Xsolla ได้รับการยกย่องให้เป็น “ผู้ให้บริการชำระเงินแห่งปี” ในงาน GamingonPhone Awards ประจำปี 2025

Logo

นวัตกรรมการชำระเงินระดับโลกชั้นนำของอุตสาหกรรมได้รับการยอมรับว่าช่วยขับเคลื่อนการค้าบนเกมมือถือได้ราบรื่นทั่วโลก

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–24 ตุลาคม 2025

Xsolla บริษัทพาณิชย์เกมวิดีโอระดับโลกที่ช่วยให้นักพัฒนาเปิดตัว ขยาย และสร้างรายได้จากเกมของพวกเขา ได้ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้รับการยกย่องให้เป็น “ผู้ให้บริการชำระเงินแห่งปี” ในงาน GamingonPhone Awards 2025 ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งยกย่องถึงความเป็นเลิศและนวัตกรรมด้านเกมมือถือในอุตสาหกรรมทั่วโลก

Graphic: Xsolla

กราฟิก: Xsolla

รางวัล GamingonPhone Awards ยกย่องผลงานที่ยอดเยี่ยมในวงการเกมมือถือ และยกย่องบริษัทที่สร้างสรรค์อนาคตแห่งความบันเทิงแบบอินเทอร์แอคทีฟด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และผลกระทบต่อชุมชน รางวัลในปีนี้มีมากกว่า 30 สาขา และได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากอุตสาหกรรม สื่อ และผู้เล่นต่างๆ ทั่วโลก

การที่ Xsolla ได้รับเลือกให้เป็นผู้ให้บริการชำระเงินแห่งปี ได้ช่วยตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการทำให้การค้าขายทั่วโลกง่ายขึ้นสำหรับนักพัฒนาและผู้เผยแพร่ทุกขนาด โดยโซลูชันการชำระเงินอันแข็งแกร่งและโซลูชันร้านค้าออนไลน์ชั้นนำของบริษัทนั้นช่วยให้ผู้สร้างเกมมือถือสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เพิ่มอัตราการแปลงลูกค้า และส่งมอบธุรกรรมที่ราบรื่นผ่านช่องทางการชำระเงินมากกว่า 1,000 วิธีในกว่า 200 ภูมิภาค

“นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ Xsolla ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ให้บริการชำระเงินแห่งปี” Berkley Egenes ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและการเติบโตของ Xsolla กล่าว “รางวัลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทีมงานในการสร้างสรรค์โซลูชันที่ทำให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่ายและเชื่อมโยงอย่างมีความหมายระหว่างนักพัฒนาและผู้เล่นทั่วโลก เรายังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนพาร์ทเนอร์ของเราด้วยทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการเพื่อการเปิดตัว การเติบโต และชัยชนะ ด้วยการทำให้การค้าเกมระดับโลกเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและคุ้มค่ามากขึ้น”

การยอมรับดังกล่าวได้ช่วยเน้นย้ำถึงอิทธิพลที่ขยายตัวของ Xsolla บนมือถือ ซึ่งการสร้างรายได้โดยตรงถึงผู้บริโภค ความยืดหยุ่นในการชำระเงินตามภูมิภาค และประสบการณ์ข้ามแพลตฟอร์มที่เป็นหนึ่งเดียวกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่นักพัฒนาเชื่อมต่อกับผู้เล่น

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกาศให้ Xsolla เป็น “ผู้ให้บริการชำระเงินแห่งปี” ในงาน GamingonPhone Awards 2025 โปรดไปที่ https://xsolla.com/blog/xsolla-wins-payment-service-provider-of-the-year-2025

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทพาณิชย์ระดับโลกที่มีเครื่องมือและบริการอันแข็งแกร่งเพื่อช่วยนักพัฒนาแก้ไขปัญหาสำคัญต่างๆ ของอุตสาหกรรมวิดีโอเกม ตั้งแต่เกมอินดี้ไปจนถึงเกมระดับ AAA บริษัทต่างๆ ร่วมมือกับ Xsolla เพื่อช่วยระดมทุน จัดจำหน่าย ทำการตลาด และสร้างรายได้ให้กับเกมของพวกเขา ด้วยความเชื่อมั่นในอนาคตของวิดีโอเกม Xsolla มุ่งมั่นในพันธกิจที่จะเชื่อมโยงโอกาสต่างๆ เข้าด้วยกัน และจัดหาทรัพยากรใหม่ๆ ให้กับเหล่าครีเอเตอร์อย่างต่อเนื่อง โดย Xsolla มีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย โดยดำเนินงานในฐานะผู้ค้าเกม และได้ช่วยเหลือนักพัฒนาเกมมากกว่า 1,500 คน ให้เข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้นและขยายธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยเส้นทางสู่ผลกำไรและหนทางสู่ชัยชนะที่มากขึ้น นักพัฒนาเกมจึงมีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเพลิดเพลินไปกับเกม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20251020588866/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Derrick Stembridge
รองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับโลก Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

ที่มา: Xsolla






Marjan และ RAK Hospitality Holding ประกาศการควบรวมกิจการครั้งสำคัญเพื่อกำหนดอนาคตของราสอัลไคมาห์ในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลกด้านไลฟ์สไตล์และการลงทุน

Logo

ราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–22 ตุลาคม 2025

Marjan ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบกรรมสิทธิ์ในราสอัลไคมาห์ และ RAK Hospitality Holding หน่วยงานด้านการลงทุนและพัฒนาของรัฐบาลในเอมิเรตส์ ประกาศการควบรวมกิจการเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญ เพื่อสร้างองค์กรที่เป็นหนึ่งเดียวซึ่งดำเนินงานภายใต้ Marjan

Marjan and RAK Hospitality Holding Announce Landmark Merger To Shape The Future Of Ras Al Khaimah As A Global Destination For Lifestyle And Investment (Photo: AETOSWire)

Marjan และ RAK Hospitality Holding ประกาศการควบรวมกิจการครั้งสำคัญเพื่อกำหนดอนาคตของราสอัลไคมาห์ในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลกด้านไลฟ์สไตล์และการลงทุน (ภาพ: AETOSWire)

การควบรวมกิจการครั้งนี้ผสานความเชี่ยวชาญด้านการบริการระดับโลกเข้ากับกลยุทธ์การพัฒนาที่ดินอย่างมีวิสัยทัศน์ เพื่อจัดตั้งองค์กรที่พร้อมรับอนาคตแบบไดนามิก Marjan จะบูรณาการในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การดำเนินงานด้านการบริการ และประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ไว้ภายใต้องค์กรเดียว โดยมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในเอมิเรตส์ตอนเหนือ

ในการประกาศการควบรวมกิจการ ชีคอาห์เหม็ด บิน ซาอุด บิน ซาคร์ อัล กาซิมี ประธานบริษัท Marjan กล่าวว่า “วิสัยทัศน์ RAK 2030 ได้กำหนดความทะเยอทะยานของเอมิเรตส์ในการเป็นผู้บุกเบิกในภูมิภาคนี้ในด้านความเป็นอยู่และโอกาสที่เติบโต ด้วยวิสัยทัศน์นี้ การควบรวมกิจการจะสร้างงานที่มีคุณค่าสูงสำหรับชาวเอมิเรตส์ พัฒนาขีดความสามารถของประเทศ และเสริมสร้างสถานะของเราในฐานะผู้นำแห่งโอกาสและนวัตกรรม เราพร้อมร่วมกันสร้างชุมชนที่เจริญรุ่งเรือง ซึ่งจะนำวิสัยทัศน์อันแน่วแน่ของเอมิเรตส์ในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนมาสู่ชีวิต”

โครงการพัฒนาในอนาคตของ Marjan ได้แก่ เกาะ Al Marjan, RAK Central, หาด Marjan และแผนแม่บท Jebel Jais ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย เสริมสร้างประสบการณ์การเดินทางและการพักผ่อน และดึงดูดโอกาสการลงทุนที่หลากหลาย การควบรวมกิจการครั้งนี้สนับสนุนเป้าหมายของ RAK Vision 2030 ที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยว 3.5 ล้านคนต่อปี และบรรลุยอดห้องพักโรงแรมเกือบ 20,000 ห้อง

อับดุลลาห์ อัล อับดูลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม กล่าวว่า “Marjan จะวางตำแหน่งราสอัลไคมาห์ให้เป็นศูนย์กลางด้านไลฟ์สไตล์และการลงทุนระดับโลกแห่งอนาคต”

การควบรวมกิจการครั้งนี้ช่วยให้ Marjan สามารถขับเคลื่อนเอมิเรตส์ไปสู่บทต่อไปของการเติบโต ส่งเสริมการนำเสนอไลฟ์สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ และดึงดูดผู้มีความสามารถและการลงทุนระดับโลก

เกี่ยวกับ Marjan

Marjan เป็นบริษัทด้านการลงทุน การบริการ และไลฟ์สไตล์ในราสอัลไคมาห์ นิยามใหม่ของการพัฒนาจุดหมายปลายทาง ด้วยการผสมผสานการวางแผนหลักอันมีวิสัยทัศน์เข้ากับการบริการระดับโลกและการใช้ชีวิตในชุมชนที่มีชีวิตชีวา ในฐานะผู้ขับเคลื่อนโครงการอันทรงเกียรติอย่างเกาะ Al Marjan, ชายหาด Marjan, RAK Central และเกาะ Wynn Al Marjan ที่กำลังจะเปิดตัว Marjan กำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของราสอัลไคมาห์ให้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีชีวิตชีวา ยั่งยืน และน่าอยู่ที่สุดในโลกสำหรับนักลงทุน ผู้อยู่อาศัย และนักท่องเที่ยว

*ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251022275206/en

Contacts

Nivine William | Burson
Nivine.william@bursonglobal.com

ที่มา: Marjan

Xsolla เสริมความแข็งแกร่งให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จในกรุงเทพฯ

Logo

Xsolla Connect และ Gamescom Asia x Thailand Game Show ได้เน้นย้ำบทบาทที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาคในการค้าเกมระดับโลก

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–23 ตุลาคม 2025

Xsolla บริษัทพาณิชย์เกมวิดีโอระดับโลกที่ช่วยเหลือนักพัฒนาในการเปิดตัว ขยายธุรกิจ และสร้างรายได้จากเกมของพวกเขา ประสบความสำเร็จในการจัดงานสำคัญสองงานในประเทศไทย ประกอบด้วย Xsolla Connect Bangkok 2025 และ Gamescom Asia x Thailand Game Show 2025 ซึ่งถือเป็นสัปดาห์แห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Graphic: Xsolla

กราฟิก: Xsolla

กิจกรรมเหล่านี้ได้รวมตัวผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายร้อยคนจากทั่วโลก และตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของ Xsolla ในการพัฒนาการค้าเกม นวัตกรรมการชำระเงิน และการมีส่วนร่วมของผู้เล่นในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก และมีการหารือระดับสูง รวมถึงมีเครือข่ายธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาคนี้ในการกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมเกมระดับโลก

งานครั้งนี้แตกต่างจากงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ งาน Xsolla Connect ออกแบบมาเพื่อสร้างการเชื่อมต่อแบบตัวต่อตัวที่แท้จริงระหว่างนักพัฒนา ผู้เผยแพร่ และนักลงทุน โดยงาน Xsolla Connect จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ณ โรงแรมเมอเวนพิค สุขุมวิท 15 มีแขกผู้มีเกียรติกว่า 100 คนจากสตูดิโอระดับโลกและระดับภูมิภาค ภายในงานมีปาฐกถาพิเศษจากผู้บริหาร Xsolla และเหล่าครีเอเตอร์ระดับท้องถิ่น อาทิ bjornzeys, Jubjang Ch, medploy.style, Bhumsmart และ Necross Melphist

งานนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งต่างชื่นชมโอกาสในการสร้างเครือข่ายที่มุ่งเน้น และมีบรรยากาศที่สร้างสรรค์และดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรม ด้วยการสร้างเวทีสำหรับการสนทนาแบบเปิดกว้างและความร่วมมือระดับภูมิภาคโดยงาน Xsolla Connect Bangkok ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเชื่อมโยงนวัตกรรมของนักพัฒนาในท้องถิ่นกับการเข้าถึงอุตสาหกรรมระดับโลก

หลังจากความสำเร็จของ Xsolla Connect บริษัทได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดเกมในงาน Gamescom Asia x Thailand Game Show 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 ตุลาคม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเป็นงานเกมที่ผสมผสานระหว่าง B2B และ B2C ครั้งแรกที่สามารถดึงดูดผู้เข้าชมงานได้กว่า 80,000 คนตลอดระยะเวลาสี่วัน โดยบูทของ Xsolla ถือเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักพัฒนาและผู้จัดจำหน่ายเกมที่กำลังมองหาโซลูชันการเติบโตที่ตอบโจทย์ตลาดเอเชียโดยเฉพาะ

Xsolla ได้จัดแสดงชุดเครื่องมือและบริการต่างๆ ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึง

การพาณิชย์โดยตรงถึงผู้บริโภค: การสาธิต Xsolla Web Shop, Launcher และ In-Game Store ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างระบบนิเวศของผู้เล่นอิสระและเพิ่มการรักษาผู้เล่นได้

การชำระเงินระดับโลกในระดับท้องถิ่น: ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Xsolla Pay Station และ Pay Fac ที่ให้การสนับสนุนธุรกรรมที่ราบรื่นด้วยวิธีการชำระเงินมากกว่า 700 วิธีใน 200 ภูมิภาค รวมถึงแพลตฟอร์มชั้นนำของประเทศไทย

LiveOps และการรักษาผู้เล่น: เซสชันแบบโต้ตอบที่เน้นที่ Xsolla LiveOps Management Suite ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษาการมีส่วนร่วมของผู้เล่นในระยะยาวในทุกแพลตฟอร์ม

การสนับสนุนนักพัฒนา: การให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวที่เชื่อมโยงนักพัฒนากับผู้เชี่ยวชาญของ Xsolla เพื่อสำรวจโอกาสในการระดมทุน การตลาด และการเผยแพร่

เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Xsolla ต่อการเติบโตและการศึกษาของนักพัฒนาเพิ่มเติม Berkley Egenes ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและการเติบโตได้เข้าร่วมการอภิปรายในหัวข้อ “การทลายอุปสรรค: การขยายผลกำไรของเกมทั่วโลกผ่านความร่วมมือเชิงนวัตกรรม” ในงาน Gamescom Asia x Thailand Game Show 2025โดยเขาได้หารือถึงวิธีที่นักพัฒนาจะสามารถปลดล็อกโอกาสระดับโลกผ่านกลยุทธ์การชำระเงินโดยตรงถึงผู้บริโภคและทางเลือกต่างๆ

ทั้งสองกิจกรรมก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม รวมถึงการปรึกษาหารือเกี่ยวกับพันธมิตรใหม่หลายสิบราย การขยายความร่วมมือระดับภูมิภาค และการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของ Xsolla ในหมู่สตูดิโอในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตลอดสัปดาห์แห่งการมีส่วนร่วมนั้นส่งผลให้เกิดการประชุมทางธุรกิจที่มีคุณภาพหลายร้อยครั้ง มีผู้แสดงความคิดเห็นหลายหมื่นคนบนโซเชียลมีเดีย และได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนระดับภูมิภาคอย่างล้นหลาม ซึ่งช่วยตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของ Xsolla ในเศรษฐกิจเกมที่กำลังเฟื่องฟูของเอเชีย

“เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมเกมระดับโลก” Berkley Egenes ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและการเติบโตของ Xsolla กล่าว “สิ่งที่เราประสบความสำเร็จในกรุงเทพฯ สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีและบุคลากรผู้มีความสามารถ ระหว่างวัฒนธรรมท้องถิ่นและโอกาสระดับโลก พลังที่เราได้เห็นจากนักพัฒนาและพันธมิตรแสดงให้เห็นว่าอนาคตของวงการเกมจะถูกสร้างขึ้นที่นี่เช่นเดียวกับที่อื่นๆ ในโลก”

หลังจากความสำเร็จของกิจกรรมเหล่านี้ Xsolla จะขยายซีรีส์ Connect และโครงการริเริ่มต่างๆ สำหรับนักพัฒนาตลอดปี 2026 ซึ่งรวมถึงแผนงานใหม่ๆ ทั่วเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยบริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยให้นักพัฒนาทุกขนาดสามารถเติบโตทางธุรกิจผ่านการสร้างรายได้ที่สร้างสรรค์ โซลูชันการชำระเงินที่ปรับให้เข้ากับท้องถิ่น และกลยุทธ์การมีส่วนร่วมที่ให้ความสำคัญกับผู้เล่นเป็นอันดับแรก

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรากฏตัวของ Xsolla ในงาน Xsolla Connect Bangkok 2025 และ Gamescom Asia x Thailand Game Show 2025 โปรดไปที่: xsolla.blog/GC-connect

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทพาณิชย์ระดับโลกที่มีเครื่องมือและบริการอันแข็งแกร่งเพื่อช่วยนักพัฒนาแก้ไขปัญหาสำคัญต่างๆ ของอุตสาหกรรมวิดีโอเกม ตั้งแต่เกมอินดี้ไปจนถึงเกมระดับ AAA บริษัทต่างๆ ร่วมมือกับ Xsolla เพื่อช่วยระดมทุน จัดจำหน่าย ทำการตลาด และสร้างรายได้ให้กับเกมของพวกเขา ด้วยความเชื่อมั่นในอนาคตของวิดีโอเกม Xsolla มุ่งมั่นในพันธกิจที่จะเชื่อมโยงโอกาสต่างๆ เข้าด้วยกัน และจัดหาทรัพยากรใหม่ๆ ให้กับเหล่าครีเอเตอร์อย่างต่อเนื่อง โดย Xsolla มีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย โดยดำเนินงานในฐานะผู้ค้าเกม และได้ช่วยเหลือนักพัฒนาเกมมากกว่า 1,500 คน ให้เข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้นและขยายธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยเส้นทางสู่ผลกำไรและหนทางสู่ชัยชนะที่มากขึ้น นักพัฒนาเกมจึงมีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเพลิดเพลินไปกับเกม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20251023115403/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Derrick Stembridge
รองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับโลก Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

ที่มา: Xsolla


ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพสมัชชาใหญ่ด้านการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 26 ในเดือนพฤศจิกายน เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของหน่วยงาน

Logo

ริยาด ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–23 ตุลาคม 2025

ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาใหญ่ด้านการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 7-11 พฤศจิกายน การประชุมสำคัญในครั้งนี้จะเน้นในหัวข้อ “การท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วย AI: นิยามอนาคตใหม่” และเป็นการรำลึกถึงความร่วมมือกว่าห้าทศวรรษภายใต้หน่วยงานเฉพาะทางด้านการท่องเที่ยวของสหประชาชาติ

Riyadh Nighttime View

วิวยามค่ำคืนของริยาด

ซาอุดีอาระเบียซึ่งมีกระทรวงการท่องเที่ยวเป็นตัวแทน จะต้อนรับประเทศสมาชิกมากกว่า 160 ประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ และผู้เล่นในอุตสาหกรรมระดับโลกต่างๆ เพื่อร่วมหารือเพื่อสร้างอนาคตที่สดใสและยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับอุตสาหกรรม และกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวระดับโลกในอีก 50 ปีข้างหน้า

ฯพณฯ Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียได้เชิญผู้คนจากทั่วโลกมาร่วมงานกันที่ริยาด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญยิ่งของการทูตการท่องเที่ยวระดับโลก โดยกล่าวว่า “เรารอคอยที่จะได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมองค์กรการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ซึ่งจะกำหนดนิยามการดำเนินการระดับโลกใหม่ในภาคส่วนที่สำคัญยิ่งนี้และในภาคส่วนอื่นๆ”

Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกล่าวถึงการเป็นประเทศสมาชิก GCC แรกที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาใหญ่ของหน่วยงานสหประชาชาติว่า “นี่เป็นการเพิ่มความสำคัญของการประชุมครั้งนี้ และช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความไว้วางใจจากทั่วโลกที่มีต่อซาอุดีอาระเบียในฐานะผู้จัดและเวทีที่น่าเชื่อถือสำหรับการเจรจาระหว่างประเทศด้านการท่องเที่ยว ภารกิจของเราในฐานะเจ้าภาพ คือการเชื่อมโยงผู้คนจากทั่วโลก เชื่อมโยงมุมมอง และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศที่ใช้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต เพื่อผลักดันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน”

“ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเชื่อมั่นในพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของการท่องเที่ยวและศักยภาพของการท่องเที่ยวที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืนทั่วทั้งเศรษฐกิจและชุมชน ผลกระทบนี้เห็นได้จากการเดินทางของเราในการปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของการท่องเที่ยว และเปลี่ยนภาคส่วนนี้ให้เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเติบโตทางเศรษฐกิจและความหลากหลายต่างๆ รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2030” ฯพณฯ Al Khateeb กล่าวเสริม

นอกจากการประชุมสมัชชาใหญ่สี่ครั้งแล้ว การประชุมสมัยที่ 26 จะประกอบด้วยการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจหลายคณะ การประชุมเฉพาะเรื่องเพื่อหารือเกี่ยวกับอนาคตของการท่องเที่ยวในยุคที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึงการเลือกตั้งเลขาธิการองค์การการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติคนต่อไป โดยวาระการประชุมยังรวมถึงการประชุมสมัยที่ 124 และ 125 ของคณะมนตรีบริหาร ซึ่งเป็นองค์กรบริหารสูงสุดขององค์กร

โดยเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้จะเป็นเดือนสำคัญในการกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวโลกในอีก 50 ปีข้างหน้า เนื่องจากซาอุดีอาระเบียจะจัดการประชุมสุดยอด TOURISE ครั้งแรก ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 11-13 พฤศจิกายน ทันทีหลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่ด้านการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ โดย TOURISE คือเวทีระดับโลกใหม่ที่จะเป็นศูนย์รวมของผู้นำภาครัฐและเอกชนในสาขาต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว เทคโนโลยี การลงทุน ความยั่งยืน และวัฒนธรรม ผู้นำเหล่านี้จะร่วมกันรับมือกับความท้าทายระดับโลก ปลดล็อกโอกาสในภาคการเดินทางและการท่องเที่ยว และกำหนดวาระสำหรับภาคส่วนที่ยั่งยืน เป็นธรรม และมุ่งเน้นอนาคต

ด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดงานให้กับองค์กรการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติและเปิดตัว TOURISE ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียกำลังยืนอยู่ในตำแหน่งที่กำลังเติบโตของตนในฐานะศูนย์กลางระดับโลกในการเจรจาข้ามภาคส่วน ผู้นำในความร่วมมือพหุภาคี และศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลกที่กำลังเติบโต

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251022579574/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับสื่อมวลชนในประเทศซาอุดีอาระเบียและภูมิภาค โปรดติดต่อ +966 59 333 5188
สำหรับสื่อมวลชนต่างประเทศ โปรดติดต่อ +1 919 931 4943

ที่มา: Ministry of Tourism Saudi Arabia

Bidgely เปิดตัว UtilityAI Pro ที่มอบแพลตฟอร์ม AI แนวตั้งตัวแรกให้กับผู้ให้บริการสาธารณูปโภคและพลังงานทั่วโลกที่แปลงข้อมูลต่างๆ เป็นข้อมูลเชิงลึกในด้านกลยุทธ์

Logo

แพลตฟอร์ม AI ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะจะดึงข้อมูลอัจฉริยะจากคลาวด์ยูทิลิตี้เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

ลอสอัลโตส แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–23 ตุลาคม 2025

Bidgelyวันนี้ได้เปิดตัว UtilityAI Pro™แพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ (AI) แนวตั้งแพลตฟอร์มแรกและครอบคลุมที่สุด ออกแบบมาเพื่อบริษัทสาธารณูปโภค ผู้ให้บริการพลังงาน และ DISCOM ทั่วโลกโดยเฉพาะ โดย UtilityAI Pro จะช่วยให้ผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลสามารถนำโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML) ขั้นสูงของ Bidgely ไปปรับใช้ในสภาพแวดล้อมข้อมูลที่ต้องการ เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐานในการวัดมิเตอร์ขั้นสูง (AMI), ข้อมูลลูกค้า และข้อมูลโครงข่ายไฟฟ้า โซลูชันนี้จะวิเคราะห์ข้อมูลนี้ได้อย่างละเอียดมากขึ้นถึง 10 เท่า มอบข้อมูลเชิงลึกเบื้องหลังมิเตอร์เกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า การใช้พลังงานในระดับเครื่องใช้ไฟฟ้า และประสิทธิภาพของโครงข่ายไฟฟ้า

Bidgely introduces UtilityAI Pro™, the first and most comprehensive vertical AI platform designed specifically for utilities.

Bidgely ขอแนะนำ UtilityAI Pro™ แพลตฟอร์ม AI แนวตั้งตัวแรกและครอบคลุมที่สุดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับสาธารณูปโภค

Bidgely คือผู้นำที่ได้รับการยอมรับในด้านการวิเคราะห์สาธารณูปโภค ด้วยความเชี่ยวชาญด้าน ML และ AI ที่มุ่งเน้นสาธารณูปโภคมากว่าทศวรรษ Bidgely ได้รับการสนับสนุนจากสิทธิบัตร 19 ฉบับ และการอ่านมิเตอร์หลายพันล้านครั้ง และมีการประมวลผลข้อมูลการใช้พลังงานมากกว่าหนึ่งเทราไบต์จากลูกค้าทั่วโลกทุกวัน

ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี AI เฉพาะด้านสาธารณูปโภคมายาวนาน เรามักได้ยินจากหัวหน้าฝ่ายดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่าย AI (CAIO) และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล (CDO) ถึงความลังเลใจในการแบ่งปันข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญนอกระบบคลาวด์เดิมของพวกเขาอยู่เสมอ เราได้พัฒนา UtilityAI Pro ให้เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่มาพร้อมโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่งเฉพาะด้านสาธารณูปโภคที่จดสิทธิบัตรแล้ว ซึ่งออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนการลงทุนที่มีอยู่แล้วในพื้นที่เก็บข้อมูลส่วนกลาง, AI เชิงสร้างสรรค์, และเอเจนติก AI บนคลาวด์ยูทิลิตี้ ความมุ่งมั่นนี้ทำให้ผู้นำด้านเทคโนโลยีสามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งสาธารณูปโภคได้” Abhay Gupta ซีอีโอของ Bidgely กล่าว “ด้วยการร่วมมือกับผู้เล่นชั้นนำในระบบนิเวศคลาวด์ หัวหน้าฝ่ายดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน CAIO และ CDO สามารถปรับใช้ UtilityAI Pro บนแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ตนเลือกเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างปลอดภัยและครอบคลุมได้”

AI แนวตั้งที่ครอบคลุมรายแรกของอุตสาหกรรมสาธารณูปโภค

อุตสาหกรรมสาธารณูปโภคกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญที่ขับเคลื่อนโดยการใช้พลังงานไฟฟ้า ความกังวลเรื่องราคา และแรงผลักดันในการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย ​​หัวหน้าฝ่ายการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล CAIO และ CDO กำลังเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง โดยลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่จำเป็นต่อการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ จนถึงปัจจุบันยังไม่มีแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์สำหรับผู้ให้บริการสาธารณูปโภคและพลังงานในการแปลงข้อมูลปริมาณมหาศาลจากการลงทุนใน AMI และระบบสารสนเทศให้เป็นมูลค่าที่แท้จริง

จากการสำรวจ IFS Global Utility Survey ประจำปี 2024 พบว่ามีเพียงร้อยละ 20 ของบริษัทสาธารณูปโภคเท่านั้นที่เสร็จสิ้นกระบวนการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล แม้ว่าผู้บริหารร้อยละ 82 จะตระหนักว่า AI มีความจำเป็นต่อกลยุทธ์ของตน และร้อยละ 84 จะตระหนักว่าการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นมีความสำคัญก็ตาม

“UtilityAI Pro ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในวิทยาศาสตร์ข้อมูลสาธารณูปโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความสามารถในการผสานรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคที่มีอยู่” Hunter Horgan กรรมการผู้จัดการของ Renown Capital Partners และนักลงทุนของ Bidgely กล่าว “ความยืดหยุ่นนี้ช่วยให้ Bidgely สามารถเพิ่มประสิทธิภาพแอปพลิเคชันสาธารณูปโภคทั้งหมดด้วยข้อมูลเชิงลึกแบบละเอียดเบื้องหลังมิเตอร์ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ให้สูงสุดจากการลงทุนในข้อมูลที่มีอยู่”

ประโยชน์ของแพลตฟอร์มสำหรับหัวหน้าฝ่ายการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล CAIO และ CDO

UtilityAI Pro ช่วยยกระดับความเกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานจากการลงทุนด้าน AI ในเอเจนต์และโคไพลอตจากผู้ให้บริการทุกราย ด้วยการโต้ตอบเชิงสนทนากับข้อมูลเชิงลึกอันทรงพลังที่ดึงมาจากโครงข่ายสาธารณูปโภคและลูกค้า แนวทางนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับการดำเนินงานสาธารณูปโภคได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยปลดล็อก

  •  การสร้างโปรไฟล์ลูกค้าเชิงลึก: รับข้อมูลแบบละเอียดเบื้องหลังมิเตอร์เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้า ประสิทธิภาพการทำงาน และพฤติกรรมการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไป
  •  การมีส่วนร่วมของลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI: ขับเคลื่อนการสื่อสารแบบเฉพาะบุคคล เพิ่มประสิทธิภาพของศูนย์บริการสายด่วน และเพิ่มการลงทะเบียนโปรแกรม
  •  การกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำ: ระบุผู้ใช้ที่เหมาะสมสำหรับอัตราและโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างแม่นยำโดยอิงจากการเป็นเจ้าของอุปกรณ์จริงและการสร้างโมเดลแนวโน้มที่เชื่อถือได้
  •  การปรับปรุงโครงข่ายอัจฉริยะ: รับการมองเห็นเชิงคาดการณ์จากล่างขึ้นบนเพื่อวินิจฉัยจุดที่มีความเครียดในเครือข่ายไฟฟ้าและปรับให้การลงทุนเพื่อความยืดหยุ่นมีความเหมาะสมที่สุด
  •  การจัดการทรัพยากรพลังงานแบบกระจาย (DER): คาดการณ์และจัดการผลกระทบของพลังงานแสงอาทิตย์ ระบบกักเก็บ และยานยนต์ไฟฟ้าต่อโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบ
  •  นวัตกรรมที่เร่งขึ้น: สร้างต้นแบบและปรับใช้แอปพลิเคชัน AI ที่กำหนดเองได้อย่างรวดเร็ว โดยผสานรวมในสแต็กเทคโนโลยีของยูทิลิตี้อย่างปลอดภัย
  •  ความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน: กระจายข้อมูลแบบเรียลไทม์ให้ลูกค้า เครือข่ายไฟฟ้า และฟังก์ชันหลังบ้านเพื่อขับเคลื่อนการจัดการที่มีประสิทธิผลและลดต้นทุน

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ UtilityAI Pro โปรดไปที่ bidgely.com/utilityai-pro

เกี่ยวกับ Bidgely

Bidgely คือบริษัท SaaS ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งกำลังเร่งสร้างอนาคตพลังงานสะอาด ด้วยการช่วยให้บริษัทพลังงานและผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับพลังงานโดยอาศัยข้อมูล แพลตฟอร์ม UtilityAI™ ของ Bidgely ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอันเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของเรา แปลงข้อมูลลูกค้าหลายมิติ เช่น การใช้พลังงาน ข้อมูลประชากร และปฏิสัมพันธ์ ให้เป็นข้อมูลเชิงลึกด้านพลังงานของผู้บริโภคที่แม่นยำและนำไปใช้ได้จริง เราใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เพื่อมอบคำแนะนำเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งปรับให้เหมาะกับบุคลิกภาพและไลฟ์สไตล์ คุณลักษณะการใช้งาน รูปแบบพฤติกรรม แนวโน้มการซื้อ และอื่นๆ Bidgely กำลังพัฒนานวัตกรรมมิเตอร์อัจฉริยะด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลสำหรับโซลาร์เซลล์ (PV) การตรวจจับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) การปรับเปลี่ยนโหลดและการจัดการการชาร์จตามพฤติกรรมของรถยนต์ไฟฟ้า การขโมยพลังงาน การคาดการณ์โหลดระยะสั้น การวิเคราะห์โครงข่ายไฟฟ้า และการออกแบบอัตราการใช้งาน (TOU) ระบบวิเคราะห์พลังงาน UtilityAI™ ของ Bidgely มอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการผลิตและการบริโภค เพื่อการวางแผนและกำหนดรูปแบบการใช้พลังงานสูงสุด (Peak Load) ที่ดีขึ้น พร้อมให้คำแนะนำที่ตรงจุดสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่มีมูลค่าเพิ่ม Bidgely มีรากฐานในซิลิคอนแวลลีย์ มีสิทธิบัตรด้านพลังงานมากกว่า 16 ฉบับ เงินทุนมากกว่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลมากกว่า 30 คน และนำความหลงใหลใน AI มาสู่สาธารณูปโภคที่ให้บริการลูกค้าทั้งที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.bidgely.com หรือบล็อกของ Bidgely ที่ bidgely.com/blog

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/20251023698381/en

Contacts

Christine Bennett
Bidgely
press@bidgely.com

ที่มา: Bidgely

INNIO ได้รับคำสั่งซื้อครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทจาก VoltaGrid เพื่อส่งมอบพลังงานไฟฟ้าให้กับศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

Logo

  • INNIO จะจัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน 2.3 กิกะวัตต์ (GW) ประกอบด้วยชุดพลังงาน 92 ชุด ชุดละ 25 เมกะวัตต์ (MW)
  • ความร่วมมือกับ VoltaGrid ได้ขับเคลื่อนการขยายศูนย์ข้อมูล AI ผ่านโซลูชันพลังงานที่รวดเร็ว ยืดหยุ่น และยั่งยืน
  • ความร่วมมือนี้ช่วยให้ VoltaGrid สามารถผสานหน่วยจ่ายไฟเข้ากับพลังงานของศูนย์ข้อมูลพกพาขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยหน่วยของ INNIO ได้อย่างราบรื่น

เจนบัค ออสเตรีย และ ฮูสตัน สหรัฐอเมริกา–(BUSINESS WIRE)–21 ตุลาคม 2025

ในวันนี้ INNIO Group ได้ประกาศคำสั่งซื้อพลังงานไฟฟ้าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท นั่นคือโครงการโครงสร้างพื้นฐานพลังงานไฟฟ้าขนาด 2.3 กิกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยชุดจ่ายไฟ 92 ชุด แต่ละชุดให้กำลังผลิต 25 เมกะวัตต์ โดยความร่วมมือกับ VoltaGrid จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของ INNIO ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานหลักสำหรับภาคศูนย์ข้อมูลของสหรัฐอเมริกาที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

INNIO Secures Largest Order in Company History (c) INNIO

INNIO ได้รับคำสั่งซื้อครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท (c) INNIO

“คำสั่งซื้อครั้งสำคัญนี้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีของ INNIO และความสามารถของเราในการขับเคลื่อนการปฏิวัติ AI ด้วยโซลูชันพลังงานอัจฉริยะประสิทธิภาพสูง” กล่าวโดย ดร. Olaf Berlien ประธานและซีอีโอของ INNIO Group “เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ VoltaGrid ในการกำหนดทิศทางโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานแห่งอนาคต”

“นี่คือก้าวสำคัญสู่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสำหรับยุค AI” Nathan Ough ซีอีโอของ VoltaGrid กล่าวเสริม “การร่วมมือกับ INNIO ช่วยให้เรานำเสนอโซลูชันที่ปรับขนาดได้ ซึ่งผสานประสิทธิภาพระดับกริดเข้ากับการตอบสนองที่รวดเร็วเป็นพิเศษ การพึ่งพาแบตเตอรี่เป็นศูนย์ และการปล่อยมลพิษทางอากาศที่เกือบเป็นศูนย์ ความร่วมมือของเราจะช่วยมอบความเร็ว ความน่าเชื่อถือ และความยั่งยืนที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลแห่งอนาคต”

โซลูชันพลังงานขั้นสูงของ INNIO พัฒนาขึ้นร่วมกับ VoltaGrid เพื่อเร่งการใช้งานศูนย์ข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพ GPU ให้สูงสุดสำหรับการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Jenbacher ของ INNIO ที่ทำให้ระบบนี้สามารถให้พลังงานหลัก พลังงานสำรอง และพลังงานสูงสุดภายในแพลตฟอร์มแบบบูรณาการเดียว รวมทั้งมอบความยืดหยุ่นในการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมได้

โดยโซลูชันจะรักษาพลังงานและประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่แม้ในอุณหภูมิแวดล้อมสูงถึง 122°F (50°C) และมอบประสิทธิภาพการทำงานชั่วคราวที่เหนือกว่า สามารถรองรับความผันผวนของโหลดที่ผันผวนสูงได้ เราประเมินว่าเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีทางเลือกอื่น โซลูชันนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าถึง 10 จุดเปอร์เซ็นต์ ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จากกำลังการผลิตติดตั้ง 2.3 กิกะวัตต์

เกี่ยวกับ INNIO Group

INNIO Group คือผู้ให้บริการโซลูชันและบริการด้านพลังงานชั้นนำที่ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมและชุมชนให้สามารถดำเนินงานด้านพลังงานอย่างยั่งยืนในปัจจุบัน ด้วยแบรนด์ผลิตภัณฑ์ Jenbacher และ Waukesha และแพลตฟอร์มดิจิทัล myplant ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดย INNIO Group ได้นำเสนอโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมสำหรับโครงสร้างพื้นฐานพลังงานของศูนย์ข้อมูล การผลิตไฟฟ้าแบบกระจาย และแอปพลิเคชันการบีบอัด ด้วยโซลูชันและบริการด้านพลังงานที่ยืดหยุ่น ปรับขนาดได้ และยืดหยุ่น ทำให้ INNIO Group ช่วยให้ลูกค้าสามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานตลอดห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงาน และรับประกันการจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้แม้ในที่ที่ไม่มีโครงข่ายไฟฟ้า

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ INNIO Group ที่ innio.com ติดตาม INNIO Group ได้ที่ X และ LinkedIn

เกี่ยวกับ VoltaGrid

VoltaGrid คือผู้บุกเบิกด้านพลังงานสะอาดในสหรัฐอเมริกา นำเสนอโซลูชันพลังงานก๊าซธรรมชาติที่ตอบสนองฉับไวและปล่อยมลพิษต่ำสำหรับศูนย์ข้อมูล การดำเนินงานภาคอุตสาหกรรม และความยืดหยุ่นของระบบโครงข่ายไฟฟ้า แพลตฟอร์มที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทได้ผสานรวมประสิทธิภาพชั้นนำของอุตสาหกรรมเข้ากับการใช้งานแบบแยกส่วนที่ปรับขนาดได้ ทำให้ VoltaGrid เป็นพันธมิตรที่ได้รับการยอมรับสำหรับโครงสร้างพื้นฐานพลังงานแห่งอนาคต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251021503080/en

Contacts

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
Susanne Reichelt
INNIO Group
+43 664 80833 2382
susanne.reichelt@innio.com

ที่มา: INNIO Group

NIPPON KINZOKU ขยายยอดขาย “NK-305 Series” ในฐานะผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Logo

ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดแรงแม่เหล็กตกค้างหลังการแปรรูปได้อย่างมีนัยสำคัญ และขยายความเป็นไปได้ในการขึ้นรูปเชิงลึกได้เป็นอย่างดี

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–21 ตุลาคม 2025

NIPPON KINZOKU CO., LTD. (TOKYO: 5491) (สำนักงานใหญ่: เขตมินาโตะ โตเกียว) กำลังเสริมยอดขายสเตนเลสสตีล “NK-305 Series” ซึ่งมีคุณสมบัติทั้งการซึมผ่านต่ำ (ไม่เป็นแม่เหล็ก) และ ความสามารถในการขึ้นรูปเชิงลึกสูง นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่หกในกลุ่ม “ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์นี้ช่วยตอบสนองต่อความต้องการของตลาด อาทิ การปรับปรุงความน่าเชื่อถือของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และรองรับความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของชิ้นส่วนยานยนต์ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตของผลิตภัณฑ์ของลูกค้า

Our proprietary equipment, designed with accumulated cold rolling expertise, and the industry-leading proprietary technologies developed by it, meet all your needs.

อุปกรณ์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา ซึ่งออกแบบด้วยความเชี่ยวชาญด้านการรีดเย็นที่สั่งสมมา และเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่พัฒนาขึ้น จะช่วยตอบสนองทุกความต้องการของคุณ

ภูมิหลังการพัฒนา
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยขนาดที่เล็กลงและความหนาแน่นที่สูงขึ้นของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงน้ำหนักที่เบาลงของรถยนต์ ทำให้วัสดุโลหะที่ใช้มีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ทั้งคุณสมบัติการซึมผ่านต่ำที่ต้านทานการเกิดแม่เหล็กแม้หลังจากผ่านกระบวนการ และความสามารถในการขึ้นรูปเชิงลึกที่จะช่วยให้สามารถสร้างรูปทรงที่ซับซ้อนได้ อย่างไรก็ตาม การบรรลุคุณสมบัติทั้งสองนี้พร้อมกันถือเป็นความท้าทายที่ยากลำบากสำหรับสเตนเลสสตีลทั่วไป
เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดเหล่านี้ บริษัทของเราได้พัฒนา “NK-305 Series” โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา เรามีเหล็กสองเกรดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการใช้งานเฉพาะด้าน

คุณสมบัติและประโยชน์ของ NK-305 Series

1. NK-305S: มีค่าการซึมผ่านต่ำมาก เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
โดยจะช่วยลดการเกิดแม่เหล็กได้อย่างมีนัยสำคัญ ในระหว่างการแปรรูปหนัก ทำให้ได้คุณสมบัติที่เหนือกว่า SUS316 ซึ่งเป็นสเตนเลสสตีลที่มีค่าการซึมผ่านต่ำ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับโมดูลกล้องและส่วนประกอบเซนเซอร์ต่างๆ ที่ต้องการลดการรบกวนจากแม่เหล็กให้น้อยที่สุด ช่วยป้องกันการทำงานผิดปกติของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังสามารถลดต้นทุนได้ โดยการแทนที่ SUS316 ด้วย NK-305S

(ตัวอย่างการใช้งาน: ส่วนประกอบกล้อง ส่วนประกอบอุปกรณ์มือถือ ฯลฯ)

2. NK-305Y: คุณสมบัติการขึ้นรูปเชิงลึกที่ยอดเยี่ยมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสำหรับชิ้นส่วนที่มีรูปร่างซับซ้อน
นุ่มเป็นพิเศษพร้อมการยืดตัวที่ดีเยี่ยม รองรับกระบวนการขึ้นรูปเชิงลึกที่มีความต้องการสูง อำนวยความสะดวกในการขึ้นรูปชิ้นส่วนยานยนต์ที่ซับซ้อนและรูปทรงอื่นๆ ที่ก่อนหน้านี้ผลิตได้ยาก ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการดำเนินการและผลผลิตในการผลิตของลูกค้าดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

(ตัวอย่างการใช้งาน: ชิ้นส่วนยานยนต์, กล่องหุ้มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ)

คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.nipponkinzoku.co.jp/assets/images/2025/10/Newly-Expanding-Sales-of-the-NK-305-Series.pdf

ภาพรวมผลิตภัณฑ์แผ่นเหล็ก
https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/corporate-profile/business/cold-rolled-stainless-steel-strip

เกี่ยวกับ NIPPON KINZOKU Group
มีการนำผลิตภัณฑ์ของเราไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่อุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูงไปจนถึงอุตสาหกรรมก่อสร้าง https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251020824470/en

Contacts

NIPPON KINZOKU CO., LTD. ฝ่ายกระบวนการผลิตและสนับสนุน
โทร.: +81-3-5765-8113
https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/inquiry

ที่มา: NIPPON KINZOKU CO., LTD.

ธุรกิจชั้นนำระดับโลกผนึกกำลังเปิดตัว Carbon Measures

Logo

กลุ่มพันธมิตรใหม่ในพัฒนากรอบการบัญชีคาร์บอนระดับโลกและผลักดันโซลูชันตามกลไกตลาดที่ขับเคลื่อนการลดการปล่อยมลพิษ

Amy Brachio อดีตรองประธานบริษัท Ernst & Young และหัวหน้าฝ่ายความยั่งยืน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นซีอีโอของ

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–20 ตุลาคม 2025

Carbon Measures ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรระดับโลกใหม่ที่ประกอบด้วยธุรกิจขนาดใหญ่จากหลากหลายอุตสาหกรรมและภูมิศาสตร์ ได้เปิดตัวในวันนี้เพื่อสร้างกรอบการบัญชีคาร์บอนที่แม่นยำยิ่งขึ้น และขับเคลื่อนโซลูชันตามกลไกตลาดเพื่อลดการปล่อยมลพิษด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด

งานของกลุ่มพันธมิตรจะใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือและหลักการบัญชีการเงิน เพื่อช่วยสร้างกรอบการบัญชีคาร์บอนแบบบัญชีแยกประเภทที่มีความแม่นยำมากขึ้น ขจัดการนับซ้ำ และแก้ไขช่องว่างของข้อมูลในปัจจุบัน กรอบการทำงานใหม่นี้จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของตน และช่วยให้รัฐบาลสามารถตัดสินใจเชิงนโยบายได้อย่างรอบรู้มากขึ้น ด้วยการติดตามการปล่อยมลพิษผ่านเศรษฐกิจโลกได้ดีขึ้น

Carbon Measures กำลังเรียกร้องให้มีนโยบายใหม่ที่จะช่วยปลดล็อกนวัตกรรม การแข่งขัน และอำนาจของตลาด การปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้นและจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีการนำนโยบายที่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และปฏิบัติได้จริงมาใช้ มาตรฐานความเข้มข้นของคาร์บอนในระดับผลิตภัณฑ์ซึ่งอิงจากข้อมูลที่ตรวจสอบได้ซึ่งได้รับจากกรอบการบัญชีการปล่อยมลพิษที่ได้รับการปรับปรุงสามารถสร้างตลาดที่ธุรกิจได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในการผลิตคาร์บอนต่ำได้

Carbon Measures จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนากรอบการบัญชีคาร์บอน นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดผลกระทบสูงสุด กลุ่มพันธมิตรจะให้ความสำคัญกับการออกแบบมาตรฐานความเข้มข้นของคาร์บอนสำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลักๆ เช่น ไฟฟ้า เชื้อเพลิง เหล็ก คอนกรีต และเคมีภัณฑ์ ซึ่งเป็นพื้นฐานของห่วงโซ่อุปทานส่วนใหญ่ และร่วมกันคิดคำนวณการปล่อยมลพิษส่วนใหญ่ทั่วโลก

Amy Brachio เข้ารับตำแหน่งซีอีโอของ Carbon Measures หลังจากทำงานที่บริษัท Ernst & Young LLP (“EY”) มาเกือบสามทศวรรษ โดยตำแหน่งล่าสุดของเธอคือรองประธานฝ่ายความยั่งยืนทั่วโลก ที่ EY เธอได้ให้คำแนะนำแก่ลูกค้าหลายพันรายเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน เป็นผู้นำในการลดการปล่อยมลพิษของบริษัทลง 40% และช่วยผลักดันให้ EY เป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการด้านความยั่งยืน โดย Brachio เป็นอดีตผู้นำฝ่ายให้คำปรึกษาธุรกิจและบริหารความเสี่ยงของ EY มีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในด้านการจัดการความเสี่ยง การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และความยั่งยืน

“ข้อมูลที่ดีนำไปสู่การตัดสินใจที่ดี แต่ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ข้อมูลที่แม่นยำและเปรียบเทียบได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นสิ่งสำคัญในการติดตามการปล่อยมลพิษ ฉันเคยได้นั่งแถวหน้าช่วยธุรกิจต่างๆ ต่อสู้กับระบบที่พึ่งพาการประมาณการมากเกินไป พึ่งพาความมุ่งมั่นโดยสมัครใจ และความตั้งใจดีในการขับเคลื่อนตลาด ซึ่งนั่นไม่เพียงพออีกต่อไป” Brachio กล่าว “Carbon Measures ต้องการสร้างระบบที่จะปลดปล่อยตลาดและการแข่งขัน ปลดล็อกการลงทุน และเร่งความเร็วในการลดการปล่อยมลพิษ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนอย่างที่โลกต้องการ”

บริษัทสมาชิกเริ่มต้นของกลุ่มพันธมิตร ได้แก่ ADNOC, Air Liquide, Banco Santander, BASF, Bayer, CF Industries, EQT Corporation, ExxonMobil, EY, Global Infrastructure Partners ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ BlackRock, Honeywell, Linde, Mitsubishi Heavy Industries, Mitsui & Co., Mitsui O.S.K. Lines, Ltd., NextEra Energy, Nucor, ท่าเรือ Rotterdam และ Vale ส่วนบริษัทอื่นๆ เพิ่มเติมจะประกาศให้ทราบในภายหลัง

โดยผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทสมาชิกของ Carbon Measures ได้แสดงการสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรและวัตถุประสงค์ของกลุ่ม ดังนี้

“เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการร่วมกันไปสู่อีกระดับอย่างแท้จริง เราจำเป็นต้องมีมาตรฐานความเข้มข้นของคาร์บอนในระดับผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้อง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบัญชีคาร์บอนที่แม่นยำ เพื่อตอบแทนโซลูชันคาร์บอนต่ำและควบคุมพลังของตลาด ความร่วมมือทางธุรกิจกับนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ภาคประชาสังคม และผู้กำหนดนโยบาย คือหัวใจสำคัญของโครงการ Carbon Measures การทำงานร่วมกันจะช่วยให้เราสามารถลดการปล่อยมลพิษและตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของสังคมได้” กล่าวโดย François Jackow ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Air Liquide Group

“การคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน ณ แหล่งกำเนิดที่แม่นยำและโปร่งใสเป็นรากฐานสำคัญของการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศที่เป็นรูปธรรม โครงการริเริ่มนี้มุ่งหวังที่จะสร้างวิธีการคำนวณความเข้มข้นของคาร์บอนที่น่าเชื่อถือและเปรียบเทียบได้ทั่วโลกอย่างครอบคลุมในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า เพื่อสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์และเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านให้เร็วขึ้น ด้วยการร่วมมือกันเพื่อสร้างโซลูชันที่ขับเคลื่อนโดยตลาดเพื่อรับมือกับความท้าทายที่สำคัญนี้ เรากำลังวางรากฐานสำหรับผลกระทบที่แท้จริงและขยายขนาดได้ โดยต่อยอดจากความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราในการลดการปล่อยมลพิษ เรายินดีกับความร่วมมือนี้ในทุกภูมิภาคและทุกอุตสาหกรรม และเราขอเชิญชวนให้ผู้อื่นร่วมมือกับเราในการกำหนดเส้นทางที่เป็นหนึ่งเดียวสู่การวัดปริมาณคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ” กล่าวโดย Ana Botín ประธานบริหารของ Banco Santander

“หากคุณวัดผลไม่ได้ คุณก็ไม่สามารถจัดการได้ ขั้นตอนแรกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกคือการรู้ว่ามันมาจากไหน และในปัจจุบัน เรายังไม่มีระบบที่แม่นยำในการทำเช่นนี้ วิธีการทำบัญชีการปล่อยก๊าซคาร์บอนมาตรฐานเป็นรากฐานที่จำเป็นสำหรับกรอบการทำงานที่จะช่วยส่งเสริมการแข่งขัน ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของแต่ละบริษัท และระดมพลังตลาดเพื่อรับมือกับความท้าทายของความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการลดการปล่อยมลพิษ” กล่าวโดย Darren Woods ประธานและซีอีโอของ ExxonMobil

“Nucor ภูมิใจที่ได้เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตร Carbon Measures ระดับโลก เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการวัดและจัดการรอยเท้าคาร์บอนของเรา การกำหนดกรอบการบัญชีคาร์บอนที่สอดคล้องกันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดเพื่อให้มั่นใจถึงความสามารถในการเปรียบเทียบระหว่างอุตสาหกรรมต่างๆ ขับเคลื่อนความก้าวหน้าที่น่าเชื่อถือในการลดการปล่อยมลพิษ และสนับสนุนนโยบายที่เชื่อมโยงความพยายามของภาคอุตสาหกรรมเข้ากับเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศที่กว้างขึ้น” กล่าวโดย Leon Topalian ประธาน กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nucor Corporation

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Carbon Measures ได้ที่ carbonmeasures.org

เกี่ยวกับ Carbon Measures

Carbon Measures คือกลุ่มพันธมิตรระดับโลกของธุรกิจชั้นนำที่มุ่งมั่นพัฒนากรอบการบัญชีคาร์บอนที่อิงตามบัญชีแยกประเภท ซึ่งให้ข้อมูลระดับบริษัทและผลิตภัณฑ์ที่แม่นยำ ตรวจสอบได้ และทันเวลา นอกจากนี้ Carbon Measures ยังเรียกร้องให้มีนโยบายใหม่ที่ปลดล็อกนวัตกรรม การแข่งขัน และแนวทางแก้ไขปัญหาตามกลไกตลาดเพื่อลดการปล่อยมลพิษอีกด้วย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

รายชื่อผู้ติดต่อสื่อ
media@carbonmeasures.org

ที่มา: Carbon Measures

InterSystems และ Google Cloud ผสานรวม InterSystems HealthShare เข้ากับ Healthcare API ของ Google Cloud

Logo

ความร่วมมือที่ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการทำงานร่วมกัน และช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ร่วมกับฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้

ลาสเวกัส –(BUSINESS WIRE)–20 ตุลาคม 2025

InterSystems ผู้ให้บริการเทคโนโลยีข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ที่บริหารจัดการข้อมูลสุขภาพกว่าหนึ่งพันล้านรายการทั่วโลก ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่ที่ผสานรวม InterSystems HealthShare กับ Google Cloud ในวันนี้ ความร่วมมือนี้ได้ประกาศในงาน HLTH โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งมอบฐานข้อมูลที่ปรับขนาดได้แบบเรียลไทม์และสอดคล้องกันสำหรับแอปพลิเคชัน AI เชิงสร้างสรรค์และเชิงตัวแทน

โดยความร่วมมือนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่สุดอย่างหนึ่งในระบบไอทีด้านการดูแลสุขภาพ นั่นคือข้อมูลที่กระจัดกระจายและไม่สอดคล้องกัน ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญของ InterSystems ด้านการประสานข้อมูล การแก้ไขข้อมูลประจำตัว และการทำงานร่วมกัน เข้ากับชุดข้อมูลวิเคราะห์และค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่หลากหลายของ Google Cloud และโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย โดยองค์กรด้านการดูแลสุขภาพสามารถปลดล็อกศักยภาพของ AI ได้อย่างเต็มที่ด้วยข้อมูลที่สะอาด เป็นหนึ่งเดียว และนำไปปฏิบัติได้จริงบนแพลตฟอร์มคลาวด์ระดับองค์กรที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว

“AI กำลังพลิกโฉมวงการสาธารณสุข แต่จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้และนำไปปฏิบัติได้จริง” กล่าวโดย Don Woodlock หัวหน้าฝ่ายโซลูชันการดูแลสุขภาพระดับโลกของ InterSystems “การผสานรวม HealthShare เข้ากับระบบนิเวศข้อมูลสุขภาพและ AI ที่ครอบคลุมของ Google Cloud ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าข้อมูลของพวกเขาสามารถทำงานร่วมกันได้และมีการจัดการอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งหมายความว่าผู้ให้บริการสามารถมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงขั้นตอนการทำงานและมอบการดูแลที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นได้”

InterSystems HealthShare นำเสนอการรวมข้อมูล การทำให้เป็นมาตรฐาน การลบข้อมูลที่ซ้ำซ้อน การระบุตัวตนผู้ป่วย การจับคู่คำศัพท์ และตัวเร่งความเร็วเฉพาะ EHR ในแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ความสามารถเหล่านี้จะผสานรวมเข้ากับ Healthcare API ของ Google Cloud ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้

สร้างฐานข้อมูลที่ปรับขนาดได้: สร้างฐานข้อมูลที่สอดคล้องและพร้อมสำหรับ FHIR สำหรับการวิจัย การดำเนินงาน และการตัดสินใจทางคลินิก โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับให้เหมาะสมกับ AI ของ Google Cloud และ BigQuery เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่

ใช้ประโยชน์จาก AI ขั้นสูง: ใช้ประโยชน์จากโมเดล AI เชิงสร้างสรรค์และเชิงตัวแทนชั้นนำ รวมถึงโมเดลตระกูล Gemini บนแพลตฟอร์ม Vertex AI ของ Google Cloud เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ระบบอัตโนมัติในการบริหารจัดการ และโครงการด้านสุขภาพประชากร

ปรับปรุงการทำงานร่วมกันและความปลอดภัย: ปรับปรุงการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับระบบและมาตรฐานที่มีอยู่ เพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างสอดประสานกัน ทั้งหมดนี้พร้อมรับประโยชน์จากกรอบการทำงานด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดชั้นนำของอุตสาหกรรมของ Google Cloud

“องค์กรด้านการดูแลสุขภาพต้องการนำโซลูชัน AI ที่ปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และมีประโยชน์ทันทีมาใช้” กล่าวโดย Aashima Gupta ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลกของ Google Cloud “InterSystems นำเสนอแพลตฟอร์มที่ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดเตรียมข้อมูล และช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถปลดล็อกคุณค่าของข้อมูลได้อย่างเต็มที่ ด้วยการผสานรวมการจัดการข้อมูลอันเป็นเอกลักษณ์ของ HealthShare เข้ากับความสามารถในการประมวลผลข้อมูลขั้นสูงและ AI/ML ของ Google Cloud”

ข้อเสนอนี้พร้อมให้บริการทันทีผ่านรูปแบบการนำสิทธิ์การใช้งานมาเอง (BYOL) โดย Google Cloud Marketplace คาดว่าจะเปิดให้บริการในอเมริกาเหนือในไตรมาสที่ 1 ปี 2026 และจะเปิดให้บริการทั่วโลกตามมา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์พาร์ทเนอร์ของเรา

เกี่ยวกับ InterSystems

InterSystems ผู้ให้บริการเทคโนโลยีข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ มอบรากฐานที่เป็นหนึ่งเดียวสำหรับแอปพลิเคชันยุคใหม่สำหรับลูกค้าด้านการดูแลสุขภาพ การเงิน การผลิต และซัพพลายเชนในกว่า 80 ประเทศ แพลตฟอร์มข้อมูลของเราช่วยแก้ปัญหาด้านความสามารถในการทำงานร่วมกัน ความเร็ว และความสามารถในการปรับขนาดสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก เพื่อปลดล็อกพลังของข้อมูลและเปิดโอกาสให้ผู้คนรับรู้ข้อมูลในรูปแบบที่สร้างสรรค์ โดย InterSystems ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศด้วยการสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมงในทุกๆ วัน InterSystems เป็นบริษัทเอกชนและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ มีสำนักงาน 38 แห่งใน 28 ประเทศทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ InterSystems.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ InterSystems:
Zach Keating
pr@intersystems.com
617.551.5158

ที่มา: InterSystems

CyberArk ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำในรายงาน Gartner® Magic Quadrant™ ประจำปี 2025 สำหรับการจัดการการเข้าถึงที่มีสิทธิพิเศษ

Logo

  • CyberArk ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำเป็นครั้งที่เจ็ดติดต่อกัน
  • CyberArk มองว่าการยอมรับดังกล่าวเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์และนวัตกรรมของบริษัทในตลาด PAM
  • แพลตฟอร์ม CyberArk Identity Security จะช่วยรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวทั้งหมดด้วยระบบควบคุมสิทธิ์ที่ทันสมัย

นิวตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ และเพทาช ติกวา ประเทศอิสราเอล–(BUSINESS WIRE)–16 ตุลาคม 2025

CyberArk (NASDAQ: CYBR) ผู้นำระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้รับเลือกให้เป็นผู้นำในรายงาน Gartner® Magic Quadrant™ ประจำปี 2025 สำหรับการจัดการการเข้าถึงที่มีสิทธิพิเศษ1 โดย CyberArk ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำเป็นครั้งที่เจ็ดติดต่อกัน และอยู่ในอันดับสูงสุดในด้านวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุม ซึ่งจากมุมมองของบริษัท สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ CyberArk ในการกำหนดอนาคตของการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงแบบมีสิทธิพิเศษ (PAM) ที่ทุกข้อมูลประจำตัวจะได้รับการปกป้องด้วยการเข้าถึงที่ยืดหยุ่นตามความต้องการ การควบคุมสิทธิ์อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ทั้งบนคลาวด์และระบบภายในองค์กร

รายงานนี้จะประเมินเครื่องมือที่จัดการสิทธิ์การเข้าถึงแบบมีสิทธิพิเศษสำหรับทั้งมนุษย์และเครื่องจักร โดยแพลตฟอร์ม CyberArk Identity Securityจะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลประจำตัวทั้งหมด ทั้งมนุษย์ เครื่องจักร และ AI ด้วยการควบคุมสิทธิ์ในระดับที่เหมาะสมจากแพลตฟอร์มเดียวที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มนี้ โซลูชัน Privileged Access Managementของ CyberArk จะช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถรักษาความปลอดภัยของข้อมูลประจำตัว ความลับ และสิทธิ์การเข้าถึงที่มีเอกสิทธิ์ได้ในทุกสภาพแวดล้อม ตั้งแต่ภายในองค์กรไปจนถึงคลาวด์ ช่วยให้สามารถรักษาสิทธิ์การใช้งานแบบ Zero Standing Privileges ช่วยป้องกันการละเมิด และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้อีกด้วย

“เราเชื่อว่าการที่ CyberArk ได้รับการยอมรับจาก Gartner ในฐานะผู้นำด้านการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงแบบมีเอกสิทธิ์ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรกของเราในการปกป้องข้อมูลประจำตัวทั้งหมด ทั้งมนุษย์ เครื่องจักร และ AI” กล่าวโดย Matt Cohen ซีอีโอของ CyberArk “CyberArk ยังคงกำหนดอนาคตของการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงแบบมีเอกสิทธิ์ ผ่านนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา และการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ เนื่องจากข้อมูลประจำตัวในองค์กรจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้รับสิทธิ์การเข้าถึงแบบมีเอกสิทธิ์ องค์กรต่างๆ จึงจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวทั้งหมดในระดับที่สูงขึ้นด้วยระบบควบคุมสิทธิ์อัจฉริยะ แพลตฟอร์มความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวที่ครอบคลุมและขับเคลื่อนด้วย AI ของ CyberArk ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ช่วยให้สามารถรับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวที่สำคัญที่สุด และก้าวล้ำนำหน้าภัยคุกคามใหม่ๆ”

ด้วยแพลตฟอร์ม Identity Security ที่ได้รับรางวัล CyberArk จึงมอบความสามารถและบริการชั้นนำของตลาด:

  • ความครอบคลุมของแพลตฟอร์ม – แพลตฟอร์มที่ครอบคลุมของ CyberArk สร้างขึ้นเพื่อองค์กรยุคใหม่ พร้อมให้บริการทั้งแบบติดตั้งภายในองค์กรและแบบ SaaS ที่จะช่วยรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลประจำตัวทุกรูปแบบจากทุกสภาพแวดล้อม โดย CyberArk ได้รับการจัดอันดับความเป็นเลิศในด้านการจัดการสิทธิ์และการมอบหมายสิทธิ์ (PEDM), การจัดการสิทธิ์การเข้าถึงระยะไกล (RPAM), PAM สำหรับเครื่องจักร รวมถึงการจัดการบัญชีและเซสชันที่มีสิทธิพิเศษ (PASM)
  • นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง – CyberArk พัฒนานวัตกรรมที่นำออกสู่ตลาดเป็นรายแรก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามของเอเจนต์ AI การปกป้องเวิร์กโหลด ความสามารถในการค้นพบ และความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นด้วยแพลตฟอร์ม CyberArk ถูกสร้างขึ้นมา โดย CyberArk CORA AIจะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลอย่างรอบรู้ และเร่งการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวทั่วทั้งองค์กรด้วยการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามต่อข้อมูลประจำตัวได้อย่างรวดเร็ว
  • แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ทั่วโลก – องค์กรกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก รวมถึงกว่า 55% ของบริษัทใน Fortune 500 ต่างไว้วางใจโซลูชันของ CyberArk ในการปกป้องทรัพย์สินอันทรงคุณค่าที่สุด และตอบสนองข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบและความปลอดภัยที่สำคัญ โดย CyberArk ได้นำเสนอการดำเนินงานที่หลากหลายทางภูมิศาสตร์ พร้อมบริการจัดส่งเฉพาะพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาค
  • ประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยม – ด้วยคะแนนความพึงพอใจของลูกค้า (CSAT) มากกว่า 95% และคะแนนการสนับสนุนที่สูงอย่างต่อเนื่องใน Peer Insights ทำให้ CyberArk มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ลูกค้าในระดับสูงสุด
  • ผลตอบแทนจากการลงทุนที่พิสูจน์แล้ว – จากการศึกษาอิสระพบว่า ลูกค้าของ CyberArk ได้รับผลประโยชน์เฉลี่ยต่อปี 3.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อองค์กร และผลตอบแทนจากการลงทุนสามปีอยู่ที่ 309% ด้วยการใช้แนวทางการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวแบบคลาวด์เนทีฟที่ผสานรวม องค์กรต่างๆ สามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านไอทีและนักพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยได้ถึง 275,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อแอปพลิเคชันธุรกิจที่ได้รับการปกป้องทุกๆ 10 แอปพลิเคชันที่ CyberArk ช่วยปกป้อง

หากต้องการดาวน์โหลดสำเนาฟรีของ Gartner Magic Quadrant for Privileged Access Management ปี 2025 โปรดไปที่ https://lp.cyberark.com/gartner-mq-pam-2025.html

1 Gartner® Magic Quadrant™ สำหรับการจัดการการเข้าถึงที่มีสิทธิพิเศษ โดย Abhyuday Data, Paul Mezzera, Shubham Gera, Tarun Rohilla, Michael Kelley, 13 ตุลาคม 2025

ข้อสงวนสิทธิ์ของ Gartner
GARTNER เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและเครื่องหมายบริการ และ MAGIC QUADRANT เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และได้นำมาใช้ในที่นี้โดยได้รับอนุญาต สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

Gartner ไม่รับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใดๆ ที่ปรากฏในเอกสารเผยแพร่งานวิจัย และไม่แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้จำหน่ายที่ได้รับคะแนนสูงสุดหรือได้รับเครื่องหมายอื่นใด เอกสารเผยแพร่งานวิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ขอปฏิเสธการรับประกันทั้งหมด ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย เกี่ยวกับงานวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความสามารถในการขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ

เกี่ยวกับ CyberArk
CyberArk (NASDAQ: CYBR) คือผู้นำระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัว ที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรต่างๆ ทั่วโลกให้รักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวทั้งของมนุษย์และเครื่องจักรในองค์กรยุคใหม่ แพลตฟอร์มด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลประจำตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ CyberArk จะนำระบบควบคุมสิทธิ์อัจฉริยะมาใช้กับสำหรับทุกข้อมูลประจำตัว พร้อมการป้องกัน การตรวจจับ และการตอบสนองภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องตลอดวงจรชีวิตของการระบุตัวตน CyberArk จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถลดความเสี่ยงด้านปฏิบัติการและความปลอดภัย ด้วยการเปิดใช้งานระบบ Zero Trust และสิทธิ์การใช้งานน้อยที่สุด พร้อมความสามารถในการมองเห็นข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้ผู้ใช้และข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงบุคลากร ฝ่ายไอที นักพัฒนา และเครื่องจักร สามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยจากทุกที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ cyberark.com

ลิขสิทธิ์ © 2025 CyberArk Software สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อแบรนด์ ชื่อผลิตภัณฑ์ หรือเครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

นักลงทุนสัมพันธ์:
Kelsey Turcotte
CyberArk
617-558-2132
ir@cyberark.com

สื่อ:
Rachel Gardner
CyberArk
603-531-7229
press@cyberark.com

ที่มา: CyberArk

Thai Herald

Thai Herald