Category Archives: General News

Farmhouse Aurora Bangkok Bank Café Amazon King Power M-150 PTT Station Thai Life Insurance และ TrueOnline คว้ารางวัล World Branding Awards ประจำปี 2564 ที่จัดขึ้นเสมือนจริง

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–30 พฤศจิกายน 2564

งานประกาศรางวัล World Branding Awards ครั้งที่สิบสี่ มีแบรนด์มากกว่า 500 แบรนด์จากกว่า 60 ประเทศที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “แบรนด์แห่งปี” หรือ “Brand of the Year” และต้อนรับบรรดาผู้เยี่ยมเยือนกว่า 100 คนทั่วโลกเพื่อเชื่อมต่อจากระยะทางไกลและเฉลิมฉลองความสำเร็จของพวกเขาในพิธีเสมือนจริงครั้งแรกของฟอรั่ม

Spotify, Zoom, Yakult, Netflix, Amazon, The Lego Group, Neutrogena, Nescafé, Heinz, L'Oréal, Starbucks, Google และ VISA เป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของโลกที่ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะระดับโลกในพิธีออนไลน์ครั้งแรกที่พระราชวังเคนซิงตัน

ผู้ชนะจากประเทศไทย ได้แก่ Aurora, Bangkok Bank, Café Amazon, King Power, M-150, PTT Station, Thai Life Insurance และ TrueOnline ผู้ชนะระดับประเทศอื่น ๆ ได้แก่ Airland (ฮ่องกง), Sinarmas Land (อินโดนีเซีย), Tanduay (ฟิลิปปินส์), ToastBox (สิงคโปร์), Tanishq (อินเดีย), Nahdi (ซาอุดีอาระเบีย), Natural Aqua Gel Cure (ญี่ปุ่น) เป็นต้น

โดยมีเพียงสิบสองแบรนด์เท่านั้นที่ได้รับเลือกให้ได้รับรางวัลระดับภูมิภาคในปีนี้ ได้แก่ Farmhouse, H&M, Mr D.I.Y., De’Longhi และ Pandora ซึ่งเป็นผลงานที่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นสามารถผ่านกระบวนการเสนอชื่อ ตัดสิน และประเมินผลที่ไม่เหมือนใครของฟอรั่ม ทั้งนี้ต้องใช้ 70 % ของการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคเพื่อค้นหาแบรนด์ที่ชื่นชอบของสาธารณชน

“ปี 2564 เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับธุรกิจทั่วโลก โดยโควิด-19 บีบคั้นแบรนด์ต่าง ๆ มากมายให้ปรับตัวสู่ความปกติใหม่ และรางวัลดังกล่าวก็เฉลิมฉลองให้กับความพยายามที่ธุรกิจเหล่านี้ได้ทุ่มเทให้กับการสร้างแบรนด์และการตลาด ผู้ชนะแต่ละคนได้รับความรักและความไว้วางใจจากผู้บริโภค และรางวัลนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงสิ่งนี้” Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

โดยมีการโหวตของผู้บริโภคมากกว่า 1.3 ล้านคนตั้งแต่เริ่มต้นของรางวัล และในปีนี้ผู้บริโภคมากกว่า 345,000 คนเข้าร่วมในกระบวนการเสนอชื่อทั่วโลก โดยเฉลี่ยแล้วมีแบรนด์ที่ชนะเพียง 7 แบรนด์ในแต่ละประเทศ การพิสูจน์ว่าการได้รับรางวัล World Branding Award ถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นอย่างแท้จริง

งานนี้จัดโดยพิธีกรรายการโทรทัศน์ Jemma Forte และฟอรั่มวางแผนที่จะกลับไปจัดที่พระราชวังเคนซิงตันในปีหน้า

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะทั้งหมด สามารถเยี่ยมชมได้ที่ awards.brandingforum.org

###

เกี่ยวกับ the World Branding Awards

World Branding Awards เป็นรางวัลระดับพรีเมียร์ของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จดทะเบียน รางวัลดังกล่าวเป็นการยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ชั้นนำของโลกบางส่วน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://awards.brandingforum.org

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211130005606/en/

ติดต่อ:

Kira Heather
media@brandingforum.org
+44(0)2037439880

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้บรรยายระดับสูงประกาศเปิดตัวการประชุม Global Business Forum ASEAN ครั้งแรกในดูไบ

Logo

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–29 พฤศจิกายน 2564  

รัฐมนตรีของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สามคนจะเข้าร่วมกับรัฐมนตรีจากสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ในการประชุม Global Business Forum ASEAN ครั้งแรก ซึ่งจะจัดขึ้นที่งาน Expo 2020 Dubai ในวันที่ 8-9 ธันวาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211129005531/en/

HE Hamad Buamim, President and CEO, Dubai Chamber (Photo: AETOSWire)

HE Hamad Buamim, ประธานและซีอีโอของ Dubai Chamber (ภาพ: AETOSWire)

การประชุมนี้จัดโดย Dubai Chamber ร่วมกับงาน Expo 2020 Dubai โดยการประชุม GBF ASEAN จะจัดขึ้นภายใต้เรื่อง The New Frontiers ที่ประชุมประกอบไปด้วยผู้บรรยายมากกว่า 40 คนและการอภิปรายกันเป็นคณะ 25 กลุ่ม โดยจะสำรวจแรงผลักดันที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศอาเซียนและโอกาสในการเพิ่มความสัมพันธ์ทางการค้า ธุรกิจ และการลงทุนระดับทวิภาคีระหว่างสองภูมิภาค

H.E Reem Al Hashemi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศ และผู้อำนวยการใหญ่ของงาน Expo 2020 Dubai; H.E Omar Sultan Al Olama รัฐมนตรีว่าการกระทรวงด้านปัญญาประดิษฐ์ เศรษฐกิจดิจิทัลและการประยุกต์ใช้งานทางไกล และ H.E. Dr Thani Al Zeyoudi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าต่างประเทศ จะเป็นผู้แทนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่การประชุม GBF ASEAN

รัฐมนตรีทั้งสามของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะเป็นผู้บรรยายในงานนี้ร่วมกับ H.E. Abdul Aziz Al Ghurair ประธานคณะกรรมการของ Dubai Chambers และ H.E. Hamad Buamim ประธานและ ซีอีโอ ของ Dubai Chamber

รัฐมนตรีจากภูมิภาคอาเซียนที่เข้าร่วมการประชุม ได้แก่ H.E Ramon Lopez เลขาธิการ (รัฐมนตรี) กรมการค้าและอุตสาหกรรม สาธารณรัฐฟิลิปปินส์; H.E William Dar เลขาธิการ (รัฐมนตรี) กรมวิชาการเกษตร สาธารณรัฐฟิลิปปินส์; H.E. Fortunato De La Pena เลขาธิการ (รัฐมนตรี) เลขานุการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองประธานสภาอวกาศแห่งฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์; H.E. Dato Lim Jock Hoi เลขาธิการใหญ่ สำนักเลขาธิการอาเซียน; และ Mohmed Razip Haji Hasan ผู้อำนวยการใหญ่ ศูนย์การท่องเที่ยวอิสลาม

“กลุ่มผู้บรรยายที่มีความสามารถสูงเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และประเทศในกลุ่มอาเซียนในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการประสานความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนที่มีอยู่ โดยมีศักยภาพมากมายที่จะสร้างความร่วมมือครั้งใหม่ระหว่างธุรกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และคู่ค้าในอาเซียน และเราตั้งตารอที่จะสำรวจสิ่งนั้นในที่เข้าร่วมการประชุมที่จะเกิดขึ้น” H.E. Hamad Buamim ประธานและ CEO ของ Dubai Chamber กล่าว

หมายเหตุบรรณาธิการ

หน่วยงานการค้าและอุตสาหกรรมแห่งดูไบก่อตั้งขึ้นในปี 2508 เป็นหน่วยงานสาธารณะที่ไม่แสวงหาผลกำไร โดยมีภารกิจในการเป็นตัวแทน สนับสนุน และปกป้องผลประโยชน์ของชุมชนธุรกิจในดูไบด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจ และ โดยส่งเสริมให้ดูไบเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ

*แหล่งที่มา: AETOSWire

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211129005531/en/

ติดต่อ:

Ruba Abdel Halim
Manager, PR & Corporate Communications, +97142028450
ruba.halim@dubaichamber.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เศรษฐกิจทางทะเลเริ่มเฟื่องฟูในเซียะเหมินในช่วงแผน 5 ปีที่ 14

Logo

เซียะเหมิน จีน–(บิสิเนสไวร์)–26 พ.ย. 2564

เศรษฐกิจทางทะเลของเซียะเหมินคาดว่าจะเปิดรับการพัฒนาคุณภาพสูงในช่วงแผนห้าปีที่ 14 (พ.ศ. 2564-2568) เนื่องจากเพิ่งได้รับการรับรองสถานะเมืองชั้นนำในภาคส่วนทางทะเลที่กำลังพัฒนาในมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกของจีน

ทางเทศบาลได้ออกแผนพัฒนาสองแผน ซึ่งระบุว่าควรมีการส่งเสริมบทบาทของตนในการหนุนเศรษฐกิจทางทะเลของจังหวัด

ตามแผนดังกล่าว เซียะเหมินจะจัดตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมทางทะเลโดยส่งเสริมความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในเชิงพาณิชย์

โดยจะเร่งสร้างเขตสาธิตระดับชาติสำหรับเศรษฐกิจทางทะเล จะมีการสนับสนุนอุตสาหกรรมชีวภาพทางทะเลและสร้างฐานอุปทานทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ทะเล

เซียะเหมินจะส่งเสริมแรงขับเคลื่อนใหม่ๆ ของการเติบโตทางเศรษฐกิจทางทะเล เช่น การสร้างตัวเองเป็นศูนย์การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศตะวันออกเฉียงใต้ และปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบขนส่งทางเรือเดินทะเล

แผนดังกล่าวระบุว่าในปี 2565 เซี่ยเหมินจะจัดตั้งระบบอุตสาหกรรมทางทะเลที่ทันสมัย ​​โดยได้รับการสนับสนุนจากอุตสาหกรรมทางทะเลที่เกิดขึ้นใหม่ การประมงสมัยใหม่ การขนส่งท่าเรือ และการท่องเที่ยวชายฝั่งระดับไฮเอนด์

รัฐบาลท้องถิ่นยังได้เพิ่มความพยายามในการปรับปรุงความสามารถในการวิจัยขั้นพื้นฐาน และสร้างกลุ่มสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทางทะเล โดยได้ออกมาตรการสนับสนุนมากมายเพื่อกระตุ้นพลังของนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

นอกจากนี้ยังคาดว่าจะสร้างสวนอุตสาหกรรมไฮเทคสำหรับอุตสาหกรรมทางทะเลในเซียะเหมินซึ่งจะผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมทางทะเลระดับไฮเอนด์

ด้วยการสนับสนุนจากความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง มูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมทางทะเลของเซียะเหมินจะสูงถึง 3 แสนล้านหยวนภายในปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะคิดเป็น 30% ของจีดีพีทั้งหมดของเมือง

ในฐานะเมืองท่าสำคัญของเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 เซียะเหมินจะพยายามดึงดูดผู้ประกอบการทางทะเลระดับโลกและเทคโนโลยีหลัก ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในเซียะเหมินไปต่างประเทศ และเปิดกว้างขึ้นเพื่อร่วมมือในเศรษฐกิจทางทะเล

เมืองนี้จะพัฒนาตนเองให้เป็นเมืองท่าระดับโลก เมืองท่องเที่ยวริมชายฝั่งระดับนานาชาติ ศูนย์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางทะเลสำหรับประเทศและภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ตลอดจนแบบจำลองระดับโลกสำหรับการกำกับดูแลระบบนิเวศทางทะเล

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/2021126005477/en/

ติดต่อ:

Lorraine Yuan
lorraine@hehutech.cn 
13911130781

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ZOVOO จัดการประชุมผู้จัดจำหน่ายเพื่อสร้างสีสันในวงการอุตสาหกรรม Atomization

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–26 พฤศจิกายน 2564

ZOVOO บริษัทผลิตละอองชั้นนำของอุตสาหกรรมแห่งใหม่ได้จัดการประชุมผู้จัดจำหน่ายปี 2564 ทางออนไลน์เมื่อเวลา 21.30 น. (GMT +8) ของวันที่ 12 พฤศจิกายน โดยมีผู้จัดจำหน่ายจากประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน ZOVOO ยังได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์ชุด DRAGBAR แบบใช้แล้วทิ้งที่พัฒนาขึ้นใหม่ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากผู้จัดจำหน่ายทั่วโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211126005521/en/

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

ZOVOO ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 ซึ่งมีการวิจัยที่ล้ำหน้าสลับซับซ้อนและการพัฒนาประสิทธิภาพ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มองกาลไกล และระบบซัพพลายเชนที่สมบูรณ์แบบ ทีมผู้ก่อตั้ง ZOVOO มีความแข็งแกร่งและประสบการณ์เป็นเวลา10 ปีที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว พวกเขามีความได้เปรียบโดยสมบูรณ์ในมุมมองของวัสดุทำความร้อน การออกแบบโครงสร้างช่องอากาศ ฯลฯ และสร้างเกณฑ์ห้าประการของสารที่ให้รสชาติและกลิ่นที่ดี การกำเนิดของแต่ละผลิตภัณฑ์ต้องผ่านการวิจัยและพัฒนา การออกแบบ การผลิต การทดสอบ และอื่น ๆ ทุกรายละเอียดสมบูรณ์แบบ เพียงเพื่อมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายและปลอดภัย ตัวอย่างเช่น การกำเนิดของสารที่ให้รสชาติและกลิ่นที่เข้มข้นมาจากแนวคิดนวัตกรรม 5 ประการของ ZOVOO ในความหวาน นุ่ม กลมกล่อม หอมกรุ่น และทรงพลัง ZOVOO ค้นคว้าวิจัยผู้ใช้ทั่วโลก 3,000 รายและทำการวิจัยล่วงหน้ากว่า 300 รสชาติ เพื่อสร้างระบบเนบิวลาของรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

ZOVOO มุ่งมั่นที่จะสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับผู้ผลิต ICCPP โดยอาศัยความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ZOVOO บรรลุการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนผ่านการสนับสนุนและความร่วมมือในมาตรฐานความปลอดภัย ค่านิยมทางสังคม และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ZOVOO มีส่วนสนับสนุนความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย เพิ่มประสิทธิภาพบรรจุภัณฑ์ ใช้วัสดุใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการรีไซเคิล และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นไปที่ความพึงพอใจทางประสาทสัมผัสของผู้ใช้ ซึ่งแปลเป็นตัวชี้วัดทางวิทยาศาสตร์ มาตรฐานการผลิต และข้อควรพิจารณาด้านความปลอดภัยเพื่อให้ตรงกับความต้องการที่แตกต่างกัน

ผลิตภัณฑ์สามอย่างของ DRAGBAR ที่กำลังจะมาถึงมีชื่อว่า DRAGBAR 600, DRAGBAR 1000 และ DRAGBAR 2200 โดย DRAGBAR ใช้กระบวนการฉีดขึ้นรูปคู่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและใช้สีสันจัด ๆ ที่ตัดกันอย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดูดี มีรสนิยมดี และมีคุณภาพดีเยี่ยม เพื่อตอบสนองต่อปัญหาที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค อย่างเช่น การรั่วไหลของน้ำยาและมีกลิ่นไหม้ ZOVOO ได้ใช้คอตตอนพอลิเมอร์และปากเป่าที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ในขณะเดียวกันก็รับประกันรสชาติและฟื้นฟูผลิตภัณฑ์ ซึ่ง DRAGBAR มีถึงสิบรสชาติที่แตกต่างกัน รวมถึงกลิ่นแตงโม มะม่วง องุ่น และ OMG ฯลฯ ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาด

ZOVOOไม่ได้กำหนดโดยป้ายกำกับ ไม่ผูกพันตามวัย กล้าที่จะไม่เหมือนใคร สร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่าง ZOVOO เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ในอนาคต ZOVOO จะทุ่มเทเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของไอระเหยทั่วโลกและจัดหาทางเลือกสำหรับผู้สูบบุหรี่ การสร้างโลกใบใหม่ที่มีบุคลิกภาพและจิตวิญญาณ ZOVOO จะนำประสบการณ์ที่แตกต่างและยอดเยี่ยมมาสู่ไอระเหยทั่วโลก

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211126005521/en/

ติดต่อสื่อ: Tingkai Xu
ตำแหน่ง: ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์ (Senior PR Manager):
หมายเลขโทรศัพท์: 15957944779

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation มุ่งมั่นที่จะป้องกันและยุติความรุนแรงทางเพศทั่วโลก

Logo

ความมุ่งมั่นสู่แนวร่วมปฏิบัติยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมต่อความรุนแรงทางเพศและความร่วมมือครั้งใหม่กับกองทุนแห่งสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (UN Trust Fund to End Violence against Women) และ CARE ตอกย้ำพันธกิจของแบรนด์ในการปกป้องสตรีและเด็กผู้หญิงทั่วโลก

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–24 พฤศจิกายน 2564

เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากลที่กำลังจะมาถึงเพื่อรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงทางเพศเป็นเวลา 16 วัน Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ในวันนี้ประกาศคำมั่นสัญญาร่วมกันในการป้องกันและยุติความรุนแรงทางเพศโดยเข้าร่วมกลุ่มแนวร่วมปฏิบัติยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมต่อความรุนแรงทางเพศ ความมุ่งมั่นที่องค์กรต่าง ๆ ได้เปิดเผยต่อสาธารณะในระหว่างการประชุมยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมล่าสุดขององค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ในกรุงปารีส เป็นเพียงแค่ขั้นตอนล่าสุดสตอรี่บิวตี้แบรนด์และกำลังด้านการกุศลที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาชีวิตของผู้หญิงในทุก ๆ ที่

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211124005749/en/

Vesna Jaric, Officer-In- Charge, UN Trust Fund to End Violence against Women (Photo: Mary Kay Inc.)

Vesna Jaric เจ้าหน้าที่ดูแลกองทุน UN Trust Fund เพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (ภาพ: Mary Kay Inc.)

แนวร่วมปฏิบัติยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมต่อความรุนแรงทางเพศนำโดย UN Women และกองทุน UN Trust Fund to End Violence against Women (UN Trust Fund) ท่ามกลางผู้นำคนอื่น ๆ เป็นขบวนการระดับโลกที่ทรงพลังที่ระดมรัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ การกุศล และภาคเอกชนในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การยุติความรุนแรงทางเพศผ่านการกระทำที่เป็นรูปธรรมสี่ประการ:

  • การสร้างนโยบายที่เอื้ออำนวยสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและทรัพยากร;
  • ขยายขนาดโปรแกรมป้องกันที่ขับเคลื่อนด้วยหลักฐาน;
  • ขยายบริการที่ครอบคลุม เข้าถึงได้ และมีคุณภาพสำหรับผู้รอดชีวิต
  • เปิดใช้งานและเพิ่มขีดความสามารถองค์กรอิสระที่นำโดยเด็กผู้หญิงและสิทธิสตรีเพื่อฝึกฝนความเชี่ยวชาญของพวกเขา

เป้าหมายของแนวร่วมปฏิบัติยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมต่อความรุนแรงทางเพศ คือการมีผู้หญิงและเด็กผู้หญิงมากกว่า 550 ล้านคน อาศัยอยู่ในประเทศที่มีกฎหมายและนโยบายของการยุติการใช้ความรุนแรงทางเพศทุกรูปแบบต่อสตรีและเด็กผู้หญิงภายในปี 2569 รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในระหว่างการประชุม UN Women มุ่งมั่นที่จะขยายการสนับสนุนและให้เงินช่วยเหลือแก่องค์กรด้านสิทธิสตรีด้วยการทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อจัดหาเงินสนับสนุนขั้นต่ำที่ 100 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อจัดสรรผ่านกองทุน UN Trust Fund to End Violence against Women (UN Trust Fund) ในอีกห้าปีข้างหน้า

“มีวิกฤตการณ์ระดับโลกเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศ” Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Mary Kay Inc. และรองประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM กล่าว “ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงนั้นไม่ได้รับการรายงานเป็นจำนวนมาก แต่คาดว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงและ 1 ใน 4 ของเด็กผู้หญิงวัยรุ่นเคยประสบกับความรุนแรงทางร่างกายหรือทางเพศจากคู่รักที่สนิทสนม เราต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่ปี 2543 มูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ได้มอบเงินมากกว่า 58 ล้านดอลลาร์ให้กับที่พักพิงสำหรับความรุนแรงในครอบครัว ความมุ่งมั่นของเราต่อแนวร่วมปฏิบัติการว่าด้วยความรุนแรงทางเพศจะช่วยให้เราสามารถขยายความช่วยเหลือนั้นออกไปได้อีก”

“ตั้งแต่ปี 2506 Mary Kay ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะปรับปรุงชีวิตของเด็กผู้หญิงและผู้หญิงในทุกที่” Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมกับรัฐบาล ภาคเอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชนทั่วโลกที่มีความปรารถนาคล้ายคลึงกันในคำมั่นสัญญาที่จะป้องกันและยุติความรุนแรงทางเพศ การบรรลุถึงความเท่าเทียมที่แท้จริงจะเปลี่ยนแปลงโลกตามที่เรารู้กัน การลงทุนในสตรีคือความดีที่ทรงอานุภาพที่สุดที่เราสามารถทำได้เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย”

ปีที่แล้ว Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ได้ร่วมมือกับกองทุน United Nations Trust Fund to End Violence against Women (UN Trust Fund) และ CARE ซึ่งเป็นสองผู้สนับสนุนสิทธิสตรีเพื่อสานต่อภารกิจเพื่อบรรลุโลกที่ปราศจากความรุนแรงต่อผู้หญิง

ตั้งแต่ปี 2539 กองทุน UN Trust Fund ได้สนับสนุนองค์กร 609 แห่งมูลค่ารวม 198 ล้านดอลลาร์ใน 140 ประเทศและภูมิภาค โดยลงทุนในนวัตกรรมและแนวทางแก้ปัญหาที่นำโดยประชาสังคมตามหลักฐาน และการริเริ่มที่เปลี่ยนแปลงชีวิตในระดับชาติและระดับท้องถิ่นผ่านการเป็นพันธมิตรกับกองทุน UN Trust Fund ซึ่ง Mary Kayได้สนับสนุนการระดมทุนโครงการที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเพื่อปกป้องผู้หญิงและเด็กผู้หญิงใน 68 ประเทศและภูมิภาคในปี 2564

ในปี 2564 กองทุน UN Trust Fund ครบรอบ 25 ปีของการให้ทุน การสนับสนุน และความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรภาคประชาสังคมและองค์กรสิทธิสตรี ในวันครบรอบการก่อตั้ง กองทุนขอเชิญชวนทุกคนให้ลงมือทำและเข้าร่วมโครงการผ่านการระดมทุน crowdfunding challenge #Give25forUNTF25 เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรภาคประชาสังคมและองค์กรสิทธิสตรีจะได้รับเงินทุนระยะยาวและยืดหยุ่นได้

“กองทุน UN Trust Fund to End Violence against Women ซึ่ง Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ได้ร่วมมือกันเพื่อบรรลุความทะเยอทะยานของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ 5 และยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงด้วยการรับประกันเงินทุนระยะยาว เป็นแกนหลัก และยืดหยุ่นเพื่อองค์กรสิทธิสตรีต่าง ๆ ทั่วโลกที่ตอบสนองต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่รอดชีวิตเป็นครั้งแรก” Vesna Jaric เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกองทุน UN Trust Fund to End Violence against Women กล่าว “ในขณะที่โลกยังคงประสบกับวิกฤตหลายครั้งและเกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับอัตราการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงที่เพิ่มมากขึ้น การคุกคามต่อสิทธิสตรี การเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชนมีความสำคัญเท่าที่เคยมีมาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก”

CARE ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 เป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่ทำงานทั่วโลกเพื่อช่วยชีวิต ขจัดความยากจน บรรลุความยุติธรรมทางสังคม และต่อสู้เพื่อสตรีและเด็กหญิง ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงเป็นจุดสนใจหลักของ CARE เนื่องจากหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการจัดการกับความไม่เท่าเทียมกันทางเพศเป็นกุญแจสำคัญในการตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ การเอาชนะความยากจน และทำให้มั่นใจว่าทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมั่นคง ในปี 2563 Mary Kay ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรระดับโลกกับ CARE เพื่อสนับสนุนแคมเปญ Crisis Response Campaign ขององค์กร และมุ่งมั่นที่จะขจัดความรุนแรงทางเพศในทุก ๆ ที่ ซึ่งรวมถึงเกณฑ์การตั้งค่าด้านมนุษยธรรม

“เป็นไปไม่ได้สำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่จะบรรลุความเท่าเทียมกัน เมื่อความรุนแรงและการล่วงละเมิดทางเพศคุกคามความปลอดภัยของพวกเขาทุกวัน” Michelle Nunn ประธานและซีอีโอของ CARE กล่าว “ทั่วทั้งโลกในกรณีของความรุนแรงทางเพศได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ด้วยมีการโทรเข้าสายด่วนเพิ่มขึ้น 5 เท่าในบางประเทศและผู้หญิงถูกกักขังอยู่กับผู้ล่วงละเมิด Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ร่วมมือกับ CARE เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถลดความเสี่ยงของความรุนแรงทางเพศและให้การดูแลที่ครอบคลุมสำหรับผู้รอดชีวิต ในช่วง 16 วันของกิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลง เราขอร้องให้สาธารณชนเข้าร่วมกับเราในการตอบรับการโทรและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและสังคมเพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงทั่วโลก”

Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation ร่วมสนับสนุนสิทธิสตรีทั่วโลกในการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของกองทุน UN Trust Fund to End Violence against Women และครบรอบ 75 ปีของ CARE

สาระสำคัญระดับโลกที่กำหนดโดยแคมเปญ UN Secretary-General’s UNiTE Campaign สำหรับกิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลง 16 วัน ของปี 2564 เพื่อต่อต้านความรุนแรงทางเพศ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2564 ในหัวข้อ Orange the world: ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงเดี๋ยวนี้! หรือ Orange the world: End violence against women now!”

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 58 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ MaryKay.com

เกี่ยวกับมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM

เพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้ระดมทุนและทำการแจกจ่ายเพื่อลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่มักเกิดกับผู้หญิง และเพื่อยุติผลกระทบความรุนแรงต่อผู้หญิงภายในประเทศ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา มูลนิธฺ Mary Kay FoundationSM ได้มอบเงินบริจาคมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานสอดคล้องกับพันธกิจของมูลนิธิโดยให้ความสำคัญอย่างเท่ากัน นอกเหนือจากนั้นมูลนิธิยังสนับสนุนโครงการสร้างการรับรู้ โครงการเข้าถึงชุมชน และการสนับสนุนช่วยเหลือการร่างกฏหมายเพื่อให้ผู้หญิงมีสุขภาพดีและปลอดภัย พร้อมกันนั้นก็สร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิง ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ความรู้ การสนับสนุน อาสาสมัคร และการบริจาค รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือชีวิตเพื่อสร้างแรงผลักดันแก่ผู้หญิง กรุณาเยี่ยมชม marykayfoundation.org ค้นหาเราได้ทาง Facebook และ Instagram หรือติดตามเราได้ที่ Twitter

เกี่ยวกับ United Nations Trust Fund to End Violence against Women

กองทุน United Nations Trust Fund to End Violence against Women (UN Trust Fund) ซึ่งบริหารจัดการโดย UN Women ในนามของระบบ UN system เป็นการให้ทุนระดับโลกเพียงกลไกเดียวที่อุทิศให้กับการขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในทุกรูปแบบโดยเฉพาะ ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้สนับสนุนองค์กร 609 แห่ง ลงทุนในโซลูชั่นที่นำโดยภาคประชาสังคมที่เป็นนวัตกรรมและอิงตามหลักฐาน และโครงการที่เปลี่ยนแปลงชีวิต โครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนมุ่งเน้นไปที่การป้องกันความรุนแรง การนำกฎหมายและนโยบายไปปฏิบัติเพื่อแก้ไขและยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิง และการปรับปรุงการเข้าถึงบริการที่จำเป็นสำหรับผู้รอดชีวิต เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ untf.unwomen.org  และติดตามเราบน FacebookInstagram และ Twitter

เกี่ยวกับ CARE

CARE ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 โดยมีการสร้าง CARE Package® เป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมชั้นนำที่ต่อสู้กับความยากจนทั่วโลก CARE มีประสบการณ์มากกว่าเจ็ดทศวรรษในการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินในช่วงวิกฤต การตอบสนองวิกฤตการณ์ของเรามุ่งเน้นไปที่ความต้องการของกลุ่มประชากรที่เปราะบางที่สุดโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงและผู้หญิง ซึ่งปีที่แล้ว CARE ทำงานใน 100 ประเทศและเข้าถึงผู้คนเกือบ 70 ล้านคนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.care.org

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211124005749/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย








Women’s Entrepreneurship Accelerator ร่วมมือกับ WE Empower UN SDG Challenge เพื่อเพิ่มผลกระทบต่อการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรี

Logo

WE Empower Challenge เป็นโปรแกรมที่นำโดย Vital Voices และ Global Futures Laboratory ที่มหาวิทยาลัยแอริโซนาสเตต เป็นการแข่งขันครั้งแรกสำหรับผู้ประกอบการทางสังคมสตรี

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2564

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มเชิงกลยุทธ์แบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่จัดตั้งขึ้นโดยหน่วยงานของสหประชาชาติ 5 แห่งและ Mary Kay Inc. เพื่อสนับสนุน Global Entrepreneurship Week และ Women’s Entrepreneurship Day ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยประกาศความร่วมมือกับ WE Empower UN SDG challenge ซึ่งเป็นการแข่งขันครั้งแรกสำหรับผู้ประกอบการเพื่อสังคมสตรีทั่วโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211120005125/en/

Women’s Entrepreneurship Accelerator Logo (Graphic: WEA)

โลโก้ Women’s Entrepreneurship Accelerator (กราฟิก: WEA)

WEA เป็นโครงการที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มผลกระทบทางด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีที่ส่งเสริมการเติบโต ความยั่งยืน และความยืดหยุ่น พันธมิตรของสหประชาชาติ หรือ UN ของ WEA ได้แก่ ความร่วมมือระหว่างองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) 

WE Empower UN SDG Challenge คือการแข่งขันทางธุรกิจระดับโลกสำหรับผู้ประกอบการสตรีที่กำลังก้าวไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และสร้างแรงบันดาลใจให้ชุมชนทั้งหมดในการดำเนินการเพื่อสร้างโลกที่พวกเขาต้องการภายในปี 2573 WE Empower UN SDG Challenge เป็นเกียรติแก่ผู้ประกอบการสตรีที่กำลังก้าวไปสู่ SDGs ผ่านการดำเนินธุรกิจ โอกาสดังกล่าวเป็นการยกย่องผลงานที่เป็นนวัตกรรมของพวกเขา จุดประกายความตระหนักเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมอันมีค่าของผู้ประกอบการสตรีที่สามารถนำไปสู่ ​​SDGs และจัดการฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความเชื่อมโยงกับผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจทั่วโลกให้แก่ผู้ได้รับรางวัล

โปรแกรมดังกล่าวยกระดับและแสดงผลงานอันมีค่าที่ผู้ประกอบการสตรีและผู้นำทางธุรกิจสามารถมอบให้กับ SDGs และแก้ปัญหาความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก WE Empower นำโดย Vital Voices และ Julie Ann Wrigley Global Futures Laboratory ที่มหาวิทยาลัย ASU และได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่ Bank of Montréal (BMO), Diane von Furstenberg, G5 Collective, GroYourBiz, Hawaii Tropical Botanical Garden, Mary Kay, Inc., Oxford University Said Business School, Procter & Gamble, Salesforce, มูลนิธิสหประชาชาติ (UN Foundation) และธนาคารโลก (World Bank)

“WE Empower SDG Challenge แสดงให้เห็นอย่างทรงพลังว่าผู้ประกอบการสตรีเป็นแบบอย่างในอุดมคติที่แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานในเชิงบวกของธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay, Inc. กล่าว “Women's Entrepreneurship Accelerator ได้รับเกียรติให้เป็นพันธมิตรกับ WE Empower กลุ่มพันธมิตรกว่า 70 รายที่ร่วมมือกันเพื่อสร้างผลกระทบที่ทวีคูณยิ่งขึ้น”

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เฉลิมฉลองความร่วมมือกับ Women's Entrepreneurship Accelerator ซึ่งร่วมก่อตั้งโดย WE Empower พันธมิตรชั้นนำของ Mary Kay, Inc.” ประธานร่วมของ WE Empower UN SDG Challenge และ Amanda Ellis ของ ASU Julie Ann Wrigley Global Futures Laboratory กล่าว “ผู้ประกอบการสตรีเป็นผู้แก้ปัญหาที่มีคุณค่าสำหรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประชาชาติและวาระการพัฒนาปี 2573 ระดับโลก หรือ global 2030 agenda และ WEA ได้ปลดล็อกชุดเครื่องมือสนับสนุนที่มีคุณค่าเพื่อช่วยขยายกระทบเชิงบวก”

ผู้หญิงเป็นหนึ่งในสามของเจ้าของธุรกิจทั้งหมดทั่วโลก ซึ่งมีส่วนสนับสนุนทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญแม้จะเผชิญอุปสรรคทั่วทั้งระบบก็ตาม มีเพียงร้อยละห้าของประเทศเท่านั้นที่ออกกฎหมายเพื่อความเท่าเทียมทางเพศโดยสมบูรณ์ ทำให้เครื่องมือสนับสนุนที่จัดทำโดย Women's Entrepreneurship Accelerator มีความสำคัญยิ่งขึ้นไปอีก ในเดือนมิถุนายนปี 2564 WEA เข้าร่วมประชุมยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม หรือ Generation Equality Forum ในกรุงปารีส เช่นเดียวกับแนวร่วมปฏิบัติของสิทธิและความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ หรือ Action Coalition on Economic Justice and Rights และให้คำมั่นที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีจำนวน 5 ล้านคนทั่วโลกภายในปี 2573 เพื่อเร่งความก้าวหน้าในความเท่าเทียมทางเพศ

ในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 76 (UNGA 76) WEA ได้ประกาศเปิดตัวชุดความคิดริเริ่มและผลิตภัณฑ์ความรู้ที่สร้างผลกระทบ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากมุมมองทางเพศ งานผลกระทบของ WEA ประกอบด้วยเครื่องมือและการฝึกอบรมสร้างขีดความสามารถทางดิจิทัล การวิจัยด้านผู้ประกอบการและนโยบาย การสนับสนุนและการฝึกอบรมด้านการจัดซื้อจัดจ้างโดยคำนึงถึงเพศสภาพ (GRP) ในเดือนตุลาคม WEA ยังได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับเครือข่าย Commonwealth Businesswomen's Network (CBWN) โดยมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาผู้ประกอบการสตรีใน 54 ประเทศในเครือจักรภพ (Commonwealth)

เกี่ยวกับ the Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มแบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายเกี่ยวกับผู้ประกอบการสตรีที่จัดโดยหน่วยงานของสหประชาชาติห้าแห่ง ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และ Mary Kay Inc. จะเพิ่มพลังให้ผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนภายในปี 2573

เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โครงการ Accelerator เป็นตัวอย่างของพลังในการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อควบคุมศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ we-accelerate ติดตามเราได้ที่: Twitter (@We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator), LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

เกี่ยวกับ WE Empower UN SDG Challenge

WE Empower UN SDG Challenge คือการแข่งขันระดับโลกครั้งแรกสำหรับผู้ประกอบการทางสังคมสตรีที่กำลังก้าวไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และสร้างแรงบันดาลใจให้ชุมชนทั้งหมดในการดำเนินการเพื่อสร้างโลกที่เราต้องการภายในปี 2573 WE Empower Challenge เป็นเกียรติแก่ผู้นำนวัตกรรมสตรีจากทั่วโลกที่ผลักดัน SDGs ไปข้างหน้าผ่านการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม โอกาสดังกล่าวถือเป็นการยกย่องผลงานที่เป็นนวัตกรรมของพวกเขา และจัดการฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ และโอกาสในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้เพื่อพัฒนาองค์กรของตนให้แก่ผู้ได้รับรางวัล โปรแกรมนี้ยกระดับและแสดงผลงานอันมีค่าที่ผู้ประกอบการสตรีและผู้นำทางธุรกิจสามารถบรรลุ SDGs และแก้ปัญหาความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้

เกี่ยวกับ Vital Voices Global Partnership

Vital Voices Global Partnership เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับสากลที่มีความเกี่ยวข้องและเป็นพันธมิตรกับผู้นำสตรีที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความกล้าหาญทั่วโลก Vital Voices ค้นหาผู้นำสตรีที่มีวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญเพื่อการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก และทำงานร่วมกันเพื่อทำให้วิสัยทัศน์นั้นเป็นจริงได้ เราคือธุรกิจร่วมลงทุนระยะยาว ผู้ซึ่งจัดหาผู้นำที่สร้างขีดความสามารถ การฝึกอบรมทักษะ เงินช่วยเหลือ การเข้าถึงเครือข่ายของเพื่อนร่วมงาน การให้คำปรึกษา การมองเห็น การยอมรับ และคำแนะนำเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่ Vital Voices ได้ลงทุนในผู้นำสตรีกว่า 18,000 คนจาก 182 ประเทศและภูมิภาค ซึ่งต่อมาได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลก Vital Voices ทำงานร่วมกับผู้หญิงที่พัฒนาโอกาสทางเศรษฐกิจ เพิ่มการมีส่วนร่วมทางการเมืองและสาธารณะ ยุติความรุนแรงตามเพศภาวะ และส่งเสริมสิทธิมนุษยชนผ่านโปรแกรม signature fellowships การลงทุนรายบุคคล และความร่วมมือที่มีความหมายตลอดชีวิต Vital Voices เชื่อมโยงผู้หญิงในการแก้ปัญหาในชุมชนของพวกเขา และจัดเตรียมเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับพวกเขาเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกในเชิงบวก และเร่งความก้าวหน้าร่วมกันสำหรับทุกคน สำหรับเรียนรู้เพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่ www.vitalvoices.org

เกี่ยวกับ Julie Ann Wrigley Global Futures Laboratory ที่มหาวิทยาลัย ASU

Julie Ann Wrigley Global Futures Laboratory ที่มหาวิทยาลัยแอริโซนาสเตตแสดงถึงความเชื่อเฉพาะหน้าว่าเราสามารถทำได้และต้องมีส่วนสนับสนุนที่มีความหมายเพื่อสร้างความมั่นใจว่าโลกที่สามารถอาศัยและอนาคตความเป็นอยู่ที่ดีจะเกิดขึ้นได้ Global Futures Laboratory เป็นห้องปฏิบัติการแห่งแรกของโลกใบนี้ที่อุทิศให้กับสุขภาพโลกและประชากร โดยสร้างขึ้นจากความเชี่ยวชาญเชิงลึกของมหาวิทยาลัย ASU และใช้ประโยชน์จากเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวางสำหรับการแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องและในทุกขอบเขตความรู้ที่หลากหลาย เพื่อจัดการกับความท้าทายทางสังคม เศรษฐกิจ และวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนที่เกิดจากภัยคุกคามในปัจจุบันและอนาคตจากความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม แพลตฟอร์มนี้ตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของโลกสำหรับนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ และนักประดิษฐ์ระดับนานาชาติ และวางรากฐานในการคาดการณ์และตอบสนองต่อความท้าทายที่มีอยู่และที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ และใช้นวัตกรรมเพื่อกำหนดรูปแบบและรายงานอนาคตของเราอย่างมีจุดมุ่งหมาย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยชมได้ที่ globalfutures.asu.edu

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211120005125/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย




AJC เตรียมจัดงานสัมมนา BIMP-EAGA แบบออนไลน์

Logo

“โอกาสทางธุรกิจใหม่และการสร้างภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนใน BIMP-EAGA” ในวันที่ 18 พ.ย. 25 พ.ย. 2 ธ.ค. และ 9 ธ.ค.

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–11 พ.ย. 2564

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) จะจัดการประชุมสัมมนาออนไลน์เกี่ยวกับแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจอาเซียนด้านตะวันออก บรูไนดารุสซาลาม – อินโดนีเซีย – มาเลเซีย – ฟิลิปปินส์ หรือ BIMP-EAGA ในวันที่ 18 กับ 25 พฤศจิกายน และวันที่ 2 กับ 9 ธันวาคม 2564 ธีมของการประชุมสัมมนาออนไลน์ในครั้งนี้ คือ “โอกาสทางธุรกิจใหม่และการสร้างภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนใน BIMP-EAGA”

BIMP-EAGA เปิดตัวในปี 2537 เพื่อกระตุ้นการพัฒนาในพื้นที่ห่างไกลและด้อยพัฒนาในสี่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วม พื้นที่เหล่านี้อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของประเทศในเชิงภูมิศาสตร์ แต่ก็อยู่ใกล้กันในเชิงกลยุทธ์ รัฐและจังหวัดเหล่านี้มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่แผ่นดินของประเทศ BIMP-EAGA แต่กลับมีประชากรน้อยกว่าร้อยละ 20 และ มีกำลังแรงงานน้อยกว่าร้อยละ 18

การสัมมนาจะเน้นไปที่สี่ในห้าเสาหลักเชิงกลยุทธ์ของ BIMP-EAGA VISION 2568 ได้แก่ การเชื่อมต่อ แหล่งอาหาร สิ่งแวดล้อม และสังคมวัฒนธรรมและการศึกษา* อ้างอิงจากมุมมองแบบFree and Open Indo-Pacific และ ASEAN ของ Indo-Pacific ซึ่งมีหลักการพื้นฐานที่เหมือนกันหลายประการ การสัมมนาในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทั้ง BIMP-EAGA และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียชาวญี่ปุ่นได้มีโอกาสอภิปรายและทำความเข้าใจกับความท้าทายได้ดียิ่งขึ้น อีกด้วย ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาค การสัมมนาในครั้งนี้ยังหวังว่าจะสามารถนำเสนอพื้นที่ที่เป็นไปได้ของความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น – BIMP-EAGA และเปลี่ยนความท้าทายของการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมให้เป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ

เซสชันแรกของงานจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน 2564 ตามรายละเอียดข้างล่าง รายละเอียดของเซสชันที่เหลือจะประกาศในเว็บไซต์ AJC ในโอกาสต่อไป (https://www.asean.or.jp/en/)

*การประชุมสัมมนาเพื่อหารือเกี่ยวกับการท่องเที่ยว BIMP-EAGA มีกำหนดจะจัดขึ้นในโอกาสนอกเหนือไปจากงานสัมมนานี้ รายละเอียดจะประกาศบนเว็บไซต์ AJC ในระยะเวลาอันใกล้

เซสชันที่ 1 “โอกาสทางธุรกิจใหม่และการสร้างภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนใน BIMP-EAGA”

Connectivity Pillar หรือ หลักการการเชื่อมต่อ –

วันที่/เวลา :

พฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10:50 – 14:10 น. (เวลาประเทศญี่ปุ่น)

สถานที่:

ซูมออนไลน์

โปรแกรม:

  • พิธีเปิด กล่าว
    ต้อนรับ หมายเหตุ
      Dr. HIRABAYASHI, Kunihiko เลขาธิการศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น
    สาร
      Mr. MIYAKE , Shingo, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐสภา,
    ปาฐกถาพิเศษ
      Dr. Airlanga Hartarto, รัฐมนตรี, กระทรวงประสานงานเศรษฐกิจ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
  • การนำเสนอเกี่ยวกับเสาหลักการเชื่อมต่อ – การพัฒนา ความท้าทาย และโอกาสล่าสุด
    การเชื่อมโยงด้านการขนส่ง (Transport Linkages) (ผู้นำเสนอ: มาเลเซีย)
    ICT ( ผู้นำเสนอ: มาเลเซีย)
    พลังงาน (ผู้นำเสนอ: อินโดนีเซีย)
    การค้าและการลงทุน (ผู้นำเสนอ: ฟิลิปปินส์)
    BIMP-EAGA Connectivity and Japan – กรณีของความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานโดย Tobishima Construction

ผู้จัดงาน:

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

ผู้จัดงานร่วม:

เลขาธิการ BIMP-EAGA

จำนวนคน:

300 คน

ภาษา:

อังกฤษและญี่ปุ่น (มีล่าม)

ลงทะเบียน:

ฟรี

กรุณาลงทะเบียนจากลิงค์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วม:

https://data.asean.or.jp/form/seminar/app_seminar.aspx?id=34373260

(คลิกที่ “ภาษาอังกฤษ” ที่มุมบนขวาของเว็บไซต์)

สำหรับผู้เข้าร่วมนอกประเทศญี่ปุ่น แทนที่จะใช้หมายเลขโทรศัพท์ของคุณ โปรดใช้ 0000000000 ในการกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียน

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211111005565/en/

ติดต่อ:

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) PR Unit

Emiko Sonoya (MS)

URL: https://www.asean.or.jp/en/

โทร: +81-3-5402-8118

อีเมล: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

25 ปีแห่งการทำโลกนี้ให้น่าอยู่ขึ้นสำหรับผู้หญิง: มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM เฉลิมฉลองวันครบรอบเหตุการณ์สำคัญ

Logo

องค์กรการกุศลเปิดตัวชื่อ โลโก้ เว็บไซต์ การรีแบรนด์ และรายงานประจำปีใหม่ของมูลนิธิที่ไม่เคยมีมาก่อน

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2564

การเฉลิมฉลองวันครบรอบ 25 ปี และเพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้เผยแพร่รายงานประจำปีของมูลนิธิเป็นครั้งแรก พร้อมชื่อ โลโก้เว็บไซต์ และการรีแบรนด์ใหม่ ตั้งแต่ปี 2539 มูลนิธิได้บริจาคเงินจำนวนมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ให้กับองค์กรที่สอดคล้องกับพันธกิจสองประการ อันได้แก่ การให้ทุนในการสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง และการยุติความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศต่อสตรีและเด็กหญิง

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211110005237/en/

The Mary Kay Ash Foundation℠ logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ ของ Mary Kay Ash Foundation℠ (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

มูลนิธิได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในฐานะผู้นำด้านการกุศลระดับโลกที่มุ่งเน้นที่ผู้หญิงมากกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อเป็นการฉลองครบรอบเหตุการณ์สำคัญ องค์กรได้เปลี่ยนชื่อไปเล็กน้อยจาก Mary Kay FoundationSM เป็น Mary Kay Ash FoundationSM เพื่อปรับปรุงการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา นอกจากนี้มูลนิธิยังได้เปิดเผยโลโก้และเว็บไซต์ การรีแบรนด์ และรายงานประจำปีของมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM เป็นฉบับแรก รายงานนี้แสดงให้เห็นภาพรวมของการริเริ่มในปี 2563 ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ผลสรุปที่สำคัญในรายงานประกอบด้วย:

  • ในปี 2563 มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้มอบเงินสนับสนุนรวม 1,825,000 ดอลลาร์ให้กับสาเหตุต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา และทุนที่จะสร้างความแตกต่างไปทั่วโลกผ่านทุนวิจัยด้านนวัตกรรม/การแปลง และโปรแกรม International Post-Doctoral Fellowship Cancer Research Program ตั้งแต่ปี 2539 มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็งที่เป็นนวัตกรรมและการทดลองทางคลินิกเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง โดยมอบเงินรางวัลมากกว่า 25 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการอันล้ำสมัยกว่า 250 โครงการในโรงเรียนแพทย์และสถาบันวิจัยชั้นนำทั่วโลก
  • เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 มีการรายงานความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วทั้งโลกในปี 2563 การระบาดใหญ่ในวงกว้างนี้ขยายขอบเขตความรุนแรงในครอบครัวไปถึงขีดจำกัดของพวกเขา มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้มอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินเป็นจำนวนเงินรวม 1,000,000 ดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนคนทำงานด่านหน้าเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยกู้ภัยกลุ่มแรกสำหรับผู้หญิงและเด็ก ในความพยายามที่จะขยายความมุ่งมั่นระดับโลกในการขจัดความรุนแรงในครอบครัวที่อิงจากเพศสภาพ Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้ผนึกกำลังกับ CARE USA ผู้นำด้านมนุษยธรรมระดับโลก และกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี หรือ United Nations Trust Fund to End Violence Against Women and CARE USA  ตั้งแต่ปี 2543 มูลนิธิได้บริจาคเงินมากกว่า 58 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติความรุนแรงทางเพศ ความพยายามดังกล่าวได้สนับสนุนผู้หญิงและเด็กหญิงกว่าหกล้านคนในการค้นหาที่พักพิงและการช่วยเหลือจากการถูกล่วงละเมิด

“เมื่อ 25 ปีที่แล้ว คุณยายของฉัน Mary Kay Ash ได้ก่อตั้งมูลนิธิที่ยังคงเป็นหัวใจของ Mary Kay Inc. พนักงานของบริษัทและที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ ผู้ซึ่งมุ่งมั่นที่จะรักษาวิสัยทัศน์ในการทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขา” Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนและรองประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM กล่าว “ในขณะที่มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้เติบโตในเท็กซัสและเฝ้าดูพวกเขาแผ่ขยายไปทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา เฉกเช่นเดียวกับตัวบริษัทเองงานของมูลนิธินั้นไร้พรมแดน เราจินตนาการถึงโลกที่ซึ่งผู้หญิงมีพลังอำนาจ สุขภาพดีและปลอดภัย ในวันครบรอบอันสำคัญนี้เรายังคงรักษาคำมั่นสัญญาอันแน่วแน่ต่อผู้หญิงทั่วโลก และได้รับการเตือนใจว่าเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริงเพียงใดที่ได้สานต่อการทำงานของคุณยายต่อไป”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ marykayashfoundation.org.

เกี่ยวกับมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM

เพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้ระดมทุนและทำการแจกจ่ายเพื่อลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่มักเกิดกับผู้หญิง และเพื่อยุติผลกระทบความรุนแรงต่อผู้หญิงภายในประเทศ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา มูลนิธฺ Mary Kay FoundationSM ได้มอบเงินบริจาคมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานสอดคล้องกับพันธกิจของมูลนิธิโดยให้ความสำคัญอย่างเท่ากัน นอกเหนือจากนั้นมูลนิธิยังสนับสนุนโครงการสร้างการรับรู้ โครงการเข้าถึงชุมชน และการสนับสนุนช่วยเหลือการร่างกฏหมายเพื่อให้ผู้หญิงมีสุขภาพดีและปลอดภัย พร้อมกันนั้นก็สร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิง ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ความรู้ การสนับสนุน อาสาสมัคร และการบริจาค รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือชีวิตเพื่อสร้างแรงผลักดันแก่ผู้หญิง กรุณาเยี่ยมชม marykayashfoundation.org ค้นหาเราได้ทาง Facebook และ Instagram หรือติดตามเราที่ Twitter

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211110005237/en/

ติดต่อ: 

marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


กิจการร่วมค้าที่นำโดย Fluor ได้รับสัมปทานการติดตั้งโรงสีที่ Grasberg Copper และ Gold Mining District ในประเทศอินโดนีเซีย

Logo

Fluor จะสร้างโรงสีใหม่เมื่อเปลี่ยนจากเหมืองเปิดเป็นเหมืองใต้ดิน

เออร์วิง รัฐเท็กซัส–(บิสิเนสไวร์)–04 พ.ย. 2564

Fluor Corporation (NYSE: FLR) ประกาศในวันนี้ว่าการร่วมทุนกับ Petrosea – Fluor Petrosea Joint Organization (FPJO) – ได้รับเลือกจาก PT Freeport Indonesia ให้ติดตั้งโรงสีแห่งใหม่ที่เขต Grasberg copper และ gold mining ในปาปัว อินโดนีเซีย  Fluor ได้ทำการจองสัญญาส่วนที่ไม่เปิดเผยของสำหรับไตรมาสที่สามของปี 2564

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211104006004/en/

An aerial view of the Grasberg copper and gold mine in Papua, Indonesia (Photo: Business Wire)

มุมมองทางอากาศของเหมืองทองแดงและทองคำ Grasberg ในเมืองปาปัว ประเทศอินโดนีเซีย (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

FPJO จะสร้างโรงงานกึ่งบดอัตโนมัติ (semi-autogenous grinding – SAG) แห่งที่สามซึ่งอยู่ติดกับโรงสีที่มีอยู่ ในขณะที่เขตการขุดกำลังเพิ่มการผลิตใต้ดินโดยหลักจากโซน Deep Mill Level และเหมือง Grasberg Block Cave หลังจากเสร็จสิ้นการขุดในหลุมเปิดในปี 2562 ด้วย SAG เพิ่มเติม โรงสีจะมีกำลังการสีประมาณ 240,000 ตันต่อวัน

“Fluor ได้สร้างการขยายธุรกิจหลายแห่งที่ Grasberg รวมถึงโครงการสำคัญอื่นๆ ในอินโดนีเซียตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980” Tony Morgan ประธานธุรกิจ Mining & Metals ของ Fluor กล่าว “เราให้คุณค่ากับความไว้วางใจที่เราได้รับตลอดหลายทศวรรษกับทีมงานของ Freeport และภูมิใจที่ได้ขยายรอยเท้าทั่วโลกของเราในอุตสาหกรรมในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นสำหรับความต้องการทองแดงทั่วโลก”

โครงการ Grasberg ตั้งอยู่บนที่ราบสูงห่างไกลของเทือกเขา Sudirman ทางฝั่งตะวันตกของเกาะนิวกินี

สำนักงาน Fluor ในเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย จะเป็นผู้นำโครงการโดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานของ Fluor ในกรุงจาการ์ตาและแวนคูเวอร์

การก่อสร้างมีกำหนดจะเริ่มในปลายปีนี้และแล้วเสร็จในปี 2566

เกี่ยวกับ Fluor Corporation

Fluor Corporation (NYSE: FLR) กำลังสร้างโลกที่ดีขึ้นโดยใช้ความเชี่ยวชาญระดับโลกเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลูกค้า พนักงาน 44,000 คนของ Fluor นำเสนอโซลูชันระดับมืออาชีพและทางเทคนิคที่มอบโครงการที่ปลอดภัย ดำเนินการอย่างดี และประหยัดต้นทุนแก่ลูกค้าทั่วโลก  Fluor มีรายได้ 14.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 และอยู่ในอันดับที่ 196 ในบรรดาบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500  ด้วยสำนักงานใหญ่ในเมืองเออร์วิง รัฐเท็กซัส Fluor ให้บริการด้านวิศวกรรม การจัดซื้อจัดจ้าง และการก่อสร้างมานานกว่า 100 ปี www.fluor.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมหรือติดตาม Fluor บน Twitter, LinkedIn, Facebook และ YouTube

#m&m

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211104006004/en/

ติดต่อ:

Brian Mershon
Media Relations
469.398.7621

Jason Landkamer
Investor Relations
469.398.7222

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. สนับสนุนให้ผู้ประกอบการรุ่นเยาว์แก้ไขปัญหาความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงานผ่านเครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ (NFTE) World Series of Innovation Challenge

Logo

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–04 พฤศจิกายน 2564

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจและการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ประกาศในวันนี้ว่า World Series of Innovation (WSI) Challenge ครั้งที่ 2 ร่วมกับ เครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ หรือ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) ในปีที่สองของการเป็นพันธมิตรกับ NFTE โดย Mary Kay ได้ให้การสนับสนุนโปรแกรม 2021 NFTE World Series of Innovation ซึ่งเป็นประสบการณ์การศึกษาระดับโลกที่เชิญชวนให้เยาวชนอายุระหว่าง 13-24 ปี ใช้ช่องทางการคิดเชิงวิพากษ์และทักษะในการแก้ปัญหาเพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขสำหรับความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่กำลังเผชิญกับโลกในปัจจุบันและช่วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ให้ก้าวไกลในขณะที่ส่งเสริมความคิดของผู้ประกอบการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211104005178/en/

Mary Kay’s World Series of Innovation Challenge asks students to think about ways to promote workplace equality and ensure equal access to economic opportunity for women and girls. (Photo: Mary Kay Inc.)

World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีส่งเสริมความเท่าเทียมในสถานที่ทำงานและรับรองการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง (ภาพ: Mary Kay Inc.)

World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay สนับสนุนให้เยาวชนจากทั่วโลกได้เสนอวิธีแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 5: ความเท่าเทียมทางเพศ หรือ Gender Equality โดยเฉพาะอย่างยิ่งความท้าทายครั้งนี้ได้ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีการส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงาน และรับรองของการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ซึ่งก่อนเกิดโควิด-19 ข้อมูลหลายทศวรรษแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของผู้หญิงในแรงงาน แม้ว่าช่องว่างค่าจ้างยังคงมีอยู่ ผู้หญิงจำนวนที่มากขึ้นเข้าร่วมตลาดแรงงานทุกปี แต่การตกงานจากการระบาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงอย่างไม่เป็นสัดส่วนนัก และตั้งแต่ปี 2563 การพยายามอย่างสูงไปสู่ความเท่าเทียมของแรงงานก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“Mary Kay ทราบถึงความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการและบทบาทที่มีต่อโลกในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงลงทุนทุกปีในโปรแกรมและโครงการริเริ่มต่าง ๆ เพื่อช่วยส่งเสริมผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เราต้องการช่วยที่ไม่เพียงแต่ให้โอกาสทางการศึกษาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาไล่ตามความฝันไปทั่วโลก เราตื่นเต้นมากสำหรับความท้าทายนี้ซึ่งเชื่อมโยงกับภารกิจหลักของบริษัทของเรา”

NFTE เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านการศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นการนำพลังของผู้ประกอบการมาสู่เยาวชนในชุมชนที่มีรายได้ต่ำ World Series of Innovation (WSI) Challenge ได้เชื้อเชิญความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ด้วยจำนวนนักเรียน 100,000 คนจากทั่วโลก ในปี 2563 NFTE ได้รับนักเรียนที่เข้าร่วมเกือบ 4,000 คนจากทุกภูมิหลังที่ส่งแนวคิดใน WSI Challenges และนักเรียนเกือบ 350 คนเข้าร่วมในการแข่งขันครั้งแรกที่ Mary Kay สนับสนุนเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 12: การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Responsible Consumption and Production ผู้ชนะสามรายของความท้าทายปี 2563 ของ Mary Kay ได้แก่:

  • อันดับที่หนึ่ง: Loop Tee Loop
    • Loop Tee Loop เป็น clothing loop แบบยั่งยืนที่รวมโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอไลโอเซลล์เข้ากับการบริการรีไซเคิลเครื่องแบบจากมหานครมะนิลาในประเทศฟิลิปปินส์
  • อันดับที่สอง: SwagSwap
    • SwagSwap เป็นเครือข่ายโซเชียลในสหรัฐอเมริกาสำหรับเสื้อผ้ามือสอง โดยเปิดการใช้งานการแลกเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบ peer-to-peer สำหรับวัยรุ่น
  • อันดับที่สาม: Project DBrand
    • Project DBrand เป็นบริการที่ไม่เหมือนใคร ซึ่ง de-brands เครื่องแบบที่ใช้แล้ว เพื่อว่าพวกเขาสามารถนำไปรีไซเคิลสร้างสิ่งใหม่ได้ในสหรัฐอเมริกา

J.D. LaRock ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NFTE กล่าวว่า “การสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการของเยาวชนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยสร้างโลกให้ดียิ่งขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป” “ในแต่ละปีเรายังคงได้รับแรงบันดาลใจจากนวัตกรรมที่ผู้ประกอบการรุ่นต่อไปได้จินตนาการ และเราหวังว่าจะได้เห็นแนวคิดใหม่ทั้งหมดจากผู้เข้าแข่งขันใน WSI ปี 2564 เรารู้สึกขอบคุณ Mary Kay Inc. สำหรับการสนับสนุนเป็นปีที่สอง โดยวางความท้าทายระดับโลกที่สำคัญนี้เพื่อช่วยพัฒนาความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงานและเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง”

นอกเหนือจาก World Series of Innovation แล้ว Mary Kay ยังสนับสนุนโครงการ Entrepreneurship ของ NFTE ในทุกโรงเรียน โดยนำเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการผ่านหลักสูตรไปสู่นักเรียนทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และสนับสนุนความท้าทายในการเป็นผู้ประกอบการเยาวชนระดับภูมิภาคของ NFTE ที่ซึ่งนักเรียนนำเสนอโอกาสทางธุรกิจเพื่อสร้างเงินในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขัน

โปรแกรม 2021 NFTE World Series of Innovation นำเสนอโดย Citi Foundation และมีความท้าทายจาก Bank of the West, Citi Foundation, Ernst & Young LLP (EY US), Mary Kay, Inc., Maxar Technologies, PIMCO และ Saint-Gobain ความท้าทายนี้เปิดตัวในวันที่ 15 กันยายน และรายการจะครบกำหนดภายในวันที่ 15 ธันวาคม การตัดสินจะเริ่มต้นในเดือนมกราคม 2565 ผู้เข้ารอบสุดท้ายจะประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ และผู้ชนะจะประกาศในวันที่ 31 มีนาคม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World Series of Innovation และความท้าทายทั้งหมด สามารถเยี่ยมชมได้ที https://innovation.nfte.com

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 56 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ www.marykayglobal.com

เกี่ยวกับ NFTE

Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้การศึกษาด้านการเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากชุมชนที่มีทรัพยากรน้อย รวมถึงโปรแกรมสำหรับนักศึกษาและผู้ใหญ่ NFTE เข้าถึงนักเรียนมากกว่า 45,000 คนในปีการศึกษานี้ ด้วยการเปิดโปรแกรมใน 25 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา และในอีก 20 ประเทศเพิ่มเติม นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เราได้ให้การศึกษาแก่นักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนผ่านโปรแกรมในโรงเรียน นอกโรงเรียน วิทยาลัย และค่ายฤดูร้อน ที่เปิดสอนโดยตรงและทางออนไลน์ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราส่งเสริมระบบทุนนิยมรอบด้าน และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่หลากหลาย เยี่ยมชมได้ที่ www.nfte.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211104005178/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Global Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972-687-5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย