำ CPR ที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในเครื่อง AED ในอุตสาหกรรมที่ทำให้เวลาการเกิดการกระตุกหัวใจภายหลังจากหยุดการกดหน้าอกสั้นที่สุด ซึ่ทั้งสององค์ประกอบเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วย

ZOLL RAPIDSHOCK ANALYSIS*

เครื่องกระตุ้นหัวใจ ZOLL AED 3 และ ZOLL AED 3 BLS ประกอบด้วยเทคโนโลยีการวิเคราะห์ RapidShock RapidShock Analysis ของ ZOLL ซึ่งให้ระยะเวลาการหยุดการวิเคราะห์ที่สั้นที่สุดในอุตสาหกรรม และให้เวลาที่เร็วที่สุดในการกระตุกหัวใจ ตัวเครื่องสามารถวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจของผู้ป่วยได้ภายใน 3 วินาที แล้วตามด้วยการกระตุกหัวใจภายในเวลาสั้น ๆ เพียง 5 วินาที

เกี่ยวกับ ZOLL Medical Corporation

ZOLL Medical Corporation ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Asahi Kasei พัฒนาและทำการตลาดอุปกรณ์ทางการแพทย์และซอฟต์แวร์ที่ช่วยพัฒนาระบบการดูแลฉุกเฉินและช่วยชีวิตผู้ป่วย ในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพทางการแพทย์และการปฏิบัติงานอีกด้วย ด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับการกระตุกหัวใจไฟฟ้าและการตรวจสอบการไหลเวียน และการตอบกลับ CPR การจัดการข้อมูลการบำบัดด้วยออกซิเจนไม่อิ่มตัว การจัดการอุณหภูมิในการรักษาและการระบายอากาศ อนึ่ง ZOLL นำเสนอชุดเทคโนโลยีที่ครอบคลุมที่ช่วยให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน EMS และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรวมทั้งหน่วยกู้ภัย และบุคคลทั่วไปให้สามารถรักษาผู้ประสบภัยที่ต้องการการกู้ชีพและการดูแลขั้นวิกฤตเฉียบพลัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.zoll.com.

เกี่ยวกับ Asahi Kasei

Asahi Kasei Group มีส่วนช่วยในชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2465 เพื่อดำเนินธุรกิจแอมโมเนียและเส้นใยเซลลูโลส ทาง Asahi Kasei ได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจเชิงรุกเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของทุกยุค บริษัทซึ่งมีพนักงานมากกว่า 40,000 คนทั่วโลกมีส่วนช่วยในสังคมที่ยั่งยืนด้วยการนำเสนอวิธีแก้ปัญหาสำหรับความท้าทายของโลกผ่านภาคธุรกิจสามส่วน ได้แก่ วัสดุ บ้าน และการดูแลสุขภาพ การดำเนินงานด้านการดูแลสุขภาพรวมถึงอุปกรณ์และระบบสำหรับการดูแลผู้ป่วยวิกฤตเฉียบพลัน การฟอกเลือด การจัดการการหยุดหายใจ การเปลี่ยนถ่ายเลือด และการผลิตยาชีวบำบัดตลอดจนเภสัชภัณฑ์และน้ำยาตรวจวินิจฉัยเชื้อ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.asahi-kasei.com.

*เทคโนโลยี RapidShock Analysis ไม่มีให้บริการในสหรัฐอเมริกา

ลิขสิทธิ์© 2021 ZOLL Medical Corporation สงวนลิขสิทธิ์  CPR Dashboard, RapidShock, Real CPR Help, RescueNet, Uni-padz, ZOLL และ ZOLL AED 3 เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ ZOLL Medical Corporation ในสหรัฐอเมริกา และ / หรือ ประเทศอื่น ๆ Asahi Kasei เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Asahi Kasei Corporation เครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210105005974/en/

ติดต่อ:

Edna Kaplan

ฝ่ายสื่อสารของ KOGS

+1 (617) 974-8659

kaplan@kogspr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผลิตภัณฑ์ของ Hytera PoC ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการป้องกันสำหรับอุตสาหกรรมความปลอดภัยส่วนบุคคล

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(บิสิเนสไวร์)–4 มกราคม 2564

ผลิตภัณฑ์ของ Hytera PoC ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมการรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลมั่นใจในความปลอดภัยของอาคาร สิ่งของมีค่า และผู้คนโดยการลาดตระเวน รักษาความปลอดภัย และตรวจสอบบริเวณสถานที่ การคุ้มกันเงินสดหรือสิ่งของมีค่าอื่นๆ ระหว่างการขนส่ง และการปกป้องวีไอพี

ความปลอดภัยนั้นเป็นประเด็นสำคัญสูงสุด  เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็วและปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่กระทบต่อความปลอดภัยของทรัพย์สินหรือบุคลากร  จึงจำเป็นต้องมีระบบการสื่อสารที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

PoC ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมความปลอดภัยส่วนตัว

bit.ly/3hlFCqj

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากทำงานในสถานที่ประจำเช่นศูนย์กลางการขนส่ง สถานีไฟฟ้า สำนักงาน ศูนย์การศึกษา โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และอาคารที่พักอาศัย  สำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้ เครือข่ายวิทยุเคลื่อนที่ Professional Mobile Radio (PMR) เฉพาะหรือระบบการสื่อสาร Push-to-Talk over Cellular (PoC) มอบการสื่อสารแบบกลุ่มที่เชื่อถือได้เพื่อการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อภัยคุกคาม

สำหรับองค์กรที่มีงบประมาณจำกัดที่ไม่สามารถใช้งานเครือข่าย PMR ได้ตลอดเวลา ผลิตภัณฑ์ PoC เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายใดๆ เนื่องจากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือมีให้อยู่แล้ว

เพื่อความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในการทำงาน เจ้าหน้าที่มักจำเป็นต้องตรวจสอบและบันทึกสถานการณ์ในสถานที่ทำงานแบบเรียลไทม์  อย่างไรก็ตามการครอบคลุมของกล้องวงจรปิดมักมีพื้นที่ตาบอด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการลาดตระเวนเฝ้าระวังโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย  วิทยุ PoC และกล้องที่สวมใส่ตามร่างกายสามารถจับภาพสิ่งที่เกิดขึ้นและให้หลักฐานภาพและเสียงในภายหลัง

สำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานในบทบาทเคลื่อนที่เช่นการปกป้องวีไอพีอย่างใกล้ชิดหรือการขนส่งสิ่งของมีค่า ปัญหาหลักคือการสื่อสารกับสมาชิกในทีมและสำนักงานอย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ขณะทำการเคลื่อนย้าย

PoC แก้ปัญหานี้ด้วยการครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวางและการสื่อสารแบบกลุ่มที่ราบรื่นผ่าน 3G/4G  นอกจากนี้ PoC ยังช่วยให้ผู้มอบหมายงานมีการรับรู้สถานการณ์มากขึ้นในกรณีฉุกเฉิน โดย 4G รองรับการสตรีมวิดีโอจากที่เกิดเหตุ  GPS สามารถระบุตำแหน่งวีไอพีในสนามแบบเรียลไทม์ซึ่งช่วยให้ผู้มอบหมายงานสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดความรุนแรงให้น้อยที่สุด

ผลิตภัณฑ์ของ Hytera PoC นำเสนอระบบการสื่อสารที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพและการเฝ้าระวังเคลื่อนที่สำหรับอุตสาหกรรมความปลอดภัย โดยใช้เครือข่าย 3G/4G เพื่อการสื่อสารทั่วโลกที่ราบรื่น

ติดต่อ:

Shaowa Cai
shaowa.cai@hytera.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

TIME ยกให้ OptiClean เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ดีที่สุดสำหรับปี 2563

Logo

OptiClean Dual-Mode Air Scrubber & Negative Air Machine ได้รับการยอมรับในด้านการพัฒนานวัตกรรมที่รวดเร็วเพื่อช่วยสร้างสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ดีต่อสุขภาพ

ปาล์มบีช การ์เดน, ฟลอริด้า–(BUSINESS WIRE)–28 ธ.ค. 2563

Carrier’s OptiClean™ Dual-Mode Air Scrubber & Negative Air Machine ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งใน 100 สิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุดของ TIME ประจำปี 2563 โดย OptiClean ได้รับการพัฒนาด้วยนวัตกรรมในช่วงต้นปี 2563 อย่างรวดเร็วเพื่อนำมาช่วยสนับสนุนห้องแยกเชื้อในโรงพยาบาล ในครั้งนี้  OptiClean ได้รับการยกย่องจาก TIME ในหมวดการดูแลรักษาทางการแพทย์ (Medical Care)  ของรายการประจำปีอันทรงเกียรติซึ่งยกย่องสิ่งประดิษฐ์ล้ำสมัยกว่า 100 รายการที่ทำให้โลกมีความน่าอยู่ขึ้นและความชาญฉลาดที่มากขึ้น อนึ่ง บริษัท Carrier เป็นส่วนหนึ่งของ Carrier Global Corporation (NYSE: CARR) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกในด้านอาคารที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี ความปลอดภัยและความยั่งยืนและโซลูชั่นครบวงจรแบบ cold chain solutiions

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ OptiClean ได้รับการยอมรับจาก TIME สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เราพัฒนาและนำออกสู่ตลาดในเวลาที่สั้นเป็นประวัติการณ์ พร้อม ๆ ไปกับการรักษามาตรฐานที่เข้มงวดเพื่อดำรงไว้ซึ่งคุณภาพสูงสุด” Chris Kmetz รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมของ Carrier กล่าว “ ที่ Carrier เรามุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ในการพัฒนาโซลูชันที่ชาญฉลาด ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ว่าด้วยความต้องการที่จำเป็นที่สุดในปัจจุบันนี้ของเรา”

ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโควิด Carrier ได้คิดค้น OptiClean ให้เป็นเครื่องดูดอากาศความดันลบ (negative air machine) สำหรับโรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วย COVID-19 เพื่อช่วยให้โรงพยาบาลสามารถปกป้องผู้ดูแลคนป่วย พนักงานและผู้ป่วย โดย OptiClean สามารถเสียบเข้ากับเต้ารับมาตรฐานและใช้พื้นที่น้อยกว่าสามตารางฟุต  และ OptiClean เป็นเครื่องฟอกอากาศที่สามารถปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในห้องเรียน ร้านอาหาร ศูนย์ทันตกรรมอาคารพาณิชย์และอื่น ๆ อีกมากมายได้โดยการดึงอากาศเข้ามาเพื่อนำมาขัดโดยการใช้แผ่นกรอง HEPA จากนั้นจึงปล่อยอากาศที่สะอาดกว่ากลับเข้าไปในห้องเพื่อลดสิ่งปนเปื้อนในอากาศในห้อง พร้อม ๆ ไปกับการเสนอการป้องกันเพิ่มเติมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบรรเทาผลกระทบโดยรวม

OptiClean เป็นหนึ่งในโซลูชั่นจำนวนหนึ่งที่นำเสนอผ่านโครงการอาคารที่ดีต่อสุขภาพ (Healthy Buildings Program) ของ Carrier ซึ่งเป็นชุดโซลูชั่นขั้นสูงที่เราได้จัดทำขึ้นเพื่อช่วยสร้างสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่มีสุขภาพดีปลอดภัย มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น ทั้งนี้คาดว่าจะวางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยในช่วงต้นเดือนมกราคม หากต้องการเยี่ยมชมรายการสิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุดของ TIME 2563 ทั้งหมด ให้ไปที่ time.com/best-inventions-2020.

เกี่ยวกับ Carrier

Carrier เป็นส่วนหนึ่งของ Carrier Global Corporation และเป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชั่นระบบทำความร้อน เครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็นที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยผู้เชี่ยวชาญของ Carrier จะจัดหาโซลูชั่นที่ยั่งยืนโดยการรวบรวมผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดพลังงาน การควบคุมตรวจสอบอาคารและบริการด้านพลังงานสำหรับลูกค้าในเขตที่อยู่อาศัย ในภาคส่วนพาณิชยกรรมการค้าปลีก การขนส่ง และบริการด้านอาหาร

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201228005140/en/

ติดต่อ:

Ardi Rammanee

+61 81 648 1022

ardi.rammanee@carrier.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

JPMorgan Chase เข้าซื้อกิจการด้านการท่องเที่ยวและลอยัลตี้

Logo

JPMorgan Chase เตรียมยกระดับบริการการท่องเที่ยวแบบครบวงจรหรือ end-to-end ด้วยการซื้อแพลตฟอร์มเทคโนโลยี cxLoyalty ที่ทันสมัยและขยายขนาดได้

นิวยอร์ก–(บิสิเนสไวร์)–29 ธ.ค. 2563

JPMorgan Chase & Co. (NYSE: JPM) และ cxLoyalty Group Holdings ประกาศลงนามในข้อตกลงให้ JPMorgan Chase เข้าซื้อกิจการ Global Loyalty ของ cxLoyalty Group Holdings  ข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชั้นนำของ cxLoyalty ตัวแทนบริการการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ กิ๊ฟการ์ด สินค้า และธุรกิจคะแนนสะสม

“การลงทุนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการมอบสิทธิประโยชน์พิเศษด้านการท่องเที่ยวให้กับฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วของเรา  ผู้คนทั่วโลกต้องการพักผ่อนและเดินทางอีกครั้งและหวังว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นความจริงสำหรับหลายๆ คนในอนาคตอันใกล้นี้  การได้มาซึ่งธุรกิจการท่องเที่ยวและคะแนนสะสม cxLoyalty จะช่วยมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า Chase หลายล้านคนของเราเมื่อพวกเขาพร้อมและมั่นใจในการท่องเที่ยว” Marianne Lake ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Consumer Lending ที่ JPMorgan Chase กล่าว

cxLoyalty เป็นบริษัทด้านลอยัลตี้และเทคโนโลยีการท่องเที่ยวชั้นนำที่มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปี  ความเชี่ยวชาญของพวกเขาในการออกแบบ บริหาร และให้บริการโปรแกรมลอยัลตี้ช่วยเติมเต็มชื่อเสียงของ JPMorgan Chase ในการมอบมูลค่าสูงให้แก่ให้บริการลูกค้า  ข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะช่วยเร่งการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในโครงการลอยัลตี้ต่างๆ ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์ม Chase's Ultimate Rewards และลูกค้าที่มีอยู่ของ cxLoyalty เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ครบวงจรมากขึ้นสำหรับลูกค้าทั้งหมด  แบรนด์ cxLoyalty และความสัมพันธ์กับลูกค้าที่มีอยู่จะยังคงอยู่ภายใต้การนำของซีอีโอของ cxLoyalty Group Todd Siegel

“JPMorgan Chase เป็นพันธมิตรที่เหมาะที่จะการลงทุนในธุรกิจลอยัลตี้ชั้นนำของเรา” Todd Siegel ซีอีโอของ cxLoyalty กล่าว "ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้เราเสริม สร้าง และขยายเทคโนโลยีของเรา มอบเนื้อหาและประสบการณ์ระดับโลกแก่ลูกค้าของเราที่เป็นบริษัท Fortune 500 และลูกค้านับล้านของบริษัทเหล่านี้"

Ms. Lake กล่าวเสริมว่า “JPMorgan Chase ยินดีต้อนรับ Todd และ cxLoyalty และหวังว่าจะได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าร่วมของเรา”

ลูกค้าบัตรเครดิตของ JPMorgan Chase จะยังคงใช้ Ultimate Rewards ตามปกติและเมื่อเวลาผ่านไปจะสามารถเข้าถึงประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

เกี่ยวกับ JPMorgan Chase & Co.

JPMorgan Chase & Co. (NYSE: JPM) เป็นบริษัทให้บริการทางการเงินชั้นนำระดับโลกที่มีทรัพย์สิน 3.2 ล้านล้านดอลลาร์และการดำเนินงานทั่วโลก  บริษัทเป็นผู้นำด้านวาณิชธนกิจ บริการทางการเงินสำหรับผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็ก การธนาคารพาณิชย์ การประมวลผลธุรกรรมทางการเงิน และการจัดการสินทรัพย์  JPMorgan Chase & Co. เป็นองค์ประกอบของดีชนี Dow Jones Industrial Average และให้บริการลูกค้าหลายล้านรายในประเทศสหรัฐอเมริกาและองค์กร สถาบัน และรัฐบาลชั้นนำของโลกภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของ JP Morgan Chase  ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ JPMorgan Chase & Co สามารถใช้ได้ที่ www.jpmorganchase.com

อ่านต้นฉบับใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201228005218/en/

ติดต่อ:

Amy Bonitatibus, Chief Communications Officer (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสาร), Chase, amy.m.bonitatibus@jpmorgan.com 

Ashley Dod, head of Card Communications (หัวหน้าฝ่ายสื่อสารบัตร), Chase, ashley.e.dodd@chase.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

AI-OCR “DX Suite” เริ่มรองรับหลายภาษา เพื่อเริ่มต้นธุรกิจระหว่างประเทศ

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–23 ธ.ค. 2563

AI inside Inc. (TOKYO: 4488) ประกาศในวันนี้ว่าด้วยบริการใหม่สำหรับการรองรับหลายภาษาบน AI-OCR "DX Suite" โดยการใช้งาน AI-engine ที่ได้รับการเปิดตัวใหม่ ที่สามารถอ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษจีนแบบตัวเต็ม อักษรไทยและเวียดนามได้ การใช้งาน AI Inside จะเริ่มขยายไปทั่วโลกโดยเริ่มจากตลาดเอเชียเป็นอันดับแรก

ภาพรวม

ด้วยการใช้งาน AI-OCR "DX Suite" ทาง AI Inside ได้มีส่วนช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและผลผลิตของบริษัทและเขตเทศบาลต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นผ่านอ่านตัวอักษรแบบพิมพ์และแบบเขียนด้วยลายมือที่มีความแม่นยำสูง นอกจากนี้ AI inside ยังได้พัฒนา AI-engine สำหรับอ่านภาษาต่างประเทศเพื่อขยายความพร้อมใช้งานของ "DX Suite" จากญี่ปุ่นไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดย AI-engine ภาษาต่างประเทศนี้สามารถให้ความแม่นยำในเชิงพาณิชย์ในการอ่านตัวอักษรของภาษาอังกฤษ จีนตัวเต็ม ไทยและเวียดนาม ปัจจุบันนี้ได้มีการประกาศความพร้อมในการให้บริการหลายภาษานี้บน "DX Suite" เวอร์ชันคลาวด์แล้ว สำหรับผู้ใช้ปัจจุบันของ "DX Suite" เวอร์ชันคลาวด์ ท่านสามารถใช้บริการหลายภาษานี้ได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนเพิ่มเติม อนึ่ง ด้วยการใช้ระบบการอ่านหลายภาษาที่มีความแม่นยำสูงนี้ทำให้ AI Inside สามารถนำเสนอ "DX Suite" ให้กับบริษัทท้องถิ่นในไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ทำให้สามารถใช้งานได้แล้วทั่วโลก

โปรดไปที่หน้าผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ของเราเพื่อดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ล่าสุด

ไปที่หน้าผลิตภัณฑ์: https://dx-suite.com/global/lp/

กลยุทธ์ทางธุรกิจและแผนการในอนาคต

AI inside กำลังมองหาพันธมิตรทางธุรกิจในไต้หวัน ไทยและเวียดนามเพื่อทำงานร่วมกันในกิจกรรมการตลาดและการขาย การรวบรวมข้อมูลการฝึกอบรมเพื่อปรับปรุงความแม่นยำของโมเดล และรวบรวมและจัดการความคิดเห็นหรือฟีดแบ็คของผู้ใช้ ทั้งนี้ AI inside ซึ่งร่วมมือกับพันธมิตร มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงความแม่นยำและประสบการณ์ของผู้ใช้เพื่อที่จะเป็นบริษัทอันดับ 1 ด้านบริการ AI-OCR ในไต้หวัน ไทย และเวียดนาม

นอกเหนือไปจากนี้ AI Inside จะยังคงพัฒนาและเพิ่มการรองรับภาษาและตัวอักษรอื่น ๆ ด้วยการใช้ "DX Suite" และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อื่น ๆ โดยมุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมในการแพร่การใช้งานของ AI ไปยังทุกภาคส่วนและแง่มุมของสังคม

เกี่ยวกับ "DX Suite"

"DX Suite" เป็นบริการ AI-OCR ที่มีเอกลักษณ์พร้อมกับ "การใช้ระบบอ่านตัวอักษร AI " ซึ่งพัฒนาโดย AI Inside ทั้งนี้ "DX Suite" ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้การทำงานของทุกคนง่ายขึ้นด้วยการตั้งค่า OCR และเวิร์กโฟลว์โดยการคลิกเมาส์เพียงไม่กี่ครั้ง

DX Suite ให้ความแม่นยำสูงในการอ่านอักขระที่เขียนด้วยลายมือซึ่งยากต่อการประมวลผลด้วย OCR แบบเดิม และยังป้อนข้อมูลได้โดยอัตโนมัติซึ่งแตกต่างไปจากที่เป็นมา ขณะนี้บริการได้รองรับภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ จีนตัวเต็ม ไทย และเวียดนามแล้ว ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 จำนวนผู้ใช้ "DX Suite" มีมากกว่า 12,700 รายซึ่งมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในอุตสาหกรรมและบริษัทต่าง ๆ

หน้าผลิตภัณฑ์: https://dx-suite.com/global/lp/

เกี่ยวกับ AI inside Inc.

พันธกิจของเรา "คือการนำ AI ไปสู่ทุกสิ่งในโลกและมีส่วนร่วมในสังคมอนาคตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น" ครอบคลุมเป้าหมายของเราในการช่วยเผยแพร่ AI ไปยังทุกแง่มุมของสังคม เรามีฮาร์ดแวร์ "AI inside Cube" สำหรับใช้การรัน AI เรามีซอฟต์แวร์ "AI inside Learning Center" สำหรับสร้าง AI และมีซอฟต์แวร์"DX Suite" สำหรับการใช้งาน AI

สำนักงานใหญ่: ชั้น 4, 3-8-12 ชิบูย่าชิบูย่า – คุ, โตเกียว, ญี่ปุ่น

URL: https://inside.ai

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อฝ่ายขาย: ข้อมูลผลิตภัณฑ์และพันธมิตรทางธุรกิจ

Shiori Soma ทีมขายทั่วโลกฝ่ายพัฒนาธุรกิจ

อีเมล: global@inside.ai

โทร: +81 3 5468 5041

สำหรับสื่อ:

Mizue Matsui ทีมประชาสัมพันธ์

อีเมล: pr@inside.ai

Aptorum Group ประกาศยื่นขอการทดลองทางคลินิกสำหรับยา ALS-4 ซึ่งเป็นยาโมเลกุลขนาดเล็กที่ให้ผ่านทางปากเพื่อรักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรียสตาฟิโลคอคคัสออเรียส รวมถึงแบคทีเรียสตาฟิโลคอคคัสออเรียสที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน (MRSA)

Logo

นิวยอร์ก & ลอนดอน & ปารีส–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2563

ข่าวระเบียบข้อบังคับ:

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM, Euronext Paris: APM) (“Aptorum Group” หรือ “Aptorum”) บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่มุ่งเน้นเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับรักษาโรคประจำตัวและโรคติดเชื้อชนิดต่าง ๆ ประกาศว่าบริษัทได้ยื่นขอทำการทดลองทางคลินิก (CTA) ต่อ Public Health Agency of Canada หรือ Health Canada ผ่าน Aptorum International Limited  บริษัทย่อยที่เป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการทดลองทางคลินิกในระยะที่ 1 ของ ALS-4 ซึ่งเป็นยาโมเลกุลขนาดเล็กสำหรับให้ผ่านทางปากเพื่อรักษาอาการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส รวมถึงแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน (MRSA) การทดลองในระยะที่ 1 ซึ่งอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก Health Canada นั้น กำหนดให้มีการทดสอบ ALS-4 ด้านความปลอดภัย ความทนต่อยา และเภสัชจลนศาสตร์กับอาสาสมัคร

Dr. Clark Cheng ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์และกรรมการบริหาร Aptorum Group กล่าวว่า “หลังได้มีการแจ้งความคืบหน้าไปเมื่อเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมา เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ประกาศให้ทราบถึงการยื่นขอทำการทดลองทางคลินิก ซึ่งแสดงถึงอีกก้าวสำคัญด้านการพัฒนาในโครงการยาปฏิจุลชีวนะ ALS-4 ของเรา ALS-4 เป็นโมเลกุลขนาดเล็กชนิดใหม่ซึ่งใช้วิธียับยั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรค หรือ anti-virulence (ที่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ) เพื่อรับมือกับความต้องการทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นในเรื่องของโรคติดเชื้อซึ่งมีสาเหตุจากแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ALS-4 เป็นยาที่ให้ผ่านทางปาก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายด้านสุขภาพทั่วโลกที่มุ่งส่งเสริมให้เปลี่ยนการรักษาด้วยยาปฏิจุลชีวนะจากการให้ยาผ่านหลอดเลือดดำมาเป็นมาการให้ยาทางปากแทน1,2,3 จากข้อมูลภายในที่ได้จากการทดลองก่อนทดสอบในมนุษย์ (preclinical) ของเรา ซึ่งเตรียมที่จะเข้าสู่การทดลองทางคลินิกต่อไปนั้น พบว่า ALS-4 สามารถใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะทีมีอยู่แล้วอย่าง (เช่น vancomycin) เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโดยเฉพาะในกรณีที่รุนแรง เช่นเดียวกัน เราเชื่อว่ายา ALS-4 สำหรับรับประทานของเราสามารถรักษาการติดเชื้อต่าง ๆ ที่เกิดจากแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) แบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน และการติดเชื้อที่ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน ซึ่งจะมีการทดสอบทางคลีนิกต่อไปตามลำดับ”

การทดลองทางคลินิกในระยะที่ 1 มีแผนที่จะดำเนินการในประเทศแคนาดา และตั้งเป้ารับสมัครอาสาสมัครสำหรับการให้ยาคนละครั้งเดียวโดยเพิ่มขนาด (SAD) ทั้งหมด 48 ราย และการให้ยาคนละหลายครั้งโดยเพิ่มขนาด (MAD) ทั้งหมด 32 ราย ตามลำดับ วัตถุประสงค์หลักของการทดลองครั้งนี้คือประเมินความปลอดภัยและความทนต่อยาจากการให้ยา ALS-4 ทางปากทั้งแบบ SAD และ MAD กับตัวอย่างที่มีร่างกายแข็งแรง วัตถุประสงค์รองของการทดลองครั้งนี้คือประเมินคุณลักษณะด้านเภสัชจลนศาสตร์จากการให้ยา ALS-4 ทางปากทั้งแบบ SAD และ MAD กับตัวอย่างที่มีร่างกายแข็งแรง

เกี่ยวกับ ALS-4

ALS-4 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มโรคติดเชื้อ Acticule โดย Aptorum Group เป็นยาโมเลกุลขนาดเล็กสำหรับให้ทางปากตัวแรกในกลุ่ม (first-in-class) ที่ใช้ใช้วิธียับยั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรค (ที่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ) โจมตีแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส รวมถึงแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน (MRSA) เป้าหมายของ ALS-4 คือการยับยั้งความรุนแรงของแบคทีเรียและทำให้มีความไวรับสูงต่อช่วงที่ร่างกายเริ่มทำงานเพื่อกำจัดเชื้อ (immune clearance) รวมถึงมีแนวโน้มที่จะให้ผลดีขึ้นเมื่อให้ร่วมกับยาปฏิชีวนะที่มีอยู่ในปัจจุบัน

เกี่ยวกับ Aptorum Group

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM, Euronext Paris: APM) เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ที่อุทิศตนเพื่อการคิดค้น พัฒนา และนำเทคโนโลยีการรักษาและวินิจฉัยมาใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อจัดการกับความต้องการด้านการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรคติดเชื้อและมะเร็ง (รวมถึงยากำพร้าที่ใช้รักษาโรคเนื้องอก) ช่องทางพัฒนาของ Aptorum ยังเติมเต็มด้วยการก่อตั้งแพลตฟอร์มคิดค้นยาที่นำมาสู่การค้นพบผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาโรคใหม่ ๆ จากโครงการต่าง ๆ เช่นการคัดกรองโมเลกุลยาที่ได้รับการอนุมัติในปัจจุบันอย่างเป็นระบบ และแพลตฟอร์มวิจัยด้านไมโครไบโอมสำหรับการรักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของเมตาบอลิซึม นอกเหนือจากเป้าหมายหลักที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บริษัทยังเดินหน้าคิดค้นโปรแกรมการรักษาและวินิจฉัยโรคต่าง ๆ ทางด้านประสาท ทางเดินอาหาร ความผิดปกติของเมตาบอลิซึม สุขภาพสตรี และด้านอื่น ๆ นอกจากนี้ Aptorum ยังมีโครงการที่มุ่งเน้นในเรื่องหุ่นยนต์ผ่าตัดและอาหารเสริมธรรมชาติสำหรับสตรีที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนซึ่งได้รับผลกระทบจากอาการดังกล่าว

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aptorum Group โปรดดูที่ www.aptorumgroup.com

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบและข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้เข้าซื้อหลักทรัพย์ใด ๆ ของ Aptorum Group

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Aptorum Group Limited และความคาดหวังในอนาคต แผน และโอกาสในอนาคตซึ่งเป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ภายใต้ความหมายของพระราชบัญญัติปฏิรูปกฎหมายฟ้องร้องหลักทรัพย์เอกชนปี พ.ศ. 2538 ข้อความที่มีอยู่ในเอกสารฉบับนี้ซึ่งไม่ใช่แถลงการณ์ของข้อเท็จจริงในอดีตอาจถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ในบางกรณีคุณสามารถระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าโดยใช้คำเช่น “อาจ” “ควร” “คาดว่า” “มีแผนจะ” “คาดการณ์” “อาจจะทำได้” “ตั้งใจว่า” “มีเป้าหมายว่า” “มีโครงการว่า" "พิจารณาจะ" "เชื่อว่า" "ประเมินว่า" "พยากรณ์" "มีศักยภาพจะ" หรือ "จะดำเนินการต่อ" หรือคำตรงข้ามของคำเหล่านี้หรือสำนวนอื่น ๆ ที่คล้ายกัน มาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตที่เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ สถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงาน ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตของ Aptorum Group ซึ่งรวมถึงข้อความเกี่ยวกับระยะเวลาที่คาดการณ์ไว้สำหรับการยื่นขอทำการทดลองและการทำการทดลอง พิจารณาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ ณ  ปัจจุบันต่อเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตที่เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ สถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงาน ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้เป็นปัจจุบัน ณ วันที่เผยแพร่ และอยู่ภายใต้ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และข้อสันนิษฐาน รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ประกาศไว้และการเปลี่ยนแปลงองค์กร การให้บริการอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการขยายการจัดประเภทผลิตภัณฑ์โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มเติม กลยุทธ์การเติบโตของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มและความท้าทายที่คาดการณ์ไว้ในธุรกิจของบริษัท และความคาดหวังเกี่ยวกับเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงอย่างเต็มที่อธิบายไว้ในแบบฟอร์ม 20-F ของ Aptorum Group และเอกสารอื่น ๆ ที่ Aptorum Group อาจทำกับ กลต. ในอนาคต รวมถึงหนังสือชี้ชวนหมายเลข visa n°20-352 ที่ได้รับจาก Autorité des Marchés Financiers ประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563

ฉะนั้นการคาดคะเนต่าง ๆ ในข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลังและผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงอาจแตกต่างจากที่คาดการณ์ไว้ ณ ที่นี้ Aptorum Group ปฏิเสธข้อผูกมัดใด ๆ ในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีอยู่ในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้อันเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

ประกาศนี้ไม่ถือเป็นการชี้ชวนภายใต้ความหมายที่กำหนดไว้ใน Regulation (EU) n°2017/1129 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ตามที่แก้ไขโดย Regulations Delegated (EU) n°2019/980 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562 และ n°2019/979 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562

เนื้อหาในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้ถูกนำเสนอ “ตามสภาพ” โดยไม่อาจรับรองหรือรับประกันใด ๆ


1 https://www.gloshospitals.nhs.uk/gps/antimicrobial-resources/adult-antibiotic-treatment-guidelines-site-infection/iv-oral-switch-guideline/ และ https://www.dbth.nhs.uk/wp-content/uploads/2017/10/IV-to-oral-switch-and-5-day-stop-policy.pdf
2 https://hgs.uhb.nhs.uk/wp-content/uploads/Guidelines-for-Antimicrobial-Prescribing-v5.0.pdf
3 https://www.jwatch.org/na48403/2019/02/12/sequential-intravenous-oral-treatment-mrsa-bacteremia

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201221005196/en/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
Aptorum Group Limited
แผนกนักลงทุนสัมพันธ์:
investor.relations@aptorumgroup.com
+44 20 80929299

Redchip – ฝ่ายสื่อสารด้านการเงินประจำสหัรฐอเมริกา
งานนักลงทุนสัมพันธ์
Dave Gentry
dave@redchip.com
+1 407 491 4498

Actifin – ฝ่ายสื่อสารด้านการเงินประจำภูมิภาคยุโรป
งานนักลงทุนสัมพันธ์
Ghislaine Gasparetto
ggasparetto@actifin.fr
+33 1 56 88 11 22

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย