Category Archives: General News

มหาวิทยาลัยการจัดการแห่งสิงคโปร์ร่วมมือกับ XED เพื่อเสนอโปรแกรม LIVE แบบโต้ตอบสำหรับผู้นำระดับสูง

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–9 กุมภาพันธ์ 2565

มหาวิทยาลัยการจัดการแห่งสิงคโปร์ (SMU) ได้รับการยอมรับในระดับสากลในด้านการวิจัยระดับโลกและการสอนที่โดดเด่น โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2543 พันธกิจของ SMU คือการสร้างงานวิจัยระดับแนวหน้าที่มีผลกระทบระดับโลกและจัดหาผู้นำที่มีความคิดสร้างสรรค์และการเป็นผู้ประกอบการที่หลากหลายสำหรับเศรษฐกิจแบบที่ให้เกิดภูมิปัญญา

Singapore Management University Executive Development (SMU ExD) ที่ฝังอยู่ในแรงผลักดันโดยรวมในการคาดการณ์และเชื่อมโยงความสามารถสำหรับอนาคต ได้ร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ XED เพื่อเสนอโปรแกรมผู้บริหารสำหรับผู้นำระดับสูงทั่วทั้งองค์กร

“วิธีที่ดีที่สุดในการทำนายอนาคตคือการสร้างมันขึ้นมา บรรดาผู้นำทั่วโลกกำลังเผชิญกับโลกที่คาดเดาไม่ได้และเศรษฐกิจที่เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูป เราจำเป็นต้องมีการไม่เรียนรู้และเรียนรู้ใหม่เพื่อนำทางกฎใหม่ของเกม การร่วมมือกับ XED ทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ เนื่องจากขณะนี้เราสามารถใช้ประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญของคณาจารย์เพื่อเผยแพร่ความรู้ทั่วภูมิภาค” Eddie Tritton (ผู้อำนวยการบริหารของ ExD แห่งมหาวิทยาลัยการจัดการแห่งสิงคโปร์) กล่าว

โปรแกรมที่จะเกิดขึ้นของเรา: Executive Program in Digital Leadership (EPDL) ได้รับการออกแบบให้เป็นเส้นทางการเรียนรู้ออนไลน์ 5 เดือนที่มีรูปแบบเฉพาะและมุ่งเน้นเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสกับเสาหลักของการเป็นผู้นำในยุคดิจิทัลและสามารถใช้กับการเรียนรู้ได้สู่สภาพแวดล้อมในการทำงาน เรียนรู้เพิ่มเติม

เซสชั่นจะ LIVE ในกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีผู้เข้าร่วม 40 ถึง 50 คนสำหรับประสบการณ์การเรียนรู้ที่ส่งผลกระทบ ผู้เข้าร่วมมีประสบการณ์การทำงานโดยเฉลี่ย 15 ปี และอาศัยอยู่ในฮ่องกง ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ ไนจีเรีย และอื่น ๆ

ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำบางแห่งและสถาบัน Ivy League ได้สร้างกระแสและประสบความสำเร็จและมีส่วนร่วมเป็นอย่างมาก John Kallelil (ผู้ก่อตั้ง XED) ให้ความเห็นว่า “โปรไฟล์ผู้เข้าร่วมของเราแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานที่ไม่ซ้ำใครของผู้นำธุรกิจอาวุโส ตั้งแต่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพไปจนถึงมืออาชีพรุ่นเก๋าจาก C-suite ผู้เข้าร่วมของเราแสดงความสนใจอย่างมากในการเพิ่มทักษะและเตรียมตัวสำหรับยุคดิจิทัล โมเดลที่มีการพัฒนาและผกผันอย่างต่อเนื่องต้องการการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องกันเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร”

XED ได้ฝึกอบรมผู้นำอาวุโสมากกว่า 10,000 รายจาก PepsiCo, IBM, Adobe, John Deere, Bank of America, WNS, Meinhardt, Abu Dhabi Government และอื่น ๆ อีกหลายแห่ง ในอนาคต XED มีแผนที่จะแนะนำโปรแกรมใหม่ที่ช่วยให้ผู้นำระดับสูงสามารถเข้าถึงมหาวิทยาลัยทั่วโลก การศึกษาที่มีคุณภาพ และการเรียนรู้ที่กำหนดเองได้กว้างขึ้น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220208005679/en/

ติดต่อ:

John Kallelil | john@xedinstitute.org
https://xedinstitute.org/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Women’s Entrepreneurship Accelerator ต้อนรับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศในฐานะพันธมิตรใหม่ของสหประชาชาติในการเชื่อมโยงความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลระหว่างเพศ

Logo

กิจกรรมจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการสตรีจากกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศที่มีระดับการพัฒนาน้อยที่สุด

นิวยอร์ก & เจนีวา–(BUSINESS WIRE)–8 กุมภาพันธ์ 2565

รายงานการค้นพบที่สำคัญของ McKinsey Global Institute พบว่า GDP โลกจะเพิ่มขึ้น 12 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 หากผู้หญิงที่ด้อยโอกาสทั่วโลกได้รับสิทธิ์เข้าถึงการศึกษาทักษะด้านดิจิทัลที่สำคัญ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220208005293/en/

Doreen Bogdan-Martin, Director of the Telecommunication Development Bureau at International Telecommunication Union (ITU) (Photo: Mary Kay Inc.)

Doreen Bogdan-Martin ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาโทรคมนาคมแห่งสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) (ภาพ: Mary Kay Inc.)

ช่องว่างที่น่าตกใจนี้ได้แจ้งในความร่วมมือล่าสุดของ Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) กับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ซึ่งเป็นหน่วยงานเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสหประชาชาติ ทั้งนี้ได้ร่วมกันกับ WEA และ ITU ในการวางแผนที่จะเชื่อมโยงความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลระหว่างเพศ

นอกจากการสนับสนุนของ Mary Kay แล้ว ITU และ WEA จะช่วยให้ผู้ประกอบการสตรีทั่วโลกมีทักษะด้านดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของตนเองในเร็ว ๆ นี้ ผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมทักษะคุณภาพสูง นอกจากโมดูลออนไลน์แล้วและในการสนับสนุนของ WEA,  ITU และ Mary Kay จะมีส่วนช่วยในการสร้างระบบนิเวศการเสริมสร้างพลังของผู้หญิงผ่านการเปิดตัวความท้าทายด้านนวัตกรรมประจำปี

“การรู้หนังสือดิจิทัลไม่ใช่แค่เรื่องดีที่จะมีอีกต่อไป—แต่มันคือสิ่งจำเป็น” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดจะต้องได้รับการเข้าถึงการฝึกอบรมทักษะดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูงและคุณภาพสูง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการจากตลาดที่พัฒนาแล้วได้อย่างเท่าเทียมกัน ด้วยการทำงานร่วมกับ WEA และ ITU เราจะทำให้มันเกิดขึ้น”

ช่องว่างทางดิจิทัลยังคงมีอยู่แพร่หลายในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา โดยที่ผู้หญิงเพียงร้อยละ 19 เท่านั้นที่ใช้และได้รับประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต1 ความไม่เท่าเทียมกันเหล่านี้ได้รับการเปิดเผยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ผู้ประกอบการจำนวนมาก—ถ้าไม่ใช่ทั้งหมด—ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันด้วยการเคลื่อนย้ายธุรกิจของตนเข้าสู่โลกออนไลน์ พูดง่าย ๆ ก็คือ ผู้ประกอบการสตรีที่มีศักยภาพซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) ไม่สามารถทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้ เว้นแต่จะมีทักษะด้านดิจิทัลที่จำเป็น

“ITU รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Women’s Entrepreneurship Accelerator เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้ และส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก” Doreen Bogdan-Martin ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาโทรคมนาคมของ ITU กล่าว “การทำงานร่วมกันเพื่อสร้างทักษะดิจิทัลและสภาพแวดล้อมที่เปิดใช้งาน ICT รอบ ๆ ผู้ประกอบการเหล่านี้ เราสามารถช่วยให้ผู้หญิงเข้ามาแทนที่ในฐานะผู้นำที่มีทักษะและเท่าเทียมกันในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ”

โครงการริเริ่ม “Bridging the Digital Gender Divide” ซึ่งจะได้รับการแปลเป็นหลายภาษาจะประกอบด้วย:

  • 17 โมดูลออนไลน์เกี่ยวกับการฝึกอบรมทักษะดิจิทัลทั่วไปสำหรับเยาวชนหญิงและผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด
  • 8 โมดูลออนไลน์เกี่ยวกับทักษะดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการสตรีในภาคสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
  • 4 4 โมดูลออนไลน์เกี่ยวกับทักษะการจัดการสำหรับผู้ประกอบการสตรีในด้านเทคโนโลยี
  • 2-4 โมดูลออนไลน์สำหรับหลักสูตรผู้ประกอบการธุรกิจสีเขียวและเศรษฐกิจ
  • 2-4 โมดูลออนไลน์สำหรับหลักสูตรการดูแลผู้ประกอบการและเศรษฐกิจ

โครงการนี้ไม่เคยมีมาก่อนในการเข้าถึงทั่วโลกที่มีศักยภาพ การมุ่งเน้นที่การฝึกอบรม – ในการมอบทักษะดิจิทัลเพื่อการเปลี่ยนแปลงระหว่างเพศสำหรับผู้ประกอบการสตรี – จะมีส่วนช่วยในการสร้างความมั่นใจในสังคมและเศรษฐกิจที่ครอบคลุมผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทั้งนี้จะช่วยให้ผู้หญิงในการพัฒนาและ LDCs เข้าถึงหลักสูตรฟรีที่มีคุณภาพสูงที่จะพาพวกเขาผ่านเส้นทางการเรียนรู้เชิงกลยุทธ์จากการระบุตนเองในฐานะผู้ประกอบการ เพื่อรับทักษะดิจิทัลที่จำเป็นต่อความก้าวหน้าในเศรษฐกิจดิจิทัล

โครงการนี้จะมีส่วนช่วยใน Women’s Entrepreneurship Accelerator ด้วยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีในการเติบโตและก้าวหน้าอย่างครอบคลุมและยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยโดยตรงในการบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2573 และเป้าหมายหลายประการที่เกี่ยวข้องกับ SDG 1 (ความยากจน) SDG 4 (การศึกษา) SDG 5 (เพศ) และ SDG 17 (การเป็นพันธมิตร)

เกี่ยวกับ International Telecommunication Union

สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) เป็นหน่วยงานเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสหประชาชาติ (ICTs) โดยขับเคลื่อนนวัตกรรมด้าน ICTs ร่วมกับประเทศสมาชิก 193 แห่ง และเป็นสมาชิกของบริษัท มหาวิทยาลัย และองค์กรระดับนานาชาติและระดับภูมิภาคกว่า 900 แห่ง ITU ก่อตั้งขึ้นกว่า 150 ปีที่แล้วในปี 2408 ซึ่งเป็นหน่วยงานระหว่างรัฐบาลที่รับผิดชอบในการประสานงานการใช้คลื่นความถี่วิทยุร่วมกันทั่วโลก ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการกำหนดวงโคจรของดาวเทียม ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารในประเทศที่กำลังพัฒนา และกำหนดมาตรฐานทั่วโลกที่ส่งเสริมการเชื่อมต่อระหว่างกันอย่างราบรื่นของระบบสื่อสารที่หลากหลาย ตั้งแต่เครือข่ายบรอดแบรนด์ไปจนถึงเทคโนโลยีไร้สายล้ำสมัย การนำทางการบินและการเดินเรือ ดาราศาสตร์วิทยุ การเฝ้าติดตามโลกทางมหาสมุทรและดาวเทียม ตลอดจนการรวมกันของโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีการแพร่ภาพ ITU มุ่งมั่นที่จะเชื่อมต่อโลก สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.itu.int

เกี่ยวกับ the Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มแบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายเกี่ยวกับผู้ประกอบการสตรีที่จัดโดยหน่วยงานของสหประชาชาติหกแห่ง ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC), สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU), โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC), องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และ Mary Kay มุ่งมั่นจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสตรีจำนวน 5 ล้านคนภายในปี 2573

เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โครงการ Accelerator เป็นตัวอย่างของพลังในการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อควบคุมศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี

สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ we-accelerate ติดตามเราบน: Twitter (We_Accelerator) และ Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator) และ LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 58 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ marykayglobal.com

1 https://www.itu.int/itu-d/reports/statistics/2021/11/15/the-gender-digital-divide/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220208005293/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



สำนักงานกฎหมาย Kim & Chang ยื่นขอคำสั่งห้ามบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Cyworld ในฐานะตัวแทนของ Betalabs

Logo

โซล เกาหลีใต้–(บิสิเนสไวร์)–08 ก.พ. 2565

โซล, เกาหลีใต้ — Betalabs (CEO Kim Ho-gwang) ผู้ดำเนินการ Cy Club ได้ยื่นขอ 'คำสั่งห้ามชั่วคราว ได้แก่ การห้ามขัดขวางการทำธุรกิจ เช่น การออกสกุลเงินดิจิทัล' กับสามบริษัท ซึ่งรวมถึง Cyworld Z ในวันที่ 4  ทางอุตสาหกรรมและนักลงทุนกำลังสังเกตภูมิหลังของการมีส่วนร่วมของบริษัทกฎหมาย Kim & Chang ในฐานะตัวแทนทางกฎหมายของ Betalabs

การยื่นขอคำสั่งห้ามโดย Betalabs ต่อศาลกลางกรุงโซลเป็นคำขอเพื่อรับรองสถานะการผูกขาดของ Betalabs ในการดำเนินงานโดยรวมของ Cyworld ซึ่งรวมถึงการออกเหรียญ การรีแบรนด์ การใช้โลโก้ การเชื่อมโยงแพลตฟอร์ม และการใช้ทรัพยากรเนื้อหา  นอกจากนี้ยังมีคำขอให้ระงับโครงการบล็อคเชนที่ Cyworld Z กำลังส่งเสริมกับบริษัทอื่นๆ เช่น Conun Korea เนื่องจากไม่มีสิทธิทางกฎหมาย

เมื่อเร็วๆ นี้ Cyworld Z ไล่ CEO Hogwang Kim ของจากตำแหน่งและแจ้ง Betalabs เพื่อยุติสัญญา ทั้งนี้ Betalabs ได้ตอบโต้ว่า Cyworld Z กำลังละเมิดกฎหมายโดยนำเสนอบันทึกความเข้าใจเมื่อวันที่ 16 มีนาคมของปีที่แล้วและข้อตกลงในการออกเหรียญในวันที่ 14 เมษายน  Betalabs อ้างว่าสถานะพิเศษของ Betalabs ระบุไว้ในเอกสารทั้งสองฉบับและการแจ้งการบอกเลิกสัญญาไม่มีพื้นฐานทางกฎหมาย  หากศาลยอมรับคำเสนอของ Betalabs อุตสาหกรรมจะเชื่อว่า Cyworld Z อาจอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ

เมื่อ 'Kim & Chang' ขึ้นศาลในนามของ Betalabs หมู่คนในวงการได้ลือกันว่า 'Kim & Chang' น่าจะรับคดีนี้ขึ้นเพราะมีพื้นฐานทางกฎหมายและคาดว่าจะได้รับชัยชนะ  ฝ่าย 'Kim & Chang' กล่าวว่า “เราต้องรอคำตัดสินของศาลเกี่ยวกับผลการขอคำสั่งห้าม” แต่ยังกล่าวอีกว่า “หลังจากใช้เวลาพอสมควรในการตรวจสอบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบแล้ว เราจึงตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดี” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Kim & Chang ยอมรับข้ออ้างทางกฎหมายของ Betalabs

ด้วยผู้ใช้และนักลงทุนจำนวนมากที่รอคอยให้ Cyworld เปิด ความสนใจของอุตสาหกรรมจึงมุ่งเน้นไปที่ว่าคำตัดสินของศาลจะเปิดทางไปสู่การฟื้นฟูธุรกิจหรือไม่

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220207005996/en/

ติดต่อ:

Betalabs
Kim Ho-gwang CEO
+82-70-7772-1107
ceo@Betalabs.kr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. มุ่งมั่นที่จะปกป้องชายฝั่งของเราในวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลกปี 2565

Logo

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–3 กุมภาพันธ์ 2565

มหาสมุทรให้ออกซิเจน 80% ที่เราหายใจเข้าไป และเป็นแหล่งอาหารและรายได้สำหรับผู้คนกว่าสามพันล้านคนทั่วโลก ในวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก (World Wetland Day) Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านความยั่งยืนขององค์กรและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ได้ให้คำมั่นครั้งใหม่กับ The Nature Conservancy เพื่อรักษาพื้นที่ชุ่มน้ำอันล้ำค่าที่เรียงราย และปกป้องชายฝั่งของเรา

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220202005881/en/

The Nature Conservancy logo

โลโก้ของ The Nature Conservancy

การเป็นพันธมิตรของ Mary Kay กับ The Nature Conservancy (TNC) เริ่มขึ้นในปี 2533 ในทศวรรษที่ผ่านมา พวกเขาได้รวมพลังเพื่อมีส่วนร่วมกับชนเผ่าพื้นเมืองในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบยั่งยืนในนิวซีแลนด์ จัดหาน้ำจืดให้กับผู้คนในเม็กซิโก ทำความสะอาดมหาสมุทรของเรา สงวนพันธุ์และส่งเสริมสตรีในหมู่เกาะโซโลมอน โครงการล่าสุดของพวกเขากับ TNC ซึ่งเริ่มดำเนินการในปี 2562 ที่มุ่งเน้นในการอนุรักษ์และปรับปรุงพื้นที่ชุ่มน้ำ

“พื้นที่ชุ่มน้ำริมชายฝั่งทำให้เกิดการบรรลุความสำเร็จที่สำคัญสามประการของสภาพอากาศอันได้แก่: การดักจับคาร์บอน การปรับตัวให้เข้ากับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นต่อพายุและน้ำท่วม โดยทั้งหมดนี้และในขณะเดียวกันก็สนับสนุนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “น่าเสียดายที่รัฐเท็กซัสซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Mary Kay ได้สูญเสียพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งมากกว่าครึ่งในช่วง 200 ปีที่ผ่านมาในการแปลงสภาพเป็นที่อยู่อาศัย พื้นที่รกร้างว่างเปล่า และความเจริญ ในวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก Mary Kay มุ่งมั่นที่จะปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำของเราอีกครั้งเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นต่อไป”

“ในทุกฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากมีนกหลายร้อยสายพันธุ์อพยพบินข้ามอ่าวจากละตินและอเมริกาใต้ ดังนั้นพื้นที่ชุ่มน้ำของชายฝั่งจึงเป็นจุดแวะพักที่สำคัญสำหรับพวกมันเพื่อพักผ่อนและเติมเชื้อเพลิงก่อนเดินทางต่อไป” Lauren Williams ผู้อำนวยการ Texas Resilient Coast Program ที่ The Nature Conservancy กล่าว “ในขณะที่จำนวนประชากรของรัฐเพิ่มขึ้น คาบสมุทรกัลฟ์ได้กลายเป็นอสังหาริมทรัพย์ชั้นเยี่ยมสำหรับผู้คนมากเท่า ๆ กับสำหรับสัตว์ป่า ด้วยการเป็นพันธมิตรกับ Mary Kay เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตตามแนวชายฝั่งที่ยั่งยืนสำหรับเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสัตว์ป่าที่อาศัยพึ่งพา”

Mary Kay และ TNC ร่วมกันทำงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำของเราในปีหน้าดังต่อไปนี้:

  • ระบุพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญสำหรับการป้องกันและฟื้นฟูตามแนวชายฝั่งมากกว่า 27,000 กิโลเมตรตามแนวอ่าวเม็กซิโก
  • จัดทำแผนปฏิบัติการอนุรักษ์และฟื้นฟูชายฝั่งสำหรับระบบนิเวศบลูคาร์บอนสามแห่งของเท็กซัส ได้แก่ ป่าชายเลน บึงเกลือ และหญ้าทะเล รวมถึงพื้นที่ทำแผนที่ที่เราคาดว่าพื้นที่ชุ่มน้ำจะโยกย้ายในอนาคตอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ประเมินความเป็นไปได้ของตลาดบลูคาร์บอนเพื่อรองรับความต้องการการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำในระยะยาวในเท็กซัส
  • ระบุพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งทะเลแบบไดนามิกที่สามารถกำหนดเป็น “ห้องปฏิบัติการที่มีชีวิต” เพื่อแบ่งปันเทคนิคการอนุรักษ์ สำรวจการชดเชยบลูคาร์บอน และเน้นความสำคัญของระบบนิเวศที่สำคัญเหล่านี้
  • สร้างแรงผลักดัน ความร่วมมือ และความสามารถในการฟื้นฟูชายฝั่งในเท็กซัสเพื่อดำเนินงานนี้ต่อไปในอนาคต

“กุญแจสำคัญคือการทำงานควบคู่กันไม่ใช่เพียงแค่ The Nature Conservancy เท่านั้น แต่กับธรรมชาติด้วย” Gibbins กล่าวเสริม “เราต้องปรับสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบทั้งของมนุษย์และระบบธรรมชาติ Mary Kay มีความเชื่อพื้นฐานในการทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น และไม่มีที่ใดที่จะดีไปกว่าการเริ่มต้นที่บ้าน”

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน สามารถเยี่ยมชมได้ที่ marykayglobal.com/sustainability และดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay ที่ชื่อว่า Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นมากกว่า 57 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย Mary Kay ยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เราสร้างสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและภูมิภาค เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220202005881/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย





BitMEX ให้การต้อนรับ Raphael Polansky เพื่อเข้ามาเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ

Logo

มาเฮ เซเชลส์–(BUSINESS WIRE)–14 ม.ค. 2565

แพลตฟอร์มการลงทุน Crypto BitMEX ยินดีที่จะต้อนรับ Raphael Polansky ให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) คนใหม่ โดยในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Raphael รับผิดชอบการจัดการการดำเนินงานและโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและการขยายตลาด และการเปลี่ยน BitMEX ให้กลายเป็นระบบนิเวศการลงทุนแบบคริปโตเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ Raphael รายงานตรงต่อ Alexander Höptner ผู้เป็น CEO ของ BitMEX

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย ดูข่าวฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220113005975/en/

BitMEX Welcomes Raphael Polansky as Chief Operating Officer (Photo: Business Wire)

BitMEX ให้การต้อนรับ Raphael Polansky ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (ภาพ: Business Wire)

ก่อนที่จะมาร่วมงานกับ BitMEX คุณ Raphael เคยเป็นกรรมการผู้จัดการของ Blocknox มาเกือบสองปีแล้ว โดยเขาได้จัดตั้งและดำเนินการแพลตฟอร์มการดูแลคริปโต และเป็นผู้นำกลยุทธ์ทางธุรกิจ การพัฒนาไอที และการดำเนินงานของบริษัท Raphael เคยทำงานในตำแหน่งหัวหน้าที่ Boerse Stuttgart และ Deutsche Boerse มาเกือบหนึ่งทศววรษครึ่งแล้ว

Raphael กล่าวว่า: “ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับโอกาสที่จะผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ BitMEX เรามีท่อส่งโครงการที่แข็งแกร่งซึ่งวางแผนไว้สำหรับปี 2565 และปีต่อ ๆ ไป และทีมงานบุคลากรที่แข็งแกร่งของที่มีความสามารถและความสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่ดีขึ้นทั่วโลก ผมตื่นเต้นที่จะได้เป็นผู้นำในการดำเนินงานและการขยายตัวของคริปโตในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสำหรับเราและอุตสาหกรรมโดยรวม”

Alex กล่าวว่า: “ผมตื่นเต้นที่ได้  Raphael เข้าร่วมทีมผู้นำของเราในฐานะซีโอโอ ความมั่งคั่งของคริปโต, ตลาดการเงิน และประสบการณ์การจัดการของเขาพิสูจน์แล้วว่าเขาสามารถมอบประสิทธิภาพการดำเนินงาน การประสานงาน และการทำงานร่วมกันที่ดียิ่งขึ้นในช่วงระยะต่อไปของการเติบโตของเรา”

BitMEX กำลังหาผู้ร่วมงาน คลิกที่นี่ เพื่อสำรวจโอกาสในการทำงานที่ BitMEX

เกี่ยวกับ BitMEX

BitMEXเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงตลาดการเงินสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก BitMEX เป็นเจ้าของโดย HDR Global Trading Limited หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ BitMEX วิสัยทัศน์ของเรา ทีมที่กำลังเติบโต และหนทางข้างหน้า โปรดติดตามเราที่ Twitter, Telegram, และที่ บล็อก BitMEX Blog. ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ press@bitmex.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220113005975/en/

ติดต่อ:

สื่อ

Jessica Lindeman

press@bitmex.com

+852 5717 5579

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay สานต่อความมุ่งมั่นทางด้านวิทยาศาสตร์เพื่อการดูแลผิว

Logo

Mary Kay นำเสนองานวิจัย ณ งานประชุมวิชาการที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ 2 แห่ง ได้แก่ งาน Aesthetic & Anti-Aging Medicine World Congress (AMWC) ครั้งที่ 19 และงานที่จัดโดยสมาคมยุโรปเพื่อการวิจัยโรคผิวหนัง (ESDR)

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–13 มกราคม 2565

Mary Kay Inc. หนึ่งในบริษัทผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยของโลก ได้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการที่มีชื่อเสียงของยุโรป 2 งานในช่วงปลายปี 2564 โดยในงาน Aesthetic & Anti-Aging Medicine World Congress ครั้งที่ 19 Mary Kay Inc. ได้ส่งโปสเตอร์วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการใช้และความทนต่อสูตรเรตินอลที่มีความเข้มข้นสูงสำหรับผิวของชาวเอเชีย และยังได้ร่วมกับสมาคมยุโรปเพื่อการวิจัยโรคผิวหนัง (ESDR) ให้การสนับสนุนการจัดการสัมมนาหัวข้อ Future Leaders in Dermatology ในงานประชุมวิชาการประจำปีครั้งที่ 50 ด้วย ซึ่งในงานดังกล่าว Mary Kay Inc. ได้เผยผลการศึกษาทางคลินิกล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของสูตรเครื่องสำอางในการบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับผิวแพ้ง่าย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220113005071/en/

Dr. Lucy Gildea, Mary Kay Chief Innovation Officer, Product and Science (Photo: Mary Kay Inc.)

ดร. Lucy Gildea ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

งานประชุมวิชาการ Aesthetic & Anti-Aging Medicine World Congress ครั้งที่ 19 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 ถึง 18 กันยายน 2564 ในเมืองมอนติคาร์โล ภายใต้การอุปถัมภ์ของเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก โดยผู้เข้าร่วมงานประชุมเป็นบุคลากรที่มาจากหลากหลายอาชีพ ทั้งแพทย์ผิวหนัง ศัลยแพทย์ตกแต่งและแพทย์ผ่าตัดเพื่อความงาม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการชะลอวัย และแพทย์เวชปฏิบัติเสริมสวยและแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 8,300 คนจาก 130 ประเทศที่ทั้งเดินทางมาด้วยตนเองและร่วมประชุมผ่านทางออนไลน์ แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ใช้ยังมอบประสบการณ์ที่สมจริงซึ่งช่วยให้การจัดงาน ณ สถานที่จริงสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ชมนิทรรศการในรูปแบบดิจิทัลและรับชมการประชุมเชิงปฏิบัติการต่าง ๆ ได้แม้จะอยู่ไกลหรือมีข้อจำกัดเรื่องการเดินทาง

นักวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay มีความภาคภูมิใจที่ได้รายงานผลวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับการใช้และความทนต่อเรตินอลในการประชุมดังกล่าว ซึ่งจากการใช้เรตินอลอย่างต่อเนื่องกับชาวเอเชีย พบว่าลักษณะผิวโดยรวมดีขึ้น รวมถึงรอยดำจากการอับเสบลดลง ซึ่งปัญหาดังกล่าวพบได้บ่อยเมื่อใช้เรตินอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มชาวแอฟริกัน ฮิสแปนิก เอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Skin of Color)

“เรตินอลเป็นส่วนผสมสำคัญของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและมากด้วยประโยชน์ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว แต่ประสบการณ์และความทนต่อผลิตภัณฑ์เรตินอลในแต่ละคนนั้นต่างกัน สำหรับผู้ที่มีความกังวลว่าอาจเกิดอาการระคายเคืองหรือรอยดำ ผลจากการศึกษานี้ช่วยให้เราค้นพบกับสิ่งที่อาจเป็นทางออก ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้นำผลการวิจัยนี้มาแจ้งให้กับชุมชนวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ณ งาน World Congress ครั้งที่ 19 ของ AMWC ทราบ เพื่อแชร์งานวิจัยที่เป็นนวัตกรรมของเรากับบุคลากรในแวดวงวิทยาศาสตร์เพื่อการดูแลผิวและการชะลอวัย” ดร. Lucy Gildea ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay Inc. กล่าว

“งาน AMWC ประจำปี 2564 ประกอบด้วยโปรแกรมเกี่ยวกับเวชศาสตร์ด้านความงามและการชะลอวัยในหลากหลายแง่มุม โดยมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการศึกษาต่อเนื่องระดับสูง และเรามีความยินดีที่ได้ Mary Kay มาร่วมงานในปีนี้ เราหวังว่าเราได้สร้างความสำเร็จในการช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะแลกเปลี่ยนความคิดใหม่ ๆ และแบ่งปัน ‘know-how’ ในสาขานี้ไปทั่วโลกให้เกิดขึ้น ดิฉันรู้สึกขอบคุณทีมงานของเรา พันธมิตรจากทั่วโลก ผู้เข้าร่วมงาน และชุมชนวิทยาศาสตร์สำหรับการมีส่วนร่วมของพวกเขา และสำหรับโอกาสที่จะได้รับใช้และตอบสนองความต้องการด้านเวชศาสตร์ความงามและเวชศาสตร์การชะลอวัยของพวกเขาต่อไป” Catherine Decuyper ผู้ก่อตั้งและประธาน EuroMediCom กล่าว

สืบเนื่องจากความสำเร็จของการจัดงาน AMWC ปี 2564 ที่ผ่านมา EuroMediCom จึงได้เตรียมจัดงาน AMWC ประจำปี 2565 ขึ้น ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ถึง 2 เมษายน 2565 โดยจะจัดในรูปแบบผสมอีกครั้งเพื่อให้ตัวแทนจากทั่วโลกสามารถเข้าร่วมการประชุมระดับโลกด้านเวชศาสตร์ความงามและการชะลอวัย ครั้งที่ 20 ได้ ผู้ที่ลงทะเบียนสามารถเลือกเข้าร่วมงานด้วยตัวเองหรือจะรับชมการประชุมในช่วงต่าง ๆ ผ่านการสตรีมสดได้จากทุกที่ทั่วโลก

งานประชุมวิชาการประจำปีโดยสมาคมยุโรปเพื่อการวิจัยโรคผิวหนัง (ESDR) จะจัดขึ้นในยุโรปในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี สำหรับในปี 2564 ด้วยข้อจำกัดด้านการเดินทางและมาตรการป้องกันโควิด-19 การประชุมประจำปีนี้จึงจัดขึ้นในรูปแบบเสมือนจริง ระหว่างวันที่ 22 ถึง 25 กันยายน 2564 ESDR ให้การสนับสนุนการสืบค้นทางห้องปฏิบัติการทางโรคผิวหนัง (investigative dermatology) โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ป่วยที่ได้รับความทรมานจากโรคผิวหนังและโรคติดเชื้อต่าง ๆ และความผิดปกติของภูมิคุ้มกันมีสุขภาพที่ดีขึ้น และนอกจากนำเสนองานวิจัยแล้ว Mary Kay ยังได้ให้การสนับสนุนการจัดสัมมนาในหัวข้อ Future Leaders in Dermatology ซึ่งเป็นการเปิดงานประชุมอย่างเป็นทางการอีกด้วย

Geetha Kalahasti รองหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Mary Kay Inc. ได้เผยถึงผลจากการศึกษาทางคลินิกเมื่อไม่นานมานี้ที่ได้ทำการประเมินผลข้างเคียงของสูตรใหม่ซึ่งมีส่วนผสมของไขมันในอัตราส่วนตามธรรมชาติของผิวหนัง สารที่มีฤทธิ์ปิดกั้นตัวรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวด (TRPV-1) และสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยลดการหลั่งของโปรอินเฟลมมาทอรีไซโตไคน์

“ที่ Mary Kay เราทุ่มเทกับการทำความเข้าใจในเรื่องชีววิทยาของผิว และการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผิว หัวข้อที่เราให้ความสนใจอยู่ตอนนี้คือความสัมพันธ์ระหว่างผิวที่แพ้ง่ายกับการทำหน้าที่ปกป้องสิ่งแปลกปลอมของผิวหนัง ส่วนผสมแต่ละชนิดจะพุ่งเป้าไปที่แต่ละวิถีทางชีวภาพ (biological pathway) ที่ทำให้ผิวเกิดรอยแดง ผลการศึกษาพบว่าการใช้วิธีการแบบหลายแง่มุมช่วยให้เกราะป้องกันผิวที่ถูกทำลายแข็งแรงขึ้น และยังช่วยลดอาการระคายเคืองที่เกี่ยวข้องกับผิวแพ้ง่ายด้วย” Kalahasti กล่าว

“ในฐานะตัวแทนของคณะกรรมการบริหารของ ESDR ผมอยากแสดงความขอบคุณไปยัง Mary Kay สำหรับการสนับสนุนที่มีต่อ ESDR และการเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมของ ESDR หนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญของสมาคมของเราคือการส่งเสริมการนำเสนอข้อมูลวิจัยและแนวคิดใหม่ ๆ และเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ Mary Kay มาเป็นส่วนหนึ่งของงานครั้งนี้” Leopold Eckhart ประธานคณะกรรมการโครงการวิทยาศาสตร์ของ ESDR กล่าว

งานสัมมนาครั้งนี้ได้ช่วยให้นักวิจัยรุ่นใหม่ได้มาพบปะกับนักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทางด้านโรคผิวหนังและส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ Mary Kay Inc. ให้ความสำคัญอย่างมาก

เกี่ยวกับ MARY KAY

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือ การยกระดับชีวีตของผู้หญิงให้ดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นกับการสร้างพลังให้กับผู้หญิงบนเส้นทางสู่ความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจของพวกเธอผ่านการให้ความรู้ การสอน การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ยังอุทิศตัวให้กับการลงทุนทางด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสุดล้ำ รวมถึงเครื่องสำอางแต่งหน้า อาหารเสริมที่อุดมด้วยโภชนาการ และน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการยกระดับการใช้ชีวิตในวันนี้เพื่อวันข้างหน้าที่ยั่งยืน โดยได้ร่วมกับองค์กรจากทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยด้านมะเร็ง ผลักดันความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างชุมชนของเราให้สวยงาม และสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ เดินตามความฝัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ทาง FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราที่ Twitter

เกี่ยวกับ EUROMEDICOM

EuroMediCom ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2542 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงาน Informa Exhibitions มาตั้งแต่ปี 2553 มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมทางด้านชีววิทยาศาสตร์และความรู้ผ่านการฝึกอบรมเพื่อสร้างความรู้ และการประชุมและการจัดนิทรรศการ สำหรับงาน AMWC ซึ่งเป็นงานหลัก มีการจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2546 และกลายมาเป็นงานประชุมระดับชั้นนำของโลกด้านเวชศาสตร์ความงามที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การจัดงาน AMWC เกิดขึ้นมาพร้อมความเชื่อมั่นอย่างมากว่าการรักษาเพื่อความงามภายนอกและการชะลอวัยจากภายในสามารถทำได้พร้อม ๆ กันจากการบูรณการสองสิ่งเข้าด้วยกัน นั่นคือ กลยุทธ์ด้านความงามจากวิทยาการด้านผิวหนังและขั้นตอนทางการผ่าตัดเพื่อรูปลักษณ์ภายนอก และศาสตร์การชะลอวัยสำหรับป้องกันการความชราและการยกระดับการรักษาเพื่อความงาม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AMWC คลิกที่นี่: https://www.euromedicom.com/en/home.html

เกี่ยวกับสมาคมยุโรปเพื่อการวิจัยโรค (ESDR)

สมาคมยุโรปเพื่อการวิจัยโรค (ESDR) ก่อตั้งขึ้นในปี 2513 และเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ต้องการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานและระดับคลินิกที่เกี่ยวกับโรคผิวหนัง ESDR เป็นสมาคมด้านการสืบค้นทางห้องปฏิบัติการทางโรคผิวหนังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและมีสมาชิกราว 1100 คนในปัจจุบัน จากการสนับสนุนการสืบค้นทางห้องปฏิบัติการทางโรคผิวหนังและการวิจัยด้านผิวหนัง ESDR ได้เข้าไปมีส่วนในการสร้างความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการปรับดุลยภาพของผิว และต่อการยกระดับสุขภาพของผู้ป่วยที่ได้รับความทรมานจากโรคเกี่ยวกับผิวหนังและกามโรค โรคติดเชื้อต่าง ๆ และความผิดปกติเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันและการอักเสบ ESDR ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสืบค้นทางห้องปฏิบัติการทางโรคผิวหนังระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก และยังเป็นผู้จัดงานเพื่อให้ความรู้ต่าง ๆ ตลอดทั้งปีเพื่อต่อยอดความรู้ในงานวิจัยด้านผิวหนังต่อไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่: https://esdr.org/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220113005071/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Women’s Entrepreneurship Accelerator เปิดตัวโปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการออนไลน์สำหรับผู้หญิงทั่วโลก

Logo

พัฒนาโดย ITC SheTrades และสนับสนุนโดย Mary Kay เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนโครงการ WEA ทั้งนี้โปรแกรมใบประกาศนียบัตร หรือ Certificate Programme ที่แนะนำนั้นประกอบด้วยหน่วยวิชาฝึกอบรมเชิงโต้ตอบ 27 หน่วยที่เสริมด้วยวิดีโอมากกว่า 200 รายการครอบคลุมเจ็ดขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาธุรกิจ

นิวยอร์ก & เจนีวา–(BUSINESS WIRE)–11 มกราคม 2565

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) ประกาศเปิดตัวหลักสูตรผู้ประกอบการออนไลน์ทั่วโลกที่ออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้ และส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ หรือ Online Entrepreneurship Certificate Programme ได้รับการประกาศครั้งแรกในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA 76) ในวันครบรอบปีที่สองของ WEA

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220111005443/en/

Deborah Gibbins, Chief Operating Officer at Mary Kay Inc. (Photo: Mary Kay Inc.)

Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. (ภาพ: Mary Kay Inc.)

WEA เป็นหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่จัดโดยหน่วยงานสหประชาชาติ 6 แห่ง ได้แก่: องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC), สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU), โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC), องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และ Mary Kay ทั้งนี้ ITC เป็นผู้นำองค์ประกอบการสร้างขีดความสามารถของพันธมิตรหลายราย

พัฒนาโดย ITC SheTrades และสนับสนุนโดย Mary Kay เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนโครงการ WEA ทั้งนี้โปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการที่แนะนำนั้นประกอบด้วยหน่วยวิชาฝึกอบรมเชิงโต้ตอบ 27 หน่วยที่เสริมด้วยวิดีโอมากกว่า 200 รายการ จุดมุ่งหมายคือการสอนผู้ประกอบการสตรี—ผู้ที่มีความใฝ่ฝันหรือผู้มีประสบการณ์—ให้มีทักษะในการออกแบบและจัดตั้งธุรกิจที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจ ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้วิธีนำวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการ พัฒนาแนวคิดผ่านการคิดเชิงออกแบบและวิธีการสร้างธุรกิจอย่างมีนวัติกรรมที่ทำให้เกิดความสำเร็จแบบก้าวกระโดด (lean start-up) การเตรียมเครื่องมือที่ช่วยออกแบบโมเดลธุรกิจ การออกแบบเสนอขาย การระบุแหล่งที่มาของเงินทุน การหาพันธมิตรที่เหมาะสม การให้คำปรึกษา การสร้างทีม และการจัดตั้งธุรกิจของตน

โปรแกรมประกาศนียบัตรที่ครอบคลุมเจ็ดขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาธุรกิจ:

  • ประกาศนียบัตร 1: การตัดสินใจที่จะเป็นผู้ประกอบการ (6 หน่วย) ,
  • ประกาศนียบัตร 2: การพัฒนาแนวคิด – แนวคิดทางธุรกิจ (3 หน่วย),
  • ประกาศนียบัตร 3: การสร้างแบบจำลองธุรกิจ (4 หน่วย),
  • ประกาศนียบัตร 4: การเสนอขายธุรกิจ (4 หน่วย),
  • ประกาศนียบัตร 5: การให้ทุนแก่กิจการ (3 หน่วย),
  • ประกาศนียบัตร 6: การสร้างทีม (4 หน่วย),
  • ประกาศนียบัตร 7: การจัดตั้งธุรกิจ (3 หน่วย)

โปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ของ WEA (WEA Online Entrepreneurship Certificate Programme) สามารถเข้าถึงได้จากปลายนิ้วมือของผู้หญิงหลายล้านคนได้โดยตรงบนเว็บไซต์ ITC SheTrades (www.shetrades.com/en/learn/e-learning) และบนเว็บไซต์ของ WEA ปัจจุบันนี้มีให้บริการในภาษาอังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส โดยกำลังจะมีภาษาอาหรับ รัสเซีย และจีนกลางในปี 2565 นี้ ทั้งนี้ให้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ใช้ shetrades.com ทุกคนด้วยไม่มีการป้องกันในการเข้าร่วม ผู้เข้าร่วมจะได้รับประกาศนียบัตรเมื่อเสร็จสิ้นแต่ละขั้นตอนสำคัญเจ็ดขั้นตอนของการพัฒนาธุรกิจ

“โลกต้องการผู้ประกอบการสตรีมากขึ้น” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ประกอบการสตรีทั้งหมดยืนยันว่าได้รับแรงผลักดันจากความประสงค์ที่จะมีส่วนทำให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมที่ยิ่งใหญ่ ผลกระทบของพวกเขานั้นสามารถมีอย่างมหาศาล โปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ของ WEA เป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก ด้วยเครื่องมือและการสนับสนุนที่เหมาะสม ทั้งนี้ไม่จำกัดสิ่งที่ผู้หญิงสามารถทำได้”

“เราต้องเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในการค้าระหว่างประเทศ โดยช่วยให้พวกเขาขยายธุรกิจเพื่อให้กลายเป็นแรงกระตุ้นสำหรับชุมชนที่ครอบคลุมและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ผู้หญิงเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลัง และการเสริมอำนาจให้ผู้หญิงเป็นประโยชน์ต่อทั่วทั้งสังคม” Pamela Coke-Hamilton กรรมการบริหารของ International Trade Centre กล่าว

งานเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นในวันที่ 18 มกราคม 2565 เวลา 15:00 น. ตามเวลายุโรปกลาง (CET) ในความร่วมมือกับ Mary Kay ทั้งนี้จะเรียกผู้ประกอบการสตรีและธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของจากเครือข่าย ITC SheTrades ทั่วโลก งานจะจัดขึ้นเสมือนจริงเป็นภาษาอังกฤษ และจะทำหน้าที่เป็นเวทีในการนำเสนอโปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการ และการฝึกอบรมในประเทศที่กำลังจะมีขึ้น ทีมงาน SheTrades จะนำเสนอหลักสูตรการเป็นผู้ประกอบการรวมถึงเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีอยู่ใน www.shetrades.com สามารถลงทะเบียนที่นี่เพื่อเปิดตัวโปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการที่ไม่มีค่าใช้จ่ายของ WEA

การเปิดตัวโปรแกรมประกาศนียบัตร WEA หรือ WEA Certificate Programme บนแพลตฟอร์มการฝึกอบรมออน์ไลน์ของ ITC SheTrades จะได้รับการเสริมในระดับชาติด้วยการฝึกอบรมภาคสนามสำหรับผู้หญิงจากประเทศกำลังพัฒนาที่สนใจในการเป็นผู้ประกอบการและ/หรือวางแผนที่จะรวมเข้ากับห่วงโซ่คุณค่าระดับภูมิภาคและระดับโลก การฝึกอบรมในประเทศจะให้ข้อมูลเชิงลึกและความเชี่ยวชาญในทางปฏิบัติแก่ผู้ประกอบการสตรีและกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ทั้งนี้จะมีขึ้นในโคลอมเบีย บราซิล เม็กซิโก และอินเดีย การฝึกอบรมจะจัดขึ้นเป็นภาษาสเปน (โคลอมเบีย เม็กซิโก) โปรตุเกส (บราซิล) และอังกฤษ (อินเดีย) การฝึกอบรมนี้จะเน้นในสองหัวข้อหลัก: “ความสามารถในการแข่งขันและความพร้อมในการส่งออก” (19-20 มกราคม) และ “การสัมมนาเชิงปฏิบัติการการตลาดดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ” (1-3 กุมภาพันธ์)

การสนับสนุนดังกล่าวอยู่ภายใต้ “โปรแกรมส่งเสริมสตรีเพื่อการค้า” ของ ITC ซึ่งมีส่วนโดยตรงต่อประเด็นที่ ITC มุ่งเน้นที่ 5 เรื่อง “การส่งเสริมและบูรณาการการค้าที่มุ่งหมายอย่างทั่วถึงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ข้อ 5, 8 และ 17

WEA มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีจำนวน 5 ล้านคนภายในปี 2573

เกี่ยวกับ Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มแบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายเกี่ยวกับผู้ประกอบการสตรีที่จัดโดยหน่วยงานของสหประชาชาติหกแห่ง ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC), สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU), โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC), องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และ Mary Kay มุ่งมั่นจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสตรีจำนวน 5 ล้านคนภายในปี 2573 เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โครงการ Accelerator เป็นตัวอย่างของพลังในการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อควบคุมศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ we-accelerate.com ติดตามเราบน: Twitter และ Instagram (@we_accelerator), Facebook และ LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

เกี่ยวกับ ITC SheTrades

โครงการ SheTrades ของ International Trade Centre มีเป้าหมายที่จะเชื่อมโยงผู้หญิงสามล้านคนเข้าสู่ตลาดภายในปี 2564 และรวบรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทั่วโลกให้ทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับอุปสรรคทางการค้าและสร้างโอกาสที่มากขึ้นสำหรับผู้ประกอบการสตรี ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดยเว็บและแพลตฟอร์มดิจิทัลบนมือถือ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม SheTrades.com: https://www.shetrades.com/en

เกี่ยวกับ International Trade Centre

ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (Interantional Trade Centre) เป็นหน่วยงานร่วมขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization) และสหประชาชาติ (United Nations) ทั้งนี้ ITC ให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในระบบเศรษฐกิจกำลังพัฒนาและช่วงเปลี่ยนผ่านให้มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนภายใต้กรอบของวาระความช่วยเหลือทางการค้า หรือ Aid-for-Trade และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations’ Sustainable Development Goals) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.intracen.org ติดตาม ITC บน Twitter | Facebook | LinkedIn | Instagram | Flickr

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220111005443/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Black & Veatch ออกแบบศูนย์วิจัยและพัฒนาต้นแบบให้กับบริษัทอาหารทะเลจากการสังเคราะห์ในสิงคโปร์

Logo

Mini Plant ของ Shiok Meats คือกุญแจสู่การขยายการผลิตเพื่อรับมือกับปัญหาความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–9 มกราคม 2565

Black & Veatch ร่วมมือกับ Shiok Meats ในการออกแบบและการวางผังศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารทะเลจากการสังเคราะห์ที่มีความทันสมัยและไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน โดย Ms. Grace Fu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ศูนย์วิจัยฯ แห่งใหม่นี้จะช่วยให้ Shiok Meats ซึ่งเป็นบริษัทเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกลุ่มครัสตาเชียจากการสังเคราะห์แห่งแรกของโลก ขยายการผลิตอาหารทะเลกลุ่มครัสตาเชียจากกรรมวิธีเซลล์สังเคราะห์ และตั้งเป้าหมายเริ่มวางจำหน่ายภายในปีพ.ศ. 2566

Dr. Sandhya Sriram ซีอีโอกลุ่มและผู้ร่วมก่อตั้ง Shiok Meats กล่าวว่า “การสร้าง Mini Plant คือก้าวแห่งความสำเร็จครั้งใหญ่สำหรับเรา โรงงานผลิตของเราซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในอีก 18 เดือน จะเป็นส่วนขยายของ Mini Plant แห่งนี้ในแง่ของการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการวางรากฐาน ศูนย์วิจัยฯ แห่งใหม่นี้จะช่วยให้เราเพิ่มการผลิตอาหารทะเลจากการสังเคราะห์อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามกลยุทธ์ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราจะมีโมเดลการผลิตที่มีความครอบคลุมและผลิตภัณฑ์ชั้นเยี่ยม”

David Ziskind ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของ Black & Veatch NextGen Ag กล่าวว่า “การพลิกโฉมระบบอาหารของเราจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกเราภูมิใจที่ได้ช่วย Shiok Meats บรรลุก้าวแห่งความสำเร็จครั้งสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอนาคตของอาหาร นวัตกรรมและความยั่งยืนคือแกนหลักสู่ทางออกด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างของเราในขณะที่เราช่วยให้หลาย ๆ บริษัทลดช่องว่างระหว่างวิทยาศาสตร์ การวิจัยและการพัฒนา วิศวกรรม และการพาณิชย์เพื่อนำผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ ๆ สู่ตลาดได้ในปริมาณมาก เราตื่นเต้นที่ได้สนับสนุน Shiok Meats ในความพยายามครั้งใหญ่เพื่อสร้างสรรค์อาหารที่ดีกว่าและมีความยั่งยืนมากขึ้นโดยนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้เพื่อยกระดับความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก”

Hoe Wai Cheong ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารประจำทวีปเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch กล่าวว่า “ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมของตลาดอย่าง Shiok Meats กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สะอาดและยั่งยืนขึ้นไปอีกขั้น โดยผลิตภัณฑ์อาหารเหล่านั้นเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อซึ่งกำลังเติบโตและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชีย เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับบริษัทอย่าง Shiok Meats ซึ่งมีความมุ่งมั่นเช่นเดียวกันกับเราในการที่จะพัฒนาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืนยิ่งขึ้น และแนะนำให้พวกเขาได้รู้จักกับระดับความพร้อมของเทคโนโลยีตั้งแต่แรกเริ่มไปจนถึงการพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ”

Black & Veatch ให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบและนวัตกรรมในขั้นแรก ไปจนถึงการติดตั้งระบบพร้อมสรรพให้กับทั้งบริษัทเกิดใหม่และผู้ผลิตที่มีความมั่นคง Black & Veatch มีความพร้อมที่จะบริหารจัดการตลอดวงจรชีวิตของโครงการ ตั้งแต่การออกแบบกระบวนการและพัฒนาโครงร่างไปจนถึงงานออกแบบเชิงวิศวกรรม การสร้างโรงงานผลิตทั้งในระดับนำร่องและเชิงพาณิชย์ บริการของบริษัทครอบคลุมในหลายภาคส่วน ทั้งอาหารและเครื่องดื่มแบบดั้งเดิม รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อการผลิตอาหารแห่งอนาคต เช่น การเกษตรกรรมในสภาพแวดล้อมปิด โปรตีนทางเลือก และการสังเคราะห์พืชและสัตว์น้ำ

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดภาพประกอบ

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ

  • จากการจัดอันดับ 2021 Engineering News-Record’s (ENR) โดย Sourcebook Black & Veatch เป็นหนึ่งใน 10 บริษัทยอดเยี่ยมใน 19 หมวดหมู่ การจัดอันดับดังกล่าวสะท้อนถึงความสำเร็จของบริษัททางด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้าง ในการคาดการณ์การพัฒนาองกรค์ของลูกค้าที่มุ่งไปสู่การลดการปล่อยคาร์บอนจากการใช้พลังงานให้เหลือศูนย์ การฟื้นฟูระบบน้ำที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น และการใช้ข้อมูลทั่วโลกที่ดียิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ Shiok Meats

Shiok Meats คือบริษัทผลิตเนื้อและอาหารทะเลจากการสังเคราะห์แห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริษัทผลิตอาหารทะเลกลุ่มครัสตาเชีย (กุ้ง ล็อบสเตอร์ ปู กั้ง) จากการสังเคราะห์แห่งแรก ที่จะเสิร์ฟเนื้อสัตว์จากการสังเคราะห์ที่มีความยั่งยืน ดีต่อสุขภาพ ปราศจากการทารุณกรรมสัตว์ และรสชาติอร่อยให้กับโลก ติดตามข่าวของ Shiok Meats ได้ทาง Facebook, Instagram และ Twitter ที่ @shiokmeats

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch คือบริษัทออกแบบด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานร่วมเป็นเจ้าของ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยการพัฒนาความยืดหยุ่น และคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ในปีพ.ศ. 2563 บริษัทมีรายได้รวมในการดำเนินงานกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และทางสื่อสังคม

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211215006149/en/

ติดต่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
สายด่วน 24 ชั่วโมงสำหรับสื่อ | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Robert J. Giuffra Jr. และ Scott Miller เป็นประธานร่วมของบริษัท Sullivan & Cromwell LLP

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–03 มกราคม 2565

Sullivan & Cromwell LLP ประกาศในวันนี้ว่า Robert J. Giuffra, Jr. และ Scott Miller เป็นประธานร่วมของบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565

เอกสารนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220103005204/en/

Robert Giuffra and Scott Miller become Co-Chairs of Sullivan & Cromwell LLP. (Photo: Sullivan & Cromwell LLP)

Robert Giuffra และ Scott Miller เป็นประธานร่วมของบริษัท Sullivan & Cromwell LLP (รูปภาพ: Sullivan & Cromwell LLP)

Giuffra และ Miller ดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 พวกเขาสืบทอดตำแหน่งต่อจาก Joseph C. Shenker ซึ่งเป็นประธานของบริษัทมาตั้งแต่ปี 2553 และจะดำรงตำแหน่งในฐานะประธานอาวุโสของคณะกรรมการบริหารในบริษัทต่อไปนอกเหนือจากการดำเนินงานให้แก่ลูกค้าที่มีอยู่

Shenker กล่าวว่า “นับตั้งแต่ก่อตั้ง บริษัท Sullivan & Cromwell มีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อลูกค้า บุคลากร และชุมชนของเรา Bob และ Scott เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความมุ่งมั่นเหล่านี้มาเป็นระยะเวลานานผ่านการสร้างความน่าเชื่อถือในการเป็นที่ปรึกษา โดยจุดแข็งด้านกฎหมายการดำเนินคดีและกฎหมายองค์กรได้แสดงให้เห็นถึงขอบเขตการทำงานภาพรวมที่เราดำเนินการเพื่อลูกค้าของเราทั่วโลก”

Miller กล่าวว่า “การดำเนินงานและความสามารถในระดับสากลของบริษัทเพื่อให้บริการลูกค้าแบบบูรณาการผ่านเครือข่ายสำนักงาน 13 แห่งทั่วทั้ง 4 ทวีปคือสิ่งที่สำคัญมากต่อความสำเร็จของเรา ลูกค้าของบริษัทมากกว่าครึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่นอกสหรัฐอเมริกา และผมกับ Bob ต่างก็ใช้เวลาในอาชีพของเราในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่ซับซ้อนที่สุดของลูกค้าในต่างประเทศ ในขณะที่โลกมีการบูรณาการมากขึ้นและปัญหาที่ลูกค้าเผชิญก็ซับซ้อนมากขึ้น เราคาดว่าการดำเนินงานระดับโลกของเราจะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทของเราประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง”

Giuffra กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับ Scott และหุ้นส่วนของเราเพื่อสร้างวัฒนธรรมความเป็นเลิศ นวัตกรรม และความมุ่งมั่นของบริษัทของเราที่มีต่อลูกค้า และมีต่อกันและกัน กว่า 143 ปีที่รูปแบบของเราได้รับการทดลองและเป็นจริง ซึ่งประกอบไปด้วยการสรรหาและฝึกอบรมทนายความที่ดีที่สุดในการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยลูกค้าของเราแก้ปัญหาความท้าทายที่สำคัญที่สุดและคว้าโอกาสที่มีคุณค่าสูงสุด”

Giuffra ผู้ฟ้องร้องดำเนินคดีที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ซึ่งเข้าร่วม S&C ในปี 2532 หลังจากดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานกฎหมายให้กับ William Rehnquist ประธานศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา และ Ralph Winter ผู้พิพากษาของศาลอุทธรณ์เขต 2 สหรัฐอเมริกา Giuffra เป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของ Sullivan & Cromwell ตั้งแต่ปี 2550 โดยประจำอยู่ที่นิวยอร์ก ด้วยความเป็นศิษย์จากวิทยาลัยทนายความคดีแห่งอเมริกา (ACTL) และสถาบันทนายความคดีนานาชาติ (IATL) เขาประสบความสำเร็จในการว่าความและพิจารณาคดีของลูกค้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ รวมถึงการตรวจสอบรัฐบาล เขามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขวิกฤตขององค์กรที่ใหญ่ที่สุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งประกอบไปด้วย การล้มละลายของ Enron การฉ้อโกงทางบัญชีที่ Computer Associates และ HealthSouth Corporation วิกฤตการณ์ทางการเงิน และวิกฤตการปล่อยมลพิษดีเซลของ Volkswagen ซึ่งเขาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาประสานงานระดับชาติของผู้ผลิตรถยนต์ ลูกค้าปัจจุบันของเขา ได้แก่ Allianz, Goldman Sachs, Stellantis, UBS และ Volkswagen เขาได้เป็นตัวแทนของคณะกรรมการบริหารของบริษัท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจ้าหน้าที่รัฐบาลอาวุโส ครอบครัวที่มีชื่อเสียง บริษัทกฎหมาย และทีมกีฬามืออาชีพ

Miller ที่ปรึกษาชั้นนำขององค์กร ซึ่งเข้าร่วม S&C ในปี 2529 หลังจากทำหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานกฎหมายให้แก่ William A. Norris ผู้พิพากษาแห่งศาลอุทธรณ์เขต 9 สหรัฐอเมริกา เขามักทำหน้าที่จัดการการควบรวมกิจการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ตลาดทุนและธุรกรรมเชิงกลยุทธ์อื่น ๆ การตรวจสอบกิจการภายในและรัฐบาล และวิกฤตการณ์อื่น ๆ ขององค์กร เขาเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของบริษัทมาตั้งแต่ปี 2557 โดยประสานและดำเนินงานให้กับองค์กรในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยปัจจุบันปฏิบัติงานอยู่ที่นิวยอร์ก เขาได้ทำงานเกี่ยวกับการควบรวมกิจการและธุรกรรมหลักทรัพย์ในกว่า 20 ประเทศ รวมถึงการแปรรูปเป็นเอกชนครั้งแรกในอิตาลีและการซื้อกิจการโดยใช้เงินกู้ (LBO) ครั้งแรกในเยอรมัน เขาเป็นตัวแทนของ Fiat Chrysler ในการควบรวมกิจการกับ Peugeot มูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกผ่านการสร้างสรรค์ Stellantis ก่อนหน้านี้เขาเป็นตัวแทนของ Fiat ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ Chrysler ในปี 2552, Ferrari ในการเสนอขายหุ้น IPO ปี 2558 และ Alcan ในการต่อสู้กับข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการที่ไม่เป็นธรรมจาก Alcoa และการเข้าซื้อกิจการ 46 พันล้านดอลลาร์โดย Rio Tinto เขาเป็นตัวแทนของ DISH Network มาเป็นเวลาสองทศวรรษแล้ว และการทำธุรกรรมมากมายเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ช่วยก่อตั้งและให้การสนับสนุนงบประมาณด้านเครือข่ายการสื่อสารไร้สายทั่วประเทศ เขายังเป็นผู้นำในตลาดด้านการเป็นบริษัทที่สร้างขึ้นมาเพื่อระดมเงินทุนไปซื้อบริษัทอื่น (SPAC) โดยเป็นตัวแทนของ DraftKings ในรายการ de-SPAC และการเข้าซื้อกิจการและการจัดหาเงินทุนอื่น ๆ เพื่อก่อร่างให้บริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทบันเทิงและเกมดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นตัวแทนของ Ermenegildo Zegna Group ในการควบรวมกิจการกับบริษัทด้าน SPAC ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Investindustrial โดยที่ Zegna กลายเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเริ่มต้นเกินกว่า 3 พันล้านดอลลาร์

Giuffra สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันและโรงเรียนกฎหมายเยล เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาของคณะกรรมการการธนาคารวุฒิสภาแห่งสหรัฐอเมริกาและประธานสภาเนติบัณฑิตยสภา เขาเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการถาวรของนิวยอร์กว่าด้วยการเข้าถึงความยุติธรรมและคณะกรรมการประจำว่าด้วยหลักปฏิบัติและขั้นตอนของศาลสหรัฐฯ นอกจากนี้ เขายังเป็นประธานมูลนิธิ American Swiss Foundation อีกด้วย

Miller สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนาและโรงเรียนกฎหมายโคลัมเบีย เขาเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของ Sullivan & Cromwell สำนักงาน Palo Alto และเคยอาศัยอยู่ในสำนักงานในลอนดอนและลอสแองเจลิสของบริษัท เขาเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของสภาธุรกิจระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ Sullivan & Cromwell LLP

Sullivan & Cromwell LLP เป็นบริษัทกฎหมายระดับโลกที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดำเนินคดีใหญ่ ๆ การสืบสวนขององค์กร และกฎระเบียบที่ซับซ้อน การควบรวมกิจการในประเทศและต่างประเทศ การทำธุรกรรมด้านการเงิน องค์กร และปรับโครงสร้างหนี้ การวางแผนภาษีและอสังหาริมทรัพย์ Sullivan & Cromwell ก่อตั้งขึ้นในปี 2422 มีทนายความประมาณ 900 คน มีสำนักงานอยู่ที่นิวยอร์ก วอชิงตัน ลอสแอนเจลิส พาโลอัลโต ลอนดอน แฟรงก์เฟิร์ต ปารีส บรัสเซลส์ ฮ่องกง ปักกิ่ง โตเกียว เมลเบิร์น และซิดนีย์

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220103005204/en/

ติดต่อ:

Matthew J. Corrigan
corriganm@sullcrom.com
+1 (212) 558-4906

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

นิทรรศการ K-Chemicals Cyber Exhibition ฤดูกาลที่ 2 จัดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 โดยมีบริษัทจากอุตสาหกรรมเคมีและความงามของเกาหลีกว่า 270 แห่งเข้าร่วม

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–24 ธันวาคม 2564

K-Chemicals Cyber Exhibition (K-Chemicals) ซึ่งเป็นนิทรรศการออนไลน์ระดับนานาชาติด้านเคมีและความงาม ได้ถูกจัดขึ้นสำหรับฤดูกาลที่ 2 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211221005817/en/

K-Chemicals Cyber Exhibition, an international online exhibition in the field of chemistry and beauty, hosted Season II in the second half of 2021. It has been operating permanently since its opening in March. About 270 companies are participating in the second half of this year for global expansion of the Korean chemical and beauty industries. Beauty products as well as industrial chemicals such as high-quality paints, adhesives, surfactants, additives, and plastics are showcased at the exhibition. The two virtual exhibition halls, Industrial Chemical Hall and Beauty Product Hall are implemented in 2D and 3D. Buyers can use video conferencing systems, chat functions, and counseling reservation functions. It is attracting buyers from all 129 overseas trade centers owned by the KOTRA, and video counseling will be conducted for buyers discovered for a month from December. (Graphic: Business Wire)

K-Chemicals Cyber Exhibition ซึ่งเป็นนิทรรศการออนไลน์ระดับนานาชาติด้านเคมีและความงาม ได้จัดงานนิทรรศการสำหรับฤดูกาลที่ 2 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ซึ่งให้บริการอย่างถาวรตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมีนาคม บริษัทประมาณ 270 แห่งเข้าร่วมในครึ่งหลังของปีนี้เพื่อขยายอุตสาหกรรมเคมีและความงามของเกาหลีไปทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ความงามและเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรมคุณภาพสูง เช่น สี กาว สารลดแรงตึงผิว สารเติมแต่ง และพลาสติก จะถูกจัดแสดงในนิทรรศการนี้ ห้องโถงนิทรรศการเสมือนจริงสองแห่ง ได้แก่ ห้องโถงเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม และ ห้องโถงความงามจะจัดแสดงในรูปแบบ 2D และ 3D ผู้ซื้อสามารถใช้ระบบการประชุมทางวิดีโอ ฟังก์ชันการสนทนา และฟังก์ชันการจองเพื่อรับคำปรึกษา นิทรรศการนี้ดึงดูดผู้ซื้อจากศูนย์กลางการค้าต่างประเทศทั้งหมด 129 แห่งที่ KOTRA เป็นเจ้าของ และจะมีการดำเนินการให้คำปรึกษาทางวิดีโอสำหรับผู้ซื้อที่พบเป็นเวลาหนึ่งเดือนตั้งแต่เดือนธันวาคม (กราฟิก: Business Wire)

นิทรรศการ K-Chemicals จัดโดยกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน และดำเนินการโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าการลงทุนของเกาหลี (KOTRA) และสมาคมอุตสาหกรรมเคมีพิเศษแห่งเกาหลี (KSCIA) และได้ดำเนินการอย่างถาวรตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ปีนี้

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่การแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ยังไม่ลดลง บริษัทประมาณ 270 แห่งเข้าร่วมส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เพื่อขยายอุตสาหกรรมเคมีและความงามของเกาหลีไปทั่วโลก

ผลิตภัณฑ์ความงามที่ได้รับความสนใจในระดับสากล รวมถึงเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรมคุณภาพสูง เช่น สี กาว สารลดแรงตึงผิว สารเติมแต่ง และพลาสติก จะถูกจัดแสดงในนิทรรศการนี้

สีและกาวคุณภาพสูง สารลดแรงตึงผิว สารเติมแต่ง และพลาสติกจะถูกจัดแสดงที่ห้องโถงเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ในขณะที่ผลิตภัณฑ์จากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เครื่องสำอางที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก จะถูกจัดแสดงที่ห้องโถงความงาม

ห้องโถงนิทรรศการเสมือนจริงสองแห่ง ได้แก่ ห้องโถงเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม และ ห้องโถงความงามจะจัดแสดงในรูปแบบ 2D และ 3D เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถดูได้ในรูปแบบที่ต้องการ ผู้ซื้อสามารถใช้ระบบการประชุมทางวิดีโอ ฟังก์ชันการสนทนา และฟังก์ชันการจองเพื่อรับคำปรึกษาได้ตลอดเวลา นิทรรศการนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศสามารถเยี่ยมชมได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยความสะดวกสบาย และเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาบริษัทและสินค้าที่เข้าร่วม

นอกจากนี้ วิดีโอการประชุมเกี่ยวกับเทรนด์อุตสาหกรรมเคมีของเกาหลี นวัตกรรม K-BEAUTY, EU-REACH, K-REACH และระบบการส่งออกของเกาหลีได้เปิดให้เข้าชมในช่วงครึ่งปีแรกเพื่อช่วยให้ผู้ซื้อเข้าใจเกี่ยวกับเทรนด์การส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย

นิทรรศการออนไลน์ด้านเคมีและความงามจะได้รับการส่งเสริมให้สอดคล้องกับตลาดเป้าหมายผ่านสื่อต่างประเทศและช่อง YouTube และจะเปิดตัวเข้าสู่ตลาดเอเชีย รวมถึงจีนและอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายที่บริษัทต้องการ นิทรรศการนี้ดึงดูดผู้ซื้อจากศูนย์กลางการค้าต่างประเทศทั้งหมด 129 แห่งที่ KOTRA เป็นเจ้าของ และจะมีการดำเนินการให้คำปรึกษาทางวิดีโอสำหรับผู้ซื้อที่พบเป็นเวลาหนึ่งเดือนตั้งแต่เดือนธันวาคม

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211221005817/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

สมาคมอุตสาหกรรมเคมีพิเศษแห่งเกาหลี
Sungyong Park
+82-2-2088-7256
psy@kscia.or.kr