Category Archives: Energy

Black & Veatch และ The Green Solutions ลงนาม MoU เพื่อพัฒนาการผลิตพลังงานสีเขียวในเวียดนาม

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–4 เมษายน 2565

Black & Veatch และ The Green Solutions (TGS) ได้ลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) เพื่อพัฒนาการผลิตและการจัดหาไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียวในเวียดนาม

TGS เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผลิต และการบริการของโครงการพลังงานหมุนเวียน และเป็นผู้นำในการใช้ประโยชน์จากพลังงานสีเขียวในเวียดนามเพื่อนำไปผลิตไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียว Black & Veatch เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน ได้นำความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีของพลังงานสะอาดและการแปรรูปแอมโมเนียมาสู่โครงการ

“The Green Solutions มีความมุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในด้านพลังงานหมุนเวียนในเวียดนาม และการเป็นพันธมิตรกับ Black & Veatch จะทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัติให้ดีที่สุดในโลกพร้อมกับสอดคล้องกับข้อกำหนดของเอเชีย และมีส่วนสนับสนุนต่อโครงการที่ปลอดจากจากปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของภูมิภาคในอนาคต” Winnie Huynh ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ TGS กล่าว

ไฮโดรเจนสามารถนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า การจัดเก็บพลังงาน และโซลูชั่นการขนส่งขั้นสูง ในขณะที่แอมโมเนียสามารถทำให้เป็นของเหลวสำหรับการจัดเก็บและการขนส่งทั่วโลก ซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อผลิตไฟฟ้าหรือสารเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ

ภายใต้ MoU โดย Black & Veatch และ TGS ตั้งเป้าที่จะผลิตแอมโมเนียสีเขียวจำนวน 180,000 ตันและไฮโดรเจนสีเขียวจำนวน 30,000 ตันต่อปี เพื่อสนับสนุนความพยายามในการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับภูมิภาค

TGS ได้แต่งตั้ง Black & Veatch เพื่อศึกษาการผลิตและการเก็บรักษาไฮโดรเจนสีเขียวในเวียดนามโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมที่จ่ายผ่านระบบโครงข่ายไฟฟ้า การศึกษายังรวมถึงการพัฒนาโรงงานผลิตแอมโมเนียสีเขียว ตลอดจนการกำหนดค่าโรงงานและการทบทวนเทคโนโลยี ความเสี่ยงในการวิวัฒนาการของเทคโนโลยีและการบรรเทาผลกระทบเบื้องต้น การออกแบบแนวคิด การประเมินต้นทุนตามลำดับความสำคัญ และการคำนวณต้นทุนที่ปรับระดับได้ Augustus Global Investments จะจัดหาเงินทุนเพื่อการพัฒนาเบื้องต้นสำหรับโครงการนี้

“ด้วยประวัติศาสตร์ 80 ปีของเราในการทำงานกับการผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียในอุตสาหกรรมปุ๋ย ความพร้อมที่จะนำความความรู้ความเชี่ยวชาญในทุกขั้นตอนของโครงการด้านไฮโดรเจน ตั้งแต่การให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคและการออกแบบไปจนถึงการดำเนินงานของโครงการ ในฐานะที่เป็นบุกเบิกในการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจรของไฮโดรเจนและแอมโมเนีย Black & Veatch เองก็มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่จะมุ่งเน้นด้านความยั่งยืนอย่างเช่น The Green Solutions ในขณะที่เราเองก็ยังมีเป้าหมายที่จะช่วยในการลดการปล่อยคาร์บอนในเอเชียด้วยการเพิ่มการนำเอาไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียวมาใช้” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Black & Veatch กล่าว

“Augustus ผสมผสานปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) เข้ากับกระบวนการลงทุนและการจัดการที่หลากหลายของเรา เรายินดีที่จะสนับสนุนธุรกิจที่คิดถึงอนาคตอย่างเช่น The Green Solutions และ Black & Veatch ที่พวกเขาทำงานเพื่อตระหนักถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการกำจัดคาร์บอนของเอเชีย” Fadi Krikor ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Augustus Global Investments กล่าว

MoU ตอบสนองต่อการมองโลกในทางที่ดีของเอเชียสำหรับเชื้อเพลิงสีเขียวอย่างเช่น ไฮโดรเจนและแอมโมเนีย ตามผลรายงาน Black & Veatch’s 2022 Asia Electric Report ร้อยละ 73 ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าไฮโดรเจนจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายใน 10 ปีนับจากนี้มากกว่าเทคโนโลยีอื่นใด นอกจากนี้ผลรายงานยังเผยว่าร้อยละ 46 คิดว่าจะเป็นทางเลือกที่สะอาดและราคาไม่แพงสำหรับการผลิตก๊าซภายในปี 2573

ในฐานะที่เป็นพันธมิตรด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลก Black & Veatch มีประสบการณ์ที่แข็งแกร่งในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและวัตถุดิบตั้งต้นจากก๊าซธรรมชาติ การบำบัดน้ำสำหรับงานอุตสาหกรรม การสร้างและการทำให้บริสุทธิ์ของไฮโดรเจน การบีบอัดไฮโดรเจน การจัดการและการผลิตพลังงาน และการเลือกเทคโนโลยีการจัดเก็บที่คุ้มค่า

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดภาพที่สนับสนุน

หมายเหตุของบรรณาธิการ:

  • Black & Veatch ได้รับเลือกให้เป็น Owner's Engineer โดย Intermountain Power Agency (IPA) สำหรับโครงการ Intermountain Power Project Renewal Project (IPPRP) ซึ่งเป็นหนึ่งในการติดตั้งของเทคโนโลยีกังหันแบบเผาไหม้ที่แรกซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ไฮโดรเจนสีเขียวในปริมาณสูง
  • Black & Veatch ได้จัดเตรียมการออกแบบแนวความคิดและดำเนินการประเมินต้นทุนสำหรับการรวมก๊าซไฮโดรเจนจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้เคียงเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการเผาไหม้ในโรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม Long Ridge Energy Terminal 485-MW GE 7HA.02
  • Black & Veatch ได้รับการคัดเลือกจาก Enegix Energy ให้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโรงงานไฮโดรเจนสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก world’s largest green hydrogen plant โรงงานแห่งนี้ตั้งเป้าหมายการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวมากกว่า 600 ล้านกิโลกรัมต่อปี

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch คือบริษัทออกแบบด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงาน 100 เปอร์เซ็นต์ร่วมเป็นเจ้าของ มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยการพัฒนาความยืดหยุ่น และคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญท ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมในการดำเนินงานกว่า 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และทางสื่อสังคม

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220328005361/en/

ติดต่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA HOTLINE | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG และ Fluxys จับมือเป็นพันธมิตรในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ LNG ที่สนับสนุนการใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ในชิลี

Logo

วอชิงตัน และ บรัสเซลส์–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2565

EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และ Fluxys บริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานชั้นนำ ประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาร่วมกันจะเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 80 ใน GNL Quintero SA (“Quintero”) ซึ่งเป็นคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่รอเปลี่ยนสถานะของเหลวให้กลับเป็นก๊าซที่ใหญ่ที่สุดในชิลี จาก Enagas Chile SpA และบริษัทในเครือของ OMERS Infrastructure เงื่อนไขของการทำธุรกรรมไม่ได้รับการเปิดเผย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220327005104/en/

Quintero เป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญซึ่งสนับสนุนกลยุทธ์การใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ของชิลีด้วยพลังงานทางเชื่อมที่ช่วยทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจกับการใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียนและการเลิกใช้ถ่านหินที่สอดคล้องกัน ทั้งนี้ Quintero เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 เป็นสถานีรับและขนถ่าย LNG ที่ใหญ่ที่สุดในชิลี รวมถึงมีความสามารถในการเก็บรักษาและเปลี่ยนสถานะของเหลวให้กลับเป็นก๊าซ คลังจัดเก็บได้รับประโยชน์จากสถานที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในอ่าวควินเทโร โดยจัดหาฐานลูกค้าที่หลากหลายในชิลีตอนกลางทั่วทั้งภาคส่วนที่อยู่อาศัย การพาณิชย์ การอุตสาหกรรม การขนส่ง และการผลิตไฟฟ้า คลังจัดเก็บร้อยละ 75 เป็นกำลังการผลิตก๊าซ LNG ของประเทศ และในปี 2564 การนำเข้าก๊าซธรรมชาติทั้งหมดร้อยละ 67 (ทั้ง LNG และท่อส่งก๊าซ) มาถึงชิลีผ่านสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์นี้ ด้วยกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติ 15 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ความสามารถในการจัดเก็บ LNG อยู่ที่ 334,000 ลูกบาศก์เมตร และ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวันของความสามารถในการบรรทุกของรถบรรทุก ทำให้สถานีเป็นซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้สำหรับก๊าซธรรมชาติซึ่งมีส่วนช่วยในการกระจายพลังงานและความปลอดภัยของชิลี

ชิลีมีแหล่งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลก และความสามารถ RES เทียบเท่าร้อยละ 4 ของความต้องการพลังงานทั่วโลกทั้งหมด ประเทศกำลังตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในสามผู้ผลิตไฮโดรเจนสีเขียวรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีแผนจะติดตั้งพลังงานหมุนเวียน 200 GW ภายในปี 2583 เพื่อผลิตไฮโดรเจนสีเขียว ชิลีได้ลงนามในข้อตกลงหลายฉบับเพื่อส่งเสริมการส่งออกไฮโดรเจนสีเขียว รวมถึงท่าเรือ Antwerp/Zeebrugge ของเบลเยียม เยอรมนี, ท่าเรือรอตเตอร์ดัม และเกาหลีใต้

การเข้าซื้อกิจการอยู่บนพื้นฐานการมีอยู่ของ EIG ในตลาดชิลี ที่บริษัทเป็นเจ้าของ Cerro Dominador ซึ่งเป็นศูนย์รวมพลังงานแสงอาทิตย์ที่ก้าวล้ำโดยรวมโรงไฟฟ้าโฟโตโวลเทอิก (PV) ขนาด 100 เมกกะวัตต์เข้ากับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ (CSP) ขนาด 110 เมกะวัตต์ ทั้งนี้โรงงานไฟฟ้า PV เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 และโรงงานไฟฟ้า CSP ประสบความสำเร็จในการประสานกับโครงข่ายไฟฟ้าของชิลีในเดือนเมษายน 2564 โดย EIG ยังเป็นพันธมิตรใน AME S.p.A ผู้พัฒนาโครงการในชิลีและผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ ซึ่ง AME เป็นเจ้าของร่วมกับ Generadora Metropolitana ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้ารายใหญ่อันดับห้าในชิลี รวมทั้ง HIF Global ซึ่งเป็นผู้นำในภาคส่วนไฮโดรเจนและเชื้อเพลิงสังเคราะห์ โดยมีชุดโครงการเชิงพาณิชย์ขนาดต่าง ๆ อยู่ระหว่างการพัฒนา และคาดว่าจะมีการก่อสร้างในช่วงอีกหลายปีข้างหน้า

สำหรับ Fluxys การเป็นพันธมิตรนี้ถือเป็นการลงทุนที่มองไปข้างหน้าเพื่อสร้างฐานที่มั่นคงในประเทศอื่นในละตินอเมริกา ที่มีการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานถือเป็นวาระสำคัญของรัฐบาล ด้วยทรัพยากรพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมที่มีอยู่มากมาย ชิลีตั้งเป้าที่จะผลิตไฮโดรเจนสีเขียวที่มีราคาถูกที่สุดในโลก โดย Belgian Hydrogen Import Coalition กับ Fluxys ในฐานะพันธมิตรได้ยืนยันความสามารถในการแข่งขันและความเป็นไปได้ของห่วงโซ่อุปทานโมเลกุลสีเขียวจากชิลีไปยังยุโรปและเบลเยียม

“เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการลงทุนใน Quintero ซึ่งเป็นบริษัทที่สอดคล้องกับการมุ่งเน้นด้านโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์คุณภาพสูงของเราอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมีความสำคัญต่อภูมิภาคที่ทำหน้าที่และให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจ” R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าว “เรายินดีที่ได้เป็นพันธมิตรอีกครั้งกับ Fluxys ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านปฏิบัติการระดับโลก เพื่อช่วยให้ Quintero รองรับความต้องการด้านพลังงานของชิลีและเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านด้วยพลังงานที่เชื่อถือได้ สถานะที่แข็งแกร่งของ Quintero ที่ปรากฎอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติทำหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจในการขยายธุรกิจในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและใกล้เคียง ซึ่งรวมถึงการจัดเก็บ การโหลดของรถบรรทุก และการเปลี่ยนสถานะของเหลวให้กลับเป็นก๊าซ ตลอดจนการพัฒนากำลังการผลิตสำหรับไฮโดรเจนสีเขียว โดยที่ Quintero มีศักยภาพที่สำคัญในการเป็นผู้นำในประเทศในอุตสาหกรรมตั้งไข่”

Pascal De Buck กรรมการผู้จัดการและซีอีโอของ Fluxys กล่าวว่า “ด้วยคลังจัดเก็บก๊าซ LNG 3 แห่งในยุโรป ความทะเยอทะยานของเราในการลงทุนนอกยุโรปและเพื่อมาเป็นผู้ขนส่งพลังงานรายใหม่ ซึ่ง Quintero เหมาะสมอย่างยิ่งกับกลยุทธ์ของเราในการเติบโตในแง่ของอนาคตแบบคาร์บอนต่ำ” “เราต้องการปรับใช้และขยายความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมของเราไปทั่วโลก และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ EIG ในฐานะนักลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานชั้นนำระดับโลกซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างจริงจังในโครงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในชิลี ความร่วมมือของเราใน Quintero ทำให้ Fluxys เข้าใกล้การพัฒนาไฮโดรเจนในชิลีมากขึ้น และสนับสนุนการนำเข้าไฮโดรเจนในเบลเยียม เรากำลังรอคอยที่จะร่วมมือและพัฒนาโอกาสใหม่กับผู้บริหารและพนักงานของ Quintero”

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะปิดได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม ซึ่งรวมถึงการควบคุมการควบรวมกิจการที่จำเป็นและการอนุมัติด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

Citigroup Global Markets Inc. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ EIG และ Fluxys ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม White & Case LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ EIG และ Linklaters LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ Fluxys

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยจำนวนเงิน 23 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดย EIG ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและพลังงานทั่วโลก ในช่วง 40 ปีแห่งประวัติศาสตร์ EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่ากว่า 39.7 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 379 โครงการใน 38 ประเทศในหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำมากมาย บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งอธิปไตยในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป ซึ่ง EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และกรุงโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ได้ที่ www.eigpartners.com

เกี่ยวกับ Fluxys

Fluxys มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเบลเยียม เป็นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เป็นอิสระเต็มรูปแบบ โดยมีพนักงาน 1,300 คนที่ทำงานด้านการส่งและจัดเก็บก๊าซ และคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว Fluxys ดำเนินการทางท่อส่งน้ำมันและคลังก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นระยะทาง 12,000 กิโลเมตรผ่านบริษัทในเครือทั่วโลก ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 29 พันล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี บริษัทในเครือของ Fluxys ได้แก่ Fluxys Belgium ที่จดทะเบียนใน Euronext ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งและจัดเก็บก๊าซ และคลังจัดเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวในเบลเยียม

ในฐานะบริษัทที่มีจุดมุ่งหมาย Fluxys ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนทำให้สังคมดีขึ้นด้วยการกำหนดอนาคตของพลังงานที่สดใส Fluxys สร้างขึ้นบนทรัพย์สินอันเป็นเอกลักษณ์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์ของบริษัท Fluxys มุ่งมั่นที่จะขนส่งไฮโดรเจน ไบโอมีเทน หรือตัวนำพาพลังงานคาร์บอนเป็นกลางอื่น ๆ รวมทั้ง CO2 เพื่อรองรับการดักจับ การใช้งาน และการเก็บรักษา www.fluxys.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220327005104/en/

ติดต่อสื่อ

EIG
Sard Verbinnen & Co.
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com

ติดต่อสื่อ Fluxys
Laurent Remy
+32 2 282 74 50
laurent.remy@fluxys.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch: แผนกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุการกำจัดคาร์บอนจากการผลิตไฟฟ้า ก้าวแรกสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงาน อย่างเป็นธรรมในเอเชีย

Logo

แผนกลยุทธ์การกำจัดคาร์บอนจากการผลิตไฟฟ้าที่สามารถปรับแต่งได้และนำไปปฏิบัติได้จริง คือกุญแจสำคัญในการพัฒนา สภาพภูมิอากาศของภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน

สิงคโปร์ (13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565) – ถึงแม้ว่าการมีแผนกลยุทธ์การกำจัดคาร์บอนที่ชัดเจนและมุ่งมั่น จะช่วยให้เอเชียบรรลุ การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างเท่าเทียมได้ แต่มากกว่าร้อยละ 50 ของอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมการตอบแบบสอบถามใน

Black & Veatch’s 2022 Asia Electric Report ยังคงขาดแผนดังกล่าวอยู่

นอกจากการผสมผสานวิธีการแก้ปัญหา การผลิต การลำเลียง และการกระจายพลังงาน จะต้องมีการพัฒนาที่มากขึ้นเพื่อสนับสนุน

พันธสัญญาการทำให้คาร์บอนเป็นศูนย์ของเอเชียแล้ว การวางแผนยุทธศาสตร์การลดคาร์บอนและการทำแผนกลยุทธ์จะช่วยให้การการประเมินผลของเทคโนโลยีที่มีอยู่และที่เกิดขึ้นใหม่นั้นทำได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงจะช่วยเป็นแนวทางในการตัดสินใจในระยะเวลาห้าปี สิบปี ยี่สิบปีข้างหน้า และในปีต่อๆไปด้วย

อนาคตของพลังงานจะหมายถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, พลังงานน้ำ, เชื้อเพลิงชีวภาพใหม่ (new biofuels), ปฏิกิริยาเคมีของแบตเตอรี่ และโครงสร้างพื้นฐานแบบผสมผสานสำหรับการชาร์จรถยนต์ (integrated vehicle charging infrastructure) โดย ณ ปัจจุบัน ไฮโดรเจนสีเขียว (green hydrogen) กำลังก้าวเข้ามาเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกแห่ง อนาคต ด้วยศักยภาพในการลดปริมาณการผลิตคาร์บอนจากกระบวนการผลิต การลำเลียง การให้ความร้อนแก่อาคารบ้านเรือนหรืออาคารเชิงพาณิชย์ และยังเป็นวัตถุดิบหรือเชื้อเพลิงในกระบวนการต่างๆในอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรม ที่ยากต่อการลดทอน (hard-to-abate industrial processes)

ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์, Black & Veatch กำลังทำงานร่วมกับลูกค้าทั้งภาคอุตสาหกรรมและระดับภูมิภาค เพื่อค้นหาเส้นทางที่ยั่งยืนที่จะสร้างสมดุลระหว่างความจำเป็นของการลดปริมาณการผลิตคาร์บอนโดยยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ

“เพื่อตอบสนองความต้องการทางพลังงานที่หลากหลายของทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว และที่กำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียนั้น

ผู้ที่มีส่วนเกี่ยงข้องหลักจะต้องใช้แผนกลยุทธ์ที่ต่างกันออกไป แต่ยังคงสนับสนุนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อนำความคิดริเริ่มจากขั้นตอนการวางแผนโครงการไปสู่ขั้นตอนการดำเนินการหรือนำไปปฏิบัติจริงเพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ ในการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรม และเป็นเหตุเป็นผล”  Yatin Premchand, managing director, APAC, Black & Veatch Global Advisory กล่าว

ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลัก ได้แก่ รัฐบาล, นักลงทุน, บริษัทด้านสาธารณูปโภค และ พลังงาน, ผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ และผู้ใช้พลังงานรายใหญ่

Premchand จะหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่สำคัญอื่นๆ สำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานอย่างเป็นธรรมในเอเชียที่ งานสัปดาห์ความยั่งยืน ของ Economist Impact Asia ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ระหว่างการอภิปรายหัวข้อ “Power Disrupted: A Fair Energy Transit in Asia” (การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมในเอเชีย”

                                                                                          ***

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • สำนักงานการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา (USTDA) มอบทุนสนับสนุนให้แก่ SCG International ของประเทศไทย เพื่อศึกษาแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับการเร่งการนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไปใช้ในสถานที่ต่างๆ หลายร้อยแห่งในธุรกิจของ SCG รวมถึงธุรกิจซีเมนต์ด้วย ทั้งนี้ Black & Veatch จะจัดทำแผนยุทธศาสตร์ สำหรับการลดการปล่อยคาร์บอนของระบบการขนส่งนี้ให้กับ SCG
  • จากรายงานความยั่งยืน การกำหนดเป้าหมายและการวัดผลประจำปี พ.ศ. 2564 ของ Black & Veatch หรือ Black & Veatch’s 2021 Corporate Sustainability, Goal Setting and Measurement Report ระบุว่าจากการสำรวจบริษัทที่มีรายได้มากกว่า 250 ล้านดอลลาร์นั้น มากกว่าร้อยละ 80 มีการกำหนดเป้าหมายการที่จะลดการปล่อยคาร์บอน แต่อย่างไรก็ดี ร้อยละ 25 ของบริษัทเหล่านี้ ตั้งเป้าหมายที่บริษัทก็ไม่แน่ใจว่าจะบรรลุเป้าหมายนี้อย่างไร

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของร้อยละ 100 ด้วยผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี, ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาชีวิต ของผู้คนทั่วโลกโดยการเพิ่มความยืดหยุ่นและความเชื่อมั่นของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา, รายได้ของเราในปี พ.ศ. 2563 เกินกว่า 3000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ติดต่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com

24-HOUR MEDIA HOTLINE | +1 855-999-5991

(ดูบทความต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220207006003/en/ )

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gen X Energy และ ACE Enexor ตกลงร่วมกันพัฒนาโรงไฟฟ้า LNG และโรงไฟฟ้าไฮโดรเจนสีเขียวในฟิลิปปินส์

Logo

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–18 ม.ค. 2565

Gen X Energy ได้เข้าร่วมทุนกับ ACE Enexor Inc. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ AC Energy Corp. เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 1,100 เมกะวัตต์ของบริษัท Batangas Clean Energy, Inc.  โครงการนี้จะสามารถใช้ก๊าซธรรมชาติและไฮโดรเจนสีเขียวเป็นเชื้อเพลิงในการจัดหาพลังงานที่มั่นคงให้กับกริดเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นของฟิลิปปินส์ และลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินของประเทศ  การร่วมทุนจะส่งผลให้ Gen X Energy และ ACE Enexor ถือหุ้น 50% ใน BCE

Scott Kicker ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Gen X Energy กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับโอกาสที่จะได้ร่วมมือกับ ACE Enexor ในฟิลิปปินส์ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของฟิลิปปินส์ และอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านของประเทศไปสู่แหล่งพลังงานที่สะอาดขึ้นอย่างยั่งยืน”

โครงการจะตั้งอยู่ในยุทธศาสตร์บริเวณอ่าวบาตังกัสของฟิลิปปินส์ ใกล้กับศูนย์โหลดพลังงานเมโทรมะนิลา  Gen X Energy จะยังคงถือหุ้น 50% ใน BCE ต่อไปผ่านทาง Red Holdings BV ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ถือหุ้นทั้งหมด

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220117005140/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:

Yvonne Soh
Gen X Energy
โทร +65 6950 3859
info@gen-x-energy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch Report: กุญแจสำคัญในการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนเพื่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังงานที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเอเชีย

Logo

กลยุทธ์เพื่อให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศุนย์นั้นต้องการการพัฒนา จัดการและการรวบรวมระบบการผลิต ระบบการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า และระบบการจัดจำหน่ายไฟฟ้าที่ดียิ่งขึ้น

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–13 มกราคม 2565

การรวมพลังงานหมุนเวียนให้เข้ากับกริดหรือระบบเครือข่ายพลังงานไฟฟ้า ไม่ได้เป็นเพียงแค่การใช้พลังงานหมุนเวียนแทนการพึ่งพาถ่านหินจำนวนมากในภูมิภาค แต่ยังถือเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมไฟฟ้าของเอเชีย จากผลการรายงาน Black & Veatch Asia Electric Report ประจำปีนี้

“ผลการรายงานเผยให้เห็นว่าแรงกดดันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่กำลังเพิ่มจากนักลงทุน ลูกค้ารายใหญ่ และรัฐบาล ตามความต้องการโครงสร้างพื้นฐานยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าว “การนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้มากขึ้นกำลังจะเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของการจัดการโครงข่ายไฟฟ้า และนี่หมายความว่าผู้ให้บริการไฟฟ้าในเอเชียต้องวางแผนและลงทุนอย่างจริงจังทั่วทั้งระบบของสินทรัพย์ในการผลิต การส่งจ่าย และการจัดจำหน่าย”

ความจำเป็นในการมุ่งเน้นการลงทุนนอกเหนือจากการผลิตไปสู่การส่งจ่ายและการจัดจำหน่ายถูกเน้นความสำคัญตั้งแต่ต้นจนจบของรายงาน ตัวอย่างเช่น ร้อยละ 25 ของผู้ตอบแบบสำรวจในอุตสาหกรรมไม่มั่นใจในประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของระบบส่งจ่ายและการจัดจำหน่าย นอกจากนี้ ภัยคุกคามสองในสามอันดับแรกในการให้บริการที่น่าเชื่อถือให้แก่ลูกค้ายังถูกระบุว่าเป็นการลงทุนที่ต่ำเกินไปในการส่งจ่ายและการจัดเก็บพลังงานที่ไม่เพียงพอ

Harry Harji รองประธานฝ่ายธุรกิจที่ปรึกษาด้านการจัดการของ Black & Veatch ในเอเชียกล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานกำลังดำเนินไปทั่วทั้งภูมิภาค โดยมากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขากำลังจัดหาเงินทุนเพื่อการลงทุนด้านพลังงานสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลังงานแสงอาทิตย์ดูเหมือนว่าจะได้รับการลงทุนเพิ่มขึ้นในอีกห้าปีข้างหน้า ในขณะที่เกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าไฮโดรเจนจะออกมาเป็นทางเลือกแทนการผลิตก๊าซภายในปี 2573”

การค้นพบที่สำคัญอื่น ๆ ที่เน้นในรายงานได้แก่:

  • มีเพียงร้อยละ 15 ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่มองเห็นอนาคตของการลงทุนด้านสินทรัพย์ในการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินหลังจากปี 2578 นอกจากนี้ ร้อยละ 85 เชื่อว่าจะมีการลงทุนในการผลิดไฟฟ้าจากถ่านหินน้อยลงในอีกห้าปีข้างหน้า
  • ในทางตรงกันข้าม ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งมองเห็นอนาคตระยะยาวสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซหลังจากปี 2578 ในขณะที่อีกร้อยละ 25 คิดว่าการลงทุนจะถูกส่งต่อเพื่อยกระดับโรงงานที่มีอยู่
  • ผลการรายงานข้างต้นสอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนเพื่อการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ซึ่งกำลังเป็นไปในทางที่ดี ร้อยละ 73 ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าไฮโดรเจนจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์มากกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ ในขณะที่ร้อยละ 46 คิดว่าไฮโดรเจนจะถูกนำมาใช้เป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาดและราคาไม่แพงเมื่อเทียบกันการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซ
  • อุปกรณ์ควบคุมระบบไฟฟ้าขั้นสูงเป็นอุปกรณ์ที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดในการลงทุนเพื่อปรับปรุงระบบส่งจ่ายไฟฟ้า
  • ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งกำลังพิจารณาที่จะปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะในอีก 5 ปีข้างหน้า มากกว่าการบูรณการระบบกริดในแบบอื่นๆ
  • ร้อยละ 35 ของผู้ตอบแบบสอบถามในอุตสาหกรรมกล่าวว่าองค์กรของตนยังไม่มีแผนการในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
  • การรายงานผลยังรวมข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้ารายใหญ่ที่ตอบแบบสำรวจเป็นครั้งแรก

หมายเหตุของบรรณาธิการ:

  • ผลการรายงาน Black & Veatch 2022 Asia Electric Report  อิงข้อมูลจากผู้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน 57 รายที่ดำเนินธุรกิจในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก และลูกค้าไฟฟ้าเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมจำนวน 33 รายที่ระบุว่าติดตาม Eco-Bussiness ซึ่งเป็นพันธมิตรทางสื่อของเรา ระหว่างวันที่ 23 กันยายน ถึง 28 ตุลาคม 2564 หากต้องการดาวน์โหลดสำเนารายงานโดยไม่มีค่าใช้จ่าย คลิกที่นี่
  • Black & Veatch เพิ่งประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของการดำเนินงาน ซึ่งสอดคล้องกับเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรม หากต้องการดูวิดีโอคลิกที่นี่

เกี่ยวกับผลการรายงานทางด้านอุตสาหกรรมของ Black & Veatch

การรายงานที่มีผลกระทบสูงของ Black & Veatch ในชุดก่อนหน้านี้ที่เรียกว่าสิ่งพิมพ์ Strategic Directions ให้ข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมและการวิเคราะห์ตามการวิจัยชั้นนำของตลาด โดยสิ่งพิมพ์ชุดนี้ประกอบด้วยรายงานประจำปีหลายฉบับเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า น้ำ และภาคอื่น ๆ เพื่อให้ข้อมูลและให้ความรู้แก่ผู้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับประเด็นสำคัญ ความท้าทาย และโอกาสที่เกิดขึ้น สามารถติดตามรายงานได้ที่ https://www.bv.com/reports เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch คือบริษัทออกแบบด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานร่วมเป็นเจ้าของ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยการพัฒนาความยืดหยุ่น และคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ในปีพ.ศ. 2563 บริษัทมีรายได้รวมในการดำเนินงานกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และทางสื่อสังคม

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220104006073/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลการติดต่อสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA HOTLINE | +1 855-999-5991

Enviva และ J-Power ร่วมมือกันลดก๊าซคาร์บอนจากการผลิตไฟฟ้าในญี่ปุ่น

Logo

Enviva จะทำงานร่วมกับ J-Power เพื่อพัฒนาห่วงโซ่อุปทานของพลังงานชีวมวลจากต้นไม้อย่างยั่งยืนในปริมาณที่สูงถึง 5 ล้านเมตริกตัน เพื่อทดแทนพลังงานถ่านหินในโรงไฟฟ้าของ J-Power

เบเธสด้า รัฐแมริแลนด์ และโตเกียว–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2564

Enviva Partners, LP (NYSE:EVA) (“Enviva”) บริษัทพลังงานทดแทนระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านพลังงานชีวภาพที่ยั่งยืนจากต้นไม้ และบริษัท Electric Power Development จำกัด ในโตเกียว (TYO:9513) (“J-Power” ) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) สำหรับการจัดหาพลังงานชีวมวลจากต้นไม้อย่างยั่งยืนขนาดใหญ่สำหรับใช้งานในระยะยาวจากโรงงานผลิตของ Enviva ในตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาไปยังโรงไฟฟ้าถ่านหินของ J-Power ในญี่ปุ่น ข้อตกลงดังกล่าวจัดทำมาเพื่อพัฒนาแผนปฏิบัติการการลงทุน โดยที่ Enviva จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพื่อผลิตและส่งมอบเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดที่ยั่งยืนมากถึง 5 ล้านเมตริกตัน เพื่อทดแทนถ่านหินในโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงของ J-Power ที่มีอยู่เป็นการถาวร ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการสาธารณูปโภคได้ การลงนามครั้งนี้จะสร้างกรอบการทำงานเพื่อพัฒนาบทบาทของพลังงานชีวมวลในฐานะแหล่งพลังงานทดแทนและยั่งยืน และช่วยให้ J-Power บรรลุเป้าหมาย “Blue Mission” ภารกิจสีน้ำเงินในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211116006425/en/

Enviva’s wood pellet storage dome at the Port of Chesapeake in Virginia, U.S. (Photo: Business Wire)

โดมเก็บเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดของ Enviva ที่ท่าเรือเชสพีก รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา (ภาพ: Business Wire)

Thomas Meth ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาดของ Enviva กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายระดับโลกที่ต้องใช้วิธีแก้ปัญหาระดับโลก Enviva มีผลงานอันเป็นที่ยอมรับในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ ปรับขนาดได้ และยั่งยืน ซึ่งในปัจจุบันได้ส่งมอบพลังงานที่ช่วยลดก๊าซคาร์บอนมหาศาลให้แก่ผู้ผลิตไฟฟ้าและอุตสาหกรรมทั่วโลก เรามีความยินดีที่ความร่วมมือกับ J-Power จะช่วยให้บริษัทด้านสาธารณูปโภคชั้นนำในญี่ปุ่นบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศด้วยฐานพลังงานที่เชื่อถือได้ ซึ่งช่วยเติมเต็มความสมดุลระหว่างลมและแสงอาทิตย์”

ในเดือนเมษายน ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยคาร์บอนลง 40% หรือเกือบสองเท่าของเป้าหมายปี 2030 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 26% ในปี 2013 โดยร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ที่ยกเลิกการใช้ถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลต่าง ๆ เพื่อเร่งต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการลดก๊าซคาร์บอนของรัฐบาล J-Power ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินทั้งหมด 8.4 กิกะวัตต์ ได้ประกาศแผนต่าง ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ การเลิกใช้โรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่เก่าแล้วและหันมาใช้พลังงานชีวมวลหรือแอมโมเนียแทน

ภายใต้ข้อตกลง ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันประเมินวิธีการที่ยั่งยืนและคุ้มค่าที่สุดในการส่งมอบศักยภาพของโครงการแปลงถ่านหินเป็นพลังงานชีวมวล เช่น ความมั่นคงในการจัดหา การรองรับของเสียที่ท่าเรือ การขนส่งและการจัดเก็บ มาตรการด้านความปลอดภัย และเศรษฐศาสตร์โครงการ การลงทุนดังกล่าวจะใช้ประโยชน์จากโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงของ J-Power โดยการนำกลับมาใช้ใหม่ผ่านการแปลงสภาพ ซึ่งอาจทำให้เกิดโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้งแบบเฉพาะและแบบใช้เชื้อเพลิงร่วมขึ้น

การเปลี่ยนโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอยู่มาเป็นการใช้พลังงานชีวมวลอย่างยั่งยืนเป็นหนึ่งในวิธีที่รวดเร็วและคุ้มค่าที่สุดในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 80% ตลอดวงจรชีวิตของโรงงาน ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาตำแหน่งงานไว้ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน โครงการแปลงถ่านหินเป็นพลังงานชีวมวลช่วยให้โรงไฟฟ้าถ่านหินเดิมสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างคุ้มค่าด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดหา การผลิตพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานแบบกริดที่มีอยู่ พลังงานชีวมวลต่างจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ และไม่ได้ขึ้นอยู่กับการขยายโครงข่ายไฟฟ้า

Shinsuke Suzuki ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพลังงานความร้อนและการสร้างมูลค่าของ J-Power กล่าวว่า “เรามั่นใจว่าการเป็นหุ้นส่วนกับ Enviva ซึ่งมีผลงานในการจัดหาพลังงานชีวมวลอย่างยั่งยืนและเชื่อถือได้ จะสนับสนุนความพยายามของ J-Power ในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ การรวมเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงของ J-Power เพื่อใช้เชื้อเพลิงที่เป็นของแข็งและความสามารถในการจัดการอุปทานระดับโลกของ Enviva จะช่วยให้เราบรรลุความคาดหวังของสังคมในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ควบคู่ไปกับการจัดหาพลังงานที่ยั่งยืนได้”

พลังงานชีวมวลที่จัดหาโดย Enviva ภายใต้ข้อตกลงจะได้รับการรับรองภายใต้เกณฑ์ความยั่งยืนในปัจจุบันของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งรักษาและดูแลสภาพ การเติบโต และปริมาณของป่าไม้ในระยะยาว มาตรฐานความยั่งยืนของสหภาพยุโรปจะรับประกันว่าพลังงานชีวมวลต้องมาจากป่าที่มีการจัดการอย่างยั่งยืน และมีการปลูกทดแทนเท่านั้น ทำให้มั่นใจได้ว่าปริมาณก๊าซคาร์บอนจะคงที่หรือเพิ่มขึ้น ซึ่งการตัดไม้จะถูกกฎหมาย และมีการป้องกันการตัดไม้ในพื้นที่คุ้มครองธรรมชาติ โดยคำนึงถึงคุณภาพดินและความหลากหลายทางชีวภาพ

เมื่อต้นปีนี้ Enviva ได้ประกาศ Net-Zero Commitment หรือ ความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งจะลด กำจัด หรือชดเชยการปล่อยมลพิษโดยตรงทั้งหมดภายในปี 2573 Enviva ตกลงที่จะใช้กระบวนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ทันสมัยและได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นผ่านการลงทุนในโครงการที่ส่งผลให้มีการลดก๊าซคาร์บอนสุทธิเพิ่มเติมจริง ๆ และได้รับการรับตรวจสอบจากบุคคลที่สามแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนและเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573 ของ Enviva คลิกที่นี่ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Blue Mission 2593 ของ J-Power คลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Enviva
Enviva (NYSE:EVA) รวบรวมทรัพยากรธรรมชาติ เส้นใยไม้ และแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดที่เคลื่อนย้ายได้ Enviva จำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดส่วนใหญ่ผ่านการทำสัญญารับซื้อลผิตภัณฑ์ด้วยเงื่อนไข take-or-pay กับลูกค้าที่น่าเชื่อถือในสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น Enviva เป็นเจ้าของและดำเนินการโรงงาน 10 แห่งโดยมีกำลังการผลิตรวมกันประมาณ 6.2 ล้านเมตริกตันต่อปีในเวอร์จิเนีย นอร์ทแคโรไลนา เซาท์แคโรไลนา จอร์เจีย ฟลอริดา และมิสซิสซิปปี้ นอกจากนี้ Enviva ยังส่งออกเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ดผ่านท่าเทียบเรือของบริษัทที่ท่าเรือเชสพีก รัฐเวอร์จิเนีย ท่าเรือวิลมิงตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา และท่าเรือปาสคากูลา รัฐมิสซิสซิปปี้ และจากท่าจอดเรือของบริษัทอื่นในสะวันนา รัฐจอร์เจีย โมบายล์ รัฐแอละแบมา และเมืองปานามาซิตี้ รัฐฟลอริดา

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Enviva โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ envivabiomass.com หรือติดตาม Enviva ทางโซเชียลมีเดียได้ที่ @Enviva

เกี่ยวกับ Electric Power Development Co., Ltd. (J-Power)
Electric Power Development Co., Ltd. (J-Power) เป็นผู้ผลิตและผู้ขายไฟฟ้าทั้งหมดจากประเทศญี่ปุ่น J-Power มีกำลังการผลิต 18,250 เมกะวัตต์ (MW) ในโรงไฟฟ้าจำนวน 97 แห่งในญี่ปุ่น โดยคิดเป็นส่วนแบ่งพลังน้ำประมาณ 47% และพลังงานความร้อนประมาณ 50% ตามลำดับ J-Power กำลังพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เช่น พลังงานลมหรือความร้อนใต้พิภพ โดยมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1,500 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 J-Power มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 6,544 เมกะวัตต์ ใน 33 แห่งทั่วโลก เช่น ในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา และจีน

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 J-Power ได้ประกาศ “Blue Mission 2050” ภารกิจสีน้ำเงินในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593  พร้อมกับเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 40% ภายในปี 2573 ซึ่งเทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยของการปล่อยก๊าซจริงจำนวน 3 ปีในปี 2560-2562 และเพื่อให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 แผนงานดังกล่าวประกอบด้วยการเปลี่ยนจากถ่านหินเป็นไฮโดรเจนที่ปราศจากคาร์บอน การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน การพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์โดยปราศจากคาร์บอน และการขยายโครงข่ายไฟฟ้าให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของญี่ปุ่น

ข้อควรระวังเกี่ยวกับข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต
ข้อมูลที่รวมอยู่ในที่นี้และในแถลงการณ์ด้วยวาจาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่นี้ รวมถึง “ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า” ภายใต้ความหมายตามมาตรา 27A ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมและมาตรา 21E ของพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ปี 1934 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม ข้อความทั้งหมด นอกเหนือจากข้อความปัจจุบันหรือข้อเท็จจริงในอดีตที่รวมอยู่ในที่นี้ ซึ่งเกี่ยวกับผลการดำเนินงานทางการเงินในอนาคตของ Enviva ตลอดจนกลยุทธ์ของ Enviva การดำเนินงานในอนาคต ฐานะการเงิน รายได้โดยประมาณและการขาดทุน ต้นทุนที่คาดการณ์ โอกาสในอนาคต แผนงาน และวัตถุประสงค์ของการจัดการ สิ่งเหล่านี้มีลักษณะเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า เมื่อใช้ในที่นี้ ซึ่งรวมถึงถ้อยคำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่นี้ คำว่า “อาจ” “ควร” “จะ” “อาจ” “เชื่อ” “คาดการณ์” “ตั้งใจ” “ประมาณการ” “คาดว่า ” “โครงการ” คำเชิงลบดังกล่าวและคำอื่น ๆ ที่มีความหมายคล้ายกันที่มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า แม้ว่าจะไม่ใช่ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าทั้งหมดเหมือนคำที่ระบุไว้ก็ตาม ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้อิงตามการคาดการณ์และสมมติฐานในปัจจุบันของฝ่ายบริหารเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต และอิงจากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวกับผลลัพธ์และระยะเวลาของเหตุการณ์ในอนาคต นอกเหนือจากที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนดเป็นอย่างอื่น Enviva จะปฏิเสธหน้าที่ในการแก้ไขหรือปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ซึ่งทั้งหมดมีคุณสมบัติโดยชัดแจ้งตามข้อความในส่วนนี้เพื่อสะท้อนเหตุการณ์หรือสถานการณ์หลังจากวันที่ในที่นี้ Enviva ขอเตือนท่านว่าข้อความเชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่คาดเดาได้ยาก และหลายข้อความอยู่นอกเหนือการควบคุมของ Enviva

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211116006425/en/

ติดต่อ:

Enviva
Maria Moreno
media@envivabiomass.com
+1-301-657-5560

J-Power
+81-3-3546-2211

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Fluence ประกาศราคาของ IPO

Logo

อาร์ลิงตัน เวอร์จิเนีย– (บิสิเนสไวร์)–28 ตุลาคม 2564

Fluence ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการกักเก็บพลังงานชั้นนำระดับโลกและแอพพลิเคชั่นดิจิทัลสำหรับพลังงานหมุนเวียนและการจัดเก็บ ได้ประกาศราคาการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรกในหุ้นสามัญ Class A จำนวน 31,000,000 หุ้น ในราคา $28.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น  คาดว่าหุ้นสามัญ Class A เหล่านี้จะเริ่มซื้อขายในตลาด Nasdaq Global Select Market ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ภายใต้สัญลักษณ์ “FLNC” คาดว่าจะเสร็จสิ้นการเสนอขายหุ้นเบื้องต้นแก่ประชาชนทั่วไปในในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

นอกจากนี้ Fluence ยังให้ตัวเลือกแก่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายเป็นเวลา 30 วันในการซื้อหุ้นสามัญ Class A เพิ่มเติมสูงสุด 4,650,000 หุ้นในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก โดยหักส่วนลดการรับประกันและค่าคอมมิชชั่น

JP Morgan Securities LLC, Morgan Stanley, Barclays Capital Inc. และ BofA Securities ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมดำเนินการตามบัญชีสำหรับข้อเสนอนี้ Citigroup Global Markets Inc., Credit Suisse Securities (USA) LLC, UBS Securities, LLC, Evercore Group LLC, HSBC Securities (USA) Inc. และ RBC Capital Markets, LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมดำเนินการตามบัญชีสำหรับการเสนอขาย Nomura Securities International, Inc., Robert W. Baird & Co. Incorporated, Raymond James & Associates, Inc., Seaport Global Securities LLC, Penserra Securities LLC และ Siebert Williams Shank & Co., LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายจะทำโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น สามารถรับสำเนาหนังสือชี้ชวนขั้นสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายอาจได้รับจาก: JP Morgan Securities LLC, c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, NY 11717 ทางโทรศัพท์ที่ 866-803-9204 หรือทางอีเมลที่ prospectus-eq_fi@jpmorganchase.com; Morgan Stanley & Co. LLC, Attention: Prospectus Department, 180 Varick Street, 2nd Floor, New York, NY 10014; Barclays Capital Inc., c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York 11717 ทางอีเมลที่ barclaysprospectus@broadridge.com  หรือทางโทรศัพท์ที่ (888) 603-5847; BofA Securities, NC1-004-03-43, 200 North College Street, 3rd floor, Charlotte NC 28255-0001, Attn: Prospectus Department หรือทางอีเมล์ที่ dg.prospectus_requests@bofa.com

คำชี้แจงการลงทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอนี้ได้รับการอนุมัติโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้เสนอซื้อและจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใด ๆ ที่ข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียนหรือคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลใด ๆ ดังกล่าว

เกี่ยวกับ Fluence

Fluence บริษัทในเครือ Siemens และ AES เป็นผู้นำตลาดระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์และบริการกักเก็บพลังงานและแอปพลิเคชันดิจิทัลสำหรับพลังงานหมุนเวียนและการจัดเก็บ  เรามีการจัดเก็บพลังงานมากกว่า 3.4 GW ที่ปรับใช้หรือทำสัญญาในตลาด 29 แห่งทั่วโลก และพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์และการจัดเก็บหรือทำสัญญาในออสเตรเลียและแคลิฟอร์เนียรวม 4.5 GW  ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และแพลตฟอร์ม Fluence IQ ที่ใช้ AI เรากำลังช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการขับเคลื่อนโครงข่ายไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211027006241/en/

สำหรับสื่อ

Edelman for Fluence
Julia Fisher
FluenceMedia@edelman.com

สำหรับนักลงทุน

Samuel Chong
samuel.chong@fluenceenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG ลงนามในข้อตกลงเพื่อได้รับผลประโยชน์ 10% ใน APLNG เป็นมูลค่า 1.592 พันล้านดอลลาร์

Logo

การได้มาของผลประโยชน์ในโครงการ LNG แบบบูรณาการที่นำโดยผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–25 ตุลาคม 2564

EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายซึ่งจะได้รับผลประโยชน์ 10% ใน Australia Pacific LNG Pty Limited (“APLNG” หรือ “โครงการ”) จาก Origin Energy Limited (“Origin”) ด้วยราคาซื้อหุ้น 1.592 พันล้านดอลลาร์

ข้อตกลงเชิงนวัตกรรมนี้แสดงถึงการได้รับผลประโยชน์ครั้งแรกในการดำเนินการโครงการ LNG แบบบูรณาการโดยผู้สนับสนุนหุ้นนอกตลาด

จุดเด่นของสินทรัพย์และเหตุผลเชิงกลยุทธ์

โครงการ LNG แบบบูรณาการระดับเทียร์วันพร้อมโรงกลั่นที่จัดตั้งขึ้น APLNG เป็นโครงการ LNG ที่ใหญ่ที่สุดโดยพิจารณาจากความสามารถในการทำก๊าซให้เป็นของเหลวบนชายฝั่งทะเลตะวันออกของออสเตรเลียและเป็นผู้ผลิต LNG รายใหญ่ให้กับเอเชียและให้บริการก๊าซแก่ตลาดในประเทศของออสเตรเลีย โครงการซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแกลดสโตน รัฐควีนส์แลนด์ มีประวัติความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในกำลังการผลิตติดตั้งที่ 9.0 ล้านตันต่อปี และครองตำแหน่งพื้นที่ชั้นนำซึ่งครอบคลุมลุ่มน้ำสุราษฎร์และโบเวนที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มีแหล่งน้ำสำรองที่มีอายุยืนยาว โครงการดำเนินการด้วยต้นทุนจุดคุ้มทุนที่แข่งขันได้ทั่วโลก และอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะตอบสนองความต้องการ LNG ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โครงการนี้ดำเนินการโดย ConocoPhillips (ผู้ดำเนินการปลายน้ำ) และ Origin Energy (ผู้ดำเนินการต้นน้ำ) และรักษาสัญญา LNG ระยะยาวกับคู่สัญญาระดับการลงทุนสองรายคือ Sinopec และ Kansai Electric

ในช่วงสิบห้าปีที่ผ่านมา EIG ได้ลงทุนในโครงการ LNG แบ่งเป็นเก้าโครงการตั้งอยู่ใน 6 ประเทศ และการได้มาครั้งนี้แสดงถึงความต่อเนื่องของกลยุทธ์ในการรับสินทรัพย์ LNG คุณภาพสูง ซึ่งการได้มายังต่อยอดจากการลงทุนของ EIG ในออสเตรเลีย และทำให้ EIG มีแพลตฟอร์มสำหรับการเติบโตในอนาคตของ LNG ทั่วโลก

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “นี่เป็นธุรกรรมที่ก้าวล้ำซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของเราในสินทรัพย์ พันธมิตรของเรา และความสำคัญของ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน การทำธุรกรรมดังกล่าวใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ที่กว้างขวางของ EIG ใน LNG ทั่วโลก เพื่อส่งมอบกระแสเงินสดที่น่าดึงดูดและสม่ำเสมอให้กับนักลงทุนของเรา”

รายละเอียดธุรกรรมที่สำคัญ

ส่วนหนึ่งของการทำธุรกรรม EIG จะมีสิทธิ์เสนอชื่อสมาชิกหนึ่งคนเข้าสู่คณะกรรมการของ APLNG และจะรักษาสิทธิ์และการคุ้มครองตามธรรมเนียมของผู้ถือหุ้น

ธุรกรรมดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนต่างประเทศของออสเตรเลีย และอยู่ภายใต้การสละสิทธิ์ตามสัดส่วนการถือหุ้นโดย ConocoPhillips และ Sinopec ตลอดจนเงื่อนไขการดำเนินการตามธรรมเนียมอื่น ๆ

Morgan Stanley ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ EIG เกี่ยวกับการทำธุรกรรมนี้ และ Allens Linklaters และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยจำนวนเงิน 22.5 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดย EIG ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและพลังงานทั่วโลก ในช่วง 39 ปีแห่งประวัติศาสตร์ EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่ากว่า 38.0 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 373 โครงการใน 38 ประเทศในหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำมากมาย บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งอธิปไตยในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และกรุงโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ได้ที่ www.eigpartners.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211024005041/en/

ติดต่อ:

Sard Verbinnen & Co.
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

HFZA ลงนามข้อตกลงการลงทุนกับ ArcelorMittal DSTC FZE

Logo

ชาร์จาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–22 ต.ค. 2564

หน่วยงานเขตเสรี Hamriyah Free Zone Authority (HFZA) ได้เพิ่มผู้นำอุตสาหกรรมอีกรายหนึ่งให้กับฐานนักลงทุนหลังจาก ArcelorMittal Projects ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเหล็กและเหมืองแร่ชั้นนำของโลก ArcelorMittal Group เพิ่งเข้าซื้อสินทรัพย์ของโรงสีไปป์และเคลือบผิวที่ตั้งอยู่ที่ Hamriyah Free Zone และเช่าพื้นที่อุตสาหกรรม 1.38 ล้านตารางฟุต

Signing of the Memorandum (Photo: Business Wire)

การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) โดย HE Saud Salim Al Mazrouei ผู้อำนวยการ Hamriyah Free Zone Authority และ Johannes De Schrijver ซีอีโอของ ArcelorMittal Projects

ตามข้อตกลง บริษัทจะจัดหาโซลูชั่นและบริการเหล็กที่สมบูรณ์ ปรับแต่งได้ และยั่งยืนผ่านสายธุรกิจเฉพาะและเกี่ยวข้องกับโครงการสามกลุ่ม: โซลูชั่นพื้นฐาน โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการพลังงาน (โซลูชั่นการเคลือบป้องกันการกัดกร่อน) นอกเหนือจาก (ท่อส่งน้ำ) โครงสร้างพื้นฐาน (ปลอกและงานก่อสร้าง)

Saud Salim Al Mazrouei แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวว่า “เราภูมิใจมากที่ได้เพิ่มผู้นำอุตสาหกรรมอีกรายหนึ่งให้กับฐานนักลงทุนของเราที่ HFZA การมีอยู่ของ ArcelorMittal Group ซึ่งเป็นบริษัทเหล็กกล้าชั้นนำของโลก ถือเป็นสินทรัพย์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาคอุตสาหกรรมใน เอมิเรตแห่งชาร์จาห์

“การเคลื่อนไหวดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนรายอื่นเปิดตัวโครงการที่สำคัญใหม่ๆ ในอนาคตอันใกล้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ที่ UAE กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” Al Mazrouei กล่าวเสริม

เขากล่าวว่าการดึงดูดโครงการ ArcelorMittal เป็นจุดเปลี่ยนใน ทิศทางของ HFZA ในการบรรลุข้อกำหนดของกลยุทธ์ทางอุตสาหกรรมของ UAE

“เรามีความยินดีที่จะสร้างความร่วมมือระยะยาวกับ HFZA ซึ่งเราพยายามที่จะจัดหาโซลูชั่นที่คุ้มค่าที่สุด  ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคที่มีประสบการณ์โดยเฉลี่ยมากกว่า 15 ปีในการผลิตท่อ HSAW/SSAW และการเคลือบป้องกันการกัดกร่อน” Johannes De Schrijver กล่าว

De Schrijver เสริมเสริมว่า: “ท่อ HSAW/SSAW สามารถ ผลิตด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 16” ถึง 100” และความหนาของผนังตั้งแต่ 6 มม. ถึง 25 มม. ที่มีกำลังการผลิต 150,000 ตันต่อปี สามารถผลิตท่อได้ยาวถึง 36 ม. โดยไม่ต้องเชื่อมเส้นรอบวง เชื่อมท่อได้ยาวขึ้น เราสามารถจัดหาท่อในเกรดเหล็กที่ร้องขอทั้งหมดได้เนื่องจากเครือข่ายผู้ผลิตคอยล์ทั่วโลกของเรา

#สิ้นสุด#

รับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52510641/en

ลิงก์ดาวน์โหลดวิดีโอ: https://we.tl/t-rdkHCsO3G2

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:

Majdi Ashour
Misbar Communications
00971551014522
majdi@misbar-me.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ประกาศแผนการติดตั้งหนึ่งในระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์บนชั้นดาดฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ Rayong Works ของ UACJ (ประเทศไทย)

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)– 29 ก.ย. 2564

UACJ Corporation (สำนักงานใหญ่: Chiyoda-ku, Tokyo โดยมี Miyuki Ishihara เป็นประธานและผู้แทนผู้อำนวยการ) (TOKYO:5741) ประกาศในวันนี้ว่าระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนชั้นดาดฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก1 จะได้รับการติดตั้งที่ Rayong Works ซึ่งเป็นโรงงานผลิตที่ดำเนินการโดยเจ้าของเองทั้งหมด บริษัทย่อย UACJ (Thailand) Co., Ltd. ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงที่ลงนามเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม  2564 กับ Kansai Energy Solutions (Thailand) Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Kansai Electric Power Co., Inc. ( สำนักงานใหญ่: Kita-ku, Osaka; ประธาน: Takashi Morimoto)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210929005439/en/

Image of the solar panels to be installed (Photo: Business Wire)

ภาพแผงโซลาร์เซลล์ที่จะติดตั้ง (Photo: Business Wire)

ตามข้อตกลงนี้ Kansai Energy Solutions (Thailand) จะติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ประมาณ 40,000 แผงโดยมีกำลังการผลิตรวม 18 เมกะวัตต์ บนหลังคาของ Rayong Works โดย UACJ (ประเทศไทย) จะใช้ไฟฟ้าทั้งหมดที่สร้างขึ้นจากระบบเป็นเวลามากกว่า 20 ปี  โดย UACJ (ประเทศไทย) คาดหวังจากการใช้ระบบนี้ว่าจะลดการปล่อย CO2 จากงานระยองประมาณ 14,000 ตันต่อปี2 เทียบเท่ากับประมาณร้อยละ 6 ของการปล่อย CO2 ประจำปีของโรงงาน

UACJ Group ถือว่าความพยายามในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภารกิจที่สำคัญในวิสัยทัศน์การจัดการระยะยาว UACJ Vision 2030 โดย UACJ Group วางแผนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนเชิงรุกในการทำให้โลกมีความยั่งยืนมากขึ้น พร้อม ๆ ไปกับการลดภาระด้านสิ่งแวดล้อม

หมายเหตุ:

1. จากผลการวิจัยของ Kansai Electric Power เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2564

2. คำนวณโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์การปล่อย CO2 ของรัฐบาลไทย: 0.566 กิโลกรัม CO2 ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง

รายละเอียดของแผนระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์

ความจุรวม: 18 เมกะวัตต์

การผลิตไฟฟ้าโดยประมาณ: ประมาณ 25,000 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี

การลด CO2 โดยประมาณ: ประมาณการปล่อย CO2 14,000 ตันต่อปี

พื้นที่บนชั้นดาดฟ้าที่แผงโซลาร์เซลล์ปกคลุมมีขนาด ประมาณ 87,000 ตารางเมตร

ภาพรวมบริษัท

ชื่อบริษัท: UACJ Corporation

ก่อตั้ง: ตุลาคม 2556 (ผ่านการควบรวมกิจการของ Furukawa-Sky Aluminium Corporation และ Sumitomo Light Metal Industries Co., Ltd.)

ตัวแทน: ประธานและตัวแทนกรรมการ Miyuki Ishihara

ที่อยู่สำนักงานใหญ่: 1-7-2 Otemachi, Chiyoda-ku, โตเกียว, ญี่ปุ่น

ธุรกิจหลัก: ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นรีด หล่อ หลอม และกลึงด้วยความแม่นยำที่ทำจากอะลูมิเนียมและโลหะนอกกลุ่มเหล็กอื่น ๆ รวมทั้งโลหะผสม

ชื่อบริษัท: UACJ (Thailand) Co., Ltd.

ก่อตั้ง: กุมภาพันธ์ 2553

ตัวแทน: ประธาน Hironori Tsuchiya

ที่อยู่โรงงานระยอง: นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ 7/352 หมู่ที่ 6 ตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง 21140 ประเทศไทย

ธุรกิจหลัก: ผลิตและจำหน่ายอะลูมิเนียมแผ่นรีดสำหรับบรรจุกระป๋อง เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนในรถยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ชื่อบริษัท: Kansai Electric Power Co., Inc.

ก่อตั้ง: พฤษภาคม 2494

ตัวแทน: ประธานทาคาชิ โมริโมโตะ

ที่อยู่สำนักงานใหญ่: 3-6-16 Nakanoshima, Kita-ku, Osaka-shi, โอซากา ญี่ปุ่น

ธุรกิจหลัก: การจัดหาไฟฟ้า ความร้อนและก๊าซ การให้บริการโทรคมนาคม

ชื่อบริษัท: Kansai Energy Solutions (Thailand) Co., Ltd.

ก่อตั้ง: สิงหาคม 2561

ตัวแทน: กรรมการผู้จัดการ Katsuhisa Yamamoto

ที่อยู่สำนักงานใหญ่: 25 ซอยชิดลม ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 ประเทศไทย

ธุรกิจหลัก: ออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง และบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผลิตไฟฟ้า ไอน้ำ และความร้อน ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และความร้อน

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210929005439/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

Hirofumi Aso

ฝ่ายสื่อสารองค์กร

UACJ Corporation

โทร: +81-3-6202-3771

อีเมล: aso-hirofumi@uacj.co.jp