Category Archives: Energy

Gansu Hengyuan Dongli New Energy Limited Company เข้าร่วมการประชุมซัมมิทด้านพลังงานอนาคตของโลก และประกาศแผนการลงทุนด้านอุตสาหกรรม

Logo

ABU DHABI–(BUSINESS WIRE)–21 เมษายน 2024

ตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 20 เดือนเมษายน ปี 2024 ตัวแทนของรัฐบาลมณฑล Gansu และหน่วยงานรัฐบาลเมือง Jiuquan ได้เข้าร่วมการประชุมซัมมิทด้านพลังงานอนาคตของโลกที่อาบูดาบี รวมทั้งมีการเยือนดูไบและซาอุดีอาระเบียด้วย ในช่วงเวลานี้ Gansu Hengyuan Dongli New Energy Limited Company ได้ลงนามในสัญญากับผู้ซื้อพลังงานแสงอาทิตย์จากต่างประเทศหลายราย ซึ่งถือเป็นการเปิดช่องทางการขายใหม่ระหว่างประเทศสำหรับบริษัทผลิตพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์แบบใหม่ของจีน

Hengyuan Dongli New Energy President Xian Xiaoli Signs Contract at the World Future Energy Summit, Abu Dhabi (Photo: Business Wire)

“Xian Xiaoli ประธานบริษัท Hengyuan Dongli New Energy ลงนามในสัญญาในการประชุมซัมมิทด้านพลังงานอนาคตของโลกที่อาบูดาบี (ภาพถ่าย: Business Wire)”

ผู้นำมณฑล Gansu และนายกเทศมนตรีของ Jiuquan เข้าร่วมพิธีลงนามในดูไบ ในพิธีลงนาม Ms. Xian Xiaoli ประธานบริษัทของ Gansu Hengyuan Dongli New Energy Limited Company กล่าวว่า “'การสร้างโลกสีเขียวและเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน' เป็นเป้าหมายการพัฒนาของ Gansu Hengyuan Dongli New Energy Limited Company และ 'ให้ความสำคัญในเทคโนโลยีและมุ่งเน้นในคุณภาพ' เป็นมาตรฐานที่ Hengyuan Dongli ยึดถืดมาตลอดในการสำรวจตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ”

Gansu Hengyuan Dongli New Energy Limited Company ตอบสนองต่อความคำเรียกร้องเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับ “การลดระดับคาร์บอนและการปรับความเป็นกลางของคาร์บอน” โครงการสร้างฐานโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ขนาด 6GW ที่บริษัทลงทุนในเมือง Jiuquan ครอบคลุมพื้นที่ 152 mu ด้วยเงินลงทุนประมาณ 4 พันล้านหยวน (553 ล้านเหรียญสหรัฐโดยประมาณ) ซึ่งสายการผลิตขนาด 2.4GW ได้เสร็จสมบูรณ์และเปิดดำเนินการแล้ว สายการผลิตที่เหลืออยู่ในระหว่างการก่อสร้าง บริษัทวางแผนที่จะลงทุนในโครงการสร้างฐานแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงขนาด 5GW เพิ่มเติม โดยครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 240 mu ด้วยเงินลงทุนประมาณ 4 พันล้านหยวน (553 ล้านเหรียญสหรัฐโดยประมาณ). ในการจัดตั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์สำหรับพลังงานใหม่ Hengyuan วงปิดแบบครบวงจร และสร้างสวนสาธิตอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์สำหรับพลังงานใหม่ โดยบริษัทมีแผนการที่จะสร้างโรงงานผลิตอินเวอร์เตอร์ โรงงานผลิตแผงยึดเซลล์แสงอาทิตย์ และโรงงานผลิตสายไฟและสายเคเบิลในลำดับต่อไป โดยครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 160 mu และด้วยเงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านหยวน

โมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ Hengyuan มุ่งเน้นในเอาท์พุทพลังไฟสูงและมีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงสามารถลดต้นทุนของระบบโดยรวมและเพิ่มรายได้ของนักลงทุนอย่างมีนัยะสำคัญ บริษัทมีการใช้อุปกรณ์สำหรับสายการผลิตอัจฉริยะประสิทธิภาพสูงล่าสุด เพื่อตอบสนองข้อกำหนดเฉพาะต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เช่น  182 และ 210 โดยบริษัทมีการร่วมมือในเชิงลึกกับองค์กรที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อร่วมกันส่งเสริมการวิจัยและการพัฒนา รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านพลังงานใหม่ นอกเหนือจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งสถาบันวิจัยเทคโนโลยีด้านพลังงานใหม่ในเมือง Jiuquan มณฑล Gansu ซึ่งนำโดยทีมผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการระดับชาติจากจีน โดยมุ่งเน้นการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการอัปเกรดอย่างต่อเนื่อง และการดำเนินการซ้ำในเทคโนโลยีอุตสาหกรรมระดับองค์กรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานใหม่อย่างรวดเร็วในภูมิภาคท้องถิ่น และแม้กระทั่งภูมิภาคตะวันตกพร้อมบริการ

นี่เป็นผลลัพธ์จากวิสัยทัศน์การพัฒนาของ Gansu Hengyuan Dongli New Energy Limited Company เกี่ยวกับพลังงานใหม่จากเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของจีน โดยให้บริการครอบคลุมทั้งประเทศ และเอเชียกลาง แม้กระทั่งตลาดโลกด้วยเช่นกัน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53939513/en

ติดต่อ

บริษัท: Gansu Hengyuan Dongli New Energy Limited Company
ติดต่อ: Meng Lu
อีเมล: Salesoffice@hengyuannewenergy.com
เว็บไซต์: www.hengyuannewenergy.com
https://www.youtube.com/watch?v=gzeTRyUS3sk
โทร: +86156 2023 3138

แหล่งข้อมูล: Hengyuan Dongli New Energy

Photo Captions:

“Xian Xiaoli ประธานบริษัท Hengyuan Dongli New Energy ลงนามในสัญญาในการประชุมซัมมิทด้านพลังงานอนาคตของโลกที่อาบูดาบี (ภาพถ่าย: Business Wire)”

“พิธีลงนาม Hengyuan Dongli New Energy ในการประชุมซัมมิทด้านพลีงงานอนาคตของโลกที่อาบูดาบี (ภาพถ่าย: Business Wire)”


MidOcean Energy ของ EIG เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 20 ใน Peru LNG แล้ว

Logo

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–23 เมษายน 2024

บริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) MidOcean Energy (“MidOcean” หรือ ในที่นี้จะเรียกโดยย่อว่า “บริษัท”) ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ได้ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้เพื่อซื้อหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ของ SK Earthon (“SK”) ใน Peru LNG (“PLNG”) ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการโรงงานส่งออก LNG แห่งแรกในอเมริกาใต้

สินทรัพย์ของ PLNG ประกอบด้วยโรงงานแปรรูปก๊าซธรรมชาติที่มีกำลังการผลิต 4.45 ล้านเมตริกตันต่อปี (mmtpa), ท่อส่งยาว 408 กม. ที่เจ้าของเป็นเจ้าของเองซึ่งมีกำลังการผลิต 1,290 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (mmcf/d), ถังเก็บขนาด 130,000 ลบ.ม. จำนวน 2 ถัง, เป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ของท่าเรือทางทะเลยาว 1.4 กม.  และสถานที่ขนถ่ายรถบรรทุก  ด้วยความจุสูงถึง 19.2 mmcf/d  ภายใต้การดำเนินการโดย Hunt Oil Company PLNG เป็นหนึ่งในโรงงานผลิต LNG เพียงสองแห่งในละตินอเมริกา ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองปัมปา เมลโชริต้า ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้จากเมืองลิมาไป 170 กม.

De la Rey Venter ซีอีโอของ MidOcean Energy กล่าวว่า “การเสร็จสิ้นการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่เราได้พยายามสร้างพอร์ตโฟลิโอสินทรัพย์ LNG ให้หลากหลายและและมีความยืดหยุ่นในระดับโลก PLNG ซึ่งเป็นผู้ส่งออก LNG เพียงแห่งเดียวในอเมริกาใต้ จึงมีความโดดเด่นในตลาดโลก นอกจากนั้น PLNG ยังมีบทบาทสำคัญในการจัดหาก๊าซและ LNG ให้กับลูกค้าในเปรู เราหวังว่าจะได้เป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งกับผู้ร่วมทุนของ PLNG และจะรักษาผลกระทบเชิงบวกของ PLNG ต่อไปในหลายปีข้างหน้า”

การทำธุรกรรมนี้เสร็จสมบูรณ์หลังจากการประกาศล่าสุดของ MidOcean เกี่ยวกับการลงทุนเชิงกลยุทธ์โดย Mitsubishi Corporation และการเสร็จสมบูรณ์ในการเข้าซื้อกิจการของ Tokyo Gas Co. Ltd. ในโครงการ LNG แบบบูรณาการของออสเตรเลีย

ในการทำธุรกรรมของ MidOcean ครั้งนี้ Morgan Stanley ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย

ข้อมูลเกี่ยวกับ EIG

EIG คือนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ซึ่งมีมูลค่าภายใต้การบริหาร 22.9 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566 โดย EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ตลอดระยะเวลาดำเนินการ 41 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 47.1 พันล้านดอลลาร์ให้กับภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 405 แห่งใน 42 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมีสำนักงานอยู่ในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล

ข้อมูลเกี่ยวกับ MidOcean Energy

MidOcean Energy ซึ่งเป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่มีความหลากหลาย ยืดหยุ่น คุ้มทุน ที่แข่งขันกับคาร์บอนได้ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ LNG ซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากรพลังงานเชิงกลยุทธ์ในทางภูมิศาสตร์การเมือง  MidOcean Energy นำโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในวงการอุตสาหกรรมมาเป็นเวลา 26 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสหลายตำแหน่ง รวมถึงตำแหน่ง Global Head of LNG ของ Shell Plc ด้วย

ท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ข้อมูลในการติดต่อ EIG

เอฟจีเอส โกลบอล

 เคลลี่ คิมเบอร์ลี / แบรนดอน เมสซินา
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ที่มา: EIG

MidOcean Energy ของ EIG ประกาศการลงทุนเชิงกลยุทธ์จาก Mitsubishi Corporation

Logo

Anchor Investment ตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์การเติบโตของ MidOcean

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–02 เมษายน 2024

MidOcean Energy (“MidOcean”) เป็นบริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระดับโลกที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ได้ประกาศการลงทุนเชิงกลยุทธ์โดย Mitsubishi Corporation (“Mitsubishi Corp”) ในวันนี้ การลงทุนของ Mitsubishi Corp จะช่วยเร่งกลยุทธ์ของ MidOcean เพื่อสร้างบริษัท LNG บูรณาการระดับโลกที่มี ‘pure play’ คุณภาพสูง อีกทั้งมีความหลากหลาย

Mitsubishi Corp มีบทบาทอย่างแข็งขันในภาคส่วน LNG มานานกว่า 50 ปี โดยมีการลงทุนครอบคลุมถึง 12 โครงการใน 8 ประเทศ ความร่วมมือครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทที่มีต่อ LNG และบทบาทของบริษัทในฐานะผู้ขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน Mitsubishi Corp มีเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจเพื่อบรรลุสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ขณะเดียวกันก็ตอบสนองความรับผิดชอบในฐานะซัพพลายเออร์พลังงานที่มั่นคง และตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าอีกด้วย

การลงทุนครั้งนี้ทำให้ฐานนักลงทุนระดับบลูชิพของ MidOcean ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และต่อยอดจากแรงผลักดันที่สำคัญของ MidOcean นับตั้งแต่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2022 เมื่อไม่นานมานี้ MidOcean ได้ประกาศปิดการเข้าซื้อหลักทรัพย์โครงการ LNG ของออสเตรเลียจาก Tokyo Gas

De la Rey Venter ซีอีโอของ MidOcean Energy กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ Mitsubishi Corp จะเข้าร่วมในฐานะนักลงทุนหลักใน MidOcean Energy ซึ่ง Mitsubishi Corp เป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรม LNG ระดับโลก และได้แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและการมองการณ์ไกลในการระบุโอกาสอันมีค่าอย่างต่อเนื่อง การลงทุนของพวกเขาเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งของตลาด LNG และกลยุทธ์ของ MidOcean ในการสร้างแพลตฟอร์มการเติบโตในระยะยาวที่สามารถแข่งขันได้สำหรับนักลงทุน”

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “การต้อนรับบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่าง Mitsubishi Corp ในฐานะนักลงทุนหลักและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ช่วยเร่งความก้าวหน้าของ MidOcean ในการสร้างบริษัท LNG ระดับโลกขนาดใหญ่และบริสุทธิ์ ความต้องการในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของโลกมีส่วนทำให้ความต้องการ LNG ทั่วโลกเติบโตอย่างรวดเร็ว และเราหวังว่าจะได้ดำเนินการต่อไปตามโอกาสที่น่าสนใจและสำคัญนี้ร่วมไปกับนักลงทุนและพันธมิตรของเรา”

เกี่ยวกับ EIG
EIG คือนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีมูลค่าภายใต้การบริหาร $22.9 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 โดย EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 41 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า $47.1 พันล้านดอลลาร์ให้กับภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 405 แห่งใน 42 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยสำนักแผนบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมีสำนักงานอยู่ในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy
MidOcean Energy ซึ่งเป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างหลักทรัพย์ LNG ระดับโลกที่มีความหลากหลาย มีความยืดหยุ่น มีต้นทุนและคาร์บอนที่แข่งขันได้ โดยสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงพลังงาน และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ LNG ในฐานะทรัพยากรพลังงานเชิงกลยุทธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ MidOcean Energy นำโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมมา 26 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง Global Head of LNG ของ Shell Plc

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com

เกี่ยวกับ Mitsubishi Corporation
Mitsubishi Corp ดำเนินธุรกิจที่หลากหลายครอบคลุมหลายอุตสาหกรรมและดูแลโดยกลุ่มธุรกิจเฉพาะอุตสาหกรรม 8 กลุ่ม ได้แก่ พลังงานสิ่งแวดล้อม โซลูชันวัสดุ ทรัพยากรแร่ การพัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน การเคลื่อนย้าย อุตสาหกรรมอาหาร การสร้างชีวิตอัจฉริยะ (Smart-Life) และโซลูชันพลังงาน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท Mitsubishi Corporation ได้ที่ www.mitsubishicorp.com/jp/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

แหล่งที่มา: EIG

Black & Veatch ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการสกัดไฮโดรเจนธรรมชาติในออสเตรเลีย

Logo

ผู้นำด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างระดับโลกจะเป็นผู้จัดทำแนวความคิดในการออกแบบสำหรับโครงการไฮโดรเจนและฮีเลียมธรรมชาติของ H2EX

เมลเบิร์น ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–01 เมษายน 2024

Black & Veatch ผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญจะดำเนินการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการสำรวจหาและการสกัดไฮโดรเจนและฮีเลียมธรรมชาติในออสเตรเลีย

การศึกษาเพื่อการพัฒนานี้เป็นข้อตกลงว่าด้วยบริการด้านวิศวกรรมระหว่างบริษัทไฮโดรเจนธรรมชาติของออสเตรเลียอย่าง H2EX Limited ซึ่งเป็นผู้นำในการสำรวจหาไฮโดรเจนที่มีอยู่ตามธรรมชาติกับ Black & Veatch การศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางออสเตรเลียที่ดำเนินการโดย H2EX

ไฮโดรเจนธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าไฮโดรเจนสีทองหรือไฮโดรเจนสีขาว หมายถึง ไฮโดรเจนที่พบอยู่ในรูปแบบแก๊สธรรมชาติที่เกิดอยู่อย่างอิสระ

“ความพยายามดำเนินการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนในเอเชียแปซิฟิกจัดว่ามีความสำคัญในอันดับต้น ๆ สำหรับ Black & Veatch ซึ่งรวมถึงการสกัดไฮโดรเจนธรรมชาติที่อาจเป็นแหล่งพลังงานสะอาดของภูมิภาคนี้” กล่าวโดย Yatin Premchand ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการด้านการเติบโตเชิงกลยุทธ์ ฝ่ายที่ปรึกษาระดับสากลของ Black & Veatch

Yatin Premchand ยังระบุเพิ่มว่า “Black & Veatch มีประสบการณ์กว่า 80 ปีในการปฏิบัติงานด้านการผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียในหลายอุตสาหกรรม ทางบริษัทได้จัดทำโครงการแปลงการผลิตพลังงานไฮโดรเจนโครงการแรกและเปิดใช้สถานีเติมไฮโดรเจนแห่งใหญ่แห่งแรกในสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้เชี่ยวชาญของเราก็นำเสนอนวัตกรรมที่เชื่อถือได้และโซลูชันที่คิดค้นขึ้นมาใหม่เป็นแห่งแรกมาอย่างต่อเนื่องตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ด้านไฮโดรเจน”

ไฮโดรเจนมีศักยภาพในการลดและทดแทนการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตไฟฟ้า รวมถึงการจัดเก็บพลังงานระยะยาว การทำความร้อน การขนส่ง และการผลิตสารเคมีสีเขียวและปุ๋ย นอกจากนี้ ไฮโดรเจนยังสามารถนำไปเปลี่ยนเป็นแอมโมเนียสีเขียว ซึ่งจะผลิตขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียน 100 เปอร์เซ็นต์โดยปราศจากการปล่อยคาร์บอน

มีการนำฮีเลียมไปใช้งานในด้านกลาโหม การแพทย์ การผลิต และการนำพลังงานไปใช้ รวมถึงเครื่องตรวจสแกนด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI) และการผลิตสายไฟเบอร์ออฟติก

Black & Veatch จะดำเนินการจัดทำแนวความคิดในการออกแบบ 2 รายการสำหรับใบอนุญาต PEL 691 ในการสำรวจของ H2EX ที่คาบสมุทรEyre ในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย โดยเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อการพัฒนานี้ แนวความคิดในการออกแบบรายการหนึ่งจะจัดทำขึ้นสำหรับการขุดเจาะและการดำเนินการกับบ่อสำรวจจนเสร็จสมบูรณ์ ส่วนแนวคิดในการออกแบบอีกรายการจะจัดทำขึ้นเพื่ออาคารสถานที่บนพื้นผิวสำหรับกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ การแปรรูป และการนำส่งไฮโดรเจนและฮีเลียมธรรมชาติ รวมถึงการผลิตพร้อมกันของทรัพยากรในกรณีที่พบร่วมกัน

“เรารู้สึกยินดีที่จะร่วมมือกับบริษัทบริการด้านวิศวกรรมระดับโลกที่เป็นที่รู้จักด้านเทคโนโลยีและมีประสบการณ์อย่าง Black & Veatch การศึกษาเพื่อการพัฒนาครั้งนี้จะช่วยให้ H2EX เร่งดำเนินการกับบ่อสำรวจ และแผนการพัฒนาครั้งแรกของเราได้ ซึ่งหากประสบความสำเร็จได้ ไฮโดรเจนจะกลายเป็นแหล่งพลังงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการผลิตพลังงานและการขนส่งในคาบสมุทรEyre” กล่าวโดย Mark Hanna ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO และกรรมการผู้จัดการของ H2EX

Mark Hanna ระบุเพิ่มว่า “ไฮโดรเจนธรรมชาติจะช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนในภูมิภาคนี้ที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวเป็นหลักสำหรับพลังงานและการขนส่ง ฮีเลียมก็เป็นทรัพยากรที่มีมูลค่าสูงและขาดแคลน การขุดเจาะเมื่อเร็ว ๆ นี้ในเซาท์ออสเตรเลียยังพบฮีเลียมที่มีความเข้มข้นสูงด้วย”

Black & Veatch จะวิเคราะห์หลักปฏิบัติของอุตสาหกรรมแก๊สในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานดั้งเดิมสำหรับการขุดเจาะบ่อและการสกัด จากนั้นจึงระบุข้อควรพิจารณาที่สำคัญเพื่อปรับใช้หลักปฏิบัติเหล่านี้สำหรับไฮโดรเจนและฮีเลียมธรรมชาติ

การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโซลูชันการสกัดจะเป็นแนวทางในการขุดเจาะและสกัดไฮโดรเจนโดยใช้ต้นทุนต่ำที่สุด ซึ่งอาจถูกลงถึง 75 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับกาผลิตไฮโดรเจน

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการเปิดโอกาศให้ประเทศออสเตรเลียเป็นผู้นำในภาคอุตสาหกรรมใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก พร้อมสร้างโอกาสภายในประเทศและโอกาสในการส่งออกโดยยังคงรักษาความเป็นผู้นำในการแข่งขันและความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีและวิศวกรรมของประเทศ

การศึกษานี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนบางส่วนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมของออสเตรเลียผ่านโครงการริเริ่มให้เงินอุดหนุนรอบที่ 14 สำหรับโครงการคณะกรรมการศึกษาวิจัยร่วม (Cooperative Research Council Project หรือ CRC-P) โดยเงินอุดหนุนของ CRC-P จะให้การสนับสนุนการร่วมมือศึกษาวิจัยตามอุตสาหกรรมในระยะสั้น ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะดำเนินการศึกษาเสร็จสิ้นภายในกลางปี 2024

รัฐบาลออสเตรเลียลงทุนกว่า 500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (332 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศูนย์รวมไฮโดรเจนในภูมิภาคออสเตรเลีย โครงการศูนย์รวมไฮโดรเจนภูมิภาค (Regional Hydrogen Hub) เป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนมูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อปฏิรูปประเทศให้เป็นมหาอำนาจในการผลิตและนวัตกรรมพลังงานสีเขียว

ติดต่อ Black & Veatch เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดหา การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับสากลที่พนักงานเป็นผู้ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประสบการณ์ด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมานานกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยให้ลูกค้าของเรายกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยอาศัยความยืดหยุ่นในการฟื้นตัวและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ติดตามเราบน www.bv.com และโซเชียลมีเดีย

เกี่ยวกับ H2EX

H2EX Limited เป็นบริษัทไฮโดรเจนและฮีเลียมธรรมชาติ โดย H2EX นั้นจะดำเนินการค้นหาและสูบไฮโดรเจนและฮีเลียมธรรมชาติตามใบอนุญาต PEL 691 ในการสำรวจหาทรัพยากรของบริษัท (~6,000 ตร.ม. กิโลเมตร) ในเซาท์ออสเตรเลีย H2EX จะพัฒนาและดำเนินการศึกษาวิจัยในหัวข้อที่ยังไม่มีผู้ใดศึกษา รวมถึงดำเนินกิจกรรมสำรวจในพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้ H2EX มีการยื่นสำรวจเพิ่มเติมอีก 52,000 ตารางกิโลเมตร รวมถึงในเซาท์ออสเตรเลีย ติดตามเราบน www.h2ex.com.au และ H2EX Ltd: Overview | LinkedIn

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

Black & Veatch:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 สำนักงาน | +65 9875 8907 มือถือ | Chialp@bv.com
อีเมลสำหรับสื่อตลอด 24 ชั่วโมง | Media@bv.com

H2EX Limited:
Greschen Brecker | CFO & ผู้อำนวยการ | +61 433 133 417 มือถือ | greschen.brecker@h2ex.com.au

แหล่งที่มา: Black & Veatch

Midea Group เผยแพร่เรื่องราวของแบรนด์ ESG เป็นครั้งแรกพร้อมการเยี่ยมชมแบบวีไอพีโดยไม่คาดคิด ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน

Logo

ฝอซาน ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–29 มีนาคม 2024

Midea Group:

ความเป็นมา:

Midea Group ซึ่งเป็นกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ได้เปิดตัวรายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ประจำปี 2023 โดยมีการตั้งเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนอันทะเยอทะยานไว้สำหรับปี 2030

อีกทั้งยังได้รวมการบรรลุเป้าหมายในการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์มากกว่า 500 เมกะวัตต์ ลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ขอบเขตที่ 1 และ 2) ลง 0.040 ได้รับการรับรองระบบการจัดการพลังงานสำหรับโรงงาน 50 แห่ง และบรรลุการบัญชีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 100% ซึ่งคิดเป็นหมวดหมู่หลักของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอัจฉริยะ

สิ่งนี้สอดคล้องกับมาตรฐานรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนของมาตรฐานรายงานระดับโลกของ Global Reporting Initiative (GRI)

รายงานและแคมเปญใหม่มุ่งเน้นไปที่สี่มิติ ได้แก่ ปกป้องดาวเคราะห์สีน้ำเงิน สร้างชุมชนที่มีความสามัคคี ปฏิบัติตาม 'แนวทางการนำนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมมาสู่ชีวิต' และร่วมกันสร้างระบบนิเวศที่เจริญรุ่งเรือง

การรณรงค์:

ข้อมูลรับรอง ESG ของ Midea นั้นครอบคลุม แต่การสื่อสารกับผู้ชมในวงกว้างอาจมีความซับซ้อนและเสี่ยงที่จะฟังดูเย็นชาเกินไป

สำหรับภาพยนตร์แบรนด์ ESG เรื่องแรก เป็นเรื่องง่ายที่จะทำตามแบบแผนด้วยการตัดต่อมหาสมุทร ป่าฝน และพลังงานทดแทนตามด้วยเสียงพากย์แบบธรรมดาๆ แต่เพื่อที่จะให้ตรงเป้าหมาย ความบันเทิงคือกุญแจสำคัญ

ด้วยเหตุนี้ ภาพยนตร์ที่เน้นการเล่าเรื่องจึงถูกสร้างขึ้นโดยบอกเล่าเรื่องราวของการเยี่ยมชมโรงงานที่มีวีไอพีคนสำคัญที่สุดของ Midea The Next Generation (ผู้ที่เป็นรุ่นต่อไป)

การวางข้างกันเพื่อเทียบเคียงอย่างสร้างสรรค์นี้เน้นให้เด็ก ๆ เป็นวีไอพีตลอดจนผู้รับประโยชน์ในอนาคตจากโครงการริเริ่ม ESG ตัวละครของพวกเขานำมาซึ่งความอบอุ่น ความเรียบง่าย และเสน่ห์ที่เด็ก ๆ เท่านั้นสามารถมอบให้ได้ ช่วยให้แบรนด์สามารถนำเสนอข้อเท็จจริงที่แข็งกระด้างได้ด้วยสัมผัสที่นุ่มนวล

ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวทั่วโลกเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2024 บนแพลตฟอร์ม Linkedin, Facebook, X และ Youtube

ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อความยั่งยืน Midea Group อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะเป็นผู้นำในการมุ่งสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนยิ่งขึ้นต่อไป

ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Midea ESG:

– ปัจจุบัน Midea มีโรงงาน Global Lighthouse 5 แห่ง และโรงงาน 28 แห่งที่ได้รับชื่อว่าเป็นโรงงานสีเขียวระดับชาติ

– นอกจากนี้ ยังจัดให้มีระบบการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถหลากหลายให้แก่พนักงานจำนวน 190,000 คน และจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนข้ามวัฒนธรรมเป็นประจำ

– ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังได้เปิดเผยแผนการลงทุน 140 ล้านหยวนเพื่อพัฒนาการศึกษาในชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย

– ในฐานะพลเมืองที่มีความรับผิดชอบระดับโลก Midea Group มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ และได้เข้าร่วมกับองค์กร United Nations Global Compact นอกจากนี้ Midea Building Technology ยังได้เป็นส่วนหนึ่งของ SBTi (โครงการริเริ่มเป้าหมายทางคาร์บอนที่อิงหลักวิทยาศาสตร์)

– เพื่อเป็นการยกย่องการอุทิศตนเพื่อความยั่งยืน Midea Group ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อบริษัทชั้นนำสำหรับผู้หญิงของโลกประจำปี 2023 ของ Forbes

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Lori luo, luory17@midea.com

แหล่งที่มา: Midea Group

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53916811/en

คำบรรยายวิดีโอ:

ภาพยนตร์แบรนด์ ESG เรื่องใหม่ของ Midea บอกเล่าเรื่องราวการเยี่ยมชมโรงงานจากแขกวีไอพีคนสำคัญที่สุดของพวกเขา พวกเขาจะได้เห็นด้วยตนเองถึงความมุ่งมั่นอันน่าประทับใจของแบรนด์ต่อแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ ด้วยความคิดริเริ่มที่ยังคงน้อมรับอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสดใสยิ่งขึ้นร่วมกัน เชิญเข้าร่วมทัวร์กับพวกเขาผ่านภาพยนตร์ที่มีเสน่ห์เรื่องนี้

#TheNextGeneration #ESG #Midea

MidOcean Energy ของ EIG เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการของ Tokyo Gas ในโครงการ LNG เชิงบูรณาการของออสเตรเลีย

Logo

WASHINGTON–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2024

MidOcean Energy (“MidOcean”) บริษัทด้านก๊าซเหลวธรรมชาติ (LNG) ซึ่งก่อตั้งและบริหารโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถานบันชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ได้ประกาศในวันนี้ถึงความสำเร็จในข้อตกลงเข้าซื้อกิจการของ Tokyo Gas Co., Ltd’s (“Tokyo Gas”) ในโครงการ LNG เชิงบูรณาการของออสเตรเลียที่มีการประกาศไว้ก่อนหน้านี้

การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวรวมถึงผลประโยชน์ของ Tokyo Gas ในโครงการ Gorgon LNG, Pluto LNG และ Queensland Curtis LNG projects โดยจะได้รับประโยชน์จากผู้ดำเนินงานที่มีประสบการณ์ รวมถึง Chevron, Woodside and Shell และมีการขยายห่วงโซ่มูลค่าของ LNG จากการดำเนินงานต้นน้ำไปถึงกลางน้ำ การทำให้เป็นของเหลว และการขาย MidOcean จะเปิดสำนักงานใน Perth, Australia เพื่อสนับสนุนและดูแลโครงการต่างๆ เหล่านี้ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรมในครั้งนี้

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าว “เราเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในบทบาทของ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และมีการก่อตั้ง MidOcean ขึ้น เพื่อให้พันธมิตรและนักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทที่แตกต่างกัน ด้วยสินทรัพย์พื้นฐานเหล่านี้ MidOcean มีส่วนร่วมในโครงการและตลาดสำคัญต่างๆ ในเอเชีย โดยเป็นศูนย์กลางธุรกิจ LNG ทั่วโลก De la Rey และทีมงานมีกลยุทธ์การเติบโตที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะสามารถต่อยอดและขยายจากรากฐานนี้ไปได้ในเชิงภูมิศาสตร์ เรามุ่งเน้นในโครงการเชิงบูรณาการซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์นี้ และเปิดโอกาสให้ MidOcean สามารถเพิ่มมูลค่าตลอดห่วงโซ่มูลค่า LNG อย่างเต็มรูปแบบ”

“การเข้าซื้อโครงการ LNG ที่มีกระแสเงินสดไหลเวียนคุณภาพสูงเหล่านี้ถือเป็นหลักชัยสำคัญในกลยุทธ์ของ MidOcean ในการสร้างบริษัท LNG เชิงบูรณาการแบบ ‘pure play’ ระดับโลกที่มีความหลากหลาย โดยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของโลกเข้าสู่โลกที่มีคาร์บอนต่ำในอนาคต” De la Rey Venter ซีอีโอของ MidOcean กล่าว “ธุรกรรมครั้งนี้จะช่วยทำให้เราบรรลุการเป็นผู้นำในภาคส่วน LNG ระดับโลกที่เรามุ่งเน้นมานานหลายทศวรรษ และเราคาดหวังที่จะได้ให้บริการแก่ลูกค้า LNG รายสำคัญของเราในญี่ปุ่น เอเชีย และทั่วโลก”

Barrenjoey, Barclays และ JP Morgan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ EIG และ MidOcean ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมในครั้งนี้ White & Case ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของ EIG และ MidOcean

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีมูลค่าการบริหารจัดการ 22.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2023 EIG มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วง 41 ปีที่ผ่านมา EIG มีการทุ่มเงินกว่า 47.1 พันล้านเหรียญสหรัฐให้กับภาคส่วนพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 405 แห่งใน 42 ประเทศภายใต้หกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยบริษัทประกันพร้อมแผนบำนาญชั้นนำ กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งชั้นนำในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Washington, D.C. โดยมีสำนักงานอยู่ที่ Houston, London, Sydney, Rio de Janeiro, Hong Kong และ Seoul

เกี่ยวกับ MidOcean Energy

MidOcean Energy เป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งขึ้นและบริหารจัดการโดย EIG และมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่มีความหลากหลาย มีความเสถียร ต้นทุนต่ำ และคาร์บอนต่ำ โดยสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ LNG ในฐานะทรัพยากรพลังงานเชิงกลยุทธ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ MidOcean Energy นำโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมมาเป็นเวลา 26 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสหลายตำแหน่ง รวมถึง Global Head ของ LNG สำหรับ Shell Plc

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

แหล่งข้อมูล: EIG

Cargill แบ่งปันผลลัพธ์ของการเดินทางครั้งแรกของ เรือเดินสมุทรพลังงานลมลําแรกของโลก

Logo

ผลการวิจัยเผยให้เห็นการประหยัดเชื้อเพลิงอย่างมีนัยสําคัญ โดยเน้นย้ำถึงศักยภาพในการขับเคลื่อนด้วยลม เพื่อสนับสนุนความพยายามในการลดคาร์บอนของอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือ

เจนีวา–(BUSINESS WIRE)–13 มีนาคม 2024

วันนี้ Cargill เปิดเผยผลลัพธ์ที่น่าตื่นเต้นของการทดสอบ Pyxis Ocean ในระยะเวลา 6 เดือน โดยเน้นย้ำถึงศักยภาพของเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยลมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน เรือ MC Shipping Kamsarmax ที่ได้ปรับปรุงใหม่ด้วยการติดตั้ง WindWings® สองใบ – ใบเรือลมแข็งขนาดใหญ่ที่พัฒนาโดย BAR Technologies – – ได้รับประสิทธิภาพที่สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเทียบเท่ากับเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 3 ตันต่อวัน

Pyxis Ocean sailing through the English Channel from Spain to Amsterdam, March 2024 (Photo: Business Wire)

เรือบรรทุกสินค้า Pyxis Ocean เดินเรือจากสเปนไปยังอัมสเตอร์ดัมผ่านช่องแคบอังกฤษ เดือนมีนาคม 2024

“เราได้รับกำลังใจจากผลลัพธ์ที่ได้ และได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับการนำระบบขับเคลื่อนที่ใช้แรงลม มาใช้กับเรือสินค้าเทกองแห้ง” Jan Dieleman ประธานธุรกิจการขนส่งทางทะเลของ Cargill กล่าว “เราไม่สามารถทําสิ่งนี้ได้โดยลําพัง – BAR Technologies และ MC Shipping เป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมในการทําให้ Pyxis Ocean เป็นจริง เช่นเดียวกับกัปตันและลูกเรือ เราเป็นผู้นําของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือ และเชื่อว่าเทคโนโลยีที่ควบคุมพลังงานลมอาจเป็นวิธีที่สําคัญและคุ้มค่า ในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนในระยะสั้น กลาง และระยะยาว”

Pyxis Ocean เข้าสู่น่านน้ำเปิดในเดือนสิงหาคมปี 2023 และในช่วงหกเดือนแรกของการทดสอบ ได้แล่นไปในมหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซิฟิก แอตแลนติกเหนือและใต้ และผ่านแหลมฮอร์นและแหลมกู๊ดโฮป เรือได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยการติดตั้ง WindWings® สองใบ ซึ่งมีความสูง 37.5 เมตรและมีลักษณะคล้ายปีกเครื่องบินขนาดใหญ่ ปีกถูกติดตั้งในแนวตั้งเพื่อรับลมและขับเคลื่อนเรือไปข้างหน้า ทําให้เครื่องยนต์ของเรือดับลง เพื่อให้เรือสามารถเดินทางด้วยความเร็วเท่ากับเรือทั่วไปโดยใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่า ปีกถูกควบคุมโดยแผงสัมผัสบนสะพาน ระบบสัญญาณไฟจราจรแบบเรียบง่ายจะบอกลูกเรือว่าเมื่อใดควรยกหรือลดใบเรือ เมื่อยกขึ้นแล้วการทํางานจะเป็นไปโดยอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์: เซ็นเซอร์บนเรือจะตรวจวัดลมอย่างต่อเนื่อง และใบเรือจะปรับตัวเองเพื่อให้ได้การกําหนดค่าที่เหมาะสมที่สุด

การขับเคลื่อนด้วยแรงลมมีศักยภาพที่จะเป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนในการสนับสนุนกลยุทธ์ลดก๊าซเรือนกระจกใหม่ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) หนึ่งในเป้าหมายของ IMO 2030 คือการมีพลังงานที่มาจากแหล่งคาร์บอนที่ต่ำมากให้ได้ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยมุ่งมั่นให้ได้ 10 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030: การขับเคลื่อนด้วยลมอาจเป็นวิธีสําคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้

การเดินทางในช่วงแรกได้ให้ข้อมูลเชิงลึกมากกว่าแค่การใช้ใบเรือบนเรือเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงความท้าทายด้านลอจิสติกส์ที่กว้างขึ้นในระบบการเดินเรือทั่วโลก เนื่องจากท่าเรือ ท่าเทียบเรือ และท่าเทียบเรือทุกแห่งมีความแตกต่างกัน การมีส่วนร่วมของท่าเรือเหล่านี้จึงมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อการบูรณาการเทคโนโลยี Wind Assisted Propulsion (WAP) เข้ากับระบบการเดินเรือทั่วโลกในวงกว้าง

John Cooper ซีอีโอของ BAR Technologies กล่าวเสริมว่า “ผลลัพธ์ของการเดินทางครั้งแรกของ Pyxis Ocean ที่ติดตั้ง WindWings® แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการขับเคลื่อนด้วยลมสามารถประหยัดเชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ในสภาวะการเดินเรือที่เหมาะสมที่สุด ในระหว่างการเดินทางในทะเลเปิด Pyxis Ocean สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ 11 ตันต่อวัน และในขณะที่ Pyxis Ocean มี WindWings® สองอันเราคาดว่าเรือ Kamsarmax ส่วนใหญ่จะมีปีกสามปีก ซึ่งจะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษได้ถึง 1.5 เท่า ด้วย Cargill ตอนนี้เราสามารถตรวจสอบการคาดการณ์ประสิทธิภาพ และการสร้างแบบจําลองในสภาพการใช้งานจริงได้ ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นเมื่อเราเปิดตัวการผลิต WindWings® ทั่วโลก”

” Cargill กําลังสร้างแนวทางสําหรับเรือ WAP ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ Pyxis Ocean เท่านั้น เพื่อปฎิบัติการบนเส้นทางการค้าโลก” Dieleman กล่าว “จนถึงตอนนี้ เราได้ร่วมมือกับท่าเรือมากกว่า 250 แห่ง เพื่อค้นหาวิธีในการทําให้เรือที่มี WAP ขนาดใหญ่เข้าเทียบท่าได้ ความซับซ้อนนี้เป็นจุดที่ Cargill มีความเป็นเลิศอย่างแท้จริง และวิธีที่เราสามารถใช้ประโยชน์จากบทบาทเฉพาะของเราในอุตสาหกรรมการเดินเรือได้ เราไม่กลัวที่จะเป็นพันธมิตรด้านการพัฒนาและลงทุน แบ่งปันความเสี่ยงกับพันธมิตร และสร้างความแตกต่างในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม”

คาร์กิลล์จะดําเนินการทดสอบและทดลองด้านปฏิบัติงาน ด้านเทคนิค และเชิงพาณิชย์ของ Pyxis Ocean ต่อไป เพื่อรวมการเรียนรู้จํานวนสูงสุดเข้ากับการออกแบบศักยภาพของสถานที่ปฎิบัติงานในอนาคตก่อนที่จะขยายขนาด

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:

[1]

  • BAR Technolgies และ Cargill ประมาณการว่าจะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้โดยเฉลี่ยต่อปีที่ 3 ตันต่อวัน (ซึ่งเท่ากับ 11,2/ตัน/วัน CO2e การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่การผลิตจนจบกระบวนการ ซึ่งเท่ากับประหยัดประมาณ 14 เปอร์เซ็นต์สําหรับ Pyxis Ocean
  • ประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยที่วัดได้จนถึงขณะนี้อยู่ภายใน 10% ของการคาดการณ์ โดยใช้การจําลองพลศาสตร์ของไหลเชิงคํานวณ (CFD) โดย BAR Technologies เพื่อประเมินว่าแรงขับเคลื่อนด้วยลมจะทํางานได้ดีเพียงใดบนเส้นทางของ Cargill
  • ในช่วงสภาวะการเดินเรือที่เหมาะสม Pyxis Ocean สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า 11 ตัน/วัน ซึ่งแปลว่าปล่อย CO2e น้อยลงถึง 41 ตัน/วัน ตั้งแต่การผลิตจนจบกระบวนการ หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 37%
  • ค่าเฉลี่ย CO2e ที่11.2 ตัน/วัน ข้างต้นอยู่ที่ประมาณ 2650CO2e/ปี (11.2 ตัน x 237 วันเดินเรือโดยเฉลี่ยต่อปี = 2650 ตัน ตั้งแต่การผลิตจนจบกระบวนการ) ซึ่งเทียบเท่ากับการนํารถยนต์ 480 คันออกจากถนน (อ้างอิง: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากรถยนต์โดยสารทั่วไป | EPA ของสหรัฐอเมริกา)
  • Cargill และ MC Shipping ได้ว่าจ้าง DNV ในฐานะบุคคลที่สามที่เป็นอิสระ เพื่อทบทวนผล และทวนสอบผลการคํานวณการประหยัดเชื้อเพลิง

เกี่ยวกับ WindWings

  • Cargill เป็นคนแรกที่ติดตั้ง “WindWings” ใบเรือปีกแข็งขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นเปอร์เซ็นต์เป็นตัวเลขสองหลัก
  • การทํางานร่วมกับพันธมิตร BAR Technologies Cargill ได้ติดตั้ง WindWings บนเรือ Kamsarmax Pyxis Ocean ซึ่งเราเช่าเหมาลําจาก MC Shipping
  • การติดตั้งเสร็จสิ้นที่ COSCO ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนในปี 2023
  • ปัจจุบัน Pyxis Ocean เป็น Kamsarmax ที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดในกองเรือเช่าเหมาลําของ Cargill
  • Pyxis Ocean จะถูกนำมาใช้เพื่อแจ้งถึงศักยภาพในการขยายขนาดการติดตามยานพาหนะและอุตสาหกรรม Cargill วางแผนที่จะเรียนรู้วิธีการปรับปรุงการออกแบบ การปฎิบัติงาน และประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
  • โครงการ WindWing เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ได้รับเงินทุนจากโครงการวิจัยและนวัตกรรม Horizon 2020 ของสหภาพยุโรปภายใต้ข้อตกลงการให้ทุนหมายเลข 955286

เกี่ยวกับ Cargill Ocean Transportation

Cargill Ocean Transportation เป็นองค์กรการค้าการขนส่งสินค้าชั้นนําที่เช่าเหมาลําเรือประมาณ 650 ลําทั่วโลกในคราวเดียว ก่อตั้งขึ้นในปี 1956 ในเจนีวา เราได้รับประโยชน์จากมรดกอันยาวนานและความสามารถของผู้เชี่ยวชาญในการดําเนินงานทั่วโลกของคาร์กิลล์ ในด้านการค้าอาหาร การเกษตร และสินค้าโภคภัณฑ์ ลูกค้าของเรารวมถึงบริษัทอื่น ๆ ตลอดจนธุรกิจภายในของ Cargill ถือเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทํา เราให้บริการที่ผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัลล่าสุดเข้ากับโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อทำให้การขนส่งปลอดภัยและยั่งยืนยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ Cargill

Cargill มุ่งมั่นที่จะจัดหาอาหาร ส่วนผสม โซลูชั่นทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อหล่อเลี้ยงโลกด้วยวิธีที่ปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และยั่งยืน ในฐานะหัวใจสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน เราร่วมมือกับเกษตรกรและลูกค้าในการจัดหา ผลิต และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความสําคัญต่อการดํารงชีวิต

สมาชิกในทีม 160,000 คนของเราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างมีจุดมุ่งหมาย โดยมอบสิ่งจําเป็นในชีวิตให้กับลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโต ชุมชนเจริญรุ่งเรือง และผู้บริโภคมีชีวิตที่ดี ด้วยประสบการณ์ 159 ปีในฐานะบริษัทครอบครัว เรามองไปข้างหน้าในขณะที่ยังคงยึดมั่นในค่านิยมของเรา เราให้ความสําคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก เราไปถึงที่สูงขึ้น เราทําในสิ่งที่ถูกต้อง—ในวันนี้และสําหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ Cargill.com และศูนย์ข่าวของเรา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53907921/en

Contacts

Nicole Marlor
media@cargill.com

ที่มา: Cargill




MidOcean Energy ของ EIG เข้าซื้อหุ้น 20% ของ SK Earthon ใน Peru LNG

Logo

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–8 กุมภาพันธ์ 2024

MidOcean Energy (“MidOcean”) บริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนําในภาคพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่าได้ลงนามในสัญญาหลักกับ SK Earthon (“SK”) เพื่อซื้อหุ้น 20% ของ SK ใน Peru LNG (“PLNG”)

PLNG เป็นเจ้าของและดําเนินการโรงงานส่งออก LNG แห่งแรกในอเมริกาใต้ ซึ่งตั้งอยู่ใน Pampa Melchorita ห่างจากกรุงลิมา ประเทศเปรู ไปทางใต้ 170 กม. สินทรัพย์ของ PLNG ประกอบด้วยโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีกําลังการผลิต 4.45 mmtpa ท่อส่งยาว 408 กม. ที่มีความจุ 1,290 mmcf/d ถังเก็บ 130,000 ม.3 สองถัง สถานีขนส่งทางทะเลยาว 1.4 กม. และโรงขนถ่ายรถบรรทุกที่มีความจุสูงสุด 19.2 mmcf/d PLNG ดําเนินการโดย Hunt Oil Company และเป็นหนึ่งในโรงงานผลิต LNG เพียงสองแห่งในละตินอเมริกา

เราเชื่อว่า PLNG เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ระดับสูงสําหรับภาคก๊าซธรรมชาติของเปรู โดยเป็นเส้นทางสําคัญในการสร้างรายได้จากทรัพยากรก๊าซธรรมชาติผ่านการส่งออก นอกจากนี้ยังมีบทบาทสําคัญในการจัดหา LNG ให้กับลูกค้าที่อยู่อาศัย และอุตสาหกรรม ตลอดจนยานพาหนะที่ใช้ CNG ในเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ภาคก๊าซธรรมชาติได้กลายเป็นส่วนที่สําคัญมากขึ้นของการผสมผสานพลังงานของเปรู ซึ่งสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าสําหรับภาคอุตสาหกรรมตลอดจนการใช้งานต่างๆ ในภาคที่อยู่อาศัย

De la Rey Venter ซีอีโอ ของ MidOcean Energy กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นกับการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงอีกก้าวที่โดดเด่นในกลยุทธ์ของ MidOcean ในการสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลก ที่หลากหลาย และมีความยืดหยุ่น PLNG เป็นสินทรัพย์ที่เรารู้จักและชื่นชม โดยมีพื้นฐานระยะยาวที่ดี ทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่ง และการดําเนินงานที่เชื่อถือได้ เราหวังว่าจะได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ PLNG และมีส่วนร่วมในความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวของการร่วมทุนดังกล่าว และการทํางานเพื่อก้าวไปสู่บทบาทเชิงบวกในตลาดพลังงานของเปรู”

นอกจากนี้ MidOcean ยังอยู่ในระหว่างการเสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการของ Tokyo Gas ในโครงการ LNG ของออสเตรเลีย 4 โครงการ มูลค่า 2.15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งตั้งเป้าที่จะปิดในปลายเดือนกุมภาพันธ์

ธุรกรรม PLNG อยู่ภายใต้เงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

Morgan Stanley ทําหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียวของ MidOcean ในการทําธุรกรรม

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนําในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีการจัดการภายใต้การบริหาร 22.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 41 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 47.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทกว่า 405 แห่งใน 42 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบํานาญชั้นนํา บริษัท ประกันภัย กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสํานักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมีสํานักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy

MidOcean Energy ซึ่งเป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่มีความหลากหลาย ยืดหยุ่น ราคา และคาร์บอนที่สามารถแข่งขันได้ โดยสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สําคัญในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และความสําคัญที่เพิ่มขึ้นของ LNG ในฐานะแหล่งพลังงานเชิงกลยุทธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ MidOcean Energy นําโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมมา 26 ปี ซึ่งดํารงตําแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตําแหน่ง รวมถึง Global Head of LNG ของ Shell Plc. สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIGที่  www.eigpartners.com หรือเว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ EIG ติดต่อ
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ที่มา: EIG

Gradiant’s H+E ได้รับเลือกให้ลงนามในสัญญาการสร้างโรงงานบำบัดน้ำในโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมัน

Logo

สัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ผ่านร่างกฎหมาย European Chips Act เมื่อเดือนกันยายน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความยืดหยุ่นในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์

BOSTON–(BUSINESS WIRE)–6 กุมภาพันธ์ 2024

Gradiant ผู้ให้บริการโซลูชันระดับโลกสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ประกาศในวันนี้ว่า H+E Group ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่เพิ่งมีการเข้าซื้อกิจการได้รับเลือกให้ลงนามในสัญญาใหม่เพื่อออกแบบและสร้างโรงงานน้ำบริสุทธิ์พิเศษ (UPW) สำหรับหนึ่งในผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยโปรเจ็กนี้เป็นส่วนสำคัญของโปรเจ็กที่ยังคงค้างอยู่ของ H+E ซึ่งมีมูลค่าราว 120 ล้านเหรียญสหรัฐที่มีการลงนามแล้ว และเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเป้าหมายการปรับเปลี่ยน European Chips Act เพื่อสนับสนุนความยืดหยุ่นและขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลและโลกสีเขียว

Gradiant’s H+E Wins Contract in Germany to Build Water Treatment Facility for One of the Largest Semiconductor Fabs (Photo: Business Wire)

Gradiant’s H+E ได้รับเลือกให้ลงนามในสัญญาการสร้างโรงงานบำบัดน้ำสำหรับหนึ่งในโรงงานเซมิคอนดัคเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมันี (ภาพถ่าย: Business Wire)

โรงงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมันซึ่งเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการบูรณาการให้เข้ากับภาคส่วนการผลิตขั้นสูงและอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างจุดยืนสำหรับสหภาพยุโรปในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก คณะกรรมาธิการยุโรปได้ระบุเป้าหมายที่จะเข้าถึงส่วนแบ่งการตลาดถึง 20 เปอร์เซนต์ของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในระดับภูมิภาคในปี 2030 European Chips Act เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่าง H+E และลูกค้าเซมิคอนดักเตอร์

โรงงานแห่งใหม่นี้จะเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ทันสมัยและยั่งยืนที่สุดในยุโรปและรองรับตลาดพลังงานหมุนเวียน ศูนย์ข้อมูล และรถยนต์ไฟฟ้า UPW ที่ผลิตโดยโรงงานแห่งใหม่นี้จะมีบทบาทสำคัญในกระบวนการผลิตชิปเซมิคอนดัคเตอร์เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือ

“เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น นโยบายการสนับสนุนและการลงทุนภาคเอกชนซึ่งผลักดันการเติบโตของเซมิคอนดัคเตอร์ในสหภาพยุโรปและทั่วโลก ผู้ผลิตชิปชั้นนำจึงมีความเห็นว่านวัตกรรมน้ำเป็นหนึ่งในหนทางการสร้างความยืดหยุ่นให้กับการดำเนินงานในระยะยาวและบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน” Prakash Govindan, COO ของ Gradiant กล่าว “สัญญานี้แสดงให้เห็นถึงชื่อเสียงของ H+E ด้านความเป็นเลิศในการบำบัดน้ำและจุดเด่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชั้นนำของ Gradiant ในการนำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมแก่ลูกค้าของเรา ความร่วมมือของเรากับ H+E จะช่วยเสริมผลลัพธ์เชิงบวกสำหรับความมุ่งมั่นครั้งสำคัญในยุโรปครั้งนี้

“ความร่วมมือระหว่างลูกค้าของเรากับ H+E ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Gradiant ซึ่งตอกย้ำความทุ่มเทของเราด้านความยั่งยืนและนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ” Philipp Sausele กรรมการผู้จัดการของ H+E Group กล่าว “โรงงาน UPW แห่งใหม่ของเราจะตอบสนองความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติงานและมาตรฐานประสิทธิภาพที่ลูกค้าต้องการเพื่อเพิ่มผลผลิตสูงสุด ในขณะที่ความคืบหน้าด้านอุตสาหกรรม นวัตกรรมใน UPW การรีไซเคิลน้ำ และการบำบัดน้ำเสียจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าของเราได้เปรียบในการแข่งขันเมื่อร่วมมือกับ Gradiant เราจะมีจุดยืนในฐานะผู้นำในการให้บริการโซลูชันน้ำชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ในยุโรป”

สัญญานี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ H+E, Gradiant, และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรปคาดว่าจะเริ่มโปรเจ็กนี้ได้ในทันทีและคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2025

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นบริษัทผลิตน้ำที่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ ด้วยโซลูชันเต็มรูปแบบที่มีความแตกต่างและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงซึ่งขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำชั้นนำ บริษัทให้บริการด้านการดำเนินงานที่มีความสำคัญต่อภารกิจสำหรับลูกค้าในอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ เภสัชกรรม อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุสำคัญและพลังงานทดแทน โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Gradiant ช่วยลดการใช้น้ำและน้ำเสียที่ระบายออก เรียกคืนทรัพยากรอันมีค่าและเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่บอสตัน ก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนทั่วโลก ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เกี่ยวกับ H+E Group

H+E Group มีฐานที่ตั้งอยู่ในเมือง Stuttgart ประเทศเยอรมันมากว่า 100 ปี เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการบำบัดน้ำ      จากอุตสาหกรรม การบำบัดน้ำเสียและการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ H+E Group มีการส่งมอบโครงการน้ำสำหรับอุตสาหกรรมเป็นจำนวน 30,000 โครงการและได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายสำนักงานทั่วโลกทั่วยุโรปและเอเชีย บริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายทั่วโลกไว้วางใจ H+E สำหรับโซลูชันน้ำที่สำคัญของพวกเขา ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ he-water.group

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53881865/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้นและควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Felix Wang
Gradiant, VP of Marketing
fwang@gradiant.com

แหล่งข้อมูล: Gradiant

การอภิปรายการค้าอย่างยั่งยืนแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เปิดให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมเพื่อมอบโซลูชันด้านการค้าในการประชุม COP28

Logo

– งานอภิปราย Sustainable Trade Forum จัดขึ้นโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของ UAE โดยเป็นพันธมิตรกับ Capital.com และ Vinfast

– งานจัดขึ้นพร้อมกันกับงาน Trade Day ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในการประชุม COP28

– การชุมนุมธุรกิจระดับโลกและผู้นำด้านการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ สาธารณูปโภค และอาหาร

อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ –(BUSINESS WIRE)–5 ธันวาคม 2023

ด้วยการเป็นพันธมิตรกันระหว่างกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมกับบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินระดับโลกอย่าง Capital.com และ VinFast ซึ่งเป็นผู้นำการผลิตยานพาหนะไฟฟ้าของเวียดนาม ได้ร่วมกันจัดการอภิปราย Sustainable Trade Forum ที่การประชุม COP28 ใน Expo City ในดูไบ โดยองค์ประกอบหลักของ Trade Day ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกในการประชุมของพันธมิตรนี้ ได้มีการรวมบริษัทระดับโลกและผู้นำด้านการลงทุนมาไว้ด้วยกันเพื่อร่วมแสดงทัศนคติของภาคเอกชนต่อการค้าระดับโลกและบทบาทในการวางแนวทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสภาพอากาศมากขึ้น

HE Dr. Thani bin Ahmed Al Zeyoudi, UAE Minister of State for Foreign Trade (Photo: AETOSWire)

คุณ HE Dr. Thani bin Ahmed Al Zeyoudi รัฐมนตรีแห่งรัฐประจำกระทรวงเศรษฐกิจสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผู้รับผิดชอบด้านการค้าต่างประเทศ (รูปภาพ: AETOSWire)

คุณ HE Dr Thani bin Ahmed Al Zeyoudi รัฐมนตรีแห่งรัฐประจำกระทรวงเศรษฐกิจสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผู้รับผิดชอบด้านการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้เปิดงานอภิปรายนี้ ได้เน้นในการสนทนาถึงความสำคัญของการค้าต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก และบทบาทของภาคเอกชนในการมอบโซลูชันที่สามารถสร้างผลกระทบที่สำคัญในระยะยาวได้ ในการอภิปรายยังกล่าวถึงหัวข้อ ‘การเสริมความแข็งแกร่งให้กับความสามารถของกลุ่มบุคคลผู้มีส่วนในระบบห่วงโซ่อุปทาน โดยติดตามเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก’ และ ‘การสนับสนุนธุรกิจสีเขียว: การส่งเสริมระบบนิเวศธุรกิจรายใหม่ที่มุ่งเน้นความยั่งยืน และยังมีกล่าวถึงข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญทั่วทั้งภาคอุตสาหกรรมการขนส่ง ยานยนต์ สาธารณูปโภค และอาหาร  

คุณ HE Al Zeyoudi กล่าวว่า “แม้ผู้วางนโยบายและนักการเมืองจะสามารถวางโครงร่างได้ แต่เป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจ นักอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการต้องนำโซลูชันที่มีขนาดเหมาะสมและเป็นจริงได้มาสู่ตลาด โดยการเชื่อมประสานระหว่างผู้วางนโยบายและผู้นำภาคเอกชน ในการอภิปราย Sustainability Trade Forum มุ่งเน้นอย่างชัดเจนไปที่ก้าวอันสำคัญสู่ระบบการค้าที่สะอาด อัจฉริยะ รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม และสามารถเคลื่อนพวกเราให้เข้าใกล้เป้าหมายของ Paris Accords ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด”

ท่านรัฐมนตรียังกล่าวเสริมอีกว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์พัฒนาสู่ World Trade Organization’s 13th Ministerial Conference (MC13) ซึ่งจะจัดขึ้นในอาบูดาบี ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่ง Sustainable Trade Forum เป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญสำหรับความคิดเห็นของกลุ่มคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับวิธีการวางแนวทางระบบการค้าระดับโลกที่ทันสมัยที่เปิดกว้าง ครอบคลุม และเท่าเทียม ทั้งยังเป็นวิธีการให้ประเทศสามารถเดินทางไปสู่เป้าหมายการจัดการด้านสภาพอากาศได้อีกด้วย

ทั้งนี้ในระหว่างการอภิปราย คุณ Le Thi Thu Thuy ซีอีโอระดับโลกของ Vinfast ยังได้เน้นย้ำถึงการมีบทบาทชั้นนำของยานยนต์ไฟฟ้าในการสร้างห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน โดยกล่าวว่า “แน่นอนว่า การแทนที่ยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิม ด้วยรถยนต์ EV จะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ และยังส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างประหยัดและการใช้แหล่งพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หากเรามองไปในอนาคตข้างหน้า การผสานรวมของรถยนต์ EV กับห่วงโซ่คุณค่าของโลกจะทำให้มีกลยุทธ์อันทรงพลังในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นขึ้น”

ในส่วนนี้ Kypros Zoumidou, กลุ่มซีอีโอของ Capital.com ได้กล่าวว่า “การมุ่งมุ่นในโครงร่างธุรกิจใหม่ที่นำไปสู่ความยั่งยืนขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ประกอบการในการที่จะเริ่มดำเนินการโครงการโดยเร็วตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น แต่ความเร็วและความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการสนับสนุนจากนักลงทุนและระบบนิเวศที่เข้มแข็ง ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีที่จะพลิกโฉมธุรกิจ เรายอมรับว่าการร่วมเป็นพันธมิตรที่ชาญฉลาดระหว่างรัฐบาลและภาคธุรกิจสามารถที่จะผลักดันความก้าวหน้านี้ได้จริง”

นอกเหนือจากซีอีโอของ Vinfast และ Capital.com แล้วในการอภิปรายยังได้มีการปราศรัยจากผู้แทนรัฐบาลสกอต ได้แก่ NYU Abu Dhabi, Ducab Group, Uber, Al Dahra Group, IBM Consulting, ADNOC, General Electric, Princeville Capital, Orbillion Bio, Inc., Wamda Group และ Change Foods

ที่มาAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53866727/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Elisha Dessurne
edessurne@apcoworldwide.com

ที่มา: ระหว่างกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์