Category Archives: Technology

Toshiba เปิดตัวโมดูล MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการย่อขนาดของอุปกรณ์อุตสาหกรรม

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–25 ก.พ. 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“โตชิบา”) ได้เปิดตัว “MG800FXF2YMS3” โมดูล MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) ที่รวมชิป SiC MOSFET แบบสองช่องที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยมีค่า 3300V และ 800A สำหรับงานอุตสาหกรรม  ปริมาณการผลิตจะเริ่มต้นพฤษภาคม 2021

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006218/en/

Toshiba: MG800FXF2YMS3, a silicon carbide (SiC) MOSFET module for industrial applications including railways vehicle and renewable energy power generation systems. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: MG800FXF2YMS3 โมดูล MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) สำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรม รวมถึงยานพาหนะทางรถไฟและระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (กราฟฟิค: บิสิเนสไวร์)

เพื่อให้ได้อุณหภูมิของช่องที่ 175°C ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ใช้แพ็คเกจ iXPLV (Intelligent fleXible Package Low Voltage) พร้อมด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมภายในด้วยการหลอมด้วยเงินเพื่อสนับสนุนการติดตั้งอย่างกว้างขวาง  โมดูลใหม่นี้ตอบสนองความต้องการอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับงานอุตสาหกรรม เช่นตัวแปลงและอินเวอร์เตอร์สำหรับยานพาหนะทางรถไฟและระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน

การใช้งาน

  • อินเวอร์เตอร์และตัวแปลงสำหรับยานพาหนะรถไฟ
  • ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน
  • อุปกรณ์ควบคุมมอเตอร์อุตสาหกรรม

คุณสมบัติ

  • พิกัดแรงดันไฟฟ้าจากแหล่งระบาย: VDSS=3300V
  • กระแสระบาย: ID= 800Aคู่
  • ช่วงอุณหภูมิ: Tch=175°C
  • การสูญเสียต่ำ:
    Eon=250mJ (typ.)
    Eoff=240mJ (typ.)
    VDS(on)sense=1.6V (typ.)
  • Stray inductance ต่ำ: Ls= 12nH (typ.)
  • แพคเกจพลังงานสูง iXPLV ขนาดเล็ก

ข้อมูลจำเพาะหลัก

( ยกเว้นที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น @Tc=25°C)

หมายเลขชิ้น

MG800FXF2YMS3

แพคเกจ

iXPLV

ค่าสูงสุด

แรงดัน Drain-source VDSS (V)

3300

แรงดัน Gate-source VGSS (V)

+25/-10

กระแสระบาย (DC) ID (A)

800

กระแสร (pulsed) IDP (A)

1600

อุณหภูมิช่อง Tch (°C)

175

แรงดันแยกตัว VISOL (Vrms)

6000

คุณลักษณะไฟฟ้า

กระแส Drain-source แบบ on-voltage (sense)

VDS(on)sense typ. (V)

@VGS= +20V,

ID=800A

1.6

กระแส Source-drain แบบ on-voltage (sense)

VSD(on)sense typ. (V)

@VGS= +20V,

IS=800A

1.5

กระแส Source-drain แบบ off-voltage (sense)

VSD(off)sense typ. (V)

@VGS= -6V,

IS=800A

2.3

โมดูล Stray inductance LSPN typ. (nH)

12

การสูญเสียเมื่อเปิดเครื่อง Eon typ. (mJ)

@VDD=1800V,

ID=800A,

Tch=150°C

250

การสูญเสียเมื่อปิดเครื่อง Eoff typ. (mJ)

@VDD=1800V,

ID=800A,

Tch=150°C

240

ตามลิงค์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

MG800FXF2YMS3 https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=MG800FXF2YMS3

ตามลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์พลังงาน SiC ของ Toshiba

SiC Power Devices https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/sic-power-devices.html

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า
Small Signal Device Sales & Marketing Dept. (ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก)
โทร: + 81-3-3457-3411
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation รวมความกระตือรือร้นของบริษัทใหม่เข้ากับประสบการณ์ที่ยาวนาน  ตั้งแต่ได้แยกจาก Toshiba Corporation ในเดือนกรกฎาคมปี 2560 เราได้เข้าเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจในเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 24,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเราและให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆ  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะต่อยอดจากยอดขายรายปีที่ในขณะนี้สูงกว่า 750 พันล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และเพื่อเอื้อให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006218/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Department  (แผนกการตลาดดิจิทัล) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: + 81-3-3457-4963
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

NVMe™ SSD ล่าสุดจาก Kioxia พร้อมใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ Supermicro PCIe® 4.0 และแพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูล

Logo

KIOXIA CM6, CD6 Series PCIe® 4.0 NVMe™ SSD ผ่านการรับรองว่าสามารถเร่งประสิทธิภาพการทำงานของแอพพลิเคชันบน Supermicro Systems รุ่นใหม่ได้

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–25 ก.พ. 2564

การเปลี่ยนไปใช้ PCIe® 4.0 ได้ดำเนินอย่างเต็มที่และ Kioxia Corporation ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ  ได้ประกาศว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ KIOXIA CM6 และ โซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) CD6 Series PCIe® 4.0 NVM Express™ (NVMe) สำหรับองค์กรและศูนย์ข้อมูล ได้รับการรับรองว่าสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์ม Super Micro Computer, Inc. (Supermicro) ที่ใช้ PCIe® 4.0 รวมถึงระบบแร็คเมาท์ที่พร้อมใช้งานสำหรับองค์กรซึ่งประกอบด้วย Ultra, WIO, BigTwin, FatTwin, SuperBlade, 1U/2U NVMe™ all flash arrays, ระบบเร่ง GPU และ SuperWorkstations

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006220/en/

KIOXIA CM6, CD6 Series PCIe® 4.0 NVMe™ SSDs (Photo: Business Wire)

KIOXIA CM6, CD6 Series PCIe® 4.0 NVMe ™ SSD (รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

ผู้ใช้กำลังเปลี่ยนไปใช้งาน NVMe™ SSD เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพขององค์กร สถาปัตยกรรมศูนย์ข้อมูลบนคลาวด์ และแอพพลิเคชันที่เน้นประสิทธิภาพและการใช้งานแบบ latency-sensitive  ที่ศูนย์กลางของเทรนด์นี้คือความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับหน่วยเก็บข้อมูลที่ใช้ NVMe™โดยที่ PCIe® 4.0 เป็นการอัพเกรดประสิทธิภาพล่าสุดและ SSD CM6 และ CD6 Series ของ Kioxia กำลังมอบความสามารถที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้

ในขณะที่ NVMe™ SSD กำลังเจาะแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น ความสามารถในการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งที่สำคัญ  ความมุ่งมั่นของ Kioxia ในการนำนวัตกรรมมาสู่ลูกค้ารวมถึงการสร้างความมั่นใจว่าการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าจะทำงานได้ตามที่คาดหวังและ Kioxia ได้ร่วมมือกับซัพพลายเออร์เช่น Supermicro เพื่อให้ได้มาซึ่งการทำงานที่เหมาะสมและเต็มประสิทธิภาพ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง:

* KIOXIA CM6 Enterprise SSD: https://business.kioxia.com/en-jp/ssd/enterprise-ssd.html#cm6

* KIOXIA CD6 Data Center SSD: https://business.kioxia.com/en-jp/ssd/data-center-ssd.html#cd

* PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* NVMe และ NVM Express เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

* Supermicro, BigTwin, FatTwin และ SuperBlade เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Super Micro Computer, Inc. หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ ที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษั นั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ โดยทุ่มเทให้กับการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD)  ในเดือนเมษายน 2560 Toshiba Memory ได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530  Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วยหน่วยความจำด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและมีคุณค่าต่อสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia คือ BiCS FLASH™ โดยกำลังกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูลในแอพพลิเคชั่นความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
Sales Promotion Division (ฝ่ายส่งเสริมการขาย)
โทร: + 81-3-6478-2427

https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006220/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน:

Kioxia Corporation
Sales Strategic Planning Division (ฝ่ายกลยุทธ์การขาย)
Koji Takahata
โทร: + 81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Jellyfish เข้าซื้อกิจการ 5 บริษัท เร่งการขับเคลื่อนการขยายตัวทั่วโลกด้วยความสามารถทางดิจิทัลใหม่ ๆ

Logo

Jellyfish ขยายฐานรากระดับโลกด้วยข้อมูลและความสามารถในการวิเคราะห์ที่ถูกปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยข้อเสนอใหม่ในด้านอีคอมเมิร์ซ การสร้างเนื้อหา ความคิดสร้างสรรค์ และการปรับให้เข้ากับท้องถิ่น (localization)

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–23 ก.พ. 2564

Jellyfish พันธมิตรด้านการตลาดดิจิทัลของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิเช่น Samsung, Uber, Nestle, Deckers, Spotify และ eBay ได้ประกาศถึงการเข้าซื้อกิจการ 5 บริษัท ซึ่งแต่ละแห่งเป็นผู้นำในด้านพื้นที่ดิจิทัลซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี โดยการขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Jellyfish เกิดขึ้นจากบริบทของการร่วมมือกัน และการต้องการแก้ปัญหาที่อุตสาหกรรมเอเจนซี่แบบเดิมต้องเผชิญ ทั้งนี้เป็นเพราะความสามารถของบริษัทจะขึ้นอยู่กับการช่วยเหลือแบรนด์ต่างในเส้นทางการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล การขยายตัวของ Jellyfish เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการเข้าซื้อกิจการก่อนหน้านี้ ด้วยการลงทุนครั้งใหญ่จาก Fimalac Group ในปี 2562 อนึ่ง บริษัท Jelly Fish เป็นตัวแทนของธุรกิจดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่บริการด้านเอเจนซี่จะถูกรวมกับการให้คำปรึกษา การฝึกอบรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า บริษัท Jellyfish ซึ่งเปิดตัวในปี 2548 ได้กลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรไม่กี่แห่งของ Google Marketing Platform ที่ได้รับการคัดเลือกมาจากบริษัททั่วโลก โดยมีการเติบโตเฉลี่ย 45% ต่อปีอย่างต่อเนื่องในช่วงแปดปีที่ผ่านมา

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210223005716/en/

Rob Pierre, Chief Executive Officer, Jellyfish (Photo: Business Wire)

Rob Pierre, ซีอีโอของ Jellyfish (ภาพ: Business Wire)

การคาดการณ์ของ eMarketer ในปัจจุบันระบุว่าการใช้จ่ายด้านโฆษณาสื่อทั้งหมดคาดว่าจะสูงถึง 6 แสนล้านในปี 2564 ดังนั้นเพื่อให้มีความสามารถด้านการแข่งขันในตลาดที่สูงและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านสื่อ บริษัทต่าง ๆ จะต้องรีบฉวยโอกาสจากภูมิทัศน์ดิจิทัลที่กำลังอิ่มตัว พร้อมกับให้การสื่อสารที่ราบรื่นและสอดคล้องในทุกช่องทางและจุดติดต่อ  การเร่งตัวของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลเพื่อตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ มีความต้องการมากขึ้นที่จะร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ ที่สามารถช่วยนำทางและตอบสนองความท้าทายในการขับเคลื่อนการเติบโตและความยั่งยืน

“ภารกิจของเราคือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกค้าของเรามีทรัพยากรทั้งหมดที่จำเป็นในการรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มที่และบรรลุผลลัพธ์ที่อยู่เหนือทุกความคาดหวัง นับจากหนึ่งปีแห่งการหยุดชะงักและการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในการตลาดดิจิทัลที่ผ่านมา Jellyfish เติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลกและได้เข้าสู่ตลาดใหม่ในออสเตรเลียและเม็กซิโกและมีการเพิ่มความรับรู้ของแบรนด์มากขึ้นในฝรั่งเศส บราซิล และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถและมุ่งหาทรัพยากรบุคคลหน้าใหม่ที่โดดเด่นทั่วโลก บริษัทมุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาและการปรับให้เข้ากับท้องถิ่น (localization) งานด้านอีคอมเมิร์ซ ความคิดสร้างสรรค์ และการเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูล” Rob Pierre CEO ของ Jellyfish กล่าว “การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันความโดดเด่นและการเติบโตในตลาด เราเชื่อว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรืออยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับลูกค้าของเรา” Pierre กล่าวเสริม

“การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้นำมาซึ่งการปรับปรุงที่มีประสิทธิภาพให้กับกลุ่มบริการของเราโดยการขยายความเชี่ยวชาญเชิงลึก การเข้าถึงทางภูมิศาสตร์และข้อเสนอของเราในหลายทวีปและภูมิภาค” Chris Lee, ซีโอโอ จาก Jellyfish กล่าว

ความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นด้านเทคโนโลยี:

Seelk

ซอฟต์แวร์และการให้ปรึกษาสำหรับ Amazon Marketplace

Splash

เทคโนโลยีและบริการที่สร้างสรรค์พร้อมการแปลทั่วโลก

Quill

เนื้อหาประสิทธิภาพระดับโลกสำหรับอีคอมเมิร์ซ

Webedia Brand Services

การทำ Gamification เนื้อหาข้อมูล บริการเทคโนโลยี และกลยุทธ์ข้อมูลระดับองค์กร

การขยายตัวทั่วโลก:

Data Runs Deep – ออสเตรเลีย

การให้คำปรึกษา การนำไปใช้ และการฝึกอบรมสำหรับโซลูชันข้อมูล

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทที่ Jellyfish ซื้อกิจการคลิก ที่นี่

การเข้าซื้อกิจการล่าสุดอื่น ๆ ที่ขยายขอบเขตทั่วโลกของเรา:

Reamp – บราซิล

การตลาดแบบเป็น programmatic marketing,  มาร์เกตติ้งอัตโนมัติ (marketing automation) และ digital campaign performance (ได้มา ณ H2 ปี 2563)

San Pancho – เม็กซิโกและโคลอมเบีย

ความสามารถด้านการตลาดดิจิทัลแบบเต็มช่องทางและความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ (ได้มา ณ H2 ปี 2563)

เกี่ยวกับ Jellyfish

Jellyfish ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Fimalac Group ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกในด้านการตลาดดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ชั้นนำของโลก เช่น Samsung, Uber, Nestle, Orange, Spotify และ eBay โดย Jellyfish เป็นธุรกิจดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่มีการรวมบริการด้านเอเจนซี่เข้ากับการให้คำปรึกษาการฝึกอบรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ด้วยการมีพนักงานมากกว่า 2,000 คนในสำนักงาน 40 แห่งทั่วโลกและด้วยการขยายขอบเขตต่อไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ Jellyfish ตั้งเป้าที่จะเป็นพันธมิตรระดับโลกตัวเลือกแรกสำหรับความต้องการด้านดิจิทัลสำหรับทุก ๆ แบรนด์  Jellyfish เปิดตัวในปี 2548 และกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่พันธมิตรทางการตลาดของ Google ที่มีการจัดการทั่วโลกที่ถูกคัดเลือกมา ทั้งนี้ Jellyfish ซึ่งมีการเติบโตโดยเฉลี่ย 45% ต่อปีอย่างต่อเนื่องในช่วงแปดปีที่ผ่านมา ภูมิใจที่ได้อยู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลของโลก

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210223005716/en/

สำหรับสื่อมวลชนกรุณาติดต่อ

Julia Angelen Joy, Media Frenzy Global

julia@mediafrenzyglobal.com

208.996.9844

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hillstone Networks ช่วยศูนย์ข้อมูลในการทำลายอุปสรรคด้านความปลอดภัย

Logo

X8180 ที่ในรูปแบบของ 3U ฟอร์มแฟคเตอร์ มอบประสิทธิภาพการทำงานที่สูง บริการด้านความปลอดภัย และประสิทธิภาพโดยรวม

ซานตาคลาร่า, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–24 ก.พ. 2564

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านความปลอดภัยเครือข่ายระดับองค์กรและโซลูชันการจัดการความเสี่ยง ได้ประกาศเกี่ยวกับความสำเร็จแบบกระโดดในด้านความปลอดภัยของศูนย์ข้อมูลด้วยผลิตภัณฑ์ Hillstone Networks X8180 นับจากวันนี้ลูกค้าจะสามารถรักษาความปลอดภัยเครือข่ายของตนด้วยประสิทธิภาพที่มากขึ้นแต่ใช้พลังงานที่ลดลง พร้อม ๆ ไปกับการเพิ่มขึ้นด้านความเสถียร ความสามารถในการปรับขนาด และความสามารถในการปรับแต่งที่อยู่ในรูปแบบของฟอร์มแฟคเตอร์ขนาดเล็ก

ภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยในปัจจุบันมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการทำงานทางไกล การย้ายไปสู่ระบบคลาวด์ การแพร่กระจาย IoTและ การเพิ่มขึ้นของพื้นที่สำหรับการโจมตี

“ความปลอดภัยยังคงเป็นปัญหาอันดับ 1 ขององค์กร มันเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยให้กับศูนย์ข้อมูล แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าในปัจจุบัน” Tim Liu, CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “ เรารับฟังลูกค้าของเราและภูมิใจที่จะนำเสนอ x8180 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งที่ราคาไม่สูง”

X8180 ตัวนี้ได้ลด CAPEX และ OPEX ลง แต่ไม่ลดทอนคุณสมบัติระดับองค์กร ส่วนการใช้ 3RU ทำให้ได้ปริมาณงานต่อ RU ที่สูง และใช้พลังงาน  Gbps ต่ำต่อปริมาณงาน โดยมีสัดส่วนพลังงานต่อปริมาณงานอยู่ที่ 2.9  เมื่อใช้ระดับพลังงานภายใต้การใช้พลังงานสูงสุดที่ 1000W จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ให้บริการองค์กรขนาดใหญ่ รัฐบาล และเครือข่ายผู้ให้บริการ ทั้งนี้ X8180 มีวางจำหน่ายทั่วไปอย่างเต็มรูปแบบ และรองรับระบบเสมือนจริงจำนวนมาก และมาพร้อมกับคุณสมบัติที่สมบูรณ์แบบเพื่อปกป้องเครือข่ายศูนย์ข้อมูล

จุดเด่น

  • ขนาดเล็กแต่ประสิทธิภาพสูง: ปริมาณงานต่อหน่วยเวลา หรือ throughput อยู่ที่ 450 Gbps; 130 ล้านเซสชันพร้อมกัน และ 2.5 ล้านเซสชันใหม่ / วินาที
  • ขยายและปรับเปลี่ยนได้: อินเทอร์เฟซ 10/100GE พร้อมรองรับ 25/40GE ใช้งานได้กับระบบเสมือนมากถึง 1,000 ระบบ อาทิเช่น dual-stack, tunnel, DNS64 / NAT64 เป็นต้น
  • Intelligence2: สถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่นรองรับ SDS สามารถป้องกัน Botnet C&C ช่วยให้เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มคลาวด์อย่างราบรื่น

ข้อมูลเพิ่มเติม

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ทั้งหมดสำหรับ Hillstone X8180 ได้ ที่นี่

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชันการรักษาความปลอดภัยและการจัดการความเสี่ยงของเครือข่ายองค์กรของ Hillstone Networks ได้มอบการมองเห็นข้อมูลข่าวกรองและการป้องกัน เพื่อทำให้แน่ใจว่าองค์กรต่าง ๆ สามารถสังเกตเห็นและเข้าใจภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทั่วถึง และสามารถดำเนินการตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว โซลูชันของ Hillstone ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความไว้วางใจจากองค์กรระดับโลก สามารถครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรตั้งแต่ระดับแนวหน้าไปจนถึงระบบคลาวด์ และยังสามารถช่วยลดต้นทุนโดยรวมในการเป็นเจ้าของอีกด้วย หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมไปที่ www.hillstonenet.com

ติดต่อ:

Zeyao Hu

ผู้จัดการฝ่ายการตลาด

inquiry@hillstonenet.com

Guru IoT พัฒนาวีลแชร์ซึ่งขับเคลื่อนด้วยตัวเองแบบดิจิทัลสำหรับผู้ด้อยโอกาส

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–22 กุมภาพันธ์ 2564

Guru IoT (ประธาน Song Su-han) ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ Internet-of-Things จากเกาหลีกล่าวว่า ขณะนี้พวกเขากำลังพัฒนาระบบเคลื่อนที่อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยใช้ข้อมูลแผนที่ดิจิทัลแฝด หรือ digital-twin map data

เนื่องจากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งใช้ในการเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้นใช้เซ็นเซอร์ LiDAR เพื่อสร้างแผนที่แบบเรียลไทม์จึงไม่สามารถผลิตขึ้นสำหรับตลาดมวลชน (mass market) ได้ แต่รถวีลแชร์แบบขับเคลื่อนด้วยตนเองที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลแผนที่ 3 มิติแบบดิจิทัลซึ่งอยู่ภายใต้การพัฒนาของ Guru IoT ได้ใช้เทคโนโลยีในการซิงโครไนซ์ข้อมูลแผนที่ที่เซิร์ฟเวอร์จัดเก็บภายในช่วงเวลาหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์ซึ่งสามารถใช้แทนที่ข้อมูลเซ็นเซอร์ พร้อม ๆ ไปกับการปรับปรุงความแม่นยำในการขับขี่ด้วยตนเองด้วยการปรับเปลี่ยนข้อมูลเซ็นเซอร์

วีลแชร์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองของ Guru IoT สามารถนำทางผ่านฝูงชนหรือสิ่งกีดขวางทางกายภาพได้โดยการลดความเร็ว การหลีกเลี่ยงอุปสรรค และการหยุด นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเช่นฟังก์ชั่นป้องกันการสั่นสะเทือนและการพลิกคว่ำที่ไม่มีในรถเข็นไฟฟ้าอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น รถเข็นหุ่นยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองสามารถรักษาความเร็วคงที่บนทางลาดชันโดยการให้คนขับดึงด้วยสองมือ หากผู้ขับขี่สูญเสียการยึดเกาะรถเข็นจะหยุดเอง

วีลแชร์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้เพิ่มความปลอดภัยด้วยการเพิ่มคุณสมบัติต่าง ๆ เช่นการบำรุงรักษาระยะปลอดภัยการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเบรกฉุกเฉินและสัญญาณเตือนการทำงานผิดปกติตามมาตรฐานความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยตนเองตามที่กระทรวงที่ดินและการขนส่งเสนอ ตลอดจนการตรวจสอบเส้นทางผ่านข้อมูลที่ซิงโครไนซ์กับเซิร์ฟเวอร์อีกด้วย

Song Su-han ประธาน Guru IoT กล่าวว่า“ วีลแชร์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองของเราเป็นตัวอย่างที่สำคัญในการแสดงให้เห็นว่าหุ่นยนต์และมนุษย์สามารถทำงานร่วมกันได้ดีจากมุมมองด้านการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ พวกเราที่ Guru IoT จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้นด้วยการผสมผสานแนวคิดดี ๆ เข้ากับเทคโนโลยีที่เรากำลังพัฒนาอยู่ “

ติดต่อ:

Guru IoT Co., Ltd.

Seongsu Yeo

+82-2-6953-9610

ssyeo@guruiot.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

หุ่นยนต์ดูแลสัตว์เลี้ยง PEDDY ดึงดูดความสนใจจากเจ้าของสัตว์เลี้ยง

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–18 กุมภาพันธ์ 2564

PEDDY หุ่นยนต์ดูแลสัตว์เลี้ยงที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงเพื่อเป็นของขวัญชิ้นเยี่ยมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีค่าของพวกเขา

ตามที่สถาบันเศรษฐกิจชนบทของเกาหลี (KREI) ระบุว่าตลาดที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงในปี 2564 จะสูงขึ้นถึง 3,000.2 พันล้านวอนจาก 2,332.2 พันล้านวอนในปี 2560 ตลาดจะเติบโตเป็น 4,173.9 พันล้านวอนในปี 2565 และเป็น 6,005.5 พันล้านวอนภายในปี 2570 อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสำหรับช่วงปี 2564-2570 อยู่ที่ประมาณ 14.5%

หุ่นยนต์ดูแลสัตว์เลี้ยงที่พัฒนาโดย Guru IoT เป็นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ IoT ซึ่งเป็นเพื่อนเล่นที่ดีสำหรับแมวและสุนัขที่บ้าน โดยหลังจากวางสมาร์ทโฟนบนหุ่นยนต์และสร้างการเชื่อมต่อผ่านแอปแล้วจะมีฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดของสมาร์ทโฟนเช่น วิดีโอแชทแบบเรียลไทม์ การบันทึกการเล่นวิดีโอเล่นซ้ำ การเล่นเพลงซ้ำ และการถ่ายภาพ ซึ่งมีอยู่ในหุ่นยนต์

นอกจากนี้ยังสามารถให้อาหารสัตว์เลี้ยงในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าตามจำนวนที่ต้องการ ด้วยเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับอุณหภูมิ ความชื้น และเสียง โดยหุ่นยนต์สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว หรือจากเสียงเห่าของสุนัขหรือแมวเหมียวได้

เจ้าหน้าที่ของ Guru IoT กล่าวว่า “เนื่องจากจำนวนเจ้าของสัตว์เลี้ยงในเกาหลีมีมากกว่า 10 ล้านคน ระดับความนิยมของเครื่องใช้สัตว์เลี้ยงจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึงนี้ เราขอแนะนำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงตัดสินใจซื้อหุ่นยนต์ดูแลสัตว์เลี้ยง PEDDY สำหรับให้เป็นเพื่อนของพวกเขา”

หุ่นยนต์พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง PEDDY มีอยู่บนเว็บไซต์ของ Guru IoT (https://en.guruiot.com/)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

Guru IoT Co., Ltd.
Seongsu Yeo
+82-2-6953-9610
ssyeo@guruiot.com

SYNERGY & iNube ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลและ E-insurance แบบใหม่มาสู่ธุรกิจประกันภัย

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–18 กุมภาพันธ์ 2564

SYNERGY Strategic Solutions Limited ผู้ให้บริการด้านการให้คำปรึกษาด้านดิจิทัลและอินชัวร์เทคในฮ่องกงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ iNube Software Solutions Pvt. Ltd. ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการประกันภัยดิจิทัล เพื่อขยายข้อเสนอปัจจุบันสำหรับการประกันภัยด้วยผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเฉพาะกลุ่มและแพลตฟอร์มการประกันภัยรายย่อย (micro-insurance) ที่เปิดใช้งานผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Insurance)

ความร่วมมือกับ iNube ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ SYNERGY สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริการให้คำปรึกษาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และโซลูชันสำเร็จรูปให้กับบริษัทประกันภัยทั่วฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เวียดนาม และไทย ด้วยความร่วมมือครั้งนี้หลายบริษัทคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นระหว่าง 20%-30% ตามเกณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า

ในส่วนของความร่วมมือดังกล่าว Pradeep Satya ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง SYNERGY กล่าวว่า “ด้วยเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในทุก ๆ ด้านของธุรกิจประกันภัย บริษัทประกันภัยแบบเดิมได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการเร่งการเดินทางสู่ดิจิทัลเพื่อให้ยังคงสามารถแข่งขันได้ในธุรกิจประกันภัยนี้ โดยยังมีความจำเป็นที่ต้องพัฒนาสำหรับโซลูชันหลักแบบแยกส่วน (Modular) และแนวคิดในการทำงานยุคใหม่ที่เน้นการตัดสินใจและทำงานอย่างรวดเร็ว (Agile) เรามองหาผลิตภัณฑ์หลักที่กำหนดค่าได้ง่าย ปรับใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และดูแลรักษาง่าย กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ iNube เหมาะสมอย่างยิ่งกับเรา ในขณะที่ลูกค้าของเราได้เริ่มต้นช่องทางการกระจายแบบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แสดงความสนใจที่ตรงหรือใกล้เคียง (affinity) และ อีคอมเมิร์ซ (e-commerce) เราตั้งใจที่จะร่วมกันสร้างโซลูชันที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันและหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นพันธมิตรในการสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าของเรา”

Vinodkumar A Iyer ประธานบริหารของ iNube Software Solutions ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนกล่าวว่า “เมื่อรวมกับความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมประกันภัย ทำให้ iNube ได้นำเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยซึ่งมีความสำคัญต่อความสำเร็จทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องของบริษัทประกันภัย ด้วยความร่วมมือครั้งนี้ iNube จะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ได้ในการเสริมสร้างสถานะในตลาดเอเชียและการค้นหาลูกค้าใหม่ สำหรับกลุ่ม Digital Insurance Solutions ของเรานั้นเมื่อรวมกับคำแนะนำของ SYNERGY ในด้านนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา พวกเรามั่นใจในการร่างแผนงานที่จะช่วยให้เราเพิ่มคุณค่าและประโยชน์ให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น เราตื่นเต้นมากกับความร่วมมือครั้งนี้และหวังว่าจะได้นำเสนอคุณค่าและประโยชน์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นให้กับธุรกิจประกันภัย”

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อเราที่ media@synergysolutions.asia

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210218005638/en/

ติดต่อ

Anita Bhat
media@synergysolutions.asia

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ขนาดความจุ 18TB

Logo

ดีไซน์แบบ 9 ดิสก์เจเนอเรชันที่ 3 ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึกและนวัตกรรมการบันทึกที่นำพลังงานเข้ามาช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากความหนาแน่นของการจัดเก็บข้อมูลและประสิทธิภาพด้านพลังงานในระดับใหม่

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–18 กุมภาพันธ์ 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (Toshiba) เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ ซีรีส์ MG09 ขนาดความจุ 18TB[1]  ซึ่งเป็นฮาร์ดดิสก์รุ่นแรกของ Toshiba ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการบันทึกที่นำพลังงานเข้ามาช่วย (EAMR) ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ยังมาพร้อมดีไซน์แบบ 9 ดิสก์ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึกซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ของ Toshiba รวมถึงเทคโนโลยีบันทึกข้อมูลบนแผ่นจานแม่เหล็กด้วยคลื่นไมโครเวฟแบบ Flux Control (FC-MAMR) ที่ล้ำสมัยของ Toshiba เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของการบันทึกข้อมูลบนแผ่นจากแม่เหล็ก (CMR) เป็น 2TB ต่อดิสก์ และทำให้ความจุรวมของฮาร์ดดิสก์สูงถึง 18TB

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหาในรูปแบบมัลติมีเดีย ดูเนื้อหาแบบเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210217006068/en/

Toshiba: 18TB MG09 Series hard disk drives (Photo: Business Wire)

Toshiba: ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ความจุ 18TB (รูปภาพ: Business Wire)

การจัดส่งตัวอย่างฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ความจุ 18TB ให้กับลูกค้าคาดว่าจะสามารถเริ่มได้ในช่วงปลายเดือนมีนาคมของปี 2564 นี้

ฮาร์ดดิสก์ MG09 แบบ CMR ความจุ 18TB นี้มีขนาดความจุเพิ่มขึ้น 12.5% จากรุ่นก่อนหน้าที่มีความจุ 16TB และสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัตการรุ่นต่าง ๆ ที่ครอบคลุมมากที่สุด ฮาร์ดดิสก์ MG09 ได้รับการปรับเปลี่ยนให้สามารถอ่านและเขียนข้อมูลทั้งแบบสุ่มและเรียงลำดับและรองรับการทำงานในดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งแบบปกติและบนคลาวด์ ประสิทธิภาพของฮารด์ดิสก์รุ่น MG09 อยู่ที่ 7,200rpm อัตราการรองรับภาระงานต่อปี[2] อยู่ที่ 550TB และใช้อินเทอร์เฟส SATA และ SAS ทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ในฟอร์มแฟกเตอร์ขนาด 3.5 นิ้ว[3 ที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม ปิดผนึกด้วยฮีเลียม และมีประสิทธิภาพทางพลังงาน

ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Toshiba ที่ต้องการยกระดับการออกแบบฮาร์ดดิส์ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ใช้กับเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของระบบจัดเก็บทั้งแบบวัตถุและไฟล์ ด้วยประสิทธิภาพด้านพลังงานที่มากขึ้นและความจุที่ 18TB ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 จึงช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานของระบบจัดเก็บบนคลาวด์พัฒนาความหนาแน่นของหน่วยจัดเก็บให้สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนและปรับปรุงต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของหรือ TCO ให้ดีขึ้น ขณะที่การเติบโตข้องข้อมูลยังคงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮาร์ดดิสก์ MG09 ความจุ 18TB ที่มาพร้อมเทคโนโลยี FC-MAMR จะช่วยผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์และนักออกแบบโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลสามารถใช้ประโยชน์จากระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีความหนาแน่นสูงขึ้นได้ในทั้งระบบคลาวด์ ไฮบริดคลาวด์ และแบบ rack-scale ที่ติดตั้งอยู่ ณ สถานที่

“ฮารด์ดิสก์ซีรีส์ MG09 ความจุ 18TB ใหม่จาก Toshiba มาพร้อมกับระดับความหนาแน่นของการจัดเก็บข้อมูลและประสิทธิภาพด้านพลังงานที่พัฒนาขึ้นเพื่อสำหรับลูกค้าโซลูชันระบบคลาวด์และสตอเรจของเราที่ให้ความสำคัญกับเรื่องต้นทุน เทคโนโลยี HDD ความหนาแน่นสูงของเราสามารถตอบโจทย์ทางด้าน TCO ซึ่งมีความสำคัญของลูกค้าได้ในราคาที่แสนประหยัด” Shuji Takaoka ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาดผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation กล่าว “ดีไซน์แบบ 9 ดิสก์ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึกซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ของเรามีพื้นฐานที่ผ่านการทดสอบภาคสนามเพื่อพัฒนาความจุให้ได้ถึง 18TB การเสริมเทคโนโลยี FC-MAMR ที่ล้ำสมัยของ Toshiba เข้ามาช่วยให้ความจุของฮารด์ดิสก์แบบ CMR เพิ่มสูงขึ้นถึง 18TB สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมการทำงานได้มากที่สุด”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ โปรดดูที่:
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/storage/product/data-center-enterprise/cloud-scale-capacity/articles/mg09-series.html

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กลุ่มฮาร์ดดิสก์ของ Toshiba ทั้งหมด โปรดดูที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

[1] คำจำกัดความของความจุ: 1 เทราไบต์ (TB) = 1 ล้านล้านไบต์ อย่างไรก็ตามความจุหน่วยเก็บข้อมูลอาจแตกต่างกันออกไปตามสภาพแวดล้อมการทำงานและการจัดรูปแบบ ความจุในการจัดเก็บ (รวมถึงตัวอย่างของไฟล์สื่อต่าง ๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่ฟอร์แมตจริงอาจแตกต่างกันไป
[2] อัตราการรองรับงานต่อปีคือมาตรวัดข้อมูลตลอดทั้งปี และกำหนดโดยปริมาณของข้อมูลที่เขียน อ่าน หรือตรวจสอบตามคำสั่งของระบบโฮสต์
[3] “3.5 นิ้ว” หมายถึงลักษณะทางกายภาพหรือฟอร์มแฟกเตอร์ของฮาร์ดดิสก์ ซึ่งไม่ได้ระบุขนาดทางกายภาพของไดรฟ์

* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
* ชื่อบริษัท สินค้าและบริการทั้งหมดที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ นั้น

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นบริษัทใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังและประสบการณ์ นับตั้งแต่แยกตัวออกจากบริษัทเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2560 เราได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านอุปกรณ์ทั่วไป และได้นำเสนอโซลูชันเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ ระบบ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจของเรา
เรามีพนักงานจำนวน 24,000 คนทั่วโลก ซึ่งมีความตั้งใจร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่มยอดขายต่อปีซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 7.5 แสนล้านเยน (ราว 6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ให้สูงขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210217006068/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ
Motohiro Ajioka
ฝ่ายวางแผนธุรกิจ
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81-3-3457-3576
อีเมล: semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ยานพาหนะสำหรับต่อสู้หรือ Combat Vehicle รุ่น Type-X Robotic ของ Milrem Robotics จะจัดแสดงในงาน IDEX ปี 2564

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2564

Milrem Robotics ผู้นำด้านการพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะจัดแสดงยานพาหนะสำหรับต่อสู้ รุ่น Type-X Robotic เป็นครั้งแรกในงาน IDEX 2021

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210216006280/en/

The Type-X RCV is designed to support mechanized units and will become an intelligent wingman to main battle tanks and infantry fighting vehicles. (Photo: Business Wire)

Type-X RCV ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนหน่วยยานยนต์และจะกลายเป็นนักบินผู้ขับขี่เครื่องบินในตำแหน่งปีกข้างระบบอัจฉริยะควบคู่ไปกับรถถังหลักและยานพาหนะทหารสำหรับต่อสู้ (Photo: Business Wire)

Type-X RCV ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนหน่วยยานยนต์และจะกลายเป็นนักบินผู้ขับขี่เครื่องบินในตำแหน่งปีกข้างระบบอัจฉริยะควบคู่ไปกับรถถังหลักและยานพาหนะทหารสำหรับต่อสู้ มันจะสามารถรองรับภารกิจที่อันตรายที่สุดได้ ส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตลดลง

ยานรบหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถติดตั้งปืนใหญ่ได้ถึง 50 มม. ดังนั้นมันจะให้อำนาจการยิงที่เท่าเดิมหรือมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้ยุทธวิธีแบบหน่วยติดตั้งยานรบทหารราบ

“ Type-X ให้วิธีการในการทำลายตำแหน่งป้องกันของศัตรูโดยสร้างความเสี่ยงน้อยที่สุดสำหรับกองทหารของตัวเอง หากรถ RCV สูญหาย การเอารถเข้าไปแทนที่จะเป็นแค่ความยุ่งยากเล็กน้อยทางลอจิสติกส์เท่านั้น แต่จะไม่มีการสูญเสียชีวิต” Kuldar Väärsi ซีอีโอของ Milrem Robotics กล่าว

RCV ของ Milrem Robotics จะมาพร้อมกับฟังก์ชันอัจฉริยะเช่น follow-me, waypoint navigation และการตรวจจับสิ่งกีดขวาง นอกจากนี้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของอัลกอริทึมด้วย อย่างไรก็ตามนวัตกรรมที่แท้จริงในครั้งนี้ได้แก่แนวทางใหม่และสร้างสรรค์ของ Milrem เพื่อให้สามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกลด้วยความเร็วที่สูงขึ้นได้

ความเร็วสูงสุดของรถคือ 80 กม. / ชม. บนถนนลาดยางและ 50 กม. / ชม. บนถนนออฟโรด โดยรุ่น Type-X มีน้ำหนักเบา 12 ตันและให้กำลังสูง พร้อมการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ความสามารถในด้านพื้นที่ที่เหนือกว่า และมาพร้อมความสูงแค่ 2.2 ม. และตัวเครื่องยนต์ด้านหลังที่สร้างความร้อนต่ำ

ในการสร้างหุ่นยนต์ Type-X Milrem โดยใช้ความรู้ที่ได้รับจากการพัฒนายานพาหนะภาคพื้นดินไร้คนขับ THeMIS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนกองทหารที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งนั้น ปัจจุบันนี้ได้ถูกซื้อไปโดยสิบประเทศแล้ว ซึ่งรวมถึงสมาชิก NATO 7 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส นอร์เวย์ สหราชอาณาจักร เยอรมนี เอสโตเนีย เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา

Milrem Robotics เป็นผู้พัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติชั้นนำของยุโรปและเป็นผู้นำของ iMUGS ซึ่งเป็นโครงการ 32,6 ล้านยูโร ที่ได้รับทุนจาก European Defense Industrial Development Program (EDIDP) ของคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อพัฒนาระบบภาคพื้นดินไร้คนขับที่ได้มาตรฐานยุโรป

รถคันนี้จะจัดแสดงที่สแตนด์หมายเลข B18 ของ John Cockerill ในฮอลล์ที่ 12

ชมวิดีโอของ Type-X: https://youtu.be/jQg4PLCZLdY

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210216006280/en/

ติดต่อ:

Gert Hankewitz

ผู้อำนวยการฝ่ายส่งออก

Gert.hankewitz@milrem.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ตอบโจทย์ทุกการตรวจวินิจฉัยที่อยู่เพียงปลายนิ้วมาพร้อมจอแสดงภาพอเนกประสงค์ที่มีความละเอียดถึง 12MP

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2564

Barco ผู้นำระดับโลกทางด้านเทคโนโลยีภาพนิทัศน์ (visualization) ได้ออกจอแสดงผลการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ความละเอียด 12MP รุ่นใหม่สำหรับระบบจัดเก็บและรับส่งข้อมูลทางการแพทย์ (PACS) และภาพรังสีเต้านม จอแสดงผล Nio Fusion ที่มีความละเอียด 12MP เป็นคำตอบอย่างดีและมาตรฐานของระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการตรวจวินิจฉัย (diagnostic workstation) ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

จอแสดงผลการตรวจวินิจฉัยตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

Rachel Coxon รองประธานด้านระบบการดูแลสุขภาพแห่ง Barco APAC กล่าวว่า “ความคาดหวังต่อการยกระดับการทำงานของจอแสดงผลการตรวจวินิจฉัยในกลุ่มรังสีแพทย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน มีความคาดหวังให้ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการตรวจวินิจฉัยสามารถรองรับงานเวชบำบัดได้ทั้งหมดรวมถึงภาพถ่ายของเนื้อเยื่อเต้านมที่มีความหนาแน่นสูง และใช้ได้ต่อเนื่องเพื่อความสะดวกใช้งานง่ายยาวนานในการตรวจวินิจฉัยจากโรงพยาบาล คลินิก หรือสถานที่ปฏิบัติงานประเภทโฮมออฟฟิศ”

คำตอบของ Barco: Nio Fusion ความละเอียด 12MP
Nio Fusion มาพร้อมจอที่มีความละเอียด 12MP เหมาะสำหรับแสดงภาพถ่ายระบบ PACS จำนวนหลาย ๆ ภาพ และเครื่องมือที่ใช้สำหรับสร้างภาพเต้านมรวมถึงภาพแบบสามมิติ (breast tomosynthesis) การออกแบบของ Fusion ช่วยลดความจำเป็นของการใช้จอแสดงภาพแนวตั้งหลาย ๆ จอ หรือการติดตั้งที่ซับซ้อน ฟังก์ชัน Keyboard-Video-Mouse (KVM) ช่วยให้การต่อระบบคอมพิวเตอร์เข้ากับจอแสดงผลและการสลับการใช้งานระหว่างคอมพิวเตอร์สองเครื่องกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เพียงแค่กดปุ่ม และยังทำให้การกำหนดเวลาและการจัดการระบบคอมพิวเตอร์กลายเป็นเรื่องง่าย

ความละเอียดเกรย์สเกลของ Nio Fusion 12MP ได้รับการปรับตามมาตรฐาน Digital Imaging and Communications in Medicine (DICOM) และเทคโนโลยี SteadyColorTM ของ Barco ยังการันตีความสม่ำเสมอของสี แม้จะมีการใช้งานผ่านไปแล้ว Nio Fusion 12MP มีความสว่างที่สูงกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม และยังได้รับการยกระดับยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี Uniform Luminance เพื่อให้ทุกพื้นที่ของจอภาพมีความสว่างสม่ำเสมอ

ตัวเครื่องของ Nio Fusion 12MP มีความบางเบา และได้รับการออกแบบให้สะท้อนการมองเห็นโดยธรรมชาติของมนุษย์เพื่อลดการเคลื่อนไหวของศีรษะ มือ และตา นอกจากนี้ยังมีระบบ SoftGlowTM และหลอดไฟผนังที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดแสงสว่างโดยรอบและระบบชดเชยแสง รวมถึงสามารถลดอาการปวดตาและอาการเมื่อยล้าของตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน

Nio Fusion 12MP ทำงานด้วยระบบควมบคุมจอภาพ Barco MXRT อันทรงพลัง ช่วยให้รังสีแพทย์มีอุปกรณ์สนับสนุนการทำงานแบบครบครัน เช่น SpotViewTM และ RapidFrameTM ที่สามารถเพิ่มความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัยได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังได้รับตรา Barco's Eco Product label หลังได้รับค่า ecoscore ระดับ A+ จากประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานของจอภาพที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น บรรจุภัณฑ์ของจอภาพที่มีขนาดกะทัดรัดและสามารถวางซ้อนกันได้ รวมถึงเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับแต่ละภูมิภาคซึ่งช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการสร้างขยะ

Rachel Coxon ได้กล่าวสรุปไว้ว่า “ผู้ใช้ระบบ CIO และ PACS ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการของแพทย์และเจ้าหน้าที่ประกันคุณภาพสำหรับการอ่านภาพในเคสที่มีความซับซ้อน ขณะที่ยังต้องจัดการงบประมาณและข้อจำกัดด้านการรับประกันเวลาการทำงานของเครื่องและประสิทธิภาพไปพร้อมกัน Nio Fusion 12MP ยังเป็นการลงทุนที่สามารถรองรับการใช้งานได้ในอนาคตระยะยาวทั้งด้านรังสีวิทยาและการถ่ายภาพรังสีเต้านม และช่วยให้การจัดการอุปกรณ์เป็นเรื่องง่ายรวมถึงลดต้นทุนในการลงทุน ในขณะเดียวกัน ยังช่วยทีมประกันคุณภาพบริหารจัดการคุณภาพและการปฏิบัติตามข้อบังคับต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายไม่เปลืองแรงผ่านระบบประกันคุณภาพอัตโนมัติ เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องของการปฏิบัติตามข้อกำหนดและเวลาทำงานที่ต่อเนื่องของระบบคอมพิวเตอร์สำหรับระบบ PACS”

เกี่ยวกับ Barco
Barco เป็นผู้ออกแบบเทคโนโลยีเพื่อสร้างความสว่างสดใสให้กับทั่วทั้งโลก เรามองเห็นมากกว่าภาพถ่ายและได้พัฒนาโซลูชั่นภาพนิทัศน์และความร่วมมือเพื่อช่วยให้ผู้คนทำงานร่วมกัน แบ่งปันข้อมูล และสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชม ธุรกิจของเรามุ่งเน้นที่สามตลาดหลัก ได้แก่ องค์กร (ตั้งแต่ห้องประชุมและห้องควบคุมไปจนถึงพื้นที่ขององค์กร) การดูแลสุขภาพ (ตั้งแต่แผนกรังสีวิทยาไปจนถึงห้องผ่าตัด) และความบันเทิง (ตั้งแต่โรงภาพยนตร์ไปจนถึงงานแสดงสดและสถานที่น่าสนใจ) ในปี 2562 เราสามารถทำยอดขายได้ถึง 1.083 พันล้านยูโร และมีพนักงานกว่า 3,600 คนทั่วโลก ซึ่งความหลงใหลในเรื่องเทคโนโลยีของพวกเขาถูกถ่ายทอดผ่านงานสิทธิบัตรถึง 400 ชิ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.barco.com

สื่อที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อที่:
Aashna Khurana | M: +91 9999000309 | E: aashna.khurana@barco.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย