Category Archives: General News

AJC เตรียมจัดงานสัมมนา BIMP-EAGA แบบออนไลน์

Logo

“โอกาสทางธุรกิจใหม่และการสร้างภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนใน BIMP-EAGA” ในวันที่ 18 พ.ย. 25 พ.ย. 2 ธ.ค. และ 9 ธ.ค.

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–11 พ.ย. 2564

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) จะจัดการประชุมสัมมนาออนไลน์เกี่ยวกับแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจอาเซียนด้านตะวันออก บรูไนดารุสซาลาม – อินโดนีเซีย – มาเลเซีย – ฟิลิปปินส์ หรือ BIMP-EAGA ในวันที่ 18 กับ 25 พฤศจิกายน และวันที่ 2 กับ 9 ธันวาคม 2564 ธีมของการประชุมสัมมนาออนไลน์ในครั้งนี้ คือ “โอกาสทางธุรกิจใหม่และการสร้างภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนใน BIMP-EAGA”

BIMP-EAGA เปิดตัวในปี 2537 เพื่อกระตุ้นการพัฒนาในพื้นที่ห่างไกลและด้อยพัฒนาในสี่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วม พื้นที่เหล่านี้อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของประเทศในเชิงภูมิศาสตร์ แต่ก็อยู่ใกล้กันในเชิงกลยุทธ์ รัฐและจังหวัดเหล่านี้มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่แผ่นดินของประเทศ BIMP-EAGA แต่กลับมีประชากรน้อยกว่าร้อยละ 20 และ มีกำลังแรงงานน้อยกว่าร้อยละ 18

การสัมมนาจะเน้นไปที่สี่ในห้าเสาหลักเชิงกลยุทธ์ของ BIMP-EAGA VISION 2568 ได้แก่ การเชื่อมต่อ แหล่งอาหาร สิ่งแวดล้อม และสังคมวัฒนธรรมและการศึกษา* อ้างอิงจากมุมมองแบบFree and Open Indo-Pacific และ ASEAN ของ Indo-Pacific ซึ่งมีหลักการพื้นฐานที่เหมือนกันหลายประการ การสัมมนาในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทั้ง BIMP-EAGA และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียชาวญี่ปุ่นได้มีโอกาสอภิปรายและทำความเข้าใจกับความท้าทายได้ดียิ่งขึ้น อีกด้วย ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาค การสัมมนาในครั้งนี้ยังหวังว่าจะสามารถนำเสนอพื้นที่ที่เป็นไปได้ของความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น – BIMP-EAGA และเปลี่ยนความท้าทายของการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมให้เป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ

เซสชันแรกของงานจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน 2564 ตามรายละเอียดข้างล่าง รายละเอียดของเซสชันที่เหลือจะประกาศในเว็บไซต์ AJC ในโอกาสต่อไป (https://www.asean.or.jp/en/)

*การประชุมสัมมนาเพื่อหารือเกี่ยวกับการท่องเที่ยว BIMP-EAGA มีกำหนดจะจัดขึ้นในโอกาสนอกเหนือไปจากงานสัมมนานี้ รายละเอียดจะประกาศบนเว็บไซต์ AJC ในระยะเวลาอันใกล้

เซสชันที่ 1 “โอกาสทางธุรกิจใหม่และการสร้างภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนใน BIMP-EAGA”

Connectivity Pillar หรือ หลักการการเชื่อมต่อ –

วันที่/เวลา :

พฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10:50 – 14:10 น. (เวลาประเทศญี่ปุ่น)

สถานที่:

ซูมออนไลน์

โปรแกรม:

  • พิธีเปิด กล่าว
    ต้อนรับ หมายเหตุ
      Dr. HIRABAYASHI, Kunihiko เลขาธิการศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น
    สาร
      Mr. MIYAKE , Shingo, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐสภา,
    ปาฐกถาพิเศษ
      Dr. Airlanga Hartarto, รัฐมนตรี, กระทรวงประสานงานเศรษฐกิจ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
  • การนำเสนอเกี่ยวกับเสาหลักการเชื่อมต่อ – การพัฒนา ความท้าทาย และโอกาสล่าสุด
    การเชื่อมโยงด้านการขนส่ง (Transport Linkages) (ผู้นำเสนอ: มาเลเซีย)
    ICT ( ผู้นำเสนอ: มาเลเซีย)
    พลังงาน (ผู้นำเสนอ: อินโดนีเซีย)
    การค้าและการลงทุน (ผู้นำเสนอ: ฟิลิปปินส์)
    BIMP-EAGA Connectivity and Japan – กรณีของความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานโดย Tobishima Construction

ผู้จัดงาน:

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

ผู้จัดงานร่วม:

เลขาธิการ BIMP-EAGA

จำนวนคน:

300 คน

ภาษา:

อังกฤษและญี่ปุ่น (มีล่าม)

ลงทะเบียน:

ฟรี

กรุณาลงทะเบียนจากลิงค์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วม:

https://data.asean.or.jp/form/seminar/app_seminar.aspx?id=34373260

(คลิกที่ “ภาษาอังกฤษ” ที่มุมบนขวาของเว็บไซต์)

สำหรับผู้เข้าร่วมนอกประเทศญี่ปุ่น แทนที่จะใช้หมายเลขโทรศัพท์ของคุณ โปรดใช้ 0000000000 ในการกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียน

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211111005565/en/

ติดต่อ:

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) PR Unit

Emiko Sonoya (MS)

URL: https://www.asean.or.jp/en/

โทร: +81-3-5402-8118

อีเมล: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

25 ปีแห่งการทำโลกนี้ให้น่าอยู่ขึ้นสำหรับผู้หญิง: มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM เฉลิมฉลองวันครบรอบเหตุการณ์สำคัญ

Logo

องค์กรการกุศลเปิดตัวชื่อ โลโก้ เว็บไซต์ การรีแบรนด์ และรายงานประจำปีใหม่ของมูลนิธิที่ไม่เคยมีมาก่อน

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2564

การเฉลิมฉลองวันครบรอบ 25 ปี และเพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้เผยแพร่รายงานประจำปีของมูลนิธิเป็นครั้งแรก พร้อมชื่อ โลโก้เว็บไซต์ และการรีแบรนด์ใหม่ ตั้งแต่ปี 2539 มูลนิธิได้บริจาคเงินจำนวนมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ให้กับองค์กรที่สอดคล้องกับพันธกิจสองประการ อันได้แก่ การให้ทุนในการสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง และการยุติความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศต่อสตรีและเด็กหญิง

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211110005237/en/

The Mary Kay Ash Foundation℠ logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ ของ Mary Kay Ash Foundation℠ (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

มูลนิธิได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในฐานะผู้นำด้านการกุศลระดับโลกที่มุ่งเน้นที่ผู้หญิงมากกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อเป็นการฉลองครบรอบเหตุการณ์สำคัญ องค์กรได้เปลี่ยนชื่อไปเล็กน้อยจาก Mary Kay FoundationSM เป็น Mary Kay Ash FoundationSM เพื่อปรับปรุงการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา นอกจากนี้มูลนิธิยังได้เปิดเผยโลโก้และเว็บไซต์ การรีแบรนด์ และรายงานประจำปีของมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM เป็นฉบับแรก รายงานนี้แสดงให้เห็นภาพรวมของการริเริ่มในปี 2563 ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ผลสรุปที่สำคัญในรายงานประกอบด้วย:

  • ในปี 2563 มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้มอบเงินสนับสนุนรวม 1,825,000 ดอลลาร์ให้กับสาเหตุต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา และทุนที่จะสร้างความแตกต่างไปทั่วโลกผ่านทุนวิจัยด้านนวัตกรรม/การแปลง และโปรแกรม International Post-Doctoral Fellowship Cancer Research Program ตั้งแต่ปี 2539 มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็งที่เป็นนวัตกรรมและการทดลองทางคลินิกเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง โดยมอบเงินรางวัลมากกว่า 25 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการอันล้ำสมัยกว่า 250 โครงการในโรงเรียนแพทย์และสถาบันวิจัยชั้นนำทั่วโลก
  • เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 มีการรายงานความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วทั้งโลกในปี 2563 การระบาดใหญ่ในวงกว้างนี้ขยายขอบเขตความรุนแรงในครอบครัวไปถึงขีดจำกัดของพวกเขา มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้มอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินเป็นจำนวนเงินรวม 1,000,000 ดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนคนทำงานด่านหน้าเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยกู้ภัยกลุ่มแรกสำหรับผู้หญิงและเด็ก ในความพยายามที่จะขยายความมุ่งมั่นระดับโลกในการขจัดความรุนแรงในครอบครัวที่อิงจากเพศสภาพ Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้ผนึกกำลังกับ CARE USA ผู้นำด้านมนุษยธรรมระดับโลก และกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี หรือ United Nations Trust Fund to End Violence Against Women and CARE USA  ตั้งแต่ปี 2543 มูลนิธิได้บริจาคเงินมากกว่า 58 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติความรุนแรงทางเพศ ความพยายามดังกล่าวได้สนับสนุนผู้หญิงและเด็กหญิงกว่าหกล้านคนในการค้นหาที่พักพิงและการช่วยเหลือจากการถูกล่วงละเมิด

“เมื่อ 25 ปีที่แล้ว คุณยายของฉัน Mary Kay Ash ได้ก่อตั้งมูลนิธิที่ยังคงเป็นหัวใจของ Mary Kay Inc. พนักงานของบริษัทและที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ ผู้ซึ่งมุ่งมั่นที่จะรักษาวิสัยทัศน์ในการทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขา” Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนและรองประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM กล่าว “ในขณะที่มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้เติบโตในเท็กซัสและเฝ้าดูพวกเขาแผ่ขยายไปทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา เฉกเช่นเดียวกับตัวบริษัทเองงานของมูลนิธินั้นไร้พรมแดน เราจินตนาการถึงโลกที่ซึ่งผู้หญิงมีพลังอำนาจ สุขภาพดีและปลอดภัย ในวันครบรอบอันสำคัญนี้เรายังคงรักษาคำมั่นสัญญาอันแน่วแน่ต่อผู้หญิงทั่วโลก และได้รับการเตือนใจว่าเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริงเพียงใดที่ได้สานต่อการทำงานของคุณยายต่อไป”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ marykayashfoundation.org.

เกี่ยวกับมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM

เพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้ระดมทุนและทำการแจกจ่ายเพื่อลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่มักเกิดกับผู้หญิง และเพื่อยุติผลกระทบความรุนแรงต่อผู้หญิงภายในประเทศ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา มูลนิธฺ Mary Kay FoundationSM ได้มอบเงินบริจาคมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานสอดคล้องกับพันธกิจของมูลนิธิโดยให้ความสำคัญอย่างเท่ากัน นอกเหนือจากนั้นมูลนิธิยังสนับสนุนโครงการสร้างการรับรู้ โครงการเข้าถึงชุมชน และการสนับสนุนช่วยเหลือการร่างกฏหมายเพื่อให้ผู้หญิงมีสุขภาพดีและปลอดภัย พร้อมกันนั้นก็สร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิง ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ความรู้ การสนับสนุน อาสาสมัคร และการบริจาค รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือชีวิตเพื่อสร้างแรงผลักดันแก่ผู้หญิง กรุณาเยี่ยมชม marykayashfoundation.org ค้นหาเราได้ทาง Facebook และ Instagram หรือติดตามเราที่ Twitter

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211110005237/en/

ติดต่อ: 

marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


กิจการร่วมค้าที่นำโดย Fluor ได้รับสัมปทานการติดตั้งโรงสีที่ Grasberg Copper และ Gold Mining District ในประเทศอินโดนีเซีย

Logo

Fluor จะสร้างโรงสีใหม่เมื่อเปลี่ยนจากเหมืองเปิดเป็นเหมืองใต้ดิน

เออร์วิง รัฐเท็กซัส–(บิสิเนสไวร์)–04 พ.ย. 2564

Fluor Corporation (NYSE: FLR) ประกาศในวันนี้ว่าการร่วมทุนกับ Petrosea – Fluor Petrosea Joint Organization (FPJO) – ได้รับเลือกจาก PT Freeport Indonesia ให้ติดตั้งโรงสีแห่งใหม่ที่เขต Grasberg copper และ gold mining ในปาปัว อินโดนีเซีย  Fluor ได้ทำการจองสัญญาส่วนที่ไม่เปิดเผยของสำหรับไตรมาสที่สามของปี 2564

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211104006004/en/

An aerial view of the Grasberg copper and gold mine in Papua, Indonesia (Photo: Business Wire)

มุมมองทางอากาศของเหมืองทองแดงและทองคำ Grasberg ในเมืองปาปัว ประเทศอินโดนีเซีย (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

FPJO จะสร้างโรงงานกึ่งบดอัตโนมัติ (semi-autogenous grinding – SAG) แห่งที่สามซึ่งอยู่ติดกับโรงสีที่มีอยู่ ในขณะที่เขตการขุดกำลังเพิ่มการผลิตใต้ดินโดยหลักจากโซน Deep Mill Level และเหมือง Grasberg Block Cave หลังจากเสร็จสิ้นการขุดในหลุมเปิดในปี 2562 ด้วย SAG เพิ่มเติม โรงสีจะมีกำลังการสีประมาณ 240,000 ตันต่อวัน

“Fluor ได้สร้างการขยายธุรกิจหลายแห่งที่ Grasberg รวมถึงโครงการสำคัญอื่นๆ ในอินโดนีเซียตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980” Tony Morgan ประธานธุรกิจ Mining & Metals ของ Fluor กล่าว “เราให้คุณค่ากับความไว้วางใจที่เราได้รับตลอดหลายทศวรรษกับทีมงานของ Freeport และภูมิใจที่ได้ขยายรอยเท้าทั่วโลกของเราในอุตสาหกรรมในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นสำหรับความต้องการทองแดงทั่วโลก”

โครงการ Grasberg ตั้งอยู่บนที่ราบสูงห่างไกลของเทือกเขา Sudirman ทางฝั่งตะวันตกของเกาะนิวกินี

สำนักงาน Fluor ในเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย จะเป็นผู้นำโครงการโดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานของ Fluor ในกรุงจาการ์ตาและแวนคูเวอร์

การก่อสร้างมีกำหนดจะเริ่มในปลายปีนี้และแล้วเสร็จในปี 2566

เกี่ยวกับ Fluor Corporation

Fluor Corporation (NYSE: FLR) กำลังสร้างโลกที่ดีขึ้นโดยใช้ความเชี่ยวชาญระดับโลกเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลูกค้า พนักงาน 44,000 คนของ Fluor นำเสนอโซลูชันระดับมืออาชีพและทางเทคนิคที่มอบโครงการที่ปลอดภัย ดำเนินการอย่างดี และประหยัดต้นทุนแก่ลูกค้าทั่วโลก  Fluor มีรายได้ 14.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 และอยู่ในอันดับที่ 196 ในบรรดาบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500  ด้วยสำนักงานใหญ่ในเมืองเออร์วิง รัฐเท็กซัส Fluor ให้บริการด้านวิศวกรรม การจัดซื้อจัดจ้าง และการก่อสร้างมานานกว่า 100 ปี www.fluor.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมหรือติดตาม Fluor บน Twitter, LinkedIn, Facebook และ YouTube

#m&m

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211104006004/en/

ติดต่อ:

Brian Mershon
Media Relations
469.398.7621

Jason Landkamer
Investor Relations
469.398.7222

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. สนับสนุนให้ผู้ประกอบการรุ่นเยาว์แก้ไขปัญหาความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงานผ่านเครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ (NFTE) World Series of Innovation Challenge

Logo

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–04 พฤศจิกายน 2564

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจและการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ประกาศในวันนี้ว่า World Series of Innovation (WSI) Challenge ครั้งที่ 2 ร่วมกับ เครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ หรือ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) ในปีที่สองของการเป็นพันธมิตรกับ NFTE โดย Mary Kay ได้ให้การสนับสนุนโปรแกรม 2021 NFTE World Series of Innovation ซึ่งเป็นประสบการณ์การศึกษาระดับโลกที่เชิญชวนให้เยาวชนอายุระหว่าง 13-24 ปี ใช้ช่องทางการคิดเชิงวิพากษ์และทักษะในการแก้ปัญหาเพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขสำหรับความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่กำลังเผชิญกับโลกในปัจจุบันและช่วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ให้ก้าวไกลในขณะที่ส่งเสริมความคิดของผู้ประกอบการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211104005178/en/

Mary Kay’s World Series of Innovation Challenge asks students to think about ways to promote workplace equality and ensure equal access to economic opportunity for women and girls. (Photo: Mary Kay Inc.)

World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีส่งเสริมความเท่าเทียมในสถานที่ทำงานและรับรองการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง (ภาพ: Mary Kay Inc.)

World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay สนับสนุนให้เยาวชนจากทั่วโลกได้เสนอวิธีแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 5: ความเท่าเทียมทางเพศ หรือ Gender Equality โดยเฉพาะอย่างยิ่งความท้าทายครั้งนี้ได้ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีการส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงาน และรับรองของการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ซึ่งก่อนเกิดโควิด-19 ข้อมูลหลายทศวรรษแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของผู้หญิงในแรงงาน แม้ว่าช่องว่างค่าจ้างยังคงมีอยู่ ผู้หญิงจำนวนที่มากขึ้นเข้าร่วมตลาดแรงงานทุกปี แต่การตกงานจากการระบาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงอย่างไม่เป็นสัดส่วนนัก และตั้งแต่ปี 2563 การพยายามอย่างสูงไปสู่ความเท่าเทียมของแรงงานก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“Mary Kay ทราบถึงความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการและบทบาทที่มีต่อโลกในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงลงทุนทุกปีในโปรแกรมและโครงการริเริ่มต่าง ๆ เพื่อช่วยส่งเสริมผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เราต้องการช่วยที่ไม่เพียงแต่ให้โอกาสทางการศึกษาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาไล่ตามความฝันไปทั่วโลก เราตื่นเต้นมากสำหรับความท้าทายนี้ซึ่งเชื่อมโยงกับภารกิจหลักของบริษัทของเรา”

NFTE เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านการศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นการนำพลังของผู้ประกอบการมาสู่เยาวชนในชุมชนที่มีรายได้ต่ำ World Series of Innovation (WSI) Challenge ได้เชื้อเชิญความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ด้วยจำนวนนักเรียน 100,000 คนจากทั่วโลก ในปี 2563 NFTE ได้รับนักเรียนที่เข้าร่วมเกือบ 4,000 คนจากทุกภูมิหลังที่ส่งแนวคิดใน WSI Challenges และนักเรียนเกือบ 350 คนเข้าร่วมในการแข่งขันครั้งแรกที่ Mary Kay สนับสนุนเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 12: การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Responsible Consumption and Production ผู้ชนะสามรายของความท้าทายปี 2563 ของ Mary Kay ได้แก่:

  • อันดับที่หนึ่ง: Loop Tee Loop
    • Loop Tee Loop เป็น clothing loop แบบยั่งยืนที่รวมโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอไลโอเซลล์เข้ากับการบริการรีไซเคิลเครื่องแบบจากมหานครมะนิลาในประเทศฟิลิปปินส์
  • อันดับที่สอง: SwagSwap
    • SwagSwap เป็นเครือข่ายโซเชียลในสหรัฐอเมริกาสำหรับเสื้อผ้ามือสอง โดยเปิดการใช้งานการแลกเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบ peer-to-peer สำหรับวัยรุ่น
  • อันดับที่สาม: Project DBrand
    • Project DBrand เป็นบริการที่ไม่เหมือนใคร ซึ่ง de-brands เครื่องแบบที่ใช้แล้ว เพื่อว่าพวกเขาสามารถนำไปรีไซเคิลสร้างสิ่งใหม่ได้ในสหรัฐอเมริกา

J.D. LaRock ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NFTE กล่าวว่า “การสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการของเยาวชนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยสร้างโลกให้ดียิ่งขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป” “ในแต่ละปีเรายังคงได้รับแรงบันดาลใจจากนวัตกรรมที่ผู้ประกอบการรุ่นต่อไปได้จินตนาการ และเราหวังว่าจะได้เห็นแนวคิดใหม่ทั้งหมดจากผู้เข้าแข่งขันใน WSI ปี 2564 เรารู้สึกขอบคุณ Mary Kay Inc. สำหรับการสนับสนุนเป็นปีที่สอง โดยวางความท้าทายระดับโลกที่สำคัญนี้เพื่อช่วยพัฒนาความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงานและเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง”

นอกเหนือจาก World Series of Innovation แล้ว Mary Kay ยังสนับสนุนโครงการ Entrepreneurship ของ NFTE ในทุกโรงเรียน โดยนำเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการผ่านหลักสูตรไปสู่นักเรียนทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และสนับสนุนความท้าทายในการเป็นผู้ประกอบการเยาวชนระดับภูมิภาคของ NFTE ที่ซึ่งนักเรียนนำเสนอโอกาสทางธุรกิจเพื่อสร้างเงินในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขัน

โปรแกรม 2021 NFTE World Series of Innovation นำเสนอโดย Citi Foundation และมีความท้าทายจาก Bank of the West, Citi Foundation, Ernst & Young LLP (EY US), Mary Kay, Inc., Maxar Technologies, PIMCO และ Saint-Gobain ความท้าทายนี้เปิดตัวในวันที่ 15 กันยายน และรายการจะครบกำหนดภายในวันที่ 15 ธันวาคม การตัดสินจะเริ่มต้นในเดือนมกราคม 2565 ผู้เข้ารอบสุดท้ายจะประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ และผู้ชนะจะประกาศในวันที่ 31 มีนาคม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World Series of Innovation และความท้าทายทั้งหมด สามารถเยี่ยมชมได้ที https://innovation.nfte.com

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 56 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ www.marykayglobal.com

เกี่ยวกับ NFTE

Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้การศึกษาด้านการเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากชุมชนที่มีทรัพยากรน้อย รวมถึงโปรแกรมสำหรับนักศึกษาและผู้ใหญ่ NFTE เข้าถึงนักเรียนมากกว่า 45,000 คนในปีการศึกษานี้ ด้วยการเปิดโปรแกรมใน 25 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา และในอีก 20 ประเทศเพิ่มเติม นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เราได้ให้การศึกษาแก่นักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนผ่านโปรแกรมในโรงเรียน นอกโรงเรียน วิทยาลัย และค่ายฤดูร้อน ที่เปิดสอนโดยตรงและทางออนไลน์ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราส่งเสริมระบบทุนนิยมรอบด้าน และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่หลากหลาย เยี่ยมชมได้ที่ www.nfte.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211104005178/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Global Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972-687-5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. สนับสนุนโครงการที่นำโดยผู้ประกอบการสตรีเพื่อปรับปรุงความมั่นคงด้านน้ำในมอนเตร์เรย์โดยร่วมมือกับ The Nature Conservancy

Logo

มอนเตร์เรย์ เม็กซิโก–(BUSINESS WIRE)–03 พฤศจิกายน 2564

Mary Kay Inc. มีความภูมิใจที่จะประกาศการเป็นผู้สนับสนุนโครงการเพื่อปรับปรุงความมั่นคงด้านน้ำในมอนเตร์เรย์ โดยร่วมมือกับ The Nature Conservancy โครงการนี้นำโดยกลุ่มผู้ประกอบการสตรี ซึ่งเน้นการฟื้นฟูพันธุ์ไม้ในท้องถิ่นบริเวณรอบ ๆ เมืองมอนเตร์เรย์ เพื่อช่วยรักษานิเวศบริการ ลดความเสี่ยงและผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดจากน้ำท่วมในเมือง และฟื้นฟูป่าไม้ที่เสื่อมโทรมใน ภูมิภาค

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211102006106/en/

Mary Kay Inc. has produced a short film in partnership with The Nature Conservancy to help tell the story of empowerment and natural conservation of Angelica and Mujeres Unidas Para La Conservación de Laguna de Sanchez. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay Inc. ได้ผลิตภาพยนตร์สั้นร่วมกับ The Nature Conservancy เพื่อช่วยบอกเล่าเรื่องราวของการเสริมสร้างพลังและการอนุรักษ์ธรรมชาติของ Angelica และ Mujeres Unidas Para La Conservacion de Laguna de Sanchez (ภาพ: Mary Kay Inc.)

ปัจจุบันเมืองมอนเตร์เรย์มีประชากรอยู่สี่ล้านคน ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มตามธรรมชาติว่าจะเกิดเหตุการณ์อุตุนิยมวิทยาอุทกที่รุนแรง อย่างเช่น พายุเฮอริเคนและน้ำท่วม เมืองนี้มักเผชิญกับความท้าทายด้านการจัดหาน้ำอย่างวิกฤติ ใกล้เมืองคืออุทยานแห่งชาติ Cumbres de Monterrey National Park ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่ได้รับการคุ้มครองซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของน้ำที่ไหลเข้ามาในเมือง พื้นที่ดังกล่าวยังช่วยเหลือการควบคุมพายุน้ำที่ไหลหลากซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คน ปศุสัตว์ในท้องถิ่น และโครงสร้างพื้นฐานในเมือง เพื่อรักษาความยืดหยุ่นของสิ่งแวดล้อม จำเป็นต้องฟื้นฟูพืชพรรณและต้องมีการผลิตพืชพื้นเมืองในเรือนเพาะชำ ในขณะที่ National Commission of Protected Natural Areas of Mexico (CONANP) ได้กำหนดกฎระเบียบที่จำเป็นให้ใช้พันธุ์พืชพื้นเมืองในการปลูกป่า เรือนเพาะชำป่าในภูมิภาคนี้ไม่มีความสามารถในการตอบสนองความต้องการนี้ได้ พื้นที่นี้ยังมีโอกาสน้อยมากสำหรับเกษตรกรในท้องถิ่นในการพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืน

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถพึ่งพาความช่วยเหลือนี้ซึ่งสนับสนุนให้เราทำงานต่อไปเพื่อประโยชน์ของธรรมชาติ และสามารถสร้างทรัพยากรที่ช่วยปรับปรุงเศรษฐกิจในท้องถิ่นของเราได้” Doña Angelica ผู้นำของ Mujeres Unidas Para La Conservación de Laguna de Sanchez กล่าวว่า หนึ่งในองค์กรพันธมิตรของ The Nature Conservancy ในเม็กซิโก กล่าว “ด้วยความช่วยเหลือนี้ เราจะสามารถลดต้นทุนการผลิตของพืชที่จะใช้ในการปลูกป่าในอนาคต”

Mary Kay และ The Nature Conservancy กำลังสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการสตรีในชุมชน Laguna Sanchez ซึ่งเป็นผู้นำการริเริ่มที่ไม่เหมือนใครเพื่อต่อสู้กับความท้าทายเหล่านี้ เจ้าของที่ดินกลุ่มนี้กำลังผลิตพืชพันธุ์พื้นเมืองหลายชนิดเพื่อใช้ในโครงการปลูกป่าในอุทยานแห่งชาติ โครงการนี้จะไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับสายพันธุ์เหล่านี้ แต่ยังปรับปรุงการดำรงชีวิตของครอบครัวและสมาชิกในชุมชนในชนบทอีกด้วย เรือนเพาะชำป่าสามารถปลูกต้นไม้ได้ประมาณ 45,000 ต้นต่อปี รวมถึงต้นสนขาว (ต้นสนเปลือกเรียบ หรือ Pinus pseudostrobus) และต้นสนหิน (ต้นสนพินยอน หรือ Pinus cembroides) สายพันธุ์เหล่านี้รวมอยู่ในเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่พัฒนาโดย The Nature Conservancy เพื่อการฟื้นฟูระบบนิเวศในพื้นที่ ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการป้องกันการกัดเซาะ ส่งเสริมการซึมของน้ำ ทนต่อความแห้งแล้ง และมีความสามารถในการงอกใหม่

“การเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและการรักษาทรัพยากรของโลกเป็นสองเสาหลักในจุดประสงค์ของ Mary Kay” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “ในฐานะผู้สนับสนุนความเป็นผู้นำของผู้หญิง เราภูมิใจมากที่ได้เห็นว่าผู้นำในท้องถิ่นเหล่านี้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในชุมชนของเรา โดยมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าที่สุดของเรา และหล่อเลี้ยงอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับหลายพันครอบครัวในภูมิภาคนี้ได้อย่างไร”

เพื่อช่วยบอกเล่าเรื่องราวของการเสริงสร้างพลังและการอนุรักษ์ธรรมชาติของ Angelica และ Mujeres Unidas Para La Conservación de Laguna de Sanchez โดย Mary Kay Inc. ได้สร้างภาพยนตร์สั้นร่วมกับ The Nature Conservancy Forest of Hope ซึ่งเขียน กำกับ และผลิตโดยทีมผู้หญิงล้วน ป่าแห่งความหวัง หรือ Forest of Hope  คือการเดินทางสู่แนวหน้าของการต่อสู้เพื่อช่วยโลกของเราจากภัยคุกคามที่ใกล้จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพฤติกรรมทำลายล้างของมนุษย์ ที่ซึ่งเราเห็นความแตกต่างของกลุ่มนักอนุรักษ์สตรีสามารถทำได้ ชมตัวอย่าง Forest of Hope ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นมากกว่า 56 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย Mary Kay ยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.marykayglobal.com

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เราสร้างสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและภูมิภาค เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211102006106/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Global Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972-687-5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



โปรแกรมเร่งความเป็นผู้ประกอบการสตรีประกาศความร่วมมือกับเครือจักรภพเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ประกอบการสตรีใน 54 ประเทศ

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)– 27 ต.ค. 2564

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) หรือ โปรแกรมเร่งความเป็นผู้ประกอบการสตรี ซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่จัดประชุมหน่วยงานของ UN 5 แห่ง กับ Mary Kay Inc. ได้ผนึกกำลังกับเครือข่ายเครือจักรภพธุรกิจสตรี หรือ Commonwealth Businesswomen’s Network (CBWN) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีที่ด้อยโอกาสใน 54 ประเทศในเครือจักรภพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่:https://www.businesswire.com/news/home/20211027005291/en/

Deborah Gibbins, Chief Operating Officer, Mary Kay Inc. (Graphic: WEA)

Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Mary Kay Inc. (กราฟิก: WEA)

โปรแกรมเร่งความเป็นผู้ประกอบการสตรี หรือ WEA ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีที่ส่งเสริมการเติบโต ความยั่งยืน และความยืดหยุ่น โดยในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 WEA ได้เข้าร่วม Generation Equality Forum ในปารีส และได้ตั้งมั่นที่จะส่งเสริมสตรีห้าล้านคนทั่วโลกภายในปี 2573 เพื่อเร่งความก้าวหน้าด้านความเท่าเทียมทางเพศ

เมื่อเร็วๆ นี้ WEA ได้ประกาศเปิดตัวชุดโครงการและผลิตภัณฑ์ความรู้ที่สร้างผลกระทบ ซึ่งมีรูปแบบมุมมองผ่านเลนส์มิติทางเพศทั้งหมด ซึ่งเป็นผลลัพธ์ร่วมกันของความร่วมมือระหว่างองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), the International Trade Centre (ITC), UN Global Compact ( UNGC), โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และ UN Women ด้วยการสนับสนุนเชิงกลยุทธ์และการระดมทุนจาก Mary Kay โดยงานสร้างผลกระทบเชิงบวกของ WEA จะรวมถึงเครื่องมือและการฝึกอบรมเพื่อสร้างขีดความสามารถทางดิจิทัล การวิจัยผู้ประกอบการ และการสนับสนุนและการฝึกอบรมด้านการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองต่อมิติทางเพศ (GRP)

เครือข่ายเครือจักรภพธุรกิจสตรี หรือ CBWN ทำงานร่วมกับสตรีที่อยู่ในสายงานธุรกิจโดยเชื่อมโยงรัฐบาลและภาคเอกชนเพื่อส่งเสริม เริ่มต้น และปลูกฝังการเสริมพลังอำนาจทางเศรษฐกิจของผู้หญิงรวมถึงผู้หญิงที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำ เริ่มต้นงานเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 โครงการผู้ประกอบการสตรีเครือจักรภพ หรือ Commonwealth Women's Entrepreneurship Accelerator (CWEA)  เป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายจากทั้ง CBWN, Global Entrepreneurship Network UK (GEN UK) และ Oxentia ซึ่งเป็นการสนองตอบโดยตรงต่อการพัฒนาสามประการ ได้แก่ ข้อตกลงโดยหัวหน้ารัฐบาลเครือจักรภพทั้งหมดในลอนดอนในปี 2561 “ในการทำงานเพื่อเพิ่มจำนวนและการเพิ่มอัตราความสำเร็จของธุรกิจที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของ การทำลายอุปสรรคทางเพศในทุกภาคส่วน และเพิ่มโอกาสให้สตรีในการค้าขายกับต่างประเทศ” และจากการยอมรับในการประชุม G20 ในปี 2563 ว่า “ก่อนนี้ เราได้พลาดโอกาสไปในการจัดการกับช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ที่ต้องการการดำเนินการในทันที ซึ่งก็คือการทำให้ผู้หญิงอยู่ในงานและพื้นที่ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่กำลังผุดขึ้น” และแผนเร่งรัดทั่วโลกของ UN หรือ UN Global Acceleration Plan  เพื่อพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศภายในปี 2569 และแนวร่วมปฏิบัติด้านความยุติธรรมทางเศรษฐกิจและสิทธิและเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ Action Coalitions on Economic Justice and Rights and Technology and Innovation ที่เปิดตัวในปี 2564

ความร่วมมือครั้งใหม่กับ CBWN เพื่อสนับสนุน CWEA จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับขอบเขตการดำเนินงานทางภูมิศาสตร์ของ WEA ทั่วทั้ง 54 ประเทศที่มีความหลากหลายของเครือจักรภพทั้งในแอฟริกา เอเชีย อเมริกา ยุโรป และแปซิฟิก โดยมี 32 ประเทศที่ถูกจัดเป็น “รัฐขนาดเล็ก” รัฐขนาดเล็กมีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความท้าทายด้านการพัฒนา ซึ่งรวมถึงความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ อีกด้วย

นอกเหนือจากการขยายขอบเขตงานพื้นฐานของ WEA และ CBWN แล้ว การเป็นหุ้นส่วนยังจะมุ่งเน้นอย่างมากที่นโยบายและการสนับสนุนเพื่อความก้าวหน้าในการเปลี่ยนแปลงระบบที่มีส่วนร่วมกับรัฐสมาชิกของเครือจักรภพ และใช้ประโยชน์จากเครือข่ายขององค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในการสนับสนุนสตรีในธุรกิจ หรือผู้ประกอบการสตรีในทั่ว เครือจักรภพ

“เราทราบดีว่าการเป็นหุ้นส่วนระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการมีส่วนร่วมเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ผู้ประกอบการสตรีจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั่วโลกต้องการ” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “WEA รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Commonwealth Businesswomen’s Network และ Commonwealth Women's Entrepreneurship Accelerator ความร่วมมือของเราจะเน้นไปที่การเพิ่ม ขยายผล และเร่งผลกระทบ เมื่อเรามารวมตัวกันเรามีพลังมากขึ้นด้วยกัน และฉันหวังว่าจะได้ร่วมเดินทางไปกับการดำเนินการร่วมกันเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs”

“เครือข่ายธุรกิจสตรีเครือจักรภพมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับโครงการเร่งสร้างผู้ประกอบการสตรีแห่งสหประชาชาติในโครงการริเริ่มที่สำคัญโครงการนี้ ทั้งนี้เพื่อให้เราสามารถปลดล็อกและปลดปล่อยพลังและศักยภาพสำหรับผู้หญิงที่มีภูมิหลังที่หลากหลายมากขึ้น” Freda Miriklis ประธานเครือข่ายธุรกิจสตรีเครือจักรภพกล่าว “ด้วยความร่วมมือครั้งนี้ เราจะสามารถควบคุมทรัพย์สินส่วนรวมของเราได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น – สำหรับผู้หญิง ชุมชนของพวกเขา และเด็กผู้หญิงทุก ๆ คนจะได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของพวกเขา”

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการเร่งสร้างผู้ประกอบการสตรี หรือ Women's Entrepreneurship Accelerator โปรดไปที่ we-accelerate.com.

เกี่ยวกับ the Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มแบบพหุภาคีในการประชุมผู้ประกอบการสตรี 5 หน่วยงาน องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) UN Global Compact (UNGC) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) UN Women และ Mary Kay Inc. เพื่อเพิ่มอำนาจให้ผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนภายในปี 2573

เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลกโครงการเร่ง หรือ Accelerator เป็นตัวอย่างของพลังการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนหลายฝ่ายที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังและศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี

เรียนรู้เพิ่มเติมที่  we-accelerate. ติดตามเราที่ Twitter (@We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator), LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

เกี่ยวกับ the Commonwealth Businesswomen’s Network

เครือข่าย Commonwealth Businesswomen’s Network (CBWN) ทำงานร่วมกับผู้หญิงในธุรกิจโดยเชื่อมโยงรัฐบาลและภาคเอกชนเพื่อส่งเสริม เริ่มดำเนินงาน และปลูกฝังการเสริมพลังอำนาจทางเศรษฐกิจของสตรี ซึ่งทำได้ด้วยการนำเสนอกิจกรรม ความคิดริเริ่ม ผลิตภัณฑ์ และบริการที่เน้นการค้า ความสามารถ และการฝึกอบรม เราเป็นองค์กรที่ได้รับการรับรองเพียงองค์กรเดียวที่มุ่งเน้นการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจของสตรี และได้รับการยอมรับโดยตรงจากรัฐบาล 54 แห่งทั่วทั้ง 6 ทวีป เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.cbwn.org

เกี่ยวกับ the Commonwealth Women’s Entrepreneurship Accelerator

Commonwealth Women's Entrepreneurship Accelerator เป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ซึ่งก่อตั้งขึ้นจากผลของการประชุม Commonwealth Women's Entrepreneurship Summit (CWES) ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นงานระดับโลกครั้งแรกที่มุ่งเน้นที่สตรีในภาคส่วนเทคโนโลยีเกิดใหม่ ทั้งนี้ CWES ถูกจัดขึ้นโดย เครือข่ายธุรกิจสตรีเครือจักรภพ  เครือข่ายผู้ประกอบการระดับโลก รัฐบาลสหราชอาณาจักร (Women in Innovation Network, โครงการ Innovation UK); และเครือข่ายผู้ประกอบการสตรีที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกา (AWEP: African Women's Entrepreneurship Program) อนึ่ง Commonwealth Women's Entrepreneurship Accelerator เป็นความร่วมมือระหว่างเครือข่าย Commonwealth Businesswomen's Network, Global Entrepreneurship Network-UK และ Oxentia เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.thecwea.org

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 58 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ยังทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมที่

marykayglobal.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน 6businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211027005291/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or   media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย




ผลิตภัณฑ์เยื่อไม้ยูคาลิปตัสจาก Suzano จะถูกจัดแสดงในงานระดับนานาชาติอย่าง Index 20

Logo

  • Eucafluff ทิ้งร่องรอยผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่ำกว่าเยื่อไม้สน โดยมาพร้อมกับความนุ่ม ความหนา และการดูดซับที่ดีขึ้น
  • ผลิตภัณฑ์นี้เกิดจากการวิจัยและพัฒนาร่วมกับอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคมากว่าทศวรรษ เพื่อนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ ผ้าอ้อม ผลิตภัณฑ์ดูแลสตรี และแผ่นรองสำหรับสัตว์เลี้ยง
  • Index 20 จะเป็นโอกาสระดับโลกครั้งแรกที่เราจะได้เห็นโซลูชันสำหรับการใช้งานของ Eucafluff แบบ 100% ด้วยตนเอง

เซาเปาโลและนิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–13 ตุลาคม 2564

Suzano ผู้ผลิตเยื่อไม้ยูคาลิปตัสชั้นนำระดับโลกและหนึ่งในผู้ผลิตกระดาษรายใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกา จะจัดแสดงนวัตกรรมเยื่อไม้ชนิดใหม่ของบริษัทอย่าง Eucafluff เป็นครั้งแรกในงาน Index 20 ในกรุงเจนีวาในวันที่ 19-20 ตุลาคม

Suzano เชื่อมั่นในพลังของยูคาลิปตัสและนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อม พลังนี้จะอยู่ในรูปแบบของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Eucafluff ซึ่งเป็นเยื่อไม้ยูคาลิปตัส 100% แห่งแรกของโลก และเป็นวัตถุดิบหมุนเวียนที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของเยื่อไม้สนที่อยู่ในระดับเดียวกัน โดยจะมอบผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงให้แก่ผู้บริโภคไปพร้อม ๆ กัน คุณสมบัติดังกล่าวบ่งบอกว่า Eucafluff มีศักยภาพที่จะพลิกโฉมตลาดด้านสุขอนามัยได้

Eucafluff มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกด้านการจำหน่ายเยื่อไม้คุณภาพสูงสุดและยั่งยืนที่สุด ปัจจุบัน 75% ของยอดขายจาก Eucafluff อยู่ในต่างประเทศ โดย 70% จำหน่ายในเอเชีย ซึ่งประกอบด้วย ตลาดหลักอย่างจีนและญี่ปุ่น Eucafluff ถูกนำไปใช้งานโดยบริษัทชั้นนำในตลาดโลกที่ผลิตสินค้าด้านสุขอนามัยแก่ผู้คนนับล้าน

Suzano มีประวัติอันยาวนานด้านนวัตกรรมในตลาดเยื่อไม้ ในทศวรรษที่ 1960 Suzano ได้พัฒนาเส้นใยไม้เนื้อแข็งชนิดแรกสู่ตลาดเยื่อไม้ ซึ่งเป็นการปฏิวัติภาคส่วนที่เคยใช้แต่ไม้เนื้ออ่อนเท่านั้น Eucafluff เป็นผลงานที่มาจากการวิจัยและพัฒนาเกือบ 15 ปี โดยผสมผสานความเชี่ยวชาญของ Suzano ทั้งในด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน (Innovability) ซึ่งมีการใช้งานในทุกพื้นที่ของธุรกิจ

นอกจากความยั่งยืนที่มากขึ้นแล้ว Eucafluff ยังมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งในแง่ของการทำชื้น การยึดตาข่าย และความนุ่มสบาย เนื่องจากมีลักษณะทางสัณฐานวิทยาที่เป็นเอกลักษณ์ของไม้เนื้อแข็งยูคาลิปตัสของ Suzano ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า บางกว่า และอัดได้สูงกว่า ด้วยเหตุนี้ แผ่นดูดซับที่ทำจาก Eucafluff 100% จึงนุ่มสบาย ยืดหยุ่น และละเอียดลออมากขึ้น พร้อมมอบความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ แผงที่บางลงเหล่านี้ยังช่วยลดการใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ได้ถึง 14% ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมเช่นกัน

Eucafluff ทำมาจากต้นยูคาลิปตัสที่ปลูกในฟาร์มที่มีการจัดการอย่างยั่งยืนทั่วบราซิล

เยี่ยมชมทีม Eucafluff ของ Suzano ได้ที่บูธ #1531 หรืออีเมลไปที่ eucafluff@suzano.com.br.

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211012005949/en/

ติดต่อ:

Suzano
André Magnabosco
amagnabosco@suzano.com.br

Hawthorn Advisors
Zinka MacHale
suzano@hawthornadvisors.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Novo Nordisk ประเทศไทย ได้รับการรับรองสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดเป็นปีที่สองติดต่อกัน

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–4 ต.ค. 2564

Novo Nordisk ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีนวัตกรรมและความเป็นผู้นำในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานมายาวนานกว่า 95 ปี ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่ดีที่สุดในการทำงานในประเทศไทยทั้งในปี 2563 และ 2564 บริษัทเสนอบริการที่มีรางวัลการันตี มีวัฒนธรรม โอกาสก้าวหน้า การฝึกอบรมและการพัฒนาอาชีพ การให้คำปรึกษาระดับสูง การริเริ่มด้านสุขภาพกายและใจ การริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และผลประโยชน์ในการแข่งขัน ส่งผลบริษัทให้เป็นหนึ่งนายจ้างที่น่าปรารถนาในประเทศไทย จากผลสำรวจของบริษัท พบว่า พนักงานร้อยละ 99 กล่าวว่าที่นี่เป็นที่ทำงานที่ยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับองค์กรไทยทั่วไปที่ได้คะแนนร้อยละ 82

“Novo Nordisk Thailand ให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนและครอบครัวในช่วงการระบาดใหญ่ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ด้วยการสื่อสารที่ชัดเจนทั้งด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วม ไปพร้อม ๆ กับการจัดการการทำงานจากที่บ้านอย่างมีชีวิตชีวา การให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานเป็นสิ่งที่น่ายกย่องและชื่นชมอย่างมากในช่วงเวลานี้ จิตวิญญาณของทีมไม่เคยล้มเหลวในการสร้างความมั่นใจว่าอุปสรรคทั้งหมดจะได้รับการจัดการอย่างสอดคล้องเหมาะสมกัน พร้อมกับการเฉลิมฉลองความสำเร็จตลอดทั้งปี” หนึ่งในพนักงานของ Novo Nordisk ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์เอาไว้

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นบริษัทที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน” John Dawber ผู้จัดการทั่วไปของ Novo Nordisk ประจำประเทศไทยกล่าว “ผมรู้สึกซาบซึ้งอย่างแท้จริงกับผลลัพธ์ เมื่อคำนึงว่าเราเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการทำงานในประเทศไทยเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19 เราทำงานอย่างหนัก ไปพร้อม ๆ กับการใช้แนวทางที่เป็นระบบเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อให้แน่ใจว่า สภาพแวดล้อมที่เราจัดเตรียมไว้เป็นสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลิน รู้สึกปลอดภัย มีส่วนร่วม และประสบความสำเร็จ แม้ในช่วงเวลาที่ต้อง Work from Home เราให้ความสำคัญกับสถานการณ์ส่วนบุคคลของทีมอย่างใกล้ชิด และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีที่สุดสำหรับพนักงานของเราใน สถานการณ์ที่ยากลำบาก”

“ผลตอบรับที่ได้รับจากรางวัล Best Place To Work Award ปีที่แล้ว ถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงานของเรา เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถปรับปรุงคะแนนทั้งหมดทั่วทั้ง 8 มิติของแบบสำรวจ เมื่อเทียบกับปี 2563 กุญแจสู่ความสำเร็จของบริษัทของเราคือพนักงานของเรา เราขอขอบคุณพวกเขาที่มีส่วนร่วมอย่างมากต่อวัฒนธรรมองค์กรของเรา สำหรับความไว้วางใจในภารกิจของเรา และข้อเสนอแนะที่ตรงไปตรงมา” Vera Bakirova ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ Novo Nordisk ประเทศไทย กล่าว

“แม้จะมีปัญหาจากการระบาดใหญ่ แต่  Novo Nordisk ประเทศไทย ไม่เพียงแต่จะสามารถส่งมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่โดดเด่น และสร้างคุณูปการเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังได้รับความไว้วางใจจากพนักงานให้ยังคงเป็นหนึ่งในสุดยอดสถานที่ทำงานในประเทศไทย”

เกี่ยวกับโครงการสถานที่ทำงานที่ดีที่สุด

Best Places To Work หรือ โครงการสถานที่ทำงานที่ดีที่สุด เป็นโครงการการรับรองระดับโลกที่รับรองสถานที่ทำงานชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลก การประเมินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราจะวิเคราะห์ความน่าดึงดูดใจของบริษัทผ่านกระบวนการสองขั้นตอนโดยเน้นที่ปัจจัยในที่ทำงาน 8 ประการ ได้แก่ วัฒนธรรม ความเป็นผู้นำ โอกาสในการเติบโต และการปฏิบัติของบุคลากร นอกจากการสำรวจความพึงพอใจของพนักงานแล้ว เรายังดำเนินการประเมินด้านทรัพยากรบุคคลโดยมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติด้านทรัพยากรบุคคลในองค์กรโดยเทียบกับมาตรฐานกรอบงานบุคลากรของเราที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างรายได้ที่อยู่ในระดับชั้นนำของตลาด และนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  www.bestplacestoworkfor.org

ติดต่อสำหรับสื่อ: Grace Kelly

อีเมล: grace@bestplacestoworkinasia.com

โทร: +65 3159 1167

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ผนึกกำลังกับ Equal Rights Trust เพื่อบุกเบิกการวิจัยเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในอัลกอริทึมและเอไอ

Logo

ดัลลาส–(บิสิเนสไวร์)–04 ต.ค. 2564

Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกด้านการส่งเสริมเพศหญิงได้ประกาศความร่วมมือกับ Equal Rights Trust (ERT) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีภารกิจในการกำจัดการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบและสร้างความมั่นใจว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน  Trust ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดยทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาความเท่าเทียมผ่านกฎหมายทั่วโลก ในการร่วมมือครั้งนี้ Mary Kay Inc. จะช่วยให้ ERT ริเริ่มการวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอและอัลกอริธึมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ผ่านเลนส์ตามเพศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211004005308/en/

Equal Rights Trust logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ Equal Rights Trust (ภาพกราฟิก: Mary Kay Inc.)

“ในฐานะบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นด้วยพันธกิจในการยกระดับชีวิตของผู้หญิงทุกที่ Mary Kay มองหาองค์กรต่างๆ ที่เราสามารถร่วมมือด้วยเสมอเพื่อสร้างผลกระทบต่อความเท่าเทียมทางเพศทั่วโลก” Julia Simon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านความหลากหลายของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้สนับสนุน Equal Rights Trust ในงานของพวกเขาที่จะช่วยพัฒนาความเท่าเทียมด้วยการออกแบบและก้าวไปข้างหน้าสู่ความร่วมมือกับภาคเอกชน  การทำงานของเรากับ ERT มุ่งเน้นเฉพาะในการวางกรอบภูมิทัศน์ใหม่ของปัญญาประดิษฐ์และความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งเป็นความกังวลที่เพิ่มขึ้นในยุคดิจิทัล”

การสนับสนุน ERT ของ Mary Kay จะเป็นผู้บุกเบิกด้านการวิจัยใหม่เกี่ยวกับผลกระทบจากการเลือกปฏิบัติของระบบอัลกอริธึมที่ ERT ได้พัฒนาและส่งเสริมแบบจำลองของการประเมินผลกระทบความเท่าเทียมกัน โดยสนับสนุนแนวทาง “ความเท่าเทียมโดยการออกแบบ” ในการตัดสินใจภาครัฐและเอกชนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติและความเท่าเทียมกันในการมีส่วนร่วม  ลำดับที่สำคัญที่สุดคือการเปิดตัวความคิดริเริ่มเพื่อสร้างและจัดการกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลือกปฏิบัติของการตัดสินใจด้วยอัลกอริทึม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ

“การใช้อัลกอริธึมและปัญญาประดิษฐ์กำลังแพร่กระจาย” Ariane Adam รองผู้อำนวยการ Equal Rights Trust กล่าว “เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิเคราะห์ การสื่อสาร และแม้กระทั่งกฎหมายสำหรับสังคมของเราอย่างรวดเร็ว  แม้ว่าระบบดังกล่าวจะแพร่หลายไปทั่วโลก แต่เราเพิ่งเริ่มเข้าใจข้อบกพร่อง ข้อจำกัด และขอบเขตของการตัดสินใจด้วยอัลกอริทึม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการเลือกปฏิบัติ เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ Mary Kay ในการให้ความกระจ่างเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดการเลือกปฏิบัติจากการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง”

การส่งมอบความคิดริเริ่มสามารถแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน:

  • ระยะที่ 1: การวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบการเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นใหม่ของการใช้อัลกอริทึมในการตัดสินใจในด้านการจ้างงาน การเข้าถึงสินเชื่อและการเข้าถึงที่อยู่อาศัย รวมถึงการมุ่งเน้นที่ผลกระทบของผู้หญิงในฐานะกลุ่มที่ต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติในบริบทเหล่านี้โดยเฉพาะ
  • ระยะที่ 2: การมีส่วนร่วมกับผู้มีบทบาทที่หลากหลายเพื่อพัฒนากลยุทธ์การสนับสนุนเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมกันโดยแนวทางการออกแบบ การพัฒนา การเปิดตัว และการเฝ้าติดตามเทคโนโลยี AI
  • ระยะที่ 3: มีส่วนร่วมกับผู้มีบทบาทระดับนานาชาติ ระดับภูมิภาค และระดับชาติในการกำหนดมาตรฐานที่กำหนดความเท่าเทียมกันด้วยแนวทางการออกแบบ

การเป็นพันธมิตรกับ Equal Rights Trust เป็นเพียงความคิดริเริ่มล่าสุดที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mary Kay ในปี 2564 เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศในทุกที่ เป็นเวลาเกือบ 60 ปีที่ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสตรีและครอบครัวโดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลก

เกี่ยวกับ EQUAL RIGHTS TRUST

Equal Rights Trust เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระดับนานาชาติที่มีขึ้นเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติและรับรองว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน  เพื่อให้บรรลุภารกิจนี้ องค์กรได้ทำงานร่วมกับผู้ปกป้องความเท่าเทียม – องค์กรภาคประชาสังคม (CSO) นักกฎหมาย ผู้แทนรัฐบาล และอื่นๆ ที่มุ่งมั่นที่จะใช้กฎหมายเพื่อสร้างโลกที่เท่าเทียม โดยให้การสนับสนุนด้านเทคนิค กลยุทธ์ และการปฏิบัติที่จำเป็นแก่พวกเขา การทำงานเพื่อการยอมรับและการดำเนินการตามกฎหมายความเท่าเทียมกันที่ครอบคลุม  ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา เราได้สนับสนุนผู้ปกป้องความเสมอภาคในเกือบ 50 ประเทศ ขณะที่พัฒนาฉันทามติในระดับสากลเกี่ยวกับความจำเป็นและเนื้อหาของกฎหมายความเท่าเทียมกันที่ครอบคลุม เรียนรู้เพิ่มเติมที่ equalrightstrust.org

เกี่ยวกับ MARY KAY

หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วรายแรก Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามของเธอเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้วโดยมีเป้าหมาย 3 ประการคือ พัฒนาโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น  ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีสมาชิกฝ่ายขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ  Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม และการร่วมมือกับองค์กรทั่วโลกเพื่อสร้างผลกระทบทางสังคมที่ดี  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดในครอบครัว สร้างความสวยงามให้ชุมชนของเรา และสนับสนุนให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายในทุกลิปสติก   เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211004005308/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Johns Manville ต่ออายุคำมั่นสัญญาเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า โดยการตั้งเป้าหมายปี 2568 ในรายงานความยั่งยืนฉบับใหม่

Logo

เดนเวอร์–(BUSINESS WIRE)–1 ต.ค. 2564

Johns Manville (JM) ผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ประหยัดพลังงานและวัสดุพิเศษทางวิศวกรรม และบริษัท Berkshire Hathaway เปิดเผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2021 ในวันนี้ โดยรายงานฉบับที่เจ็ดของ JM สื่อสารถึงความมุ่งมั่นในแนวทางที่สมดุลซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและบริษัท สามารถหาดูรายงานได้ที่ www.jm.com/sustainability

“JM ยังคงเดินหน้าสู่ความยั่งยืนด้วยความตั้งใจและคำมั่นสัญญาที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่า” Bob Wamboldt ประธานและซีอีโอกล่าว “การมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนของเราช่วยเสริมค่านิยมหลักของเราในด้าน People, Passion, Perform and Protect ซึ่งช่วยให้เราขับเคลื่อน JM Experiences ในเชิงบวกและอย่างทรงพลังให้กับพนักงาน ลูกค้า และซัพพลายเออร์ของเรา”

รายงานฉบับใหม่นี้มีข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับความคืบหน้าเทียบกับเป้าหมายความยั่งยืนประจำปี 2563 ของ JM และแนะนำเป้าหมายความยั่งยืนปี 2568 ในกรอบการทำงานสากลแบบใหม่

“เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดทั่วโลก ความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตอกย้ำว่า เหตุใดความยั่งยืนจึงมีความสำคัญมาก” Tim Swales รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีกล่าว “กรอบการทำงานด้านความยั่งยืนใหม่ของเรามีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อโลกโดยการลดการสร้างและการฝังกลบของเสียอย่างมีนัยสำคัญ ขยายการสนับสนุนพนักงานทั่วโลกของเราเน้นไปที่ความปลอดภัย การใส่ใจด้านความหลากหลาย ความครอบคลุมอย่างถ้วนหน้า และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากขึ้นสำหรับอนาคตที่ปลอดคาร์บอน ”

รายงานปี 2564 ได้รับการพัฒนา ให้เป็นไปตาม ตัวเลือกหลักของมาตรฐานการรายงานความยั่งยืนของ GRI (GRI Sustainability Reporting Standards Core option) และผ่านการตรวจสอบโดยบริการการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญของ GRI หรือ GRI’s Materiality Disclosures Service

เกี่ยวกับ Johns Manville

Johns Manville บริษัทในเครือ Berkshire Hathaway (NYSE: BRK.A, BRK.B) เป็นผู้ผลิตชั้นนำและผู้ทำการตลาดผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมียมสำหรับฉนวนกันความร้อนในอาคาร ฉนวนเชิงกล หลังคาเชิงพาณิชย์และฉนวนหลังคา ตลอดจนเส้นใยและผ้าไม่ถักไม่ทอสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์อุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย JM ให้บริการในตลาดต่างๆ ซึ่งรวมถึงการบินและอวกาศ ยานยนต์และการขนส่ง การจัดการอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า HVAC ท่อและอุปกรณ์ การกรอง การกันน้ำ อาคาร พื้น การตกแต่งภายใน และพลังงานลมในธุรกิจตั้งแต่ปี 2401 บริษัทซึ่งตั้งอยู่ในเดนเวอร์มียอดขายต่อปีมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์และดำรงตำแหน่งผู้นำในตลาดสำคัญทั้งหมดที่ให้บริการ Johns Manville มีพนักงาน 8,000 คน และมีโรงงานผลิต 46 แห่งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และจีน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.jm.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210930006002/en/

ติดต่อ:

Eric Brown

+1-303-809-2853

Eric.Brown@JM.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย