Tag Archives:  

Toshiba ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Thermoflagger™ ซึ่งเป็นโซลูชันง่ายๆ ที่ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

Logo

คาวาซากิ ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–14 กันยายน 2023

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ “TCTH0xxxE series” Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน ซึ่งสามารถใช้ในวงจรทั่วไปที่มีเทอร์มิสเตอร์ค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิเป็นบวก (PTC) เพื่อตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การจัดส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 6 รายการเริ่มตั้งแต่วันนี้

Toshiba: Thermoflagger(TM), a simple solution that detects temperature rises in electronic equipment (Graphic: Business Wire)

Toshiba: Thermoflagger(TM) โซลูชันง่ายๆ ที่ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (รูปภาพ: Business Wire)

เพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงานได้ตามที่ระบุไว้ เซมิคอนดักเตอร์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จะต้องทำงานภายในพารามิเตอร์การออกแบบ อุณหภูมิภายในเป็นพารามิเตอร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอุณหภูมินั้นสูงกว่าที่คาดไว้ในระหว่างกระบวนการออกแบบ ซึ่งอาจเป็นปัญหาด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือที่สำคัญ และจำเป็นต้องใช้โซลูชันการตรวจสอบความร้อนสูงเกินไปเพื่อตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น

วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน Thermoflagger™ ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเมื่อกำหนดค่าในวงจรทั่วไปด้วยเทอร์มิสเตอร์ PTC ซึ่งค่าความต้านทานจะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิ นอกจากนี้ วงจรรวมยังตรวจจับการเปลี่ยนแปลงความต้านทานของเทอร์มิสเตอร์ PTC ที่วางใกล้แหล่งความร้อน และส่งสัญญาณ FLAG ในกรณีที่อุณหภูมิสูงเกินไป เมื่อ Thermoflagger™ ตรวจพบการสร้างความร้อนที่ผิดปกติและส่ง FLAG ไปยัง MCU เป็นต้น MCU จะปิดอุปกรณ์หรือเปลี่ยนการทำงานของอุปกรณ์หรือเซมิคอนดักเตอร์ที่สร้างความร้อน การเชื่อมต่อเทอร์มิสเตอร์ PTC แบบอนุกรมทำให้มีการตรวจจับอุณหภูมิเกินสำหรับหลายตำแหน่ง

ผลิตภัณฑ์ใหม่ 6 รายการได้แก่ TCTH011AETCTH012AETCTH021AETCTH022AETCTH011BE และ TCTH012BE ซึ่งรวมกับผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวไปแล้ว TCTH021BE และ TCTH022BE ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ “TCTH0xxxE series” มีมากถึงแปดรายการ ผลิตภัณฑ์ใหม่ขยายขอบเขตของเทอร์มิสเตอร์ PTC ที่สามารถเลือกได้โดยการรองรับกระแสเอาต์พุต PTCO สองประเภท[1] สามารถเลือกประเภทเอาต์พุตสัญญาณ FLAG แบบ Push-pull หรือ Open-drain[2] ได้ เช่นเดียวกับการใช้หรือไม่ใช้ฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG[3] การขยายขอบเขตการเลือกผลิตภัณฑ์ทำให้สามารถออกแบบวงจรได้อย่างยืดหยุ่นและสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำ

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้บรรจุอยู่ใน SOT-553 ขนาดเล็กที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม (ชื่อแพ็กเกจของ Toshiba: ESV) ทำให้มั่นใจได้ว่า “TCTH0xxxE series” รองรับการกำหนดค่าการตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินได้ง่ายสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งชุด และช่วยลดขนาดและการใช้พลังงาน

นอกเหนือจากข้อมูลอ้างอิงการออกแบบ Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน (TCTH021BE/เวอร์ชัน Open Drain) ที่เผยแพร่แล้ว Toshiba ยังได้จัดทำข้อมูลอ้างอิงการออกแบบใหม่ Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน (TCTH021AE​/เวอร์ชัน Push-Pull​) ซึ่งดูได้บนเว็บไซต์แล้ว

Toshiba ใช้ข้อมูลทางเทคนิคจาก Murata Manufacturing Co., Ltd. เกี่ยวกับเทอร์มิสเตอร์ PTC สำหรับโซลูชันการตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไป Murata แนะนำการใช้ Thermoflagger™ ร่วมกับเทอร์มิสเตอร์ PTC

รายการวงจรรวมที่แนะนำของ Murata

เทอร์มิสเตอร์ PTC ของ Murata

Toshiba จะยังคงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อไปด้วยแพ็กเกจที่หลากหลายและการปรับปรุงคุณลักษณะของอุปกรณ์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้การออกแบบมีความยืดหยุ่นและความเป็นกลางของคาร์บอน

หมายเหตุ:

[1] กระแสเอาท์พุต PTCO: กระแสคงที่ที่จ่ายจากวงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไปยังเทอร์มิสเตอร์ PTC

[2] เมื่อวงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินตรวจพบข้อผิดพลาด จะส่งสัญญาณ FLAG ประเภท Push-pull ประกอบด้วย MOSFET สองตัวซ้อนกันในแนวตั้ง กระแสไฟขาออกไหลเข้าและออกในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ประเภท Open-drain ประกอบด้วย MOSFET หนึ่งตัว กระแสไฟขาออกไหลไปในทิศทางเดียวเท่านั้น

[3] ฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG จะเก็บสัญญาณ FLAG หลังจากที่วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินตรวจพบข้อผิดพลาดแม้เพียงครั้งเดียว วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไม่สามารถกู้คืนตัวเองได้ จะต้องกู้คืนโดยป้อนสัญญาณจาก MCU เป็นต้น ไปที่พินรีเซ็ต

การใช้งาน

  • อุปกรณ์เคลื่อนที่ (แล็ปท็อปพีซี ฯลฯ)
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
  • อุปกรณ์อุตสาหกรรม ฯลฯ

คุณสมบัติ

  • การกำหนดค่าอย่างง่ายร่วมกับเทอร์มิสเตอร์ PTC[1]
  • การตรวจสอบอุณหภูมิเกินสามารถทำได้หลายจุดโดยการเชื่อมต่อเทอร์มิสเตอร์ PTC[1] แบบอนุกรม
  • การสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำ:
  • IDD=1.8μA (typ.) (TCTH011AE, TCTH012AE, TCTH011BE, TCTH012BE)
  • IDD=11.3μA (typ.) (TCTH021AE, TCTH022AE)
  • แพ็กเกจมาตรฐานขนาดเล็ก: SOT-553 (ESV)
  • ขอบเขตตัวเลือกเทอร์มิสเตอร์ PTC[1] ที่ขยายเพิ่มขึ้น พร้อมกระแสเอาต์พุต PTCO สองประเภท:
  • IPTCO=1.00μA (typ.) (TCTH011AE, TCTH012AE, TCTH011BE, TCTH012BE)
  • IPTCO=10.0μA (typ.) (TCTH021AE, TCTH022AE)
  • ความแม่นยำกระแสเอาต์พุต PTCO สูง: ±8%
  • สามารถเลือกแบบ Push-pull และ Open-drain สำหรับเอาต์พุตสัญญาณ FLAG (PTCGOOD)
  • สามารถเลือกฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG ได้

ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญ

(เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น Tj=25°C) 

หมายเลขชิ้นส่วน

แพ็กเกจ

ช่วงการทำงาน

คุณลักษณะทางไฟฟ้า

เอาท์พุต

สัญญาณ

FLAG

(PTCGOOD)

ฟังก์ชัน

สลัก

สัญญาณ

FLAG

เมื่อ

ตรวจจับ

สถานะ

ผิด

ปกติ

ตัวอย่าง

การตรวจสอบและ

ความพร้อม

ชื่อ

ขนาด

(mm)

แรงดัน

แรงดันไฟฟ้า

VDD

(V)

อุณหภูมิ

ขณะใช้งาน

Topr

(°C)

PTCO

กระแสไฟ

เอาท์พุต

IPTCO

(μA)

แรงดันไฟฟ้า

แรงดันไฟฟ้า

VDET

(V)

ความสิ้นเปลือง

กระแสไฟฟ้า

IDD

(μA)

UVLO

แรงดันไฟฟ้า

VUVLO

(V)

typ.

typ.

typ.

typ.

typ.

TCTH011AE

SOT-553

(ESV)

1.6×1.6,

t=0.55

1.7 ถึง

5.5

-40 ถึง 125

1.00

0.50

1.8

1.5

ประเภท

Push-pull

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH012AE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH021AE

10.0

11.3

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH022AE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH011BE

1.00

1.8

ประเภท

Open-drain

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH012BE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH021BE[4]

10.0

11.3

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH022BE[4]

ใช่

ซื้อออนไลน์

[4] ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

TCTH011AE

TCTH012AE

TCTH021AE

TCTH022AE

TCTH011BE

TCTH012BE

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Thermoflagger™ ของ Toshiba

วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน Thermoflager™

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอโซลูชันของ Toshiba

การใช้งาน
โซลิดสเตตไดรฟ์
เซิร์ฟเวอร์
อุปกรณ์แท็บเล็ต

หากต้องการตรวจสอบการจัดจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ร้านผู้จัดจำหน่ายออนไลน์ โปรดไปที่:

TCTH011AE
ซื้อออนไลน์

TCTH012AE
ซื้อออนไลน์

TCTH021AE
ซื้อออนไลน์

TCTH022AE
ซื้อออนไลน์

TCTH011BE
ซื้อออนไลน์

TCTH012BE
ซื้อออนไลน์

* Thermoflagger™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บขั้นสูง ที่ประยุกต์ใช้ประสบการณ์กว่าครึ่งศตวรรษและนวัตกรรมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ชนิดแยกชิ้น ผลิตภัณฑ์ระบบ LSI และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัท 21,500 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ร่วมกัน Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation คาดหวังที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีขึ้นเพื่อทุกคนทั่วโลก โดยมียอดขายต่อปีเกือบ 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/53552921/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก
โทร: +81-44-548-2215
ติดต่อเรา

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation


Hillstone Networks ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำ XDR ในรายงาน Frost Radar™ 2023

Logo

Hillstone Networks ได้รับการยกย่องจาก Frost & Sullivan สำหรับกลยุทธ์ XDR

SANTA CLARA, Calif.–(BUSINESS WIRE)–13 กันยายน 2023

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการเติบโตในรายงาน Frost Radar™ Extended Detection and Response Report ประจำปี 2023

รายงาน Frost Radar™ ปี 2023 เป็นการวิเคราะห์การตลาดที่ดำเนินการโดย Frost & Sullivan โดยประเมินผู้เข้าร่วมในอุตสาหกรรมตามกลยุทธ์การเติบโต นวัตกรรม ประสบการณ์ของลูกค้า และส่วนแบ่งตลาด รายงานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยองค์กรในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเมื่อเลือกผู้ให้บริการโซลูชัน XDR ที่เชื่อถือได้

“การได้รับการเสนอชื่อในฐานะผู้นำในรายงาน Frost Radar™ ปี 2023 เป็นการตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในการนำเสนอโซลูชันที่ล้ำสมัยที่ต่อต้านภัยคุกคามทางดิจิทัลที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง” Tim Liu CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “โซลูชันของเรารวมการตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง การตอบสนองต่อเหตุการณ์ และความสามารถด้านนิติวิทยาศาสตร์ไว้ในแพลตฟอร์มแบบครบวงจร ช่วยให้ธุรกิจสามารถปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลในเชิงรุกได้”

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan โซลูชัน XDR ได้เห็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภูมิภาค อุตสาหกรรม และบริษัททุกขนาด เนื่องจากมีการนำเสนอภาพรวม การบูรณาการ การวิเคราะห์ ความยืดหยุ่น และระบบอัตโนมัติที่ลูกค้าต้องการในสภาพแวดล้อมไอทีที่ซับซ้อนในปัจจุบัน Frost ระบุว่า XDR มีสัญญาหลัก 3 ประการ ได้แก่ การตรวจจับและการตอบสนองแบบข้ามเลเยอร์ ระบบอัตโนมัติที่มีความหมาย และการผสานรวมกับสแต็กการรักษาความปลอดภัย

“Hillstone Networks แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อแนวทาง Open XDR ในขณะที่กำลังลงทุนงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญในการเพิ่มการบูรณาการของบุคคลที่สาม และจัดหาชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) เพื่ออำนวยความสะดวกในการบูรณาการกับแพลตฟอร์ม” Lucas Ferreyra นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมของ Frost & Sullivan กล่าว “Hillstone Networks ได้พัฒนากลยุทธ์การเติบโตที่น่าสนใจ ซึ่งครอบคลุมการใช้ประโยชน์จากความเกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้นของการรักษาความปลอดภัยที่มีการจัดการ เพื่อให้ MSSP สามารถใช้โซลูชัน XDR ของตนได้ ขยายขอบเขตการเข้าถึงในขณะที่กำหนดเป้าหมายภาคส่วนที่มีการเติบโตสูง เช่น ภาครัฐ การดูแลสุขภาพ การศึกษา และการผลิต ความเข้าใจในตลาดดังกล่าวจะช่วยให้ Hillstone Networks สามารถปลดล็อกโอกาสในการเติบโตเพิ่มเติมในตลาด XDR ที่มีการแข่งขันสูง”

ความมุ่งมั่นของ Hillstone ในการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและการใช้งานของลูกค้าที่ประสบความสำเร็จ มีส่วนช่วยให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้าน XDR พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาหลักของ XDR:

  • ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Hillstone สามารถค้นหาและป้องกันการโจมตีได้ ก่อนที่จะมีโอกาสใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดในองค์กร นั่นก็คือ ข้อมูล โซลูชัน Hillstone XDR ใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องขั้นสูง (ML) ผ่านมัลแวร์ที่ไม่รู้จักและการตรวจจับที่ผิดปกติ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของภัยคุกคามขั้นสูง และการบรรเทาภัยคุกคามอัตโนมัติ
  • นอกจากนี้ Hillstone XDR ยังมีการเรียบเรียงและการตอบสนองแบบอัตโนมัติอีกด้วย หากมีการกำหนดค่ากลยุทธ์การแก้ไข เมื่อมีการตรวจพบภัยคุกคามแล้ว Hillstone XDR จะดำเนินการบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติตาม Playbook ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
  • ซึ่งรวมถึงการบูรณาการกับข้อมูลที่หลากหลายทั่วทั้งเครือข่ายตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทางไปจนถึงระบบคลาวด์ ข้อมูลนี้อาจรวมถึง NetFlow, Sysmon, Syslogs, ข้อมูลอภิพันธุ์ (Metadata) ข้อมูลภัยคุกคาม และบันทึกของบุคคลที่สาม ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีการกำหนดมาตรฐาน เชื่อมโยงกัน และวิเคราะห์เพื่อให้มองเห็นได้อย่างสมบูรณ์และทำลายไซโลข้อมูลความปลอดภัย ไม่เพียงแต่ให้การมองเห็นด้านความปลอดภัยเต็มรูปแบบโดยมีจุดบอดน้อยลง แต่ยังปรับปรุงความแม่นยำในการตรวจจับด้วยการลดผลบวกลวงให้เหลือน้อยที่สุด

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hillstone XDR ที่นี่

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมอบการปกป้องทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างแก่บริษัททุกขนาด ตั้งแต่ edge ไปจนถึงคลาวด์ และในทุกปริมาณงาน แนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks นำเสนอความครอบคลุม การควบคุม และการรวมระบบมาสู่องค์กรมากกว่า 26,000 แห่งทั่วโลก www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

Hillstone Networks ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำด้านการเติบโตและนวัตกรรมของ NGFW ในรายงาน Frost Radar™ 2023

Logo

รับตำแหน่งผู้นำใน NGFW Arena

ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–8 กันยายน 2023 

Hillstone Networks ผู้ให้บริการโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการเติบโตใน รายงาน 2023 Frost Radar™ Next Generation Firewalls

ในรายงาน Frost Radar™ 2023 ซึ่งจัดทำโดย Frost & Sullivan นำเสนอการวิเคราะห์ตลาดเชิงลึกที่ประเมินผู้ใช้งานในอุตสาหกรรมผ่านมุมมองด้านกลยุทธ์ในการเติบโต นวัตกรรม ประสบการณ์ของลูกค้า และส่วนแบ่งการตลาด รายงานนี้เป็นแหล่งข้อมูลอันมีค่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจในการตัดสินใจพร้อมข้อมูลสำหรับความต้องการโซลูชันไฟร์วอลล์รุ่นต่อไป (NGFW)

เราเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำในรายงาน Frost Radar™ 2023” กล่าวโดย Tim Liu CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks “ในขณะที่ภูมิทัศน์เทคโนโลยีมีการขยายตัวที่กว้างขึ้น จึงมีความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของเราด้วยเช่นกัน การได้รับการยอมรับในรายงาน NGFW Frost Radar เป็นการตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในด้านโซลูชันทางวิศวกรรมขั้นสูง เรามีความภูมิใจที่ได้ยืนอยู่แถวหน้าของการพัฒนาไฟร์วอลล์รุ่นต่อไป พร้อมกับความสามารถด้านเทคนิคของเราที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อรองรับความมุ่งมั่นของเราในการสร้างการป้องกันทางไซเบอร์ การได้รับการยอมรับส่งเสริมให้เราสามารถเจาะลึกนวัตกรรมเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่ลดละ ก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเครือข่ายให้ครอบคลุมได้ดียิ่งขึ้น”

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan แนวคิดขอบเขตการรักษาความปลอดภัยมีการปรับเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง เนื่องจากการประมวลผลบนคลาวด์ การทำงานระยะไกล อุปกรณ์ระบบ edge และความคิดริเริ่มในการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลอื่น ๆ ปัจจุบันนี้ NGFW ยังมีภาพรวมที่ไม่ชัดเจน ความสามารถในการปรับขนาดและการกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดใหม่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งหมายถึง NGFW จะต้องมีการปรับเปลี่ยนด้านความสามารถในการทำงานด้วยเช่นกัน Frost มีการระบุให้มีการผสานรวมและขยายขอบเขตโซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่เชื่อมโยงกัน รวมถึง “ซอฟต์แวร์กำหนดเครือข่ายบริเวณกว้าง (SD-WAN) สื่อกลางในการเข้าถึงระบบการรักษาความปลอดภัยในระบบคลาวด์ (CASB) เกตเวย์เว็บที่ปลอดภัย (SWG) การเข้าถึงเครือข่ายแบบ zero trust (ZTNA) และ NGFW เข้าเป็นกลุ่ม SASE”

กลุ่มผลิตภัณฑ์ NGFW ที่ได้รับรางวัลของ Hillstone Networks นำเสนอสถาปัตยกรรมระบบความปลอดภัยที่พร้อมสำหรับอนาคต เพื่อปรับให้เข้ากับการขยายโครงสร้างพื้นฐานและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ และเป็นรากฐานสำหรับสถาปัตยกรรมแบบ zero-trust เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ขั้นสูง Hillstone A-Series และ X-Series Next-Generation Firewalls ส่งมอบระบบการป้องกันเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง มีความน่าเชื่อถือ และปรับขนาดได้สำหรับองค์กรและผู้ให้บริการ พร้อมความสามารถในการตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมและชาญฉลาด เพื่อปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลขององค์กร

แพลตฟอร์ม Hillstone NGFW ยังเป็นรากฐานสำหรับโซลูชัน Hillstone SD-WAN และ ZTNA ซึ่งครอบคลุม ควบคุม และผสานรวม

ด้วยความช่วยเหลือของกลไก AI ที่ซับซ้อน Hillstone ช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์และตรวจจับการรับส่งข้อมูลที่เข้ารหัสโดยไม่ต้องถอดรหัส ปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมและมีความแม่นยำในการตรวจจับภัยคุกคาม” กล่าวโดย Martin Naydenov นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมอาวุโส – ความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Frost & Sullivan “Hillstone มีวิสัยทัศน์ที่แข็งแกร่งและมีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ พร้อมครอบคลุม Mega Trends ระดับโลก ตัวอย่างเช่น การประมวลผลบนคลาวด์ ด้วยเหตุนี้ จึงยังคงเปิดตัวโซลูชันใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น Cloud Workload Protection โดยมีการร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบคลาวด์รายใหญ่อย่าง AWS และ Azure เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมไอทีแบบไฮบริด”

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hillstone Next-Generation Firewalls ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมมอบการปกป้องทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างแก่บริษัททุกขนาด ตั้งแต่ edge ไปจนถึง cloud และรองรับปริมาณงานทุกระดับ แนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks มีความครอบคลุม พร้อมการควบคุม และสามารถผสานรวมระบบสำหรับองค์กรกว่า 26,000 แห่งทั่วโลก www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ
Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

ผลิตภัณฑ์ SSD ของศูนย์ข้อมูล SMART Modular ได้รับการรับรองจาก Open Compute Project ให้เป็น OCP Inspired™

Logo

ผลิตภัณฑ์ SSD DC4800 PCIe Gen4 NVMe ของ SMART ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่เคร่งครัดของระบบจัดเก็บข้อมูลในศูนย์ข้อมูลแบบ hyperscale, hyper-converged, องค์กร และ edge

NEW TAIPEI CITY, Taiwan

Toshiba เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ ARM® Cortex®-M3 “TXZ+TM Family Advanced Class” พร้อมหน่วยความจำแบบแฟลชรหัส 1MB Code รองรับการอัพเดทเฟิร์มแวร์โดยไม่รบกวนการทำงานของไมโครคอนโทรลเลอร์

Logo

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–27 มิถุนายน 2023

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เพิ่ม “M3H group (2)” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ใน “M3H group” ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ไมโครคอนโทรลเลอร์ 32 บิต “TXZ+TM Family Advanced Class” ประกอบด้วย Cortex®-M3 โดยใช้กระบวนการ 40nm

Toshiba: ARM(R) Cortex(R)-M3 Microcontrollers

Toshiba: ไมโครคอนโทรลเลอร์ ARM(R) Cortex(R)-M3 “คลาสขั้นสูงตระกูล TXZ+(TM) ” (รูปภาพ: Business Wire)

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความต้องการความจุของโปรแกรมที่ใหญ่ขึ้นและการรองรับ FOTA (การอัพเดตเฟิร์มแวร์ผ่านทางอากาศ) มีเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้ได้รับแรงผลักดันจากการรุกของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ IoT (Internet of Things) และด้วยฟังก์ชันการทำงานขั้นสูงซึ่งมีความจำเป็นมากขึ้นในอุปกรณ์ต่างๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์ M3H group (2) ใหม่ได้ขยายความจุของหน่วยความจำแฟลชรหัสจาก  512KB (บางส่วน 256KB หรือ 384KB) ของผลิตภัณฑ์กลุ่ม M3H(1)  ที่มีอยู่ของ Toshiba เป็นขนาด 1MB[1] และความจุของ RAM จาก 66KB[2] ของผลิตภัณฑ์กลุ่ม M3H (1) ที่มีอยู่ของ Toshiba เป็นขนาด 130KB[2] พร้อมคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ARM® Cortex®-M3 core ที่ทำงานได้สูงสุดถึง 120MHz แฟลชรหัสในตัว และหน่วยความจำแฟลชข้อมูล 32KB รวมถึงการเขียนซ้ำได้ถึง 100K ครั้งต่อรอบที่ยังคงอยู่ ไมโครคอนโทรลเลอร์เหล่านี้ยังมีอินเตอร์เฟซและตัวเลือกการควบคุมมอเตอร์ที่หลากหลาย เช่น UART, อินเตอร์เฟซ I2C, วงจรอินพุตตัวเข้ารหัสขั้นสูง และวงจรควบคุมมอเตอร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ขั้นสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ไมโครคอนโทรลเลอร์ของ Toshiba ในกลุ่ม M3H มีส่วนช่วยใน IoT และฟังก์ชันขั้นสูงในการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงมอเตอร์ เครื่องใช้ในบ้าน และอุปกรณ์อุตสาหกรรม
 

ในผลิตภัณฑ์ใหม่ แฟลชรหัสขนาด 1MB [1] จะถูกนำไปใช้กับพื้นที่ซึ่งแยกกัน 2 ส่วน แบ่งเป็นพื้นที่ละ 512KB โดยการดำเนินการนี้ทำให้สามารถอ่านคำสั่งจากพื้นที่หนึ่งได้ ในขณะเดียวกันโค้ดที่ถูกอัปเดตก็จะได้รับการตั้งโปรแกรมไปยังอีกพื้นที่หนึ่งไปด้วย สุดท้าย ฟังก์ชันการหมุนเวียนเฟิร์มแวร์ก็จะสามารถทำได้โดยฟังก์ชันการสลับพื้นที่[3]
 

ผลิตภัณฑ์กลุ่ม M3H จะมีการติดตั้ง UART, TSPI, I2C interface, 2-unit DMAC และตัวควบคุมจอแสดงผล LCD [4] เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการการใช้งานของผู้บริโภคหรืออุตสาหกรรมที่หลากหลาย เพื่อให้รองรับการตรวจจับประเภทต่างๆได้ ในผลิตภัณฑ์ใหม่นี้มี ตัวแปลงสัญญาณอนาล็อก/ดิจิตอล (ADC) ความเร็วสูง 12 บิตมากถึง 21 ช่อง ที่สามารถเลือกได้จากเวลาพักตัวอย่างสองครั้งสำหรับขาอินพุตแบบอะนาล็อกแต่ละขา นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการควบคุมมอเตอร์ AC และมอเตอร์ DC แบบไร้แปรงถ่าน (BLDC) ร่วมกับวงจรควบคุมมอเตอร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ขั้นสูงและวงจรอินพุตตัวเข้ารหัสขั้นสูงที่สามารถทำงานพร้อมกันกับตัวแปลงอนาล็อก/ดิจิตอล 12 บิตความเร็วสูงที่มีความแม่นยำสูง

ฟังก์ชันการวินิจฉัยตัวเองที่รวมอยู่ในอุปกรณ์สำหรับหน่วยความจำแฟลช, RAM, ADC และนาฬิกาช่วยให้ลูกค้าบรรลุผลตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการทำงาน IEC 60730 คลาส B

มีเอกสารประกอบ ซอฟต์แวร์ตัวอย่างพร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง และซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ที่ควบคุมอินเทอร์เฟซสำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วงแต่ละตัว บอร์ดประเมินผลและสภาพแวดล้อมการพัฒนาจัดทำโดยความร่วมมือกับพันธมิตรระบบนิเวศทั่วโลกของ ARM® 

 การใช้งาน

  • สำหรับการควบคุมหลักของอุปกรณ์สำหรับผู้บริโภค (เครื่องใช้ในบ้าน ของเล่น อุปกรณ์ดูแลสุขภาพ ฯลฯ) และอุปกรณ์สำนักงาน (เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น ฯลฯ)
  • สำหรับการควบคุมมอเตอร์ของอุปกรณ์อุปโภคบริโภค และอุปกรณ์อุตสาหกรรม
  • สำหรับ IoT ของอุปกรณ์ผู้บริโภค อุปกรณ์อุตสาหกรรม ฯลฯ

คุณสมบัติ

  • ARM® Cortex®-M3 core ประสิทธิภาพสูง ความถี่สูงสุด 120MHz
  • เพิ่มความจุของหน่วยความจำภายใน
    ความจุของหน่วยความจำแฟลชรหัส: 1MB[1]
    ความจุของ RAM : 130KB[2]
  • ฟังก์ชันการหมุนเฟิร์มแวร์โดยวิธีสลับพื้นที่ (Area swap) เพื่อ รองรับการอัปเดตขณะที่ไมโครคอนโทรลเลอร์ยังคงทำงานต่อไป[3]
  • ฟังก์ชันการวินิจฉัยตนเองสำหรับความปลอดภัยในการทำงาน IEC 60730 คลาส B
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์แพ็คเกจที่กว้างขวาง

ข้อมูลจำเพาะหลัก

ชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์

M3H group (2)

CPU core

ARM® Cortex®-M3
‒ หน่วยป้องกันหน่วยความจำ (MPU)

ความถี่ในการทำงานสูงสุด

120MHz

Oscillator ภายใน

ความถี่ของ Oscillation

10MHz (+/-1%)

หน่วยความจำภายใน

ความจำแฟลชรหัส

1024KB[1]
(รอบการโปรแกรมและลบซ้ำ: ได้มากสุดถึง 100,000 ครั้ง)
ฟังก์ชันการหมุนเฟิร์มแวร์ของวิธีการสลับพื้นที่โดยมีพื้นที่แฟลชรหัสแยกกันสองพื้นที่ พื้นที่ละ 512 KB [3]

ความจำแฟลชข้อมูล

32KB (รอบการโปรแกรมและลบซ้ำ: รอบการโปรแกรมและลบซ้ำ 100,000 ครั้ง)

RAM

128KB และ RAM สำรอง 2KB โดยมีความเท่าเทียมกัน

พอร์ต I/O

56 ถึง 134

สัญญาณอินเตอร์รัพท์จากภายนอก

12 ถึง 23 ปัจจัย

ตัวควบคุม DMA (DMAC)

คำขอ DMA : 2 หน่วย, 54 ถึง 64 ปัจจัย, ทริกเกอร์ภายในและภายนอก

ฟังก์ชันจับเวลา

32-bit Timer Event Counter (T32A)

8 ช่อง
(16 ช่องs if used as 16-bit timer)

โมดูลนาฬิกาแบบเรียลไทม์ (RTC)

1 ช่อง

ฟังก์ชันการสื่อสาร

UART

7 ถึง 8 ช่อง

I2C interface (I2C)

2 ถึง 4 ช่อง

TSPI

1 ถึง 5 ช่อง

ฟังก์ชันอนาล็อก

ตัวแปลง AD 12-บิต

12 ถึง 21 ช่องอินพุต

ตัวแปลง DA 8-บิต

2 ช่อง

ตัวเทียบ

1 ช่อง

วงจรควบคุมมอเตอร์

วงจรควบคุมมอเตอร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ขั้นสูง (A-PMD)

1 ช่อง

วงจรอินพุตตัวเข้ารหัสขั้นสูง (32-บิต) (A-ENC32)

1 ช่อง

วงจรต่อพ่วงอื่นๆ

พรีโปรเซสเซอร์สัญญาณรีโมทคอนโทรล (RMC)

1 ช่อง

วงจรคำนวณ CRC (CRC)

1 ช่อง, CRC32, CRC16

ตัวควบคุมจอแสดงผล LCD (DLCD)

Non-Bias Drive: 40 segments × 4 co มม.ons (max)[4]

ฟังก์ชั่นระบบ

ตัวจับเวลา Watchdog (SIWDT)

1 ช่อง

วงจรตรวจจับแรงดันไฟฟ้า (LVD)

1 ช่อง

ตัวตรวจจับความถี่ Oscillation (OFD)

1 ช่อง

ฟังก์ชั่นการดีบักบนชิป

JTAG / SWD

แรงดันไฟฟ้าที่ใช้งาน

2.7 ถึง 5.5V, แหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้าเดียว

แพ็คเกจ / พิน

LQFP144 (20 มม. x 20 มม., ระดับ 0.5 มม.)
LQFP128 (14 มม. x 14 มม., ระดับ 0.4 มม.)
LQFP128 (14 มม. x 20 มม., ระดับ 0.5 มม.)
LQFP100 (14 มม. x 14 มม., ระดับ 0.5 มม.)
QFP100 (14 มม. x 20 มม., ระดับ 0.65 มม.)
LQFP80 (12 มม. x 12 มม., ระดับ 0.5 มม.)
LQFP64 (10 มม. x 10 มม., ระดับ 0.5 มม.)

หมายเหตุ:
[1] รหัสความจุหน่วยความจำแฟลชของ TMPM3HNFDBFG คือหนึ่งพื้นที่ 512KB
[2] รวม RAM สำรอง 2KB
[3] ไม่รองรับ TMPM3HNFDBFG
[4] TMPM3HLF10BUG ไม่มีตัวควบคุมจอแสดงผล LCD

ดูที่ลิงค์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
M3H group (2)

ดูที่ลิงค์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครคอนโทรลเลอร์ของ Toshiba
Microcontrollers

* ARM และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ ARM Limited (หรือบริษัทสาขา) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือที่อื่นๆ
* TXZ+™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
 

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

ซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และสตอเรจขั้นสูง ใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดักเตอร์แบบแยก ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัท 21,500 คนจากทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้ได้สูงสุด ทั้งยังส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าร่วมกันและเปิดตลาดใหม่ ด้วยยอดขายต่อปีเกือบ 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกที่

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53429973/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
MCU & Digital Device Sales & Marketing Dept.
Tel: +81-44-548-2233
ติดต่อเรา

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

แหล่งที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Hillstone Networks ได้รับเลือกให้เป็น Customers’ Choice ใน Gartner Peer Insights™ Voice of the Customer for Network Firewall ประจำปี 2023

Logo

Hillstone Networks ได้รับเลือกให้เป็น Customers’ Choice ใน Network Firewalls เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน นอกเหนือจากการได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ดำเนินการที่แข็งแกร่งใน Voice of the Customer for Network Detection and Response ประจำปี 2023

ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–7 มิถุนายน 2023

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้รับการรวมอยู่ในรายงาน “Voice of the Customer” ของ Gartner Peer Insights สองฉบับ โดย Hillstone ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้จำหน่ายที่ลูกค้าเลือกสำหรับไฟร์วอลล์เครือข่าย (Network Firewall) และได้รับการเสนอชื่อให้เป็น Strong Performer สำหรับโซลูชัน Network Detection and Resolution (NDR) ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ความแตกต่างใน Customers' Choice ของ Gartner Peer Insights ขึ้นอยู่กับข้อเสนอแนะและการให้คะแนนโดยสมัครใจและได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญด้านผู้ใช้ปลายทางซึ่งมีประสบการณ์ในการซื้อ การนำไปใช้ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ

“ลูกค้าได้พูดถึงและรับรู้ถึงความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ของเราในการจัดหาโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบบูรณาการที่มอบความครอบคลุม การควบคุม และการรวมเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพแก่บริษัทอื่น ๆ กว่า 26,000 แห่งทั่วโลก ท่ามกลางสภาพแวดล้อมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ท้าทายและไม่หยุดนิ่ง” กล่าวโดย Tim Liu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีทีโอของ Hillstone Networks “เราจะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลักดันขอบเขตของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อปกป้องทรัพย์สินที่สำคัญของลูกค้าของเรา”

ไฮไลท์สำคัญ

NDR:

  • Hillstone Networks ได้รับคะแนน “เต็มใจที่จะแนะนำ” 100% จากผู้ใช้ โดยอ้างอิงจากรีวิว 25 รายการ ณ เดือนมีนาคม 2023
  • 92% ของผู้ใช้ Hillstone ที่ให้คะแนนบริษัทในแบบสำรวจ 5 เต็ม จาก 5 ดาว
  • ประสบการณ์การสนับสนุนของ Hillstone Networks ได้รับคะแนน 4.9 จาก 5 จาก 25 รีวิว
  • ความสามารถของผลิตภัณฑ์ของ Hillstone Networks ได้รับคะแนน 5 เต็ม 5 จาก 24 รีวิว

ไฟร์วอลล์เครือข่าย:

  • Hillstone Networks ได้รับคะแนน “เต็มใจที่จะแนะนำ” 99% จากผู้ใช้ โดยอ้างอิงจากรีวิว 107 รายการ ณ เดือนมีนาคม 2023
  • 84% ของผู้ใช้ Hillstone ที่ให้คะแนนบริษัทในแบบสำรวจ 5 เต็ม จาก 5 ดาว
  • ประสบการณ์การสนับสนุนของ Hillstone Networks ได้รับคะแนน 4.9 จาก 5 คะแนนจาก 102 รีวิว
  • ความสามารถของผลิตภัณฑ์ของ Hillstone Networks ได้รับคะแนน 4.9 จาก 5 คะแนนจาก 101 รีวิว

Gartner, Voice of the Customer for Network Firewalls, Peer Contributors, 31 เดือนพฤษภาคม 2023
Gartner, Voice of the Customer for Network Detection and Response, Peer Contributors, 29 เดือนพฤษภาคม 2023

เกี่ยวกับ Gartner Peer Insights™

Gartner และ Peer Insights เป็นเครื่องหมายการค้าของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือ ขอสงวนลิขสิทธิ์ เนื้อหา Gartner Peer Insights ประกอบด้วยความคิดเห็นของผู้ใช้ปลายทางรายบุคคลตามประสบการณ์ของตนเอง และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง และไม่ได้แสดงถึงมุมมองของ Gartner หรือบริษัทในเครือ Gartner ไม่รับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใด ๆ ที่ปรากฎในเนื้อหานี้ และไม่รับประกันใด ๆ ทั้งโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายเกี่ยวกับเนื้อหานี้ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ รวมถึงการรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความสามารถในการขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

แนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks มอบความครอบคลุม การควบคุม และการรวมเข้าด้วยกันเพื่อความปลอดภัยของการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับองค์กรมากกว่า 26,000 แห่งทั่วโลก สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งที่มา: Hillstone Networks

HEINZ® เปิดตัวแพลตฟอร์มแบรนด์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ระดับโลกเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 150 ปี

Logo

การวางตำแหน่งสินค้าใหม่ เฉลิมฉลองและแสดงถึงความรักที่ไร้เหตุผลของแฟน ๆ ตัวจริงที่มีต่อแบรนด์

ชิคาโก พิตส์เบิร์ก และลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–1 มิถุนายน 2023

วันนี้ HEINZ ประกาศ “It Has to be HEINZ” แพลตฟอร์มระดับโลกใหม่ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 150 ปี ที่แบรนด์ถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้กลยุทธ์ความคิดสร้างสรรค์เดียว แคมเปญนี้แสดงความเคารพต่อแบรนด์ด้วยการเฉลิมฉลองความรักที่ไร้เหตุผลที่ผู้คนมีให้ HEINZ – ตั้งแต่ความรักใคร่ส่วนตัวของแฟน ๆ ตัวจริงที่มีต่อแบรนด์ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นด้วยความรักและห่วงใย

HEINZ announces its first new global platform in its 150-year history “It Has to be HEINZ,” inspired by real-life stories of fans’ undeniable love of HEINZ (Graphic: Business Wire)

HEINZ ประกาศแพลตฟอร์มใหม่ระดับโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 150 ปี “It Has to be HEINZ” ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงเกี่ยวกับความรักที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของแฟน ๆ ที่มีต่อ HEINZ (กราฟิก: Business Wire)

สนับสนุนโดยการลงทุนด้านสื่อที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาจนถึงปัจจุบันของ Kraft HEINZ แพลตฟอร์มความคิดสร้างสรรค์ระดับโลกนี้แสดงให้เห็นถึงความรักที่ไม่มีใครเทียบของผู้คนทั่วโลกหลายยุคสมัยที่มีต่อ HEINZ ตั้งแต่ซอสมะเขือเทศ ไปจนถึง ถึง Beanz และทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างกลาง เรื่องราวของแฟน ๆ ที่ถูกแสดงให้เห็นในความคิดสร้างสรรค์ เช่น รอยสัก HEINZ การพกซองเครื่องปรุงในกระเป๋าถือ และการลักลอบนำเข้ากระป๋อง Beanz ผ่านการรักษาความปลอดภัยสนามบิน มีที่มาจากโซเชียลมีเดีย บทความข่าว และผ่านการบอกเล่าปากต่อปาก

“ในขณะที่เรามองเพื่อที่จะรวมแบรนด์ให้เป็นหนึ่งภายใต้แพลตฟอร์มแบรนด์ระดับโลกเดียว เราดำดิ่งสู่โลกของผู้บริโภคของเราและพบว่าพวกเขาทั้งหมดมีสิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ พวกเขาจะไปไกลอย่างไร้เหตุผลเพื่อผลิตภัณฑ์ HEINZ” Diana Frost ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเติบโต โซนอเมริกาเหนือที่ Kraft HEINZ Company กล่าว “ในฐานะแบรนด์ที่หมกมุ่นอยู่กับผู้บริโภคของเรา เราสร้าง 'It Has to be HEINZ' ให้เป็นเพลงรักของเรา ส่งกลับไปหาพวกเขา แฟน ๆ คือแรงบันดาลใจของเรา”

เป็นเวลากว่า 150 ปี ที่ HEINZ มุ่งมั่นทำสิ่งธรรมดาให้ได้ดีเป็นพิเศษ ทุกวันนี้ คุณภาพที่ไม่มีใครเทียบยังคงเป็นแก่นแท้ของความเชื่อและการปฏิบัติของแบรนด์ ตั้งแต่การคัดสรรอย่างพิถีพิถันเฉพาะส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงสุดโดย “ผู้เชี่ยวชาญมะเขือเทศ” 7 คน ไปจนถึงเป้าหมายในการจัดหาซอสมะเขือเทศที่ยั่งยืน 100% ภายในปี 2025 แต่ละขั้นตอนได้รับการพิจารณาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้แน่ใจว่าได้ส่งมอบรสชาติที่ไม่ผิดเพี้ยนของ HEINZ ทุกครั้ง

“แฟน ๆ ของเราอาจไปได้ไกลมากอย่างไร้เหตุผล สำหรับ HEINZ แต่ความรู้สึกนั้นมีร่วมกัน – เราหมกมุ่นกับผลิตภัณฑ์ของเราพอ ๆ กับพวกเขา และไม่อาจรอที่จะแบ่งปันกับโลก” Cristina Kenz ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเติบโตโซนนานาชาติที่ Kraft HEINZ Company กล่าว “ความรักที่ไร้เหตุผลนี้ยังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่กว่าที่ Kraft HEINZ ซึ่งเรากำลังเคลื่อนไปด้วยความเร็วของวัฒนธรรมเพื่อสร้างความประหลาดใจและความปิติยินดีให้กับผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมที่นำโดยความเข้าใจอย่างถ่องแท้และประสบการณ์แท้จริงที่มีต่อแบรนด์”

แคมเปญนี้พัฒนาโดยความร่วมมือกับ Wieden+Kennedy แสดงให้เห็น 5 สปอตเรื่องจริงและอาจเป็นจริง ในสไตล์วีนแยทท์ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับความรักที่ไม่มีใครเทียบที่ผู้คนมีให้ซอสมะเขือเทศ HEINZ และ Beanz แพลตฟอร์มใหม่นี้จะถูกแสดงในช่องทางต่าง ๆ โดยกำหนดเป้าหมายการเข้าถึงจำนวนมากและการวางตำแหน่งที่มีผลกระทบสูงผ่านทีวี วิดีโอออนไลน์ โรงภาพยนตร์ โซเชียล และสื่อโฆษณานอกบ้าน “It Has to be HEINZ” จะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี และจะเปิดตัวสู่ตลาดอื่น ๆ ในอีก 6 เดือนข้างหน้า

ติดตามชมได้ที่ @Heinz, @Heinz_ca และ @heinz_uk บน Instagram และ @Heinz_us, @heinz_ca และ @heinzuk บน TikTok

เกี่ยวกับ Kraft HEINZ Company

เรากำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ Kraft HEINZ Company (Nasdaq: KHC) ได้รับแรงบันดาลใจจากวัตถุประสงค์ของเรา มาทำให้ชีวิตอร่อยกันเถอะ ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำ ด้วยยอดขายสุทธิในปี 2022 ที่ประมาณ 26 พันล้านเหรียญสหรัฐ เรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตของแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มที่โดดเด่นและเกิดใหม่ของเราในระดับโลก เราใช้ประโยชน์จากขนาดและความคล่องตัวของเราเพื่อปลดปล่อยพลังของ Kraft HEINZ อย่างเต็มที่ทั่วทั้งพอร์ตโฟลิโอของหกแพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภค ในฐานะพลเมืองโลก เราอุทิศตนเพื่อสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนและมีจริยธรรม ในขณะที่ช่วยให้อาหารโลกด้วยในลักษณะที่ดีต่อสุขภาพและมีความรับผิดชอบ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางของเราโดยการเยี่ยมชม www.kraftheinzcompany.com หรือติดตามเราทาง LinkedIn และ Twitter

ติดต่อ

Jenna Thornton
Kraft HEINZ Company (สอบถามโซนอเมริกาเหนือ)
Jenna.Thornton@kraftheinz.com

Marissa Munnings
Kraft HEINZ Company (สอบถามระหว่างประเทศ)
Marissa.Munnings@kraftheinz.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53410607en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แหล่งที่มา: Kraft HEINZ Company

Toshiba เปิดตัว Thermoflagger™ โซลูชันง่าย ๆ ที่ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

Logo

คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2023

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”)ได้เปิดตัวสองผลิตภัณฑ์แรกในชุด IC ตรวจจับอุณหภูมิเกินของ Thermoflagger™ ได้แก่ “TCTH021BE” ซึ่งไม่มีฟังก์ชันล็อกสำหรับสัญญาณ FLAG เมื่อตรวจพบสถานะผิดปกติ และ “TCTH022BE” ซึ่งมีฟังก์ชันล็อก โดยจะตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกำหนดค่าวงจรอย่างง่ายด้วยเทอร์มิสเตอร์ที่มีสัมประสิทธิ์ความต้านทานต่ออุณหภูมิเป็นบวก (PTC) การจัดส่งเริ่มต้นวันนี้

Toshiba: Thermoflagger™, a simple solution that detects temperature rises in electronic equipment. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: Thermoflagger™ โซลูชันง่ายๆ ในการตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (กราฟิก: Business Wire)

เพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงานตามที่กำหนด เซมิคอนดักเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต้องทำงานภายในตัวแปรของการออกแบบ ซึ่งอุณหภูมิถือเป็นตัวแปรที่สำคัญอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอุณหภูมิภายในสูงกว่าที่คาดไว้ในระหว่างขั้นตอนการออกแบบ นี่อาจเป็นปัญหาหลักในแง่ของความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ และต้องใช้โซลูชันการตรวจสังเกตความร้อนที่สูงเกินไปเพื่อตรวจจับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ

Thermoflagger™ ICs ใหม่ใช้ร่วมกับเทอร์มิสเตอร์ PTC ที่เปลี่ยนค่าความต้านทานได้ตามอุณหภูมิ โดยจะตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของค่าความต้านทานของเทอร์มิสเตอร์ PTC ที่วางใกล้กับแหล่งความร้อน และส่งสัญญาณ FLAG ออกมาเพื่อบ่งชี้ว่าอุณหภูมิสูงเกิน การเชื่อมต่อเทอร์มิสเตอร์เทอร์มิสเตอร์ PTC แบบอนุกรมทำให้สามารถตรวจจับอุณหภูมิเกินได้ในหลายตำแหน่ง

ICs ใหม่นี้อยู่ในแพ็คเกจ SOT-553 มาตรฐานขนาดเล็ก (มีชื่อแพ็คเกจของ Toshiba ว่า ESV) และมีการใช้กระแสไฟต่ำเพียง 11.3μA (typ.)

การออกแบบอ้างอิง “Over Temperature Detection IC Thermoflagger™ Application Circuit” ซึ่งใช้ ICs ใหม่นั้นมีให้บริการแล้วในขณะนี้

Thermoflagger™ IC ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าการตรวจจับอุณหภูมิที่เกินขนาดสำหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังช่วยลดขนาดและการใช้พลังงานอีกด้วย Toshiba จึงจะยังคงพัฒนา Thermoflagger™ ICs ด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ ต่อไป

แอปพลิเคชัน

  • อุปกรณ์พกพา (เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือPC และอื่น ๆ)
  • เครื่องใช้ภายในบ้าน
  • อุปกรณ์อุตสาหกรรม และอื่น ๆ

คุณสมบัติ

  • การกำหนดค่าอย่างง่ายเพื่อใช้ร่วมกับเทอร์มิสเตอร์ PTC
  • สามารถตรวจสังเกตอุณหภูมิเกินได้ในหลายจุดด้วยการเชื่อมต่อเทอร์มิสเตอร์ PTC ในชุด
  • ใช้พลังงานต่ำ IDD10U=11. 3μA (typ.)
  • แพ็กเกจขนาดเล็กและมาตรฐาน: SOT-553 (ESV)
  • กระแสเอาต์พุตของ PTCO ที่เลือกได้: IPTCO=10μA (typ.)
  • มีความแม่นยำของกระแสเอาต์พุตของ PTCO สูง: ±8% (VDD=3.3V, 25°C)
  • เอาต์พุตสัญญาณ FLAG (PTCGOOD)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

(เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น, Tj=25°C)

หมายเลขชิ้นส่วน

TCTH021BE

TCTH022BE

แพ็กเกจ

ชื่อ

SOT-553 (ESV)

ขนาด typ. (mm)

1.6×1.6, t=0.55

ขอบเขตการดำเนินงาน

แรงดันไฟฟ้า VDD (V)

1.7 ถึง 5.5

อุณหภูมิในการทำงาน Topr (°C)

-40 ถึง 125

ลักษณะทางไฟฟ้า

กระแสเอาต์พุตของ PTCO IPTCO (μA)

typ.

10

ตรวจจับแรงดันไฟฟ้า VDET (V)

typ.

0.50

การใช้กระแสไฟฟ้า IDD10U (μA)

typ.

11.3

กระแส UVLO VUVLO (V)

typ.

1.5

เอาต์พุตสัญญาณ FLAG PTCGOOD

แบบเปิดระบาย

ฟังก์ชันล็อก สัญญาณ FLAG เมื่อตรวจพบสถานะผิดปกติ

ไม่มี

มี

Buy Online

Buy Online

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TCTH021BE
TCTH022BE

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Thermoflagger™
เนื้อหาที่น่าสนใจ
Thermoflagger™
วีดีโอ
Thermoflagger™
การออกแบบอ้างอิง
Thermoflagger™

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอโซลูชันของ Toshiba โดยใช้ Thermoflagger™
SSDs
Servers
Tablets

หากต้องการตรวจสอบการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่โดยผู้จัดจำหน่ายทางออนไลน์ โปรดไปที่:
TCTH021BE
Buy Online
TCTH022BE
Buy Online

* Thermoflagger™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคา ข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และสตอเรจขั้นสูง ใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมที่สั่งสมไว้กว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดักเตอร์แบบแยก ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัท 21,500 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้ได้สูงที่สุด พร้อมทั้งยังส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าร่วมกันและเปิดตลาดใหม่ ด้วยยอดขายต่อปีเกือบ 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนในทุกพื้นที่

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53400039/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ให้บริการข้อมูลลูกค้า
แผนกขายและการตลาดอุปกรณ์ส่งสัญญาณขนาดเล็ก
โทร: +81-44-548-2215
Contact Us

Media Inquiries:
Chiaki Nagasawa
แผนกการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

การลงทะเบียนสำหรับ GMAT™ Focus Edition จะเปิดในเดือนสิงหาคม 2023

Logo

มีเอกสารการเตรียมตัวฟรีให้ก่อนสองเดือนเพื่อขับเคลื่อนผู้สมัครไปสู่ความสำเร็จในเส้นทางโรงเรียนธุรกิจ

เรสตัน, เวอร์จิเนีย –(BUSINESS WIRE)–5 พฤษภาคม 2023

สภาการจัดการการรับเข้าบัณฑิต (GMAC) ซึ่งเป็นสมาคมระดับโลกที่เป็นตัวแทนของโรงเรียนธุรกิจชั้นนำ ประกาศในวันนี้ว่าการลงทะเบียน GMAT™ Focus Editionซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ปรับปรุงของการทดสอบการจัดการการรับเข้าบัณฑิต (GMAT™) จะเปิดในวันที่ 29 สิงหาคม 2023 สำหรับการทดสอบในไตรมาสที่สี่ของปีนี้ นอกจากนี้ เอกสารเตรียมสอบ GMAT Focus อย่างเป็นทางการจะมีให้ใน  mba.com ในวันที่ 6 มิถุนายน 2023 โดยมีการวางแผนการเรียนฟรีเพียงหกสัปดาห์เพื่อช่วยให้ผู้เข้าสอบปฏิบัติตามกำหนดการ แจ้งกิจกรรมการเตรียมตัว และติดตามความคืบหน้า ตลอดจน GMAT Focus Official Starter Kit ฟรีที่มาพร้อมกับตัวอย่างคำถาม GMAT จริง 70 ข้อ และแบบฝึกหัดแบบทดสอบฉบับสมบูรณ์ 2 ชุด เพื่อช่วยให้ผู้เข้าสอบสร้างพื้นฐานประสิทธิภาพ

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา GMAC ได้เปิดตัว GMAT Focus Edition หลังจากความพยายามในการวิจัยอย่างครอบคลุมที่เกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญในโรงเรียนหลายร้อยคน และการทดสอบแนวคิดเชิงลึกกับนักเรียนหลายพันคนทั่วโลก GMAT ซึ่งเป็นการสอบคัดเลือกเข้าโรงเรียนธุรกิจที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมา ได้รับการออกแบบใหม่โดยปรับปรุงประสบการณ์การทำข้อสอบและคุณสมบัติใหม่ที่ยืดหยุ่นเพื่อสนับสนุนผู้สมัครที่สำเร็จการศึกษาด้านธุรกิจศึกษาได้ดียิ่งขึ้น โรงเรียนจะได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้ในฐานะองค์ประกอบที่ได้รับการปรับปรุงในกระบวนการรับสมัครแบบองค์รวม

“เราต้องการสนับสนุนให้ผู้คนที่มีคุณสมบัติที่หลากหลาย มีภูมิหลังในระดับปริญญาตรีและมีประสบการณ์ชีวิตจริงให้เข้าใจถึงตัวเลือกที่หลากหลายของพวกเขา และก้าวกระโดดไปข้างหน้าบนเส้นทางโรงเรียนธุรกิจของพวกเขา” Joy Jones ซีอีโอของ GMAC กล่าว “เราเชื่อว่า GMAT Focus Edition จะช่วยให้ผู้สมัครเพิ่มประสิทธิภาพการเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาด้านธุรกิจระดับบัณฑิตศึกษา ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้โรงเรียนสามารถดึงดูดผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและหลากหลายจากทั่วโลก”

“นี่เป็นวิวัฒนาการที่สำคัญของการทดสอบ” Bruce DelMonico ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายรับสมัครที่ Yale School of Management และสมาชิกคณะกรรมการของ GMAC กล่าว “ในแง่ของความเกี่ยวข้องและประโยชน์ของแบบทดสอบ นี่เป็นขั้นตอนเชิงบวกอย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งกับโรงเรียนธุรกิจและผู้สมัคร”

มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยืดหยุ่นมากขึ้น และเจาะลึกมากขึ้นในประสบการณ์การทดสอบแบบใหม่หมด

GMAT Focus Edition มีสามส่วนแต่ละส่วนมีระยะเวลา 45 นาที: การให้เหตุผลเชิงปริมาณ ซึ่งตรวจสอบทักษะการแก้ปัญหา การใช้เหตุผลทางวาจา ซึ่งประเมินการให้เหตุผลเชิงวิพากษ์และความเข้าใจในการอ่าน แต่ไม่รวมการแก้ไขประโยคอีกต่อไป และส่วนข้อมูลเชิงลึกที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งวัดทักษะความรู้ด้านข้อมูลของผู้สมัครและความสามารถในการวิเคราะห์และตีความข้อมูลและนำไปใช้กับสถานการณ์ทางธุรกิจในโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้และการนำ Analytical Writing Assessment (AWA) ออก จึงทำให้ GMAT เวอร์ชันปัจจุบันสั้นกว่า หนึ่งชั่วโมง ดังนั้นจึงต้องเตรียมเนื้อหาน้อยลง นอกจากฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้สอบบุ๊กมาร์กคำถามได้มากเท่าที่ต้องการ ทบทวนคำถามภายในเวลาที่เหลือของส่วน และเปลี่ยนคำตอบได้สูงสุดสามคำตอบต่อส่วน และเพื่อให้ทั้งสามส่วนเสร็จสมบูรณ์ตามลำดับใด ๆ รายงานคะแนนอย่างเป็นทางการที่ได้รับการปรับปรุง ขณะนี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกด้านประสิทธิภาพโดยละเอียดซึ่งช่วยให้พวกเขาประเมินจุดแข็งและระบุจุดโฟกัสโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

“ฉันคิดว่าการออกแบบข้อสอบ GMAT ใหม่เป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ GMAC ในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงในการสอบเน้นย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของความสามารถบางอย่างและอนาคตของการทำงาน เช่น การเพิ่มข้อมูลเชิงลึก” Arnold Longboyาวผู้บริหาร ผู้อำนวยการฝ่ายสรรหาและคัดเลือกที่ London Business School กล่าว

ระดับคะแนนใหม่และความสอดคล้องเพื่อช่วยประเมินความสามารถในการแข่งขันของผู้สมัคร

คะแนนรวมของ GMAT Focus Edition ตั้งแต่ 205 ถึง 805 นั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของผู้สอบในการสอบทั้งสามส่วน โดยแต่ละส่วนมีตั้งแต่ 60 ถึง 90 โดยถ่วงน้ำหนักเท่ากัน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าผู้สอบและโรงเรียนสามารถแยกแยะคะแนน GMAT Focus Edition กับคะแนนสอบ GMAT ที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งมีตั้งแต่ 200 ถึง 800 ได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้เข้าใจความสามารถในการแข่งขันโดยเปรียบเทียบของผู้สอบ คุณสามารถใช้ตารางความสอดคล้องที่มีอยู่ใน mba.com ที่เชื่อมโยงการกระจายคะแนนระหว่างข้อสอบทั้งสองรุ่นตามเปอร์เซ็นต์ไทล์ ด้วยมาตราส่วนคะแนนใหม่ของ GMAT Focus Edition การจัดอันดับแบบเปอร์เซ็นไทล์สมควรได้รับความสนใจเป็นหลักจากผู้สอบและโรงเรียนเมื่อต้องการทำความเข้าใจผลลัพธ์

“เมื่อเปรียบเทียบคะแนนของ GMAT Focus Edition กับการสอบ GMAT เวอร์ชันปัจจุบัน เราสนับสนุนให้ผู้สอบและโรงเรียนเปรียบเทียบการจัดอันดับเปอร์เซ็นต์ไทล์มากกว่าการเปรียบเทียบคะแนนรวม” Manish Dharia ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ GMAC เน้นย้ำ “เนื่องจากมาตราส่วนคะแนนรวม และ การกระจายมาตราส่วนคะแนนมีการเปลี่ยนแปลงทั้งคู่ การเปรียบเทียบคะแนนรวมหรือคะแนนส่วนจากข้อสอบเวอร์ชันปัจจุบันกับ GMAT Focus Edition จึงไม่เหมาะสม ถูกต้อง หรือ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพที่มีความหมาย คะแนน 600 และ 605 อาจดูคล้ายกัน แต่แสดงถึงระดับประสิทธิภาพที่แตกต่างกันมากในทักษะที่แตกต่างกัน”

ความพยายามเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงที่ราบรื่นและการยอมรับอย่างรวดเร็ว

เมื่อ GMAT Focus Edition เปิดตัวในช่วงที่เหลือของปี 2023 การสอบ GMAT เวอร์ชันปัจจุบันจะยังคงมีให้ผู้สมัครได้จนถึงต้นปีหน้าเพื่ออำนวยความสะดวกในการเตรียมตัวและการสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนธุรกิจ และด้วยเหตุนี้ ค่าธรรมเนียม GMAT Focus Edition  จะยังคงเหมือนกับการสอบ GMAT ปัจจุบัน

“โปรดทราบว่าคะแนนสอบ GMAT ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น GMAT ปัจจุบันหรือ GMAT Focus Edition จะยังคงมีอายุ 5 ปี” Ashish Bhardwaj รองประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายพัฒนาตลาดของ GMAC กล่าว “ด้วยการประกาศล่วงหน้าของรุ่นใหม่ เราขอแนะนำให้ผู้สมัครดำเนินการลงทะเบียนและทำข้อสอบ GMAT ด้วยวิธีที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้พวกเขาแสวงหาการศึกษาด้านการจัดการระดับบัณฑิตศึกษา”

เกี่ยวกับ GMAC

Graduate Management Admission Council (GMAC) เป็นสมาคมที่ขับเคลื่อนด้วยพันธกิจของบัณฑิตวิทยาลัยธุรกิจชั้นนำทั่วโลก GMAC ให้บริการการวิจัยระดับโลก การประชุมทางอุตสาหกรรม เครื่องมือการสรรหา และการประเมินสำหรับอุตสาหกรรมการศึกษาด้านการจัดการระดับบัณฑิตศึกษา ตลอดจนทรัพยากร กิจกรรม และบริการที่ช่วยแนะนำผู้สมัครตลอดเส้นทางการศึกษาระดับอุดมศึกษา GMAC เป็นเจ้าของและบริหารจัดการ การสอบ Graduate Management Admission Test™ (GMAT™) คือแบบประเมินบัณฑิตวิทยาลัยธุรกิจที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย

ผู้มีโอกาสเป็นนักเรียนมากกว่า 12 ล้านคนต่อปีไว้วางใจเว็บไซต์ของ GMAC รวมถึง mba.comเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับหลักสูตร MBA และปริญญาโทด้านธุรกิจ เชื่อมต่อกับโรงเรียนต่างๆ ทั่วโลก เตรียมตัวและลงทะเบียนสอบและรับคำแนะนำในการสมัครเรียนหลักสูตร MBA และปริญญาโทธุรกิจให้สำเร็จ BusinessBecause และ  GMAC Tours เป็นบริษัทในเครือของ GMAC ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลกที่มีสำนักงานในจีน อินเดีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา รัฐ

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับงานของเรา โปรดไปที่ www.gmac.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ติดต่อสื่อ:

Teresa Hsu
ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์
มือถือ: 202-390-4180
thsu@gmac.com

ที่มา: Graduate Management Admission Council (GMAC™)

เครื่องดื่ม Oleato™ มาถึงร้าน Starbucks บางแห่งในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 20 เมษายนแล้ว

Logo

        ญี่ปุ่นเป็นตลาดโลกแห่งที่สามของ Starbucks ที่เปิดตัวเครื่องดื่ม Oleato™ โดยผสมผสานกาแฟอาราบิก้าคุณภาพสูงและน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ Partanna® เข้าไว้ด้วยกันในชื่อ “The New Coffee Ritual”

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–20 เมษายน 2023

ในวันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน 2023 Starbucks ได้ประกาศเปิดตัวไลน์เครื่องดื่มกาแฟแนวใหม่ที่เรียกว่า “Oleato™” ซึ่งเป็นนวัตกรรมการเล่นแร่แปรธาตุของ กาแฟอาราบีก้าของ Starbucks® ที่ดีที่สุดที่ผสมน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ Partanna® ณ ร้านค้าบางแห่งกว่า 60 แห่งทั่วญี่ปุ่น รวมถึง Starbucks Reserve® Roastery Tokyo.

Howard Schultz, chairman emeritus and board member, Starbucks Coffee Company, joins Takafumi Minaguchi, ceo, Starbucks Japan, at the Oleato™ announcement in Tokyo (Photo: Business Wire)

Howard Schultz ประธานกิตติมศักดิ์และสมาชิกคณะกรรมการบริษัท Starbucks Coffee ร่วมกับ Takafumi Minaguchi ซีอีโอของ Starbucks Japan ในการประกาศ Oleato™ ในโตเกียว (ภาพ: Business Wire)

หลังจากการเปิดตัวเครื่องดื่ม Oleato™ ในอิตาลีในเดือนกุมภาพันธ์ และการเปิดตัวในเดือนมีนาคมที่ Starbucks Reserve® Roasteries ในชิคาโก ซีแอตเทิล และนิวยอร์ก และร้านค้าบางแห่งในสหรัฐอเมริกา ตลาดการเปิดตัวระดับโลกแห่งที่สามของ Starbucks สำหรับสายเครื่องดื่มจะอยู่ที่ญี่ปุ่น ซึ่ง Starbucks เริ่มต้นการเดินทางในฐานะแบรนด์ระดับโลกนอกอเมริกาเหนือเมื่อ 26 ปีที่แล้ว

เช่นเดียวกับลาเต้ของ Starbucks อันเป็นเอกลักษณ์ ต้นกำเนิดของเครื่องดื่ม Oleato™ ได้เริ่มต้นในอิตาลี ในระหว่างที่ท่องเที่ยวในอิตาลีในฤดูร้อนปี 2022 Howard Schultz ประธานกิตติมศักดิ์และสมาชิกคณะกรรมการบริษัท Starbucks Coffee ได้พบกับประเพณีของครอบครัวที่สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนในการเพลิดเพลินกับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์หนึ่งช้อนทุกวันเป็นพิธีที่ยกระดับจิตใจ วันนี้ ผู้ก่อตั้งร่วมกับหุ้นส่วน (พนักงาน) และลูกค้าในโตเกียวเพื่อเปิดตัวพิธีที่เปลี่ยนแปลงใหม่ในวงการกาแฟในญี่ปุ่น

“ตั้งแต่เราเปิดตัวครั้งแรกในมิลานและตอนนี้ในตลาดสหรัฐบางแห่ง ความภาคภูมิใจของพันธมิตรและความกระตือรือร้นของลูกค้าสำหรับ Oleato™ นั้นเกินความคาดหมายของเรามาก ขณะที่เราแนะนำนวัตกรรมกาแฟใหม่นี้ในญี่ปุ่น เวลาที่ฉันอยู่ที่โตเกียวในสัปดาห์นี้ทำให้ฉันนึกถึงความเกี่ยวข้องที่ยั่งยืนและระดับโลกของชุมชน การเชื่อมต่อ และความหลงใหลในทั้งกาแฟและงานฝีมือ” ชูลต์ซกล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะแนะนำการปฏิวัติครั้งต่อไปของกาแฟสู่ตลาดญี่ปุ่นที่รวบรวมส่วนผสมที่ดีที่สุดของธรรมชาติ – เมล็ดกาแฟอาราบิก้าของ Starbucks และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์สกัดเย็น Partanna Oleato™ ได้เปิดเผยให้เราได้เห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ สำหรับ Starbucks

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้นำนวัตกรรมเครื่องดื่มล่าสุดของ Starbucks มาสู่ลูกค้าในญี่ปุ่น” Takafumi Minaguchi ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Starbucks Japan กล่าว “ลูกค้าของเรากระตือรือร้นที่จะสำรวจวิธีใหม่ๆ ที่จะได้เพลิดเพลินกับ ประสบการณ์ Starbucks ของพวกเขา เราเชื่อว่านวัตกรรมการเปลี่ยนแปลงของส่วนผสมทั้งสองที่คาดไม่ถึงนี้จะเกินความคาดหมายของพวกเขาและได้รับการยกระดับด้วยรสชาติใหม่ที่ไม่ธรรมดา”

กาแฟผสานกับน้ำมันมะกอก

เครื่องดื่ม Oleato™ เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกาแฟแนวใหม่ที่นำมารวมกับกาแฟอาราบิก้าของ Starbucks อย่างเหนือความคาดหมาย โดยผสมกับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ Partanna หนึ่งช้อนเต็มได้อย่างเอร็ดอร่อย ความลงตัวที่เกิดจากการผสมผสานที่คาดไม่ถึงนี้ทำให้ได้กาแฟที่เนียนนุ่ม  หอมหวานละมุน และกาแฟรสนุ่มที่ยกระดับแต่ละถ้วยด้วยรสชาติและเนื้อสัมผัสใหม่ที่ไม่ธรรมดา การใช้เฉพาะน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ที่คัดสรรมาอย่างดีและผสมผสานอย่างลงตัวกับกาแฟ Starbucks ทำให้เครื่องดื่ม Oleato™ มอบพิธีการชงกาแฟแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใคร

ด้วยรสชาติที่ออกหวานนิดๆ ไม่เหมือนใครและความนุ่มนวลของคาราเมลเนย น้ำมันมะกอก Partanna จึงเป็นส่วนประกอบตามธรรมชาติของกาแฟ Starbucks ไม่ว่าจะดื่มร้อนหรือเย็น ประสบการณ์ของเนื้อสัมผัสที่หรูหราและน่าประหลาดใจนั้นไม่เหมือนใคร

Taku Shimizu ผู้จัดการกลุ่ม Beverage Development ซึ่งเป็นผู้นำในการเปิดตัวเครื่องดื่ม Oleato™ ในญี่ปุ่นกล่าวว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการเปิดตัว Oleato™ ในญี่ปุ่น ซึ่งรวบรวมส่วนผสมที่ลงตัวจากธรรมชาติ กาแฟ และน้ำมันมะกอก เราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ของเราเพื่อค้นหาวิธีการนำเครื่องดื่ม Oleato™ สู่ประเทศญี่ปุ่น โดยยังคงรักษาประสบการณ์อันน่าเชิญชวนและประหลาดใจจากแรงบันดาลใจจากอิตาลี ด้วยรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์เหล่านี้ ผมมั่นใจว่าประสบการณ์ความอร่อยของเครื่องดื่ม Oleato™ ที่เกิดขึ้นได้จากนวัตกรรมของ Starbucks จะกลายเป็นพิธีการดื่มกาแฟแบบใหม่ของลูกค้าของเรา”

เครื่องดื่ม Oleato™ ต่อไปนี้จะวางจำหน่ายที่ร้านค้าบางแห่งในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนเป็นต้นไป

เครื่องดื่ม Oleato™ มีจำหน่ายที่ Starbucks Reserve® Roastery Tokyo และร้าน Starbucks Reserve® บางแห่ง

  • Starbucks Reserve® Oleato™ เอสเพรสโซ่เย็นครีมทอง
    ที่ผสมกับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษของ Partanna สร้างรสชาติที่ละเอียดอ่อนและผสมผสานกับ Starbucks Reserve® Espresso และนมข้าวโอ๊ตเพื่อความรู้สึกที่เย้ายวนใจทุกครั้งที่จิบ
  • Starbucks Reserve® Oleato Golden Foam™ โคลด์บรูว์
    Starbucks Reserve® โคลด์บรูว์ให้ความหวานเล็กน้อยด้วยน้ำเชื่อมวานิลลาบีน ปิดท้ายด้วยโฟมเย็นผสมน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ Partanna® สร้างกลิ่นหอมที่เย้ายวนใจและความหวานอ่อนๆ
  • Starbucks Reserve® Oleato™ ลาเต้นมข้าวโอ๊ต
    Starbucks Reserve® เอสเปรสโซและนมข้าวโอ๊ตครีมผสมกับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษของ Partanna® ทำให้เกิดลาเต้ที่นุ่มนวลและหอมหวาน

เครื่องดื่ม Oleato™ มีจำหน่ายที่ร้านค้าบางแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น

  • Starbucks Oleato Golden Foam™ โคลด์บรูว์
    กลิ่นหอมที่ดึงดูดใจของน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ Partanna® ผสมโฟมเย็นที่ไหลรินอย่างช้าๆ ผ่านเบียร์เย็นสีเข้มที่นุ่มนวล สร้างความหวานอ่อนๆ ในเครื่องดื่ม
  • Starbucks Oleato™ ลาเต้นมข้าวโอ๊ต
    ผสมผสานกับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ Partanna® และนึ่งด้วยครีมนมข้าวโอ๊ตเพื่อสร้างลาเต้ที่นุ่มละมุนและน่ารับประทาน

นับตั้งแต่เปิดร้านสาขาแรกในกินซ่าเมื่อปี 1996 Starbucksได้เปิดร้านมากกว่า 1,800 แห่งในญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินการโดยพันธมิตรมากกว่า 51,000 รายที่สวมผ้ากันเปื้อนสีเขียวอย่างภาคภูมิ Starbucks ยังคงมอบ ประสบการณ์ Starbucks ระดับพรีเมียมให้กับลูกค้าทั่วญี่ปุ่นต่อไปด้วยเครื่องดื่มที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น เช่น มัทฉะและเครื่องดื่มชา รวมถึงนวัตกรรมอย่างเครื่องดื่มปั่น Frappuccino® ตามฤดูกาล ในปี 2019 Starbucks ได้เปิด Starbucks Reserve® Roastery Tokyo ซึ่งเป็นการยกย่องคุณภาพกาแฟระดับพรีเมียม นวัตกรรม และความเชื่อมโยงของมนุษย์อย่างเต็มที่ ซึ่งประสบการณ์การดื่มกาแฟใหม่ที่ไม่ธรรมดาจะมอบความมีชีวิตชีวาให้กับลูกค้าทุกวัน

เกี่ยวกับ Starbucks

ตั้งแต่ปี 1971 Starbucks Coffee Company มุ่งมั่นที่จะจัดหาและคั่วกาแฟอาราบิก้าคุณภาพสูงอย่างมีจริยธรรม ปัจจุบันมีร้านค้ามากกว่า 36,000 แห่งทั่วโลก บริษัทเป็นผู้คั่วและผู้ค้าปลีกกาแฟชนิดพิเศษชั้นนำของโลก ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่สู่ความเป็นเลิศและหลักการชี้นำของเรา เราจึงนำประสบการณ์ Starbucks ที่เป็นเอกลักษณ์มาสู่ชีวิตสำหรับลูกค้าทุกคนในทุกแก้ว หากต้องการแบ่งปันประสบการณ์ โปรดไปที่ร้านค้าของเราหรือทางออนไลน์ที่ story.starbucks.com หรือ www.starbucks.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53384602/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อเรา

press@starbucks.com

ที่มา: Starbucks Coffee Company