Tag Archives: foundation

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัว “Falcon Foundation” เพื่อสนับสนุนโอเพ่นซอร์สของโมเดลเจนเนอเรทีฟเอไอ

Logo

มูลนิธิเพื่อการแบ่งปันความรู้และก่อให้เกิดการประชาภิวัตน์ของเอไอ

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี TII มอบเงิน 300 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนโครงการในอนาคต

ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–13 กุมภาพันธ์ 2024

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (TII) ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ขั้นนำระดับโลกและเสาหลักการวิจัยประยุกต์ของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของอาบูดาบี ได้ประกาศในวันนี้ถึงการเปิดตัว “Falcon Foundation” ซึ่งทางFalcon Foundation มุ่งมั่นในการพัฒนาโมเดลเจนเนอเรทีฟเอไอแบบโอเพ่นซอร์สและเพื่อการสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนของโครงการโอเพ่นซอร์สที่ช่วยเร่งการพัฒนาเทคโนโลยี ทาง TII จะมอบเงินจำนวน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเป็นทุนให้โครงการเหล่านี้ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้ง

การเปิด Falcon Foundation เกิดขึ้นในการประชุมสุดยอดรัฐบาลโลกปี 2024 (WGS) อันทรงเกียรติและถือเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญในการประชุมความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างโมเดลการกำกับดูแลที่โปร่งใส และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ ในขณะที่ AI ยังคงกำหนดเส้นทางการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง

ทางมูลนิธิจะเรียกตัวผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นักพัฒนา นักวิชาการ และอุตสาหกรรม รวมถึงบุคคลทั่วไป โดยเริ่มต้นด้วยโมเดล Falcon AI อันทรงพลังของ TII และจะช่วยให้ตระหนักถึงพลังของการตัดสินใจแบบร่วมมือกันระหว่างผู้ร่วมให้ข้อมูล โดยจะช่วยเร่งการทำให้ AI เป็นประชาภิวัตน์ด้วยความช่วยเหลือจาก Falcon Foundation Ambassadors อันมีชื่อเสียง ซึ่งเป็นอาจารย์ด้าน AI ที่มีชื่อเสียงจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก รวมถึงผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมในสาขา AI

มูลนิธินี้มีไว้เพื่อสนับสนุนการปรับแต่งโมเดล Falcon เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมหรือภาคส่วนเฉพาะ ด้วยการเปิดใช้งานทรัพยากรคอมพิวเตอร์แบบเปิดสำหรับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Falcon AI มูลนิธิจะจัดให้มีระบบนิเวศที่แข็งแกร่งเพื่อให้แน่ใจว่ามีความสามารถในการปรับตัวของโมเดลนี้ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ และบริบทที่หลากหลาย

Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC มีความเห็นว่า “ในโลกที่เอไอยังคงก้าวหน้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โครงการริเริ่มต่างๆ เช่น Falcon Foundation มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนวิถีการพัฒนา AI ไปสู่ความโปร่งใสและการเข้าถึงที่มากขึ้น”

Dr. Ray O. Johnson, CEO ของ TII กล่าวว่า: “เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความโปร่งใสและความร่วมมือในด้าน AI ด้วยการขยายจิตวิญญาณแห่งความร่วมมือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปสู่การพัฒนา AI เราได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการเปิดกว้าง และเรายังสนับสนุนให้หน่วยงานอื่นๆ ทั้งหมดที่สนับสนุนโอเพ่นซอร์สจากทั่วโลกเข้าร่วมกับเรา”

ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากมูลนิธิจะครอบคลุมหน่วยงานทั้งหมดที่ทำงานร่วมกับและเป็นผู้สนับสนุน AI ที่มีความรับผิดชอบแบบโอเพ่นซอร์ส ในการลดการพึ่งพาผู้จำหน่ายภายนอกนั้น ทาง Falcon Foundation จะต้องรับประกันความต่อเนื่องทางธุรกิจผ่านการเปิดใช้งานทางเลือกทางเทคโนโลยีที่เป็นอิสระ ในฐานะองค์กรที่เปิดกว้างสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนที่มีความมุ่งมั่นต่อโอเพ่นซอร์ส มูลนิธิจะใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลกโดยเป็นส่วนหนึ่งของกรอบการกำกับดูแลและกฎหมายสำหรับปัญญาประดิษฐ์

ความมุ่งมั่นของมูลนิธิ Falcon Foundation ในด้านโอเพ่นซอร์สและนวัตกรรมในด้าน AI จะสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการคิดไปข้างหน้าที่จะช่วยให้อาบูดาบีและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก้าวกระโดดไปสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และสนับสนุนชุมชนทั่วโลกในการเก็บเกี่ยวความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมเพื่อความก้าวหน้าที่สำคัญด้าน AI

ที่มาAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jennifer Dewan, Senior Director of Communications
jennifer.dewan@tii.ae.

ที่มา: The Technology Innovation Institute

Walmart Foundation ทุ่มเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา

Logo

คำแถลงจาก Donna Morris ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของ Walmart

BENTONVILLE, Ark.–(BUSINESS WIRE)–26 พฤศจิกายน 2023

Walmart, Inc. และ Walmart Foundation ยังคงมองหาวิธีอย่างต่อเนื่องที่จะช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่สร้างความเสียหายอย่างมากในอิสราเอลและฉนวนกาซา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา ภายหลังการโจมตีของผู้ก่อการร้ายโดยกลุ่มฮามาส เมื่อมีการหยุดต่อสู้ชั่วคราว Walmart Foundation ทุ่มเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสนับสนุน Direct Relief ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในการช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินแก่พลเรือนในฉนวนกาซาตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาต

การบริจาคนี้มาจากเงินลงทุน 1 ล้านเหรียญสหรัฐของ Walmart Foundation ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าในงานบริการฉุกเฉินของ Magen David Adom ในอิสราเอล

พวกเราร่วมส่งกำลังใจไปยังผู้ร่วมงานของเรา ลูกค้า และสมาชิก ผู้ซึ่งได้รับผลกระทบเป็นการส่วนตัว รวมถึงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์นี้ เรามาร่วมกันส่งกำลังใจ ความเห็นอกเห็นใจ และความเมตตาสู่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราดำเนินงานกันอย่างแข็งขันที่ Walmart และ Sam’s Club เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ไม่มีใครทอดทิ้งใคร

เกี่ยวกับ Walmart

Walmart Inc. (NYSE: WMT) เป็นธุรกิจค้าปลีกหลายช่องทางที่ขับเคลื่อนโดยผู้คนและการใช้เทคโนโลยี ซึ่งช่วยให้ผู้คนสามารถประหยัดเงินและมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น – ในทุกที่และทุกเวลา – ไม่ว่าจะเป็นในร้านค้า ทางออนไลน์ และผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ในแต่ละสัปดาห์ ลูกค้าและสมาชิกประมาณ 240 ล้านคนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยที่ร้านค้ากว่า 10,500 แห่งของเรา และเว็บไซต์ eCommerce มากมายใน 19 ประเทศ ด้วยรายรับในปีงบประมาณ 2023 มูลค่า 611 พันล้านเหรียญสหรัฐ Walmart มีการว่าจ้างพนักงานโดยประมาณ 2.1 ล้านคนทั่วโลก Walmart ยังคงเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน เป็นองค์กรการกุศล และโอกาสในการจ้างงาน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Walmart ได้ที่ corporate.walmart.com ติดตามเราบน Facebook ได้ที่ facebook.com/walmart บน X (เดิมชื่อ Twitter) ได้ที่ twitter.com/walmart และบน LinkedIn ได้ที่ linkedin.com/company/walmart/

เกี่ยวกับองค์กรการกุศลของ Walmart

Walmart.org เป็นตัวแทนองค์กรการกุศลของ Walmart และ Walmart Foundation โดยมีการมุ่งเน้นที่จุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจ Walmart.org ดำเนินการเพื่อจัดการากับปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ และทำงานร่วมกันกับผู้อื่น เพื่อจุดประกายการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบที่ยั่งยืน Walmart มีร้านค้าอยู่ใน 19 ประเทศ มีการว่าจ้างพนักงานกว่า 2 ล้านคน และดำเนินธุรกิจร่วมกับซัพพลายเออร์นับพันราย ซึ่งเป็นผลให้ทางซัพพลายเออร์ก็มีการจ้างงานพนักงานหลายล้านคนด้วยเช่นกัน Walmart.org ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยสนับสนุนโครงการสร้างโอกาสการเติบโตในงานสำหรับพนักงานแรวหน้า เพิ่มความเท่าเทียม เสริมสร้างงานเพื่อลดอัตราความอดอยาก สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมสำหรับกลุ่มคนในห่วงโซ่อุปทาน ปกป้องและฟื้นฟูธรรมชาติ ลดขยะของเสียและการปล่อยมลพิษ และสร้างชุมขนที่แข็งแกร่ง สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.walmart.org หรือติดตามบน X (เดิมชื่อ Twitter) @Walmartorg

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: Walmart Media Relations (https://corporate.walmart.com/news/contact-media-relations)

แหล่งข้อมูล: Walmart Inc.

ไวท์เปเปอร์ฉบับใหม่ของมูลนิธิ Tholos Foundation แสดงทางเลือกนิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลดอัตราการสูบบุหรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด

Logo

WASHINGTON–(BUSINESS WIRE)–8 พฤศจิกายน 2023

มูลนิธิ Tholos Foundation ร่วมมือกับ Pacific Alliance Institute ในญี่ปุ่น และองค์กรที่ปรึกษา Scantech Strategy Advisors ในสวีเดน เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับนโยบาย Safer Nicotine Works เกี่ยวกับวิธีการที่ สวีเดนและญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการลดอัตราการสูบบุหรี่ลง โดยการแนะนำ ผลิตภัณฑ์นิโคตินทางเลือกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

Safer Nicotine Works วิเคราะห์ผลกระทบของนิโคตินในช่องปากและยาสูบแบบให้ความร้อนต่ออัตราการสูบบุหรี่ในสวีเดนและญี่ปุ่น จากผลงาน Vaping Works ซึ่งศึกษาประสบการณ์การสูบไอควันจากสี่ประเทศ และพบว่า ประเทศต่างๆ ที่หันมาใช้การสูบไอควัน เช่น (สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส แคนาดา และนิวซีแลนด์) พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ลดลงถึงสองเท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลก

ในญี่ปุ่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนสามารถลดอัตราการสูบบุหรี่ของผู้ชายลงได้ต่ำกว่า 30% ตั้งแต่ครั้งแรกอย่างน่าทึ่ง

ในสวีเดน ซึ่งมีอัตราการสูบบุหรี่ 5.6% 1 พร้อมกลายเป็นประเทศ ‘ปลอดบุหรี่’ ภายในปีนี้ อัตราการสูบบุหรี่ที่ลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นผลจากผลิตภัณฑ์นิโคตินที่เพิ่มขึ้นในปี 2019

ผลการวิจัยของมูลนิธิ Tholos Foundation ระบุว่า ผู้บริโภคในทั้งสองประเทศเป็นผู้นำไปสู่ทางเลือกการเปลี่ยนแปลงที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น บทบาทสำคัญของผู้กำหนดนโยบายเพื่อให้แน่ใจว่า ทางเลือกเหล่านี้สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ โดยมีข้อมูลยืนยันว่า นิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นนี้ช่วยให้สามารถเลิกการสูบบุหรี่ได้เป็นอย่างมาก ด้วยผลิตภัณฑ์นิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น การสูบไอควัน ยาสูบแบบให้ความร้อน ถุงนิโคติน และสนัส อัตราการสูบบุหรี่จึงลดลงได้อย่างรวดเร็ว

Lorenzo Montanari รองประธานมูลนิธิ Tholos Foundation แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการค้นพบนี้ว่า:

นิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นนี้ สามารถช่วยชีวิตผู้คนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง ประสบการณ์ในสวีเดนและญี่ปุ่น รวมถึงสหราชอาณาจักร แคนาดา นิวซีแลนด์ และฝรั่งเศส พิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อผู้คนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น พวกเขาจะเลือกผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น ขณะนี้ เรามีอุปกรณ์ที่ช่วยเราในการต่อสู้กับอัตราการสูบบุหรี่ที่สูงขึ้นอย่างอันตราย ซึ่งรัฐบาลทั่วโลกจะต้องสนับสนุนพลเมืองของตนให้ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีกว่า

ความสำเร็จในสวีเดนและญี่ปุ่นที่สามารถลดอัตราการสูบบุหรี่ให้น้อยลงได้นั้น เน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์การควบคุมยาสูบอย่างครอบคลุม โดยมีการควบคุมผลิตภัณฑ์นิโคตินทางเลือก เน้นความสำคัญที่สุขภาพของประชาชน ประสบการณ์ในสวีเดนและญี่ปุ่นเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศต่างๆ ที่มุ่งลดอัตราการสูบบุหรี่และสนับสนุนทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องสูบบุหรี่ โดยการทำให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์นิโคตินทางเลือกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และการดำเนินการตามกฎระเบียบอย่างเหมาะสม ประเทศต่างๆ จึงสามารถปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสาธารณสุขและแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ได้อย่างมีนัยสำคัญ

สามารถดูลิงก์รายงานฉบับเต็มได้ที่นี่ https://tholosfoundation.org/wp-content/uploads/2023/10/Tholos-Safer-Nicotine-Works.pdf.

1 การใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบและนิโคตินสำหรับผู้ใหญ่ — สำนักงานสาธารณสุขแห่งสวีเดน (folkhalsomyndigheten.se)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53758339/en

ติดต่อ

Lorenzo Montanari
อีเมล: lmontanari@tholosfoundation.org

แหล่งข้อมูล: Tholos Foundation


Mary Kay Ash Foundation℠ เฉลิมฉลองห้าปีสำหรับการสร้างอนาคตในการวิจัยโรคมะเร็ง โดยร่วมมือกับ UT Southwestern Medical Center

Logo

DALLAS–(BUSINESS WIRE)–7 พฤศจิกายน 2023

The Mary Kay Ash Foundation℠ ผู้นำและผู้สนับสนุนการค้นหาวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่มีผลต่อสุขภาพของผู้หญิงมานานหลายทศวรรษ และ UT Southwestern Medical Center ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์การแพทย์เชิงวิชาการชั้นนำของประเทศในเมือง Dallas, Texas ร่วมเฉลิมฉลองห้าปีแห่งความสำเร็จในการทำงานร่วมมือกันในโครงการ International Postdoctoral Scholars in Cancer Research Fellowship ซึ่งทุนนี้จัดขึ้นที่ Harold C. Simmons Comprehensive Cancer Center ที่ UT Southwestern Medical Center โดยเป็นโครงการปริญญาเอกสองปีที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation

International Postdoctoral Scholars in Cancer Research, Class of 2023. Back Row: Dongqi Xie, Ph.D. (left), Principal Investigator Jerry Shay, Ph.D. (middle), Pedro Nogueira, Ph.D. (right); Front Row: Debora Andrade Silva, Ph.D. (left), Hong-Yi Liu, Ph.D. (middle), and Maria Del Chica Parrado, Ph.D. (right). (Photo: Mary Kay Inc.)

ทุนระดับปริญญาเอกระดับนานาชาติในการวิจัยโรคมะเร็ง ชั้นปี 2023 แถวหลัง: Dongqi Xie, Ph.D. (ซ้าย), Principal Investigator Jerry Shay, Ph.D. (กลาง), Pedro Nogueira, Ph.D. (ขวา); แถวหน้า: Debora Andrade Silva, Ph.D. (ซ้าย), Hong-Yi Liu, Ph.D. (กลาง) และ Maria Del Chica Parrado, Ph.D. (ขวา) (ภาพถ่าย: Mary Kay Inc.)

โปรแกรมนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับสมัครนักวิจัยจากประเทศต่างๆ ที่โดดเด่นในสาขาของตน แบ่งปันประสบการณ์อันล้ำค่า ให้คำปรึกษา และมอบทุนตอบแทนเพื่อสนับสนุนการแสวงหาความรู้ต่อไปในประเทศบ้านเกิด โดยนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปต่อยอด

จนถึงปัจจุบัน โครงการนี้ประสบความสำเร็จในการสรรหานักวิจัยระดับปริญญาเอกที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง 13 คนจากบราซิล จีน เยอรมนี เม็กซิโก สิงคโปร์ สเปน และโปรตุเกส โดยเจ็ดคนในจำนวนนี้ประสบความสำเร็จในโครงการนี้ อีกหกคนยังคงดำเนินโครงการวิจัยของตนเองใน Dallas ต่อไป และทุกคนล้วนได้รับความสนับสนุนในการตีพิมพ์ผลงานวิจัยที่โดดเด่น

“เป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้วที่มูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation และ UT Southwestern Medical Center ได้ร่วมมือกันในความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่มีผลต่อสุขภาพของผู้หญิงตลอดมา” Michael Lunceford ประธานคณะกรรมการบริหารของมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation กล่าว “ความร่วมมือของเรายังคงนำนวัตกรรมที่สำคัญมาสู่แนวหน้าเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง โดยขจัดอุปสรรคและสนับสนุนการแบ่งปันข้อมูลข้ามพรมแดนและทั่วโลก การค้นพบนี้จะได้รับการแบ่งปันในระดับโลกและช่วยเหลือผู้หญิงทั่วทุกมุมโลก”

ภายใต้คำแนะนำด้านความเชี่ยวชาญจาก Dr. Jerry Shay ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาเซลล์และโดดเด่นด้านผู้สูงอายุในสาขา Geriatrics ที่ UT Southwestern Medical Center ของ The Southland Financial Corporation โดยโปรแกรมนี้ดึงดูดและคัดเลือกผู้สมัครที่มีความโดดเด่นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจที่จะได้บุคคลที่มีคุณสมบัติสูงจากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลายมาเข้าร่วม ในความพยายามเพื่อสรรหาบุคคลากรล่าสุด นักวิชาการที่โดดเด่นสองคนจะได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการคือ Debora Andrade Silva, Ph.D. จาก University of Sao Paulo ในบราซิล และ Quan Wang, Ph.D. จาก Shanghai Jiao Tong University ในจีน

“เราขอขอบคุณการลงทุนอย่างต่อเนื่องของมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ใน UT Southwestern Medical Center และอนาคตของการวิจัยโรคมะเร็ง ด้วยการสนับสนุนของมูลนิธิ เราสามารถดึงดูดผู้สมัครระดับแนวหน้าจากประเทศต่างๆ นำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัยของเราในการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และสร้างสรรค์ความก้าวหน้าด้านการวิจัยเป็นอย่างมาก” Dr. Jerry Shay กล่าว “ทุนระดับปริญญาเอกระดับโลกเปิดโอกาสให้ผู้มีความสามารถด้านการวิจัยโรคมะเร็งที่หลากหลายมีโอกาสดำเนินการวิจัยโรคมะเร็งด้วยระบบที่ล้ำสมัยที่ศูนย์มะเร็ง UT Southwestern Simmons Cancer Center และในประเทศบ้านเกิดของพวกเขา”

มูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation มีความภูมิใจในการสานต่อมรดกอันยาวนาน เพื่อสร้างสรรค์ให้โลกเป็นสถานทีที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมากขึ้นสำหรับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขา

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53709537/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

The Mary Kay Ash Foundation
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Ash Foundation

Mary Kay ปกป้องลีเมอร์และสัตว์ป่าอื่น ๆ ที่ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤตโดยร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–9 ธันวาคม 2022

วันนี้ Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนระดับโลกด้านความยั่งยืนขององค์กรและการดูแลสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศความสำเร็จของโครงการปลูกป่าในมาดากัสการ์ด้วยความร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation สวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Henry Doorly ในโอฮาม่า และห้างหุ้นส่วนจำกัด Madagascar Biodiversity Partnership การประกาศดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ตัวแทนจากทั่วโลกมารวมตัวกันที่เมืองมอนทรีออลในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (COP 15) เพื่อจัดการกับวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพของโลก

(Credit: Mary Kay Inc.)

(Credit: Mary Kay Inc.)

การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนมีความสำคัญต่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ โครงการต้นไม้ 42,000 ต้นในตะวันออกเฉียงใต้ของมาดากัสการ์ มุ่งเน้นไปที่การพลิกกลับการทำลายป่าหลายทศวรรษ โดยผืนป่าแห่งนี้นั้นเป็นที่อยู่ของเหล่าลีเมอร์ที่ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤตและสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ ที่ไม่สามารถพบได้ที่ไหนในโลก นอกจากนั้น ความพยายามในการปลูกต้นไม้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงความยืดหยุ่นของป่าและชุมชนใกล้เคียง

มูลนิธิ Arbor Day Foundation ประมาณการ* ว่าในอีก 40 ปีข้างหน้า โครงการนี้จะส่งผลให้เกิด:

  • คาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ 10,562 เมตริกตันถูกกักเก็บไว้ (เทียบเท่ากับรถยนต์ที่วิ่งบนถนนน้อยลง 2,296 คัน)
  • กำจัดมลพิษทางอากาศได้ 125 ตัน (เทียบเท่ากับออกซิเจนที่เพียงพอสำหรับ 10,500 คน)
  • เลี่ยงน้ำไหลบ่าได้ถึง 2,627,176 แกลลอน (เทียบเท่ากับการที่ 29,854 คนจะได้ดื่มน้ำสะอาดขึ้น) 

Katie Loos ประธานฝ่ายปฏิบัติการของมูลนิธิ Arbor Day Foundation กล่าวว่า “ผลกระทบจากความร่วมมือในครั้งนี้ได้ช่วยให้เราสามารถก้าวไปในพื้นที่ป่าที่มีความสำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมากที่สุดแห่งหนึ่งได้ ทั้งยังมีหลากหลายสายพันธุ์ที่ต้องพึ่งพาต้นไม้เหล่านี้เพื่อความอยู่รอด” “Mary Kay ยังคงแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างทุ่มเทในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผืนป่าที่โลกของเราต้องการมากที่สุด การปกป้องและอนุรักษ์สายพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุดของเราเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพในปัจจุบัน และเราภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีค่านิยมเดียวกันนี้”

เมื่อเดือนที่ผ่านมา Mary Kay ได้ประกาศความสำเร็จของโครงการฟื้นฟูสภาพป่า 69 เอเคอร์ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่จัดการสัตว์ป่า Econfina Creek ของฟลอริดาโดยร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation มูลนิธิและ Mary Kay ทำงานร่วมกับเขตการจัดการน้ำฟลอริดาตะวันตกเฉียงเหนือในการปลูกต้นสนใบยาว 43,000 ต้น ซึ่งจะช่วยปกป้องแหล่งน้ำที่สำคัญในเบย์เคาน์ตี้ รัฐฟลอริดา ผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพของโครงการที่สำคัญ ได้แก่ การฟื้นฟูและอนุรักษ์แหล่งน้ำดื่มสำคัญสำหรับเบย์เคาน์ตี้ รัฐฟลอริดา การปลูกทดแทนพันธุ์ไม้พื้นเมืองเพื่อให้พื้นที่นี้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติ และการปรับปรุงที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในพื้นที่ ได้แก่ กวาง นกกระทาบ็อบไวท์ กระรอกจิ้งจอกเชอร์แมน และเต่าโกเฟอร์

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Mary Kay ก็ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation ทั้ง Mary Kay Inc. และมูลนิธิได้ร่วมกันปลูกต้นไม้มากกว่า 1.2 ล้านต้นทั่วทั้งโลก สร้างผลกระทบอันสามารถวัดได้ต่อระบบนิเวศของป่าที่สำคัญยิ่ง

ท่านสามารถอ่านเกี่ยวกับความมุ่งมั่นสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของ Mary Kay ได้ที่ marykayglobal.com/sustainability และดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay: เพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (Mary Kay’s global sustainability strategy: Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow)

*การประเมินผลกระทบจัดทำโดยใช้ i-Tree ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยและผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญจาก USDA Forest Service ที่ทำการวิเคราะห์ป่าไม้ในเมืองและชนบทพร้อมทั้งมีเครื่องมือการประเมินผลประโยชน์อีกด้วย

เกี่ยวกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation

มูลนิธิ Arbor Day Foundation ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นองค์กรสมาชิกที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่ใหญ่ที่สุดซึ่งได้อุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้ โดยมีสมาชิก ผู้สนับสนุน และหุ้นส่วนที่ทรงคุณค่ามากกว่าหนึ่งล้านคน ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ต้นไม้ของมูลนิธิ Arbor Day Foundation กว่า 500 ล้านต้นถูกปลูกในละแวกใกล้เคียง ชุมชน เมือง และป่าทั่วโลก วิสัยทัศน์ของเราคือการนำไปสู่โลกที่ต้นไม้ถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาที่มีความสำคัญต่อการอยู่รอด

ในฐานะหนึ่งในมูลนิธิที่ดำเนินงานเพื่อการอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลนิธิ Arbor Day Foundation ให้ความรู้และมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนต่าง ๆ ทั่วโลกผ่านสมาชิก พันธมิตร และโปรแกรมต่าง ๆ ให้มีส่วนร่วมในพันธกิจของการปลูก บำรุงเลี้ยง และยกย่องต้นไม้ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ arborday.org.

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

หนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกแบบเดิม Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทเพื่อความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือการทำให้ชีวิตผู้หญิงดีขึ้น ซึ่งความฝันนั้นได้เบ่งบานกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ. ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมผู้หญิงในการเติบโตของเขาผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน การสร้างเครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัย เครื่องสำอางมีสีสัน อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อเรื่องการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการละเมิดในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และสนับสนุนให้เด็ก ๆ เดินตามความฝันของตน

 เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com และสามารถติดตามเราได้ทาง Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราที่ Twitter

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53028537/en

ติดต่อ

Mary Kay Inc.
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Mary Kay Inc. เฉลิมฉลองวันป่าไม้สากลและวันต้นไม้โลก ด้วยรายงานที่ให้รายละเอียดความร่วมมืออันน่าประทับใจกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation

Logo

จนถึงปัจจุบันแบรนด์ได้ปลูกต้นไม้มากกว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–23 มีนาคม 2565

สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในต้นไม้ หลังวันป่าไม้สากลและวันต้นไม้โลก Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกด้านบริการดูแลและความยั่งยืนขององค์กร ได้เผยแพร่ผลรายงานที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือที่มีมายาวนานกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation ด้วยกันกับ Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Arbor Day Foundation ร่วมกันปลูกต้นไม้กว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก ทำให้เกิดผลกระทบที่ประเมินได้ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปล่อย CO2 และการปลูกป่า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220321005134/en/

Mary Kay logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ Mary Kay (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าวว่า “ทั่วโลกมีต้นไม้หายไปประมาณ 18 ล้านเอเคอร์ในแต่ละปี” “ไฟป่าที่โหมกระหน่ำ แมลงต่าง ๆ โรคภัย การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และอื่น ๆ ความจำเป็นในการปลูกป่าเป็นสิ่งที่เร่งด่วนอย่างยิ่ง Mary Kay มีพื้นที่ในตลาดทั่วโลก—ดังนั้นเราจึงต้องทำสุดความสามารถเพื่อปกป้องมัน ความร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation ช่วยให้เราสามารถมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้”

ผลรายงานต้นไม้ล่าสุดของ Mary Kay ซึ่งสามารถดูได้ที่ลิงก์ด้านล่างบน MaryKayGlobal.com ทั้งนี้ให้รายละเอียดประโยชน์สะสมเพิ่มพูนสามประการสำหรับการปลูกต้นไม้ผ่านงานที่ร่วมกันได้เสร็จสิ้นลงแล้ว

  • คาร์บอน: การปลูก การปกป้อง และการจัดการต้นไม้ที่ดูดซับคาร์บอน เมื่อต้นไม้โตขึ้น คาร์บอนจะถูกกำจัดออกจากชั้นบรรยากาศไปยังลำต้น ราก และกิ่งก้าน
    • หน่วยวัดเป็นเมตริกตันของ CO2 ที่ถูกเก็บจนถึงปัจจุบัน: 1,018,021
  • น้ำ: ต้นไม้และป่าไม้มีบทบาทสำคัญในคุณภาพและปริมาณน้ำ ต้นไม้และป่าไม้ที่แข็งแรงลดการพังทลายของดิน ช่วยกรองน้ำฝนและการชลประทานทางการเกษตร เพิ่มการซึมลงดินของน้ำฝน และการลดน้ำที่ไหลบนผิวดิน
    • หน่วยวัดเป็นแกลลอนที่หลีกเลี่ยงของน้ำบ่า: 81,902,445 (เท่ากับจำนวน 930,710 คนด้วยน้ำสะอาด)
  • อากาศ: ต้นไม้ผลิตออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไป นอกจากนี้ ต้นไม้ยังกำจัดมลพิษทางอากาศด้วยการลดอุณหภูมิของอากาศ โดยการปล่อยน้ำสู่ชั้นบรรยากาศ และโดยการกรองอนุภาค
    • หน่วยวัดเป็นตันของการกำจัดมลพิษทางอากาศจำนวน: 4,236

ในปี 2564 Mary Kay Inc. ได้ทำโครงการปลูกพืชหลักจำนวน 6 โครงการร่วมกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation สิ่งเหล่านี้รวมถึง:

  • ต้นไม้จำนวน 7,000 ต้นในโครงการฟื้นฟูอัคคีภัยของชนพื้นเมืองในบราซิล
  • ต้นไม้จำนวน 26,496 ต้นในหุบเขาแม่น้ำมิสซิสซิปปี้
  • ต้นไม้จำนวน 49,004 ต้นในฐานทัพอากาศทินดอลล์ในฟลอริดา
  • ต้นไม้จำนวน 7,500 ต้นในมณฑลกานซู่และป่ามองโกเลียในจีน
  • ต้นไม้จำนวน 5,000 ต้นในกาฆามาร์กา และป่าแอมะซอนในเปรู
  • ต้นไม้จำนวน 5,000 ต้นในป่าฟื้นฟูแมลงของเยอรมนี

ในปี 2565 Mary Kay วางแผนที่จะปลูกพืชในจีน บราซิล มาดากัสการ์ และฟลอริดา

นอกเหนือจากการเป็นพันธมิตรกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation แล้ว Mary Kay ยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างของ Forest of Hope ซึ่งเป็นสารคดีการเดินทางที่เน้นการต่อสู้เพื่อกอบกู้โลกของเราจากภัยคุกคามที่ใกล้จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและพฤติกรรมการทำลายล้างของมนุษย์ ในความร่วมมือกับ Media One และ The Nature Conversancy โดย Mary Kay ได้ไปเยือนเมืองมอนเตร์เรย์ ประเทศเม็กซิโก เพื่อให้ความกระจ่างแก่กลุ่มผู้ประกอบการสตรีที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูพันธุ์ไม้และระบบนิเวศในท้องถิ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวในปี 2564 และมีกำหนดฉายในเทศกาลภาพยนตร์ที่กำลังจะมาถึงนี้

หากต้องการดูผลรายงานฉบับเต็มของ Mary Kay Inc. / Arbor Day Foundation คลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งเดียวคือช่วยเติมเต็มชีวิตผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางสู่อิสรภาพทางเศรษฐกิจผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย Mary Kay เชื่อมั่นในการทำชีวิตให้ดียิ่งขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220321005134/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Mary Kay Inc. ร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation มุ่งมั่นที่จะปลูกป่าในประเทศจีนด้วยต้นไม้ 8,000 ต้นในปี 2565

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–11 มี.ค. 2565

ต้นไม้มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของเรา และก็ทำหลายอย่างเพื่อหล่อเลี้ยงโลกของเราเอาไว้ ต้นไม้ทำให้น้ำและอากาศสะอาด ส่งเสริมสุขภาพของมนุษย์ แต่ต้นไม้กลับมักถูกมองข้าม ในวันนี้  Mary Kay ผู้สนับสนุนด้านความยั่งยืนระดับโลกได้ประกาศว่า พวกเขาจะสนับสนุนงานปลูกป่าของมูลนิธิ Arbor Day Foundation ในจังหวัดเหลียวหนิงทางใต้ของประเทศจีนต่อไป โดยมีแผนปลูกต้นไม้ 8,000 ต้นในปี 2565

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่ https://www.businesswire.com/news/home/20220310005962/en/

Logo for Arbor Day Foundation (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ของ Arbor Day Foundation (ภาพ: Mary Kay Inc.)

ด้วยความพยายามในการทำงานร่วมกันของ Mary Kay และ Arbor Day Foundation ปัญหาเร่งด่วนที่โลกกำลังเผชิญกำลังได้รับการแก้ไขด้วยผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและวัดผลได้ จีนเป็นประเทศหนึ่งในโลกที่ได้รับผลกระทบจากการที่แผ่นดินกลายเป็นทะเลทรายมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา โครงการปลูกต้นไม้ของ Mary Kay ในภูมิภาคของมณฑลกานซูและทางตะวันตกของมณฑลเหลียวหนิงได้มุ่งเน้นไปที่การกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ การปรับปรุงคุณภาพของน้ำและเพิ่มปริมาณน้ำ พร้อม ๆ กับการดูดซับมลพิษทางอากาศ

ในเขต Minquin ในกานซู การแปรสภาพเป็นทะเลทรายมีสัดส่วนเกือบร้อยละ 95 ของพื้นที่ทั้งหมด ในขณะเดียวกัน ทางตะวันตกของมณฑลเหลียวหนิงก็เผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรง ปริมาณน้ำฝนที่ต่ำ และดินที่แห้งแล้ง การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่น่าตกใจในทั้งสองภูมิภาคนี้ไม่สามารถที่จะมองข้ามได้ อย่างไรก็ตาม การชะลออัตราการสูญพันธุ์และการปลูกพันธุ์พื้นเมืองสามารถช่วยปรับปรุงสถานการณ์นี้ให้ดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

“การปลูกต้นไม้เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ของโลกได้” Wendy Wang ประธานของ Mary Kay เอเชียแปซิฟิกกล่าว “ด้วยการมุ่งเน้นความพยายามของเราในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ที่ป่าถูกทำลาย เรากำลังปรับปรุงสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับเศรษฐกิจ เรากำลังลงทุนเพื่ออนาคตและเผยแพร่ความตระหนักรู้ว่าต้นไม้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชุมชนของเราเพื่อความเจริญรุ่งเรือง”

ไฮไลท์ผลกระทบระดับโลกและระดับท้องถิ่น:

  • Mary Kay ปลูกต้นไม้กว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก โดยร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation
  • ในประเทศจีน มีการปลูกต้นไม้ 22,500 ต้นในทั้งสองภูมิภาค: มณฑลกานซูกับป่ามองโกเลียส่วนใน และในมณฑลเหลียวหนิงตะวันตก
  • ผลประโยชน์สะสมสำหรับทั้งสองภูมิภาค:
    • คาร์บอน: กักเก็บ คาร์บอนไดออกไซด์ 22,602 เมตริกตัน – เท่ากับมีรถยนต์น้อยลง 4,913 คันบนท้องถนน*
    • น้ำ: หลีกเลี่ยงการเกิดน้ำไหลบ่าปริมาณ 421,830 แกลลอน หมายความว่า มีคนจำนวน 4,794 คน ที่ได้ใช้น้ำสะอาดเพิ่มขึ้น*
    • อากาศ: กำจัดมลพิษทางอากาศ 86 ตัน – เท่ากับออกซิเจนเพียงพอสำหรับ 5,625 คน*
  • มีการปลูกต้นไม้ 15,000 ต้นในจังหวัดกานซูและป่ามองโกเลียส่วนใน
  • มณฑลเหลียวหนิงตะวันตกปลูกต้นไม้แล้ว 7,500 ต้น

*คาดการณ์ในอีก 40 ปีข้างหน้า

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์รูปแบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอเมื่อ 57 ปี ก่อน โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ยังทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติก ยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมที่  MaryKay.com

เกี่ยวกับ Arbor Day Foundation

มูลนิธิ Arbor Day Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 2515 และเติบโตขึ้นจนกลายเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ใหญ่ที่สุดที่อุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้ โดยมีสมาชิก ผู้สนับสนุน และพันธมิตรที่มีคุณค่า มากกว่าหนึ่งล้านคน ตั้งแต่ปี 2515 เรื่อยมา มีการปลูกต้นไม้มากกว่า 350 ล้านต้นแล้ว ในละแวกบ้าน ชุมชน เมือง และป่าไม้ทั่วโลก วิสัยทัศน์ของเราคือการช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจและใช้ต้นไม้เพื่อแก้ปัญหาทั่วโลกที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การตัดไม้ทำลายป่า ความยากจน และความหิวโหย

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในมูลนิธิอนุรักษ์ที่ดำเนินงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลนิธิ Arbor Day Foundation ให้ความรู้และมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนทั่วโลกผ่านทางสมาชิก พันธมิตร และโครงการต่าง ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ arborday.org.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220310005962/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.

marykay.com/newsroom

972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation มุ่งมั่นที่จะป้องกันและยุติความรุนแรงทางเพศทั่วโลก

Logo

ความมุ่งมั่นสู่แนวร่วมปฏิบัติยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมต่อความรุนแรงทางเพศและความร่วมมือครั้งใหม่กับกองทุนแห่งสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (UN Trust Fund to End Violence against Women) และ CARE ตอกย้ำพันธกิจของแบรนด์ในการปกป้องสตรีและเด็กผู้หญิงทั่วโลก

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–24 พฤศจิกายน 2564

เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากลที่กำลังจะมาถึงเพื่อรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงทางเพศเป็นเวลา 16 วัน Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ในวันนี้ประกาศคำมั่นสัญญาร่วมกันในการป้องกันและยุติความรุนแรงทางเพศโดยเข้าร่วมกลุ่มแนวร่วมปฏิบัติยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมต่อความรุนแรงทางเพศ ความมุ่งมั่นที่องค์กรต่าง ๆ ได้เปิดเผยต่อสาธารณะในระหว่างการประชุมยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมล่าสุดขององค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ในกรุงปารีส เป็นเพียงแค่ขั้นตอนล่าสุดสตอรี่บิวตี้แบรนด์และกำลังด้านการกุศลที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาชีวิตของผู้หญิงในทุก ๆ ที่

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211124005749/en/

Vesna Jaric, Officer-In- Charge, UN Trust Fund to End Violence against Women (Photo: Mary Kay Inc.)

Vesna Jaric เจ้าหน้าที่ดูแลกองทุน UN Trust Fund เพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (ภาพ: Mary Kay Inc.)

แนวร่วมปฏิบัติยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมต่อความรุนแรงทางเพศนำโดย UN Women และกองทุน UN Trust Fund to End Violence against Women (UN Trust Fund) ท่ามกลางผู้นำคนอื่น ๆ เป็นขบวนการระดับโลกที่ทรงพลังที่ระดมรัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ การกุศล และภาคเอกชนในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การยุติความรุนแรงทางเพศผ่านการกระทำที่เป็นรูปธรรมสี่ประการ:

  • การสร้างนโยบายที่เอื้ออำนวยสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและทรัพยากร;
  • ขยายขนาดโปรแกรมป้องกันที่ขับเคลื่อนด้วยหลักฐาน;
  • ขยายบริการที่ครอบคลุม เข้าถึงได้ และมีคุณภาพสำหรับผู้รอดชีวิต
  • เปิดใช้งานและเพิ่มขีดความสามารถองค์กรอิสระที่นำโดยเด็กผู้หญิงและสิทธิสตรีเพื่อฝึกฝนความเชี่ยวชาญของพวกเขา

เป้าหมายของแนวร่วมปฏิบัติยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมต่อความรุนแรงทางเพศ คือการมีผู้หญิงและเด็กผู้หญิงมากกว่า 550 ล้านคน อาศัยอยู่ในประเทศที่มีกฎหมายและนโยบายของการยุติการใช้ความรุนแรงทางเพศทุกรูปแบบต่อสตรีและเด็กผู้หญิงภายในปี 2569 รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในระหว่างการประชุม UN Women มุ่งมั่นที่จะขยายการสนับสนุนและให้เงินช่วยเหลือแก่องค์กรด้านสิทธิสตรีด้วยการทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อจัดหาเงินสนับสนุนขั้นต่ำที่ 100 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อจัดสรรผ่านกองทุน UN Trust Fund to End Violence against Women (UN Trust Fund) ในอีกห้าปีข้างหน้า

“มีวิกฤตการณ์ระดับโลกเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศ” Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Mary Kay Inc. และรองประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM กล่าว “ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงนั้นไม่ได้รับการรายงานเป็นจำนวนมาก แต่คาดว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงและ 1 ใน 4 ของเด็กผู้หญิงวัยรุ่นเคยประสบกับความรุนแรงทางร่างกายหรือทางเพศจากคู่รักที่สนิทสนม เราต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่ปี 2543 มูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ได้มอบเงินมากกว่า 58 ล้านดอลลาร์ให้กับที่พักพิงสำหรับความรุนแรงในครอบครัว ความมุ่งมั่นของเราต่อแนวร่วมปฏิบัติการว่าด้วยความรุนแรงทางเพศจะช่วยให้เราสามารถขยายความช่วยเหลือนั้นออกไปได้อีก”

“ตั้งแต่ปี 2506 Mary Kay ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะปรับปรุงชีวิตของเด็กผู้หญิงและผู้หญิงในทุกที่” Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมกับรัฐบาล ภาคเอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชนทั่วโลกที่มีความปรารถนาคล้ายคลึงกันในคำมั่นสัญญาที่จะป้องกันและยุติความรุนแรงทางเพศ การบรรลุถึงความเท่าเทียมที่แท้จริงจะเปลี่ยนแปลงโลกตามที่เรารู้กัน การลงทุนในสตรีคือความดีที่ทรงอานุภาพที่สุดที่เราสามารถทำได้เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย”

ปีที่แล้ว Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ได้ร่วมมือกับกองทุน United Nations Trust Fund to End Violence against Women (UN Trust Fund) และ CARE ซึ่งเป็นสองผู้สนับสนุนสิทธิสตรีเพื่อสานต่อภารกิจเพื่อบรรลุโลกที่ปราศจากความรุนแรงต่อผู้หญิง

ตั้งแต่ปี 2539 กองทุน UN Trust Fund ได้สนับสนุนองค์กร 609 แห่งมูลค่ารวม 198 ล้านดอลลาร์ใน 140 ประเทศและภูมิภาค โดยลงทุนในนวัตกรรมและแนวทางแก้ปัญหาที่นำโดยประชาสังคมตามหลักฐาน และการริเริ่มที่เปลี่ยนแปลงชีวิตในระดับชาติและระดับท้องถิ่นผ่านการเป็นพันธมิตรกับกองทุน UN Trust Fund ซึ่ง Mary Kayได้สนับสนุนการระดมทุนโครงการที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเพื่อปกป้องผู้หญิงและเด็กผู้หญิงใน 68 ประเทศและภูมิภาคในปี 2564

ในปี 2564 กองทุน UN Trust Fund ครบรอบ 25 ปีของการให้ทุน การสนับสนุน และความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรภาคประชาสังคมและองค์กรสิทธิสตรี ในวันครบรอบการก่อตั้ง กองทุนขอเชิญชวนทุกคนให้ลงมือทำและเข้าร่วมโครงการผ่านการระดมทุน crowdfunding challenge #Give25forUNTF25 เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรภาคประชาสังคมและองค์กรสิทธิสตรีจะได้รับเงินทุนระยะยาวและยืดหยุ่นได้

“กองทุน UN Trust Fund to End Violence against Women ซึ่ง Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ได้ร่วมมือกันเพื่อบรรลุความทะเยอทะยานของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ 5 และยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงด้วยการรับประกันเงินทุนระยะยาว เป็นแกนหลัก และยืดหยุ่นเพื่อองค์กรสิทธิสตรีต่าง ๆ ทั่วโลกที่ตอบสนองต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่รอดชีวิตเป็นครั้งแรก” Vesna Jaric เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกองทุน UN Trust Fund to End Violence against Women กล่าว “ในขณะที่โลกยังคงประสบกับวิกฤตหลายครั้งและเกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับอัตราการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงที่เพิ่มมากขึ้น การคุกคามต่อสิทธิสตรี การเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชนมีความสำคัญเท่าที่เคยมีมาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก”

CARE ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 เป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่ทำงานทั่วโลกเพื่อช่วยชีวิต ขจัดความยากจน บรรลุความยุติธรรมทางสังคม และต่อสู้เพื่อสตรีและเด็กหญิง ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงเป็นจุดสนใจหลักของ CARE เนื่องจากหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการจัดการกับความไม่เท่าเทียมกันทางเพศเป็นกุญแจสำคัญในการตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ การเอาชนะความยากจน และทำให้มั่นใจว่าทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมั่นคง ในปี 2563 Mary Kay ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรระดับโลกกับ CARE เพื่อสนับสนุนแคมเปญ Crisis Response Campaign ขององค์กร และมุ่งมั่นที่จะขจัดความรุนแรงทางเพศในทุก ๆ ที่ ซึ่งรวมถึงเกณฑ์การตั้งค่าด้านมนุษยธรรม

“เป็นไปไม่ได้สำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่จะบรรลุความเท่าเทียมกัน เมื่อความรุนแรงและการล่วงละเมิดทางเพศคุกคามความปลอดภัยของพวกเขาทุกวัน” Michelle Nunn ประธานและซีอีโอของ CARE กล่าว “ทั่วทั้งโลกในกรณีของความรุนแรงทางเพศได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ด้วยมีการโทรเข้าสายด่วนเพิ่มขึ้น 5 เท่าในบางประเทศและผู้หญิงถูกกักขังอยู่กับผู้ล่วงละเมิด Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ร่วมมือกับ CARE เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถลดความเสี่ยงของความรุนแรงทางเพศและให้การดูแลที่ครอบคลุมสำหรับผู้รอดชีวิต ในช่วง 16 วันของกิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลง เราขอร้องให้สาธารณชนเข้าร่วมกับเราในการตอบรับการโทรและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและสังคมเพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงทั่วโลก”

Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ร่วมสนับสนุนสิทธิสตรีทั่วโลกในการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของกองทุน UN Trust Fund to End Violence against Women และครบรอบ 75 ปีของ CARE

สาระสำคัญระดับโลกที่กำหนดโดยแคมเปญ UN Secretary-General’s UNiTE Campaign สำหรับกิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลง 16 วัน ของปี 2564 เพื่อต่อต้านความรุนแรงทางเพศ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2564 ในหัวข้อ Orange the world: ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงเดี๋ยวนี้! หรือ Orange the world: End violence against women now!”

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 58 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ MaryKay.com

เกี่ยวกับมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM

เพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้ระดมทุนและทำการแจกจ่ายเพื่อลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่มักเกิดกับผู้หญิง และเพื่อยุติผลกระทบความรุนแรงต่อผู้หญิงภายในประเทศ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา มูลนิธฺ Mary Kay FoundationSM ได้มอบเงินบริจาคมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานสอดคล้องกับพันธกิจของมูลนิธิโดยให้ความสำคัญอย่างเท่ากัน นอกเหนือจากนั้นมูลนิธิยังสนับสนุนโครงการสร้างการรับรู้ โครงการเข้าถึงชุมชน และการสนับสนุนช่วยเหลือการร่างกฏหมายเพื่อให้ผู้หญิงมีสุขภาพดีและปลอดภัย พร้อมกันนั้นก็สร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิง ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ความรู้ การสนับสนุน อาสาสมัคร และการบริจาค รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือชีวิตเพื่อสร้างแรงผลักดันแก่ผู้หญิง กรุณาเยี่ยมชม marykayfoundation.org ค้นหาเราได้ทาง Facebook และ Instagram หรือติดตามเราได้ที่ Twitter

เกี่ยวกับ United Nations Trust Fund to End Violence against Women

กองทุน United Nations Trust Fund to End Violence against Women (UN Trust Fund) ซึ่งบริหารจัดการโดย UN Women ในนามของระบบ UN system เป็นการให้ทุนระดับโลกเพียงกลไกเดียวที่อุทิศให้กับการขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในทุกรูปแบบโดยเฉพาะ ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้สนับสนุนองค์กร 609 แห่ง ลงทุนในโซลูชั่นที่นำโดยภาคประชาสังคมที่เป็นนวัตกรรมและอิงตามหลักฐาน และโครงการที่เปลี่ยนแปลงชีวิต โครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนมุ่งเน้นไปที่การป้องกันความรุนแรง การนำกฎหมายและนโยบายไปปฏิบัติเพื่อแก้ไขและยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิง และการปรับปรุงการเข้าถึงบริการที่จำเป็นสำหรับผู้รอดชีวิต เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ untf.unwomen.org  และติดตามเราบน FacebookInstagram และ Twitter

เกี่ยวกับ CARE

CARE ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 โดยมีการสร้าง CARE Package® เป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมชั้นนำที่ต่อสู้กับความยากจนทั่วโลก CARE มีประสบการณ์มากกว่าเจ็ดทศวรรษในการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินในช่วงวิกฤต การตอบสนองวิกฤตการณ์ของเรามุ่งเน้นไปที่ความต้องการของกลุ่มประชากรที่เปราะบางที่สุดโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงและผู้หญิง ซึ่งปีที่แล้ว CARE ทำงานใน 100 ประเทศและเข้าถึงผู้คนเกือบ 70 ล้านคนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.care.org

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211124005749/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย