ห่วงโซ่อุตสาหกรรม EV ในเมืองเกาสงประสบความสำเร็จระดับโลกมากขึ้น

Logo

เมืองเกาสง ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–08 สิงหาคม 2565

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระดับโลกกำลังเติบโตอย่างทวีคูณ เพื่อให้เมืองเกาสงเป็นฐานที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระดับโลก ทั้งนี้ Kaohsiung City Government ได้ร่วมมือกับ Hon Hai Technology Group (Foxconn) เพื่อทำงานร่วมกันในหลายด้าน อย่างเช่น รถโดยสารไฟฟ้าอัจฉริยะและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นสนามทดลองที่นำเสนอรูปแบบธุรกิจและบริการที่ครอบคลุมเพื่อดึงดูดผู้ผลิตทั่วโลกให้มาลงทุนในเมืองเกาสงและสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV industry)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220807005043/en/

In line with the Kaohsiung City Government’s plan to have all public buses run on electricity by 2030, Foxtron Vehicle Technologies delivered the first Model T electric bus to Kaohsiung Bus. (Photo: Business Wire)

ตามแผนของ Kaohsiung City Government ที่จะให้รถโดยสารสาธารณะทั้งหมดใช้ไฟฟ้าภายในปี 2573 โดย Foxtron Vehicle Technologies ได้ส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้ารุ่น Model T คันแรกให้กับ Kaohsiung Bus (ภาพ: Business Wire)

เมื่อเห็นรากฐานที่มั่นคงในวัสดุโลหะและเทคโนโลยีการตกแต่งที่มีความแม่นยำในเมืองเกาสง ซึ่ง Foxconn วางแผนที่จะสร้างระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และห่วงโซ่การผลิตแบตเตอรี่ที่สมบูรณ์ในเมืองทางตอนใต้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะขยายไปสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตั้งแต่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงการผลิตเซลล์และชุดแบตเตอรี่ และระบบกักเก็บพลังงาน นอกจากนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อการผลิตแบตเตอรี่ localize ในทุกจุดของห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่วัตถุดิบต้นน้ำไปจนถึงเซลล์ระดับกลางและชุดแบตเตอรี่ปลายทาง นอกจากนี้เมืองเกาสงยังดึงดูดการลงทุนจากบริษัทต่าง ๆ อย่างเช่น WIN Semiconductors Corp. โรงหล่อชั้นนำของโลกสำหรับเครื่องขยายเสียงและเทคโนโลยี LiDAR สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Molie Quantum Energy Corp ผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำหรับห่วงโซ่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

Foxtron Vehicle Technologies ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Foxconn ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาและผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในอุทยานวิทยาศาตร์เฉียวโถว (Qiaotou Science Park) เพื่อเป็นการปฏิบัติตามแผนของ City Government ที่จะให้รถโดยสารสาธารณะทั้งหมดใช้ไฟฟ้าภายในปี 2573 รถโดยสารไฟฟ้ารุ่น Model T คันแรกได้ถูกส่งไปยัง Kaohsiung Bus อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมปีนี้ โดยมีเป้าหมายเริ่มต้นจำนวน 30 คัน และจะส่งมอบเพิ่มอีกตามความต้องการในการดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมรถโดยสารไฟฟ้าในเมืองเกาสง City Government ได้เพิ่มการสงเคราะห์เงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินงานของรถโดยสารไฟฟ้า และจะสงเคราะห์เงินอุดหนุนการซื้อรถโดยสารไฟฟ้าที่ผลิตในท้องถิ่น โดยให้ทุนสนับสนุนสูงถึง 1.5 ล้านเหรียญไต้หวันต่อคัน  

ในเดือนมิถุนายนปีนี้ Foxconn ประกาศว่าจะลงทุน 6 พันล้านดอลลาร์ไต้หวันเพื่อสร้างศูนย์การวิจัยเซลล์แบตเตอรี่ & แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ (Battery Cell Research & New Product Introduction Center) ใหม่ในสวนอุตสาหกรรม Ho Fa คาดว่าโรงงานจะมีกำลังการผลิต 1GWh สำหรับรถโดยสารไฟฟ้า รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และระบบกักเก็บพลังงานในไตรมาสแรกของปี 2567

เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในท้องถิ่น City Government ยังวางแผนที่จะร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม (Ministry of Transportation and Communications) เพื่อสร้างสถานที่ทดสอบระดับชาติสำหรับรถยนต์ไร้คนขับและยานพาหนะสู่ทุกสิ่ง (Vehicle-to-Everything) ในอุทยานวิทยาศาตร์เฉียวโถว (Qiaotou Science Park) ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร Smart Pole Standard Promotion Alliance จะมีการจัดเตรียมสถานที่สำหรับทดสอบเทคโนโลยี Vehicle-to-Everything การบริการ และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะดึงดูดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมากขึ้นให้ตั้งฐานในพื้นที่และที่คาดว่าจะสร้างใหม่ประมาณ 5,000 โครงงาน เป้าหมายคือการกำหนดรูปแบบเมืองเกาสงให้เป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบและกลายเป็นตัวอย่างสำหรับ “การส่งออกเมืองอัจฉริยะแบบแพ็คเกจ”

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220807005043/en/

ติดต่อ:

INVEST KAOHSIUNG
+886-7-336-0888
https://invest.kcg.gov.tw/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

(China International Import Expo หรือ CIIE) มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5 เอื้อประโยชน์ต่อนานาประเทศในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง

Logo

เซี่ยงไฮ้–(ฺBUSINESS WIRE)–4 ส.ค. 2565

มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China International Import Expo หรือ CIIE) เวทีสำคัญสำหรับการจัดซื้อระหว่างประเทศ การส่งเสริมการลงทุน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการสร้างความร่วมมือที่เปิดกว้าง ประสบความสำเร็จในการจัดงาน 4 ปีติดต่อกัน อีกทั้งยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นสินค้าสาธารณะระหว่างประเทศและระบบการค้าข้ามชาติ ตลอดจนเป็นสื่อกลางสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้างและประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

นับตั้งแต่จัดงานครั้งแรกในปี 2561 มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนได้เติบโตทั้งในแง่ของขนาดและอิทธิพลของงาน โดยพื้นที่จัดแสดงเพิ่มขึ้นจาก 270,000 ตารางเมตรในปี 2561 เป็น 366,000 ตารางเมตรในปี 2564 ด้านผู้จัดแสดงในงาน 4 ครั้งที่ผ่านมาได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และบริการใหม่มากกว่า 1,500 รายการ และบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นคิดเป็นมูลค่ากว่า 2.70 แสนล้านดอลลาร์

ในขณะที่มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนเข้าสู่ปีที่ 5 ประเทศต่าง ๆ ในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ก็ให้ความสนใจตลาดจีนและส่งออกสินค้ามายังจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ   

ในมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนครั้งแรก คุณหม่า อวี้เซี่ย นักธุรกิจหญิงชาวจีนที่อยู่ในอเมริกาใต้ ได้นำตุ๊กตาอัลปากามาบุกตลาดจีน

คุณหม่าและหุ้นส่วนชาวเปรูเช่าบูธเล็ก ๆ ขนาด 9 ตารางเมตรเพื่อจัดแสดงและโปรโมทตุ๊กตาอัลปากา รวมถึงงานหัตถกรรมพื้นบ้านของเปรู นอกจากนั้นยังสร้างแบรนด์ของตัวเองในชื่อวอร์มปากา (Warmpaca)

การออกบูธในครั้งนั้นได้ผลดีอย่างเหลือเชื่อ และหลังจากเข้าร่วมมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน 4 ปีติดต่อกัน ตอนนี้สินค้าของวอร์มปากามีวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้ากว่า 20 แห่งในจีน

จนถึงตอนนี้ พื้นที่จัดแสดงในมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5 ได้ถูกจับจองไปแล้วกว่า 80% โดยบริษัทกว่า 260 แห่งที่ติดอันดับฟอร์จูน โกลบอล 500 (Fortune Global 500) และบรรดาผู้นำอุตสาหกรรมจะเข้าร่วมงานในปีนี้

ขณะเดียวกัน หลายประเทศก็ยืนยันว่าจะเข้าร่วมงานในส่วนจัดแสดงของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ ภายในงานจะมีการเผยแพร่รายงานการเปิดกว้างทั่วโลก (World Openness Report) และดัชนีการเปิดกว้างทั่วโลก (World Openness Index) ในการประชุมเศรษฐกิจนานาชาติหงเฉียว (Hongqiao International Economic Forum) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของงานนี้

เนื่องจากงานนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก พื้นที่จัดแสดงจะถูกจับจองจนหมดในอีกไม่นานนี้ จีงขอเชิญผู้ที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมจัดแสดงในงานก่อนที่จะไม่ทันกาล โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://www.ciie.org/exhibition/f/book/register?locale=en.

ติดต่อ: เนี่ย ฉิงซิน (Nie Qingxin)
โทร: 0086-21-67008870/67008988

งานแสดงสินค้า Korea International Construction & Industrial Safety Expo 2565 จะจัดแสดงนวัตกรรมการก่อสร้างอัจฉริยะและโซลูชั่นความปลอดภัยในอุตสาหกรรมที่ KINTEX ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

Logo

งาน K-Con Safety Expo 2565 เป็นพื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกัน (marketplace) ที่สมบูรณ์แบบสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้างและความปลอดภัยในอุตสาหกรรม จัดแสดงโซลูชั่นอัจฉริยะและอุปกรณ์ความปลอดภัยในที่ทำงานของ LG U+, Bentley Systems, 3M Korea และ GERB

โกยาง สาธารณรัฐเกาหลี–(BUSINESS WIRE)–3 ส.ค. 2565

งานแสดงสินค้า Korea International Construction & Industrial Safety Expo 2022 ซึ่งเป็นที่ที่ผู้เข้าร่วมงานสามารถสัมผัสโลกแห่งโซลูชั่นความปลอดภัยในการก่อสร้างที่ทันสมัยได้ในที่เดียว จะถูกจัดขึ้นที่ KINTEX ในเมืองโกยาง ประเทศเกาหลี ในวันที่ 19 ถึง 21 ตุลาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005060/en/

Korea Int'l Construction and Industrial Safety Expo (K-Con Safety Expo) 2022 Official Poster (Graphic: Business Wire)

โปสเตอร์อย่างเป็นทางการของ Korea Int'l Construction and Industrial Safety Expo (K-Con Safety Expo) 2565 (กราฟิก: Business Wire)

K-Con Safety Expo 2022 ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในด้านพบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกันสำหรับผู้บริหารด้านความปลอดภัยในการก่อสร้าง มาเป็นรุ่นที่สี่แล้ว ด้วยการสนับสนุนจากกระทรวงของรัฐบาลตลอดมา แม้จะเป็นในช่วงที่มีการระบาดของ โควิด-19 ก็ตาม โดย K-Con Safety Expo 2022 มุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับความพยายามทางด้านพื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการและความพยายามด้านการขายของผู้เข้าร่วมงาน ผ่านกิจกรรมที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการสัมนาทางธุรกิจที่หลากหลายขึ้น และเพื่อการนำเสนอโซลูชันแบบบูรณาการเพื่อความปลอดภัยในการก่อสร้างที่สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมทั่วโลก

นอกเหนือจากงานแสดงสินค้าแล้ว ผู้บริหารระดับสูงและผู้มีอำนาจตัดสินใจในอุตสาหกรรมความปลอดภัยในการก่อสร้างของเกาหลีจะเป็นผู้เปิดฟอรั่มการประชุม นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดการประชุมทางธุรกิจออนไลน์ตามกำหนดการแบบตัวต่อตัว โดยร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการค้าการลงทุนของเกาหลี ด้วยความหวังว่าผู้ซื้อจากต่างประเทศจะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับผู้แสดงสินค้าชาวเกาหลีที่มีคุณสมบัติเหมาะสม นอกจากนี้ ยังจะมีคณะผู้แทนจากองค์กรภาครัฐและเอกชนมาเยี่ยมชมงาน อีกด้วย

สิ่งที่คุณจะพลาดไม่ได้เลยคือการได้เห็นเทคโนโลยีล่าสุดในตลาดการก่อสร้างอัจฉริยะ (smart construction market) ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องที่อัตราเฉลี่ยต่อปีที่ 26% ภายในปี 2568 โดยบริษัทก่อสร้างอัจฉริยะและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมรายใหญ่ของเกาหลี ซึ่งรวมไปถึง LG U+, GSIL และ HULAN จะมาเข้าร่วมงานด้วย  งานนี้จะสร้างจุดเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้บริหารความปลอดภัยในการก่อสร้างจากทั่วทุกมุมโลกที่ต้องการสร้างสถานที่ก่อสร้างที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เมื่อคำนึงถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดการก่อสร้างในเอเชีย

บริษัทระดับโลกรายใหญ่จะเข้าร่วมในฐานะผู้แสดงสินค้าโดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานตลาดในเกาหลี อุปกรณ์ความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ 3M ของเกาหลี กับ ระบบควบคุมการสั่นสะเทือนของกลุ่ม GERB ของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมระบบแยกการสั่นสะเทือนระดับโลก และโซลูชั่นการจัดการการก่อสร้างอัจฉริยะของ Bentley Systems ก็จะถูกจัดแสดงเพื่อปูทางเข้าสู่ตลาดเกาหลี อีกด้วย

K-Con Safety Expo 2022 กำลังมองหาผู้แสดงสินค้าและผู้ซื้อจากต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมการประชุมธุรกิจออนไลน์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ(www.k-consafetyexpo.com).

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005060/en/

ติดต่อ:

Naru Kang

KINTEX

+82-(0)31-995-8044

internationalbusiness@kintex.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Midea ขึ้นอันดับที่ 245 ใน Fortune Global 500 ปี 2565 ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการเจาะตลาดต่างประเทศ

Logo

ฝอซาน ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–03 ส.ค. 2565

รายชื่อ Fortune Global 500 ปี 2565 โดย Midea Group ได้รับการจดทะเบียนใน Fortune Global 500 เป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน โดยคราวนี้ได้เลื่อนขึ้นสู่อันดับที่ 245

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005072/en/

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

ในเดือนเมษายนนี้ Midea Group เผยแพร่รายงานประจำปี 2564 – รายได้ของบริษัทต่อปีเพิ่มขึ้น 20.06% ในปี 2564 โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 343.4 พันล้านหยวน

Midea ยึดมั่นในการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ใน “ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี” และเร่งการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

สำหรับธุรกิจ C-suite สมาร์ทโฮมมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์เครื่องใช้และบริการในบ้านอัจฉริยะทั้งบ้านที่ดีที่สุดผ่านการใช้เทคโนโลยี IoT และ AI

สำหรับธุรกิจ B-suite, Midea มุ่งเน้นที่การพัฒนาไม่เพียงแต่ด้านธุรกิจของ ToB เช่น หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีอาคาร การจัดการพลังงาน การเดินทางอัจฉริยะ และ Midea Healthcare แต่ยังพัฒนาต่อยอดการเปลี่ยนแปลงและยกระดับธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัล เช่น Annto Midea Cloud

ในแนวทางนี้ Midea มุ่งที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุดในการปรับปรุงจากบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านให้เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

Midea Industrial Technology ลงทุนในพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ที่มีความแม่นยำสูง และดำเนินการแบรนด์ต่างๆ เช่น GMCC, Welling, HICONICS, SERVOTRONIX เป็นต้น

ด้วยแพลตฟอร์มบริการอาคารดิจิทัล Midea Building Technologies นำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรที่ชาญฉลาด ดิจิทัล และคาร์บอนต่ำ

แผนก Robotics & Automation มุ่งเน้นในการจัดหาโซลูชั่นสำหรับหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบบลอจิสติกส์อัตโนมัติ และระบบส่งกำลังสำหรับสาขาที่เกี่ยวข้องกับโรงงานในอนาคต ตลอดจนโซลูชั่นสำหรับการดูแลสุขภาพ ความบันเทิง การบริโภคใหม่ ฯลฯ

ธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัลให้บริการโซลูชั่นและบริการ สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร

นอกจากนี้ Midea ยังแสวงหาความก้าวหน้าในตลาดต่างประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้ CSP Abu Dhabi ของ COSCO ได้ลงนามในข้อตกลงกับ Midea เกี่ยวกับการก่อสร้างร่วมกันของศูนย์ขนส่งคลังสินค้าในต่างประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ต่างประเทศเข้าถึงผลิตภัณฑ์ Midea ได้ง่ายขึ้น

Midea Group ภูมิใจที่มีครอบครัวพนักงานประมาณ 160,000 คน รวมถึงกว่า 30,000 คนในต่างประเทศ

เกี่ยวกับ Midea Group

Midea Group ยึดมั่นในปรัชญาในการสร้างชีวิตที่ดีขึ้นผ่านเทคโนโลยีนับตั้งแต่ก่อตั้ง 54 ปีที่แล้ว ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา Midea ได้ลงทุนเกือบ 5 หมื่นล้านหยวนในการวิจัยและพัฒนา และมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 35 แห่ง และฐานการผลิตหลัก 35 แห่งทั่วโลก ผู้บริโภค 400 ล้านคนใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของ Midea ในกว่า 200 ประเทศและภูมิภาค

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005072/en/

ติดต่อ:

Lori Luo
+8613512784739
luory17@midea.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch เข้าร่วม Australian Hydrogen Council ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ออสเตรเลีย

Logo

ผู้นำในการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของออสเตรเลีย ในขณะที่ประเทศกำลังเดินหน้าแผนพัฒนาอุตสาหกรรมไฮโดรเจนมูลค่า 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เมืองเมลเบิร์น, ประเทศออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2565

Black & Veatch ได้เข้าร่วม Australian Hydrogen Council (AHC) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพยายามเร่งการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกให้นำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับศูนย์ และเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจพลังงานไฮโดรเจนทั่วโลก

Dr Fiona Simon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AHC กล่าวว่าจุดแข็งอย่างหนึ่งของ AHC คือความกว้างขวางและความลึกซึ้งในกลุ่มสมาชิก ซึ่งรวมถึงบริษัทระดับโลกอย่าง Black & Veatch

Dr Simon กล่าวอีกว่า “ในฐานะที่เป็นผู้นำในการสนับสนุนการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยการเปลี่ยนผ่านสู่ไฮโดรเจน Black & Veatch จะนำความรู้และประสบการณ์เพิ่มเติมมาสู่สมาชิกของเรา และเรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับบริษัทนี้”

Mick Scrivens รองประธานและผู้อำนวยการของ Black & Veatch ประจำภูมิภาคออสเตรเลียแปซิฟิก กล่าวว่า “ไฮโดรเจนและแอมโมเนียจะเป็นปัจจัยสำคัญในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนออกจากระบบพลังงาน ซัพพลายเชน และอุตสาหกรรมหนักของโลก ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างผู้นำด้านวิศวกรรม เช่น Black & Veatch และองค์กรภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น Australian Hydrogen Council จะช่วยให้บรรลุถึงเป้าหมายอันแรงกล้าของออสเตรเลียในการจัดหาแอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับตลาดในประเทศและเอเชีย”

ไฮโดรเจนมีศักยภาพในการลดและทดแทนการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากฟอสซิลเพื่อการผลิตไฟฟ้า ตลอดจนการจัดเก็บพลังงาน การให้ความร้อน การขนส่ง การผลิตสารเคมีและปุ๋ยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ไฮโดรเจนสามารถเปลี่ยนเป็นแอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งผลิตขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียนที่ปราศจากคาร์บอน 100%

แอมโมเนียเป็นสารเคมีเหลวที่ประกอบด้วยไนโตรเจนและไฮโดรเจน มีพลังงานหนาแน่นกว่าไฮโดรเจนบริสุทธิ์ มีความเสถียรอย่างเหลือเชื่อและสามารถทำให้เป็นของเหลวได้ง่ายสำหรับการกักเก็บและจัดส่งไปทั่วโลกในลักษณะเดียวกันกับ LNG

แอมโมเนียสามารถใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อผลิตไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นตัวกลางเพื่อกักเก็บพลังงาน สามารถเผาได้โดยตรงโดยไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน สามารถเป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ หรือ สามารถดัดแปลงให้เปลี่ยนกลับไปเป็นไฮโดรเจนในฐานะตัวนำพลังงานได้

การดัดแปลงโครงสร้างพื้นฐานของ LNG ให้กระจายไปทั่วโลกนั้น สถานีปลายทางที่รับ LNG และโรงกักเก็บ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งแอมโมเนียให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

รายงานเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าในเอเชียในปี 2565 ของ Back & Veatch ระบุว่า 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าไฮโดรเจนจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายใน 10 ปีนับจากนี้ มากกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ

นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าประเทศออสเตรเลียจะมีสัดส่วนของอุปทานแอมโมเนียที่ปราศจากคาร์บอนมากกว่า 10% ทั่วโลกภายในปี 2578

Scrivens กล่าวเพิ่มเติมว่า “Black & Veatch มีประวัติการทำงานยาวนาน 80 ปีในการผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยความเชี่ยวชาญในทุกขั้นตอนของโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านไฮโดรเจน ตั้งแต่บริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและการออกแบบไปจนถึงการดำเนินงาน เรายังคงสนับสนุนโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก ซึ่งรวมถึงโครงการในประเทศออสเตรเลีย”

AHC เป็นหน่วยงานสูงสุดสำหรับอุตสาหกรรมไฮโดรเจนในประเทศออสเตรเลีย โดยมีสมาชิกจากห่วงโซ่คุณค่าด้านไฮโดรเจนทั้งหมด ซึ่งรวมทั้ง ผู้ผลิตยานยนต์ บริษัทพลังงาน ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน องค์กรวิจัย และรัฐบาล

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ:

เกี่ยวกับ Black & Veatch 
Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานร่วมเป็นเจ้าของ 100% โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินงานมากกว่า 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com  และทางโซเชียลมีเดีย ติดตามเราได้ทาง www.bv.com และโซเชียลมีเดีย

ข้อมูลการติดต่อสื่อ
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com 
ฮอตไลน์สำหรับสื่อ 24 ชั่วโมง | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Wejo เข้าร่วมสมาคม MONET Consortium เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมการเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ

Logo

Wejo กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมสมาคมแนวร่วมด้านวัตกรรมการเคลื่อนย้าย

แมนเชสเตอร์ อังกฤษ–(บิสิเนส ไวร์)–29 ก.ค. 2565

Wejo ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชัน Smart Mobility for Good™ และคลาวด์และซอฟต์แวร์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและการขับเคลื่อนอัตโนมัติ ประกาศว่าได้เข้าร่วม MONET Consortium ซึ่งเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันและนวัตกรรมสำหรับบริการด้านการเคลื่อนไหวในญี่ปุ่น  ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ MONET Consortium, Wejo จะมีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทต่างๆ ที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาชิกชั้นนำของอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายเป็นจำนวนหลายร้อยรายเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมการขับเคลื่อนที่และตลาด Mobility-as-a-Service (MaaS) ที่อาจมีมูลค่าค่า 61 พันล้านดอลลาร์ในปี 2573 ตามรายงานของสถาบันวิจัย Yano Research Institute

ด้วยนำเสนอโซลูชั่นที่ก้าวล้ำ Wejo จะให้มุมมองและแนวคิดใหม่ๆ แก่การสนทนาโดยรวม ในขณะที่ขยายอิทธิพลในญี่ปุ่นซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและมีความเป็นเมืองในระดับสูง ทำให้เกิดแรงจูงใจโดยธรรมชาติในการพัฒนานวัตกรรมการสัญจรอัจฉริยะ ตามรายงาน “กลุ่มยานยนต์ในญี่ปุ่น” ของ Statista ญี่ปุ่นยังผลิตรถยนต์ 8.1 ล้านคันต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ Wejo ในการสร้างผลกระทบระดับโลกมากขึ้นด้วยข้อมูลรถยนต์ที่เชื่อมต่อและเทคโนโลยี Smart Mobility for Good™

Richard Barlow ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Wejo กล่าวว่า “ด้วยการเติบโตที่คาดการณ์ไว้ของข้อเสนอ MaaS ในญี่ปุ่น เรามองเห็นศักยภาพของตลาดที่สามารถระบุตำแหน่งได้เกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการ Wejo Smart Mobility for Good เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ MONET Consortium และเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาที่จะช่วยเร่งนวัตกรรมการขับเคลื่อนในญี่ปุ่น”

บริษัทก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม 2562 โดย MONET Technologies, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ได้รับการสนับสนุนร่วมกันระหว่าง SoftBank Corp., Toyota Motor Corporation และบริษัทที่เน้นการเคลื่อนไหวอื่นๆ โดยรวมถึงองค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การก่อสร้าง การเงิน การศึกษา และอสังหาริมทรัพย์   ด้วยการแบ่งประเภทบริษัทสมาชิกนี้ MONET Consortium ใช้ประโยชน์จากความคิดที่หลากหลายซึ่งสามารถปรับปรุงและให้บริการเทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายที่ใช้โดยรัฐบาลและธุรกิจในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนความคิดที่จะพัฒนาสำหรับรัฐบาลและธุรกิจในอนาคต ผ่านการพัฒนาธุรกิจ MaaS โดยคาดหวังถึงโซลูชันอัตโนมัติ MONET Consortium มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนบริการเคลื่อนที่ยุคหน้า แก้ไขปัญหาทางสังคมในการเคลื่อนย้าย และสร้างมูลค่าการเคลื่อนย้าย

บทบาทของ Wejo ใน MONET Consortium คือการเสนอข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรับปรุงระบบนิเวศของการเคลื่อนไหวให้ดีขึ้น เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับการมีส่วนร่วม Wejo หวังที่จะดึงข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าจากบริษัทสมาชิกอื่นๆ เพื่อสร้างชุดผลิตภัณฑ์การวิเคราะห์ข้อมูลแบบองค์รวมมากขึ้น เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ MONET Consortium โปรดไป https://consortium.monet-technologies.com/ที่

เกี่ยวกับ Wejo

Wejo Group Limited เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการวิเคราะห์ระบบคลาวด์และซอฟต์แวร์สำหรับยานยนต์ที่เชื่อมต่อ ไฟฟ้า และขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งปฏิวัติวิถีชีวิต การทำงาน และการเดินทางของเราด้วยการแปลงและตีความข้อมูลรถยนต์ในอดีตและตามเวลาจริง Wejo เปิดใช้งาน Smart Mobility for GoodTM การเคลื่อนย้ายที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วยการจัดจุดข้อมูลนับล้านล้านที่รวบรวมจากยานพาหนะประมาณ 13 ล้านคันและการเดินทาง 76.7 พันล้านครั้งจนถึงปัจจุบันในหลายแบรนด์ ยี่ห้อและรุ่น จากนั้นจึงกำหนดมาตรฐานและปรับปรุงสตรีมข้อมูลเหล่านั้นในขนาดที่กว้างใหญ่  Wejo ร่วมมือกับบริษัทและองค์กรที่มีจริยธรรมและมีแนวคิดคล้ายคลึงกันเพื่อเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่ปลดล็อกคุณค่าสำหรับผู้บริโภค ด้วยข้อมูลที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือที่สุด  Wejo กำลังสร้างโลกที่ชาญฉลาด ปลอดภัยกว่า และยั่งยืนกว่าสำหรับทุกคน  Wejo ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 มีพนักงานมากกว่า 300 คน และมีสำนักงานในแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร และในภูมิภาคที่ Wejo ทำธุรกิจทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: www.wejo.com และติดตามเราบน LinkedIn, Twitter และ Instagram

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า

การสื่อสารนี้มี “ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามกฎหมาย United States Private Securities Litigation Reform Act of 1995  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ลิงก์นี้: https://www. wejo.com/forward-looking-statements

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220729005025/en/

ติดต่อ:

Media:
Ben Hohmann, Wejo
ben.hohmann@wejo.com

Danielle Montana , Peppercomm ในนามของ Wejo
dmontana@peppercomm.com

นักลงทุน:
Tahmin Clarke, Wejo
tahmin.clarke@wejo.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Feeling ’22: Mary Kay Inc. ประกาศรางวัลที่สำคัญและความสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรก

Logo

การคว้ารางวัลมา 30 รางวัล รวมถึงรางวัลนายจ้าง 10 รางวัล Mary Kay Inc. ได้รับการยกย่องในด้านความเป็นเลิศทางธุรกิจ ผลกระทบทางสังคม การมีส่วนร่วมในการสนับสนุน และความพยายามในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–29 กรกฎาคม 2022

โดยตลอดครึ่งปีแรกของปี Mary Kay Inc. is feeling ’22 บริษัทผู้ประกอบการที่โดดเด่นระดับโลกแห่งนี้ได้พัฒนานวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ผิวหนัง สานต่อความพยายามในการสร้างผลกระทบทางสังคม และได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมายสำหรับธุรกิจและความเป็นผู้นำ เป็นบริษัทด้านความงาม และแบรนด์ที่มีอายุเกือบ 60 ปี ยังเป็นแค่เพียงการเริ่มต้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220728005228/en/

Mary Kay logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ Mary Kay (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

รางวัลและเหตุการณ์สำคัญปี 2022

  • รางวัลทั้งหมด 30 รางวัลสำหรับความเป็นเลิศทางธุรกิจ ผลกระทบต่อสังคม และความยั่งยืน
  • รางวัลนายจ้าง 10 รางวัล โดยยกย่อง Mary Kay ว่าเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมและสำหรับความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน
  • 7 รางวัลสำหรับผู้บริหารระดับ c-suite และผู้นำระดับสูงของ Mary Kay
  • รายงานที่เผยแพร่ด้วยตนเอง 17 ฉบับที่ตอกย้ำความพยายามในการดำเนินงานและการกุศลของ Mary Kay ที่สนับสนุนความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนสำหรับกลยุทธ์ Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow
  • 3 การเอ่ยถึงในรายงานประจำปีจากพันธมิตรด้านผลกระทบทางสังคมที่กล่าวเน้นย้ำถึง Mary Kay
  • 8 ภารกิจในการพูดของผู้นำเพื่อสร้างความตระหนักในการเพิ่มขีดความสามารถและความเท่าเทียมของผู้หญิง ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกซัพพลายเออร์ การอนุรักษ์น้ำ และการเข้าถึงการศึกษา
  • การคัดเลือก 2 เทศกาลภาพยนตร์
  • 4 การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างตามเพศสภาพและการศึกษาทางภูมิศาสตร์เกี่ยวกับโอกาสทางเศรษฐกิจของสตรี
  • ทุนวิจัย 7 ทุนสนับสนุนเด็กผู้หญิงในด้านวิทยาศาสตร์ การวิจัยโรคมะเร็ง และการเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิง

จริยธรรมและระบบนิเวศ: ความเป็นเลิศทางธุรกิจ

สถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยม

  • Resume.io เผยแพร่รายชื่อใน “The Companies Employees Don't Want to Leave” และ Mary Kay อยู่ในอันดับที่ 8 บริษัทอื่น ๆ ได้แก่ Virgin Atlantic, Merck & Co. และ Thomson Reuters
  • Mary Kay ได้รับรางวัลนายจ้างดีเด่นห้ารางวัลทั่วสหรัฐอเมริกา ยุโรป และมาเลเซียจาก Kincentric
  • Mary Kay ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งใน America’s Best Midsize Employers 2022โดยนิตยสาร Forbes
  • Deloitte ยกย่องให้ Mary Kay Inc. เป็นหนึ่งใน 2022 US Best Managed Companies
  • Mary Kay China ได้รับรางวัล “นายจ้างยอดเยี่ยมแห่งปี” โดย Yidianzixun
  • Mary Kay Poland ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในนายจ้างยอดเยี่ยมของโปแลนด์ปี 2022 โดยนิตยสาร Financial Magazine
  • Mary Kay Czech Republic / Slovakia ได้รับรางวัล “นายจ้างยอดเยี่ยม” จาก Kincentric Best Employers Program
  • Mary Kay Belarus ได้รับรางวัล “Direct Sales Cosmetic Company Number One Award” จากรางวัล “Number One” ประจำปีของเบลารุส ซึ่งมีหน้าที่ส่งเสริมการแข่งขันที่ดีต่อสุขภาพและกำหนดผู้เล่นที่ดีที่สุดในตลาดเบลารุส
  • Mary Kay Spain ได้รับตำแหน่ง “นายจ้างยอดเยี่ยม” จาก Kincentric Best Employers Program

ประสิทธิผลขององค์กร

  • Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ได้ขยายบทบาทของเธอในการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ดิจิทัลของบริษัทเพื่อให้เป็นธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น โดยฟังก์ชันด้านไอทีทั้งหมดจะรายงานให้เธอทราบ
  • Nathan Moore ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายขายและการตลาดทั่วโลกที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ และจะรับผิดชอบตลาดของ Mary Kay ทั่วโลกที่สนับสนุนที่ปรึกษาด้านความงามอิสระของ Mary Kay
  • Chaun Harper ขยายบทบาทของเขาเป็นประธานเจ้าหน้าที่ซัพพลายเชน โดยมีหน้าที่รับผิดชอบเพิ่มเติมในด้านการจัดซื้อโดยตรงและการผลิตตามสัญญา
  • Dr. Lucy Gildea ขยายบทบาทของเธอเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์และวิทยาศาสตร์ หน้าที่เพิ่มเติมของเธอ ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ กลยุทธ์และการวางแผนกลุ่มผลิตภัณฑ์ การพัฒนากระบวนการและการค้า (PrD&C) วิศวกรรมบรรจุภัณฑ์ (PE) และการปฏิบัติตามข้อกำหนด R&D

การยกย่องความเป็นผู้นำ

  • David Holl ซีอีโอ ได้รับรางวัล Bravo Leadership Award from Direct Selling News
  • Julia Simon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและเลขานุการองค์กร ได้รับรางวัล Robert H. Dedman Award for Ethics & Law จาก Texas General Counsel Forum ทั้งนี้ Simon ยังทำหน้าที่เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่าง
  • Sheryl Adkins-Green ได้รับเลือกให้เป็น Dallas 500 by D CEO ตระหนักถึงผู้นำที่มีอิทธิพลใน North Texas
  • Ewa Kudlińska-Pyrz ผู้จัดการทั่วไปของ Mary Kay Poland/Lithuania ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน 50 ผู้หญิงชาวโปแลนด์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดโดยนิตยสาร Home & Market magazine ทั้งนี้ได้รับรางวัล Pearls of Polish Business และได้รับการยกย่องใน “Rzeczpospolita Babska” ที่สร้างโดยนิตยสาร Financial Magazine

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงาม

  • เพื่อเฉลิมฉลองวันสากลเพื่อสตรีและเด็กหญิงในงานวิทยาศาสตร์ Mary Kay ได้ออกคำแถลงการณ์จาก Dr. Lucy Gildea เกี่ยวกับความสำคัญของ STEAM สำหรับเด็กสาว
  • Girls & Women บนซีรีส์ STEAM ของ Mary Kay's ที่เน้นย้ำถึงเด็กผู้หญิงและสตรีที่กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปะ และคณิตศาสตร์ Ivanna Hernandez จากโคลอมเบีย ผู้ได้รับรางวัลด้านการศึกษาต่อเนื่องเพื่อสานต่อความฝันในการเป็นนักบินอวกาศหญิงชาวลาตินอเมริกาคนแรกสู่อวกาศ
  • Mary Kay ร่วมมือกับ Society for Investigative Dermatology มอบทุนวิจัยด้านสุขภาพผิวหนัง / โรคผิวหนังจำนวน 4 ทุนแก่นักวิจัยหญิง
  • Mary Kay Germany/Netherlands/Switzerland ที่ได้รับรายชื่อติดอันดับ Top 100 Innovator seal จาก Compamedia

การพัฒนาผลิตภัณฑ์

  • Mary Kay ได้รับรางวัล Gold Stevie award ในเรื่อง “COVID: Most Valuable Product” สำหรับเจลล้างมือที่งาน 20th Annual American Business Awards

นวัตกรรมดิจิทัล

  • แอป Mary Kay® ได้รับการเสนอชื่อเข้ารอบสุดท้ายในประเภท Technology Innovation โดยสมาคม Direct Selling Association

วัตถุประสงค์และผลกระทบทางสังคม: การเป็นตัวเร่งสำหรับการเปลี่ยนแปลง

การเสริมอำนาจและความเท่าเทียมกันของผู้หญิง

  • Women’s Entrepreneurship Accelerator (WEA) ก่อตั้งโดย Mary Kay ร่วมกับหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ 6 แห่ง ประกาศเปิดตัว โปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการ  ออนไลน์ฟรีครั้งแรกที่พัฒนาโดย International Trade Center (ITC) SheTrades หลักสูตรดิจิทัล 27 โมดูลขับเคลื่อนโดย Mary Kay ครอบคลุม 7 ขั้นตอนสำคัญของเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการ ทั้งนี้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายโดยไม่มีอุปสรรคในการเข้าร่วม มีให้บริการในภาษาอังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส และอาหรับเร็ว ๆ นี้ และอัดแน่นไปด้วยวิดีโอ 200 รายการ
  • ITC SheTrades, Mary Kay และ WEA เป็นเจ้าภาพงานเสมือนจริงในเรื่อง “การเป็นผู้ประกอบการ: จะเริ่มต้นจากไหน?” เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัว Entrepreneurship Certificate Programme โดย Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าวในงาน
  • Mary Kay และ WEA ยินดีต้อนรับ สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) พันธมิตรใหม่ล่าสุดของ UN ในการแก้ปัญหาการแบ่งแยกเพศภาพทางดิจิทัล
  • ITC และ WEA ร่วมกับ Mercado Libre ได้จัดชุดเวิร์กช็อปเสมือนจริงเพื่อสนับสนุนการเปิดตัวโปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ มีการจัดเวิร์คช็อปในเม็กซิโก บราซิล ชิลี โคลอมเบีย และอาร์เจนตินา
  • โครงการหมู่บ้านนำร่อง SDG (2017-2021) ในเมืองไวปูลา ประเทศจีน ก่อตั้งโดย Mary Kay โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ศูนย์แลกเปลี่ยนเศรษฐกิจและเทคนิคแห่งประเทศจีน (CICETE) มูลนิธิพัฒนาสตรีแห่งประเทศจีน และพันธมิตรท้องถิ่น ได้รับการคัดเลือกให้เข้าชิงรางวัล P3 Impact Award และได้รับเลือกให้เป็นผู้เข้ารอบสุดท้ายสำหรับโปรแกรม P3 Impact Accelerator รางวัล P3 Impact Award สร้างขึ้นโดย Concordia สถาบัน University of Virginia Darden School for Business in Society และ Office of Global Partnerships ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อเชิดชูและยกย่องพันธมิตรภาครัฐและเอกชนชั้นนำ (P3s) ที่ช่วยพัฒนาชุมชนและโลก
  • Julia Simon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและเลขานุการองค์กร สัมภาษณ์ Everjoy Mahuku ผู้นำที่ประสบความสำเร็จจากซิมบับเว ในการรณรงค์วันสตรีสากล (IWD) 2022 ของ CARE
  • CARE ยกย่อง Mary Kay เป็นหนึ่งในห้าผู้สนับสนุนแคมเปญ IWD22 campaign ในหัวข้อ #HerVoice ผู้สนับสนุนรายอื่น ๆ ได้แก่ P&G, The Coca-Cola Company, Cargill และ UPS
  • Erin Duncan กรรมการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และการวางแผนกลุ่มผลิตภัณฑ์ กล่าวเปิดงาน Glamhive Live Spring Style & Beauty Summit: “Unstoppable: Ladies Who Launch”
  • ในระหว่างการประชุม Cornerstone conference ประจำปีที่ชิลี International Women's Forum (IWF) ยกย่อง Mary Kay เป็นผู้สนับสนุนการวิจัยที่ก้าวล้ำเกี่ยวกับสตรีในลาตินอเมริกาใน 18 ประเทศช่วง 25 ปีที่ผ่านมา: “Democracy & Society from a Gender Perspective,” ซึ่งได้รับมอบหมายจาก IWF และดำเนินการโดย LatinBarometro
  • Mary Kay สนับสนุนเครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการหรือ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) World Series of Innovation (WSI) สำหรับปีการศึกษา 2021-22 ผู้ประกอบการทางสังคมเกิดใหม่จำนวน 21 ทีมได้รับรางวัลรวมทั้งหมด 16,800 ดอลลาร์สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาที่เสนอสำหรับความท้าทายทั้งเจ็ดของ WSI ซึ่งแต่ละทีมมุ่งเน้นที่การพัฒนา SDG ผู้สนับสนุนความท้าทายด้านนวัตกรรมทั้งเจ็ด ได้แก่ Bank of the West, Citi Foundation, Mary Kay, Saint-Gobain North America, Ernst & Young, LLP (EY), Maxar Technologies และ PIMCO
  • องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และ WEA เปิดตัวการประเมินการพัฒนาผู้ประกอบการสตรี (WED) ในเม็กซิโกซึ่งขับเคลื่อนโดย Mary Kay ในหัวข้อ “Evaluación de las condiciones marco para el desarrollo empresarial de la mujer, Sectores de comercio e industria en la Ciudad de México”

ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI)

  • ผ่านการเป็นพันธมิตรกับ Equal Rights Trust โดย Mary Kay ช่วยเริ่มต้น “Algorithmic Discrimination Initiative” ซึ่งเป็นโครงการวิจัยและสนับสนุนใหม่ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับรูปแบบของการเลือกปฏิบัติที่เกิดจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์และระบบการตัดสินใจแบบอัลกอริทึม และจัดทำกรณีสำหรับแนวทางการป้องกันเชิงรุก แบบ pre-emptory และแบบ precautionary เพื่อจัดการกับผลกระทบการเลือกปฏิบัติของเทคโนโลยีเหล่านี้ Equal Rights Trust ดำเนินการวิเคราะห์กรอบกฎหมายระหว่างประเทศที่มีอยู่และที่เสนอในด้านนี้ โดยเปิดตัว “Call for Evidence on AI and Algorithmic Discrimination” ผ่านเลนส์วิถีเพศภาวะ ทั้งนี้เริ่มการพัฒนาเอกสารกำหนดมาตรฐานใหม่ หลักการความเท่าเทียมกันโดยการออกแบบในการตัดสินใจแบบอัลกอริธึม และเริ่มสร้างพันธมิตรที่สนับสนุนหลักการเหล่านี้
  • ในการประชุมประจำปี SCC75 สำหรับ Society of Cosmetic Chemists (SCC) Ms. A’Lelia  Bundles ลูกของเหลนสาวของ Madam C.J. Walker และ Michelle Hines, Ph.D. กรรมการบริหารฝ่ายกำหนดสูตรผลิตภัณฑ์ของ Mary Kay มอบทุนการศึกษา Madam C.J. Walker Scholarships สำหรับนักเรียนชนกลุ่มน้อยที่ด้อยโอกาสในการศึกษาระดับอุดมศึกษาในสาขาวิชา STEM ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสำอางและอุตสาหกรรมการดูแลส่วนบุคคล รางวัลนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Society of Cosmetic Chemists และร่วมมือและให้ทุนสนับสนุนโดย Mary Kay ผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ Joy Rutherford นักศึกษาระดับปริญญาเอกปีที่ 5 และนักวิจัย NIH Research Fellow ผู้ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการสังเคราะห์สารประกอบที่สำคัญที่พบในยาและธรรมชาติโดยใช้พลังของโฟโตเคมีและสารอนุมูลส่งผลให้เกิดวิถีทาง และ Imani Elaine Porter มหาวิทยาลัย Hampton University (ระดับปริญญาตรี/ชีวเคมีปีที่สอง)
  • Mary Kay เข้าร่วม UN Global Compact Target Gender Equality Accelerator เพื่อติดตามการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ความเท่าเทียมทางเพศของข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) ในเดือนมิถุนายน 2021

การจัดซื้อจัดจ้างที่มีความเสมอภาคทางเพศและความหลากหลายของซัพพลายเออร์

  • Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay ลงนามในรายงานสรุปการสนับสนุนการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความเสมอภาคขององค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติในหัวข้อ: “มูลค่าเชิงกลยุทธ์ของการจัดซื้อจัดจ้าง เหตุใดการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความเสมอภาคทางเพศจึงสมเหตุสมผลทางธุรกิจ” เพื่อแจ้งข้อมูลสรุปการสนับสนุน UN Women ได้ว่าจ้างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกว่า 350 รายในปี 2021 โดยในจำนวนนี้มีตัวแทนจากภาคเอกชนกว่า 150 แห่ง และได้รวบรวมกรณีศึกษา 7 กรณีเกี่ยวกับเส้นทางการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทต่าง ๆ
  • Mary Kay ได้รับรางวัล 2022 Silver Champion for Supplier Diversity & Inclusion โดย WEConnect International ร่วมกับ Disability:IN และ National LGBTQ Chamber of Commerce (NGLCC) จากความมุ่งมั่นต่อความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่างของซัพพลายเออร์ทั่วโลกเกี่ยวกับการใช้จ่าย นโยบาย และขั้นตอนการทำงานที่ครอบคลุมมากขึ้น— ควบคู่ไป Bayer, Eaton Corporation, Goldman Sachs และ Marriott International
  • Julia Simon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและประธานเจ้าหน้าที่ความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่าง กล่าวในงาน UN Women Europe and Central Asia (ECA) และงาน KAGIDER ซึ่งนำเสนอผลการสำรวจ GRP survey ที่ดำเนินการโดย IPSOS ในตุรกี โดยได้รับการสนับสนุนจาก Mary Kay เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับอุปสรรคที่ผู้ประกอบการสตรีต้องเผชิญ Simon เรียกร้องให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนนำกลยุทธ์การจัดซื้อจัดจ้างที่มีการตอบสนองบทบาทหญิงชายมาใช้ KAGIDER เป็นสมาคมผู้ประกอบการสตรีแห่งตุรกี
  • Virginie Naigeon-Malek ผู้บริหารฝ่ายผลกระทบทางสังคมและความยั่งยืนระดับโลก กล่าวเปิดงานเสมือนจริง GRP & Investment Pilot (GRPI) ซึ่งประสานงานโดย UN Women ECA และ KAGIDER ในตุรกี การฝึกอบรมที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ขับเคลื่อนโดย Mary Kay
  • ระหว่างงาน “Investors Pitch Finale” ซึ่งจัดขึ้นร่วมกันโดย UN Women และ KAGİDER ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความคิดริเริ่มของ WEA ผู้หญิงจำนวน 25 คนจาก 8 ประเทศได้นำเสนอพิมพ์เขียวธุรกิจและวางแผนต่อคณะกรรมการของนักธุรกิจและกลุ่มคณะผู้ลงทุน
  • ในการประชุม Target Gender Equality โดย UN Global Compact ได้เปิดตัววิดีโอ GRP Advocacy video ที่ผลิตขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจาก Women's Entrepreneurship Accelerator และสนับสนุนโดย Mary Kay

การวิจัยโรคมะเร็ง

  • Dr. Lucy Gildea ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรมของ Mary Kay รับรางวัล Cancer Support Community North Texas Thrive Award ในนามของมูลนิธิ Mary Kay Ash
  • มูลนิธิ The Mary Kay Ash Foundation ร่วมกับ Harold C. Simmons Comprehensive Cancer Center ที่ UT Southwestern Medical Center ในดัลลาส ประกาศผู้รับทุน International Postdoctoral Scholars in Cancer Research Fellowship อีกราย โดยมอบรางวัลให้ Dr. Maria del Rosario Chica Parrado -นักชีววิทยานักศึกษาปริญญาเอกจากมาลากา ประเทศสเปน พร้อมทุนวิจัย

ความรุนแรงจากบทบาทความสัมพันธ์หญิงชาย (GBV) และความรุนแรงในครอบครัว (DV)

  • ที่คณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี หรือ Commission on the Status of Women (CSW66) โดยรายงานประจำปี 2022 ของกองทุนความน่าเชื่อถือแห่งสหประชาชาติเพื่อยุติการใช้ความรุนแรงต่อสตรี เกี่ยวกับกิจกรรมในปี 2021 ได้รับการยกย่องจากมูลนิธิ Mary Kay Ash และความพยายามของ Mary Kay Inc. ในการขจัดความรุนแรงต่อสตรีและเด็กหญิง ร่วมกับรัฐบาลของ 16 ประเทศและ 9 คณะกรรมการ UN Women National Committees
  • Mary Kay ได้รับการแนะนำในเอกสารที่ตีพิมพ์โดย UN Action Against Sexual Violence in Conflict Network (UN Action) และองค์กร Committed to Good เกี่ยวกับวิธีที่ภาคเอกชนสามารถมีส่วนร่วมในความพยายามในการใช้ความรุนแรงทางเพศที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง (CRSV) ความพยายามรวมถึงการจัดการกับความไม่เท่าเทียมกันทางเพศและโครงสร้างทางสังคมที่เลือกปฏิบัติที่เกี่ยวกับเพศภาวะที่ไม่เท่าเทียมกันตลอดจนกิจกรรมที่ตอบแทนชุมชนที่จำเป็น การดำเนินการของ UN Action against Sexual Violence in Conflict Network (UN Action) ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานงานของหน่วยงานของสหประชาชาติ 21 แห่งที่ทำงานเพื่อป้องกันและตอบสนองต่อความรุนแรงทางเพศที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง (CRSV)  

การตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉิน

  • ร่วมกับคำแถลงการณ์สนับสนุน โดย Mary Kay ประกาศบริจาคเงินให้แก่สภากาชาด Ukraine Humanitarian Crisis Appeal of the Red Cross
  • Mary Kay ได้รับรางวัล American Red Cross Corporate Partner Award สำหรับการรับมือเหตุฉุกเฉินกรณีความขัดแย้งในยูเครน
  • มูลนิธิ Mary Kay Ash ได้รับรางวัล Bronze Stevie Award สำหรับความพยายามในการบรรเทาทุกข์จากโควิด-19 ในงาน 20th Annual American Business Awards  

ผลกระทบทางสังคมระดับโลกและชุมชนท้องถิ่น

  • Mary Kay อยู่ในอันดับที่ 91 ในดัชนี Purpose Power Index นี่เป็นการทำซ้ำครั้งที่สามของการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในการวัดการรับรู้ถึงจุดประสงค์ของแบรนด์ อ้างอิงจากการให้คะแนนบุคคลมากกว่า 20,500 รายจากผู้บริโภคและพนักงานในสหรัฐฯ มากกว่า 5,500 ราย ครอบคลุมแบรนด์ต่าง ๆ มากกว่า 200 แบรนด์

ความยั่งยืนและ ESG: การเติมเต็มชีวิตในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

การเปลี่ยนแปลสภาพภูมิอากาศ

  • ที่คณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (CSW66) โดย WEA ได้จัดงานเสวนาเรื่อง “การลงทุนในผู้ประกอบการสตรีเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ดำเนินรายการโดย Elizabeth Vazquez (WEConnect International) คณะอภิปรายดังกล่าวได้นำเสนอวิทยากรรับเชิญจากผู้นำของหน่วยงานสหประชาชาติทั้ง 6 แห่ง Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าวเปิดงานและเรียกร้องให้ภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วม WEA และกระตุ้นการเป็นผู้ประกอบการสตรี
  • สารคดี Forest of Hope นำโดย Doña Angelica นักรบในระบบนิเวศวัย 71 ปีและทีมหญิงล้วนของเธอจาก Mujeres Unidas Para La Conservacion De Laguna Sanchez หนึ่งในองค์กรพันธมิตรของ The Nature Conservancy ในเม็กซิโก ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเลือกอย่างเป็นทางการสำหรับเทศกาลภาพยนตร์ North Dakota Environmental Rights Film Festival และ Hot Springs International Women's Film Festival ภาพยนตร์สั้นที่ผลิตโดย Mary Kay ร่วมกับ The Nature Conservancy และเขียนบท กำกับ และอำนวยการสร้างโดยทีมหญิงล้วน ก่อนหน้านี้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารอบรองชนะเลิศในเทศกาล Films for the Forest

การดูแลน้ำ

  • Mary Kay เข้าร่วมในการปรึกษาหารือกับรัฐบาลเนเธอร์แลนด์และทาจิกิสถานเพื่อช่วยกำหนดบทบาทของภาคเอกชนในวาระ Water Action Agenda และ Conference โดยรวม วาระ Water Action Agenda เป็นเอกสารผลลัพธ์ที่ไม่ได้เจรจา ซึ่งรัฐสมาชิก ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภาคเอกชน ฯลฯ สามารถยื่นคำมั่นที่จะนำเสนอในระหว่างการประชุม 2023 UN Water Conference ทั้งนี้เขาจะเข้าร่วมโดยเพื่อนร่วมงานจากทาจิกิสถานและ UN-DESA
  • Mary Kay เป็นคณะกรรมการในหัวข้อ Making Waves: Women in Water Conservation โดยร่วมมือกับ The Nature Conservancy การสนทนาเสมือนจริงมุ่งเน้นไปที่ผู้นำสตรีจากทั่วทุกมุมโลกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายและเป็นผู้นำในความพยายามในการฟื้นฟูสุขภาพของมหาสมุทรของเรา

Transparency & Advocacy (Self-Reporting & Updates)

  • Mary Kay เผยแพร่รายงานเหตุการณ์สำคัญส่งท้ายปี 2021 โดยเน้นย้ำถึงรางวัลและเกียรติยศจำนวน 58 รางวัล รวมถึงความพยายามในการสร้างผลกระทบต่อสังคมและความยั่งยืนตลอดทั้งปี
  • ในวันต่าง ๆ ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกตลอดทั้งปี Mary Kay ได้เปิดเผยข้อมูลอัปเดตหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางอย่างต่อเนื่องในการเป็นแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยการกำหนดเป้าหมายชัดเจนและบริษัทที่มุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืนซึ่งมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตของโลกและคนรุ่นต่อ ๆ ไปดังนี้:
    • วันป่าไม้โลกและวันต้นไม้โลก (International Day of Forests and World Tree Day)—เผยแพร่รายงานที่มีรายละเอียดความร่วมมืออันยาวนานของ Mary Kay กับมูลนิธิ Arbor Day Foundation
    • วันสัตว์ป่าโลก (World Wildlife Day)—ด้วยความร่วมมือระดับโลกของเรากับ The Nature Conservancy และมูลนิธิ Arbor Day Foundation โดย Mary Kay Inc. สนับสนุนโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศที่สำคัญซึ่งช่วยปกป้องสุขภาพของสัตว์บกและสัตว์ทะเลทั่วโลก
    • วันเล็งเห็นคุณค่าแสงอาทิตย์/วันประหยัดพลังงาน (Solar Appreciation Day/World Energy Efficiency Day)—เน้นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ของเราในยุค 80 และตั้งแต่ปี 2014 สำนักงานใหญ่ของ Mary Kay และโรงงานผลิตทั่วโลกใช้พลังงานหมุนเวียน 100 เปอร์เซ็นต์
    • รายงานวันหยุดเขื่อนโลก (International Day of Action for Rivers) —ด้วยความร่วมมือระดับโลกของเรากับมูลนิธิ Arbor Day Foundation, Mary Kay Inc. สนับสนุนโครงการฟื้นฟูลุ่มน้ำที่สำคัญซึ่งช่วยปกป้องสุขภาพความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศริมฝั่งน้ำของเรา
    • วันรีไซเคิลโลก (Global Recycling Day)—เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการลดปริมาณของเสียที่เราสร้างขึ้นและเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลวัสดุผ่านการวางแนวเชิงกลยุทธ์และการดำเนินการตามประวัติศาสตร์
    • วันอนุรักษ์น้ำโลก (World Water Day)—น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญในกิจกรรมการผลิตของเรา เช่นเดียวกับในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของเรา ทั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของเราในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าที่เพิ่มขึ้นนี้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อจำกัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากวิธีที่เราบริโภคและปล่อยน้ำ
    • Arbor Day Foundation 50th Anniversary—Mary Kay และมูลนิธิ Arbor Day Foundation มุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูป่าไม้เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปรับปรุงคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นสำหรับมนุษย์และรูปแบบอื่น ๆ ของชีวิต โครงการปลูกต้นไม้ของเราสนับสนุนการรณรงค์ต้นไม้ 1 ล้านล้านต้นที่เปิดตัวโดย World Economic Forum ในเดือนมกราคม 2020 เพื่อสนับสนุน Decade of Ecosystem Restoration ของสหประชาชาติ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟู ปกป้อง หรือปลูกต้นไม้ 1 ล้านล้านต้นภายในปี 2030 โดย Mary Kay เป็นผู้สนับสนุนช่วงต้นในการรณรงค์ โดยให้คำมั่นสัญญาที่จะให้ต้นไม้จำนวน 1,130,000 ต้นในวันที่ 1
    • รายงานวันรักต้นไม้แห่งชาติ (National Love A Tree Day)—เน้น “ต้นไม้ที่โปรดปราน” ของเรา ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงงานผลิต Richard R. Rogers (R3) ต้นไม้ที่ใช้ในพิธีนี้ถูกปลูกไว้ที่การเปิดโรงงาน R3 ครั้งใหญ่ในเมืองลูอิสวิลล์ รัฐเท็กซัส (สหรัฐอเมริกา) เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จในการปลูกต้นไม้จำนวนหนึ่งล้านต้น
    • วันพืชพรรณสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์โลก (World Endangered Species Day)—เน้นโครงการของเราที่สนับสนุนโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศที่สำคัญซึ่งช่วยปกป้องพืชพรรณสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ทั่วโลก
    • การย้ายถิ่นของปลาโลก (World Fish Migration)—เฉลิมฉลองหัวข้อของวันนี้ “การเชื่อมโยงปลา แม่น้ำ และผู้คน” โดยเน้นโครงการและสร้างความตระหนักเกี่ยวกับผลกระทบของปลาอพยพที่มีต่อการสร้างระบบแม่น้ำที่แข็งแรง
    • วันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ/วันความหลากหลายทางชีวภาพโลก (International Day for Biological Diversity/World Biodiversity Day) —เฉลิมฉลองหัวข้อสำหรับวันนี้ “การสร้างอนาคตร่วมกันสำหรับทั้งชีวิต” มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มความเข้าใจในความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ
    • วันเต่าโลก (World Turtle Day) ธีมสำหรับวันเต่าโลกคือ “Shellebrate” และมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสถานะที่ใกล้สูญพันธุ์ ด้วยความร่วมมือระดับโลกของเรากับ The Nature Conservancy ทั้งนี้ Mary Kay Inc. สนับสนุนโครงการอนุรักษ์เต่าทะเลในหมู่เกาะโซโลมอนที่ช่วยปกป้องเต่ากระหรือเต่าปากเหยี่ยว ซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์วิกฤต ผ่านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่นำโดยผู้หญิงในท้องถิ่น
    • วันแนวปะการังโลก (World Reef Day) —เน้นย้ำงานของเรากับ The Nature Conservancy ที่สนับสนุนการฟื้นฟูแนวปะการังในออสเตรเลีย ฮ่องกง จีน สามเหลี่ยมปะการัง และแนวปะการังคาเคาเลวู
    • วันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day)—เฉลิมฉลองภายใต้หัวข้อ “โลกใบเดียวเท่านั้น” สร้างความตระหนักเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมและการดำเนินการที่จำเป็นในการฟื้นฟูโลกของเรา เน้นโครงการของเราด้วย The Nature Conservancy และ Arbor Day Foundation
    • วันมหาสมุทรโลก (World Oceans Day)—สนับสนุนหัวข้อ “การฟื้นฟู: รวมการปฎิบัติสำหรับมหาสมุทร” เกี่ยวกับผลกระทบของการกระทำของมนุษย์และการระดมผู้คนที่อยู่เบื้องหลังการทำงานเพื่อการจัดการที่ยั่งยืนของมหาสมุทรโลก เน้นย้ำโครงการปกป้องมหาสมุทรและมหาสมุทรทั่วโลกของเราซึ่งสนับสนุน The Nature Conservancy โดยมุ่งเน้นที่การปรับปรุงสุขภาพของมหาสมุทรสำหรับธรรมชาติและผู้คน
    • วันสามเหลี่ยมปะการัง (Coral Triangle Day) —หัวข้อ “การรักษาระบบนิเวศสามเหลี่ยมปะการังด้วยเศรษฐกิจสีน้ำเงิน” เน้นที่สิ่งแวดล้อมทางทะเลเพื่อการดำรงชีวิตและเศรษฐกิจของสามเหลี่ยมปะการัง เน้นย้ำงานของเราในอินโดนีเซียและทำงานร่วมกับชุมชนพื้นเมืองเพื่อปกป้องประเพณีและความมั่นคงทางเศรษฐกิจผ่านการปกป้องแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเล

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อ 57 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายสามประการคือ พัฒนาโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมที่ล้ำสมัย  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมผู้หญิงและครอบครัวโดยร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก มุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายในทุกลิปสติก เรียนรู้เพิ่มเติมที่ MaryKay.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220728005228/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

MarcumBP ขยายสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมสำนักงานแห่งใหม่ในศูนย์กลางการเงินมารีน่าเบย์ในสิงคโปร์

Logo

การเข้ามาสู่สิงคโปร์นั้นก็เพื่อให้บริการลูกค้าที่มองหาการเข้าสู่ตลาดทุนโลก โดยเป็นการต่อยอดจากการให้ความสำคัญที่ยาวนานและต่อเนื่องในตลาดจีน

นิวยอร์ก & สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–29 กรกฎาคม 2565

MarcumBP (MBP) ประกาศเปิดสำนักงานแห่งใหม่ในสิงคโปร์ สำนักงานแห่งนี้จะสนับสนุนการปฏิบัติงานของลูกค้าที่กำลังเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกำลังมองหาโอกาสในการเข้าสู่ตลาดทุนทั่วโลกผ่านการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) หรือการควบรวมกิจการในรูปแบบของบริษัทระดมทุนเพื่อจุดประสงค์พิเศษ (SPAC) ปัจจุบัน MBP ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดจีนไว้ได้ถึง 20 ปีแล้ว

สำนักงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในศูนย์กลางการเงินมารีน่าเบย์ (Marina Bay Financial Centre) ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักระดับโลกหลายแห่ง โดยตั้งอยู่เลขที่ 8 มารีน่าวิว อาคารเอเชียสแควร์ ตึก 1, #07-05 สิงคโปร์ 018960 กลางใจเมืองของสิงคโปร์

การขยายของบริษัทสู่สิงคโปร์นั้นขับเคลื่อนโดยความต้องการอย่างมากต่อบริการด้านการตรวจสอบและที่ปรึกษาแบบเฉพาะของธุรกิจในเอเชีย โดย MBP เป็นบริษัทตรวจสอบเพียงรายเดียวที่มีทีม SPAC เฉพาะสำหรับเอเชีย

Drew Bernstein ผู้เป็นประธานร่วมของ MarcumBP กล่าวว่า “MBP อยู่ในจุดพิเศษที่สามารถสนับสนุนบริษัทจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมองหาลู่ทางในการเข้าสู่ตลาดทุนสหรัฐฯ ได้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางด้านการเงินของเอเชีย พร้อมท่อลำเลียงด้านการเงินที่แข็งแรงจากบริษัทร่วมลงทุนและบริษัททันสมัย ๆ ที่มีการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดคอยสนับสนุน”

“ขณะที่ ‘ยูนิคอร์น’ หน้าใหม่พิจารณาถึงวิธีที่จะทำให้การเติบโตของพวกเขายั่งยืน มีหลาย ๆ บริษัทที่มองมายังตลาดสหรัฐฯ เพื่อสร้างมูลค่าอย่างเหมาะสมและเข้าถึงบ่อเงินที่ลึกในปัจจุบัน MBP มีบริการ 'one-firm solution’ แบบครบวงจรเพื่อให้การตรวจสอบตามมาตรฐาน GAAP และ PCAOB ของสหรัฐฯ สนับสนุนโดยทีมที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคระดับสูงและอัดแน่นด้วยประสบการณ์ในภูมิภาค”

Pearl Peng กรรมการผู้จัดการของ MBP ได้ย้ายจากฮ่องกงมายังสิงคโปร์เพื่อสนับสนุนการขยายการดำเนินงานในเอเชียของ MBP ครั้งนี้ โดย Peng เป็นหัวเรือทางด้านธุรกิจตลาดทุนของบริษัทในเอเชีย

MBP ทำหน้าที่ตรวจสอบให้กับ Marcum LLP ในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน สำหรับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ MBP ทำหน้าที่เป็นบริษัทบัญชีสาธารณะอิสระให้กับบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านการทำ IPO หรือการควบรวมกับบริษัท SPAC ที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และให้บริการคำปรึกษาอื่น ๆ สำหรับผู้จัดการบริษัท SPAC และบริษัทด้านการดำเนินงานที่อยู่ในตลาดหุ้นสิงคโปร์หรือฮ่องกง

Neil Pinchuk ประธานร่วมของ MarcumBP กล่าวว่า “พื้นฐานประสบการณ์ที่แข็งแกร่งของเราในการตรวจสอบผู้ออกหลักทรัพย์สัญชาติจีนที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ช่วยให้ MBP ขยายฐานลูกค้าในอินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรายังคงเห็นความต้องการที่สูงอย่างต่อเนื่องต่อบริการของเราในจีนขณะที่บริษัทหาวิธีรับมือกับสภาพแวดล้อมด้านข้อบังคับาที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดและจำเป็นต้องรักษาความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติเอาไว้ การขยายตัวครั้งนี้ MBP มุ่งที่จะสร้างมาตรฐานด้านการตอบสนองและคุณภาพของการตรวจสอบให้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้”

เกี่ยวกับ MarcumBP

Marcum Bernstein & Pinchuk LLP (MBP) เป็นบริษัทบัญชีสาธารณะอิสระที่มีเป้าหมายในการให้บริการแบบข้ามพรมแดนสำหรับบริษัทมหาชนและเอกชน โดยเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านการตรวจสอบและการรับประกันชั้นนำกับบริษัทสัญชาติจีนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ MBP เป็นบริษัทตรวจสอบเพียงแห่งเดียวที่มีทีม SPAC สำหรับเอเชียโดยเฉพาะ และได้ออกแบบแพลตฟอร์มตรวจสอบเพื่อมอบความเฉียบคมทางด้านเทคนิค ประสิทธิภาพ และความเร่งด่วนที่จำเป็นสำหรับการทำ IPO ของบริษัท SPAC สำนักงานใหญ่ของ MBP ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก และมีสำนักงานในเมืองหลักของจีนอย่างปักกิ่ง เทียนจิน กว่างโจว หางโจว รวมถึงในสิงคโปร์

เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.marcumbp.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220727005283/en/

ติดต่อ:

สื่อ 
Rachel Gerber Kule, Managing Partner, Pursuit PR 
rachel@pursuitprny.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Egon Zehnder แต่งตั้ง Rachael De Renzy Channer เป็นหัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนระดับโลก

Logo

ตำแหน่งที่ถูกสร้างขึ้นใหม่นี้ถือเป็นการแต่งตั้งผู้นำด้านความยั่งยืนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในบริษัทที่ปรึกษาด้านความเป็นผู้นำและการค้นหาผู้บริหารระดับ 5 อันดับแรกของโลก

ซูริค–(BUSINESS WIRE)–27 ก.ค. 2565

Rachael De Renzy Channer ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนระดับโลกของ Egon Zehnder ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านความเป็นผู้นำระดับโลก

De Renzy Channer ซึ่งอาศัยอยู่ในลอนดอน ได้เป็นผู้นำกลุ่มปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนระดับโลก หรือ Sustainability Practice Group ที่ Egon Zehnder ในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดยช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกพัฒนาวัฒนธรรม ทีม และผู้นำของพวกเขาให้เป็นพลังทางบวก เธอได้ร่วมเขียนรายงานความยั่งยืนล่าสุดของบริษัท ซึ่งสำรวจผู้นำหลายร้อยคนทั่วโลกเกี่ยวกับสถานะของความยั่งยืนในองค์กร ทั้งนี้ก่อนร่วมงานกับ Egon Zehnder นั้น De Renzy Channer เป็นผู้นำด้านกลยุทธ์ในหลายบริษัท รวมถึงที่ Schneider Electric ก่อนหน้านี้เธอเคยรับใช้ในกองทัพอังกฤษเป็นเวลา 12 ปี ซึ่งส่วนใหญ่หน้าที่ของเธอในอาชีพการทหารจะมุ่งเน้นที่ความเป็นผู้นำและการพัฒนา

Edilson Camara ซีอีโอของ Egon Zehnder กล่าวว่า “บริษัทของเรามุ่งมั่นที่จะสร้างโลกที่ยั่งยืนมากขึ้นมาหลายปี และ Rachael จะนำการเป็นที่รู้จัก การจัดตำแหน่ง และความมุ่งมั่นที่มากขึ้นไปสู่วัตถุประสงค์ของบริษัทของเรา ซึ่งก็คือความเป็นผู้นำเพื่อโลกที่ดีกว่า” Edilson Camara ซีอีโอของ Egon Zehnder กล่าว

ในบทบาทของเธอในฐานะหัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนระดับโลก De Renzy Channer จะเป็นผู้นำความพยายามในการสร้างผลกระทบให้กับ Egon Zehnder เริ่มตั้งแต่โครงการริเริ่มด้านความยั่งยืนระดับภูมิภาคไปจนถึงระดับโลก ไปจนถึงการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของ DEI ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับองค์กรอื่น ๆ เพื่อปรับปรุงโลกที่เรามีร่วมกัน “Egon Zehnder ก็เหมือนกับองค์กรอื่น ๆ ที่กำลังอยู่บนเส้นทางแห่งความยั่งยืน เรากำลังเรียนรู้ว่าความก้าวหน้าของเราเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและแรงจูงใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมาก่อน” De Renzy Channer กล่าว “ความยั่งยืนไม่ได้เกี่ยวกับการต้องทำทุกอย่างให้ทุกอย่างดูดีดูสมบูรณ์แบบ แต่เกี่ยวกับการขับเคลื่อนโลกที่มีส่วนร่วมมากขึ้นและยั่งยืนมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นจากภายใน และฉันยินดีที่จะเดินทางต่อไปกับบริษัทของเราในบทบาทใหม่นี้”

เกี่ยวกับ Egon Zehnder

Egon Zehnder เป็นบริษัทที่ปรึกษาความเป็นผู้นำระดับแนวหน้าของโลก ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้นำในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนด้วยคำตอบที่ทำได้จริง เราช่วยให้องค์กรเข้าถึงหัวใจของความท้าทายในการเป็นผู้นำและเสนอความคิดเห็นและข้อมูลเชิงลึกที่ตรงไปตรงมาเพื่อช่วยให้ผู้นำตระหนักถึงตัวตนและจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขา ที่ปรึกษา 560 คนของเราในสำนักงาน 62 แห่งและ 35 ประเทศมาจากอดีตผู้นำในอุตสาหกรรมด้านนี้ และพวกเขาทำหน้าที่ร่วมกันอย่างราบรื่นทั่วทุกภูมิภาค อุตสาหกรรม และฟังก์ชันต่าง ๆ เพื่อมอบอำนาจเต็มรูปแบบของบริษัทให้กับลูกค้าทุกรายทุกครั้ง

เราเชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงผู้คน องค์กร และโลกได้ด้วยการเป็นผู้นำ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ egonzehnder.com และตามเราบน LinkedIn กับ Twitter.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220727005024/en/

ติดต่อ:

Stacy Drumtra ผู้นำร่วมด้านการตลาดระดับโลก

stacy.drumtra@egonzehnder.com | โทร: +1 312 805 6736

Martin Klusmann ผู้นำร่วมด้านการตลาดระดับโลก

martin.klusmann@egonzehnder.com | โทร: +49 1702360101

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald