งานเทศกาล Jeonju Kimchi Culture Festival ประจำปี 2564 จัดขึ้นที่จอนจู เมืองแห่งรสชาติ

Logo

จอนจู เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–18 พฤศจิกายน 2564

งานเทศกาลที่ผู้เข้าร่วมสามารถเรียนรู้การทำกิมจิซึ่งเปิดในจอนจู เมืองแห่งรสชาติ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211116006491/en/

A festival where participants can learn Kimchi making in Jeonju, the city of taste, 2021 Jeonju Kimchi Culture Festival is held online and across Jeonju city from November 2 to 30. The festival offers various programs including Kimchi making, Kimchi sharing, Kimchi culture tour, and other specialized programs. (Photo: Business Wire)

งานเทศกาลที่ผู้เข้าร่วมสามารถเรียนรู้การทำกิมจิในจอนจู เมืองแห่งรสชาติ Jeonju Kimchi Culture Festival ประจำปี 2564 จัดขึ้นทางออนไลน์และทั่วทั้งเมืองจอนจู ตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 30 พฤศจิกายน เทศกาลนำเสนอโปรแกรมที่หลากหลาย รวมถึงการทำกิมจิ การแบ่งปันกิมจิ ทัวร์วัฒนธรรมกิมจิ และโปรแกรมที่มีความชำนาญพิเศษอื่น ๆ (ภาพ: Business Wire)

เมืองจอนจูประกาศว่างานเทศกาล Jeonju Kimchi Culture Festival ประจำปี 2564 ที่จัดงานโดยศูนย์ Jeonju Food Integrated Support Center จะมีขึ้นทางออนไลน์และทั่วทั้งบริเวณเมืองรวมถึงสนามกีฬา Jeonju Stadium ตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 30 พฤศจิกายน

เทศกาล Jeonju Kimchi Culture Festival จัดขึ้นเป็นครั้งที่สามของปีนี้ ซึ่งจัดแสดงในสถานที่ต่าง ๆ ในเวลาที่แตกต่างกันโดยคำนึงถึงสถานการณ์ของโควิด-19 แม้ว่าเทศกาลปีที่แล้วได้จัดให้มีโปรแกรมที่มอบประสบการณ์การทำกิมจิ (กิมจัง หรือ Kimjang) ให้เป็นงาน Drive-Thru เท่านั้น แต่ในปีนี้จะจัดขึ้นทั้งแบบ Drive-Thru และจัดงานนอกสถานที่อีกด้วย

งานเทศกาลนี้นำเสนอทั้งหมด 12 โปรแกรม รวมถึงการทำกิมจิ การแบ่งปันกิมจิ ทัวร์วัฒนธรรมกิมจิ และโปรแกรมที่มีความชำนาญพิเศษอื่น ๆ

Kimjang experience ซึ่งเป็นโปรแกรมหลักที่จะจัดขึ้นเป็นงาน Drive-Thru ในวันที่ 19 พฤศจิกายน โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน 450 ครอบครัว ในวันที่ 20 และ 21 จำนวน 150 ครอบครัว แบ่งเป็นกลุ่มละ 25 ครอบครัวต่อการเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์การทำกิมจิที่สนามกีฬา Jeonju Stadium นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์ Kimjang experience สำหรับครอบครัวหลากหลายทางวัฒนธรรมและนักเรียนต่างชาติ ซึ่งจัดขึ้นให้ที่ศูนย์ Jeonju Kimchi Cultural Center และมหาวิทยาลัยในแต่ละแห่ง

ในวันที่ 19 และ 20 จะมีการจัดกิจกรรมแบ่งปันกิมจิ องค์กรและกลุ่มต่าง ๆ ในจอนจูจะมอบกิมจิให้กับชั้นเรียนที่ถูกละเลยไป โปรแกรมนี้ยังรวมกิจกรรม 'การแบ่งปันกิมจิด้วยเรื่องราว หรือ Kimchi Sharing with Story' ที่ผู้เข้าร่วมสามารถส่งกิมจิไปยังคนที่พวกเขาต้องการแสดงความขอบคุณหรือเพื่อนบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือ

Two-day Kimchi culture tour ประกอบด้วยโปรแกรม 'นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์กิมจัง หรือ Kimjang Experience for Tourists' ซึ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์การทำกิมจิไปพร้อม ๆ กับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม รวมทั้ง 'โรงเรียนกิมจิที่แสนอร่อย หรือ Delicious Kimchi School' และโปรแกรมการทำกิมจิสุดพิเศษ 1 กิโลกรัม โดยผู้เข้าร่วมสามารถลองทำกิมจิหลากหลายชนิดที่ใช้ผลิตผลจากฟาร์มท้องถิ่นของจอนจู

นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย อย่างเช่น การประกวดกิมจิกำหนดไว้ที่ 20 ครอบครัว สัมผัสประสบการณ์การนวดข้าว และโซนภาพถ่าย

ผักกะหล่ำปลีที่ใช้ในช่วงเทศกาลจะจัดหามาจากบ้านไร่ทั่วจอนจูและนำไปหมักเกลือที่โรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน HACCP ส่วนเครื่องปรุงต่าง ๆ อย่างเช่น พริกแดงและหัวไชเท้า จะใช้เฉพาะที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยสำหรับสินค้าเกษตรเท่านั้น หลังจากเสร็จสิ้นงานเทศกาลผักกะหล่ำปลีและเครื่องปรุงรสที่เหลือจะวางขายที่ตลาด Kimchi Street Farmers’ Market ซึ่งจะเปิดให้บริการในวันที่ 25-27 พฤศจิกายนในร้าน Jeonju Food store

เจ้าหน้าที่ศูนย์ Jeonju Agricultural Technology Center กล่าวว่า “ท่ามกลางการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ความเป็นเลิศของกิมจิที่มีต่อสุขภาพของมนุษย์ได้รับการตรวจสอบยืนยันทั่วโลก เราได้เตรียมเทศกาลนี้เพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสประสบการณ์และเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำกิมจิแบบดั้งเดิมของเกาหลี ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางด้านวัฒนธรรมที่ของมนุษยชาติขององค์การยูเนสโก (UNESCO Intangible Cultural Heritage of Humanity)”

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211116006491/en/

ติดต่อ:

JEONJU CITY
Inuk Hwang
+82-63-281-2226
inuk0614@korea.kr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Enviva และ J-Power ร่วมมือกันลดก๊าซคาร์บอนจากการผลิตไฟฟ้าในญี่ปุ่น

Logo

Enviva จะทำงานร่วมกับ J-Power เพื่อพัฒนาห่วงโซ่อุปทานของพลังงานชีวมวลจากต้นไม้อย่างยั่งยืนในปริมาณที่สูงถึง 5 ล้านเมตริกตัน เพื่อทดแทนพลังงานถ่านหินในโรงไฟฟ้าของ J-Power

เบเธสด้า รัฐแมริแลนด์ และโตเกียว–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2564

Enviva Partners, LP (NYSE:EVA) (“Enviva”) บริษัทพลังงานทดแทนระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านพลังงานชีวภาพที่ยั่งยืนจากต้นไม้ และบริษัท Electric Power Development จำกัด ในโตเกียว (TYO:9513) (“J-Power” ) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) สำหรับการจัดหาพลังงานชีวมวลจากต้นไม้อย่างยั่งยืนขนาดใหญ่สำหรับใช้งานในระยะยาวจากโรงงานผลิตของ Enviva ในตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาไปยังโรงไฟฟ้าถ่านหินของ J-Power ในญี่ปุ่น ข้อตกลงดังกล่าวจัดทำมาเพื่อพัฒนาแผนปฏิบัติการการลงทุน โดยที่ Enviva จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพื่อผลิตและส่งมอบเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดที่ยั่งยืนมากถึง 5 ล้านเมตริกตัน เพื่อทดแทนถ่านหินในโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงของ J-Power ที่มีอยู่เป็นการถาวร ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการสาธารณูปโภคได้ การลงนามครั้งนี้จะสร้างกรอบการทำงานเพื่อพัฒนาบทบาทของพลังงานชีวมวลในฐานะแหล่งพลังงานทดแทนและยั่งยืน และช่วยให้ J-Power บรรลุเป้าหมาย “Blue Mission” ภารกิจสีน้ำเงินในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211116006425/en/

Enviva’s wood pellet storage dome at the Port of Chesapeake in Virginia, U.S. (Photo: Business Wire)

โดมเก็บเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดของ Enviva ที่ท่าเรือเชสพีก รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา (ภาพ: Business Wire)

Thomas Meth ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาดของ Enviva กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายระดับโลกที่ต้องใช้วิธีแก้ปัญหาระดับโลก Enviva มีผลงานอันเป็นที่ยอมรับในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ ปรับขนาดได้ และยั่งยืน ซึ่งในปัจจุบันได้ส่งมอบพลังงานที่ช่วยลดก๊าซคาร์บอนมหาศาลให้แก่ผู้ผลิตไฟฟ้าและอุตสาหกรรมทั่วโลก เรามีความยินดีที่ความร่วมมือกับ J-Power จะช่วยให้บริษัทด้านสาธารณูปโภคชั้นนำในญี่ปุ่นบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศด้วยฐานพลังงานที่เชื่อถือได้ ซึ่งช่วยเติมเต็มความสมดุลระหว่างลมและแสงอาทิตย์”

ในเดือนเมษายน ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยคาร์บอนลง 40% หรือเกือบสองเท่าของเป้าหมายปี 2030 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 26% ในปี 2013 โดยร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ที่ยกเลิกการใช้ถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลต่าง ๆ เพื่อเร่งต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการลดก๊าซคาร์บอนของรัฐบาล J-Power ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินทั้งหมด 8.4 กิกะวัตต์ ได้ประกาศแผนต่าง ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ การเลิกใช้โรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่เก่าแล้วและหันมาใช้พลังงานชีวมวลหรือแอมโมเนียแทน

ภายใต้ข้อตกลง ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันประเมินวิธีการที่ยั่งยืนและคุ้มค่าที่สุดในการส่งมอบศักยภาพของโครงการแปลงถ่านหินเป็นพลังงานชีวมวล เช่น ความมั่นคงในการจัดหา การรองรับของเสียที่ท่าเรือ การขนส่งและการจัดเก็บ มาตรการด้านความปลอดภัย และเศรษฐศาสตร์โครงการ การลงทุนดังกล่าวจะใช้ประโยชน์จากโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงของ J-Power โดยการนำกลับมาใช้ใหม่ผ่านการแปลงสภาพ ซึ่งอาจทำให้เกิดโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้งแบบเฉพาะและแบบใช้เชื้อเพลิงร่วมขึ้น

การเปลี่ยนโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอยู่มาเป็นการใช้พลังงานชีวมวลอย่างยั่งยืนเป็นหนึ่งในวิธีที่รวดเร็วและคุ้มค่าที่สุดในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 80% ตลอดวงจรชีวิตของโรงงาน ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาตำแหน่งงานไว้ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน โครงการแปลงถ่านหินเป็นพลังงานชีวมวลช่วยให้โรงไฟฟ้าถ่านหินเดิมสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างคุ้มค่าด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดหา การผลิตพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานแบบกริดที่มีอยู่ พลังงานชีวมวลต่างจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ และไม่ได้ขึ้นอยู่กับการขยายโครงข่ายไฟฟ้า

Shinsuke Suzuki ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพลังงานความร้อนและการสร้างมูลค่าของ J-Power กล่าวว่า “เรามั่นใจว่าการเป็นหุ้นส่วนกับ Enviva ซึ่งมีผลงานในการจัดหาพลังงานชีวมวลอย่างยั่งยืนและเชื่อถือได้ จะสนับสนุนความพยายามของ J-Power ในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ การรวมเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงของ J-Power เพื่อใช้เชื้อเพลิงที่เป็นของแข็งและความสามารถในการจัดการอุปทานระดับโลกของ Enviva จะช่วยให้เราบรรลุความคาดหวังของสังคมในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ควบคู่ไปกับการจัดหาพลังงานที่ยั่งยืนได้”

พลังงานชีวมวลที่จัดหาโดย Enviva ภายใต้ข้อตกลงจะได้รับการรับรองภายใต้เกณฑ์ความยั่งยืนในปัจจุบันของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งรักษาและดูแลสภาพ การเติบโต และปริมาณของป่าไม้ในระยะยาว มาตรฐานความยั่งยืนของสหภาพยุโรปจะรับประกันว่าพลังงานชีวมวลต้องมาจากป่าที่มีการจัดการอย่างยั่งยืน และมีการปลูกทดแทนเท่านั้น ทำให้มั่นใจได้ว่าปริมาณก๊าซคาร์บอนจะคงที่หรือเพิ่มขึ้น ซึ่งการตัดไม้จะถูกกฎหมาย และมีการป้องกันการตัดไม้ในพื้นที่คุ้มครองธรรมชาติ โดยคำนึงถึงคุณภาพดินและความหลากหลายทางชีวภาพ

เมื่อต้นปีนี้ Enviva ได้ประกาศ Net-Zero Commitment หรือ ความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งจะลด กำจัด หรือชดเชยการปล่อยมลพิษโดยตรงทั้งหมดภายในปี 2573 Enviva ตกลงที่จะใช้กระบวนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ทันสมัยและได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นผ่านการลงทุนในโครงการที่ส่งผลให้มีการลดก๊าซคาร์บอนสุทธิเพิ่มเติมจริง ๆ และได้รับการรับตรวจสอบจากบุคคลที่สามแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนและเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573 ของ Enviva คลิกที่นี่ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Blue Mission 2593 ของ J-Power คลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Enviva
Enviva (NYSE:EVA) รวบรวมทรัพยากรธรรมชาติ เส้นใยไม้ และแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดที่เคลื่อนย้ายได้ Enviva จำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดส่วนใหญ่ผ่านการทำสัญญารับซื้อลผิตภัณฑ์ด้วยเงื่อนไข take-or-pay กับลูกค้าที่น่าเชื่อถือในสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น Enviva เป็นเจ้าของและดำเนินการโรงงาน 10 แห่งโดยมีกำลังการผลิตรวมกันประมาณ 6.2 ล้านเมตริกตันต่อปีในเวอร์จิเนีย นอร์ทแคโรไลนา เซาท์แคโรไลนา จอร์เจีย ฟลอริดา และมิสซิสซิปปี้ นอกจากนี้ Enviva ยังส่งออกเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดผ่านท่าเทียบเรือของบริษัทที่ท่าเรือเชสพีก รัฐเวอร์จิเนีย ท่าเรือวิลมิงตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา และท่าเรือปาสคากูลา รัฐมิสซิสซิปปี้ และจากท่าจอดเรือของบริษัทอื่นในสะวันนา รัฐจอร์เจีย โมบายล์ รัฐแอละแบมา และเมืองปานามาซิตี้ รัฐฟลอริดา

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Enviva โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ envivabiomass.com หรือติดตาม Enviva ทางโซเชียลมีเดียได้ที่ @Enviva

เกี่ยวกับ Electric Power Development Co., Ltd. (J-Power)
Electric Power Development Co., Ltd. (J-Power) เป็นผู้ผลิตและผู้ขายไฟฟ้าทั้งหมดจากประเทศญี่ปุ่น J-Power มีกำลังการผลิต 18,250 เมกะวัตต์ (MW) ในโรงไฟฟ้าจำนวน 97 แห่งในญี่ปุ่น โดยคิดเป็นส่วนแบ่งพลังน้ำประมาณ 47% และพลังงานความร้อนประมาณ 50% ตามลำดับ J-Power กำลังพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เช่น พลังงานลมหรือความร้อนใต้พิภพ โดยมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1,500 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 J-Power มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 6,544 เมกะวัตต์ ใน 33 แห่งทั่วโลก เช่น ในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา และจีน

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 J-Power ได้ประกาศ “Blue Mission 2050” ภารกิจสีน้ำเงินในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593  พร้อมกับเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 40% ภายในปี 2573 ซึ่งเทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยของการปล่อยก๊าซจริงจำนวน 3 ปีในปี 2560-2562 และเพื่อให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 แผนงานดังกล่าวประกอบด้วยการเปลี่ยนจากถ่านหินเป็นไฮโดรเจนที่ปราศจากคาร์บอน การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน การพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์โดยปราศจากคาร์บอน และการขยายโครงข่ายไฟฟ้าให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของญี่ปุ่น

ข้อควรระวังเกี่ยวกับข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต
ข้อมูลที่รวมอยู่ในที่นี้และในแถลงการณ์ด้วยวาจาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่นี้ รวมถึง “ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า” ภายใต้ความหมายตามมาตรา 27A ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมและมาตรา 21E ของพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ปี 1934 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม ข้อความทั้งหมด นอกเหนือจากข้อความปัจจุบันหรือข้อเท็จจริงในอดีตที่รวมอยู่ในที่นี้ ซึ่งเกี่ยวกับผลการดำเนินงานทางการเงินในอนาคตของ Enviva ตลอดจนกลยุทธ์ของ Enviva การดำเนินงานในอนาคต ฐานะการเงิน รายได้โดยประมาณและการขาดทุน ต้นทุนที่คาดการณ์ โอกาสในอนาคต แผนงาน และวัตถุประสงค์ของการจัดการ สิ่งเหล่านี้มีลักษณะเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า เมื่อใช้ในที่นี้ ซึ่งรวมถึงถ้อยคำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่นี้ คำว่า “อาจ” “ควร” “จะ” “อาจ” “เชื่อ” “คาดการณ์” “ตั้งใจ” “ประมาณการ” “คาดว่า ” “โครงการ” คำเชิงลบดังกล่าวและคำอื่น ๆ ที่มีความหมายคล้ายกันที่มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า แม้ว่าจะไม่ใช่ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าทั้งหมดเหมือนคำที่ระบุไว้ก็ตาม ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้อิงตามการคาดการณ์และสมมติฐานในปัจจุบันของฝ่ายบริหารเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต และอิงจากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวกับผลลัพธ์และระยะเวลาของเหตุการณ์ในอนาคต นอกเหนือจากที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนดเป็นอย่างอื่น Enviva จะปฏิเสธหน้าที่ในการแก้ไขหรือปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ซึ่งทั้งหมดมีคุณสมบัติโดยชัดแจ้งตามข้อความในส่วนนี้เพื่อสะท้อนเหตุการณ์หรือสถานการณ์หลังจากวันที่ในที่นี้ Enviva ขอเตือนท่านว่าข้อความเชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่คาดเดาได้ยาก และหลายข้อความอยู่นอกเหนือการควบคุมของ Enviva

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211116006425/en/

ติดต่อ:

Enviva
Maria Moreno
media@envivabiomass.com
+1-301-657-5560

J-Power
+81-3-3546-2211

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Icure ได้รับการอนุมัติผลิตภัณฑ์ยาสำหรับแผ่นแปะผิวหนัง Donepezil Patch ตัวแรกของโลกสำหรับการรักษาภาวะสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์ในเกาหลี

Logo

  • แผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch ตัวแรกของโลกได้รับการอนุมัติสำหรับยากลุ่ม incrementally modified drug
  • กำลังจะเปิดตัวในปี 2565 ความพร้อมใช้งานจะขยายไปสู่ตลาดโลก

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–16 พฤศจิกายน 2564

Icure Pharmaceutical Inc. (KOSDAQ: 175250) บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ในเกาหลีประกาศในวันนี้ว่า แผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch ซึ่งเป็นยารักษาโรคสมองเสื่อมประเภทอัลไซเมอร์ ได้รับการอนุมัติผลิตภัณฑ์ยาจากกระทรวงความปลอดภัยอาหารและยาสาธารณรัฐเกาหลี (Ministry of Food and Drug Safety of Korea)

กระบวนการอนุมัติผลิตภัณฑ์ยาใช้เวลา 7 เดือนหลังจากยื่นคำขอในเดือนเมษายน 2564 ด้วยการอนุมัตินี้ Icure ถือเป็นบริษัทค้าเชิงพาณิชย์แห่งแรกในโลกของแผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch

Donepezil เป็นการรักษาโดยทั่วไปในปัจจุบันที่มีการกำหนดอย่างกว้างขวางเป็นระยะเวลานานที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ที่มีความรุนแรงตั้งแต่ระดับเล็กน้อยถึงปานกลางและรุนแรงในบรรดาการรักษาอัลไซเมอร์ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) เนื่องจากความยากลำบากในการพัฒนาสูตรยา donepezil จึงถูกจำหน่ายในเชิงพาณิชย์เพื่อการให้ยาในการรับประทานเท่านั้นจนถึงปัจจุบัน

ด้วยความสำเร็จของการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 เป็นครั้งแรกในโลก แผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch ของ Icure คาดว่าจะปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมประเภทอัลไซเมอร์และผู้ดูแลผู้ป่วยดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานจากการรับประทานวันละครั้งเป็นการแปะแผ่นบนผิวหนังสัปดาห์ละสองครั้ง

มีผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมที่มีอาการเล็กน้อยจนถึงปานกลางเกือบ 400 คนในเกาหลี ไต้หวัน ออสเตรเลีย และมาเลเซีย Icure ประสบความสำเร็จในการศึกษาทางคลินิกระยะที่ 3 สำหรับแผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาได้แสดงให้เห็นถึงความไม่ด้อยไปกว่าเมื่อเทียบกับ donepezil แบบรับประทานด้วยแบบทดสอบ Alzheimer's disease assessment scale cognitive subscale (ADAS-cog) ซึ่งเป็นเครื่องมือมาตรฐานทั่วไปในการประเมินความสามารถของหน่วยความจำ ภาษา การปรับโครงสร้าง การดำเนินการ และการปฐมนิเทศในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมประเภทอัลไซเมอร์ระดับเล็กน้อยและปานกลาง

“จากประสิทธิภาพที่โดดเด่นและความสามารถทางการตลาดของ donepezil ควบคู่ไปกับความสามารถทางเทคโนโลยี เราคาดว่าแผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch ของเราจะเข้ายึดตลาดผลิตภัณฑ์ donepezil oral แบบรับประทานได้อย่างเพียงพอ เนื่องจากเราเคยเห็นสัดส่วนที่ตอบสนองที่สูงของแผ่นแปะผิวหนัง rivastigmine patches ในอดีต” YoungKweon Choi ซีอีโอและ Ph.D. ของ Icure ซึ่งเป็นผู้นำการพัฒนาแผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch “เรารายงานผลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ของแผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch ในการประชุมว่าด้วยการทดลองทางคลินิกของโรคอัลไซเมอร์ (CTAD) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 9-12 พฤศจิกายน 2564 ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์” เขาเข้าร่วมการประชุม CTAD เพื่อนำเสนอผลการศึกษาทางคลินิกในขณะที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกรรมระดับโลกที่อาจเกิดขึ้น

ขณะนี้แผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch ได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 เป็นการทดสอบยาใหม่ในเดือนเมษายน 2564 Icure จะเริ่มให้ยาแก่ผู้ป่วยในช่วงหลังของปี 2565 บริษัทคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2568 เพื่อจัดหาแผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch ใน ตลาดโลกโดยการลดระยะเวลาของการทดลองทางคลินิกผ่านเส้นทางการศึกษาทางคลินิก 505(b)2 ในปัจจุบันตลาดการรักษาภาวะสมองเสื่อมทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าถึงประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2567 ในขณะที่โลกเปลี่ยนเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ Icure วางแผนที่จะขยายธุรกิจระดับโลกของระบบนำส่งยาผ่านผิวหนัง (TDDS) เนื่องจากโรงงานผลิตในเมืองวอนจู ประเทศเกาหลีได้รับการรับรองมาตรฐานของ cGMP

เริ่มต้นด้วยแผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch โดย Icure กระจายกระบวนการโดยการพัฒนายากลุ่ม incrementally modified drugs และยาใหม่ ตาม DDS ที่หลากหลาย หลังจากแผ่นแปะผิวหนัง donepezil patch บริษัทกำลังพัฒนาแผ่นแปะผิวหนัง pramipexole ที่จะใช้ในการรักษาโรคพาร์กินสัน และ Icure BNP ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Icure กำลังพัฒนาสูตรยาในกลุ่ม liraglutide peptide แบบรับประทานจากผลิตภัณฑ์ liraglutide peptide แบบฉีดที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานและโรคอ้วน พร้อมเร่งการพัฒนายา microneedles และ lipid-based nanoparticle (LNP) ผ่าน CuRsuS Bio และ EBA BIO นอกจากนี้ Icure ยังอยู่ระหว่างการพัฒนายาต้านมะเร็งแบบรับประทานด้วย peptide ชนิดแรกของโลก และยาชนิดใหม่ที่มีพื้นฐานจาก PROTAC ผ่าน oneCureGen และ Dandi Cure ซึ่งดึงดูดความสนใจในศักยภาพของการเติบโตเข้าสู่บริษัทยาระดับโลกด้วยการพัฒนายาชนิดใหม่จากDDS ที่หลากหลาย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Icure Pharmaceutical Inc. เยี่ยมชมได้ที่ https://icure.co.kr

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211116005684/en/

ติดต่อ:

Icure Pharmaceutical Inc.
Hye-seok Oh
+82 2-873-2481
icure@icure.co.kr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

OAG เปิดตัวแพลตฟอร์มแจ้งเตือนข้อมูลเที่ยวบินใหม่

Logo

ผลิตภัณฑ์ตรวจจับและแจ้งเตือนที่ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้า

ลอนดอน–(บิสิเนสไวร์)–16 พ.ย. 2564

OAG ผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางและข้อมูลเชิงลึกชั้นนำของโลก ประกาศเปิดตัว Flight Info Alerts ผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับการตรวจจับและแจ้งเตือนที่เปลี่ยนแปลงตารางเที่ยวบินแบบเรียลไทม์

เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสำหรับฟีดที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ซึ่งเร่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์เดียวในตลาดที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลอัปเดตทันทีเกี่ยวกับตารางเที่ยวบินของสายการบินเพื่อจัดการกับความผันผวนของข้อมูลในแบบเรียลไทม์

“การแจ้งเตือนเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับลูกค้าของเราที่ทำงานเกี่ยวกับการจัดการการจองหรือการดำเนินงาน และใครก็ตามที่อาศัยความถูกต้องของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเหล่านี้ในการขับเคลื่อนธุรกิจของพวกเขา  ความผันผวนของข้อมูลในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาได้กลายเป็นความท้าทายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นลูกค้าของเราต้องการให้เราแจ้งการเปลี่ยนแปลงแก่เขาอย่างทันที” Phil Callow ซีอีโอของ OAG กล่าว

การเปิดตัวการแจ้งเตือนข้อมูลเที่ยวบินของ OAG เป็นคลื่นลูกใหม่ล่าสุดของนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ OAG Metis ซึ่งได้เห็นการเปิดตัว Flight Info Direct ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดใช้งาน Snowflake เพื่อเข้าถึงและรวมข้อมูลที่พร้อมสำหรับการสืบค้นเมื่อต้นปีนี้

วิวัฒนาการและความทะเยอทะยานของ Flight Info API ของ OAG ยังคงดำเนินต่อไปเพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมเที่ยวบินทั้งหมดและเส้นทางการจอง รวมถึงความพร้อมของข้อมูลสถานะเที่ยวบินในชุด API  การเข้าถึงผ่าน API เอกพจน์ช่วยให้ลูกค้า OAG สามารถสร้างสรรค์ ตอบสนอง และปรับขนาดได้เร็วขึ้น

Phil Callow กล่าวเสริมว่า “เรากำลังสร้างนวัตกรรมอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของภาคการเดินทาง การลงทุนใน OAG Metis และความร่วมมือทางเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมกับ Snowflake และ Microsoft Azure ช่วยให้เราให้บริการระบบนิเวศทั้งหมดเพื่อขยายและให้บริการตลาดหลายแห่งอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”

OAG มีลูกค้าทั่วทั้งระบบนิเวศการเดินทางและถูกฝังอยู่ในกลไกการจอง แอพการเดินทางและการบริการ แอพสายการบิน บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ metasearch เครื่องมือค้นหา และแอพติดตามเที่ยวบิน

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการบินข้อมูลการแจ้งเตือน เยี่ยมชม https://www.oag.com/flight-info-alerts

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่ขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศมาตั้งแต่ปี 2472.  OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักรและมีการดำเนินงานทั่วโลกในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ลิทัวเนีย และจีน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม: www.oag.com และติดตามเราได้ที่ Twitter: @OAG Aviation

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211116005080/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Chrissy Azevedo, Corporate Ink สำหรับ OAG pressoffice@oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Nanotronics เผยโฉมระบบ nSpec® Macro แบบสแตนด์อโลนรุ่นใหม่

Logo

ระบบที่ออกแบบล่าสุดจะมอบผลลัพธ์จากการตรวจสอบทางอุตสาหกรรมในหนึ่งภาพที่มีความละเอียดสูงอย่างรวดเร็ว

มิวนิก–(BUSINESS WIRE)–16 พฤศจิกายน 2564

วันนี้ Nanotronics ผู้พัฒนา nSpec® กล้องจุลทรรศน์หุ่นยนต์ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกสำหรับการตรวจสอบทางอุตสาหกรรม ได้เปิดตัว nSpec Macro Standalone ในงาน SEMICON Europa ซึ่งเป็นงานอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปที่รวบรวมผู้นำอุตสาหกรรมทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานการออกแบบและการผลิตมาไว้ด้วยกัน

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211115006378/en/

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: Business Wire)

การเปิดตัวล่าสุดภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ nSpec® ช่วยให้สามารถจับและวิเคราะห์ภาพโดยอัตโนมัติเพื่อตรวจจับและหาจำนวนข้อบกพร่องและคุณลักษณะที่เห็นและจับต้องได้ อุปกรณ์ขนาดเล็กนี้จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมีเครื่องมือที่สามารถผลิตภาพที่มีความละเอียดสูงผ่านเดสก์ท็อปได้ทันที พร้อมระบุและหาปัจจัยภาพของคุณลักษณะที่เห็นและจับต้องได้เหล่านี้ได้สำเร็จ

Matthew Putman, PhD, ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Nanotronics กล่าวว่า “การเปิดตัวระบบนี้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราจะช่วยให้อุปกรณ์สามารถตรวจจับและกำจัดข้อบกพร่องเพื่อลดต้นทุนและของเสียของลูกค้าให้แก่ลูกค้าได้ การช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่มผลผลิตได้จำนวนมากนั้นดูเหมือนจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุดในการช่วยบรรเทาวิกฤตห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มาตรฐานความเข้มงวดด้านคุณภาพมีความสำคัญสูงสุด”

ระบบ nSpec Macro ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจสอบเวเฟอร์เปล่าหรือเวเฟอร์ที่ออกแบบมาขนาดไม่เกิน 200 มม. ระบบจะนำเสนอตัวอย่างการส่องสว่างเต็มรูปแบบและความสามารถในการปรับเปลี่ยน LED ทีละดวงเพื่อปรับความเข้ม สี และตำแหน่งของการส่องสว่างเพื่อความยืดหยุ่นอย่างเต็มที่ ข้อบกพร่องด้านความละเอียดขั้นต่ำอยู่ในช่วง 50 ถึง 100 ไมครอน ขึ้นอยู่กับขอบเขตการมองเห็นหรือขนาดของเวเฟอร์

Julie Orlando ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Nanotronics กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวระบบ nSpec Macro ในช่วงการเปิดสำนักงานในยุโรปที่กำลังจะเกิดขึ้น อุปกรณ์ล่าสุดซึ่งมาพร้อมด้วยรูปแบบการสมัครบริการแบบใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เข้าถึงการควบคุมคุณภาพได้ง่ายขึ้น”

**Nanotronics จะทำการสาธิตให้ชมจริงในงาน SemiCon Europa ตั้งแต่วันอังคารที่ 16 ไปจนถึง วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน ณ บูธ # B1.141

เกี่ยวกับ Nanotronics

Nanotronics เป็นบริษัทเครื่องจักรและอุปกรณ์อัจฉริยะขั้นสูงที่ช่วยให้ลูกค้าทั่วทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรสามารถแก้ปัญหาความท้าทายด้านการตรวจสอบและควบคุมกระบวนการที่ไม่เหมือนใครของการผลิตที่มีความแม่นยำ

เป็นผู้พัฒนาชั้นนำด้านเครื่องมือตรวจสอบด้วยแสงสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อจัดหาระบบซูเปอร์อิมเมจระดับอุตสาหกรรมและปริมาณงานสูง Nanotronics ถูกนำไปใช้งานใน 15 ประเทศและอุตสาหกรรมไม่มีความรู้ทางด้านนี้ โดยทำงานร่วมกับบริษัทชั้นนำต่าง ๆ ตั้งแต่การบินและอวกาศ ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การดูแลสุขภาพ การเพิ่มผลผลิต ลดร่องรอยและของเสีย ลดต้นทุน และเร่งการออกแบบซ้ำ พร้อมขจัดความยากลำบากจากการตรวจสอบด้วยมือ

ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://nanotronics.co

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211115006378/en/

Jack Kerwin, เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
jkerwin@nanotronics.cosales@nanotronics.co

Mary Cunney, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร
mcunney@nanotronics.co

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia มอบประสิทธิภาพ PCIe® 4.0 ให้กับผู้ใช้พีซีทุกวัน

Logo

KIOXIA BG5 Series รุ่นใหม่ให้ความคล่องตัวด้วยประสิทธิภาพสูง

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–16 พฤศจิกายน 2564

Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้สนับสนุนกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) PCIe® 4.0 ด้วยการเพิ่ม KIOXIA BG5 Series โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เกิดความสมดุลที่เหมาะสมในประสิทธิภาพ ต้นทุน และกำลังที่เหมาะสมกับเกมเมอร์และผู้ใช้พีซีทุกวัน KIOXIA BG5 Series สร้างขึ้นด้วยอินเตอร์เฟซ PCIe® 64 GT/s (Gen4 x4 lanes) และเร่งความเร็วด้วยเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D BiCS FLASH™ รุ่นที่ 5 ของ Kioxia

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211115006371/en/

PCIe® 4.0 Client SSD: KIOXIA BG5 Series (Photo: Business Wire)

PCIe® 4.0 ระบบไคลเอนท์ SSD: รุ่น KIOXIA BG5 Series (ภาพ: Business Wire)

ในขณะที่ระบบไคลเอนท์ SSD ที่เปิดใช้งานแบบ multi-LUN (VML) เสมือน KIOXIA BG5 Series จะปลดล็อกประสิทธิภาพระบบ back-end แฟลชในขณะที่ยังคงราคาที่จับต้องได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับผู้บริโภคเชิงพาณิชย์และผู้บริโภคจำนวนมากที่ใช้โน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป KIOXIA BG5 SSD ยังรองรับเทคโนโลยี Host Memory Buffer (HMB) ที่พัฒนาเต็มที่ล่าสุด เพื่อให้ได้ SSD แบบ DRAM-less ที่ได้รับการปรับแต่งอย่างประณีต KIOXIA BG5 มาในขนาดกะทัดรัดในรูปแบบ M.2 2230 single-sided form factor ที่ปรับให้เหมาะสมทางความร้อน ทำให้เกิดความคล่องตัวและเหมาะกับไลฟ์สไตล์การทำงานจากที่บ้าน รูปแบบเวอรชัน M.2 2280 single-sided form factor ก็มีวางจำหน่ายเช่นกัน

KIOXIA BG5 Series มีจำหน่ายในขนาดความจุ 256, 512 และ 1024 กิกะไบต์ (GB)

คุณสมบัติที่สำคัญ:

  • การอ่านข้อมูลตามลำดับสูงสุด 3,500 MB/s และการเขียนข้อมูลตามลำดับสูงสุด 2,900 MB/s
  • อ่านข้อมูลแบบสุ่มสูงสุด 500,000 IOPS และการเขียนข้อมูลแบบสุ่มสูงสุด 450,000 IOPS
  • รองรับมาตรฐาน TCG Pyrite และ Opal ล่าสุด รวมถึงการปกป้องข้อมูลแบบ End-to-End ช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลปลอดภัยไม่ว่าจะที่บ้านหรือในสำนักงาน[1]
  • การสนับสนุนช่วยเหลือในลักษณะมองไปข้างหน้าสำหรับชุดคุณสมบัติ NVMe 1.4 และคำสั่งการจัดการขั้นพื้นฐานบน System Management Bus (SMBus)
  • รองรับสัญญาณแจ้งเตือนการสูญเสียพลังงานเพื่อปกป้องข้อมูลจากการถูกบังคับให้ปิดเครื่อง

KIOXIA BG5 Series กำลังสุ่มตัวอย่างไปยังคู่ค้าและลูกค้าในอุตสาหกรรมที่สำคัญ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ KIOXIA BG5 Series SSD รุ่นใหม่ ติดตามที่ลิงก์ด้านล่าง
https://business.kioxia.com/en-jp/ssd/client-ssd.html#bg5

หมายเหตุ

[1] ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกความปลอดภัย/การเข้ารหัสอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

*คำจำกัดความของความจุ: Kioxia กำหนดเมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ หนึ่งกิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์และหนึ่งเทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุของพื้นที่จัดเก็บโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 230 = 1,073,741,824 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของพื้นที่จัดเก็บที่น้อยลง ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ เช่น ระบบปฏิบัติการ Microsoft และ/หรือแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG
*NVMe และ NVMe-oF เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำที่อุทิศตนเพื่อการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2560 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Kioxia ได้แยกออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530 โดยบริษัทถือเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันและบริการหน่วยความจำที่ล้ำสมัยซึ่งเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้คนและขยายขอบเขตทางสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D แบบใหม่ของ Kioxia หรือที่เรียกว่า BiCS FLASH ™ กำลังสร้างอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูงซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ศูนย์ยานยนต์และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อนั้นถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211115006371/en/

สำหรับลูกค้าสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
Kioxia Corporation
Sales Promotion Division
Tel: +81-3-6478-2421
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

สำหรับสื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
Kioxia Corporation
Sales Strategic Planning Division
Koji Takahata
Tel: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การรักษารักษาโรค-19 ด้วยโมโนโคลนัลแอนติบอดี regdanvimab ของ Celltrion ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมาธิการยุโรปเรียบร้อยแล้ว

Logo

  • คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้อนุญาตให้ขึ้นทะเบียน regdanvimab ของ Celltrion ตามความเห็นเชิงบวกจากคณะกรรมการพิจารณายาสำหรับมนุษย์ (CHMP) ขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (11 พฤศจิกายน 2564)
  • Celltrion ยังคงหารือเกี่ยวกับข้อตกลงด้านการจัดหากับหน่วยงานกำกับดูแลและผู้ทำสัญญาในกว่า 30 ประเทศในยุโรป เอเชีย และลาตินอเมริกาเพื่อเร่งการเข้าถึง regdanvimab ทั่วโลก
  • การใช้ regdanvimab ในสาธารณรัฐเกาหลีกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อจัดการกับการระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังดำเนินอยู่

อินชอน, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–15 พฤศจิกายน 2564

Celltrion Group ประกาศในวันนี้ว่าคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้อนุมัติให้ Regkirona (regdanvimab, CT-P59) เป็นหนึ่งในการรักษาด้วยโมโนโคลนัลแอนติบอดีตัวแรกที่ได้รับอนุญาตขึ้นทะเบียนจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) โดยคณะกรรมาธิการยุโรปได้อนุญาตให้ขึ้นทะเบียนสำหรับผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคโควิด-19 ขั้นรุนแรง การตัดสินใจของ EC เป็นไปตามความเห็นเชิงบวกของคณะกรรมการพิจารณายาสำหรับมนุษย์ (CHMP) ขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 25641

Dr. HoUng Kim, Ph.D. หัวหน้าแผนกการแพทย์และการตลาดของ Celltrion Healthcare กล่าวว่า “ความสำเร็จในวันนี้ ประกอบกับความเห็นเชิงบวกของคณะกรรมการพิจารณายาสำหรับมนุษย์ต่อ regdanvimab ช่วยตอกย้ำความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเราในการแก้ไขปัญหาความท้าทายด้านสุขภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก โดยปกติแล้ว การแนะนำจากคณะกรรมการพิจารณายาสำหรับมนุษย์จะถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อทำการตัดสินใจอันเกี่ยวเนื่องกับกฎหมาย ซึ่งจะทราบผลเร็วที่สุดภายในหนึ่งหรือสองเดือน แต่ครั้งนี้เราได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมาธิการยุโรปภายในหนึ่งวัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามเพื่อเร่งการเข้าถึงทั่วโลก เราได้ติดต่อกับรัฐบาลและผู้ทำสัญญาใน 30 ประเทศในยุโรป เอเชีย และลาตินอเมริกา เราจะทำงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องหลักต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพได้”

โมโนโคลนัลแอนติบอดีเป็นโปรตีนที่ออกแบบมาให้ยึดเกาะเป้าหมายเฉพาะ ซึ่งก็คือโปรตีนส่วนหนามของไวรัส SARS-CoV-2 โดยจะทำงานเพื่อปิดกั้นเส้นทางที่ไวรัสใช้เพื่อเข้าสู่เซลล์ของมนุษย์ การอนุมัติของคณะกรรมาธิการยุโรปอ้างอิงจากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ทั่วโลกซึ่งมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,315 คน เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ regdanvimab ใน 13 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา สเปน และโรมาเนีย ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า regdanvimab ช่วยลดความเสี่ยงจากการรักษาในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้สูงถึง 72% ให้แก่ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อโควิด-19 ขั้นรุนแรง

ขณะนี้การรักษาด้วยโมโนโคลนัลแอนติบอดีได้รับอนุมัติให้มีการใช้ในกรณีฉุกเฉินในอินโดนีเซียและบราซิล และในสาธารณรัฐเกาหลีก็ได้รับการอนุมัติอย่างสมบูรณ์แล้ว ในสหรัฐอเมริกา regdanvimab ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) แต่บริษัทกำลังหารือกันเพื่อยื่นคำร้องในการขออนุญาตใช้ในกรณีฉุกเฉิน (EUA)

ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ผู้ป่วยมากกว่า 22,587 คนได้รับการรักษาด้วย regdanvimab ในโรงพยาบาล 129 แห่งในสาธารณรัฐเกาหลี

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ:

เกี่ยวกับ Celltrion Healthcare

Celltrion Healthcare มุ่งมั่นที่จะนำเสนอยาที่เป็นนวัตกรรมและราคาที่จับต้องได้เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาขั้นสูงของผู้ป่วย ผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตขึ้นที่สถานเพาะเลี้ยงเซลล์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ทันสมัย ​​ออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับ US FDA cGMP และแนวทางของ EU GMP โดย Celltrion Healthcare พยายามนำเสนอโซลูชันคุณภาพสูงที่คุ้มค่าผ่านเครือข่ายทั่วโลกที่ครอบคลุมกว่า 110 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://www.celltrionhealthcare.com/en-us

เกี่ยวกับ regdanvimab (CT-P59)

CT-P59 ถูกระบุว่าเป็นการรักษาที่มีศักยภาพสำหรับโรคโควิด-19 ผ่านการคัดกรองผู้สมัครแอนติบอดีและเลือกผู้ที่แสดงศักยภาพสูงสุดในการทำให้ไวรัส SARS-CoV-2 เป็นกลาง ซึ่งการศึกษาทางคลินิกในหลอดทดลอง (in vitro) และในสัตว์ทดลอง (in vivo) แสดงให้เห็นว่า CT-P59 จับกับ SARS-CoV-2 RBD อย่างแน่นหนา และทำให้เป็นกลางอย่างมีนัยยะสำคัญกับสายพันธุ์ก่อโรคและสายพันธุ์กลายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วง แบบจำลองในสัตว์ทดลอง (in vivo) CT-P59 ช่วยลดจำนวนเชื้อไวรัสของ SARS-CoV-2 และการอักเสบในปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์จากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 และ 2/3 ทั่วโลกของ CT-P59 แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัย ความทนทาน ผลต้านเชื้อไวรัส และประสิทธิภาพในผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางของโรคโควิด-192 โดย Celltrion เพิ่งเริ่มพัฒนาค็อกเทลแอนติบอดีที่เป็นกลางกับ CT-P59 ต่อสายพันธุ์ใหม่ของ SARS-CoV-2

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

ข้อมูลบางอย่างที่ระบุไว้ในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและผลการดำเนินงานทางการเงินของเราในอนาคต และเหตุการณ์หรือการพัฒนาในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับ Celltrion/Celltrion Healthcare ซึ่งอาจประกอบด้วยข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง

ข้อความเหล่านี้อาจระบุได้ด้วยคำต่างๆ เช่น “เตรียม” “หวังว่า” “ที่จะมาถึง” “แผน” “จุดมุ่งหมาย” “ที่จะเปิดตัว” “กำลังเตรียมการ” “เมื่อได้รับ” “สามารถ” “โดยมุ่งหมาย” “อาจจะ” “เมื่อระบุ” “จะ” “มุ่งไปทาง” “ครบกำหนด” “พร้อมใช้งาน” “มีศักยภาพที่จะ” คำเหล่านี้ในเชิงลบ หรือการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ดังกล่าว หรือคำศัพท์ที่ใช้เปรียบเทียบกันได้

นอกจากนี้ ตัวแทนของเราอาจทำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยวาจา ข้อความดังกล่าวอิงตามความคาดหวังในปัจจุบันและสมมติฐานบางประการของฝ่ายบริหารของ Celltrion/Celltrion Healthcare ซึ่งหลายข้ออยู่เหนือการควบคุม

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตจัดทำขึ้นเพื่อให้นักลงทุนที่มีศักยภาพได้มีโอกาสที่จะเข้าใจความเชื่อและความคิดเห็นของผู้บริหารในส่วนที่เกี่ยวกับอนาคต เพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้ความเชื่อและความคิดเห็นดังกล่าวเป็นปัจจัยหนึ่งในการประเมินการลงทุน ข้อความเหล่านี้ไม่ได้รับประกันประสิทธิภาพและไม่ควรเชื่อมั่นเกินควรในอนาคต

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่ทราบและไม่ทราบ ซึ่งอาจทำให้ผลการดำเนินงานและผลประกอบการที่แท้จริงในอนาคตแตกต่างไปอย่างมากจากการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคตหรือผลลัพธ์ที่แสดงหรือบอกเป็นนัยโดยข้อความที่ที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ดังกล่าว

แม้ว่าข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตในการนำเสนอนี้จะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้บริหารของ Celltrion/Celltrion Healthcare เชื่อว่าเป็นสมมติฐานที่สมเหตุสมผล แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์จะพิสูจน์ได้ว่ามีความถูกต้อง เนื่องจากผลลัพธ์ที่แท้จริงและเหตุการณ์ในอนาคตอาจแตกต่างไปอย่างมากจากที่คาดการณ์ไว้ในข้อความดังกล่าวนั้น Celltrion/Celltrion Healthcare ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ และถ้าหากสถานการณ์หรือการประมาณการหรือความคิดเห็นของฝ่ายบริหารควรเปลี่ยนแปลงไปยกเว้นตามที่กฎหมายหลักทรัพย์กำหนด ผู้อ่านไม่ควรเชื่อมั่นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์เกินควร

อ้างอิง

1 European Medicines Agency. COVID-19: EMA recommends authorisation of two monoclonal antibody medicines ดูได้ที่ https://www.ema.europa.eu/en/news/covid-19-ema-recommends-authorisation-two-monoclonal-antibody-medicines [เข้าถึงครั้งล่าสุดเมื่อพฤศจิกายน 2564]
2 Celltrion Data on file

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211114005312/en/

ติดต่อ:

Holly Barber
hbarber@hanovercomms.com
+44 (0) 07759 301620

Donna Curran
dcurran@hanovercomms.com
+44 (0) 7984 550312

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

บริษัทสตาร์ทอัพด้านการขุดคริปโต Titan ประกาศเปิดไวท์ลิสต์และวันขายโทเค็น Lumerin

Logo

Lumerin Protocol ของ Titan ทำให้พลังขุดของ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีสภาพคล่องในการซื้อขาย ปลดล็อกความสามารถในการทำกำไรจากการขุด และเพิ่มการเข้าถึงเงินทุนและแนวทางการลงทุน

ชิคาโก–(บิสิเนสไวร์)–16 พ.ย. 2564

Titan ผู้สร้างนวัตกรรมในระบบนิเวศการขุดคริปโต ได้ประกาศไวท์ลิสติ้งสำหรับโทเค็น Lumerin (LMR) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการทำให้โทเค็นพร้อมใช้งาน  Lumerin พัฒนาโดย Titan เป็นโปรโตคอลแบบ peer-to-peer ซึ่งจะทำให้ พลังขุด Bitcoin เป็นสินค้าทางการเงินที่สามารถซื้อขายได้และมีสภาพคล่อง ซึ่งปลดล็อกความสามารถในการทำกำไรจากการขุด และเพิ่มการเข้าถึงเงินทุนและแนวทางการลงทุนสำหรับนักขุดคริปโตและผู้ที่ต้องการเข้าถึง hashpower

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211115006180/en/

การลงทะเบียนและ KYC สำหรับการขายโทเค็น Lumerin จะเริ่มในวันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน เวลาเที่ยงวัน PST และการขายโทเค็นจะเริ่มในวันที่ 1 ธันวาคม 2564

“Titan ได้อุทิศความการพัฒนาและเวลาให้กับโครงการโอเพ่นซอร์สของ Lumerin และกำลังมองหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไป  จากการประกาศครั้งนี้ เราสามารถก้าวไปข้างหน้าด้วยวิสัยทัศน์ของเราในการสร้าง ตลาดระดับโลกสำหรับ hashpower ของ Bitcoin และกลุ่มการขุด proof-of-work ซึ่งจะช่วยบรรเทาแรงกดดันของตลาดในปัจจุบันและช่วยให้ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของคริปโตได้อย่างแท้จริง” Ryan Condron ซีอีโอของ Titan กล่าว

โทเค็น Lumerin จะเป็นส่วนสำคัญของตลาดกำลังขุดของ Titan และฟังก์ชันและยูทิลิตี้จะสนับสนุนการสร้างสัญญาอัจฉริยะของ hashpower อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสนับสนุนโหนด Lumerin Validator ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย กระจายอำนาจ และปราศจากการไว้วางใจ

บริษัทและบุคคลที่ต้องการ hashpower แต่ไม่ต้องการลงทุนเงินทุนที่จำเป็นสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีการขุดคริปโตสามารถซื้อ/ขายในตลาด Titan ได้  นอกจากนี้ การใช้อนุพันธ์ทางการเงิน/ฟิวเจอร์สและบริการทางการเงินสำหรับการปล่อยสินเชื่อ การดูแล OTC และการค้าทำให้ระบบการขุดสามารถสร้างรายได้และการเติบโตด้านการลงทุนได้มากกว่าที่เคยเป็นมา

เกี่ยวกับ Titan

Titan ให้บริการซอฟต์แวร์และบริการอันทรงพลังสำหรับการขุดคริปโตในปริมาณมาก และตอนนี้ก็มีกลุ่มการทำเหมืองระดับองค์กรแห่งแรก  โปรโตคอล Lumerin เป็นโซลูชันแบบ peer-to-peer ที่ทำให้ Bitcoin hashpower เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่สามารถซื้อขายได้และมีสภาพคล่อง ปลดล็อกความสามารถในการทำกำไรจากการขุด และให้การเข้าถึงเงินทุนที่มากขึ้น  Titan ก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายน 2018 โดย Ryan Condron, Jeff Garzik และ Matthew Roszak สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม Titan.io และ Lumerin.io และติดตามเราได้ที่ทวิตเตอร์ที่ @Titan_Mining

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211115006180/en/

ติดต่อ:

Lewis Farrell
lewis@titan.io 
(650) 485-9912

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Sandbox เข้าซื้อกิจการของ Edujoy และ Tellmewow ซึ่งเป็นบริษัทเกมเพื่อการศึกษาบนมือถือของสเปน

Logo

บริษัทใหม่เหล่านี้จะเข้าร่วมกับชุดเกม Sandbox Gaming Vertical

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)– 15 พ.ย. 2564

Sandbox & Co ซึ่งเป็นชุดผลิตภัณฑ์และบริการการเรียนรู้ดิจิทัลได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการบริษัทเกมเพื่อการศึกษาในสเปนอย่าง Edujoy และ Tellmewow

Edujoy ก่อตั้งขึ้นในปี 2554 โดยมุ่งเน้นที่การจัดหาเกมการศึกษาสำหรับทารก เด็กเล็ก และเด็กอายุไม่เกิน 8 ปี โดยมีการพัฒนาเกมมากกว่าร้อยเกมที่มีการดาวน์โหลดมากกว่า 500 ล้านครั้งทั่วโลก และได้ร่วมมือกับแบรนด์สำหรับเด็กที่ใหญ่ที่สุดหลายแบรนด์ เช่น Masha and the Bear และ Hello Kitty เป็นต้น

บริษัทในเครือของ Edujoy ที่ชื่อว่า Tellmewow มุ่งเน้นที่การออกแบบเกมและเกมปริศนาคุณภาพสูงสำหรับผู้ใหญ่ ที่ผลิตภัณฑ์จาก App Store และ Google Play ของบริษัทถูกดาวน์โหลด มากกว่า 100 ล้านครั้ง ซึ่งรวมถึงเกมที่เป็นที่โปรดปราน เช่น Hangman เกมค้นหาคำ และเกมฝึกสมอง เป็นต้น

Edujoy และ Tellmewow จะเข้าร่วมในชุดเกมของ Sandbox (Gaming vertical) ซึ่งรวมถึงเกมอย่าง Poptropica, CoolMathGames และที่เพิ่มมาล่าสุดได้แก่ Code Kingdoms บริษัทที่เข้าร่วมใหม่จะยังคงอู่ภายใต้การนำของ Urtzi Jaureguibeitia และ Isabel Liébana (ผู้ร่วมก่อตั้งของ Tellmewow) ซึ่งรายงานต่อ Abhi Arya ประธานของ Sandbox Gaming

Bhav Singh ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Sandbox กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Edujoy และ Tellmewow สู่ครอบครัว Gaming ของเรา เราประทับใจในสเกลความสามารถและศักยภาพที่พวกเขาสร้างขึ้นมาได้จนถึงปัจจุบัน และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความสนุกสนานในการเรียนรู้สำหรับครอบครัวทั่วโลก”

Alberto Iglesias ผู้ก่อตั้ง Edujoy และผู้ร่วมก่อตั้ง Tellmewow กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ของเรามีความสอดคล้องเข้ากันได้อย่างแท้จริง ดังนั้นผมจึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เข้าร่วม Sandbox Group และทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมในการริเริ่มเชิงกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในระดับกลุ่ม”

พอร์ตโฟลิโอที่กำลังเติบโตของ Sandbox ในตอนนี้ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์และบริการการเรียนรู้ดิจิทัลที่ได้รับรางวัล 15 รายการ ซึ่งเข้าถึงครอบครัวและครูที่อยู่ในยุคมิลเลนเนียลกว่า 55 ล้านคนต่อเดือน

เกี่ยวกับ Sandbox and Sandbox & Co – https://www.sandboxandco.com

Sandbox เป็นบริษัทด้านการศึกษายุคมิลเลนเนียลในลอนดอนที่มีผลิตภัณฑ์และบริการออนไลน์ที่ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก ณ จุดที่บรรจบกันของอุตสาหกรรมดิจิทัล การเรียนรู้ และสื่อ ทั้งนี้ แบรนด์ Sandbox ได้เปิดรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ และมุ่งเน้นไปที่หัวข้อหลักที่เน้นไปที่ความสนใจของครอบครัวทั่วโลก และช่วยพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 นอกจากนั้นก็มี Sandbox & Co เป็นตัวแทนและดำเนินการอย่างมียุทธศาสตร์สำหรับบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมและถูกลงทุนโดย Sandbox  ทั้งนี้ Sandbox ประกอบด้วยแบรนด์ 13 แบรนด์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้นำในกลุ่มของตนเองและได้รับรางวัลมากมาย แบรนด์เหล่านี้9jk’อยู่ในแนวเดียวกับจุดยอดสามจุดของ Sandbox ซึ่งได้แก่ Sandbox Gaming, Sandbox Kids และ Sandbox Learning โดยแบรนด์ของ Sandbox ประกอบด้วย CoolMathGames, Poptropica, Code Kingdoms, Tinybop, Curious World, Hopster, Family Education, TeacherVision, Teachit, Fact Monster, InfoPlease และ Funbrain อนึ่ง Sandbox มุ่งมั่นที่จะจัดหาระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์เพื่อความบันเทิงที่ไม่มีใครเทียบได้ และปัจจุบันเข้าถึงเด็กผู้ปกครองและครูในรุ่นมิลเลนเนียล มากกว่า 55 ล้านคนแล้ว

เกี่ยวกับ Edujoy – https://edujoygames.com

Edujoy นำเสนอเกมการศึกษาสำหรับเด็กที่มีมากกว่า 100 เกมและมีการดาวน์โหลดมากกว่า 500 ล้านครั้งทั่วโลก

เกี่ยวกับ Tellmewow – https://tellmewow.com

Tellmewow สร้างเกมกระตุ้นการรับรู้สำหรับทุกเพศทุกวัย มีเกมมากกว่า 30 เกมและดาวน์โหลดมากกว่า 100 ล้านครั้ง

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211115005236/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:

Agnes Lesti

ผู้จัดการฝ่ายสื่อสาร

Sandbox Kids

a.lesti@sandboxkids.io

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

มีอุปกรณ์การผลิตชั้นยอดให้เลือกบน Taiwantrade.com

Logo

ไทเป ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–15 พฤศจิกายน 2564

Taipei-Taiwantrade.com พอร์ทัล B2B ระดับแนวหน้าของไต้หวัน ขอนำเสนออุปกรณ์การผลิตชั้นนำจากผู้ผลิตชาวไต้หวันที่ยอดเยี่ยม เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ ในขณะที่การแพร่ระบาดยังคงดำเนินต่อไป งานแสดงสินค้าช่วยให้ผู้ซื้อทุกหนแห่งเข้าถึงอุปกรณ์ เครื่องจักร และชิ้นส่วนจำนวนมากเพื่อรับมือกับความปกติใหม่ได้อย่างง่ายดาย

 เชื่อมต่อกับผู้แสดงสินค้าชั้นนำดังต่อไปนี้ที่งาน 2021 Taiwantrade Manufacturing Expo Online:

 FCS ไต้หวันผลิตเครื่องฉีดขึ้นรูปหลากหลายรุ่น ครอบคลุมแรงจับยึดตั้งแต่ 30 ตันถึง 4,000 ตัน ปริมาณการฉีดตั้งแต่ขั้นต่ำ 20 กรัมถึงสูงสุด 120,000 กรัม และปริมาณการส่งออกสูงที่สุดในบรรดาอุตสาหกรรมเดียวกันในไต้หวัน

-NOVELTEK เป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตอุปกรณ์จัดการวัสดุแบบใช้มือและขับเคลื่อนในไต้หวัน NOVELTEK จัดหาทุกรุ่นของโมเดลเหล่านั้นและยังผลิตผลิตภัณฑ์ตามข้อกำหนดพิเศษของลูกค้า

-คุณภาพของชิ้นส่วนอะไหล่แต่ละชิ้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการประกันคุณภาพโดยรวมสูงสุดของอุปกรณ์การผลิต Shen Ding ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์เกือบ 40 ปีในการฉีดขึ้นรูปพลาสติก งานโลหะ CNC แบบกำหนดเอง เครื่องมือทดสอบคุณภาพระดับแนวหน้า และอุปกรณ์การประมวลผลเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ทางวิศวกรรมที่แม่นยำ – ทั้งหมดภายในบริษัท

-ผู้แสดงสินค้าที่ยอดเยี่ยมอื่น ๆ ได้แก่ Sang Mao ผู้ผลิตมืออาชีพที่เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยสำหรับวงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ GennDih ซัพพลายเออร์ระดับสากลของตัวควบคุมสัดส่วนไฟฟ้าและนิวแมติก I/P และ E/P UNi-CROWN ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตปั๊มสุญญากาศและเครื่องอัดอากาศแบบไม่ใช้น้ำมัน Toa Dr ผู้เชี่ยวชาญด้านการประมวลผลขดลวด เชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องตัดโลหะและการขายทั้งโรงงานที่เกี่ยวข้อง Funet Tech มีประสบการณ์ในการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และการประกอบ PCB บริการ OEM, ODM และ EMS และ RIOTEC นำเสนอโซลูชั่นเครื่องสแกนบาร์โค้ดที่เหมาะสมสำหรับภาคคลังสินค้า โลจิสติกส์ และการค้าปลีก

ดูตู้โชว์ทั้งหมด:https://www.taiwantrade.com/products/search.html?word=*&rows=20&page=1&cate=419528&cateName=manufacturing-expo-2021&type=supplier&style=supplier'

 แหล่งรวมซัพพลายเออร์ชาวไต้หวันที่ยอดเยี่ยมกว่า 70,000 รายและแคตตาล็อกผลิตภัณฑ์ 660,000 รายการ Taiwantrade.com ช่วยให้ผู้ใช้ในกว่า 200 ประเทศสามารถเชื่อมต่อกับอุตสาหกรรมชั้นนำของไต้หวัน สมาชิกซัพพลายเออร์แต่ละรายบนเว็บไซต์ได้รับการตรวจสอบโดยใช้ฐานข้อมูลของรัฐบาลและบุคคลที่สาม เพื่อให้มั่นใจในความน่าเชื่อถือของการมีอยู่ตามกฎหมาย

 บริการจัดหาของ Taiwantrade.com ซึ่งให้บริการฟรีสำหรับผู้ซื้อ มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ธุรกิจทุกที่เชื่อมต่อกับซัพพลายเออร์ที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ในไต้หวันด้วยความรวดเร็วและง่ายดาย

Taiwantrade.com จัดโดยรัฐบาลไต้หวันและดำเนินการโดยสภาพัฒนาการค้าภายนอกแห่งไต้หวัน (TAITRA) TAITRA ก่อตั้งขึ้นในปี 2513 มีสำนักงานใหญ่ในกรุงไทเปและมีสำนักงานกว่า 60 แห่งทั่วโลก

กดติดต่อ

ชื่อ: Judy Liou

โทร: +886-2-2725-5200 #1763

อีเมล์: judyliou@taitra.org.tw

Thai Herald

Thai Herald