พันธมิตรความร่วมมือระหว่าง ADIO และ Gradiant ในโครงการรักษ์น้ำ

Logo

  • Gradiant บริษัทบำบัดน้ำและน้ำเสียที่ก่อตั้งโดย MIT ได้เข้าร่วมศูนย์รวมนักพัฒนานวัตกรรมของ Abu Dhabi ซึ่งเป็นหัวหอกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศระดับโลก
  • Gradiant ตัดสินใจเลือก Abu Dhabi เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ใน EMEA และร่วมมือกันกับ ADIO สำหรับ CleanTech และเป้าหมายด้านการรักษ์น้ำ
  • ข้อตกลงลงนามใน COP28 ระหว่างการประชุมด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่จัดขึ้นโดยสหประชาชาติ

ABU DHABI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–20 ธันวาคม 2023

สำนักงานการลงทุนอาบูดาบี (Abu Dhabi Investment Office ADIO) ประกาศในวันนี้ว่า Gradiant ยูนิคอร์นด้านโซลูชันน้ำและน้ำเสียที่ก่อตั้งโดย MIT ได้ตัดสินใจเลือกเมืองหลวงของ UAE เป็นที่ตั้งของสำหนักงานใหญ่และศูนย์นวัตกรรมระดับโลกแห่งใหม่ของ EMEA ADIO และ Gradiant มีการร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือใน COP28 ระหว่างการประชุมด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่จัดขึ้นโดยสหประชาชาติ โดยบริษัทได้เข้าร่วมศูนย์รวมนักพัฒนานวัตกรรมของ Abu Dhabi ซึ่งเป็นหัวหอกในการพัฒนาและการจำหน่ายโซลูชันด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทั่วโลก

The partnership between ADIO and Gradiant underscores their joint commitment to advancing water security and climate change solutions, marking a significant step in establishing Abu Dhabi as a pivotal center for global environmental innovation. (Graphic: Business Wire)

“ความร่วมมือระหว่าง ADIO และ Gradiant ตอกย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันในการพัฒนาความมั่นคงทางน้ำและโซลูชันการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นก้าวสำคัญในการจัดตั้งให้ Abu Dhabi เป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก (กราฟิก: Business Wire)”

ADIO สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจใน Abu Dhabi โดยการดึงดูดบริษัทที่มีการพัฒนานวัตกรรมในภาคส่วนเศรษฐกิจที่มีการเติบโตสูง ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาวของ Emirate ในความร่วมมือกับ Gradiant ซึ่งมีมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ Abu Dhabi ก้าวสู่แนวหน้าของอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มูลค่าของตลาดการบำบัดน้ำและน้ำเสียทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030

ADIO ให้การสนับสนุนการเติบโตของ Gradiant อย่างครอบคลุม และเชื่อมโยงกับระบบนิเวศของ Abu Dhabi รวมถึงโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศ บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Boston มีพนักงานทั่วโลกกว่า 900 คน ปัจจุบันมีความโดดเด่นในการรับมือกับความท้าทายด้านน้ำที่เพิ่มขึ้นของโลก ซึ่งเกิดจากการพัฒนาอุตสาหกรรม การเติบโตของประชากร และปริมาณน้ำที่ขาดแคลนมากขึ้น เทคโนโลยีของบริษัทช่วยส่งเสริมตสาหกรรมที่สำคัญต่างๆ ของโลก รวมถึงเซมิคอนดัคเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม พลังงานหมุนเวียน การกลั่นและเคมีภัณฑ์ และพลังงาน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานตามภารกิจที่สำคัญ และลดปริมาณการใช้น้ำ

Badr Al-Olama ผู้อำนวยการทั่วไปของ ADIO กล่าวว่า “การเพิ่มบริษัทมูลค่าพันล้านเหรียญสหรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภารภิจสำคัญระดับโลก ถือเป็นการส่งเสริมอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบนิเวศนวัตกรรมของ Emirate และความมุ่งมั่นใน net zero Gradiant ให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าทั่วทุกภาคส่วนหลัก โดยสอดคล้องกับลำดับความสำคัญทางเศรษฐกิจของ Abu Dhabi และการดำเนินธุรกิจใน Emirate จะเป็นตัวเร่งการเติยโตในหลายๆ ด้าน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านการรักษ์น้ำในวงกว้าง UAE มุ่งมั่นที่จะมีการนำน้ำหลังการบำบัดกลับมาใช้ใหม่ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ ADIO มีความภูมิใจที่ได้สนับสนุนผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับผู้ดำเนินการหลักระดับโลกอย่าง Gradiant”

Gradiant นำเสนอกระบวนการและโซลูชันดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมน้ำและน้ำเสีย และปัจจุบันมีสิทธิบัตรถึง 250 ฉบับโดยประมาณซึ่งครอบคลุมเทคโนโลยีต่างๆ บริษัทรวบรวมเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมเข้ากับพลังของ AI เพื่อสร้างโซลูชันแบบครบวงจรเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านน้ำที่สำคัญที่สุดของโลก โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีขื่อว่า SmartOps สำหรับการปรับเพิ่มประสิทธิภาพของโรงงานและการจัดการทรัพย์สินของระบบบำบัด โดยใช้การเรียนรู้ของเครื่องจักรและปัญญาประดิษฐ์

Prakash Govindan, COO ของ Gradiant กล่าว “ความร่วมมือของเรากับ ADIO ขยายความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาโซลูชันน้ำอย่างยั่งยืนทั่วภูมิภาค EMEA ในการต่อยอดความสำเร็จที่ผ่านการพิสูจน์แล้วใน Singapore เราตั้งเป้าที่จะทำให้ Abu Dhabi และ UAE ก้าวสู่แถวหน้าด้านนวัตกรรมในเทคโนโลยีน้ำ แนวทางของเราสอดคล้องกับวิสัยทัศน์เศรษฐกิจของ Abu Dhabi ในปี 2030 และเราทุ่มเทเพื่อยกระดับความเพียงพอของน้ำและพลังงานในภูมิภาคผ่านโซลูชันที่ล้ำสมัยของเรา”

ศูนย์นวัตกรรมระดับโลกของ Gradiant ใน Abu Dhabi จะพัฒนาและจำหน่ายเทคโนโลยีการบำบัดน้ำใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังมีการทำงานกับ Khalifa University, Masdar และสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงระบบนิเวศของ Abu Dhabi ความร่วมมือกันนี้จะช่วยกระตุ้นและเสริมความก้าวล้ำในเทคโนโลยี RO Infinity และ Carrier Gas Extraction (CGE) ของ Gradiant และโซลูชันการบำบัดน้ำที่พัฒนาขึ้นใหม่อื่นๆ

ADIO มีส่วนร่วมในการพัฒนาโซลูชันพลังงานที่ยั่งยืนใน Abu Dhabi รวมถึงการร่วมมือกับ Siemens Energy AG ในการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมเพื่อลูกค้าตะวันออกกลางใน Emirate ศูนย์นี้เป็นหนึ่งในสี่ศูนย์นวัตกรรมระดับโลกที่จะช่วยสนับสนุนการจำหน่ายโซลูชันเชิงนวัตกรรมเพื่อก้าวสู่ net zero ใน UAE และทั่วโลก

เกี่ยวกับ ADIO

สำนักงานการลงทุนอาบูดาบี (Abu Dhabi Investment Office — ADIO) ช่วยเอื้อให้นักลงทุนท้องถิ่น ภูมิภาค และนานาชาติประสบความสำเร็จและธุรกิจเติบโตในเมืองหลวงของ UAE ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรภาครัฐ นักลงทุนภาครัฐ และนักลงทุนระดับประเทศ ADIO เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของ Abu Dhabi ที่เสริมการเติบโตให้กับภาคเอกชน พันธมิตร และสามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ระดับโลกได้ โดยส่งเสริมโอกาสในการเติบโต มีการร่วมมือกันเชิงกลยุทธ์ และเปิดตลาดใหม่ๆ ทั่วภาคส่วนหลักตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน จนถึงอุตสาหกรรมและธุรกิจการเกษตร และยกระดับการลงทุนในประเทศทั้งความสามารถ นวัตกรรม และความยั่งยืน ด้วยเครือข่ายสำนักงานทั่วโลกที่กำลังเติบโต นักลงทุนสามารถติดต่อ ADIO ได้โดยสามารถไปที่สำนักงานใหญ่ใน Abu Dhabi หรือสำนักงานในต่างประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ที่ปักกิ่ง แฟรงก์เฟิร์ต ลอนดอน นิวยอร์ก ปารีส ซานฟรานซิสโก โซล และเทลอาวีฟ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.investinabudhabi.gov.ae/

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการด้านโซลูชันระดับโลกเกี่ยวกับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ด้วยชุดโซลูชันแบบครบวงจรเต็มรูปแบบที่แตกต่างและมีเอกสิทธิ์เต็มรูปแบบ ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำระดับแนวหน้า บริษัทให้บริการเพื่อการดำเนินงานที่สำคัญต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่สำคัญต่างๆ ของโลก รวมถึงน้ำมันและก๊าซ เซมิคอนดัคเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุสำคัญ และพลังงานหมุนเวียน โซลูชันนวัตกรรมของ Gradiant ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำและปล่อยน้ำเสีย เรียกคืนทรัพยากรอันมีค่า และเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืดได้ บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Boston ก่อตั้งโดย MIT และมีพนักงานทั่วโลกกว่า 1000 คน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53867804/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Felix Wang
Gradiant, VP of Marketing
fwang@gradiant.com

แหล่งข้อมูล: Gradiant

แก้ไขและแทนที่: Aurora, PTT Station และ Royal Umbrella เป็นหนึ่งในผู้ชนะเลิศคว้ารางวัล 2023 – 2024 World Branding Awards

Logo

LONDON–(BUSINESS WIRE)–15 ธันวาคม 2023

World Branding Awards ครั้งที่ 17 ยกย่องความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายสำหรับกลุ่มแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก ในฐานะผู้ชนะเลิศระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก 2023 – 2024 World Branding Awards มีแบรนด์เข้าร่วมมากกว่า 1,500 แบรนด์จากกว่า 40 ประเทศที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “แบรนด์แห่งปี” ในจำนวนนี้ มีไม่ถึง 200 แบรนด์ที่เป็นหนึ่งในผู้ชนะเลิศ

พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้จัดขึ้นที่ต้นกำเนิดของรางวัลนี้ นั่นคือ พระราชวังเคนซิงตัน สหราชอาณาจักร โดยได้ต้อนรับแขกกว่า 100 คนทั่วโลก และดำเนินรายการโดย David Croft ผู้จัดรายการโทรทัศน์ชื่อดัง

ผู้ชนะเลิศระดับโลกที่ได้พิสูจน์ความเป็นเลิศและการสร้างแบรนด์อย่างไร้ที่ติในอุตสาหกรรม ได้แก่ Sunsilk (สหราชอาณาจักร), LURPAK (เดนมาร์ก), Marriott International (สหรัฐอเมริกา), และ IKEA (สวีเดน)

ผู้ชนะเลิศจากประเทศไทย ได้แก่ Thai Life Insurance, PTT Station, King Power, M-150, Café Amazon, Royal Umbrella, Aurora, VITADAY, TrueOnline, Farmhouse, และ TOPS ผู้ชนะเลิศจากประเทศอื่นๆ ได้แก่ FERN- D (ฟิลิปปินส์), Frank & Co. (อินโดนีเซีย), Chow Tai Fook (ฮ่องกง), Sokos Hotels (ฟินแลนด์), Mercadona (สเปน), Airland (ฮ่องกง), และ Getha (มาเลเซีย) และยังมีแบรนด์อื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้

มีเพียง 14 แบรนด์เท่านั้นที่คว้ารางวัล Regional Tier ในปีนี้ ได้แก่ Nippon Rent-A-Car (ญี่ปุ่น), GIG (คูเวต), MR.DIY (มาเลเซีย), M-150 (ไทย), HECOM (ฮ่องกง), และ VITADAY (ไทย) แบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์โปรดของผู้บริโภคใน 4 ประเทศขึ้นไปภายใต้ 3 ภูมิภาคขึ้นไปทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง

“นี่เป็นการเฉลิมฉลองความพยายามอย่างต่อเนื่องซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น ในการคงการตอบรับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง แบรนด์จะต้องมีการสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่น สะท้อนถึงความเป็นแบรนด์และคงอยู่ตราบเท่านาน ซึ่งไม่เพียงเป็นการสร้างวัฒนธรรมและชุมชนสำหรับแบรนด์ผ่านการตลาดเท่านั้น แต่ยังต้องรับประกันได้ว่า ผู้คนทุกเจนเนอเรชันจะยังให้การตอบรับแบรนด์และมีความสนใจในแบรนด์อย่างต่อเนื่อง” Mr Richard Rowles ประธานของ World Branding Forum กล่าว

ในปีนี้ มีผู้บริโภคเข้าร่วมในการเสนอชื่อทั่วโลกมากกว่า 150,000 คน โดยเฉลี่ยแล้ว ในแต่ละประเทศมีเพียง 5 แบรนด์เท่านั้นที่คว้ารางวัลชนะเลิศ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่า การได้รับรางวัล World Branding Award นี้ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งยวด

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะเลิศทั้งหมดได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ WORLD BRANDING AWARDS

World Branding Awards เป็นรางวัลอันทรงเกียรติของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับการจดทะเบียน รางวัลนี้เป็นการยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก

โซเชียลมีเดีย

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/

Twitter: https://twitter.com/WorldBranding

Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/

LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

อีเมล: editorial@brandingforum.org

แหล่งข้อมูล: World Branding Awards

Beeworks Games: เปิดตัวเกมมือถือ “Mushroom Garden Prime” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

แอป Mushroom Farming Simulation ขยายความนิยมไปทั่วโลก

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–15 ธันวาคม 2023

หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวเกมในเกาหลีใต้ Beeworks Games ซึ่งเป็นนักพัฒนาเกมมือถือจากญี่ปุ่นได้ออกมาประกาศว่า จะให้บริการแอป “Mushroom Garden Prime” ในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยสามารถดาวน์โหลด “Mushroom Garden Prime” ได้จาก Google Play/Apple App Store

“Mushroom Garden Prime” พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้วใน Google Play และ App Store (กราฟิก: Business Wire)

“Mushroom Garden Prime” คืออะไร

“Mushroom Garden Prime” เป็นการจำลองการเพาะปลูก โดยมีตัวละครเด่นแสนพิลึกสุดน่ารักอย่าง “Funghi” เพียงแค่แตะหนึ่งครั้งเพื่อเพิ่มอาหารเข้าไปในท่อนไม้ และรอให้ Funghi โต เมื่อ Funghi โตเต็มทั่วท่อนไม้แล้ว ก็จะสามารถทำการเก็บเกี่ยวได้ซึ่งทำได้ง่าย ๆ โดยการเลื่อนปัดที่หน้าจอ “เราออกแบบแอปมาให้สนุกและเล่นได้ง่ายสำหรับผู้ใช้ทุกวัย” Kristofer Chan จาก Beeworks Games กล่าว “การเล่นใช้เวลาเพียงแค่สองถึงสามวินาที และคุณสามารถปิดแอปไว้จนกว่าคุณจะรู้สึกอยากทำการเก็บเกี่ยว Funghi”

การเก็บเกี่ยว Funghi จะทำให้คุณสามารถอัปเกรดอุปกรณ์เพาะปลูกของคุณได้ และสามารถปลูก Funghi ชนิดใหม่ได้ โดยมีความสนุกมากมายให้คุณได้เพลิดเพลิน ทั้งมีท่อนไม้ที่แตกต่างกันกว่า 16 แบบให้เลือกและ Funghi มากกว่า 300 ชนิดให้ค้นหา

นอกจากการเพาะปลูกแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ Funghi ไว้จัดแสดง Funghi ที่คุณได้เก็บรวบรวมมาจากแหล่งธรรมชาติ คุณยังจะสามารถได้รับวอลเปเปอร์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครสำหรับโทรศัพท์ของคุณ โดยการทำภารกิจต่าง ๆ มากมายที่อยู่ในเกมให้สำเร็จ

URL สำหรับ App Store

รายละเอียดของแอป

ชื่อ: Mushroom Garden Prime
ประเภท: แบบจำลองการเพาะปลูก
การรองรับ: Android 5.0/iOS 10.0 หรือใหม่กว่า
ประเทศที่มีให้บริการ: สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า
ราคา: ฟรี (มีการซื้อภายในแอป)
นักพัฒนา: Beeworks Games

เกี่ยวกับซีรีย์ชุด “Mushroom Garden”

เปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 เกมจำลองการเพาะปลูกเห็ดพร้อมกับตัวละคร Funghi สุดน่ารัก มียอดสะสมสำหรับการดาวน์โหลดมากกว่า 55 ล้านครั้งทั่วโลก ซีรีย์ชุดนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงโดยเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งมีสินค้าและกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้

“Mushroom Garden Prime” แสดงการกลับเข้าสู่เวทีระดับโลกของซีรีย์นี้ และประสบความสำเร็จแล้วในเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ Beeworks Games

Beeworks Games ให้ความสำคัญกับความคิดแนวใหม่ โดยมอบประสบการณ์อันเพลินเพลินที่ไม่เหมือนใครผ่านเกม ภารกิจของพวกเขาคือการสร้างเกมและตัวละครอันเป็นที่ชื่นชอบของแฟนคลับทุกวัย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53868799/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Beeworks Co., Ltd.
Kristofer Chan
kchan@beeworks.co.jp
+81-3-6859-0697
https://beeworksgames.com/en/

ที่มา: Beeworks Co., Ltd.


foodpanda จับมือกับ Qwikcilver จาก Pine Labs เปิดตัวบัตรของขวัญ

Logo

ประเทศสิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–14 ธันวาคม 2023

Qwikcilver จาก Pine Labs ผู้ให้บริการชั้นนำด้านบัตรของขวัญแบบครบวงจร และโซลูชั่นที่มีมูลค่าสะสมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย กับ foodpanda เครือข่ายจัดส่งอาหารและของชำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย (นอกประเทศจีน) ได้ร่วมมือกันเปิดตัวบัตรของขวัญ foodpanda –โซลูชั่นที่ได้รับการปรับปรุงซึ่งช่วยให้ลูกค้า foodpanda สามารถแลกและซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย

ฟีเจอร์บัตรของขวัญใหม่จะพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรของ foodpanda เป็นครั้งแรกภายใต้ 'foodpanda สำหรับธุรกิจ' ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นระดับองค์กรโดยเฉพาะของบริษัท การบูรณาการบัตรของขวัญทำให้กระบวนการบริหารจัดการสำหรับลูกค้าองค์กรของ foodpanda ง่ายขึ้น เนื่องจากทำให้พวกเขาซื้อและแบ่งปันบัตรของขวัญกับพนักงานได้อย่างง่ายดายผ่านทางพอร์ทัลของ foodpanda สำหรับธุรกิจ ทำให้พวกเขาสามารถติดตามการซื้อและการใช้จ่ายก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดาย

สำหรับพนักงาน บัตรของขวัญยังให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากบัตรกำนัล บัตรของขวัญช่วยให้ลูกค้าสามารถเก็บยอดคงเหลือที่ไม่ได้ใช้เพื่อใช้ในภายหลัง บัตรของขวัญยังสามารถใช้ได้กับคำสั่งซื้อหลายรายการ ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นในการแลกบัตรของขวัญในบริการต่างๆ ของ foodpanda รวมถึงการซื้อของชำบน pandamart และการขายปลีกสินค้าพิเศษบนร้านค้าของ foodpanda บัตรของขวัญที่ขับเคลื่อนโดย Pine Labs Qwikcilver ปัจจุบันมีวางจำหน่ายในประเทศไทยและสิงคโปร์ และจะเปิดตัวในตลาดทั้งหมด 11 แห่งที่ foodpanda ดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะจำหน่ายบัตรของขวัญให้กับลูกค้าทุกคน (รวมถึงลูกค้าที่ไม่ใช่องค์กรด้วย)

Abhishek Ahuja ผู้อำนวยการฝ่าย Fintechของ foodpanda กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “เนื่องจากการทำงานที่ยืดหยุ่นกลายเป็นบรรทัดฐาน เราจึงต้องการให้บริษัทต่างๆ สามารถมอบสิทธิประโยชน์แก่พนักงานของตนได้ทุกที่ทุกเวลา เมื่อร่วมมือกับ Qwikcilver จาก Pine Labs แล้ว ขณะนี้เราสามารถเสนอวิธีที่เป็นมิตรกับผู้ใช้แก่บริษัทต่างๆ โดยพวกเขาสามารถแสดงความขอบคุณต่อพนักงานผ่านบัตรของขวัญ โดยไม่ต้องมีภาระในการจัดการและการชำระเงินเพิ่มเติม”

“ด้วยการปรากฏตัวในกว่า 400 เมือง foodpanda จึงเป็นชื่อที่ทำให้นึกถึงพื้นที่จัดส่งอาหารและร้านขายของชำออนไลน์ สำหรับแบรนด์ Qwikcilver จาก Pine Labs ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับบริษัท foodpanda ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี และขับเคลื่อนโครงการบัตรของขวัญและบัตรกำนัลใน 11 ประเทศ APAC และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในอนาคตระหว่างทั้งสองหน่วยงาน” Dheeraj Chowdhry กล่าว, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ – ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, Pine Labs

“ปัจจุบันแพลตฟอร์มบัตรของขวัญของเราขับเคลื่อนธุรกิจข้ามชาติทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็กหลายแห่งในอุตสาหกรรมแนวตั้งและภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย จากลูกค้าเหล่านี้ เราสังเกตเห็นว่าการใช้บัตรของขวัญหรือบัตรกำนัลเป็นรูปแบบธุรกิจที่ดี โดยให้ผลประโยชน์ทางการเงินที่น่าดึงดูด ด้วยการทำธุรกรรมผ่านบัตรใบเดียว พันธมิตรแบรนด์ของเราจะมีลูกค้าสองราย ได้แก่ ผู้ส่งและผู้รับ นอกจากนี้เรายังสังเกตเห็นว่าลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อมากกว่ามูลค่าบัตร ส่งผลให้ยอดขายและขนาดตะกร้าเพิ่มขึ้นสำหรับลูกค้าของเรา” Dheeraj Chowdhry กล่าวเสริม

เกี่ยวกับ foodpanda

foodpanda เป็นแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ชั้นนำในเอเชียที่มุ่งนำเสนออาหาร ของชำ และอื่นๆ อีกมากมายแก่ผู้บริโภคอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน foodpanda กำลังเป็นหัวหอกในการเติบโตของการค้าด่วน (q-commerce) ทั่วภูมิภาค ด้วยเครือข่ายพันธมิตรผู้ค้าปลีก รวมถึงร้านค้าบนคลาวด์ของ pandamart เพื่อมอบทางเลือกตามความต้องการที่มากกว่าบริการจัดส่งอาหารนับล้านรายการ foodpanda ดำเนินธุรกิจในกว่า 400 เมืองใน 11 ตลาดในเอเชีย – สิงคโปร์ ฮ่องกง ไทย มาเลเซีย ปากีสถาน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์ foodpanda เป็นบริษัทในเครือของ Delivery Hero ผู้นำระดับโลกด้านอุตสาหกรรมบริการส่งอาหาร หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.foodpanda.com

เกี่ยวกับ Pine Labs

Pine Labs เป็นแพลตฟอร์มการค้าขายแบบหลายช่องทางชั้นนำ ที่ดำเนินงานทั่วทั้งอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Pine Labs ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการชำระเงินดิจิทัล และมุ่งเน้นไปที่การทำให้ง่ายขึ้นที่ส่วนหน้า มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ธุรกิจจำนวนมากยอมรับผลิตภัณฑ์ Fintech ในวงกว้าง

ในการชำระเงินแบบดิจิทัล ซอฟต์แวร์การชำระเงินออนไลน์บนคลาวด์ Plural ของเรา แสดงถึงปลายทางการชำระเงินแบบครบวงจรในช่องทางต่างๆ

ธุรกิจการออกบัตรเครดิตของเราขับเคลื่อนโดย Qwikcilver – Qwikcilver นำเสนอโซลูชันบริการเทคโนโลยีแบบครบวงจรที่ล้ำสมัย เต็มรูปแบบในการจัดการธุรกรรมแบบชำระเงินล่วงหน้า บัตรของขวัญ และพื้นที่การขาย/การจัดจำหน่าย โดยมีสถานะที่แข็งแกร่งในหลากหลายประเทศ และการให้บริการไลฟ์สดกับแบรนด์ชั้นนำและลูกค้ารายใหญ่จากอุตสาหกรรมค้าปลีก การบริการ และสายการบิน ทั่วทั้งภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ต่อไปนี้: เอเชียใต้ – อินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกไกล – สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา – ดูไบ อาบูดาบี แอฟริกาใต้ ยุโรป – ลักเซมเบิร์กและสาธารณรัฐเช็ก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฮาวาย ในสหรัฐอเมริกา ในปัจจุบัน

ในแอปสำหรับผู้บริโภค Fave เป็นแพลตฟอร์ม fintech สำหรับผู้บริโภครุ่นต่อไป โดยให้การชำระเงินและการออมที่ชาญฉลาด ในขณะเดียวกันก็เสริมศักยภาพให้กับร้านค้าด้วยโซลูชันความภักดี เพื่อเติบโตและมีส่วนร่วมกับลูกค้าในรูปแบบใหม่ทั้งหมด

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.pinelabs.com และ www.qwikcilver.com.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การติดต่อ

ช่องทางการติดต่อ

สำหรับ Pine Labs

Swati Chauhan
Ruder Finn Asia
chauhans@ruderfinn.com
+91- 8505947705

สำหรับ foodpanda

Katrina Khoe
foodpanda
Katrina.khoe@foodpanda.com
+65 9726 9199

ที่มา: Pine Labs

ห้ามพลาด: พิพิธภัณฑ์ใหม่ เปิดให้บริการในวันที่ 22 เดือนธันวาคมในเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของไต้หวัน

Logo

TAINAN, Taiwan–(BUSINESS WIRE)–14 ธันวาคม 2023

พิพิธภัณฑ์เมืองไถหนานมีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 22 เดือนธันวาคม หากคุณมีความคุ้นเคยหรือเคยไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ คุณไม่ควรพลาดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ซึ่งมีการตั้งชื่อตาม “ไถหนาน” พิพิธภัณฑ์เมืองไถหนานแห่งนี้เป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุอันล้ำค่าที่หลากหลายตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยปัจจุบัน สมบัติเหล่านี้นำเสนอเรื่องราวปฏิสัมพันธ์ระหว่างชาวดัชต์กับชาวพื้นเมือง โจรสลัดเคยครอบครองชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีนอย่างไร แสดงให้เห็นถึงการขยายการปกครองของจักรวรรดิชิงไปยังไต้หวันอย่างไร และเจาะลึกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการที่ชาวญี่ปุ่นมาถึงไต้หวัน ท่ามกลางเรื่องราวอื่นๆ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังเล่าถึงเรื่องราวอันน่าหลงใหลเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ และนำเสนอเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเมืองนี้ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนผ่านวิธีการต่างๆ

Opening its doors on Dec. 22, the Tainan City Museum showcases Taiwan's most comprehensive collection of local artifacts dating back to the times when the island was ruled by the Qing Dynasty, making it a must-visit museum in the country. (Photo: Business Wire)

พิพิธภัณฑ์เมืองไถหนานเปิดให้บริการในวันที่ 22 เดือนธันวาคม โดยมีการจัดแสดงคอลเล็กชันโบราณวัตถุในท้องถิ่นที่ครอบคลุมมากที่สุดในไต้หวัน ย้อนกลับไปในสมัยที่เกาะแห่งนี้ถูกปกครองโดยราชวงศ์ชิง เป็นจุดสนใจที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ในประเทศที่ไม่ควรพลาด (ภาพถ่าย: Business Wire)

Hsieh Shih-yuan ผู้อำนวยการใหญ่สำนักกิจการวัฒนธรรมเมืองไถหนาน เปิดเผยว่า ในช่วงราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1636-1912) ไถหนานเป็นที่ตั้งของจังหวัดไต้หวัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดแสดงศิลปวัตถุที่พบในท้องถิ่นมากมายที่สุดในไต้หวันตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ตั้งแต่เสื้อผ้าอย่างเป็นทางการที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสวมใส่ ไปจนถึงเครื่องมือที่ใช้ในพิธีทางศาสนาและในพิธีการแต่งงาน คอลเล็กชันนี้ยังรวมถึงบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือกันของเจ้าหน้าที่และพลเรือนในการต่อสู้กับโจรในครานั้น อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์คือการเล่าเรื่องโดยรวมที่ได้รับจากทุกคนที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ดังที่เห็นได้จากการเปิดนิทรรศการถาวร “Creating Tainan: Our History” และนิทรรศการพิเศษในชุดการเล่าเรื่องการใช้ชีวิต (Life Story Series) ในชื่อ “Traditional Grocery Stores” ไถหนานได้เห็นการมาถึงของกลุ่มคนที่หลากหลาย ซึ่งนำไปสู่การผสมผสานกันของวัฒนธรรมที่หลากหลาย การผสมผสานครั้งนี้เป็นจุดเริ่มการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการผสานรวมที่หล่อหลอมเป็นสังคมของไถหนาน และเป็นแหล่งหล่อเลี้ยงที่สำคัญสำหรับบทบาทในฐานะเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของไต้หวัน

ไถหนานมีที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไต้หวัน ห่างจากไทเปประมาณ 90 นาทีโดยรถไฟความเร็วสูง เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของไต้หวัน และได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของประเทศ นอกจากเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและศาสนาที่เก่าแก่แล้ว ไถหนานยังมีชื่อเสียงในด้านอาหารอีกด้วย ตัวอย่างเช่น หนึ่งในอาหารที่ต้องลองของไถหนานคือ ปลานวลจันทร์ทะเล ซึ่งแสดงถึงวิวัฒนาการที่ยาวนานหลายศตวรรษของไถหนาน เป็นตัวอย่างที่ดีของประวัติศาสตร์เมืองไถหนาน และยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของชาวท้องถิ่นจำนวนมากจวบจนทุกวันนี้

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53870263/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Tainan City Government
Tseng Tzu Jung
อีเมล: tzujung7471@gmail.com

แหล่งข้อมูล: Tainan City Government

NIQ เปิดตัว NIQ Labs เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและส่งเสริมผู้มีความสามารถชั้นนำในอุตสาหกรรม

Logo

Chief Product Officer, Troy Treangen ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ จะเป็นผู้นำ NIQ Labs ซึ่งเป็นการบุกเบิกนวัตกรรมในอุตสาหกรรม CPG

นวัตกรรมที่มีการติดตามอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วของ NIQ พร้อมเปิดตัว ‘NIQ Ask Arthur’ ที่ใช้ GenAI ในปี 2024

CHICAGO–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม 2023

NIQ ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันข้อมูลและการวิเคราะห์ มีความตื่นเต้นที่จะได้ประกาศเกี่ยวกับการจัดตั้ง NIQ Labs ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่ก้าวล้ำโดยมุ่งเน้นการรวมผู้มีความเชี่ยวชาญและมีความสามารถชั้นนำระดับแนวหน้าโดยผ่านการควบรวมกิจการเชิงกลยุทธ์ ในฐานะที่เป็นศูนย์นวัตกรรมทรงพลังภายใต้ความมุ่งมั่นของ NIQ เพื่อสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยการลงทุนเพื่อเพิ่มเสริมประสิทธิภาพ NIQ Labs จึงพร้อมที่จะบุกเบิกอนาคตของผลิตภัณฑ์และโซลูชันเชิงนวัตกรรม โดยมุ่งจัดการกับความท้าทายในอุตสาหกรรม ตลอดระยะเวลาช่วงสองปีที่ผ่านมา NIQ มีการลงทุนมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในการลงทุนด้านปฎิบัติการในข้อมูลและความสามารถใหม่ เพื่อสร้าง Full View™ สำหรับพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค เพื่อแก้ไขปัญหาของลูกค้าและสร้างเส้นทางใหม่สู่การเติบโต เมื่อผสานรวมกับการลงทุน NIQ Labs สามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ข้อมูลที่หลากหลาย โดยสามารถใช้เครื่องมือข่าวกรองธุรกิจอัจฉริยะที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาดโดยละเอียด และมีการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนโดย AI เชิงสร้างสรรค์ (GenAI) และวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่เชื่อถือได้

ด้วยการเปิดตัวของ NIQ Labs บริษัทมีความภูมิใจที่จะประกาศเครื่องมือใหม่ตัวแรก 'NIQ Ask Arthur' ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ GenAI ในการปรับแปลงโดยจะมีการผสานรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม Discover โซลูชันที่ปฏิวัติวงการนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาระดับโลกโดยมีความช่วยเหลือจาก AI และได้รับคำแนะนำเฉพาะบุคคล โดยอิงตาม KPI และมีการวิเคราะห์ที่ทำงานตลอดเวลา 'NIQ Ask Arthur' นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สร้างโดย AI ภายในรายงาน เพื่อช่วยลดความซับซ้อนในการตีความข้อมูล และอำนวยความสะดวกในการตัดสินใจ ความสามารถด้านการสนทนาโต้ตอบของ AI ช่วยให้สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นำทางผู้ใช้ในการใช้งานชุดข้อมูล และนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้งานได้ 'NIQ Ask Arthur' เป็นผู้เปลี่ยนโลก โดยพลิกโฉมการตัดสินใจที่อิงตามข้อมูล และแสดงถึงความมุ่งมั่นของ NIQ ในการนำเสนอโซลูชันการวิเคราะห์ที่ล้ำสมัย ขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในภูมิทัศน์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในปัจจุบัน ในการสร้าง NIQ Labs ‘NIQ Ask Arthur’ รับประกันความปลอดภัยของข้อมูล และสามารถใช้ประโยชน์จากโมเดลและเครื่องมือที่ดีที่สุดที่มีให้บริการในภูมิทัศน์เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้

“การเปิดตัว 'NIQ Ask Arthur' ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับ NIQ Labs และแพลตฟอร์ม Discover ด้วยเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI อันล้ำสมัย ช่วยเสริมการปฎิวัตินวัตกรรมข้อมูลและการสำรวจ นำเสนอการค้นหาทั่วโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับผู้ใช้ และมีการแสดงคำแนะนำเฉพาะบุคคล เพื่อกำหนดวิธีการควบคุมข้อมูลเชิงลึกใหม่” Troy Treangen ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ NIQ กล่าว “'NIQ Ask Arthur' เป็นตัวแทนแสดงถึงการก้าวกระโดดในความมุ่งมั่นของเราที่จะนำเสนอโซลูชันการวิเคราะห์ระดับแนวหน้า ลดความซับซ้อนของข้อมูล และเสริมศักยภาพผู้มีอำนาจในการตัดสินใจด้วยข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้งานได้ เครื่องมือนี้เป็นมากกว่าเครื่องมือ แต่เป็นผู้เปลี่ยนโลกที่จะปรับสร้างอนาคตของการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นหลัก และแสดงถึงความทุ่มเทของ NIQ ในการสร้างนวัตกรรมเพื่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในทุกวันนี้”

ต้นกำเนิดของ NIQ Labs มาจากการตระหนักรู้ ในการควบรวมกิจการแต่ละครั้ง เราจะมีทรัพยากรเฉพาะทางและด้านเทคนิคมากมาย เพื่อเสริมศักยภาพสำหรับพนักงาน NIQ และเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า NIQ Labs จึงรวบรวมวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และช่างเทคนิคที่มากด้วยความสามารถกว่า ~400 คน ซึ่งมีชุดทักษะเฉพาะทางที่โดดเด่น กลุ่มคนที่มีความสามารถพิเศษนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเฉพาะสำหรับ NIQ โดยมุ่งเน้นการแก้ไขความท้าทายภายในองค์กร ภายในอุตสาหกรรม และลูกค้า ผ่านโซลูชันทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยจะมีการทำงานร่วมกันกับวิศวกรประมาณ 3,000 คนและนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลประมาณ 700 คน ซึ่งดำเนินงานในธุรกิจในวงกว้างของของ NIQ

“NIQ Labs ขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นของผู้ประกอบการและเพื่อเสริมความคล่องตัว และมีเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จาก AI และเทคโนโลยีที่พัฒนาใหม่ต่างๆ” Jim Peck, CEO ของ NIQ กล่าว “วัตถุประสงค์หลักของเราคือ การส่งเสริมนวัตกรรมที่ปรับขนาดได้ภายในระบบนิเวศ NIQ สิ่งสำคัญในภารกิจนี้คือ ความมุ่งมั่นในการกำกับดูแลข้อมูล ด้วยการจัดลำดับความสำคัญความสมบูรณ์และความปลอดภัยของข้อมูล เรารับประกันรากฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการใช้ประโยชน์จาก AI ซึ่งมีแนวโน้มสำหรับนวัตกรรมอุตสาหกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อน แนวทางที่ได้รับการปรับแต่งของเราช่วยเสริมความสามารถให้แก่องค์กรต่างๆ ในการตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูล รับประกันความสอดคล้องของข้อมูล และรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ด้วยโซลูชันของ NIQ สามารถลดความไม่สอดคล้องของข้อมูลลง ลดข้อผิดพลาดลงได้เหลือน้อยที่สุด และเพิ่มมูลค่าของข้อมูล ความมุ่งมั่นของเราที่จะมีกระบวนการที่โปร่งใสและคุ้มค่าในการดำเนินงานช่วยเสริมให้ลูกค้าสามารถประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ส่งเสริมนวัตกรรม และเสริมการเติบโตของธุรกิจ”

โดยการนำของ Troy Treangen ทีมผู้บริหารของ NIQ Labs ได้รับการเสริมกำลังด้วยความเชี่ยวชาญของ Xavier Facon, Mark Flynn, John Forese ผู้ร่วมก่อตั้งของ Data Impact Ludovic Gallen, Dana James, Dennis Madura และ Edouard Nattee ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Foxintelligence ด้วยชุดทักษะที่หลากหลายและกว้างขวางของทุกคนเป็นขุมพลังที่ขับเคลื่อน NIQ Labs ไปสู่ยุคแห่งความสำเร็จที่ก้าวล้ำ ทีมงานที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนานี้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะใช้แนวทางการให้คำปรึกษาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อเป็นหลักในการดำเนินการ โดยอิงตามเสาหลักห้าประการ:

  • ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (GenAI): เสาหลักของ GenAI เชิงกลยุทธ์มีศูนย์กลางอยู่ที่การปรับใช้เทคโนโลยีที่สร้างขึ้นโดย AI ภายในระบบนิเวศ NIQ โดยได้รับการสนับสนุนจากนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลประมาณ 700 คน จากการเรียนรู้ผ่าน AI และเครื่องจักรที่ NIQ มีการใช้งานเป็นหลักมาอย่างยาวนานกว่าสองทศวรรษ การเปิดตัวของ GenAI จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มุ่งเสริมขีดความสามารถเพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จของลูกค้า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการความช่วยเหลืออันชาญฉลาดที่ใช้บริบทเป็นหลักในการขับเคลื่อนภูมิทัศน์ธุรกิจที่ซับซ้อน เสาหลักของ GenAI จาก NIQ คือ การนำเสนอโซลูชันที่จำเป็นสำหรับนำทางธุรกิจตามกลยุทธ์ที่สามารถดำเนินงานได้จริงเพื่อความสำเร็จ
  • อีคอมเมิร์ซระดับโลกNIQ Labs พร้อมในการบุกเบิกแนวทางปฏิวัติวงการในการวัดผลอีคอมเมิร์ซระดับโลกและการวิเคราะห์นักช้อป ทีมงานมีเป้าหมายที่จะกำหนดวิธีการวัดผลใหม่ โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาแอปพลิเคชัน iOS และ Android ขั้นสูงสำหรับผู้บริโภค แอปเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่มากกว่าเพียงการรวบรวมข้อมูล โดยสามารถเจาะลึกการประมวลผลที่ซ้ำซ้อนและมีการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อน
  • การระบุที่มาของผลิตภัณฑ์: ภายใน NIQ Labs เสาหลักสำหรับการตั้งรหัสผลิตภัณฑ์ที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ในการขับเคลื่อนนวัตกรรม เสาหลักนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุม 'ข้อมูลเชิงลึกของผลิตภัณฑ์' เป็นรากฐานที่สำคัญ และเป็นการรวมการวัดผลและการเปิดใช้งาน Omni เพื่อติดตามผลของผลิตภัณฑ์ ตามมุมมองกรรมสิทธิ์ของ NIQ เพื่อรับประกันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • สื่อการค้าปลีก/สื่อการค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์: ความคิดริเริ่มตามวิสัยทัศน์ของ NIQ Labs ผสมผสานกับเทคโนโลยีขั้นสูงและข้อมูลเชิงลึกเชิงกลยุทธ์ในการกำหนดภูมิทัศน์ของการค้าปลีกใหม่ เสาหลักนี้เป็นการรับประกันการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภค นำเสนอนวัตกรรมใหม่สำหรับแบรนด์เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าเป้าหมาย เสาหลักของสื่อการค้าปลีกเป็นความมุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานใหม่ในการโฆษณา โดยปรับใช้กลยุทธ์เชิงข้อมูลเพื่อสร้างการตอบสนองต่อภาพจำสำหรับแบรนด์ และผลลัพธ์ที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
  • ข้อมูลเชิงลึกเชิงคาดการณ์: NIQ Labs อยู่ในระหว่างการปรับปรุงโซลูชันและการวิเคราะห์ผ่านการบูรณาการความสามารถของ AI ภายใต้แนวทางเชิงกลยุทธ์ โครงการริเริ่มนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ประโยชน์จาก GenAI ในการปรับแปลงการสำรวจผู้บริโภค นำเสนอการวิเคราะห์แบบบุกเบิก และปรับใช้ข้อมูลอัจฉริยะจากคลังข้อมูลขนาดใหญ่ เสริมให้ NIQ อยู่ในระดับแนวหน้าของนวัตกรรมและมีประสิทธิภาพสูงในข้อมูลเชิงลึกเชิงคาดการณ์

NIQ โดยการใช้ประโยชน์เชิงนวัตกรรมจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (ML) เพื่อช่วยลูกค้าการค้าปลีกและการผลิตในกว่า 90 ประเทศ มีผลต่อร้านค้ากว่า 1.4 ล้านแห่ง และมีการจัดการข้อมูลบันทึกนับล้านล้านรายการเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้งานได้ ความคล่องตัวและกลยุทธ์การปรับใช้งานที่รวดเร็วของบริษัทเอื้อให้มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างโดดเด่น ในปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์ม Discover ของ NIQ มีการเติบโตอย่างสูง โดยเพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้ใช้ 2,500 รายในเดือนมกราคม ปี 2023 เป็น 40,000 รายใน 71 ประเทศในปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวทางเทคโนโลยีในวงกว้างของ NIQ ความสามารถในการปรับใช้เทคโนโลยีอย่างรวดเร็วนี้ ปรับเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ และสร้างสถานะระดับโลกนี้ ตอกย้ำความคล่องตัวและนวัตกรรมที่เหนือชั้นของ NIQ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ความก้าวหน้าเหล่านี้ช่วยให้สามารถได้รับข้อมูลเขิงลึกอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรม ช่องทาง และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกอย่างรวดเร็วในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในการนำเสนอ Full View™

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NIQ Labs และการดำเนินงานที่ก้าวล้ำได้ที่ AI Hub ของ NIQ

เกี่ยวกับ NIQ

NIQ เป็นบริษัทอัจฉริยะด้านผู้บริโภคชั้นนำของโลก โดยมีการนำเสนอความเข้าใจในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่สมบูรณ์ยิ่ง และนำเสนอเส้นทางใหม่สู่การเติบโต ในปี 2023 NIQ มีการรวมตัวกับ GfK เพื่อรวบรวมผู้นำด้านอุตสาหกรรมทั้งสองที่สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลกไว้ด้วยกัน ด้วยการอ่านข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด—นำเสนอพร้อมการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย—NIQ นำเสนอ Full View™

NIQ เป็นบริษัทในเครือของ Advent International ซึ่งมีการดำเนินงานในตลาดมากกว่า 100 ภาคส่วน ครอบคลุมประชากรโลกถึงกว่า 90% สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ NIQ.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ
Gillian Mosher
Vice President, Communications
(gillian.mosher@NIQ.com)

แหล่งข้อมูล: NIQ

อนาคตของคอมพิวเตอร์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว – ในงาน CES 2024 GIGABYTE จะมานำเสนอนวัตกรรมที่สำคัญและขับเคลื่อนความก้าวหน้าด้วย AI และมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Logo

TAIPEI–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม 2023

GIGABYTE Technology ผู้บุกเบิกด้านไอทีซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาอุตสาหกรรมระดับโลกผ่านระบบคลาวด์ และระบบคอมพิวเตอร์แบบ AI ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ด้วยนวัตกรรมฮาร์ดแวร์ที่งาน CES ด้วยธีม “อนาคตของคอมพิวเตอร์” โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในยุคที่ขับเคลื่อนด้วย AI และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

GIGABYTE is carrying forward its booth theme, “Future of COMPUTING” from COMPUTEX to CES 2024. Photo: One of the highlights – AI/HPC servers (Photo: Business Wire)

GIGABYTE สานต่อธีมบูธ “อนาคตของคอมพิวเตอร์” จาก COMPUTEX จนถึงงาน CES 2024 ภาพถ่าย: หนึ่งในไฮไลต์ – เซิร์ฟเวอร์ AI/HPC (ภาพถ่าย: Business Wire)

GIGABYTE นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการติดตามการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์เทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการนำเสนอทรัพยากรด้านคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จากคลาวด์และศูนย์ข้อมูลไปยัง Edge และผู้ใช้ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมของ GIGABYTE ขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างคล่องตัว และสามารถเข้าดูข้อมูลเชิงลึกสำหรับธุรกิจได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในตลาดที่หลากหลาย อีกทั้งยังมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานและดื่มด่ำสำหรับผู้บริโภค

GIGABYTE นำเสนอความเชี่ยวชาญรอบด้านด้วยเซิร์ฟเวอร์ AI/HPC ที่ทรงพลังสูงสุด โซลูชันระบายความร้อนขั้นสูง พีซีสำหรับอุตสาหกรรม เทคโนโลยียานยนต์อัตโนมัติ ผลิตภัณฑ์เกมและผู้สร้าง นิทรรศการอันตระการตาจะมีการจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 9 ถึง 12 เดือนมกราคม มาพบกับเราได้ที่ Booth #9637, North Hall, Las Vegas Convention Center

ปลดล็อกความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดใน AI ด้วยเซิร์ฟเวอร์ AI/HPC ของ GIGABYTE

ในงาน CES 2024 GIGABYTE และ Giga Computing บริษัทในเครือ จะนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ AI/HPC ใหม่ล่าสุด โดยดารรวม GPU และตัวเร่งความเร็วระดับแนวหน้าเข้าด้วยกัน GIGABYTE นำเสนอโซลูชันอเนกประสงค์ที่ชาร์จพลังเวิร์กโหลดของ AI ตามความต้องการได้มากที่สุด เช่น AI เชิงสร้างสรรค์ โมเดลการฝึกอบรมภาษาขนาดใหญ่ metaverse ดิจิทัลระบบคู่ การเรนเดอร์และกราฟิกแบบ 3D จัดแสดงโซลูชันศูนย์ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับ AI แห่งอนาคต

ผลิตภัณฑ์ด้านเซิร์ฟเวอร์ของ GIGABYTE สามารถรับมือกับสถานการณ์การใช้งานไอทีที่หลากหลาย GIGABYTE จะมีการจัดแสดงเซิรฟ์เวอร์จัดเก็บข้อมูลที่ปรับแต่งสำหรับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ เซิร์ฟเวอร์ Arm สำหรับการใช้งานบนคลาวด์ และเซิร์ฟเวอร์ Edge ที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับแอปพลิเคชัน 5G เซิร์ฟเวอร์ที่หลากหลายเหล่านี้จะช่วยเสริมให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถรับมือกับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วยการอัปเกรดระบบไอทีที่มีความยืดหยุ่นและไม่ยุ่งยาก

โซลูชันการระบายความร้อนขั้นสูง AIoT และเทคโนโลยียานยนต์ เป็นตัวอย่างความเชี่ยวชาญรอบรู้ของ GIGABYTE

ในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำและนักบูรณาการ โซลูชันการระบายความร้อนขั้นสูง GIGABYTE จะมีการจัดการแสดงกลุ่มผลิตภัณฑ์ ระบบการระบายความร้อนแบบแช่เฟสเดียว และ ระบบการระบายความร้อนโดยใช้ของเหลวโดยตรง ในงาน CES โซลูชันเหล่านี้เป็นตัวอย่างความมุ่งมั่นของ GIGABYTE ในการจัดหาโซลูชันศูนย์ข้อมูลที่ยั่งยืนและประหยัดพลังงาน โซลูชันของ GIGABYTE ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรและสถาบันชั้นนำของโลก รวมถึงยักษ์ใหญ่แห่งเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก บริษัทโทรคมนาคม และศูนย์การวิจัย

โซลูชันการระบายความร้อนขั้นสูงของ GIGABYTE รองรับเทคโนโลยี CPU/GPU ล่าสุดจาก AMD, Intel และ NVIDIA โดยมีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่หลากหลายซึ่งเหมาะสำหรับกลยุทธ์การใช้งานในระบบไอทีที่แตกต่างกัน และปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของ CPU/GPU ประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอ์ที่ได้รับการปรับแต่งนั้น ช่วยให้สามารถลดการใช้พลังงานให้น้อยลง ซึ่งให้ประโยชน์ด้านความยั่งยืนอย่างหาที่เปรียบมิได้ และต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

เทคโนโลยีที่ครอบคลุมของ GIGABYTE ขยายขอบเขตพลังการประมวลผลจากศูนย์ข้อมูลไปยังแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อไปยังผู้ใช้ คอมพิวเตอร์สำหรับอุตสาหกรรมจะเอื้อสำหรับระบบกระบวนการอัตโนมัติในโรงงานผลิตและนอกอาคาร มอบประสิทธิภาพระดับสูงสุดเพื่อรองรับสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงมาก ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และระบบเทเลเมติกส์ของยานพาหนะจะช่วยอำนวยความสะดวกและเสริมประสบการณ์ในการขับขี่แบบอัตโนมัติอันชาญฉลาดขั้นสูง นวัตกรรมฮาร์ดแวร์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของ GIGABYTE ในการเสริมประสิทธิภาพการปรับแปลงให้เป็นระบบดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI

กลุ่มผลิตภัณฑ์เกมและครีเอเตอร์ผลักดันให้ขยายขอบเขตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพควบคู่กับความสวยงาม

กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ ล่าสุดของ GIGABYTE จะแสดงถึงปรัชญาการออกแบบซึ่งมอบประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ยอดเยี่ยม นักเล่นเกมสามารถตั้งตารอแล็ปท็อป AORUS และ GIGABYTE รุ่นล่าสุดได้เลย ซึ่งจะให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและภาพเคลื่อนไหวที่ราบรื่นอย่างน่าประทับใจ ครีเอเตอร์จะได้รับความพึงพอใจกับจอแสดงผล 2.8K OLED HDR ระดับมืออาชีพของแล็ปท็อป AERO 14 OLED พร้อมฟังก์ชันการปรับแต่งสีชั้นนำระดับโลก และเทคโนโลยีการถนอมดวงตาระบบ AI สุดพิเศษ ผู้เล่นคอนโซลจะต้องทึ่งกับจอภาพ OLED 4K/120Hz ขนาด 48 นิ้วเครื่องแรกของโลก พร้อมภาพและเสียงที่เหมือนจริง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบคอมพิวเตอร์แบบ DIY เมนบอร์ดและกราฟิกการ์ดจะชนะใจพวกเขาด้วยดีไซน์ที่ใช้งานง่ายและประสิทธิภาพที่มีความเสถียรและทนทานสำหรับฟิเจอร์ที่ต้องใช้ทรัพยากรสูง

เข้าเยี่ยมชม เพจอีเว้นท์ CES ของ GIGABYTE

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53867952/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

แหล่งข้อมูล: GIGABYTE Technology

Hillstone Networks ได้รับการรวมอยู่ในรายงานภาพรวมแผนผังโซลูชัน Security Service Edge

Logo

โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone Networks ติดอันดับในภาพรวม SSE ของกลุ่มบริษัทผู้ดำเนินการวิเคราะห์

SANTA CLARA, Calif.–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม 2023

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้รับการรวมอยู่ในรายงานภาพรวมโซลูชัน Security Service Edge สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2023 รายงาน Forrester นำเสนอภาพรวมของแผนผังทางตลาดสำหรับโซลูชัน Security Service Edge (SSE) ซึ่งได้รับการปรับใช้เพื่อเสริมความสามารถในการเช้าถึงแอปและข้อมูลแบบ Zero Trust และเพื่อรักษาความปลอดภัยสำหรับการทำงานจากระยะไกล รายงานมุ่งเน้นประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น คำจำกัดความของตลาด มูลค่าทางธุรกิจ ความพร้อมทางการตลาด ไดนามิก ผู้จำหน่ายที่โดดเด่น กรณีการใช้งานยอดนิยม ฟังก์ชันการทำงานตามกรณีการใช้งาน และการมุ่งเน้นของผู้ขายสำหรับกรณีการใช้งานที่ขยายเพิ่มเติม

“โซลูชัน SSE ช่วยแก้ไขปัญหาที่แท้จริงสำหรับช่องว่างด้านความปลอดภัยในระบบเครือข่ายที่มีการขยายตัวสูงขึ้น” Tim Liu, CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone นำเสนอการป้องกันแบบ zero trust โดยเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชัน SSE ซึ่งมอบการรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับการทำงานทั้งแบบไฮบริดหรือจากระยะไกล ปกป้องแอปพลิเคชันและข้อมูลโดยไม่คำนึงถึงการใช้งาน – ตั้งแต่ Edge ไปจนถึงคลาวด์”

ด้วยโมเดลการทำงานจากระยะไกลและแบบไฮบริดมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ขอบเขตเครือข่ายแบบดั้งเดิมจึงมีประสิทธิภาพน้อยลง CISO จึงมีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงทรัพย์สินขององค์กรจากหลากหลายสถานที่ ตั้งแต่เครือข่ายในมหาวิทยาลัย ไปจนถึงสำนักงานสาขา บ้านของพนักงาน และแม้กระทั่งเครือข่ายมือถือสาธารณะ เพื่อตอบสนองความท้าทายในความต้องการเข้าถึงทรัพยากรขององค์กรจากอุปกรณ์ทุกเครื่อง ทุกที่ ทั้งแบบไฮบริดและจากระยะไกล ชุดโซลูชัน Edge ของ Hillstone จึงมีการรวมเทคโนโลยีการเข้าถึงเครือข่ายแบบ zero-trust (ZTNA) โดย ZTNA จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงที่ตั้งของผู้ใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการกระจายตัวในการทำงานของพนักงานในปัจจุบัน และป้องกันปริมาณการใช้งานของแอปพลิเคชัน ปกป้องข้อมูลขององคกร และสามารถเข้าถึงจากระยะไกล

โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มไฟร์วอลล์ระดับแนวหน้า และมอบความสามารถในการให้สิทธิ์การเข้าถึงได้อย่างละเอียดตามข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้และอุปกรณ์ สามารถตรวจสอบการใช้งานของอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมการควบคุมสิทธิ์การใช้งานได้อย่างแม่นยำ และทำให้เป็นโซลูชัน SSE ในอุดมคติ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ นำเสนอการป้องกันทางเชิงลึกและเชิงกว้างสำหรับบริษัททุกขนาด ตั้งแต่ Edge ไปจนถึงคลาวด์ และรองรับทุกปริมาณการใช้งาน แนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks นี้ นำเสนอขอบเขตความครอบคลุม การควบคุม และการรวมระบบสำหรับองค์กรมามากกว่า 26,000 แห่งทั่วโลกแล้ว www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

MoreLogin เบราว์เซอร์ป้องกันการตรวจจับอันดับ 1 ของโลก จัดแสดงที่ Affiliate World Asia (AWA)

Logo

MoreLogin ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีเบราว์เซอร์ป้องกันการตรวจจับ เน้นย้ำโซลูชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ในการประชุมการตลาดแบบพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม 2023

MoreLogin, ผู้นำด้านเทคโนโลยีเบราว์เซอร์ป้องกันการตรวจจับ ได้ประกาศเข้าร่วมในงาน Affiliate World Asia (AWA) ซึ่งเป็นการประชุมชั้นนำสำหรับการตลาดแบบพันธมิตรในกรุงเทพฯ ประเทศไทย การปรากฏตัวของ MoreLogin ในงานอันทรงเกียรตินี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการนำเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมสำหรับนักการตลาดแบบพันธมิตรทั่วโลก

MoreLogin attends AWA (Photo: Business Wire)

MoreLogin เข้าร่วมงาน AWA (รูปภาพ: Business Wire)

AWA คือการประชุมการตลาดแบบพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยนำผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลกมารวมตัวกัน การนำเสนอของ MoreLogin ดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก จากผู้เข้าร่วมที่สนใจเครื่องมือที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดแบบพันธมิตรได้

เกี่ยวกับ MoreLogin: 
MoreLogin ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 และก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วในฐานะผู้เล่นหลักในตลาดเบราว์เซอร์ป้องกันการตรวจจับ MoreLogin ได้ให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก และจนถึงปัจจุบัน บัญชีมากกว่า 5,000,000 บัญชีได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัยโดย MoreLogin บริษัทมีความเชี่ยวชาญในโซลูชันการจัดการข้ามแพลตฟอร์ม ที่ช่วยให้สามารถจัดการบัญชีหลายบัญชีได้อย่างราบรื่น และการเข้าถึงทั่วโลกสำหรับนักการตลาดแบบพันธมิตร ในขณะเดียวกันก็รักษาความเป็นนิรนามของผู้ใช้และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความไม่เปิดเผยตัวตน การทำให้ระบบอัตโนมัติมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือการทำให้มั่นใจว่าการทำงานเป็นทีมราบรื่น

MoreLogin สอดคล้องกับกลยุทธ์และวัตถุประสงค์ของพันธมิตรได้ดีที่สุด ผู้ใช้มากกว่า 2 ล้านคนให้คำวิจารณ์เชิงบวกเกี่ยวกับบริการที่ดีที่สุดและประสิทธิภาพที่มั่นคง

คำกล่าวจาก CEO:
Saul Jamison ซีอีโอของ MoreLogin แบ่งปันความกระตือรือร้นของเขาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของบริษัทใน AWA: “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้สาธิตเบราว์เซอร์ป้องกันการตรวจจับของเราที่ Affiliate World Asia เทคโนโลยีของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพให้กับนักการตลาดแบบพันธมิตร โดยนำเสนอวิธีที่คล่องตัว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพแก่พวกเขา เพื่อจัดการสถานะทางดิจิทัลของพวกเขา เราตั้งตารอที่จะมีส่วนร่วมกับเพื่อนร่วมงานในอุตสาหกรรมและแสดงให้เห็นว่า MoreLogin สามารถเป็นผู้เปลี่ยนเกมในตลาดพันธมิตรได้อย่างไร”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MoreLogin และโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรม โปรดไปที่ www.morelogin.com.

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53869972/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ช่องทางการติดต่อ

อีเมล์: support@morelogin.com
เว็บไซต์: www.morelogin.com

ที่มา: MoreLogin

Wemade: MIR4 นำเสนออัปเดตเกี่ยวกับด่านสูงสุดของการสำรวจแคลนและการท้าดวลเผ่า

Logo

  • การสำรวจแคลนและการท้าดวลเผ่ามีสมาชิกแคลนที่ขึ้นถึงด่านที่ 10 และด่านที่ 8 สูงถึง 50 คนตามลำดับ
  • จะได้รับหินคราฟท์ (Crafts) วัตถุดิบเสริมพลัง และศิลาสริมพลังในตำนาน โดยการเอาชนะบอสทรงพลัง รวมถึง จักรพรรดิภูตผีมืดและปีศาจวัวเจ้าเหนือหัวแห่งสวรรค์
  • จะมีการแจกวัตถุดิบเสริมการเติบโต (Growth Material) ที่หลากหลาย เช่นตั๋วอัญเชิญดวงตามังกรทุกวันตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23 เดือนธันวาคม ถึงวันจันทร์ที่ 25 เดือนธันวาคม

SEOUL, South Korea–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2023

Wemade มีการอัปเดตเกี่ยวกับด่านสูงสุดของ “การสำรวจแคลน” และ “การท้าดวลเผ่า” ในด่านที่ 10 และด่านที่ 8 ตามลำดับในวันที่ 12 เดือนธันวาคม สำหรับ MMORPG MIR4 ยอดนิยม

MIR4 updates the highest stages of “Clan Expedition” and “Clan Challenge” on December 12 (Graphic: Wemade)

MIR4 จะมาอัปเดตเกี่ยวกับด่านสูงสุดของ “Clan Expedition” และ “Clan Challenge” ในวันที่ 12 เดือนธันวาคม (กราฟิก: Wemade)

“การสำรวจแคลน” และ “การท้าดวลเผ่า” เป็นคอนเทนต์การทำงานร่วมกันของสมาชิกแคลนสูงถึง 50 คน ด้วยคาแรคเตอร์ที่ทรงพลัง เพื่อเอาชนะบอสทรงพลัง เช่น “จักรพรรดิภูตผีมืด” และ “ปีศาจวัวเจ้าเหนือหัวแห่งสวรรค์”และรับรางวัลล้ำค่าสำหรับผู้เล่น รวมถึง ศิลาเสริมพลังในตำนาน และวัตถุดิบคราฟท์และเสริมพลัง

เพื่อต้อนรับฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน MIR4 เปิดตัวอีเว้นท์ให้เช็คอินถึงสองรายการ หากสามารถผ่านอีเว้นท์ “อย่าร้องไห้นะ! เช็คชื่อ 7 เลเวลบูสเตอร์อัพ” และ “เช็คชื่อ 14 วันแห่งความปรารถนา” ผู้เล่นจะได้รับไอเท็มต่างๆ เช่น “[L] วัตถุดิบเลื่อนขั้น” “[L] รูปปั้นมังกรฟ้าตำนาน” และ “กล่องต้นไม้เทศกาล” เมื่อเข้าสู่เกม

นอกจากนี้ MIR4 จะส่งวัตถุดิบเสริมการเติบโต (Growth Material) ซึ่งรวมถึง “กล่องของขวัญเซอร์ไพรส์จากมังกรศักดิ์สิทธิ์” ประกอบด้วยน้ำยาวิเศษและศิลาเสริมพลัง และ “ตั๋วอัญเชิญดวงตามังกร” ที่จำเป็นเพื่อการเติบโตอย่างรวดเร็ว ให้ทุกวันทางอีเมล

อีเว้นท์ปีใหม่ที่น่าสนุก ได้แก่ อีเว้นท์ร้านค้าสำหรับแลกเปลี่ยน (Exchange Shop) และอีเว้นท์เสริมพลัง จะเริ่มขึ้นในวันอังคารที่ 26 เดือนธันวาคม

จากการต่อสู้ของฉัน เข้าสู่สงครามของเรา! สามารถดูรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับ MIR4 ได้ที่ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53869602/en

ติดต่อ

Wemade Co., Ltd. (112040: KOSDAQ)
Jennifer Jung, PR Manager
jennifer@wemade.com

แหล่งข้อมูล: Wemade Co., Ltd.