Monster Hunter Now เกมมือถือเปิดตัวทั่วโลกแล้ว!

Logo

Capcom ตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าแบรนด์ระดับโลกให้สูงสุดโดยผสมผสานความน่าดึงดูดใจของซีรีส์ Monster Hunter เข้ากับเทคโนโลยีระบุตำแหน่งของ Niantic

โอซาก้า ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–14 กันยายน 2023

วันนี้ Capcom Co., Ltd. (TOKYO:9697) ได้ประกาศว่า Monster Hunter Now เกมมือถือใหม่ (สำหรับ iOS/Android) ในซีรีส์ Monster Hunter ได้เปิดตัวทั่วโลกแล้วในวันที่ 14 กันยายน 2023

Monster Hunter Now keyart (Graphic: Business Wire)

คีย์อาร์ต Monster Hunter Now (รูปภาพ: Business Wire)

Monster Hunter Now คือเกมมือถือใหม่ในซีรีส์ Monster Hunter ที่ให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์การล่าสัตว์ที่เข้าถึงได้ ซึ่งสามารถเพลิดเพลินได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และกำลังได้รับการพัฒนาและจัดจำหน่ายโดย Niantic บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในด้านที่ล้ำสมัย เช่น เทคโนโลยีระบุตำแหน่งและ Augmented Reality (การผสมผสานโลกเสมือนกับโลกจริง) ในเกมนี้ ผู้เล่นสวมบทบาทเป็นนักล่าและเริ่มการผจญภัยที่พวกเขาจะล่าสัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนมีชีวิตจริงที่ปรากฏในโลกแห่งความเป็นจริง

เกมใหม่นี้ผสมผสานความน่าดึงดูดของซีรีย์ Monster Hunter เข้ากับเทคโนโลยีการพัฒนาของ Niantic พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถรวมทีมกับผู้อื่นเพื่อล่าสัตว์หรือล่าสัตว์ประหลาดที่พบเจอในขณะที่แอปปิดอยู่ในเวลาว่างได้ ความคาดหวังสำหรับเกมนี้อยู่ในระดับสูง โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมการทดสอบเบต้าแบบปิดเกินกว่าจำนวนที่จำกัด และจำนวนผู้เล่นที่ลงทะเบียนล่วงหน้าในขณะนี้มีมากกว่า 3 ล้านคน Capcom จะยังคงทำงานร่วมกับ Niantic ในการพัฒนาเกมอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบความสนุกของ Monster Hunter ให้กับผู้ชมในวงกว้างยิ่งขึ้นทั่วโลก

Capcom มุ่งมั่นที่จะพัฒนาการเติบโตต่อไปในขณะเดียวกันก็มุ่งเป้าที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้กับเนื้อหาเกม บริษัทจะยังคงใช้แบรนด์ชั้นนำในตลาดเกมมือถือทั่วโลกที่กำลังเติบโต

เกี่ยวกับซีรีส์ Monster Hunter:
ซีรีส์ Monster Hunter ประกอบด้วยเกมแอ็กชันการล่าสัตว์ที่ให้ผู้เล่นต่อสู้กับสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันสวยงาม ซีรีส์นี้สร้างรูปแบบเกมใหม่ที่ผู้เล่นสามารถร่วมมือกับเพื่อนๆ ผ่านเครือข่าย และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็เติบโตขึ้นจนกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกด้วยยอดขายสะสมของซีรีส์นี้เกิน 94 ล้านชุดที่จัดส่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2023

เกี่ยวกับ CAPCOM
Capcom เป็นผู้พัฒนา จำหน่าย และจัดจำหน่ายความบันเทิงแบบอินเทอร์แอคทีฟชั้นนำระดับโลกสำหรับเกมคอนโซล พีซี อุปกรณ์พกพา และอุปกรณ์ไร้สาย บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1983 และได้สร้างเกมหลายร้อยเกม รวมถึงแฟรนไชส์สุดล้ำอย่าง Resident Evil™, Monster Hunter™, Street Fighter™, Mega Man™, Devil May Cry™ และ Ace Attorney™ Capcom มีการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และโตเกียว โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Capcom ที่ https://www.capcom.co.jp/ir/english/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai: สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53552912/en

รายชื่อติดต่อ

ส่วนประชาสัมพันธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ของ Capcom
Daniel Levine
+81-6-6920-3623
daniel-levine@capcom.com

Yoshiko Ikeda
+81-6-6920-3623
yoshiko-ikeda@capcom.com

ที่มา: Capcom Co., Ltd.

 


AI สามารถช่วยคุณจองทริปที่สมบูรณ์แบบได้แล้วในวันนี้

Logo

REYKJAVIK, Iceland–(BUSINESS WIRE)–14 กันยายน 2023

Guide to Europe ประกาศความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ในการวางแผนการเดินทาง: Travis นักวางแผนการเดินทางด้วย AI ที่ดำเนินการโดย AI โดยนำเสนอแผนการเดินทางที่ปรับให้เหมาะสมแก่ผู้ใช้ โดยอิงจากความต้องการของลูกค้า สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง การผสมผสานข้อมูลรีวิว เวลาเปิดทำการ และตัวแปรสำคัญอื่นๆ

Helgi Páll Helgason is the visionary of Travis and the Head of AI at Travelshift, the maker of Guide to Europe (Photo: Business Wire)

Helgi Páll Helgason เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ Travis และหัวหน้าฝ่าย AI ของ Travelshift ผู้สร้างสรรค์ Guide to Europe (ภาพถ่าย: Business Wire)

การใช้อัลกอริธึม AI ที่ล้ำสมัยนี้ Travis มีการคัดสรรสถานที่ท่องเที่ยงที่ไม่มีใครเทียบและมีการปรับเส้นทางให้เหมาะสมเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่น

Chatbot ก้าวไปไกลกว่าการวางแผนแบบเดิมๆ ด้วยการนำเสนอบริการที่ดีที่สุดที่มีการปรับให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าและรีวิว ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูและจองทริปทั้งหมดได้ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงขั้นตอนเดียว

Dr. Helgi Helgason หัวหน้าฝ่าย AI ของ Guide to Europe และผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลสำหรับ Travis กล่าว “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัว Chatbot ที่ปฏิวัติวิธีการวางแผนการเดินทางของผู้คนต่างๆ Travis ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้อตอบและค้นหาทริปที่สมบูรณ์แบบได้โดยใช้ภาษาธรรมชาติ คุณไม่จำเป็นแม้การระบุจุดหมายปลายทาง คุณยังสามารถระบุประสบการณ์ที่คุณต้องการ เช่น สภาพอากาศ ภูมิภาค หรือวัฒนธรรม Travis สามารถประหยัดเวลาและลดความเครียดของลูกค้าได้โดยลูกค้าสามารถจองทริปที่วางแผนไว้อย่างสมบูรณ์แบบได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ”

Helgi กล่าวเสริมว่า “Travis ไม่ได้เป็นเพียงนักวางแผนการเดินทางเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เปลี่ยนเกม โดยการใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาล ช่วยในการวางแผนการเดินทางสำหรับคุณได้อย่างพิถีพิถัน พร้อมความมั่นใจว่า เราสามารถทำได้เกินขีดความสามารถของมนุษย์ทั้งในด้านความแม่นยำและความรวดเร็ว ไม่ใช่เพียงการจองทริปเท่านั้น แต่เป็นการทำให้ทริปนั้นสมบูรณ์แบบ”

พร้อมการเปิดตัวบริการที่เป็นนวัตกรรมนี้ Guide to Europe ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยีการท่องเที่ยว โดยนำเสนอมิติใหม่ในการวางแผนการเดินทาง การค้นหา และการจองวันหยุดในยุโรป

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53554011/en

ติดต่อ

Dr. Helgi Páll Helgason, helgi@travelshift.com

แหล่งข้อมูล: Travelshift

Toshiba ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Thermoflagger™ ซึ่งเป็นโซลูชันง่ายๆ ที่ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

Logo

คาวาซากิ ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–14 กันยายน 2023

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ “TCTH0xxxE series” Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน ซึ่งสามารถใช้ในวงจรทั่วไปที่มีเทอร์มิสเตอร์ค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิเป็นบวก (PTC) เพื่อตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การจัดส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 6 รายการเริ่มตั้งแต่วันนี้

Toshiba: Thermoflagger(TM), a simple solution that detects temperature rises in electronic equipment (Graphic: Business Wire)

Toshiba: Thermoflagger(TM) โซลูชันง่ายๆ ที่ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (รูปภาพ: Business Wire)

เพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงานได้ตามที่ระบุไว้ เซมิคอนดักเตอร์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จะต้องทำงานภายในพารามิเตอร์การออกแบบ อุณหภูมิภายในเป็นพารามิเตอร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอุณหภูมินั้นสูงกว่าที่คาดไว้ในระหว่างกระบวนการออกแบบ ซึ่งอาจเป็นปัญหาด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือที่สำคัญ และจำเป็นต้องใช้โซลูชันการตรวจสอบความร้อนสูงเกินไปเพื่อตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น

วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน Thermoflagger™ ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเมื่อกำหนดค่าในวงจรทั่วไปด้วยเทอร์มิสเตอร์ PTC ซึ่งค่าความต้านทานจะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิ นอกจากนี้ วงจรรวมยังตรวจจับการเปลี่ยนแปลงความต้านทานของเทอร์มิสเตอร์ PTC ที่วางใกล้แหล่งความร้อน และส่งสัญญาณ FLAG ในกรณีที่อุณหภูมิสูงเกินไป เมื่อ Thermoflagger™ ตรวจพบการสร้างความร้อนที่ผิดปกติและส่ง FLAG ไปยัง MCU เป็นต้น MCU จะปิดอุปกรณ์หรือเปลี่ยนการทำงานของอุปกรณ์หรือเซมิคอนดักเตอร์ที่สร้างความร้อน การเชื่อมต่อเทอร์มิสเตอร์ PTC แบบอนุกรมทำให้มีการตรวจจับอุณหภูมิเกินสำหรับหลายตำแหน่ง

ผลิตภัณฑ์ใหม่ 6 รายการได้แก่ TCTH011AETCTH012AETCTH021AETCTH022AETCTH011BE และ TCTH012BE ซึ่งรวมกับผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวไปแล้ว TCTH021BE และ TCTH022BE ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ “TCTH0xxxE series” มีมากถึงแปดรายการ ผลิตภัณฑ์ใหม่ขยายขอบเขตของเทอร์มิสเตอร์ PTC ที่สามารถเลือกได้โดยการรองรับกระแสเอาต์พุต PTCO สองประเภท[1] สามารถเลือกประเภทเอาต์พุตสัญญาณ FLAG แบบ Push-pull หรือ Open-drain[2] ได้ เช่นเดียวกับการใช้หรือไม่ใช้ฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG[3] การขยายขอบเขตการเลือกผลิตภัณฑ์ทำให้สามารถออกแบบวงจรได้อย่างยืดหยุ่นและสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำ

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้บรรจุอยู่ใน SOT-553 ขนาดเล็กที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม (ชื่อแพ็กเกจของ Toshiba: ESV) ทำให้มั่นใจได้ว่า “TCTH0xxxE series” รองรับการกำหนดค่าการตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินได้ง่ายสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งชุด และช่วยลดขนาดและการใช้พลังงาน

นอกเหนือจากข้อมูลอ้างอิงการออกแบบ Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน (TCTH021BE/เวอร์ชัน Open Drain) ที่เผยแพร่แล้ว Toshiba ยังได้จัดทำข้อมูลอ้างอิงการออกแบบใหม่ Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน (TCTH021AE​/เวอร์ชัน Push-Pull​) ซึ่งดูได้บนเว็บไซต์แล้ว

Toshiba ใช้ข้อมูลทางเทคนิคจาก Murata Manufacturing Co., Ltd. เกี่ยวกับเทอร์มิสเตอร์ PTC สำหรับโซลูชันการตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไป Murata แนะนำการใช้ Thermoflagger™ ร่วมกับเทอร์มิสเตอร์ PTC

รายการวงจรรวมที่แนะนำของ Murata

เทอร์มิสเตอร์ PTC ของ Murata

Toshiba จะยังคงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อไปด้วยแพ็กเกจที่หลากหลายและการปรับปรุงคุณลักษณะของอุปกรณ์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้การออกแบบมีความยืดหยุ่นและความเป็นกลางของคาร์บอน

หมายเหตุ:

[1] กระแสเอาท์พุต PTCO: กระแสคงที่ที่จ่ายจากวงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไปยังเทอร์มิสเตอร์ PTC

[2] เมื่อวงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินตรวจพบข้อผิดพลาด จะส่งสัญญาณ FLAG ประเภท Push-pull ประกอบด้วย MOSFET สองตัวซ้อนกันในแนวตั้ง กระแสไฟขาออกไหลเข้าและออกในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ประเภท Open-drain ประกอบด้วย MOSFET หนึ่งตัว กระแสไฟขาออกไหลไปในทิศทางเดียวเท่านั้น

[3] ฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG จะเก็บสัญญาณ FLAG หลังจากที่วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินตรวจพบข้อผิดพลาดแม้เพียงครั้งเดียว วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไม่สามารถกู้คืนตัวเองได้ จะต้องกู้คืนโดยป้อนสัญญาณจาก MCU เป็นต้น ไปที่พินรีเซ็ต

การใช้งาน

  • อุปกรณ์เคลื่อนที่ (แล็ปท็อปพีซี ฯลฯ)
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
  • อุปกรณ์อุตสาหกรรม ฯลฯ

คุณสมบัติ

  • การกำหนดค่าอย่างง่ายร่วมกับเทอร์มิสเตอร์ PTC[1]
  • การตรวจสอบอุณหภูมิเกินสามารถทำได้หลายจุดโดยการเชื่อมต่อเทอร์มิสเตอร์ PTC[1] แบบอนุกรม
  • การสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำ:
  • IDD=1.8μA (typ.) (TCTH011AE, TCTH012AE, TCTH011BE, TCTH012BE)
  • IDD=11.3μA (typ.) (TCTH021AE, TCTH022AE)
  • แพ็กเกจมาตรฐานขนาดเล็ก: SOT-553 (ESV)
  • ขอบเขตตัวเลือกเทอร์มิสเตอร์ PTC[1] ที่ขยายเพิ่มขึ้น พร้อมกระแสเอาต์พุต PTCO สองประเภท:
  • IPTCO=1.00μA (typ.) (TCTH011AE, TCTH012AE, TCTH011BE, TCTH012BE)
  • IPTCO=10.0μA (typ.) (TCTH021AE, TCTH022AE)
  • ความแม่นยำกระแสเอาต์พุต PTCO สูง: ±8%
  • สามารถเลือกแบบ Push-pull และ Open-drain สำหรับเอาต์พุตสัญญาณ FLAG (PTCGOOD)
  • สามารถเลือกฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG ได้

ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญ

(เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น Tj=25°C) 

หมายเลขชิ้นส่วน

แพ็กเกจ

ช่วงการทำงาน

คุณลักษณะทางไฟฟ้า

เอาท์พุต

สัญญาณ

FLAG

(PTCGOOD)

ฟังก์ชัน

สลัก

สัญญาณ

FLAG

เมื่อ

ตรวจจับ

สถานะ

ผิด

ปกติ

ตัวอย่าง

การตรวจสอบและ

ความพร้อม

ชื่อ

ขนาด

(mm)

แรงดัน

แรงดันไฟฟ้า

VDD

(V)

อุณหภูมิ

ขณะใช้งาน

Topr

(°C)

PTCO

กระแสไฟ

เอาท์พุต

IPTCO

(μA)

แรงดันไฟฟ้า

แรงดันไฟฟ้า

VDET

(V)

ความสิ้นเปลือง

กระแสไฟฟ้า

IDD

(μA)

UVLO

แรงดันไฟฟ้า

VUVLO

(V)

typ.

typ.

typ.

typ.

typ.

TCTH011AE

SOT-553

(ESV)

1.6×1.6,

t=0.55

1.7 ถึง

5.5

-40 ถึง 125

1.00

0.50

1.8

1.5

ประเภท

Push-pull

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH012AE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH021AE

10.0

11.3

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH022AE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH011BE

1.00

1.8

ประเภท

Open-drain

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH012BE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH021BE[4]

10.0

11.3

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH022BE[4]

ใช่

ซื้อออนไลน์

[4] ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

TCTH011AE

TCTH012AE

TCTH021AE

TCTH022AE

TCTH011BE

TCTH012BE

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Thermoflagger™ ของ Toshiba

วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน Thermoflager™

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอโซลูชันของ Toshiba

การใช้งาน
โซลิดสเตตไดรฟ์
เซิร์ฟเวอร์
อุปกรณ์แท็บเล็ต

หากต้องการตรวจสอบการจัดจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ร้านผู้จัดจำหน่ายออนไลน์ โปรดไปที่:

TCTH011AE
ซื้อออนไลน์

TCTH012AE
ซื้อออนไลน์

TCTH021AE
ซื้อออนไลน์

TCTH022AE
ซื้อออนไลน์

TCTH011BE
ซื้อออนไลน์

TCTH012BE
ซื้อออนไลน์

* Thermoflagger™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บขั้นสูง ที่ประยุกต์ใช้ประสบการณ์กว่าครึ่งศตวรรษและนวัตกรรมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ชนิดแยกชิ้น ผลิตภัณฑ์ระบบ LSI และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัท 21,500 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ร่วมกัน Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation คาดหวังที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีขึ้นเพื่อทุกคนทั่วโลก โดยมียอดขายต่อปีเกือบ 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/53552921/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก
โทร: +81-44-548-2215
ติดต่อเรา

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation


เปิดลงทะเบียนแล้วสำหรับกิจกรรม Women’s Entrepreneurship Accelerator ที่ UNGA78 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในวันครบรอบสี่ปี

Logo

“การลดความเหลื่อมล้ำ: การเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการสตรีในระดับโลก” จะส่งเสริมให้เกิดการเจรจาระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบนิเวศของผู้ประกอบการสตรี

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–14 กันยายน 2023

เพื่อให้สอดคล้องกับการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 78 กลุ่ม Women’s Entrepreneurship Accelerator (WEA) มีความภูมิใจที่จะประกาศกิจกรรมสำคัญที่เน้นย้ำถึงช่องว่างเร่งด่วนในการจัดหาเงินทุนสำหรับธุรกิจที่นำโดยผู้หญิง โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันของ WEA กับหน่วยงานของสหประชาชาติ, Mary Kay GlobalYildiz Holding, และโครงการ Women Entrepreneurs Act (WE Act) ของประเทศ Women20 (W20)

Titled “Inclusive Capital: Empowering Women Entrepreneurs on a Global Scale,” the WEA’s event at UNGA78 is a pivotal event spotlighting the pressing gap in financing for women-led businesses and aiming to foster dialogue among stakeholders in the women's entrepreneurship ecosystem. (Credit: Women’s Entrepreneurship Accelerator)

งาน WEA ที่ UNGA78 มีชื่อว่า “การลดความเหลื่อมล้ำ: การเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการสตรีในระดับโลก” จะส่งเสริมให้เกิดการเจรจาระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบนิเวศของผู้ประกอบการสตรี ถือเป็นงานสำคัญที่เน้นย้ำถึงช่องว่างเร่งด่วนในการจัดหาเงินทุนสำหรับธุรกิจที่นำโดยผู้หญิง และมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเจรจาระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบนิเวศการเป็นผู้ประกอบการสตรี (เครดิต: Women's Entrepreneurship Accelerator)

“การลดความเหลื่อมล้ำ: การเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการสตรีในระดับโลก”

ห้องประชุม 2 สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นิวยอร์ก

วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน 2023 เวลา: 18.00 – 20.00 น. ET

ลงทะเบียนที่นี่

งานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเจรจาระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบนิเวศของผู้ประกอบการสตรี การอภิปรายจะเกี่ยวข้องกับความท้าทายทางการเงินที่ผู้ประกอบการสตรีเผชิญ ความสำคัญของการลงทุนแบบมีส่วนร่วม และความจำเป็นสำหรับหน่วยงานสถาบัน และองค์กรในการนำมุมมองที่นับรวมคนทุกเพศมาใช้ในกระบวนการตัดสินใจ

“จากการก่อตั้งโครงการ Women's Entrepreneurship Accelerator นั้น Mary Kay ได้ช่วยกำหนดเส้นทางใหม่ในการแทรกแซงสำหรับภาคเอกชน” กล่าวโดย Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Mary Kay Inc. “WEA เป็นกลไกความร่วมมือที่ก้าวล้ำซึ่งองค์การสหประชาชาติ ภาครัฐและเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม และผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายทำงานร่วมกันเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกด้วยและเพื่อผู้ประกอบการสตรี”

ช่วงเย็นจะเริ่มต้นด้วยการกล่าวต้อนรับจากผู้นำผู้บริหารของ UN Women ตามด้วยการแนะนำตัวจาก Fulya Fraser ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตของ Pladis ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในเครือ Yildiz Holding

การประชุม 2 หัวข้อจะเจาะลึกในหัวข้อต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการ:

  1. เร่งรัดวาระปี 2030 ผ่านการเป็นผู้ประกอบการสตรี – ดำเนินรายการโดย Virginia Littlejohn ผู้ประสานงานระดับโลกสำหรับพระราชบัญญัติผู้ประกอบการสตรี (WE Act) ที่ออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการและการนำไปปฏิบัติของ W20 เซสชันดังกล่าวจะกล่าวถึง “โอกาสล้านล้านดอลลาร์ในการสนับสนุนผู้ประกอบการสตรี” และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น หากธุรกิจที่นำโดยผู้หญิงก้าวข้ามอุปสรรคทางการเงิน วิทยากรที่ได้รับการยกย่อง ได้แก่ ผู้นำผู้บริหารจากหน่วยงานพันธมิตร WEA UN
  2. Global Action for Women's Entrepreneurship – เซสชันนี้จะเน้นโครงการและโปรแกรมสำคัญ ๆ ในด้านการเป็นผู้ประกอบการสตรี โดยมีข้อมูลเชิงลึกจากผู้นำด้านการพัฒนาระดับนานาชาติ เช่น Adriana Carvalho (W20Brazil), Wendy Teleki (World Bank), Marie-Christine Oghly (Femmes Chefs d' Entreprise Mondiales – FCEM); Catherine Bosshart  (สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพ- BPW), Anne Ravanona (Global InvestHER), Deborah Gibbins, Mary Kay Global, Lamia Kamal-Chaoui (องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา – OECD)

คำปราศรัยของงานจะกล่าวสุนทรพจน์โดย Shazi Visram ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของแบรนด์ Happy Family

เปิดลงทะเบียนจนถึงวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2023 เวลา 23:59 น. ET สำหรับการเข้าร่วมด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นิวยอร์ก สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมได้ งานดังกล่าวจะถ่ายทอดสดผ่านทางเว็บไซต์ United Nations Web TV 

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียน คลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Women's Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นความร่วมมือหลายฝ่ายเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการสตรีที่จัดตั้งขึ้นใน UNGA 74 โดยมีหน่วยงานของสหประชาชาติ 6 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC), สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), UN Global Compact (UNGC), UN Women และ Mary Kay Inc. เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนภายในปี 2030

เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบจากการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรี ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก Accelerator เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนหลายฝ่ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อควบคุมศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี

เรียนรู้เพิ่มเติมที่ we-accelerate ติดตามเรา: Twitter/X (We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator), LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53554135/en

ติดต่อ

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารองค์กร

marykay.com/newsroom

(+1) 972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Women’s Entrepreneurship Accelerator


การเร่งการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตที่มีคาร์บอนต่ำของ Black & Veatch

Logo

เปิดตัว eBook เล่มใหม่ล่วงหน้าก่อนงาน Gastech 2023 เนื่องจากในภาวะการแข่งขันที่สูงทั่วโลกของการรักษาอุปทานของ LNG

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE )–14 กันยายน 2023

ความต้องการเร่งด่วนในการเพิ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และปรับปรุงความปลอดภัยของอุปทานจะเป็นประเด็นสำคัญในการประชุม Gastech 2023 ที่สิงคโปร์ เนื่องจากโลกกำลังเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและความท้าทายในการจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้และมีความยั่งยืน

ใน eBook ใหม่ LNG: Fueling the Future นี้ Black & Veatch จะเจาะลึกบทบาทของ LNG ในอนาคตของพลังงานทั่วโลก โดยให้รายละเอียดว่าอุตสาหกรรมจะต้องขยายขนาดเกินกำลังการผลิตในปัจจุบันอย่างไร เพื่อรักษาสมดุลของระดับพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการพิจารณาโซลูชันพลังงานสะอาดทางเลือกในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงไฮโดรเจน นิวเคลียร์ การจัดเก็บพลังงาน และการดักจับคาร์บอน

“เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจแบบคาร์บอนมาเป็นเศรษฐกิจแบบใช้อิเล็กตรอนและโมเลกุล การค้นหาส่วนผสมพลังงานที่เหมาะสมสำหรับความต้องการในระยะสั้นและการเปลี่ยนแปลงระยะยาวถือเป็นสิ่งสำคัญ” Mario Azar ประธานและซีอีโอของ Black & Veatch กล่าว

“ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นสิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนโลกไปสู่อนาคตที่มีคาร์บอนต่ำอย่างรวดเร็วด้วยการรักษาเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าและเพิ่มความยืดหยุ่น” Narsingh Chaudhary ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch กล่าวเสริม

ในประเทศติดทะเล รวมถึงประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียแปซิฟิก ความต้องการ LNG กำลังเพิ่มขึ้นในฐานะแหล่งพลังงานสำหรับการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซขนาดใหญ่ LNG เป็นพลังงานพื้นฐานที่สามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างการเลิกใช้พลังงานถ่านหิน ความเร็วของการใช้พลังงานหมุนเวียน และการเกิดขึ้นของโซลูชันพลังงานสะอาดทางเลือกใหม่

การขยายขนาดการผลิต ความรวดเร็วในการออกสู่ตลาด และการรักษาราคาที่แข่งขันได้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมในการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น แนวทางที่เป็นนวัตกรรมในด้านเทคโนโลยีและการดำเนินการ เช่น LNG แบบลอยตัว (FLNG) และการทำให้เป็นโมดูล กำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปข้างหน้าและปลดล็อกก๊าซที่ติดอยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมกับโรงงานขนาดใหญ่แบบดั้งเดิม

Black & Veatch เป็นผู้บุกเบิกในการนำเสนอโซลูชัน FLNG ที่ประสบความสำเร็จ บริษัทมีส่วนร่วมใน 5 โครงการจาก 10 โครงการ FLNG ที่กำลังดำเนินการหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างทั่วโลก โดยรวมถึงการแปลงเรือ MOSS ลำแรกเป็นโรงงาน FLNG นั่นคือเรือ Golar Hilli Episeyo FLNG ซึ่งสร้างเสร็จในสิงคโปร์

เทคโนโลยี FLNG นำเสนอโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและทรงประสิทธิภาพในตลาดอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างรายได้จากแหล่งสำรองก๊าซนอกชายฝั่ง และความสามารถในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้ชายฝั่งเพื่อส่งออกก๊าซทางท่อ แนวทางดังกล่าวยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการก่อสร้าง ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงด้วยการออกแบบแบบแยกส่วนและการก่อสร้างในอู่ต่อเรือ นอกจากนี้ เทคโนโลยี FLNG ยังมีการออกแบบที่กะทัดรัดซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกบนบก

ความเป็นผู้นำของ Black & Veatch ในการพัฒนาและสร้างโรงงาน FLNG ได้รับการสนับสนุนโดยเทคโนโลยี PRICO® ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการทำให้เป็นของเหลวที่ได้รับการพิสูจน์แล้วซึ่งเหมาะสำหรับการผลิต LNG ที่สามารถใช้กับยานพาหนะที่มีการลดค่ากำลังไฟฟ้าสูงสุด ยานพาหนะขนาดกลางและหนัก การเติมเชื้อเพลิงทางอุตสาหกรรม กำลังไฟฟ้าพื้นฐาน และการใช้งานนอกชายฝั่ง การดำเนินงานที่เรียบง่ายและการกำหนดค่าที่ยืดหยุ่นของ PRICO® ทำให้สามารถปรับขนาดสำหรับการใช้งานในโรงงานขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ และใช้งานโซลูชันโครงการที่เป็นนวัตกรรมสำหรับโรงงาน LNG บนบก นอกชายฝั่ง และใกล้ชายฝั่ง

ที่ Gastech 2023 Azar จะแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลกในการสนับสนุนการพัฒนา การใช้งาน และการขยายขนาดของเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะนำอุตสาหกรรมไปสู่การลดคาร์บอนและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น Chaudhary จะหารือเกี่ยวกับแนวโน้มของเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้นี้

ติดต่อ Black & Veatch เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • ดาวน์โหลดสำเนาฟรีของ eBook LNG: Fueling the Future ที่นี่
  • Black & Veatch สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน LNG มานานกว่า 50 ปี โดยผสมผสานเทคโนโลยีและความรู้ความชำนาญในการผลิต LNG การจัดเก็บ การแปลงสภาพเป็นก๊าซ และส่งออกสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยโซลูชันที่ราบรื่นสำหรับการออกแบบ การจัดซื้อ การแปรรูป และการก่อสร้าง
  • ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของ Black & Veatch เป็นส่วนสำคัญในโครงการ FLNG หลายโครงการ รวมถึง Tango FLNG ของ Eni (เดิมชื่อ Exmar) และเรือ FLNG สามลำที่พัฒนาโดย Golar LNG ในโครงการเหล่านี้ Black & Veatch ให้บริการด้านวิศวกรรมและการจัดซื้อจัดจ้างระดับสูง

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2022 อยู่ที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราบน www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
อีเมลสำหรับสื่อ 24 ชั่วโมง | Media@bv.com

ที่มา: Black & Veatch

Hillstone Networks ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำ XDR ในรายงาน Frost Radar™ 2023

Logo

Hillstone Networks ได้รับการยกย่องจาก Frost & Sullivan สำหรับกลยุทธ์ XDR

SANTA CLARA, Calif.–(BUSINESS WIRE)–13 กันยายน 2023

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการเติบโตในรายงาน Frost Radar™ Extended Detection and Response Report ประจำปี 2023

รายงาน Frost Radar™ ปี 2023 เป็นการวิเคราะห์การตลาดที่ดำเนินการโดย Frost & Sullivan โดยประเมินผู้เข้าร่วมในอุตสาหกรรมตามกลยุทธ์การเติบโต นวัตกรรม ประสบการณ์ของลูกค้า และส่วนแบ่งตลาด รายงานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยองค์กรในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเมื่อเลือกผู้ให้บริการโซลูชัน XDR ที่เชื่อถือได้

“การได้รับการเสนอชื่อในฐานะผู้นำในรายงาน Frost Radar™ ปี 2023 เป็นการตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในการนำเสนอโซลูชันที่ล้ำสมัยที่ต่อต้านภัยคุกคามทางดิจิทัลที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง” Tim Liu CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “โซลูชันของเรารวมการตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง การตอบสนองต่อเหตุการณ์ และความสามารถด้านนิติวิทยาศาสตร์ไว้ในแพลตฟอร์มแบบครบวงจร ช่วยให้ธุรกิจสามารถปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลในเชิงรุกได้”

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan โซลูชัน XDR ได้เห็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภูมิภาค อุตสาหกรรม และบริษัททุกขนาด เนื่องจากมีการนำเสนอภาพรวม การบูรณาการ การวิเคราะห์ ความยืดหยุ่น และระบบอัตโนมัติที่ลูกค้าต้องการในสภาพแวดล้อมไอทีที่ซับซ้อนในปัจจุบัน Frost ระบุว่า XDR มีสัญญาหลัก 3 ประการ ได้แก่ การตรวจจับและการตอบสนองแบบข้ามเลเยอร์ ระบบอัตโนมัติที่มีความหมาย และการผสานรวมกับสแต็กการรักษาความปลอดภัย

“Hillstone Networks แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อแนวทาง Open XDR ในขณะที่กำลังลงทุนงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญในการเพิ่มการบูรณาการของบุคคลที่สาม และจัดหาชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) เพื่ออำนวยความสะดวกในการบูรณาการกับแพลตฟอร์ม” Lucas Ferreyra นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมของ Frost & Sullivan กล่าว “Hillstone Networks ได้พัฒนากลยุทธ์การเติบโตที่น่าสนใจ ซึ่งครอบคลุมการใช้ประโยชน์จากความเกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้นของการรักษาความปลอดภัยที่มีการจัดการ เพื่อให้ MSSP สามารถใช้โซลูชัน XDR ของตนได้ ขยายขอบเขตการเข้าถึงในขณะที่กำหนดเป้าหมายภาคส่วนที่มีการเติบโตสูง เช่น ภาครัฐ การดูแลสุขภาพ การศึกษา และการผลิต ความเข้าใจในตลาดดังกล่าวจะช่วยให้ Hillstone Networks สามารถปลดล็อกโอกาสในการเติบโตเพิ่มเติมในตลาด XDR ที่มีการแข่งขันสูง”

ความมุ่งมั่นของ Hillstone ในการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและการใช้งานของลูกค้าที่ประสบความสำเร็จ มีส่วนช่วยให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้าน XDR พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาหลักของ XDR:

  • ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Hillstone สามารถค้นหาและป้องกันการโจมตีได้ ก่อนที่จะมีโอกาสใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดในองค์กร นั่นก็คือ ข้อมูล โซลูชัน Hillstone XDR ใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องขั้นสูง (ML) ผ่านมัลแวร์ที่ไม่รู้จักและการตรวจจับที่ผิดปกติ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของภัยคุกคามขั้นสูง และการบรรเทาภัยคุกคามอัตโนมัติ
  • นอกจากนี้ Hillstone XDR ยังมีการเรียบเรียงและการตอบสนองแบบอัตโนมัติอีกด้วย หากมีการกำหนดค่ากลยุทธ์การแก้ไข เมื่อมีการตรวจพบภัยคุกคามแล้ว Hillstone XDR จะดำเนินการบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติตาม Playbook ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
  • ซึ่งรวมถึงการบูรณาการกับข้อมูลที่หลากหลายทั่วทั้งเครือข่ายตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทางไปจนถึงระบบคลาวด์ ข้อมูลนี้อาจรวมถึง NetFlow, Sysmon, Syslogs, ข้อมูลอภิพันธุ์ (Metadata) ข้อมูลภัยคุกคาม และบันทึกของบุคคลที่สาม ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีการกำหนดมาตรฐาน เชื่อมโยงกัน และวิเคราะห์เพื่อให้มองเห็นได้อย่างสมบูรณ์และทำลายไซโลข้อมูลความปลอดภัย ไม่เพียงแต่ให้การมองเห็นด้านความปลอดภัยเต็มรูปแบบโดยมีจุดบอดน้อยลง แต่ยังปรับปรุงความแม่นยำในการตรวจจับด้วยการลดผลบวกลวงให้เหลือน้อยที่สุด

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hillstone XDR ที่นี่

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมอบการปกป้องทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างแก่บริษัททุกขนาด ตั้งแต่ edge ไปจนถึงคลาวด์ และในทุกปริมาณงาน แนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks นำเสนอความครอบคลุม การควบคุม และการรวมระบบมาสู่องค์กรมากกว่า 26,000 แห่งทั่วโลก www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

Consensys ประกาศเปิดตัว MetaMask Snaps ต่อสาธารณะ: เสริมศักยภาพผู้ใช้ด้วยการปรับแต่งแพลตฟอร์มที่ไม่เคยมีมาก่อน

Logo

MetaMask Snaps จะรวบรวมนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใน Web3 อย่างเต็มรูปแบบ โดยช่วยให้นักพัฒนาบุคคลที่สามสามารถนำความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมาใช้สร้างในแพลตฟอร์ม MetaMask โปรแกรมนวัตกรรมที่ไม่มีกลไกการอนุญาตนี้พร้อมที่จะเปลี่ยนรูปแบบการใช้งาน MetaMask ของผู้ใช้ทั่วโลก โดยนำเสนอความเป็นไปได้ในการควบคุมและการปรับแต่งที่เหนือชั้น ในระยะเริ่มแรก สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการให้ผู้ใช้ MetaMask ที่เชี่ยวชาญได้ลองใช้ MetaMask Snaps และรวบรวมความเห็นของพวกเขา ขณะที่ทีม MetaMask ยังคงเดินหน้าพัฒนาเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ขั้นสูงสุดของ MetaMask Snaps

ฟอร์ตเวิร์ธ, เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2023

วันนี้ Consensys บริษัทซอฟต์แวร์บล็อกเชนและ Web3 ชั้นนำ ได้ประกาศเปิดตัว MetaMask Snaps เวอร์ชันใหม่สู่สาธารณะเป็นครั้งแรก MetaMask Snaps ได้รับการตั้งค่าให้ปฏิวัติวิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับ MetaMask ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Web3 ที่กำกับดูแลตนเองชั้นนำของโลก โดยนำเสนอการควบคุมและการปรับแต่งที่ไม่เคยมีมาก่อน Snaps คือคุณสมบัติและฟังก์ชันใหม่ที่สร้างขึ้นโดยนักพัฒนาบุคคลที่สาม ซึ่งผู้ใช้ MetaMask ทั่วโลกสามารถติดตั้งลงในวอลเล็ตของตนได้โดยตรง ซึ่งเดิมทีคุณสมบัติของ MetaMask ได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะโดยนักพัฒนา MetaMask ที่ Consensys ว่าจ้าง การเปิดตัวครั้งแรกจะรวม 34 Snaps ที่ให้อรรถประโยชน์เกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกของธุรกรรม การทำงานร่วมกันกับบล็อกเชนที่ไม่ใช่ EVM เช่น Bitcoin และการแจ้งเตือน

การเปิดตัว MetaMask Snaps ต่อสาธารณะถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของวิวัฒนาการของ MetaMask ในฐานะวอลเล็ต ด้วยการมอบชุดเครื่องมือใหม่ที่พัฒนาโดยนักพัฒนาบุคคลที่สามทั่วโลกแก่ผู้ใช้ MetaMask Snaps จะช่วยให้บุคคลสามารถกำหนดประสบการณ์ Web3 ของตนได้ตามความต้องการและความชอบเฉพาะตัว ผู้ใช้ MetaMask ที่เชี่ยวชาญสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการติดตั้ง Snaps แรกที่มีได้จาก เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ กระบวนการแรกจะมุ่งเน้นไปที่การให้ผู้ใช้ MetaMask ที่มีประสบการณ์มาลองใช้ MetaMask Snaps และรวบรวมคำติชมของพวกเขา ขณะที่ทีม MetaMask ยังคงเดินหน้าพัฒนาเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ขั้นสูงสุด

การเปิดตัว Snaps เริ่มต้น: ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรม ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และการแจ้งเตือน

ในช่วงเริ่มต้นของการบรรลุวิสัยทัศน์นี้ MetaMask Snaps จะเปิดตัวพร้อม ชุด Snaps 34 รายการ Snaps เหล่านี้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและถูกรวมไว้ในรายการที่อนุญาตโดยทีม MetaMask MetaMask จะยังคงตรวจสอบและรวม Snaps ไว้ในรายการที่อนุญาตจนกว่าจะบรรลุการเปลี่ยนไปใช้ระบบที่ไม่มีกลไกการอนุญาต โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขั้นตอนนี้

Snaps แรกเหล่านี้จะทำให้เกิดกรณีการใช้งานที่ไม่ซ้ำใครซึ่งรวมถึง:

  • ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรม: ปรับปรุงการเดินทางของ Web3 ของผู้ใช้ด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้พวกเขาสามารถระบุข้อกังวลด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นและสัญญาอัจฉริยะที่เป็นอันตรายก่อนที่จะทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้น
  • การทำงานร่วมกัน: MetaMask Snaps ขยายการใช้งาน Web3 ให้ครอบคลุมบล็อกเชนที่ไม่ใช่ EVM เช่น Bitcoin, Solana, Cosmos และโซลูชัน EVM Layer 2 เช่น StarkNet
  • การแจ้งเตือน: แจ้งให้ผู้ใช้ทราบและมีส่วนร่วมกับการแจ้งเตือนเฉพาะ Web3 โดยตรงใน MetaMask เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะไม่พลาดการอัปเดตหรือกิจกรรมที่จำเป็น

ดูรายการ Snaps ทั้งหมดได้ใน MetaMask Snaps Directory

วิสัยทัศน์ของ MetaMask เกี่ยวกับนวัตกรรมที่ไม่มีกลไกการอนุญาต

ในปี 2022 MetaMask มีผู้ใช้งานทะลุ 100 ล้านคน ระบบนิเวศของ Web3 มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นำไปสู่กรณีการใช้งานใหม่ๆ ที่หลากหลาย นวัตกรรมที่มอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่เป็นส่วนตัวยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงและอำนวยความสะดวกในการเติบโตของระบบนิเวศของ Web3 โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการเพิ่มผู้ใช้ 1 พันล้านคน แม้ว่าต้นกำเนิดของมันจะมีรากฐานมาจาก Ethereum แต่ MetaMask ก็มีความเชื่อมั่นว่านวัตกรรมนั้นเกิดขึ้นในหลายโดเมนทั่วทั้งระบบนิเวศของ Web3 ด้วย Snaps วอลเล็ต Web3 ชั้นนำหวังว่าจะรวบรวมนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใน Web3 ได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น โดยช่วยให้นักพัฒนาบุคคลที่สามสามารถนำความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมาสร้างแพลตฟอร์มได้ MetaMask จินตนาการถึงระบบนวัตกรรมที่เปิดกว้างและไม่มีกลไกการอนุญาต ซึ่งนักพัฒนา Web3 คนใดก็ตามสามารถสร้าง Snap และเปิดให้ผู้ใช้ใช้งานได้ เป็นแพลตฟอร์มเพื่อชุมชนที่สร้างโดยชุมชน

“ส่วนที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับ Snaps สำหรับฉันคือตอนนี้เรามีระบบที่เป็นหัวใจของวอลเล็ตของเราซึ่งช่วยให้เราสามารถหยุดฟังและเชิญชวนชุมชนให้เสนอวิธีแก้ปัญหาของปัญหาที่ยากที่สุดอย่างนอบน้อม ฉันมีความคิดและความคิดเห็นที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับอนาคตของความปลอดภัยในการทำธุรกรรม แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมมันจะต้องเป็นความคิดเดียวที่ได้รับการพิสูจน์ เรากำลังช่วยนำเสนอกระบวนทัศน์ใหม่ของการประมวลผลแบบกระจาย และมีคำถามมากมายที่ต้องการโซลูชันที่สร้างสรรค์ ดังนั้น ฉันยังคงเชื่อว่าการลดอุปสรรคและค่าใช้จ่ายในการลองสิ่งใหม่ๆ อาจเป็นตัวเร่งสำคัญในการค้นหาคำตอบที่ดีของปัญหาที่ยากลำบากเหล่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเร่งเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ของตัวมันเอง แต่เป็นการเร่งกระบวนการค้นหาการปรับปรุงวิธีที่เราทำสิ่งต่างๆ” Dan Finlay ผู้ร่วมก่อตั้ง MetaMask และ Chief Ethos Officer ของ Consensys กล่าว

นักพัฒนาบุคคลที่สามที่สร้าง Snaps สามารถจัดส่งและดูแลรักษาผลงานสร้างสรรค์ของตนได้อย่างอิสระ โดยแยกจาก MetaMask พวกเขารักษาความเป็นเจ้าของรหัสและสร้างการเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ใช้ Snap ในระยะยาว ผู้ใช้ MetaMask จะได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบายและความสามารถรอบด้านของ Snaps จำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งได้รับการปรับให้เหมาะกับกรณีการใช้งานต่างๆ บนโปรโตคอลต่างๆ พวกเขาจะได้เห็นคุณสมบัติที่ยังไม่เคยมีใครจินตนาการมาก่อน ซึ่งพัฒนาขึ้นด้วยความเร็วที่ MetaMask ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

“เรากำลังสร้าง MetaMask Snaps ให้เป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดสำหรับนวัตกรรม และเราไม่เรียกเก็บเงินจากนักพัฒนาสำหรับการเผยแพร่ Snaps บนแพลตฟอร์มนี้ เราเชื่อว่านวัตกรรมที่ไม่มีกลไกการอนุญาตเป็นรากฐานสำคัญของระบบกระจายศูนย์ที่ไม่ต้องมีผู้รักษาประตู นวัตกรรมเจริญรุ่งเรืองตามความเร็วของเครือข่าย ไม่ใช่แค่ภายในทีมพัฒนาของ Consensys เท่านั้น” Christian Montoya หัวหน้าผลิตภัณฑ์ของ MetaMask Snaps กล่าวเน้นย้ำ

ด้วยการคาดการณ์อนาคตและสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า MetaMask จึงได้หารือกับนักพัฒนามากกว่า 150 รายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพื่อขยายขอบเขตของ Snaps นักพัฒนาเหล่านี้มาจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงแอฟริกา เอเชีย ยุโรป ลาตินอเมริกา และสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ Consensys

Consensys คือบริษัทซอฟต์แวร์บล็อกเชนและ Web3 ชั้นนำ ตั้งแต่ปี 2014 Consensys เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม โดยบุกเบิกการพัฒนาทางเทคโนโลยีภายในระบบนิเวศของ Web3 ด้วยชุดผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึงแพลตฟอร์ม MetaMaskInfuraLineaDiligence และแพลตฟอร์ม NFT ของเรา เราได้กลายเป็นแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันที่เชื่อถือได้สำหรับผู้ใช้ ผู้สร้าง และนักพัฒนาบนเส้นทางการสร้างและเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่พวกเขาต้องการเห็น ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง dApp, คอลเลกชัน NFT, พอร์ตโฟลิโอ หรืออนาคตที่ดีกว่า สัญชาตญาณในการสร้างสรรค์นั้นเป็นสากล Consensys เป็นแรงบันดาลใจและสนับสนุนสัญชาตญาณการสร้างสรรค์ของทุกคนด้วยการทำให้ Web3 ใช้งานง่ายและพัฒนาอย่างเป็นสากล ดูผลิตภัณฑ์และโซลูชันของเราที่ https://consensys.io/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

pr@consensys.io

ที่มา: Consensys

บริษัท H.I.G. Capital ปิดตัวด้วยสถิติ 5.5 พันล้านดอลลาร์ในกองทุน H.I.G. Middle Market LBO Fund IV

Logo

ไมอามี–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2023

H.I.G. Capital (หรือ H.I.G.) ซึ่งเป็นริษัทจัดการสินทรัพย์ทางเลือกชั้นนำระดับโลกด้วยทุน 58 พันล้านดอลลาร์ ภายใต้การจัดการของบริษัท ยินดีในการประกาศปิดกองทุน H.I.G. Middle Market LBO Fund IV (“กองทุน”) กองทุนปิดด้วยจำนวนเงินสูงสุดที่เรียกเก็บจากผู้ถือหุ้นในการลงทุนทั้งหมดจำนวน 5.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจากเงินลงทุนร่วมของบัญชีผู้ถือหุ้นแยกจำนวน 450 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมเป็นอย่างมาก

กองทุนจะสร้างจากประวัติผลการดำเนินการที่ยาวนานของทีมด้วยเริ่มจากการลงทุนในตราสารหุ้นที่มีการควบคุมในสถานการณ์อันซับซ้อนในบริษัทที่อยู่ในกลุ่มตลาดขนาดกลางซึ่งมีลักษณะความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่ไม่สมดุล และมีการเสนอคุณค่าของบริษัทที่แตกต่าง

Sami Mnaymneh และ Tony Tamer ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารร่วมแห่ง H.I.G กล่าวว่า “เรายินดีอย่างยิ่งกับการสนับสนุนจากนักลุงทุนที่มีมาตลอดซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสมรรถภาพอันแข็งแกร่งของ ทีมตลาดระดับกลางของ H.I.G. และวิธีการลงทุนอันแตกต่าง เรามั่นใจว่าแพลตฟอร์มอันเป็นเอกลักษณ์ของเราจะทำให้เราโดดเด่นในพื้นที่นี้ได้ต่อไป”

Keval Patel, หัวหน้าทีมตลาดระดับกลางของ H.I.G. กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สร้างกลยุทธ์ในตลาดระดับกลางที่ประสบความสำเร็จของ H.I.G. สำหรับกองทุนนี้ ด้วยขนาดและความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติการที่อุทิศให้กับตลาดระดับกลางนี้ มันได้สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญให้กับเรามาตลอดและทำให้เราผลักดันผลตอบแทนอันสำคัญให้แก่นักลงทุนต่างๆ ไม่ว่าสภาพแวดล้อมด้านภาพรวมทางเศรษฐกิจจะเป็นแบบใดก็ตาม”

Jordan Peer Griffin กรรมการผู้จัดการระดับสูงและหัวหน้าการลงทุนระดับโลก กล่าวเสริมว่า “การสนับสนุนอันทรงพลังของเหล่าห้างหุ้นส่วนจำกัดของเรานำไปสู่การระดมทุนที่สำเร็จซึ่งมีผู้สมัครเข้าร่วมอันล้นหลามซึ่งมีความหมายมากในสภาพแวดล้อมการระดมทุนที่ยากลำบากเช่นนี้ มันเป็นการพิสูจน์ที่ชัดเจนให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างสูงของนักลงทุนต่อ H.I.G. กลยุทธ์การลงทุนของเรา และความสามารถในการเป็นแหล่งที่ดึงดูดการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น”

กองทุนนี้ได้รับการสนับสนุนจากฐานนักลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนมาเป็นเวลานานของ H.I.G. และยังยินดีเปิดรับนักลงทุนใหม่จากทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา ห้างหุ้นส่วนจำกัดของกองทุนเป็นกลุ่มของนักลงทุนสถาบันที่หลากหลายและมีชื่อเสียง ซึ่งประกอบด้วย มูลนิธิ กองทุนการกุศล กองทุนบำนาญของรัฐและเอกชน ที่ปรึกษา กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ และสำนักงานครอบครัว

เกี่ยวกับ H.I.G. Capital

บริษัท H.I.G. Capital เป็นบริษัทการลงทุนทางเลือกชั้นนำระดับโลกซึ่งมีเงินทุน 58 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การจัดการ* มีที่ตั้งหลักอยู่ที่ไมอามีและมีสำนักงานต่างๆ อยู่ใน นิวยอร์ก บอสตัน ชิคาโก ดัลลัส ลอสแองเจลลิส ซานฟรานซิสโก และแอตแลนตา ในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งยังมีสำนักงานในเครืออยู่ในลอนดอน แฮมเบิร์ก แมดริด มิลาน ปารีส โบโกตา รีโอเดจาเนโร และเซาเปาโล H.I.G. เชี่ยวชาญในด้านตลาดตราสารหนี้และตลาดทุนในบริษัทตลาดระดับกลางโดยใช้วิธีการปฏิบัติการที่มุ่งเน้น/เพิ่มมูลค่าและมีความยืดหยุ่น

  1. กองทุนรวมตราสารทุนของ H.I.G. ลงทุนในการซื้อกิจการผู้บริหาร การปรับโครงสร้างการเงิน และการแยกออกจากโครงสร้างธุรกิจเดิมของธุรกิจที่ทั้งมีผลกำไรและธุรกิจบริการและอุตสาหกรรมการผลิตที่ผลดำเนินการต่ำกว่าเกณฑ์
  2. กองทุนรวมตราสารหนี้ของ H.I.G. ลงทุนในแหล่งเงินทุนจากหนี้ไม่ด้อยสิทธิ หนี้ตามหน่วยลงทุน และหนี้ด้อยสิทธิให้กับบริษัทในทุกๆ ขนาด ทั้งในตลาดแรก (โดยตรง) และตลาดรอง H.I.G. ยังจัดการการซื้อขายสาธารณะของ BDC, WhiteHorse Finance อีกด้วย
  3. กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของ H.I.G. ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเพิ่มมูลค่าซึ่งได้ประโยชน์จากการวางแผนการจัดการทรัพย์สินที่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น
  4. โครงสร้างพื้นฐานของ H.I.G. มุ่งเน้นไปที่การสร้างมูลค่าเพิ่มและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นอกตลาดระดับ core plus ในภาคส่วนด้านโครงสร้างพื้นฐาน

เริ่มตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทในปี 1993 นั้น H.I.G ได้มีการลงทุนและจัดการมากกว่า 400 บริษัททั่วโลก พอร์ตโฟลิโอของบริษัทในปัจจุบันมีมากกว่า 100 บริษัทซึ่งมียอดขายรวมกันเกินกว่า 52 พันล้านดอลลาร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ H.I.G. ที่ www.higcapital.com

*จากทุนระดมทั้งหมดโดย H.I.G. Capital และบริษัทในเครือ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Jordan Peer Griffin
กรรมการผู้บริหารระดับสูง
jpeer@higcapital.com

Keval Patel,
กรรมการผู้จัดการ
หัวหน้า H.I.G. ตลาดระดับกลาง
kpatel@higcapital.com

ที่มา: H.I.G. Capital

Sazae Japan ร่วมมือกับ Boomi เพื่อแก้ไขปัญหาการบูรณาการที่บริษัทญี่ปุ่นต้องเผชิญ

Logo

โตเกียว และเชสเตอร์บรูค รัฐเพนซิลเวเนีย–(BUSINESS WIRE )–13 กันยายน 2023

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ได้ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ Sazae Japan, Inc (“Sazae”) ผู้ให้บริการให้คำปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่โดดเด่น Boomi เป็นแพลตฟอร์มบูรณาการแห่งแรกของ Sazae ในฐานะพันธมิตรด้านบริการ (iPaaS) ในญี่ปุ่น

Sazae Japan Partners With Boomi to Tackle Integration Issues Faced by Japanese Companies (Graphic: Business Wire)

Sazae Japan ร่วมมือกับ Boomi เพื่อแก้ไขปัญหาการบูรณาการที่บริษัทญี่ปุ่นต้องเผชิญ (กราฟิก: Business Wire)

ในฐานะบริษัทในเครือของญี่ปุ่น Sazae Pty Ltd นั้น Sazae ดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเวียดนาม Sazae จะรวมแพลตฟอร์ม Boomi ที่ใช้โค้ดน้อยและใช้งานง่าย เข้ากับบริการให้คำปรึกษาด้านไอทีขั้นต้นที่ครอบคลุมในทุกอุตสาหกรรม

เนื่องจากความต้องการการประมวลผลแบบคลาวด์เพิ่มขึ้นในหมู่บริษัทญี่ปุ่น iPaaS จึงได้รับความสนใจในฐานะเครื่องมือการบรรลุการบูรณาการระบบในระบบคลาวด์

Sazae มีส่วนร่วมในโครงการระดับโลกมากมายที่ต้องการการบูรณาการระหว่างแอปพลิเคชันและระบบในหลายประเทศ หลังจากประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับ Boomi ในโครงการ ServiceNow Sazae รู้สึกประทับใจกับความง่ายในการใช้งานของแพลตฟอร์ม Boomi การรองรับวงจรการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ ความเสถียร และความสามารถในการปรับขนาด

ความร่วมมือดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือลูกค้าของ Sazae Japan ในการบูรณาการระบบการจัดการเนื้อหา เช่น ServiceNow และ Drupal

“เราคาดหวังว่าการร่วมมือกับ Boomi จะช่วยให้เราสามารถโยกย้ายโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลของลูกค้าปัจจุบันไปยังแพลตฟอร์มการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (DX) ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” Ayumu Mizojiri กรรมการและผู้ก่อตั้ง Sazae Pty Ltd. กล่าว “สำหรับโครงการระดับโลก เราเชื่อว่าการร่วมมือกับ Boomi จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะมีประวัติที่พิสูจน์แล้วในด้านการขจัดความซับซ้อนและการส่งมอบความเร็วและประสิทธิภาพ”

“เนื่องจากความต้องการ iPaaS ยังคงเติบโตในญี่ปุ่น เราจึงวางแผนที่จะทำงานร่วมกับ Sazae ในโครงการระดับโลกของพวกเขา และช่วยให้ลูกค้าของพวกเขาเชื่อมโยงข้อมูล แอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คน เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นและเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของพวกเขา” Kazunori Hori ผู้อำนวยการ Boomi ประเทศญี่ปุ่น กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi
Boomi ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นโดยการเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่ง ทุกหนแห่ง ผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มการบูรณาการบริการ (iPaaS) บนคลาวด์ และในตอนนี้เป็นบริษัทบริการซอฟต์แวร์ (SaaS) ชั้นนำระดับโลกในสาขานี้ Boomi ดึงดูดฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มการบูรณาการและเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และประสานข้อมูล ในขณะที่เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและเร็วขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ http://boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ “B” และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือของบริษัท สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53550309/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อผู้ติดต่อ

Boomi:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสื่อและนักวิเคราะห์สัมพันธ์ APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi, LP

teamLab Planets TOKYO ได้รับรางวัลชนะเลิศ World Travel Awards สาขา “Asia’s Leading Tourist Attraction 2023” (สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียประจำปี 2023)

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2023

 teamLab Planets TOKYO ในโทโยสุ โตเกียว ได้รับประกาศให้เป็นผู้ชนะเลิศรางวัล World Travel Awards 2023 สาขา “Asia’s Leading Tourist Attraction 2023” (สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียประจำปี 2023) เมื่อวันที่ 6 เดือนกันยายน ในพิธีเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นที่เมืองโฮจิมินห์

teamLab Planets, a body immersive museum in Toyosu, Tokyo, wins the World Travel Awards for “Asia’s Leading Tourist Attraction 2023”. (teamLab Planets, Toyosu, Tokyo / Photo: teamLab)

teamLab Planets พิพิธภัณฑ์ที่ผู้ชมสามารถดื่มด่ำงานศิลปะด้วยสัมผัสทางร่างกายในโทโยสุ โตเกียว ได้รับรางวัล World Travel Awards สาขา “Asia’s Leading Tourist Attraction 2023” (สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียประจำปี 2023) (teamLab Planets โทโยสุ โตเกียว/รูปภาพ: teamLab)

หลังจากพิธีนี้เสร็จสิ้น ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศจากแต่ละภูมิภาคทั่วโลกจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “World's Leading Tourist Attraction 2023” (สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียประจำปี 2023) ในเดือนธันวาคม ปี 2023 World Travel Awards ซึ่งจะครบรอบ 30 ปีในปีนี้ จะมีการเฉลิมฉลองสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุด ตามคะแนนโหวต ซึ่งไม่เฉพาะเพียงจากผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังมาจากผู้ลงคะแนนเสียงทั่วไปอีกด้วย Wall Street Journal ได้กล่าวถึงงานนี้ว่า เป็นงานที่ “เทียบเท่ากับรางวัลออสการ์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” กันเลยทีเดียว

สถานที่ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Asia’s Leading Tourist Attraction 2023 มีดังต่อไปนี้ (เรียงตามตัวอักษรภาษาไทย):

teamLab SuperNature มาเก๊า (จีน)

กำแพงเมืองจีน

ทัชมาฮาล (อินเดีย)

นครวัด (กัมพูชา)

บุโรพุทโธ (อินโดนีเซีย)

พระราชวังต้องห้าม (จีน)

พระราชวังอิมพีเรียลโตเกียว (ญี่ปุ่น)

พิพิธภัณฑ์ Sengan-en และ Shoko Shuseikan (คาโกชิม่า ญี่ปุ่น)

วิคตอเรียพีค (ฮ่องกง)

สุสานนักรบดินเผา (จีน)

อินทรามูรอส (ฟิลิปปินส์)

ฮาลองเบย์ (เวียดนาม)

https://www.worldtravelawards.com/award-asias-leading-tourist-attraction-2023

เกี่ยวกับ World Travel Awards

World Travel Awards ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1993 เพื่อให้รางวัลและเฉลิมฉลองความเป็นเลิศในทุกภาคส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การเดินทาง และการบริการ ปัจจุบันนี้ แบรนด์ของ World Travel Awards™ ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่า เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสูงสุดของความเป็นเลิศในอุตสาหกรรม
คะแนนโหวตจะมาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางและการบริการ รวมถึงผู้บริโภคจากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก
เว็บไซต์: http://www.worldtravelawards.com/

เกี่ยวกับ teamLab Planets TOKYO

teamLab Planets เฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ได้ปรับปรุงพื้นที่แสดงงานศิลปะหลายแห่ง และเปิดตัวงานศิลปะสร้างสรรค์ชุดใหม่ ซึ่งสร้างประสบการณ์ที่น่าดื่มด่ำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เนื่องจากได้รับความนิยมสูง จากหมายกำหนดปิดเดิมในช่วงปลายปี 2023 ทางพิพิธภัณฑ์จึงมีการขยายเวลาออกไปจนถึงสิ้นปี 2027

teamLab Planets เป็นพิพิธภัณฑ์ที่คุณสามารถเดินผ่านน้ำ และมีสวนที่ผสานตัวคุณเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับดอกไม้ โดยมีพื้นที่แสดงผลงานศิลปะขนาดใหญ่ 4 แห่ง และมีสวน 2 แห่งที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยกลุ่มศิลปินของ teamLab

teamLab Planets TOKYO
https://planets.teamlab.art/tokyo/
#teamLabPlanets
7 กรกฎาคม ปี 2018 – ปลายปี 2027
Toyosu 6-1-16, Koto-ku, Tokyo

เอกสารสำหรับสื่อ
https://www.dropbox.com/sh/ir7d2aui794eo6z/AAChbzX5wPsQm8cgkQ2ViFD4a?dl=0

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ
https://www.teamlab.art/contact/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53551940/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

PLANETS Co., Ltd. ฝ่ายประชาสัมพันธ์
อีเมล: pr-info@planets.art
ติดต่อสัมภาษณ์: https://forms.gle/fAtnDKLpQKFME6XR9

ที่มา: PLANETS Co., Ltd.