Category Archives: Featured

VRChat ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Anthos Capital เพื่อปิดดีลการลงทุนรอบ Series D มูลค่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

เงินทุนนี้จะช่วยให้ VRChat เติบโตและส่งเสริมชุมชนของ VRChat

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–25 มิ.ย. 2564

VRChat แพลตฟอร์มโซเชียลเสมือนจริง (VR) ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้าง เผยแพร่ และสำรวจโลกเสมือนจริงร่วมกับผู้ใช้รายอื่นทั่วโลก ได้ประกาศการลงทุนรอบ Series D มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์ อนึ่ง การลงทุนในรอบนี้นำโดย Anthos Capital พร้อมกับนักลงทุนที่เข้าร่วมอื่น ๆ อาทิเช่น Makers Fund และ GFR Fund

VRChat เป็นแพลตฟอร์มโซเชียล VR ชั้นนำที่มีผู้ใช้หลายล้านคน โดยมีโลกเสมือนหลายแสนแห่ง และอวาตาร์ที่ไม่เหมือนใครกว่าสิบล้านอวาตาร์ VRChat เป็นแอปพลิเคชั่น VR ฟรีอันดับต้น ๆ ทั้งบน Steam และ Oculus Rift โดยมีผู้ใช้ในเวลาเดียวกันมากกว่า 40,000 คน ด้วยอิสระในการสร้างสรรค์ของเครื่องมือ VRChat ผู้ใช้สามารถเปลี่ยน VRChat ให้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเชื่อมโยงกับมีมบนอินเทอร์เน็ต กิจกรรม และวัฒนธรรมต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้มันยังกลายเป็นแฮงเอาท์เสมือนจริงสำหรับกิจกรรมและชุมชนออนไลน์ อีกด้วย

“VRChat เป็นผู้จัดกิจกรรมชุมชนที่มีชีวิตชีวา สร้างสรรค์ และมีส่วนร่วม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับหุ้นส่วนการลงทุนของเราเพื่อขยายและเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนของเราอย่างรวดเร็ว” Graham Gaylor ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ VRChat กล่าว

การลงทุนนี้จะมอบทรัพยากรให้กับ VRChat เพื่อเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจของครีเอเตอร์ ทำให้สามารถสร้างรายได้ และเป็นระบบการค้นพบทางสังคมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้ประสบการณ์ที่มีความหมายมากขึ้น และการขยายไปสู่แพลตฟอร์มอื่นๆ การพัฒนาเหล่านี้จะส่งผลให้ VRChat เติบโตอย่างรวดเร็วและทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถเข้าถึงจักรวาลเสมือนจริงนี้ได้

“เราภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรกับ VRChat ในขณะที่มันปฏิวัติประสบการณ์ทางสังคมต่อไป เมื่อตลาดความเป็นจริงเสมือนเติบโตขึ้น VRChat ก็พร้อมสำหรับการขยายตัวและการเติบโตที่สำคัญในฐานะแพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับโลกเสมือนจริง” Brian Ames กรรมการผู้จัดการของ Anthos Capital กล่าว

“ทีมงานที่กระตือรือร้นและมีความสามารถของ VRChat ได้สร้างแพลตฟอร์มที่มีครีเอเตอร์เป็นผู้นำ และที่ให้ความสำคัญกับชุมชนเป็นอันดับแรก” Jay Chi ผู้ร่วมก่อตั้งของ Makers Fund กล่าว “ที่ Makers Fund เรามองหาบริษัทที่มีนวัตกรรมซึ่งมีผู้นำที่ยอดเยี่ยม เราเชื่อมั่นในภารกิจของ VRChat อย่างแท้จริงในการมอบประสบการณ์ VR ที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเอง เพื่อเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลก และเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะเดินทางต่อไปกับพวกเขา”

เพื่อสัมผัสประสบการณ์ VRChat และเข้าร่วมชุมชนกรุณาเยี่ยมชม www.vrchat.com.

VRChat กำลังหาผู้มาร่วมงาน ไปที่หน้า careers เพื่อสมัคร

เกี่ยวกับ VRChat

VRChat ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2557 นำเสนอคอลเลกชั่นประสบการณ์ VR ทางสังคมที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเอง ผู้เล่นสามารถสำรวจ เข้าสังคม และสร้างสรรค์ร่วมกับผู้เล่นอื่น ๆ จากทั่วโลก แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งประสบการณ์ VR ของตนเองได้ รวมถึงอวาตาร์ที่กำหนดเอง โลก เกม แฮงเอาท์ กิจกรรม และอื่นๆ VRChat สามารถใช้ได้บน Steam, Oculus Rift, Oculus Quest และ VIVEPORT และกำลังจะมีแพลตฟอร์มอื่น ๆ ตามมา

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210625005073/en/

สอบถามสำหรับสื่อมวลชน Jason Camillo, jason@vrchat.com และ Press Kit

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Yugo Private Aviation ขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

สิงคโปร์–(บิสิเนส ไวร์)–23 มิถุนายน 2564

Yugo แพลตฟอร์มการบินส่วนตัวที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วได้เปิดตัวเส้นทางเช่าเหมาลำใหม่ล่าสุดในประเทศไทย กัมพูชา มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบริษัทการบินเอกชนในสิงคโปร์นี้กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในเอเชีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210623005498/en/

Yugo Private Aviation's Gulfstream G200 midrange private jet (Photo: Business Wire)

เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวขนาดกลาง Gulfstream G200 ของ Yugo Private Aviation (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ด้วยเครือข่ายเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินเจ็ต Yugo เป็น แพลตฟอร์มการเดินทางทางอากาศแห่งแรกที่เชื่อมต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้งตามความต้องการ ลูกค้าสามารถขอและค้นหาเที่ยวบินเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวและเฮลิคอปเตอร์จากคลังเที่ยวบินและเส้นทางที่มีอยู่

ปัจจุบัน Yugo ดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้เพิ่มการเข้าถึงลูกค้าและฝูงบินในภูมิภาคได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ท่ามกลางการแพร่ระบาด

Camille Ngo ผู้จัดการฝ่ายการค้าของ Yugo กล่าวว่า “ภารกิจของเราคือให้ลูกค้าของเราสามารถบินแบบส่วนตัวได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยเฮลิคอปเตอร์หรือเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว”

Camille ซึ่งเป็นผู้นำการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของบริษัทกล่าวเสริมว่า “เราตั้งเป้าที่จะบรรลุสภาวะการบินที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม”

ในการนำเสนอเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังจุดหมายปลายทางกว่า 150 แห่งในเอเชีย Yugo ได้สร้างฝูงบินมากกว่า 50 ลำในเครือข่ายของตน จากผู้ผลิตเครื่องบินที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมการบิน เช่น เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว Gulfstream, Bombardier, Cessna Textron Aviation, Dassault Falcon และเฮลิคอปเตอร์ Bell, Airbus, Leonardo หรือ Robinson เครื่องบินเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกเพราะความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสารที่ได้เดินทางจากดูไบไปลังกาวี เซบูไปบาหลี พระสีหนุไปเซี่ยงไฮ้ หรือเกาะสมุยไปเอลนิโด เพื่อธุรกิจหรือการพักผ่อน

Jim Baldy ซีอีโอของ Yugo ให้ความเห็นว่า “Covid-19 ได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี 2563 นี่เป็นบทที่ท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์การบินและได้ทดสอบความทนทางของธุรกิจเราแล้ว  เราได้ปรับข้อนำเสนอคุณค่าของเราเพื่อให้บริการลูกค้าของเราได้ดีที่สุด โดยมอบความยืดหยุ่นและปลอดภัย  ด้วยอุปสรรคทั้งหมดที่เราเผชิญเราจึงต้องหาวิธีที่จะคิดค้นแนวทางใหม่ๆ รักษาประสิทธิภาพการทำงานของเรา และก้าวไปข้างหน้าในปี 2563 และ 2564”

จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังเอเชียแปซิฟิก เที่ยวบินที่ได้รับความนิยม ได้แก่ เที่ยวบินเฮลิคอปเตอร์แบบออนดีมานด์ บริการรับส่งสนามบิน ทัวร์เฮลิคอปเตอร์ การโอนย้ายเกาะส่วนตัว เที่ยวบินทางการแพทย์ข้ามพรมแดน การอพยพฉุกเฉินในประเทศ หรือเที่ยวบินธุรกิจข้ามพรมแดน เป็นต้น

ในขณะที่การบินเชิงพาณิชย์ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ การบินส่วนตัวกำลังฟื้นตัวได้เร็วกว่า  Yugo ยังคงให้บริการเที่ยวบินแก่ลูกค้าที่ต้องการบินแบบส่วนตัวภายในเอเชียแปซิฟิกต่อไป

เกี่ยวกับ Yugo

Yugo Global Industries Pte Ltd เป็นบริษัทการบินเอกชนที่มุ่งเน้นให้บริการเที่ยวบินส่วนตัวด้วยเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินเจ็ทสำหรับธุรกิจในราคาประหยัดทุกที่ทุกเวลา  บริการเที่ยวบินของ Yugo ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มการเดินทางทางอากาศและเครือข่ายทั่วโลกที่ให้บริการในเอเชียแปซิฟิก

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210623005498/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

9Camille Ngo
Commercial Manager (ผู้บริหารเชิงพาณิชย์)
camille@yugoplus.com 
www.yugoplus.com


Echodyne ขยายตลาดสำหรับ EchoGuard เรดาร์ที่ใช้เทคโนโลยี CUAS ชั้นนำ

Logo

การปฏิบัติตามข้อกำหนด CE, RED และ RoHS3 ช่วยเปิดตลาดยุโรป ส่วนความต้องการของลูกค้าทำให้เกิดผลิตภัณฑ์และความสามารถใหม่ๆ

ซีแอตเทิล–(BUSINESS WIRE)–23 มิ.ย. 2564

Echodyne บริษัทแพลตฟอร์มเรดาร์ ประกาศในวันนี้ถึงการปรับปรุงในด้านเรดาร์ชั้นนำของอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ โดยการเพิ่มเรดาร์ตัวใหม่สำหรับตลาดต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับการใช้งานประเภทปฏิบัติการพิเศษแบบเรโดม ที่ทนทาน และที่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในด้านซอฟต์แวร์และประสิทธิภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ร่วมกันแสดงถึงความก้าวหน้าที่สำคัญต่อเทคโนโลยีเรดาร์ที่ก้าวล้ำอย่าง MESA® ด้วยการมีลูกค้าในด้านการป้องกันประเทศ ความมั่นคงของชาติ และการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เรดาร์ Echodyne ได้กลายเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับเทคโนโลยี counter-UAS การรักษาความปลอดภัยชายแดน และโซลูชันการเฝ้าระวัง 3D ทั้งที่ฐานและปริมณฑล

ผลิตภัณฑ์และการพัฒนายังรวมถึง:

  • EchoGuard International เรดาร์ EchoGuard ตัวใหม่มีโครงสร้าง RoHS3 และเป็นไปตามข้อกำหนด CE Radio Equipment Directive (RED) สำหรับลูกค้าในสหภาพยุโรป ต่อใบรับรองการตรวจสอบประเภท ตามคำสั่งด้านอุปกรณ์วิทยุของสหภาพยุโรป 2014/53/EU
  • การขยายสเปกตรัม EchoGuard เขตอำนาจศาลหลายแห่งอนุญาตให้ RadioLocation ใช้ได้ที่ 24.05-24.25 GHz และตอนนี้ EchoGuard มีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจัดการกับตลาดเหล่านี้
  • เรโดมที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น เรโดมที่ทนทานออกแบบมาให้ทนต่อแรงกระแทก 1.5 จูลโดยไม่เปลี่ยนแปลงฟอร์มแฟคเตอร์ของเรดาร์
  • Lightweight Deployment Kit (LDK) ด้วยความต้องการของลูกค้าที่พุ่งสูงขึ้นสำหรับระบบน้ำหนักที่เบา LDK ตัวใหม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับกิจกรรมข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวน (ISR) 10 ชั่วโมง รวมถึงเรดาร์ คอมพิวเตอร์ และแบตเตอรี่ ลงในกระเป๋าเป้ทหารที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 20 ปอนด์
  • การอัพเดตเฟิร์มแวร์ เรดาร์ Echodyne ทั้งหมดถูกควบคุมโดยซอฟต์แวร์ และการอัปเดตนี้รวมถึงความเสถียรที่เพิ่มขึ้นและความสะดวกในการใช้งานและการทำงานที่มากขึ้น
  • รูปคลื่นใหม่เหมาะสำหรับความละเอียดที่ความเร็วต่ำ ขับเคลื่อนโดยความต้องการของลูกค้า รูปคลื่นใหม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจจับและติดตามการเคลื่อนไหวที่ช้ามาก เช่น การเดินแบบไม่เป็นที่สังเกต ที่ระยะทางมากกว่า 1.5 ไมล์
  • การอัปเดต RadarUI เราได้อัปเกรดอินเทอร์เฟซผู้ใช้เรดาร์อย่างมีนัยสำคัญด้วยการสนับสนุนสายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นและการปรับใช้ภาคสนามที่รวดเร็วขึ้นเพื่อให้ทำให้เรดาร์ตรวจจับได้ง่ายขึ้น

Eben Frankenberg ซีอีโอของ Echodyne กล่าวว่า “เรายังคงค้นหาแรงดึงดูดจากลูกค้าที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรดาร์ประสิทธิภาพสูงของเรา และรู้สึกตื่นเต้นที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่และการปรับปรุงเหล่านี้ให้กับครอบครัว EchoGuard “เรดาร์ที่ก้าวล้ำของเราตอนนี้ได้ฝังอยู่ในระบบการรับรู้สถานการณ์และอาวุธขั้นสูง การป้องกันกองกำลัง การเฝ้าระวังปริมณฑล 3 มิติของฐานและปริมณฑลโดยรอบ และการรักษาความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เรากำลังขยายธุรกิจของเราให้ตอบสนองความต้องการและเพื่อเป็นผู้ผลิตเรดาร์ชั้นนำสำหรับการใช้งานด้านการป้องกันและความปลอดภัยในปัจจุบันและอนาคต ยังมีอะไรอีกมากมายที่กำลังจะตามมาและเราตื่นเต้นกับเฟสต่อไปของเรา”

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและข้อกำหนดทางเทคนิค กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ echodyne.com.

เกี่ยวกับ Echodyne

Echodyne, บริษัทแพลตฟอร์มเรดาร์ ออกแบบและส่งมอบเรดาร์ MESA® ขนาดกะทัดรัด โซลิดสเตต ที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิบัตรประสิทธิภาพสูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการป้องกัน การรักษาความปลอดภัย การรับรู้ของเครื่องจักร และความเป็นอิสระ เรดาร์อาเรย์ที่สแกนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ราคาไม่แพงของ Echodyne ถูกใช้โดยหน่วยงานรัฐบาล นักพัฒนาอิสระ และผู้รวมระบบความปลอดภัยสำหรับระบบ counter-UAS การรักษาความปลอดภัยชายแดนและปริมณฑล การป้องกันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ อากาศยานไร้คนขับ และยานยนต์ไร้คนขับ บริษัทซึ่งทีเอกชนเป็นเจ้าของตั้งอยู่ในเมืองเคิร์กแลนด์ รัฐวอชิงตัน และได้รับการสนับสนุนจาก Bill Gates, NEA, Madrona Venture Group, Vulcan Capital, Vanedge Capital และ Lux Capital เป็นต้น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210623005315/en/

ติดต่อ:

John O’Brien

echodyne@strangebrewstrategies.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Grand Prize Winner ประกาศในการแข่งขัน $5M IBM Watson AI XPRIZE

Logo

เทคโนโลยีที่ชนะรางวัลจาก Zzapp Malaria จะแสดงให้เห็นว่ามนุษย์สามารถทำงานร่วมกับ AI ในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกได้อย่างไร

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–14 มิถุนายน 2564

XPRIZE ผู้นำระดับโลกในด้านการออกแบบและจัดการแข่งขันเพื่อสร้างแรงจูงใจในการแก้ไขปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ และ IBM Watson ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI สำหรับธุรกิจของ IBM วันนี้ประกาศ Grand Prize Winner ในการแข่งขัน $5M IBM Watson AI XPRIZE Challenge การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2559 เป็นการแข่งขันระดับโลกระยะเวลา 5 ปี โดยมุ่งที่จะเร่งการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ และจุดประกายความคิดที่สร้างสรรค์ นวัตกรรม และการสาธิตเทคโนโลยีที่ฮึกหาญ ซึ่งสามารถขยายตัวได้อย่างแท้จริงในการแก้ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของสังคม

ผู้ชนะเลิศอันดับที่หนึ่งคือ Zzapp Malaria อันดับที่สองคือ Aifred Health ตามด้วย Marinus Analytics ผู้แข่งขันที่เข้ารอบสุดท้ายนี้ได้รับเลือกจากกลุ่มผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้ายหลังจากนำเสนอวิธีแก้ไขปัญหาต่อคณะกรรมการในระหว่างงานที่จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ TED ในนิวยอร์กซิตี้เมื่อปีที่แล้ว รางวัลสำหรับผู้ชนะการแข่งขันนี้ได้แก่ รางวัลชนะเลิศจะได้รับ 3 ล้านดอลลาร์ รางวัลรองชนะเลิศ 1 ล้านดอลลาร์ และรางวัลอันดับสาม 5 แสนดอลลาร์จะมอบให้กับทีม โดยรวมแล้วมีกว่า 150 ทีมทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้

“หลังจากห้าปีของการทำงานที่แสนหนักหน่วงและการอุทิศตน XPRIZE รู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศให้ Zzapp Malaria เป็นผู้ชนะรางวัลใหญ่ของ IBM Watson AI XPRIZE” Anousheh Ansari ซีอีโอของ XPRIZE กล่าว “Zzapp Malaria, Aifred Health และ Marinus Analytics อยู่ในระดับแนวหน้า ของความก้าวหน้าของ AI และเราตั้งตารอที่จะได้เห็นผลสะท้อนเชิงบวกที่พวกเขาจะมีต่ออนาคตของเราโดยตรง”

“ผู้เข้ารอบสุดท้ายทั้งสามทีมของรายการ IBM Watson AI XPRIZE แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้เมื่ออานุภาพของ AI ถูกใช้เพื่อจัดการกับสิ่งที่ยากที่สุดในโลก” Daniel Hernandez ผู้จัดการทั่วไปของ IBM Data และ AI กล่าว “มันเป็นแรงบันดาลใจที่ได้เห็นเทคโนโลยี AI ที่เราพัฒนาขึ้นที่ IBM ได้ช่วยให้องค์กรเหล่านี้ตระหนักและขยายโซลูชันเทคโนโลยีที่ดีเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเชิงบวกได้อย่างไร”

จากเมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล Zzapp Malaria มุ่งมั่นที่จะกำจัดโรคมาลาเรีย เทคโนโลยี AI ของทีมมุ่งสู่การเผชิญหน้าในการแก้ปัญหาที่สำคัญในแคมเปญการกำจัดโรคมาลาเรียโดยการสร้างแบบจำลองแบบกำหนดเองด้วยเครื่องมืออย่าง IBM Watson Studio สำหรับ Cloud Pak for Data เพื่อคาดการณ์จำนวนแหล่งน้ำขนาดเล็กที่เกิดจากสภาพอากาศ ทำให้สามารถปรับการคำนวณเวลาได้อย่างเหมาะสมในการจัดการกับลูกน้ำ

  • Marinus Analytics (ตั้งอยู่ในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย): บริษัทที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2557 จาก Carnegie Mellon Robotics ซึ่งขับเคลื่อนด้วยภารกิจทางสังคมเพียงภารกิจเดียวในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์ โซลูชัน Traffic Jam ของพวกเขาคือชุดเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยประหยัดวันและเวลาในการสืบสวนหาผู้ค้ามนุษย์และเหยื่อค้ามนุษย์ ด้วยการเปลี่ยนข้อมูลขนาดใหญ่ให้กลายเป็นข่าวกรองที่นำไปใช้ได้จริงอย่างรวดเร็ว Marinus Analytics ได้ใช้ IBM Watson Discovery และ IBM Watson Assistant เพื่อขยายแอปพลิเคชัน Traffic Jam ของพวกเขา ช่วยในการสอบสวนเรื่องการฉ้อโกงทางการเงินและการเคลื่อนย้ายเงินที่ผิดกฎหมายไปยังกลุ่มอาชญากรระหว่างประเทศ
  • Aifred Health (ตั้งอยู่ในเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา): บริษัทด้านสุขภาพดิจิทัลมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิกในด้านสุขภาพจิต โดยเริ่มจากโรคซึมเศร้า โซลูชันของทีมใช้ AI ในการเรียนรู้จากผู้ป่วยหลายพันคนเพื่อช่วยในการรักษาแบบเฉพาะตัว ช่วยลดเวลาที่ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษา IBM Watson Health ให้บริการ Aifred Health พร้อมบันทึกข้อมูลภาวะซึมเศร้าจากการสังเกตหลายล้านรายการ เพื่อปรับปรุงต้นแบบ ML ของพวกเขา

ในการตัดสินผู้ชนะนี้ XPRIZE AI ได้เรียกประชุมคณะลูกขุนตัวแทนจากทั่วโลก คณะลูกขุนประเมินแต่ละทีมโดยพิจารณาจากผลงานของพวกเขาใน 4 มิติต่อไปนี้: บรรลุผลกระทบทางเทคนิค พิสูจน์ผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริง ความสามารถในการปรับขนาดของผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริง และจริยธรรมและความปลอดภัย

ทีมที่ชนะได้รับการประกาศในวันนี้โดยร่วมมือกับ WIRED ระหว่างการสนทนาข้างเตาผิง (fireside chat) AI For Good ของ IBM Watson AI XPRIZE ที่มี Anousheh Ansari ซีอีโอของ XPRIZE และ Seth Dobrin ประธานเจ้าหน้าที่ AI ของ IBM ทั้งสองได้หารือถึงความท้าทายและความสำคัญของ AI สำหรับอนาคตของมนุษยชาติ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือกับ WIRED XPRIZE ได้เปิดการโหวตสาธารณะสำหรับทีมที่สร้างแรงบันดาลใจมากที่สุด และ Zzapp Malaria ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะ คุณสามารถรับชมการสนทนาข้างเตาผิงในรูปแบบเต็มและรับชมเนื้อหาเพิ่มเติมผ่านคอนเทนต์ฮับของ WIRED ที่ลิงก์ไว้ที่นี่

เกี่ยวกับ XPRIZE

XPRIZE องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร 501(c)(3) เป็นผู้นำระดับโลกในการออกแบบและนำรูปแบบการแข่งขันที่เป็นนวัตกรรมไปใช้เพื่อแก้ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก การแข่งขันได้แก่ $100M XPRIZE Carbon Removal, $15M XPRIZE Feed the Next Billion, $10 Million XPRIZE Rainforest, $10 Million ANA Avatar XPRIZE และ $5 Million XPRIZE Rapid Reskilling สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่ xprize.org.

เกี่ยวกับ IBM Watson

Watson เป็นเทคโนโลยี AI ของ IBM สำหรับธุรกิจ ในการช่วยให้องค์กรสามารถคาดการณ์และกำหนดผลลัพธ์ในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น ทำให้กระบวนการที่ซับซ้อนเป็นแบบอัตโนมัติ และเพิ่มประสิทธิภาพเวลาของพนักงาน Watson ได้พัฒนาจากโครงการวิจัยของ IBM ไปสู่การทดลองในการขยายชุดผลิตภัณฑ์แบบเปิดซึ่งสามารถทำงานได้ทุกที่ ด้วยการมีส่วนร่วมกับลูกค้ามากกว่า 40,000 ราย Watson ได้ถูกนำไปใช้โดยแบรนด์ชั้นนำระดับโลกในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้คน หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมกรุณาไปที่: https://www.ibm.com/watson

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210623005848/en/

ติดต่อสื่อ:
Sunshine Sachs
xprize@sunshinesachs.com

Katerina Stamatiou, XPRIZE
prcontact@xprize.org

IBM Watson
Zachery Bishop
zachery.bishop@ibm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

คณะกรรมการท่องเที่ยวฮ่องกง เปิดตัวซีรีส์วิดีโอฤดูร้อน ‘Great Outdoors’ ชวนดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์สุดอลังการทั่วเกาะ

Logo

วิดีโอ ASMR ที่จะพาผู้ชมเปิดประสบการณ์ผ่านความรื่นรมย์ทางโสตสัมผัส ฟังเสียงซาบซ่าแห่งฤดูร้อนฮ่องกง

แม้จะอยู่อีกฟากหนึ่งของโลก กิจกรรมกลางแจ้งบนเกาะฮ่องกงสำหรับฤดูร้อนในปีนี้ก็ไม่ใช่สิ่งไกลตัวอีกต่อไป โดยต้องยกความดีความชอบให้กับซีรีส์วิดีโอชวนผ่อนคลายโสตสัมผัส ภายใต้โครงการ 360 Hong Kong Moments ที่คณะกรรมการการท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong Tourism Board: HKTB) ได้เนรมิตขึ้น ผ่านการบันทึกและบรรจุสรรพเสียงธรรมชาติ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวผ่านประสบการณ์การรับชมที่ลึกล้ำและรื่นรมย์

แคมเปญฤดูร้อนประจำปี 2021-2022 Great Outdoors Hong Kong (GOHK) ปล่อยไฮไลต์แคมเปญ อย่างซีรีส์วิดีโอ ASMR (Autonomous Sensory Meridian Response) จำนวน 4 คลิปตามธีมที่โดดเด่นต่างกันไป พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวรวม 30 วินาที ผ่านเสียงธรรมชาติอันรื่นรมย์และชวนฝันของจุดหมายปลายทางที่ตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของเกาะ โดยวิดีโอนี้ออกแบบมาเพื่อสร้างความผ่อนคลาย และยกระดับการสัมผัสประสบการณ์การดื่มด่ำไปกับท่วงทำนองที่ผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัวของชนบทที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง

 

คลิกที่ภาพเพื่อรับชมวิดีโอ ASMR ของเกาะเพงเชา

ASMR ของเกาะเพงเชา (Peng Chau) เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับเสียงหวูดเรือ เสียงระฆังวิหารวัด และเสียงดั่งมนต์สะกดยามที่แท่งเซียมซีกระทบกระบอกไม้ ส่วนเสียงใบไม้ไหว เสียงน้ำตกกระทบหิน เสียงนกร้องและโบกสะบัดปีกจะฟังได้จาก ASMR ของอ่างเก็บน้ำชิงมุน (Shing Mun Reservoir) ในขณะที่ ASMR ของสแตนลีย์ (Stanley) บอกเล่าเสียงแตกตัวของเกลียวคลื่นในมหาสมุทรและเสียงคลี่พัดกระดาษ ไปจนถึงเสียงกัดขนมปังฝรั่งเศสอุ่นๆ แสนอร่อยจากร้านน้ำชาท้องถิ่น และท้ายสุด ASMR ของไซกุง (Sai Kung) จะพาผู้ฟังดำดิ่งสู่สรรพเสียงและท่วงทำนองที่หลากหลายของทะเลเปิด ราวกับท่านกำลังใช้เวลาไปกับการเล่นแพดเดิลบอร์ด (Paddle Board) ท่ามกลางสายน้ำแสนสงบ

ซีรีส์วิดีโอนี้พาเปิดประสบการณ์ที่ทั้งสงบและชวนฝันผ่านสายตาผู้หลงใหลในการออกเดินทาง ซึ่งจะพาทุกท่านไปสำรวจพื้นที่ชานเมืองของฮ่องกงผ่านเลนส์ไฮเปอร์โฟกัส ถ่ายทอดเรื่องราวในมุมมองที่น่าสนใจผ่านผลงานชิ้นโบแดงที่มีความยาวกว่า 3 นาที ผสานรวมทิวทัศน์ที่มีความต่างแต่กลมกลืนกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างลงตัว

วิดีโอ ASMR ถือเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญฤดูร้อน GOHK ที่จะนำเสนอ 13 เส้นทางตามฤดูกาล ประกอบด้วยจุดหมายปลายทางที่เหมาะกับทั้งการลัดเลาะไปตามป่าเขาและการเดินเล่นเที่ยวชมวิวทิวทัศน์  แพลนเที่ยวเกาะต่างๆ และกีฬาทางน้ำอันแสนสนุก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสีสันแห่งฤดูกาล เพราะแม้จะไม่ใช่สิ่งที่หาได้ยากในฮ่องกง แต่นักท่องเที่ยวก็มักจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติบนเกาะแห่งนี้เท่าใดนัก และเมื่อหน้าร้อนวนมาอีกครั้ง กิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือการพายเรือคายัคและการดำน้ำตื้นบริเวณ อุทยานธรณี (Hong Kong UNESCO Global Geopark) ในไซกุง ที่เรียกได้ว่าเป็นสวนหลังบ้านของเมืองแห่งนี้

ท่านสามารถรับชมแคมเปญ Great Outdoors Hong Kong 2021-2022 ทั้งหมดได้บนเว็บไซต์ที่ทำขึ้นโดยเฉพาะ พร้อมข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดลับจากผู้รู้ อาหารจานเด็ด และคำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทาง นอกจากวิดีโอ ASMR ที่ห้ามพลาดแล้ว เว็บไซต์นี้ยังมีภาพถ่ายสีสันสดใส แพลนเที่ยวฮ่องกง และ 13 คลิปสำหรับมือใหม่ในรูปแบบสั้นกระชับ ซึ่งมาในธีมที่ต่างกันออกไปในแต่ละเรื่อง เช่น “การผจญภัย” “ย้อนยุค” “จุดถ่ายภาพสำหรับชาวอินสตาแกรม” และ “การผ่อนคลาย” ร่วมนำเสนอภาพรวม (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระยะทาง ระดับความสูงจากน้ำทะเล ความยากง่ายของการไปถึงจุดหมายปลายทาง ระยะเวลา ฯลฯ) และประสบการณ์ของแต่ละเส้นทางตามฤดูกาลเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางครั้งต่อไป

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและซีรีส์วิดีโอฤดูร้อนฉบับเต็มของ Great Outdoors Hong Kong 2021-2022 นั้น ท่านสามารถรับชมได้ที่ www.discoverhongkong.com/eng/explore/great-outdoor/wellness.html

จบ

ท่านสามารถดาวน์โหลดวิดีโอและรูปภาพได้จาก

https://hktb.filecamp.com/s/GOHK_2021-2022/fo

###

 (สำหรับท่านสื่อมวลชน) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: เอ็มเอสแอลกรุ๊ป ประเทศไทย (MSLGROUP Thailand)

อัญชิษฐา สุวรรณศรี (กิฟ) โทร +662 684 5712/ มือถือ+6685 337 0717/ อีเมล Aunchidtha.Suwannasri@mslgroup.com

ปราง เทพินทราภิรักษ์ (แก้ม) โทร +662 684 5712/ มือถือ+668 6665 9246 / อีเมล Prang.Tepintrapirak@mslgroup.com

เลิศพงศ์ ปุยเงิน (ตูน) โทร +662 684 5563/ มือถือ +669 5697 4465 / อีเมล Lerdpong.puyngern@mslgroup.com


Brightcove และ ByteArk นำเสนอสื่อและเทคโนโลยี OTT รูปแบบใหม่ที่เหนือกว่าแก่ลูกค้าในประเทศไทย

Logo

ความร่วมมือครั้งใหม่นี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถมอบประสบการณ์การรับชมที่ราบรื่นให้กับผู้ชมผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยวิธีที่เชื่อถือได้ ปรับขนาดได้ และปลอดภัย

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–22 มิถุนายน 2564

Brightcove® Inc. (NASDAQ: BCOV) ผู้นำระดับโลกด้านวิดีโอสำหรับธุรกิจ ประกาศความร่วมมือทางเทคโนโลยีกับ ByteArk ผู้ให้บริการเครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา (CDN) ชั้นนำของประเทศไทย ในการสนับสนุนลูกค้าที่ต้องการใช้วิดีโอเพื่อเชื่อมต่อกับผู้ชมทั่วทุกมุมโลก โดย Brightcove และ ByteArk จะร่วมกันส่งเสริมองค์กรสื่อ เจ้าของเนื้อหาที่ใช้แพลตฟอร์ม OTT (over-the-top) และองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การรับชมที่ไร้ที่ติที่สามารถดึงดูดและเข้าถึงผู้ชมผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ในขณะที่รับข้อมูลสำคัญที่แจ้งการตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญ

เนื่องจากการใช้วิดีโอกลายเป็นแรงผลักดันสำหรับประสบการณ์และความพึงพอใจของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความร่วมมือทางเทคโนโลยีรูปแบบใหม่นี้จะช่วยให้ Brightcove และ ByteArk สามารถใช้ประโยชน์ด้วยกันจากเทคโนโลยีและทรัพยากรเพื่อให้บริการที่ดีขึ้นสำหรับฐานลูกค้าวิดีโอที่กำลังเติบโต ความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการปรับขนาด และความปลอดภัยของเทคโนโลยีวิดีโอของ Brightcove เสริมด้วยการประมวลผลประสิทธิภาพสูงของ ByteArk และระบบเว็บที่รองรับการใช้งานจำนวนมาก ตลอดจนเครือข่ายที่กว้างขวางและการเข้าถึงที่กว้างขวาง จะช่วยให้ลูกค้าสามารถนำเสนอสตรีมมิงแบบสดและวิดีทัศน์ตามคำขอ (VOD) คุณภาพสูงได้อย่างราบรื่นให้กับผู้ชมชาวไทยทั่วประเทศ

“วิดีโออยู่ในระดับแนวหน้าของพฤติกรรมการซื้อสินค้า การเรียนรู้ และความบันเทิงในรูปแบบใหม่ และการร่วมมือกับ ByteArk จะมอบโซลูชั่นวิดีโอและ CDN ที่เป็นส่วนตัวและดีที่สุดสำหรับลูกค้าทุกราย ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดก็ตามจะอยู่ในเส้นทางการนำวิดีโอไปใช้ได้” Lynn D. Tinney รองประธานฝ่าย Global Partners ของ Brightcove กล่าว “ศักยภาพที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นมากมายสำหรับวิดีโอออนไลน์ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการเป็นหุ้นส่วนทางเทคโนโลยีนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Brightcove ในการลงทุนในภูมิภาคนี้”

“เป็นเวลา 10 ปีที่เราได้นำเสนอเนื้อหาสำหรับผู้ให้บริการโทรทัศน์ระดับแนวหน้าในประเทศไทย เช่นเดียวกับเว็บไซต์เชิงพาณิชย์ยอดนิยม องค์กรจัดงาน และผู้ให้บริการด้านการศึกษา” สมศักดิ์ ศรีประยูรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัท ByteArk กล่าว “วิดีโอยังคงครอบครองจิตใจและความคิดและเชื่อมโยงผู้คนเมื่อเราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีวิดีโอชั้นนำของอุตสาหกรรมของ Brightcove จะช่วยให้เราสามารถให้คำแนะนำที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแก่ผู้ชมของเรา และนำเสนอเนื้อหาวิดีโอที่ดีและเชื่อถือได้ ซึ่งผู้บริโภคจะชื่นชอบในวันนี้และในอนาคต”

เกี่ยวกับ ByteArk

ByteArk เป็นผู้นำตลาดสำหรับ CDN และผู้ให้บริการสตรีมมิงที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2551 ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เราให้คำปรึกษาและนำเสนอเนื้อหาทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อบริการลูกค้าของคุณทั่วโลก นอกจากนี้เรายังให้บริการที่คุ้มค่าเพื่อตอบสนองความต้องการและสนับสนุนธุรกิจของคุณให้เป็นผู้นำตลาดที่ยั่งยืน พอร์ตโฟลิโอของเรายังรวมถึงการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงและระบบเว็บที่เปิดใช้งานจำนวนมาก และปัจจุบันเราดูแลและพัฒนาระบบสำหรับแอปพลิเคชัน HPC รวมถึงเว็บไซต์ สื่อออนไลน์ เกม และแอปพลิเคชัน

เกี่ยวกับ Brightcove

เมื่อลงมือทำวิดีโออย่างถูกต้องจะสามารถส่งผลที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน เมื่อเปิดใจ ความคิดเปลี่ยน ความคิดสร้างสรรค์ก็งอกงาม ตั้งแต่ปี 2547 Brightcove ได้ช่วยเหลือลูกค้าในการค้นพบและสัมผัสกับพลังอันน่าทึ่งของวิดีโอผ่านเทคโนโลยีที่ได้รับรางวัล ซึ่งช่วยส่งเสริมศักยภาพให้กับองค์กรในกว่า 70 ประเทศทั่วโลกเพื่อเข้าถึงผู้ชมในรูปแบบที่โดดเด่นและสร้างสรรค์

Brightcove ประสบความสำเร็จจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ และให้การสนับสนุนลูกค้าโดยไม่มีข้ออ้าง และใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก วิดีโอเป็นสื่อที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นที่สุดในโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.brightcove.com วิดีโอที่หมายถึงธุรกิจ™

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210621005827/en/

ติดต่อ:

Brightcove
Meredith Duhaime
mduhaime@brightcove.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG-Led Consortium ปิดข้อตกลงโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 12.4 พันล้านดอลลาร์กับ Aramco

Logo

กิจการค้าร่วมประกอบด้วยกลุ่มนักลงทุนที่มีชื่อเสียงจากอเมริกาเหนือ เอเชีย และตะวันออกกลาง

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–19 มิถุนายน 2564

EIG สถาบันลงทุนชั้นนำในภาคพลังงานทั่วโลกและหนึ่งในนักลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของโลก ประกาศปิดการทำธุรกรรมที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้กับ Saudi Arabian Oil Co. (“Aramco”) ภายใต้กลุ่มนักลงทุนได้เข้าซื้อกิจการ 49% สัดส่วนการถือหุ้นใน Aramco Oil Pipelines Company (“Aramco Oil Pipelines”) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นใหม่โดยมีสิทธิ์ในการชำระภาษีเป็นเวลา 25 ปีสำหรับน้ำมันที่ขนส่งผ่านเครือข่ายท่อส่งน้ำมันดิบที่มีความเสถียรของ Aramco

กระบวนการลงทุนร่วมที่นำโดย EIG ใน Aramco Oil Pipelines ดึงดูดกลุ่มสถาบันลงทุนชั้นนำระดับโลกจากจีน ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เกาหลี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรวมถึงสหรัฐอเมริกา ตามด้วยบริษัท Mubadala Investment Company, นักลงทุน Abu Dhabi Sovereign Investor, กองทุน Silk Road Fund, Hassana และ Samsung Asset Management

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “เรายินดีที่ได้ทำธุรกรรมกับ Aramco ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายด้านพลังงานชั้นนำระดับโลก ความสามารถของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานระดับโลกนี้ได้รับการพิสูจน์โดยนักลงทุนชั้นนำที่ลงทุนควบคู่ไปกับ EIG เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับกิจการค้าร่วมระดับโลกนี้ และหวังว่าจะได้เป็นหุ้นส่วนระยะยาวและมีผลสำเร็จ”

HSBC Bank plc เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ EIG เกี่ยวกับการทำธุรกรรมดังกล่าว และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ EIG

เกี่ยวกับ EIG 

EIG เป็นสถาบันลงทุนชั้นนำในภาคพลังงานทั่วโลกด้วยเงิน 21.7 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564  EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 39 ปี EIG ได้สร้างมูลค่ากว่า 37 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 370 โครงการใน 37 ประเทศในหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำมากมาย บริษัทประกันภัย กองทุนเงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งอธิปไตยในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ EIG ที่ www.eigpartners.com

เกี่ยวกับ Aramco

Aramco เป็นบริษัทพลังงานและเคมีภัณฑ์แบบบูรณาการระดับโลกซึ่งขับเคลื่อนโดยความเชื่อหลักที่ว่าพลังงานคือโอกาส จากการผลิตน้ำมันประมาณหนึ่งในทุกๆ แปดบาร์เรลของอุปทานน้ำมันของโลกไปจนถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยีพลังงานใหม่ ทีมงานระดับโลกของ Aramco มุ่งมั่นที่จะสร้างผลสะท้อนในทุกสิ่งที่ทำ บริษัทให้ความสำคัญกับการทำให้ทรัพยากรมีความน่าเชื่อถือ ยั่งยืน และมีประโยชน์มากขึ้น ซึ่งช่วยส่งเสริมความมั่นคงและการเติบโตในระยะยาวทั่วโลก www.aramco.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210618005526/en/

ติดต่อ:

EIG
Sard Verbinnen & Co.
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com

Aramco
International Media Relations: international.media@aramco.com
Investor Relations: investor.relations@aramco.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Glamhive & Mary Kay Global Design Studio ประกาศเปิดตัว Step & Repeat เรียลลิตีโชว์การออกแบบระดับโลกครั้งแรกบน TIkTok เพื่อแสดงทักษะการแต่งกาย แต่งหน้า และทำผมของผู้ใช้ TikTok ทั่วโลก

Logo

รายการ Step & Repeat นำเสนอทักษะระดับเซเลบ ซึ่งประกอบไปด้วย สไตลิสต์และดีไซน์เนอร์เครื่องแต่งกายเซเลบอย่าง Johnny Wujek ที่มาเป็นพิธีกร พร้อมด้วยสไตลิสต์เซเลบชื่อดังระดับโลกอย่าง Nicole Chavez ช่างทำผมเซเลบอย่าง Andrew Fitzsimons และซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Fashion Bomb Daily อย่าง Claire Sulmers

ซีแอตเทิลและลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–17 มิถุนายน 2564

วันนี้ Glamhive และ Mary Kay Global Design Studio ประกาศเปิดตัวรายการ Step & Repeat ที่แสดงการแต่งตัวครั้งแรกบน TikTok โดย Step & Repeat เป็นโปรแกรมการแข่งขันและการให้คำปรึกษาด้านการแต่งตัวเป็นเวลา 5 สัปดาห์ ซึ่งสไตลิสต์เสื้อผ้า ช่างแต่งหน้า และช่างทำผมทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันกันในแวดล้อมที่มาไวไปไวของ TikTok เพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จทางธุรกิจ การแข่งขันระดับโลกนี้จะถ่ายทอดสดและเปิดให้ทุกคนเข้าชมในวันที่ 22 มิถุนายนบน TikTok

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210617005552/en/

CEO & Founder of Glamhive (Step & Repeat Co-Creator) Stephanie Sprangers (Photo: Mary Kay Inc.)

Stephanie Sprangers ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Glamhive (ผู้ร่วมสร้างสรรค์ Step & Repeat) (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

ชุมชนของ TikTok เติบโตขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ของโรค COVID-19 และความสามารถใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนใครได้เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มทุกวัน การสนทนาผ่าน TiikTok ได้เปลี่ยนความโด่งดังเป็นโอกาสทางธุรกิจ เปลี่ยนความบันเทิงเป็นการลงทุน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับการสนับสนุนและยกย่องจาก Glamhive และ Mary Kay โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ เนื่องจากโลกกำลังเปิดรับ “ความปกติรูปแบบใหม่” ที่มีอาชีพใหม่ ๆ มากมายเกิดขึ้น

ทั้งสองบริษัทเชื่อว่าขณะนี้เป็นเวลาที่ควรตามหาผู้มีทักษะความสามารถ ตั้งแต่ดาราดังไปจนถึงดาราที่กำลังรอเฉิดฉายในวงการ เพื่อช่วยให้พวกเขาพัฒนาแบรนด์ส่วนตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในกุญแจสู่วงการการแต่งตัวและความสำเร็จในการลงทุน ดังนั้นพวกเขาจึงประกาศเปิดตัว Step & Repeat การแข่งขันแต่งตัวระดับโลกครั้งแรกบน TikTok โดยจะมอบแผนงาน การรับรอง และรางวัลแก่ผู้ชนะทุกสัปดาห์

Glamhive และ Mary Kay Global Design Studio ได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์ Step & Repeat ให้เป็นเวทีระดับโลกที่เปิดกว้างสำหรับผู้ที่ต้องการแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์บนเวทีระดับนานาชาติ และได้รับการยอมรับในทักษะและความสามารถอันน่าทึ่งด้านการแต่งกาย การแต่งหน้า และการจัดแต่งทรงผม

ในแต่ละสัปดาห์ Johnny Wujek พิธีกรของ Step & Repeat (ซึ่งมีลูกค้าเป็นคนดัง อย่าง Katy Perry และ Mariah Carey) จะประกาศการแข่งขันตามธีม จากนั้นผู้ใช้ TikTok จะต้องออกแบบการแต่งกาย แต่งหน้า หรือจัดแต่งทรงผมที่ดีที่สุดสำหรับธีมนั้น วิดีโอจะรวมเสียงที่กำหนดเองของรายการ “Step & Repeat” แฮชแท็ก #stepandrepeat และแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับแต่ละการแข่งขัน ทำให้ผู้ตัดสินของรายการสามารถค้นพบเห็นผลจากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดได้

กรรมการเซเลบของรายการ ได้แก่ Nicole Chavez (ซึ่งมีลูกค้าเป็นคนดัง เช่น Scarlett Johansson, Kristen Bell และ Catherine Zeta-Jones), Claire Sulmers (ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทด้านสื่อและอีคอมเมิร์ซ Fashion Bomb Daily) และ Andrew Fitzsimons (ซึ่งมีลูกค้าเป็นคนดังอย่างครอบครัว Kardashians) จะประสานกันหาลุคที่ดีที่สุดจากทั่วโลกและโหวตให้ผู้ชนะในแต่ละหมวดหมู่ นอกจากนี้ รายการจะมีแขกรับเชิญพิเศษมาร่วมสร้างความประหลาดใจ ชาว TikTok สามารถจับคู่กันเพื่อผสานลุคและเชียร์ผู้เข้าร่วมที่ชื่นชอบได้ด้วย

ในช่วงท้ายของการแข่งขันแต่ละรายการ พิธีกร Johnny Wujek จะประกาศผู้ชนะในแต่ละหมวดหมู่ ซึ่งประกอบด้วย การแต่งกาย การแต่งหน้า และการจัดแต่งทรงผม ผู้ชนะแต่ละคนจะได้รับรางวัลเงินสดและเซสชั่นการให้คำปรึกษา 1 ชั่วโมงจาก 1 ใน 19 ผู้นำในวงการที่ผันตัวขึ้นมาให้คำปรึกษา

เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 5 สัปดาห์ Step & Repeat จะประกาศผู้ชนะหนึ่งเดียวในแต่ละหมวดหมู่ โดยจะมอบตำแหน่งแก่ผู้ที่ทำผลงานการแต่งกาย การแต่งหน้า และการจัดแต่งทรงผมที่ดีที่สุดโดยคัดจากผู้เข้าร่วมจากทั่วทุกมุมโลก

Stephanie Sprangers ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Glamhive (ผู้ร่วมสร้างสรรค์ Step & Repeat)
“เป้าหมายของเราคือการเปิดรับความแตกต่าง + โอกาส ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ ทุกคนสามารถชนะได้ และผู้ชนะก็มีโอกาสได้รับคำปรึกษาที่อาจเปลี่ยนชีวิตได้จริง ๆ นี่คือสิ่งที่สร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนมากที่สุด”

Sprangers เป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ของ Glamhive ผู้ให้บริการการแต่งตัวส่วนบุคคลออนไลน์ที่นำสไตลิสต์และช่างแต่งหน้าส่วนตัวที่เชี่ยวชาญ คัดเลือกโดยตรงจากฮอลลีวูดและอินสตาแกรมให้กับทุกคน ด้วยความเป็นผู้นำของ Sprangers, Glamhive จึงพัฒนากรรมสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สไตลิสต์พาลูกค้าไปพบกับประสบการณ์การแต่งตัวผ่านทางออนไลน์ได้ 100% ซึ่งหมายความว่าผู้คนสามารถทำงานร่วมกับสไตลิสต์ได้ทุกที่ในโลก

Johnny Wujek สไตลิสต์เซเลบและนักออกแบบเครื่องแต่งกาย (พิธีกรรายการ Step & Repeat)
“Step and Repeat จะเป็นการเฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ฉันรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นความตื่นเต้นระดับโลกที่จะนำเสนอ”

Wujek นักออกแบบเครื่องแต่งกายและสไตลิสต์ในตำนานของ HBO Max เชี่ยวชาญด้านการแต่งตัวในทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่ลุคเสน่ห์เย้ายวน (Kim Kardashian) ไปจนถึงสาวเท่ (Kate Mara) หรือสาวป็อปสุดเท่ (Katy Perry) สไตล์ของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะเขากลายเป็นหนึ่งในสไตลิสต์ที่มีคนต้องการตัวมากที่สุดในโลก

Nicole Chavez สไตลิสต์เซเลบ (ผู้ตัดสิน Step & Repeat)
“ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ให้กำลังใจและสนับสนุนนักออกแบบที่เหมือนกับฉัน เนื่องจากเราทุกคนต่างกำลังเรียนรู้แนวทางของโลกหลังการระบาดของโรค ซึ่งในชีวิตจริงนั้นได้มีการผสมผสานเข้ากับดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนอาชีพของเราไปข้างหน้า”

ปัจจุบัน Chavez เป็นหนึ่งในสไตลิสต์ที่มีคนต้องการตัวมากที่สุด ลูกค้าของเธอมีทั้งดาราดังระดับโลกอย่าง Kristen Bell, Rachel Bilson, Jessica Simpson, Scarlett Johansson, Catherine Zeta-Jones และอีกมากมาย ผลงานของเธอได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารหลายฉบับ ได้แก่ W, InStyle และ Harper's Bazaar

Andrew Fitzsimons ช่างทำผมเซเลบ (ผู้ตัดสิน Step & Repeat)
“ผมทำงานมาทั่วโลก เริ่มตั้งแต่กรุงดับลิน ไปใช้ชีวิตในกรุงปารีสและมหานครนิวยอร์ก ในฐานะคนที่ออกจากโรงเรียนตอนอายุ 13 ปี และหลงใหลในศิลปะอยู่เสมอ ผมจะมองหาใครสักคนที่มีบุคลิกดี คนที่เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญเพื่อนำความสามารถของคุณไปขาย เพราะคุณต้องทลายกำแพงด้านบุคลิกภาพของตัวเอง”

Fitzsimons เป็นช่างทำผมชื่อดังระดับโลก รายชื่อลูกค้าของเขา ได้แก่ Khloe Kardashian, Kylie Jenner, Shay Mitchell, Ashley Graham, Joan Smalls และอีกมากมาย ผลงานของเขาได้รับการตีพิมพ์ในอย่างนิตยสาร Vogue, Harper's Bazaar, ELLE และอื่น ๆ อีกมากมาย

Claire Sulmers ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Fashion Bomb Daily (ผู้ตัดสิน Step & Repeat)
“ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันที่จะปฏิวัติวงการนี้ และจะยังเป็นแบบอย่างด้านความหลากหลายและการเปิดรับความแตกต่างในวงการแฟชั่นด้วย!”

Sulmers เป็นซีอีโอและผู้ก่อตั้ง FashionBombDaily.com ซึ่งเป็นบริษัทด้านสื่อและอีคอมเมิร์ซ งานบุกเบิกของเธอได้นำคลื่นลูกใหม่ของวงการสื่อดิจิทัลเข้ามา ซึ่งได้หล่อเลี้ยงและเติมไฟให้กับชุมชนผู้รักการแต่งตัวสไตล์แอฟริกันอเมริกันและลาตินที่ยังเข้าไม่ถึง และพวกเขาต้องการรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์จากวัฒนธรรม นอกเหนือจากการสร้างสรรค์และกำกับเนื้อหาสำหรับ Fashion Bomb Daily และเว็บไซต์ในเครือแล้ว Sulmers ยังมีสไตล์การเขียนมากมายสำหรับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Vogue ItaliaVogue Paris และ ESSENCE Magazine

ผู้ให้คำปรึกษา:
ผู้ให้คำปรึกษาประกอบด้วย สไตลิสต์และช่างแต่งหน้าเซเลบที่ทำงานกับคนดังในฮอลลีวูดและที่อื่น ๆ เช่น Angelina Jolie, Serena Williams, Carolyn Murphy, Naomi Watts, Kristen Bell, Khloe Kardashian, Kristen Stewart, Matthew McConaughey และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงคนดังอื่น ๆ ในวงการการออกแบบเครื่องแต่งกาย สื่อ และกลุ่มทุนที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ประกอบด้วย:

สไตลิสต์เซเลบ
Meg Chapman & Jordan LaValle, The Closet Files

Kesha McCleod, สถาปนิกออกแบบ/สไตลิสต์/นักเขียน

Janelle Miller, สไตลิสต์เซเลบ
Tara Swennen, สไตลิสต์เซเลบ
Sonia Young, สไตลิสต์เซเลบ
Jennifer Rade, สไตลิสต์เซเลบ

ช่างแต่งหน้าเซเลบ
Quinn Murphy, ช่างแต่งหน้าเซเลบ
Mary Wiles, ช่างแต่งหน้าเซเลบ

ช่างทำผมเซเลบ
Laura Rugetti, ช่างทำผมเซเลบและเจ้าของ The Beauty Can
Larry Sims, ช่างทำผมเซเลบ
Quentin Thrash, ช่างทำผมเซเลบและดีไซเนอร์เสื้อผ้าบุรุษ
Sheridan Ward, ช่างทำผมเซเลบ

ดีไซเนอร์เครื่องแต่งกาย
Mandi Line, ดีไซเนอร์เครื่องแต่งกาย

สื่อ
Pandora Amoratis, ผู้อำนวยการฝ่าย US-Style, Daily Mail
Alexis Bennett, นักเขียนเชิงพาณิชย์, Vogue magazine
Kelsey Stiegman, บรรณาธิการอาวุโสด้านสไตล์, Seventeen
Brian Underwood, ผู้อำนวยการฝ่ายความงาม, Oprah Daily

นักลงทุน
Carrie Colbert, หุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิด, Curate Capital

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://www.glamhive.com/tiktok

เกี่ยวกับ Glamhive
Glamhive ก่อตั้งโดยผู้ประกอบการ Stephanie Sprangers ในปี 2560 ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะสร้างความเท่าเทียมให้กับการแต่งตัวส่วนตัวและสมมติฐานที่ว่าความมั่นใจที่มาพร้อมกับเสน่ห์ความเย้ายวนใจไม่ควรมีเฉพาะกับคนรวยและคนดังเท่านั้น ประสบการณ์การแต่งตัวออนไลน์ช่วยให้ทุกคนที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงสไตลิสต์ ซึ่งเป็นผู้ที่จะให้การสนับสนุนสิ่งที่พวกเขาต้องการเพื่อให้เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตนเอง แพลตฟอร์ม Glamhive เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ไร้รอยต่อสำหรับสไตลิสต์ เพื่อช่วยให้พวกเขาขยายเครือข่ายและธุรกิจได้แบบเสมือนจริง 100%

เกี่ยวกับ Mary Kay
Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อ 58 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย และยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่ MaryKay.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210617005552/en/

ติดต่อ:

Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแห่ง Glamhive
stephanie@glamhive.com
+1.206.851.0446

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย





GIGABYTE นำเสนอนวัตกรรมสุดไฮเทคภายใต้แนวคิด “Bring Smart to Life” ในงาน COMPUTEX 2021

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–10 มิถุนายน 2564

GIGABYTE Technology แบรนด์นวัตกรรมคอมพิวเตอร์ชั้นนำ ตอกย้ำความนิยมภายในงาน COMPUTEX โดยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดนิทรรศการออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม “#COMPUTEXVirtual” อันเป็นผลมาจากสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลก ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน นี้ GIGABYTE ได้แบ่งโซนภายใน “GIGABYTE Pavilion” ออกเป็น 10 ส่วน เพื่อจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันต่าง ๆ ซึ่งเป็นการต่อยอดแนวคิด “Bring Smart to Life” โดยผลิตภัณฑ์มีตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลไปจนถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเทคโนโลยี 5G ไปจนถึง edge AI computing

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210604005208/en/

GIGABYTE to “Bring Smart to Life” with High-tech Innovations at COMPUTEX 2021 (Photo: Business Wire)

GIGABYTE นำเสนอนวัตกรรมสุดไฮเทคภายใต้แนวคิด “Bring Smart to Life” ในงาน COMPUTEX 2021 (รูปภาพ: Business Wire)

GIGABYTE ได้รับการยอมรับว่ามีพอร์ตโฟลิโอ AMD servers สำหรับงานที่มีความต้องการสูงมากที่สุด และยังได้เตรียมเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับโปรเซสเซอร์ 7nm ไว้อย่างครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งสามารถปลดล็อคประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของระบบประมวลผลถึง 64 คอร์ และ 128 เธรด ได้ และช่วยให้นักพัฒนาและนักวิทยาศาสตร์สามารถรับมือกับความท้าทายในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบ HPC และคลาวด์คอมพิวติ้ง ในขณะเดียวกัน GIGABYTE ยังเตรียมนำเสนอ Intel servers ที่มาพร้อมระบบประมวลผล Intel® Xeon® เจเนอเรชันที่ 3 แบบขยายขนาดได้ รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที

นอกจากนี้ยังมี NVIDIA Arm HPC Developer Kit ซึ่งอยู่แถวหน้าของวงการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ โดยระบบดังกล่าวประกอบด้วยระบบประมวลผล Ampere Altra หน่วยประมวลผลกราฟิก NVIDIA A100 Tensor Core สองชุด และหน่วยประมวลผลข้อมูล NVIDIA BlueField®-2 สองชุด ทั้งหมดถูกรวมไว้ในเซิร์ฟเวอร์ GIGABYTE G242 สุดล้ำ นอกจากนี้ GIGABYTE ยังจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์ ARM server สี่รายการ โดยทั้งหมดสามารถผสานพลังการทำงานร่วมกับระบบประมวลผล Ampere Altra แบบ 80-core (250W) เพื่อการทำงานอันยอดเยี่ยมทั้งด้านประสิทธิผล ประสิทธิภาพ และปริมาณ

เมืองอัจฉริยะต่าง ๆ จะได้ประโยชน์ประสิทธิภาพในการประมวลผลของศูนย์ข้อมูลผ่านมาเธอร์บอร์ดระดับอุตสาหกรรมของ GIGABYTE ระบบที่ฝังอยู่ภายใน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ โซลูชันตรวจจับเชิงลึกแบบสามมิติ 3D โซลูชันจดจำภาพ รวมถึงโปรแกรมสำหรับการสอนและการอนุมานโดยใช้เทคโนโลยี AI ที่มีการเรียนรู้เชิงลึก นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ระบบอัตโนมัติในโรงงานสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 และโซลูชันค้าปลีกอัจฉริยะ กล่อง ECU ในรถยนต์ และแพลตฟอร์ม AI edge computing และระบบจดจำใบหน้าโดยใช้เทคโนโลยี AI

ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจะได้เพลิดเพลินกับโน้ตบุ๊กระดับพรีเมียมอย่าง AORUS และ AERO โดยในรุ่นนี้ทำงานโดยใช้ระบบประมวลผลตระกูล Tiger Lake-H เจเนอเรชัน 11 ใหม่ล่าสุดจาก Intel ซึ่งจับคู่มากับการ์ดจอตระกูล RTX 30 แบบเต็มกำลัง และจอ 4K OLED นอกจากนี้ยังมีจอ AORUS 4K สำหรับเล่นเกม ซึ่งอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่จะยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมแนวยุทธวิธีได้อย่างพิเศษ และฟีเจอร์ HDMI 2.1-ready ซึ่งรองรับการใช้งานร่วมกับคอนโซลเกมรุ่นใหม่ ๆ อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงระบบ AORUS ระดับเรือธงที่ติดตั้งมาไว้ให้ล่วงหน้าสองชุดในโน้ตบุ๊กสำหรับเล่นเกมรุ่นแรกของโลกที่ประกอบจากโรงงาน โดยใช้ชิ่นส่วนที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน และมีการปรับแต่งและทดสอบเพื่อมอบความเสถียรและประสิทธิภาพในการทำงานอันยอดเยี่ยมตั้งแต่แกะกล่อง

เยี่ยมชม “GIGABYTE Pavilion”
https://virtual.computextaipei.com.tw/area/gigabyte/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210604005208/en/

สื่อ: Michael Pao brand@gigabyte.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LiveArt Market เปิดการซื้อขายแล้ว

Logo

ตลาดสินค้าดิจิทัลแบบ Peer-to-Peer ทำยอดขายได้สูงถึง 5 ล้านดอลลาร์ในช่วงวันแรกของการเปิดตัวซื้อขายแบบจำกัด ซึ่งประกอบไปด้วยราคาตัวเลข 6 หลักจากผลงานของ Amoako Boafo และ Ed Clark

งานศิลปะ 1,000 ชิ้น มูลค่า 120 ล้านดอลลาร์อยู่ระหว่างรอการขาย

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–17 มิถุนายน 2564

LiveArt มีความยินดีที่จะประกาศเปิดตัว LiveArt Market ซึ่งเป็นตลาดสินค้าดิจิทัลแบบ peer-to-peer ที่ให้การควบคุมอยู่ในมือของผู้ขายและผู้ซื้อ LiveArt Market เริ่มซื้อขายแบบจำกัดเฉพาะผู้ได้รับเชิญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมียอดขายทะลุ 5 ล้านดอลลาร์ โดยมีผลงานศิลปะมากกว่า 1,000 ชิ้นมูลค่าประมาณ 120 ล้านดอลลาร์ที่อยู่ในขั้นตอนเพื่อเตรียมขาย ราคาการซื้อขายอยู่ระหว่าง 50,000 ถึง 500,000 ดอลลาร์ โดยผลงานของ Amoako Boafo และ Ed Clark มีราคารวมด้วยตัวเลข 6 หลัก ข้อเสนอการซื้อขายช่วงแรก ประกอบด้วยผลงานของ Derrick Adams, Jean-Michel Basquiat, Yayoi Kusama, Pablo Picasso และ Andy Warhol เป็นต้น

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210616005925/en/

Yayoi Kusama, Little Flower, 1952, Gouache, pastel, ink, pen on paper, 11.5 x 8.5 in (Photo: Business Wire)

Yayoi Kusama, Little Flower, 1952, กระดาษวาดด้วยสีน้ำ ดินสอสี หมึกและปากกา ขนาด 11.5 x 8.5 (รูปภาพ: Business Wire)

LiveArt ให้นักสะสมควบคุมตลาดเองโดยมอบปลายทางข้อมูลเรียลไทม์แบบหนึ่งเดียวและตลาดซื้อขายที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการทำธุรกรรมส่วนตัวให้แก่ผู้เข้าร่วม ผู้เข้าร่วม LiveArt Market ทุกคนจะถูกคัดกรองอย่างละเอียด ดังนั้นทุกคนจะสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่เปิดเผยตัวตนในห้องซื้อขายเสมือนจริง นอกจากนี้ ผู้ขายยังสามารถควบคุมการมองเห็นผลงานศิลปะของพวกเขา รวมถึงแชร์รายละเอียดและรูปภาพจริงได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาพอใจในตัวผู้ซื้อเท่านั้น โดยระบุข้อกังวล 2 ข้อหลักที่ผู้เข้าร่วมตลาดมักยกมา

Marisa Kayyem ประธานฝ่ายเนื้อหาและข้อมูล แห่ง LiveArt กล่าวว่า “ความเป็นส่วนตัวเป็นจุดเด่นของ LiveArt ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามการขายหรือการซื้อที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ต้องเสี่ยงที่จะเปิดเผยชิ้นงานหรือเปิดเผยกลยุทธ์การสะสม ในเวลาเดียวกัน LiveArt ก็ให้ความโปร่งใสในกระบวนการขายมากกว่าแพลตฟอร์มหรือช่องทางอื่น ๆ ทั้งผู้ขายรายเดียวและผู้ซื้อรายเดียวและค่าธรรมเนียมที่ตรงไปตรงมาและไม่สูงมาก ส่วนห้องซื้อขายเสมือนจริงก็ช่วยให้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อสามารถควบคุมผลลัพธ์และราคาได้ทั้งหมด”

ผู้ขายสามารถอัปโหลดผลงานศิลปะจากคอลเล็กชันของตนเองไปยังแพลตฟอร์มข้อมูลที่ครอบคลุมซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ของ LiveArt และรับ LiveArt Estimate™ ทันที ดูแนวโน้มราคาและยอดขายเปรียบเทียบ  และตัดสินใจอย่างชาญฉลาดเกี่ยวกับการขายที่อาจเกิดขึ้น

ผู้ซื้อสามารถดูผลงานโดยการเปิด LiveArt Market และดูผลงานที่แสดงต่อสาธารณะ รวมถึงผลงานที่แสดงรายการแบบส่วนตัว โดยจะแสดงผลงานเปรียบเทียบและจะแบ่งปันรายละเอียดเมื่อผู้ขายอนุมัติเท่านั้น เมื่อตัดสินใจดำเนินการขายต่อไปแล้ว ชิ้นงานจะถูกส่งไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยในรัฐเดลาแวร์เพื่อตรวจสอบก่อนที่การขายจะเสร็จสิ้น เงินจะถูกเก็บไว้ในระบบเอสโครว์ก่อนที่จะโอนให้กับผู้ขาย และจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคงที่ 10% จากผู้ซื้อที่ซื้อขายสำเร็จ

George O’Dell รองประธานบริหาร แห่ง LiveArt กล่าวว่า “LiveArt ยกระดับการเข้าถึงและการค้นหาจากเดิมที่มีให้เฉพาะผู้เข้าร่วมตลาดที่ช่ำชองที่สุดเท่านั้น แพลตฟอร์มนี้เป็นสถานที่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักสะสมที่จะได้สัมผัสโดยตรงและตามหาขุมทรัพย์มูลค่าสูงและไม่ปรากฏที่ไหน ได้สังเกตการณ์เทรนด์ล่าสุด และได้พบกับศิลปินที่มักจะสงวนไว้สำหรับกลุ่มคนวงในเล็ก ๆ เท่านั้น ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นักสะสมทั่วโลกจะได้สัมผัสผลงานอันน่าตื่นเต้นและเหมาะกับทุกรสนิยม”

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210616005925/en/

ติดต่อ:

Tommy Napier
tommy.napier@finnpartners.com
212-715-1694

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย