Category Archives: General News

JSSI แต่งตั้ง Trevor Merszei ให้เป็นรองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำเอเชียแปซิฟิก

Logo

ชิคาโก-(BUSINESS WIRE)–27 ก.ย. 2564

Jet Support Services, Inc. (JSSI) ผู้ให้บริการอิสระชั้นนำด้านการสนับสนุนการบำรุงรักษาและบริการทางการเงินแก่อุตสาหกรรมการบินเพื่อธุรกิจ ได้แต่งตั้ง Trevor Merszei ให้เป็นรองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210926005017/en/

JSSI appoints Trevor Merszei vice president of business development for APAC. (Photo: Business Wire)

JSSI แต่งตั้ง Trevor Merszei ให้เป็นรองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำ APAC (ภาพ: Business Wire)

Merszei นำประสบการณ์กว่า 14 ปีในด้านการขาย การตลาด และความเป็นผู้นำของผู้บริหารระดับสูงมาสู่ตำแหน่ง บทบาทของเขาในประเทศไทยจะเน้นไปที่การเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับข้อเสนอที่สำคัญ ๆ ของบริษัทในภูมิภาคนี้ ซึ่งรวมถึง Conklin & de Decker, JSSI Advisory Services, JSSI Parts & Leasing และซอฟต์แวร์ติดตามการบำรุงรักษา SierraTrax

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Trevor เข้าสู่ทีมของเราในเอเชียแปซิฟิก เนื่องจาก JSSI ยังคงขยายชุดบริการไปยังเจ้าของเครื่องบินและผู้ให้บริการต่อไป” Mark Winzar รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ JSSI สำหรับ EMEA และ APAC กล่าว “ความเป็นผู้นำและความรู้ด้านการตลาดเชิงลึกของเขาจะมีคุณค่าอย่างยิ่งในยุคหลังโควิด โดยไม่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนผู้เข้ามาใหม่ในภาคธุรกิจของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลูกค้าที่มีอยู่แล้วภายในภูมิภาคด้วย”

“ผมภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับ JSSI ในขณะที่บริษัทยังคงเพิ่มพูนประสบการณ์การเป็นเจ้าของเครื่องบินด้วยผลิตภัณฑ์และบริการในระดับนวัตกรรมใหม่เพื่อสนับสนุนลูกค้าของเราทั่วทั้งภูมิภาคนี้ ผมเห็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นมากมายที่รออยู่ข้างหน้าสำหรับเราในการสนับสนุนเจ้าของและผู้ให้บริการในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตของเครื่องบิน” Merszei กล่าวเสริม

ด้วยภูมิหลังทางอาชีพที่ไม่เหมือนใครตั้งแต่การเล่นสโนว์บอร์ดแบบมืออาชีพ ไปจนถึงการแสดงซิทคอม ล่าสุด Merszei ดำรงตำแหน่งซีอีโอที่ OrientSKYs ซึ่งเป็นบริษัทเช่าเหมาลำเครื่องบินเจ็ตในกรุงเทพฯ ซึ่งเขามีหน้าที่ดูแลการเข้าซื้อกิจการที่มีชื่อเสียง ซึ่งรวมถึง Gulfstream G650 มือสองคันแรกของโลก และ เครื่องบินเจ็ทโบอิ้งระดับธุรกิจของเอกชนรายแรกในประเทศไทย

เกี่ยวกับ Jet Support Services, Inc.

เป็นเวลากว่า 30 ปี ที่ Jet Support Services, Inc. (JSSI) เป็นผู้ให้บริการอิสระชั้นนำด้านการสนับสนุนการบำรุงรักษาและบริการทางการเงินแก่อุตสาหกรรมธุรกิจการบิน JSSI มีหน้าที่รับผิดชอบในการบำรุงรักษาเครื่องบินไอพ่นธุรกิจ เครื่องบินไอพ่นประจำภูมิภาค และเฮลิคอปเตอร์มากกว่า 2,000 ลำทั่วโลก และให้บริการลูกค้าผ่านโครงสร้างพื้นฐานของที่ปรึกษาด้านเทคนิคที่ผ่านการรับรอง JSSI ใช้ประโยชน์จากความรู้ทางเทคนิค ประสบการณ์ กำลังซื้อ และข้อมูล เพื่อสนับสนุนในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตเครื่องบิน ตั้งแต่การจัดหาเครื่องบินไปจนถึงการรื้อถอนและแยกชิ้นส่วนเครื่องบิน

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ jetsupport.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210926005017/en/

ข้อมูลติดต่อ

Chiara Lawrance / Ali Gibson / Jane Lindsay

8020 ฝ่ายติอต่อสื่อสาร

+44 (0) 1483 447380

JSSI@8020comms.com

Tom Morton

JSSI

+1 312.644.8779

tmorton@jetsupport.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

KUNIHIKO HIRABAYASHI ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–24 กันยายน 2564

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) มีความยินดีที่ได้ประกาศแต่งตั้งคุณ Kunihiko Hirabayashi เป็นเลขาธิการศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น ในกรุงโตเกียว ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210924005103/en/

Mr. Kunihiko Hirabayashi, the Secretary General of the AJC (Photo: Business Wire)

Kunihiko Hirabayashi เลขาธิการศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (ภาพ: Business Wire)

คุณ Hibayashi เป็นอดีตหัวหน้าที่ปรึกษาระดับภูมิภาคด้านสุขภาพขององค์การยูนิเซฟ สำนักงานภาคพื้นเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและเป็นตัวแทนสำนักงานภูมิภาคขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) มานานกว่า 18 ปี ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2546 ถึง สิงหาคม 2564 ก่อนหน้านั้น เขาทำงานให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่โรงพยาบาลในประเทศกำลังพัฒนามาประมาณ 10 ปี ด้านการศึกษา เขาได้รับปริญญาเอก สาขาสรีรวิทยาและการแพทย์ จากมหาวิทยาลัย Tsukuba จังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น

คุณ Hirabayashi อุทิศชีวิตการทำงานมากว่า 40 ปีเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้คนและเด็ก ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและกลุ่มประเทศอาเซียน โดยรับฟังอย่างจริงใจในเสียงของผู้มีอำนาจตัดสินใจต่าง ๆ เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ครูผู้สอน ผู้นำธุรกิจและชุมชน ผู้ประกอบการเพื่อสังคม และผู้นำทางความคิดรุ่นเยาว์ ตลอดจนเสียงของผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงซึ่งเปราะบางและถูกกีดกันมากที่สุด เช่น ผู้พลัดถิ่น ผู้ลี้ภัย และคนพิการ เขาได้ใช้เวลาลงพื้นที่ในประเทศเหล่านั้นอีกด้วย

คุณ Hirabayashi กล่าวว่า “ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นมีประวัติความเป็นเลิศมาเป็นเวลา 40 ปีในฐานะสะพานเชื่อมระหว่างประเทศประเทศสมาชิกอาเซียนกับญี่ปุ่นเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนประชาชน ศูนย์แห่งนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญมากมายที่มีความมุ่งมั่นและความกระตือรือร้น ซึ่งกำลังทุ่มเทความพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อขยายและกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับญี่ปุ่นให้ลึกซึ้ง ผมจะทำหน้าที่สำคัญในการรื้อปรับระบบของศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นแห่งนี้ และจะรับผิดชอบต่ออนาคตที่ยั่งยืน บูรณาการ สันติสุข และมั่นคงสำหรับผู้คนในประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นผ่านการทำงานร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานที่ไว้วางใจได้

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC)

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) เป็นองค์การระหว่างรัฐบาลที่ก่อตั้งโดยประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นในปี 2524 โดยทำหน้าที่ส่งเสริมการส่งออกจากประเทศสมาชิกอาเซียนไปยังญี่ปุ่น พร้อมฟื้นฟูการลงทุน การท่องเที่ยว ตลอดจนการแลกเปลี่ยนประชาชนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับญี่ปุ่น
ลิงก์: https://www.asean.or.jp/en/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210924005103/en/

ติดต่อ:

หน่วยประชาสัมพันธ์ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น
Tomoko Miyauchi (MS)
ลิงก์: https://www.asean.or.jp/en/
โทร: +81-3-5402-8118
อีเมล: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Women’s Entrepreneurship Accelerator ฉลองครบรอบปีที่สองโดยประกาศความคิดริเริ่มที่มีผลกระทบเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ประกอบการสตรี

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2564

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มเชิงกลยุทธ์แบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่จัดตั้งขึ้นโดยหน่วยงานของสหประชาชาติ 5 แห่งและ Mary Kay Inc. ในวันนี้ได้ฉลองครบรอบปีที่สองด้วยการประกาศความคืบหน้าในหลายโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อส่งผลกระทบต่อผู้หญิง 5 ล้านคนทั่วโลกภายในปี 2573 โปรแกรมและผลิตภัณฑ์องค์ความรู้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ WEA ในการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาอย่างสูงสุดของผู้ประกอบการสตรีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ที่จะเปิดตัวในไตรมาสที่สี่ของปีนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210923005313/en/

Women’s Entrepreneurship Accelerator logo (Graphic: WEA)

โลโก้ Women’s Entrepreneurship Accelerator (กราฟิก: WEA)

“เมื่อสองปีที่แล้ว Accelerator มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสตรีสามารถเริ่มต้นและขยายธุรกิจของตนเพื่อเร่งความก้าวหน้าสู่ความเท่าเทียมของผู้หญิง” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “วันนี้เราตื่นเต้นที่จะรายงานความคืบหน้าตามคำมั่นสัญญานั้นและแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ไม่เหมือนใครทั้ง 5 หน่วยงานของสหประชาชาติและภาคเอกชนสามารถมีได้เมื่อทำงานร่วมกัน โปรแกรมเหล่านี้แสดงถึงขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมสู่การเปลี่ยนแปลงระบบซึ่งจำเป็นต่อการส่งเสริมสภาพแวดล้อมของการเติบโต ความยั่งยืน และความยืดหยุ่นสำหรับผู้ประกอบการสตรี”

โปรแกรมเชิงกลยุทธ์ซึ่งทั้งหมดกำหนดขึ้นโดยมุ่งเน้นเฉพาะเรื่องเพศที่มีลักษณะเฉพาะ เป็นผลลัพธ์ร่วมกันของความร่วมมือระหว่างองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ด้วยการสนับสนุนเชิงกลยุทธ์และการระดมทุนของ Mary Kay

  • เครื่องมือและการฝึกอบรมสร้างขีดความสามารถดิจิทัล

ในความร่วมมือกับ ITC SheTrades โครงการ Accelerator จะนำเสนอหลักสูตรที่มีคำแนะนำเสริมด้วยการฝึกอบรมภาคสนามสำหรับผู้หญิงจากประเทศกำลังพัฒนาที่สนใจในการเป็นผู้ประกอบการและ/หรือวางแผนที่จะรวมเข้ากับห่วงโซ่คุณค่าระดับภูมิภาคและระดับโลก เซสชั่นการฝึกอบรมในประเทศปี 2564 จะเกิดขึ้นจริงในบราซิล โคลอมเบีย อินเดีย และเม็กซิโก

หลักสูตรออนไลน์เกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการมีจุดมุ่งหมายเพื่อสอนผู้ประกอบการสตรีให้มีทักษะในการออกแบบและจัดตั้งธุรกิจที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจ ด้วยโมดูลอินเทอร์แอคทีฟ 27 โมดูลที่ครอบคลุมเจ็ดขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาธุรกิจและอัดแน่นไปด้วยวิดีโอมากกว่า 200 รายการ ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้วิธีนำวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการ พัฒนาแนวคิดผ่านการคิดเชิงออกแบบและวิธีการเริ่มต้นแบบของลีนสตาร์ทอัพ เตรียมเครื่องมือที่ช่วยออกแบบโมเดลธุรกิจผ่านปัจจัยทั้ง 9 ด้าน ออกแบบสำนวนการขาย ระบุแหล่งเงินทุน ค้นหาพันธมิตรที่เหมาะสม ให้คำปรึกษา สร้างทีม และจัดตั้งธุรกิจของพวกเขา

หลักสูตรนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ใช้ทุกคนโดยไม่มีขีดจำกัดในการเข้าร่วม และผู้เข้าร่วมจะได้รับใบรับรองเมื่อจบหลักสูตร

หลักสูตร Women's Entrepreneurship Accelerator ITC SheTrades จะค่อย ๆ เผยแพร่ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2564 ในภาษาอังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส และจะมีภาษาอาหรับ รัสเซีย และจีนกลางในปี 2565 โดยจะสามารถเข้าถึงได้บนเว็บไซต์ Accelerator และโดยตรงบนพื้นที่การเรียนรู้เสมือนจริงของ ITC SheTrades และแอพมือถือที่จะเริ่มตุลาคม 2564

  • การวิจัยผู้ประกอบการ

ตามวัตถุประสงค์ของ WEA สำหรับปี 2563-2564 ILO มุ่งเน้นที่การเสริมสร้างความเข้มแข็งในการสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการสตรีในเม็กซิโกและบราซิล ในเม็กซิโก WEA และ ILO จะเปิดเผยผลการวิจัยจากการประเมินกรอบการทำงานที่ส่งผลต่อการพัฒนาผู้ประกอบการสตรี

การศึกษานี้เป็นภาคส่วนเฉพาะสำหรับการค้าและอุตสาหกรรมในเมืองเม็กซิโกซิตี้ และได้รับผลกระทบของโควิด-19 การประเมินประกอบด้วยชุดคำแนะนำที่สามารถนำไปปฏิบัติได้สำหรับสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยที่มากขึ้น ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรระดับชาติ รวมถึงสมาคมนายจ้าง หอการค้า และสมาคมผู้ประกอบการสตรีเพื่อให้มั่นใจในความเป็นเจ้าของและความยั่งยืนของชาติ

ในบราซิลผ่านทาง WEA โดย ILO กำลังร่วมมือกับ SENAI ผู้นำระดับชาติด้านการฝึกอบรมทางเทคนิคและอาชีวศึกษา เพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการสตรีและส่งเสริมการเจรจาบนพื้นฐานในผลการประเมินของ WED ที่ดำเนินการในกรอบการทำงานของโครงการ Win-Win ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป โปรแกรมการประชุมระดับชาติและระดับภูมิภาค สัมมนา การฝึกอบรม และแคมเปญการสื่อสารได้ถูกรวบรวมไว้เพื่อสร้างและรวมแรงผลักดันเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการสตรี

  • การสนับสนุนและฝึกอบรมการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองต่อเพศสภาพ (GRP)

การจัดซื้อจัดจ้างโดยคำนึงถึงเพศสภาพ (GRP) อาจส่งผลกระทบในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ และมีส่วนสนับสนุนการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจของสตรี ในทั่วโลกหนึ่งในสามของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่เป็นเจ้าของโดยผู้หญิง1 แต่ผู้หญิงก็ยังชนะเพียง 1% ของค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทขนาดใหญ่และรัฐบาล2

Women's Entrepreneurship Accelerator เข้าร่วมในการประชุมยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม หรือ Generation Equality Forum ในปารีส (30 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม) ผ่านโปรแกรม “Drivers of Change” ซึ่งจัดเป็นเสวนาในหัวข้อ “Building a Transformative Strategy for Gender-Responsive Procurement” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรอบด้าน อุปสรรคที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงถึงกันของการเป็นผู้ประกอบการสตรีและเพื่อส่งเสริม GRP

ผลงานหลักของ UN Women ต่อสายงาน GRP ของโครงการ Accelerator ในปี 2564 ได้แก่ การจัดตั้ง Business Case for GRP ผ่านการเปิดตัวชุมชนแห่งการปฏิบัติ (CoP) ในเดือนกรกฎาคม โดยร่วมมือกับ UN Global Compact เพื่อดึงดูดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาคเอกชน

UN Women ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก UN Global Compact กำลังดำเนินการสำรวจทั่วโลกเกี่ยวกับ GRP ในทุกภาคส่วน UN Women กำลังสัมภาษณ์บริษัทและองค์กรต่าง ๆ มากกว่า 50 แห่ง ซึ่งเมื่อรวมกับการตอบแบบสำรวจแล้ว จะส่งผลให้เกิดกรณีศึกษาและเครื่องมือสนับสนุนตามหลักฐานเพื่อเน้นกรณีธุรกิจของ GRP เครื่องมือสนับสนุนจะเผยแพร่ภายในเดือนธันวาคม 2564 และจะสนับสนุน WEA เพื่อสนับสนุนโปรแกรมริเริ่มที่สำคัญที่สุดของ UN Women “กระตุ้นโอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้ประกอบการสตรี”

ในเดือนธันวาคม UN Women Europe และ Central Asia (ECA) จะเปิดตัวโปรแกรมนำร่องขั้นต้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของทั้งผู้ประกอบการสตรีและภาคเอกชนโดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการสตรี: (1) การสร้างขีดความสามารถในการจัดซื้อจัดจ้างของผู้ประกอบการสตรีเพื่อโอกาสในการแข่งขันการประมูลกับภาครัฐและภาคเอกชน (2) เสริมสร้างขีดความสามารถของหน่วยงานภาคเอกชนจากทุกภาคส่วนในการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติ และการออกแบบความคิดริเริ่มในการจัดซื้อจัดจ้างและการลงทุนที่ตอบสนองต่อเพศสภาพ

การประกาศของโครงการ Accelerator เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญของโปรแกรมเหล่านี้เป็นเพียงขั้นตอนล่าสุดที่ดำเนินการโดยหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการประกอบการในฐานะแรงผลักดันที่สำคัญในการพัฒนาความเสมอภาคของผู้หญิงในปี 2564 และปีต่อ ๆ ไป

ที่การประชุม Generation Equality Forum ในกรุงปารีส โครงการ Accelerator ได้ประกาศความมุ่งมั่นในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิง 5 ล้านคนภายในสิ้นปี 2573 และสร้างระบบนิเวศสำหรับการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจของผู้หญิงที่ส่งเสริมการเติบโต ความยั่งยืน และความยืดหยุ่นสำหรับผู้ประกอบการสตรี

ในวันที่ 28 กันยายน โครงการ Accelerator จะจัดงานเสมือนจริงในหัวข้อ “Joining Forces to Drive Change” ซึ่งจะเรียกผู้บริหารระดับสูงของ ILO, ITC, UNDP, UNGC และ UN Women โดยมีคำปราศรัยเบื้องต้นจาก Mary Kay ซึ่งจัดขึ้นในช่วง UNGA 76 เพื่อฉลองครบรอบ 2 ปีของ WEA งานระดับสูงจะเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายในระบบนิเวศของผู้ประกอบการสตรีได้ฟังจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในหัวข้อต่อไปนี้: ความเสมอภาคทางเพศและการเสริมอำนาจของผู้หญิง การสนับสนุนทางเศรษฐกิจและสังคมของผู้ประกอบการผู้หญิง นโยบายและแนวปฏิบัติที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งสามารถนำไปใช้และทำซ้ำได้ทั่วโลกเพื่อสนับสนุนความเป็นผู้นำของผู้หญิงในธุรกิจ ลงทะเบียนและสอบถามข้อมูลอื่น ๆ คลิกที่นี่

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Women's Entrepreneurship Accelerator และผลงานที่ทำตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อสองปีที่แล้ว กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ we-accelerate.com

เกี่ยวกับ Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มแบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายเกี่ยวกับผู้ประกอบการสตรีที่จัดตั้งขึ้นระหว่าง UNGA 74 โดยหน่วยงานของสหประชาชาติห้าแห่ง ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และ Mary Kay Inc. จะเพิ่มพลังให้ผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนภายในปี 2573

เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โครงการ Accelerator เป็นตัวอย่างของพลังในการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อควบคุมศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ we-accelerate. ติดตามเราได้ที่: Twitter (We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator), LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

เกี่ยวกับ International Labour Organization

The International Labour Organization หรือ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เป็นหน่วยงานเฉพาะทางของสหประชาชาติที่จัดตั้งขึ้นในปี 2462 หลังจากเกิดสงครามทำลายล้าง เพื่อดำเนินตามวิสัยทัศน์ตามสมมติฐานที่ว่าสันติภาพที่เป็นสากลและยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมทางสังคม เป้าหมายหลักของ ILO คือการส่งเสริมสิทธิในการทำงาน ส่งเสริมโอกาสการจ้างงานที่เหมาะสม ส่งเสริมการคุ้มครองทางสังคม และเสริมสร้างการเจรจาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับงาน โครงสร้างไตรภาคีที่เป็นเอกลักษณ์ของ ILO นั้นให้เสียงที่เท่าเทียมกันแก่คนงาน นายจ้าง และรัฐบาล เพื่อให้แน่ใจว่าความคิดเห็นของหุ้นส่วนทางสังคมจะสะท้อนให้เห็นอย่างใกล้ชิดในมาตรฐานแรงงานและในการกำหนดนโยบายและแผนงาน

โครงการพัฒนาผู้ประกอบการสตรีของ ILO (ILO-WED) เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และดำเนินการมาเกือบสองทศวรรษแล้ว ILO-WED ทำงานเพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิงโดยดำเนินการยืนยันเพื่อสนับสนุนสตรีที่เพิ่งเริ่มต้น กำหนดรูปแบบและขยายวิสาหกิจของตนเอง และโดยการนำประเด็นความเท่าเทียมทางเพศมาผสมผสานเข้ากับงานของ ILO ในการพัฒนาองค์กร เว็บไซต์: www.ilo.org | Twitter – @ILOWED | Facebook – ILO WED (@International Labour Organization)

เกี่ยวกับ International Trade Centre

ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ หรือ International Trade Centre (ITC) เป็นหน่วยงานร่วมของ World Trade Organization and the United Nations หรือ องค์การการค้าโลกและสหประชาชาติ ITC ช่วยวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อมในระบบเศรษฐกิจกำลังพัฒนาและช่วงเปลี่ยนผ่านให้มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนภายในกรอบของวาระ Aid-for-Trade และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

โครงการ SheTrades Initiative ของ ITC ตั้งเป้าที่จะเชื่อมโยงผู้ประกอบการสตรีและธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของสามล้านคนเข้ากับตลาดต่างประเทศภายในปี 2564 SheTrades ทำงานร่วมกับรัฐบาล บริษัท และองค์กรสนับสนุนธุรกิจเพื่อทำการวิจัย กำหนดนโยบายและข้อบังคับด้านการค้า อำนวยความสะดวกด้านการเงิน และขยายการเข้าถึงสู่ประกวดราคาสาธารณะ และห่วงโซ่อุปทานขององค์กร ช่วยให้ผู้ประกอบการสตรีมีสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่หลากหลายและหลักสูตรที่ยืดหยุ่นบนแพลตฟอร์ม www.shetrades.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.intracen.org และติดตาม ITC บน Twitter | Facebook | LinkedIn | Instagram | Flickr

เกี่ยวกับ United Nations Global Compact

ตามความคิดริเริ่มพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติ ข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Global Compact คือการเรียกร้องให้บริษัทต่าง ๆ ทุกแห่งจัดการดำเนินงานและกลยุทธ์ของตนให้สอดคล้องกับหลักการสากล 10 ประการในด้านสิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต เปิดตัวในปี 2543 หน้าที่ของ UN Global Compact คือการชี้นำและสนับสนุนชุมชนธุรกิจทั่วโลกในการทำให้เป้าหมายและค่านิยมของ UN ก้าวหน้าผ่านแนวปฏิบัติขององค์กรที่รับผิดชอบ ด้วยบริษัทมากกว่า 10,000 แห่งและผู้ลงนามที่ไม่ใช่ธุรกิจ 3,000 รายในกว่า 160 ประเทศและเครือข่ายท้องถิ่นมากกว่า 60 แห่ง เป็นโครงการริเริ่มเพื่อความยั่งยืนขององค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ @globalcompact บนโซเชียลมีเดียและเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้ที่ unglobalcompact.org

เกี่ยวกับ UN Women

องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Women เป็นองค์กรของ UN ที่อุทิศตนเพื่อความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมอำนาจของผู้หญิง UN Women เป็นแชมป์ระดับโลกสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ก่อตั้งขึ้นเพื่อเร่งความก้าวหน้าในการตอบสนองความต้องการทั่วโลก

UN Women สนับสนุนประเทศสมาชิก UN ในขณะที่พวกเขากำหนดมาตรฐานระดับโลกสำหรับการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ และทำงานร่วมกับรัฐบาลและภาคประชาสังคมในการออกแบบกฎหมาย นโยบาย โปรแกรม และบริการที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ามีการบังคับใช้มาตรฐานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงและเด็กหญิงทั่วโลกอย่างแท้จริง การทำงานทั่วโลกเพื่อทำให้วิสัยทัศน์ของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นจริงสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง และยืนอยู่เบื้องหลังการมีส่วนร่วมที่เท่าเทียมกันของผู้หญิงในทุกด้านของชีวิต โดยเน้นที่ลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์สี่ประการ: ผู้หญิงเป็นผู้นำ การมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันจากระบบการบริหารการปกครอง ผู้หญิงมีรายได้ที่มั่นคง มีการทำงานที่ดีและมีอิสระทางเศรษฐกิจ ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทุกคนมีชีวิตที่ปราศจากความรุนแรงทุกรูปแบบ ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงมีส่วนร่วมและมีอิทธิพลมากขึ้นในการสร้างสันติภาพและการยืนหยัดที่ยั่งยืน และได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันจากการป้องกันภัยธรรมชาติและความขัดแย้งและการดำเนินการด้านมนุษยธรรม UN Women ยังประสานงานและส่งเสริมการทำงานของระบบ UN ในการพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศ

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นมากกว่า 58 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย และยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com

1 World Bank (2020). Enterprise Surveys, World Bank Gender Data Portal cited by World Bank Blogs (2020) Women entrepreneurs needed – stat!
2 Vazquez and Sherman (2014). Cited by UN Women (2017) The Power of Procurement: How to source from women-owned businesses.

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210923005313/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or  media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



เรือ ‘Hidden Gem’ ถึงเมืองรอตเตอร์ดัมเพื่อเปลี่ยนเป็นเรือเก็บแร่และหินสำหรับ The Metals Company

Logo

  • เรือความยาว 228 เมตรคาดว่าจะเป็นเรือลำแรกที่ได้รับการจัดประเภทเป็นเรือขุดใต้น้ำภายใต้กรม American Bureau of Shipping
  • มีการบูรณาการอุปกรณ์เพื่อรองรับยานพาหนะเก็บแร่ธาตุนำร่องและระบบไรเซอร์ที่กำลังออกแบบและสร้างโดย Allseas
  • เริ่มการทดสอบสำหรับการใช้งานในโรงงานสำหรับส่วนประกอบของระบบที่จะรวมเข้ากับเรือ

นิวยอร์ก–(บิสิเนส ไวร์)–21 ก.ย. 2564

The Metals Company (Nasdaq: TMC) ได้ประกาศในวันนี้ว่าอดีตเรือขุดเจาะความยาว 228 เมตรที่เปลี่ยนชื่อเป็น Hidden Gem ได้มาถึงเมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์แล้วเพื่อเริ่มแปลงเป็นเรือขุดใต้ทะเลเรือลำแรกโดย American Bureau of Shipping Allseas  Allseas พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของ TMC ได้ซื้อเรือขุดเจาะน้ำลึกพิเศษในอดีต ซึ่งสามารถรองรับคนได้ 200 คนในเดือนมีนาคม 2563 เนื่องจากการกำหนดค่านั้นเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการดัดแปลงที่จะช่วยให้สามารถติดตั้งเครื่องยกสูงยาว 4.5 กิโลเมตรในทะเลได้เพื่อนำก้อนโพลีเมทัลลิกขึ้นมาจากพื้นทะเล

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210921005945/en/

Hidden Gem vessel (Photo: Business Wire)

เรือ Hidden Gem (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

โดยร่วมกับ The Metals Company (เดิมชื่อ DeepGreen Metals Inc.) Allseas กำลังพัฒนาระบบรวบรวมแร่ธาตุจากทะเลลึกเพื่อนำก้อนโพลีเมทัลลิกกลับมาใช้ใหม่จากพื้นมหาสมุทรอย่างมีความรับผิดชอบและส่งต่อเพื่อการขนส่งไปยังฝั่ง  แต่ละก้อนประกอบด้วยนิกเกิล แมงกานีส ทองแดง และโคบอลต์คุณภาพสูง ซึ่งเป็นโลหะสำคัญที่จำเป็นสำหรับการสร้างแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็น Hidden Gem ในยุโรปและได้เห็น Allseas มีความก้าวหน้าอย่างมาก” Gerard Barron ประธานและซีอีโอของ The Metals Company กล่าว “เรือลำดังกล่าวประสบความสำเร็จในการเริ่มดำเนินการในขั้นตอนการบำรุงรักษาในอู่ ซึ่งน่าจะเป็นการแปลงที่ราบรื่นและทันเวลาล่วงหน้าก่อนโครงการขุดนำร่องของเราในปี 2565”

The Metals Company เพิ่งเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการของ SPAC และการเสนอขายหุ้นใน Nasdaq  นอกจากนี้ พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ Allseas ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านวิศวกรรมนอกชายฝั่งได้แสดงความยินดีให้ก้ับทางบริษัท “ในฐานะนักลงทุนรายสำคัญในบริษัทและนักลงทุนใน PIPE เราเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับ The Metals Company ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น  เรามีวิสัยทัศน์ร่วมกับพวกเขาในการใช้ประโยชน์จากแหล่งโลหะแบตเตอรี่ที่ความว่าใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” Edward Heerema ผู้ก่อตั้งและประธาน Allseas กล่าว

TMC และ Allseas คาดว่าเรือจะพร้อมดำเนินการทดสอบนำร่องภายในกลางปี ​​2565

เกี่ยวกับ The Metals Company

The Metals Company เป็นบริษัทแคนาดาที่สำรวจแบตเตอรี่ที่มีผลกระทบต่ำจากก้อนโพลีเมทัลลิกใต้ท้องทะเล โดยมีภารกิจสองประการ: (1) จัดหาโลหะสำหรับการเปลี่ยนพลังงานสะอาดโดยมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในเชิงลบน้อยที่สุด และ (2) เร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจโลหะหมุนเวียน  ทางบริษัท ผ่านบริษัทในเครือ ถือครองสิทธิในการสำรวจและการค้าในพื้นที่สัญญาจ้างโลหะโพลีเมทัลลิกสามแห่งในเขต Clarion Clipperton ของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งควบคุมโดย International Seabed Authority และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของนาอูรู คิริบาส และราชอาณาจักรตองกา

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.metals.co

เกี่ยวกับ Allseas

Allseas Group SA เป็นผู้รับเหมาชั้นนำระดับโลกในด้านการติดตั้งท่อส่งน้ำมันนอกชายฝั่ง ลิฟต์ขนาดใหญ่ และการก่อสร้างใต้ทะเล  บริษัทมีพนักงานมากกว่า 4,000 คนทั่วโลก และดำเนินการกองเรืออเนกประสงค์สำหรับรถบรรทุกหนัก การวางท่อ และเรือสนับสนุนเฉพาะทาง ซึ่งออกแบบและพัฒนาภายในบริษัท

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Allseas ได้ที่ www.allseas.com

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข้อความบางส่วนในการนำเสนอนี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต แต่เป็นแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยภายใต้กฎหมาย Private Securities Litigation Reform Act ปี 2538 ส่งต่อ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าจะมาพร้อมกับคำต่างๆ เช่น “เชื่อ” “อาจ” “จะ” “ประมาณการ” “ดำเนินการต่อ” “คาดการณ์” “ตั้งใจ” “คาดหวัง” “ควร” “อาจจะ” “วางแผน” “ทำนาย” “มีศักยภาพ” “ดูเหมือน” “แสวงหา” “ในอนาคต” “มีมุมมอง” และสำนวนที่คล้ายกันที่ทำนายหรือบ่งชี้เหตุการณ์หรือแนวโน้มในอนาคตหรือที่ไม่ใช่ข้อความของเรื่องทางประวัติศาสตร์ ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความคาดหวังของ TMC ในส่วนที่เกี่ยวกับเรือสำรวจ การใช้งานและการทำงานของอุปกรณ์ และความร่วมมือกับ Allseas และระยะเวลาของการทดสอบการรวบรวมโหนดนำร่อง  ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สำคัญซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่กล่าวถึงในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า  ปัจจัยเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่นอกเหนือการควบคุมของ TMC และคาดการณ์ได้ยาก ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดความแตกต่างดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: การไม่สามารถรักษารายชื่อหุ้นของ TMC บน Nasdaq ความสามารถในการรับรู้ถึงผลประโยชน์ที่คาดการณ์ไว้ของการรวมธุรกิจที่เพิ่งเสร็จสิ้นซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความเป็นไปได้ทางการค้าและทางเทคนิคของการทำเหมืองและการแปรรูปก้อนโลหะโพลีเมทัลลิก อุปทานและอุปสงค์ของโลหะแบตเตอรี่ ราคาโลหะแบตเตอรี่ในอนาคต เวลาและเนื้อหาของระเบียบการแสวงหาผลประโยชน์ของ ISA ที่จะสร้างกรอบทางกฎหมายและทางเทคนิคสำหรับการหาประโยชน์จากก้อนโลหะโพลีเมทัลลิกในโซน Clarion Clipperton  ข้อบังคับของรัฐบาลเกี่ยวกับการทำเหมืองใต้ทะเลลึกและการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการทำเหมือง ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ระยะเวลาและปริมาณการผลิตในอนาคตโดยประมาณ ต้นทุนการผลิต รายจ่ายฝ่ายทุน และข้อกำหนดสำหรับเงินทุนเพิ่มเติม กระแสเงินสดได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน ความสามารถของ TMC ในการจัดหาเงินทุนในอนาคต ค่าใช้จ่ายในการถมที่ไม่คาดคิด การเรียกร้องและข้อจำกัดในการประกัน  ความไม่แน่นอนในการประมาณการทรัพยากรแร่ ความไม่แน่นอนในการศึกษาและความคิดเห็นทางธรณีวิทยา อุทกวิทยา โลหะวิทยา และธรณีเทคนิค ความเสี่ยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความสามารถของ TMC ในการบังคับใช้ภาระผูกพันของผู้ลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ภายใต้สัญญาจองซื้อที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจ ความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และการพึ่งพาผู้บริหารหลักและเจ้าหน้าที่บริหาร และความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆ ที่ระบุเป็นครั้งคราวในหนังสือมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจที่เพิ่งเสร็จสมบูรณ์ รวมถึงที่อยู่ภายใต้ “ปัจจัยเสี่ยง” ในนั้น และในการยื่นเอกสารอื่นๆ ต่อ SEC TMC เตือนว่ารายการปัจจัยข้างต้นไม่ใช่เฉพาะ TMC เตือนผู้อ่านอย่าใช้ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเกินควร ซึ่งพูดเฉพาะ ณ วันที่ทำ TMC ไม่ดำเนินการหรือยอมรับภาระผูกพันหรือการดำเนินการใด ๆ ในการเผยแพร่การปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ ต่อสาธารณะเพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในความคาดหวังหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในเหตุการณ์ เงื่อนไข หรือสถานการณ์ตามข้อความดังกล่าว

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210921005945/en/

ติดต่อ:

Chelsea Lauber | Antenna Group | tmc@antennagroup.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Landmark ฉลองครบรอบ 30 ปีในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมด้านการฝึกอบรมและการพัฒนาเพื่อการเติบโตส่วนบุคคลและในวิชาชีพ

Logo

ได้มีผู้คนเข้าร่วมมากกว่า 3 ล้านคนและได้สร้างโครงการที่ไม่แสวงหากำไรและที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายกว่า 150,000 โครงการ

ซานฟรานซิสโก–(บิสิเนสไวร์)– 17 ก.ย. 2564

Landmark (Landmark Worldwide) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2534 ฉลองครบรอบ 30 ปีโดยมีผู้คนมากกว่าสามล้านคนทั่วโลกได้รับการสนับสนุนและเสริมพลังบวกจากโครงการต่างๆ  และแนวคิดจากการการฝึกอบรมครั้งแรกในปี 1971 ที่พัฒนาขึ้นจนเป็น Landmark ในวันนี้ได้มีการครบรอบ 50 ปี เช่นกัน

ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมการเติบโตส่วนบุคคลและวิชาชีพ การฝึกอบรมและการพัฒนา โปรแกรมและแนวคิดของ Landmark ได้เสริมพลังให้แก่ผู้คนเป็นเวลาห้าทศวรรษและได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาอย่างมาก  และนอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อส่วนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขาเช่นกัน

Marketdata Enterprises, Inc. ผู้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการพัฒนาส่วนบุคคลในสหรัฐอเมริการะบุในรายงานปี 2564 ว่า

  • “Landmark ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทฝึกอบรมและพัฒนาชั้นนำของโลกโดย HR.com/James McNeil”
  • “Landmark ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในคณะวิชาที่ดีที่สุดในธุรกิจ” และผู้เชี่ยวชาญหลายคน “ในอุตสาหกรรมการพัฒนาและการฝึกสอนส่วนบุคคลได้เริ่มต้นจากการเข้าร่วมในโปรแกรมของ Landmark”
  • Landmark มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในอุตสาหกรรมในฐานะ “ผู้ให้บริการโปรแกรมของการเปลี่ยนแปลงแบบภววิทยาแต่เพียงผู้เดียว และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประสิทธิภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างทันที ยั่งยืน และอย่างน่าทึ่ง”

50 ปีที่แล้วการฝึกอบรม est Training ของ Werner Erhard ได้ เปิดตัวอุตสาหกรรมการพัฒนาส่วนบุคคลและจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ได้กลายเป็นอุตสาหกรรมและการฝึกสอนชีวิตตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  แนวความคิดหลายอย่างของเขาได้เข้าเป็นส่วนของวัฒนธรรมกระแสหลัก ธุรกิจ และวิชาการ  นิตยสาร TIME ยอมรับว่า “ความหลงใหลในการเปลี่ยนแปลงแบบอเมริกันไม่ใช่เรื่องใหม่ สิ่งนี้เก่าแก่พอๆ กับประเทศชาติ แต่ Werner Erhard ได้เป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงสมัยใหม่ครั้งแรกเมื่อเขาก่อตั้งการสัมมนา est ในปี 1971”

Erhard ยกเลิกการฝึกอบรม est และเปิดตัวหลักสูตรใหม่ The Forum ในปี 1985  แนวคิดของ Erhard (ตามที่แสดงในโปรแกรมของเขา) ได้รับการตรวจสอบโดยละเอียดโดยนักวิชาการสองคนในหนังสือขายดี Speaking Being: Werner Erhard, Martin Heidegger, and a New Possibility of Being Human

โดยได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักคิดที่เฉียบแหลมและลึกซึ้งที่สุดคนหนึ่งในยุคของเรา” โดย David Eagleman, Ph.D.,  โดยเป็นนักประสาทวิทยาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และนักเขียนหนังสือขายดีของ New York Times, Erhard ได้ทุ่มเทปัญญาส่วนของเขาในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อ โลกวิชาการ  โดยร่วมกับเพื่อนร่วมงานของเขา เขากำลังเขียนหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัยและการสอนและการบรรยายในมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมถึง UCLA Anderson School of Management, United States Air Force Academy, Stanford University, Harvard University, Yale University, Dartmouth College และ Erasmus University .

ทุกวันนี้ Landmark ยังคงจัดโปรแกรมทั่วโลก รวมทั้งมีการเปิดตัวโปรแกรมออนไลน์มากกว่า 50 โปรแกรม  Landmark ยังคงได้รับการรับรองโดยผู้นำที่มีชื่อเสียงทั่วโลกนับพันราย รวมถึงซีอีโอของบริษัททั่วโลกที่ได้รับการเคารพนับถืออย่างกว้างขวาง นักวิชาการ และนักมนุษยธรรมที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

“สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจอย่างมากเกี่ยวกับ Landmark คือการให้ผู้คนได้เข้าถึงการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมขององค์กรได้โดยตรงและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในระยะเวลาอันสั้นอย่างน่าประหลาดใจ”

~ Michael C. Jensen, Jesse Isidor Straus ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

“การคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา และเมื่อฉันได้เข้าร่วม Landmark Forum ฉันก็ตระหนักว่าฉันสามารถมีความสำเร็จ ความสมหวัง และมีความสุขได้ในทุกช่วงชีวิตของฉัน”

~ Natalie Cook ผู้ชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิก

“ในฐานะบุคคลที่ใช้เวลาชีวิตในด้านการแก้ปัญหาระดับโลก ผมไม่สามารถนึกถึงโปรแกรมการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ได้  ผลลัพธ์ที่มีค่าที่สุดอย่างหนึ่งที่ผมได้รับคือความสามารถในการจัดการกับปัญหาระดับโลกที่ยากจะแก้ไขได้โดยไม่ท้อถอย  จากการเข้าร่วม Landmark แต่ละคนจะได้รับเครื่องมือในการออกไปสู่โลกและสร้างสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้น”

~ Dr. Charles McNeill ที่ปรึกษานโยบายอาวุโส โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ

ผมยังไม่เห็นสิ่งอื่นใดที่ส่งผลดีต่อความสามารถของผู้คนในความสัมพันธ์ สื่อสาร และดำเนินการได้เท่ากับ Landmark”

~ Paul Fireman ผู้ก่อตั้งและอดีตประธาน/ซีอีโอของ Reebok International, Ltd.USA

บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลกของ Landmark และบริษัทในเครือ Vanto Group ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการที่ดีที่สุดของอเมริกาโดย นิตยสาร Forbes เป็นเวลาสองปีติดต่อกัน – 2563 และ 2564 นอกจากนี้ Landmark เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาหลักสำหรับผู้เข้าร่วมที่สร้างโครงการที่ไม่แสวงหาผลกำไรและที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายกว่า 150,000 โครงการ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบุคคล องค์กร และชุมชนทั่วโลก ตัวอย่างบางส่วน ได้แก่

  • Special Spectators (ซึ่งผู้ก่อตั้ง Blake Rockwell ได้ชื่อว่าเป็น CNN Hero) มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเด็กที่ป่วยหนักหลายหมื่นคน พี่น้อง และผู้ปกครองด้วยการให้ประสบการณ์การเล่นเกมระดับวีไอพีในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยสำคัญๆ มากกว่า 50 แห่ง
  • Plant a Million Trees: Gashaw Tahir ก่อตั้ง NGO ชื่อ Greenland Development Foundation ที่ปลูกต้นไม้มากกว่าหนึ่งล้านต้นในเอธิโอเปีย และในกระบวนการนี้ ได้ให้คนหนุ่มสาวมากกว่า 450 คนมีงานทำ ทำให้พวกเขาสร้างศักดิ์ศรีและความสามารถในการมองเห็นอนาคตในเอธิโอเปีย
  • R U OK? Day: โครงการป้องกันการฆ่าตัวตายที่คนทั้งประเทศออสเตรเลียยอมรับ

Landmark รับทราบและขอบคุณผู้คนมากกว่าสามล้านคนที่มีส่วนร่วมในงานและความแตกต่างที่พวกเขาสร้างในชีวิตของตัวเอง ในชีวิตของผู้อื่น และทั่วโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Landmark และโปรแกรมต่างๆ ของบริษัทได้ที่ www.landmarkworldwide.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210916005243/en/

ติดต่อ:

Michelle Tennant Nicholson จาก Wasabi Publicity Inc. +1-828-749-3200
Michelle@WasabiPublicity.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การศึกษาทั่วโลกของ Egon Zehnder เปิดเผยว่า ซีอีโอมีความตระหนักในตนเองมากขึ้น แต่ยังต้องปรับตัวและสร้างความสัมพันธ์มากว่าเดิม

Logo

การสำรวจซีอีโอจำนวนเกือบ 1,000 คนทั่วโลกเผยให้เห็นว่า ความท้าทายทางสังคมและเศรษฐกิจปัจจุบันได้ผลักดันให้มีการสะท้อนตนเองและการพัฒนาในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงมุมมองด้านซีอีโอและบทบาทความเป็นผู้นำ

ซูริค–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2564

Egon Zehnder บริษัทที่ปรึกษาด้านการเป็นผู้นำแถวหน้าของโลก วันนี้เปิดเผยผลการศึกษาจากการสำรวจซีอีโอจำนวน 972 คนทั่วโลก โดยหาคำตอบว่าบทบาทและความคาดหวังของซีอีโอมีการพัฒนาไปอย่างไรเมื่อเผชิญกับความท้าทายและเหตุการณ์สำคัญระดับโลกที่กำลังเกิดขึ้น ผลการศึกษาพบว่า การสะท้อนตนเองและการพัฒนาตนเองได้ขยับมามีความสำคัญสูงสุดสำหรับซีอีโอ เนื่องจากพวกเขาตระหนักรู้ในตนเองมากขึ้น โดยเห็นว่ากุญแจสู่ความสำเร็จคือการปรับปรุงด้านความเป็นผู้นำในตัวมนุษย์

เนื่องจากความต้องการด้านความเท่าเทียมในสถานที่ทำงานและแรงกดดันใหม่ ๆ เกี่ยวกับการทำงานแบบไฮบริดที่เพิ่มสูงขึ้นยังคงพัฒนาวัฒนธรรมทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว ซีอีโอทั่วโลกจึงได้ประเมินบทบาทของตนเองใหม่ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการมีส่วนร่วมกับทีม ตลอดจนวิธีการดูแลรับผิดชอบองค์กรและตัวเองในการทำให้ธุรกิจให้พร้อมสำหรับอนาคต ปัจจุบัน ซีอีโอมองว่าการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาตนเองและการสร้างแรงผลักดันจากภายในตัวของพนักงานในองค์กรเป็นลำดับแรก ๆ นั้นมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ซับซ้อน

ผลการสำรวจสำคัญ ๆ มีดังนี้

  • 90% ของซีอีโอรายงานว่าพวกเขาย้ายไปอยู่ที่ศูนย์กลางของเสียงที่ดังขึ้น หลากหลายมากขึ้น และแตกต่างออกไป เมื่อถูกถามเกี่ยวกับผลกระทบของสถานการณ์ล่าสุดที่มีต่อองค์กร ซีอีโอส่วนใหญ่เน้นย้ำถึงการตัดสินใจและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้บ่งบอกถึงความซับซ้อนและการพัฒนาที่รวดเร็ว ซึ่งกำลังพลิกโฉมธุรกิจ และซีอีโอจะตอบคำถามผู้ที่เกี่ยวข้องมากขึ้น และมีการประเมินผลในรูปแบบที่คิดขึ้นมาใหม่
  • 83% ของผู้นำมองว่าการไตร่ตรองรูปแบบความเป็นผู้นำของตนเองเป็นสิ่งจำเป็น โดยเพิ่มขึ้นจาก 66% ในการศึกษาปี 2018 ใน The CEO: A Personal Reflection บรรดาซีอีโอกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัว สร้างความสัมพันธ์ และตระหนักรู้ในตนเอง พวกเขามุ่งมั่นที่จะรับฟังมุมมองที่หลากหลายและเปิดรับข้อเสนอแนะจากภาคส่วนใหม่ ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งประกอบด้วย สมาชิกในทีม ประธาน เมนเทอร์ ที่ปรึกษา และซีอีโอท่านอื่น นอกจากนี้ ซีอีโอหญิงจะเปิดรับข้อเสนอแนะจากแหล่งต่าง ๆ หลายแห่ง และมีแนวโน้มที่จะเปิดรับคำแนะนำจากเพื่อนซีอีโอ เมนเทอร์ และสมาชิกในครอบครัวมากกว่าผู้ชาย
  • 78% (เพิ่มขึ้นสามเท่าจากปี 2561) ของซีอีโอเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าพวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตนเองต่อไป เหล่าซีอีโอยังเห็นด้วยอย่างยิ่งต่อความสำคัญของ “การเดินทางสองทาง” ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผู้นำเชื่อว่าการพัฒนาตนเองและการเติบโตขององค์กรในฐานะเส้นทางที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันนั้นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดได้ ผลการสำรวจที่โดดเด่นที่สุดของเราคือข้อตกลงที่แทบจะเป็นเอกฉันท์ในหมู่ผู้นำนับพัน โดยมีใจความว่า “ในฐานะซีอีโอ ฉันอยากมีสมรรถภาพในการเปลี่ยนแปลงตัวเองและองค์กร”
  • ใน 3 ของซีอีโอรายงานว่า ตัวชี้วัดขั้นสุดท้ายที่ชี้นำการตัดสินใจของพวกเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะมีความคาดหวังทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกับสังคมและเศรษฐกิจที่พวกเขาให้การสนับสนุน จากความขัดแย้งนี้ จึงไม่เป็นที่แน่ชัดว่าซีอีโอมีแนวทางที่จะทำตามความมุ่งหวังของตนโดยตรง โดยใช้ตัวชี้วัดทางการเงินแบบเดิมเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการตัดสินใจสำหรับซีอีโอส่วนใหญ่หรือไม่
  • การวิเคราะห์คำตอบปลายเปิดแสดงให้เห็นว่า ซีอีโอเกือบ 500 คน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ให้การสำรวจทั้งหมด มองว่าความสามารถเชิงสัมพันธ์เป็นจุดบอดหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของซีอีโอ (44%) รายงานว่ารู้สึกเข้ากันได้อย่างเต็มที่กับทีม และน้อยกว่าที่เข้ากันได้กับบอร์ดบริหาร ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความตึงเครียดที่สูงขึ้นและความจำเป็นในการทำงานร่วมกันที่เพิ่มขึ้น

Jill Ader ประธานของ Egon Zehnder กล่าวว่า “ซีอีโอต่างตระหนักดีว่าความซับซ้อนทางธุรกิจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในปัจจุบันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ด้านความเป็นผู้นำ และการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องเริ่มต้นจากภายในด้วยการไตร่ตรองความคิดและการพัฒนาตนเองไปอีกหลายระดับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องคิดตามใจตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่เป็นสิ่งที่ทีม องค์กร และผู้ที่เกี่ยวข้องคาดหวังจากซีอีโอ ความเฉียบแหลมด้านธุรกิจแบบเดิมต้องสมดุลเท่าเทียมกันกับความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากกว่าที่เคยเป็น เพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่นคงทางอารมณ์ของทีมและองค์กร ดำเนินการท่ามกลางความซับซ้อนทางธุรกิจ และสร้างสถานที่ทำงานที่มีประสิทธิผลและสร้างแรงบันดาลใจ”

Kati Najipoor-Schuette และ Dick Patton ซึ่งเป็นผู้นำร่วมกลุ่มให้ปรึกษาซีอีโอ ของ Egon Zehnder และผู้ร่วมเขียนการสำรวจนี้เน้นย้ำว่า การดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนเหล่านี้ ซีอีโอต้องเพิ่มความสามารถของตนเองในการปรับตัว สร้างความสัมพันธ์ และตระหนักในตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน ความสามารถเหล่านี้จำเป็นต้องสมดุลกับความแข็งแกร่งด้านความเป็นผู้นำแบบเดิม การวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการวางแนวประสิทธิภาพอย่างไม่หยุดยั้ง การเพิ่มพูนทักษะเหล่านี้ผู้นำจะต้องเพิ่มความสามารถในการฟัง ไว้วางใจในเครือข่ายผู้ที่เกี่ยวข้องในวงกว้าง และสื่อสารอย่างจริงใจมากกว่าที่เคยเป็นมา

จากการฝึกฝนทักษะเหล่านี้และใช้แนวทางที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น ซีอีโอจะพัฒนาความยืดหยุ่น ความเป็นผู้นำ และความสามารถในการปรับตัวทั้งของตนเองและองค์กร

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสำรวจซีอีโอของ Egon Zehnder ซึ่งสำรวจซีอีโอจำนวน 972 คนทั่วโลก โปรดู www.egonzehnder.com/it-starts-with-the-CEO

เกี่ยวกับ Egon Zehnder

Egon Zehnder เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการเป็นผู้นำแถวหน้าของโลก ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้นำตอบคำถามที่ซับซ้อนด้วยคำตอบที่เน้นการเข้าถึงมนุษย์ ด้วยประสบการณ์กว่า 55 ปีในการให้คำปรึกษาลูกค้าเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของผู้บริหารระดับสูง เราทราบว่าการเลือกซีอีโอเป็นจุดกึ่งกลางของกระบวนการ ไม่ใช่จุดสิ้นสุด นั่นคือเหตุผลที่เราเป็นพันธมิตรกับลูกค้าเพื่อส่งมอบการเปลี่ยนแปลง การสืบทอดตำแหน่ง การพัฒนา และการสนับสนุนการเป็นซีอีโอที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ เราช่วยให้องค์กรเข้าถึงหัวใจของความท้าทายในการเป็นผู้นำ และเสนอความคิดเห็นและข้อมูลเชิงลึกที่ตรงไปตรงมาเพื่อช่วยให้ผู้นำตระหนักถึงตัวตนและจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขา ที่ปรึกษา 525 คนของเราในสำนักงาน 63 แห่งและ 37 ประเทศคืออดีตผู้นำในอุตสาหกรรมและฟังก์ชันงานต่าง ๆ ซึ่งทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นทั่วทั้งภูมิภาค อุตสาหกรรม และฟังก์ชันต่างๆ เพื่อส่งมอบพลังความสามารถของบริษัทให้กับลูกค้าทุกรายในทุก ๆ ครั้ง เราเชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงผู้คน องค์กร และโลกได้ผ่านความเป็นผู้นำ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.egonzehnder.com และติดตามเราได้ที่ LinkedIn และ Twitter

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210915005058/en/

ติดต่อ:

Stacy Drumtra, ผู้อำนวยการร่วมฝ่ายการตลาดสากลประจำชิคาโก
stacy.drumtra@egonzehnder.com | โทร: +1 312 805 6736

Martin Klusmann, ผู้อำนวยการร่วมฝ่ายการตลาดสากลประจำเบอร์ลิน
martin.klusmann@egonzehnder.com | โทร: +49 1702360101

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คว้ารางวัล World Branding Awards ประจำปี 2564 โดย Storm

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–9 กันยายน 2564

วันนี้รางวัลอันทรงเกียรติ World Branding Awards ซึ่งเป็นสุดยอดรางวัลการเชิดชูแบรนด์ระดับโลก ในขณะนี้เป็นครั้งที่ 13 ของงานแล้ว โดยคัดเลือก 150 แบรนด์จาก 41 ประเทศ และมอบรางวัล “แบรนด์แห่งปี” หรือ “Brand of the Year” ในพิธีมอบรางวัลเสมือนจริงครั้งแรกที่จัดขึ้นในประวัติศาสตร์ของรางวัลนี้ แบรนด์ต่าง ๆ ได้รับการเสนอชื่อจากผู้บริโภคมากกว่า 115,000 รายจากหกทวีปสำหรับ Animalis edition ที่พิเศษซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ สองปี โดยมุ่งเน้นที่การมอบรางวัลแบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก

Animal Planet, BuddyRest, FRONTLINE, KONG, ORIJEN, Pedigree, Petplan, PURINA Friskies, Rogz, Tetra และ Whiskas ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะระดับ Global Tier ในปีนี้ ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

Aqua Design Amano (ญี่ปุ่น), Vitakraft และ Zooplus (เยอรมนี) และ PetSmart (สหรัฐอเมริกา) ล้วนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ชนะระดับ Regional Tier พร้อมกับแบรนด์อื่น ๆ อีกสองสามราย

แบรนด์ของมาเลเซียที่เป็นจุดสนใจ ได้แก่ Aquanice (อาหารปลา), Aquaria KLCC (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสาธารณะ), Catzonia (โรงแรมสำหรับสัตว์เลี้ยง – แมว) และ Powercat (อาหารแมว – แบบแห้ง/แบบเม็ด) ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

แบรนด์ดังของสิงคโปร์ ได้แก่ Gold-D (อาหารแมว) และ Snappy (ทรายแมว) ในฐานะผู้ชนะระดับ National Tier และ Happi Doggy (ขนมขัดฟัน) และ Kit Cat (ผลิตภัณฑ์/อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง) ในฐานะผู้ชนะระดับ Regional Tier ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

และสุดท้าย แบรนด์ที่ได้รับชัยชนะจากฟิลิปปินส์ ได้แก่ Top Breed (อาหารสุนัข – แบบแห้ง/แบบเม็ด), Pupkits (ชุดเครื่องนอน) และ Petshop.ph (ร้านขายสัตว์เลี้ยงออนไลน์) ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

“รางวัล Animalis Edition เป็นรางวัลอันทรงเกียรติแก่แบรนด์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมสัตว์และสัตว์เลี้ยงทั่วโลก และเชิดชูแบรนด์ที่ยังคงอยู่แถวหน้าในจิตใจของผู้บริโภค โดยเมื่อพิจารณาจากความท้าทายของการระบาดใหญ่ทั่วโลกที่ประสบต่อธุรกิจ อย่างน้อยก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจ” ริชาร์ด โรวส์ ประธานองค์กร World Branding Forum กล่าว

“นี่เป็นการเฉลิมฉลองของนักการตลาดที่ดีที่สุดของแบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์จากทั่วโลก” Rowles กล่าวเสริม

พิธีมอบรางวัลดังกล่าวมีผู้ประกอบการ Lara Morgan และสื่อสัตวแพทย์ Joe Inglis กล่าวปาฐกถาพิเศษแก่แขกผู้มีเกียรติ

รางวัลนี้จัดขึ้นโดย World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศตนเพื่อยกระดับมาตรฐานการสร้างแบรนด์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะทั้งหมด สามารถเยี่ยมชมได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ the World Branding Forum

World Branding Forum (WBF) เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ผ่านการจดทะเบียน โดยมีจุดมุ่งหมายและกิจกรรมเพื่อยกระดับมาตรฐานการสร้างแบรนด์เพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมและผู้บริโภค องค์กร WBF ทำการผลิต จัดการ และสนับสนุนโปรแกรมที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมการวิจัย การพัฒนา การศึกษา การยอมรับ เครือข่าย และการขยายงาน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ brandingforum.org

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210909005386/en/

ติดต่อ:

Press
Peter Michaels
peter.michaels@brandingforum.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Amazon ประกาศการลงทุนในโซลูชันการกำจัดคาร์บอนจากธรรมชาติในบราซิลกับ The Nature Conservancy

Logo

ความคิดริเริ่มนี้จะเปิดตัวในป่าดิบชื้นแอมะซอน โดยเน้นที่การปลูกป่าและวนเกษตรแบบปฏิรูป พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

การลงทุนของ Amazon มีเป้าหมายที่จะกำจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 10 ล้านเมตริกตันภายในปี 2593 ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยมลพิษหนึ่งปีจากรถยนต์จำนวน 2 ล้านคัน

ซีแอตเทิล–(BUSINESS WIRE)–2 กันยายน 2564

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสนับสนุนโซลูชันระดับโลกเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ วันนี้ Amazon (NASDAQ: AMZN) ได้ประกาศเปิดตัวโครงการ Agroforestry and Restoration Accelerator โดยร่วมมือกับ The Nature Conservancy ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก โครงการ Accelerator จะสร้างแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับเกษตรกรในท้องถิ่นหลายพันรายใน Brazilian Amazonian state of Pará ในขณะเดียวกันก็ช่วยฟื้นฟูป่าฝนพื้นเมืองและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการดักจับและกักเก็บคาร์บอนตามธรรมชาติ

ตามรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐานมีบทบาทสำคัญในการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รัฐบาลและภาคเอกชนทั้งสองสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและกำจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศโดยการลงทุนในการแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐานตามขนาด  โครงการ Agroforestry and Restoration Accelerator เป็นหนึ่งในโครงการกำจัดคาร์บอนดังกล่าว และเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ Amazon ที่จะบรรลุปฏิญญา The Climate Pledge ซึ่งบริษัทได้ร่วมก่อตั้ง Global Optimism ผู้ลงนามในปฏิญญามุ่งมั่นที่จะลดคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2583— 10 ปีข้างหน้าในความตกลงปารีส

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามปฏิญญา Climate Pledge โดย Amazon คืออันดับแรกและสำคัญที่สุดในการเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมและลงทุนในการลดคาร์บอนให้กับธุรกิจ บริษัทได้ซื้อรถส่งของไฟฟ้าจำนวน 100,000 คัน และเป็นผู้ซื้อองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลกในด้านพลังงานหมุนเวียน Amazon ยังลงทุนในการแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐานนอกห่วงโซ่คุณค่าผ่านกองทุน Right Now Climate Fund ซึ่งสนับสนุนโครงการ Accelerator และโครงการอื่นๆ เพื่อฟื้นฟูดินแดนที่เสื่อมโทรมด้วยวิธีที่ปรับปรุงการดำรงชีวิตของชุมชนท้องถิ่นและกำจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ นอกจากนี้ที่เพิ่งประกาศพันธมิตร LEAF Coalition ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มของภาครัฐและเอกชนในการระดมเงินอย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อปกป้องป่าเขตร้อนของโลก Amazon และพันธมิตรรายอื่น ๆ กำลังทำงานเพื่อลดการตัดไม้ทำลายป่าในเขตร้อนชื้น โดยการลดปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมาในชั้นบรรยากาศ

Kara Hurst รองประธานฝ่ายความยั่งยืนทั่วโลกของ Amazon กล่าวว่า “การฟื้นฟูป่าไม้ของโลกเป็นหนึ่งในการดำเนินการที่มีความหมายมากที่สุดที่เราสามารถทำได้ในขณะนี้เพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจะต้องมีโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่จึงจะประสบความสำเร็จ” “เราภูมิใจที่ได้เปิดตัวโครงการ Agroforestry and Restoration Accelerator โดยร่วมมือกับ The Nature Conservancy เพื่อสนับสนุนโซลูชันที่คำนึงความถึงสำคัญอย่างสูงของความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมและผลประโยชน์ของชุมชนที่แข็งแกร่ง Amazon ตั้งตารอที่จะร่วมเป็นแรงผลักดันในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของเราพร้อมกับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่นในบราซิล ในขณะเดียวกันก็ช่วยปกป้องโลกสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต”

Christiana Figueres ผู้ร่วมก่อตั้ง Global Optimism และอดีตหัวหน้าฝ่ายภูมิอากาศของ UN ที่รับผิดชอบในความตกลงปารีสกล่าวว่า “วิทยาศาสตร์มีความชัดเจนเกี่ยวกับระบบธรรมชาติเป็นลำดับความสำคัญในการดูดซับคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศและรายงานล่าสุดของ IPCC เน้นย้ำเรื่องนี้” “การปกป้องระบบนิเวศที่ยืนยงและการฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมเป็นสิ่งสำคัญใกลยุทธ์การลดคาร์บอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทศวรรษหน้าหรือสองทศวรรษข้างหน้า โครงการที่บรรลุเป้าหมายนี้เพื่อรักษาทั้งธรรมชาติและการดำรงชีวิตของชุมชนท้องถิ่นอันมีค่าอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตที่เหนือกว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เราขอชื่นชม Amazon และ The Nature Conservancy”

การลงทุนครั้งแรกของ Amazon ในโครงการ Accelerator จะช่วยสนับสนุนเกษตรกรจำนวน 3,000 ราย และฟื้นฟูพื้นที่ประมาณ 20,000 เฮกตาร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีขนาดประมาณเมืองซีแอตเทิล โดยภายในสามปีจะกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศได้มากถึง 10 ล้านเมตริกตันจนถึงปี 2593

The Nature Conservancy จะทำงานร่วมกับ World Agroforestry Center และองค์กรภาคประชาสังคมในท้องถิ่นหลายแห่งเพื่อดำเนินการโครงการ Accelerator โดยช่วยเกษตรกรรายย่อยฟื้นฟูทุ่งหญ้าปศุสัตว์ที่เสื่อมโทรมไปสู่ป่าพื้นเมืองและวนเกษตร ระบบวนเกษตรจะช่วยให้เกษตรกรมีแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนผ่านการขายเมล็ดโกโก้และพืชผลอื่น ๆ นอกจากนี้โครงการ Accelerator ยังจะทำการทดลองด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการสนับสนุนเกษตรกรและดูแลตลาดสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์จากป่าที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัล และจะพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ และเทคโนโลยีที่ใช้ดาวเทียมในการหาปริมาณและติดตามในการกำจัดคาร์บอน

“รัฐปาราเป็นพื้นที่อาศัยของป่าเขตร้อน 9% ของโลก แต่ต้องเผชิญกับอัตราการตัดไม้ทำลายป่าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยสูญเสียพื้นที่ 3,300 เอเคอร์ในทุก ๆ วันของปีที่แล้ว” Jennifer Morris ซีอีโอของ The Nature Conservancy กล่าว “ในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา ฟาร์มขนาดเล็กในรัฐปาราเป็นพื้นที่การทำเกษตรกรรมแบบเผาป่าซึ่งดูเหมือนเป็นทางเลือกเดียว—โดยมีส่วนรับผิดชอบต่อการตัดไม้ทำลายป่าโดยเฉลี่ย 40% ของรัฐ เป็นเวลา 20 ปีแล้วที่ The Nature Conservancy ทำงานร่วมกับเกษตรกรรายย่อย ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ของรัฐ และชนพื้นเมืองเพื่อระบุและดำเนินการโดยใช้โซลูชันแบบที่ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ เช่น วนเกษตร ที่ช่วยให้ผู้คนและธรรมชาติเจริญเติบโต การเป็นพันธมิตรใหม่กับ Amazon จะช่วยให้เราสามารถจัดหาทรัพยากรและความช่วยเหลือด้านเทคนิคที่จำเป็นต่อการพัฒนาโครงการนี้ และแสดงให้เห็นว่าตลาดวนเกษตรเชิงปฏิรูปและตลาดคาร์บอนเป็นรูปแบบธุรกิจที่ใช้งานได้จริงสำหรับชุมชนในป่าแอมะซอน”

“เราต้องร่วมมือกันเพื่อบรรลุสิ่งที่อาจเป็นเป้าหมายของศตวรรษ นั่นคือการพัฒนาเศรษฐกิจและปกป้องรายได้ของผู้คน ในขณะเดียวกันก็รักษาและฟื้นฟูป่าไม้” Helder Barbalho ผู้ว่าการรัฐปารากล่าว “รัฐปาราพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายนี้ และกลยุทธ์ของเราได้วางไว้อย่างชัดเจนในแผน Amazonia Agora  ซึ่งมุ่งมั่นที่จะปราศจากคาร์บอนภายในปี 2579 โดยผ่านการลดการตัดไม้ทำลายป่าและโดยการส่งเสริมการฟื้นฟูป่า การลงทุนอย่างเช่น Amazon ในด้านวนเกษตรที่ยั่งยืนและการปลูกป่าในรัฐปารานั้นเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ความคิดริเริ่มนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อชุมชนของรัฐ ทรัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Amazon ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน กรุณาเยี่ยมชมได้ที่: https://sustainability.aboutamazon.com.

เกี่ยวกับ Amazon

Amazon ซึ่งนำด้วยหลักการสี่ประการดังต่อไปนี้: ให้ความสำคัญกับความคลั่งใคล้ในลูกค้ามากกว่าการมุ่งเน้นของคู่แข่ง แรงผลักดันในการประดิษฐ์ ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน และการคิดระยะยาว  Amazon มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ามากที่สุดในโลก นายจ้างที่ดีที่สุดในโลก และสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยที่สุดในโลก โดยความคิดเห็นของลูกค้า, การซื้อของในคลิกเดียว, คำแนะนำเฉพาะบุคคล, Prime, Fulfillment by Amazon, AWS, Kindle Direct Publishing, Kindle, Career Choice, Fire tablets, Fire TV, Amazon Echo, Alexa, เทคโนโลยี Just Walk Out, Amazon Studios และ The Climate Pledge เป็นส่วนหนึ่งที่บุกเบิกโดย Amazon สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ amazon.com/about และติดตาม @AmazonNews

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เราสร้างสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 72 ประเทศและภูมิภาค: ซึ่งแบ่งเป็น 38 ประเทศและภูมิภาคผ่านผลกระทบด้านการอนุรักษ์โดยตรง และ 34 ประเทศและภูมิภาคผ่านพันธมิตร เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210902005314/en/

ติดต่อ:

Amazon.com, Inc.
สายด่วนสื่อ
Amazon-pr@amazon.com
www.amazon.com/pr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Standard Industries เผย Bob Patel เตรียมเข้าร่วมบริษัทในฐานะซีอีโอแห่ง W. R. Grace

Logo

การแต่งตั้งจะมีผลในเดือนมกราคม 2565

พร้อมนำประสบการณ์กว่า 30 ปีมาพลิกโฉมธุรกิจอุตสาหกรรม

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–31 สิงหาคม 2564

วันนี้ Standard Industries Holdings (“Standard”) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนด้านอุตสาหกรรมระดับโลก ประกาศว่า Bhavesh V. (Bob) Patel จะเข้าร่วมงานกับบริษัทในฐานะซีอีโอของ Grace โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปิดดีลเข้าซื้อกิจการ WR Grace (“Grace”)

“David Winter และ David Millstone ซีอีโอร่วมของ Standard Industries กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Bob เข้าสู่ครอบครัว Standard ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ W. R. Grace โดย Bob เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในอุตสาหกรรมมาเป็นเวลาหลายสิบปี พร้อมประวัติการทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เขาได้พิสูจน์ว่าตัวเองมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำทีมยอดเยี่ยมของ Grace และช่วยก่อร่างการลงทุนของ Standard ในด้านวัสดุขั้นสูง เขาจะมีบทบาทสำคัญในการพา Grace เข้าสู่เส้นทางธุรกิจข้างหน้า ขณะที่เรามั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนผ่านหลังจากปิดดีลซื้อขายจะราบรื่นและเริ่มดำเนินกลยุทธ์การเติบโตที่หวังผลได้ต่อไป”

Patel จะร่วมงานกับ Standard หลังจากสิ้นสุดการทำงานกับ LyondellBasell ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) มาตั้งแต่ปี 2558 และเป็นผู้นำในช่วงเวลาแห่งการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับบริษัท ตั้งแต่ปี 2553 ถึงปี 2557 Patel เป็นผู้นำในการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพื่อปรับโครงสร้างต้นทุนและร่องรอยทางภูมิศาสตร์ของบริษัทให้เหมาะสม ตลอดระยะเวลาที่ทำงานกับ LyondellBasell เขาได้ขยายโครงการด้านความยั่งยืนของบริษัทมากมายและเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้อย่างมหาศาลผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์ต่าง ๆ ซึ่งประกอบไปด้วยการเข้าซื้อกิจการของ A. Schulman และการสร้างโรงงานผลิตระดับโลก ขณะที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่นั้น LyondellBasell ได้รับการเสนอชื่อให้อยู่ในรายชื่อบริษัทที่น่าชื่นชมมากที่สุดในโลก หรือ “World’s Most Admired Companies” ของนิตยสาร Fortune เป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน ก่อนที่จะร่วมงานกับ LyondellBasell ในปี 2553 Patel ได้ทำงานกับ Chevron Phillips Chemical Co. เป็นเวลา 20 ปี โดยดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการผลิตและเป็นผู้นำธุรกิจหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาและเอเชีย

Patel กล่าวว่า “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ Standard Industries และได้รับคำขอให้นำพา W. R. Grace เข้าสู่เส้นทางใหม่ทางธุรกิจ Grace เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นธุรกิจที่มีพื้นฐานมั่นคง ซึ่งขับเคลื่อนโดยพนักงานที่มีทักษะและความสามารถโดดเด่น ฉันหวังว่าจะได้ร่วมงานกับทีมผู้นำที่ Grace เพื่อนำพาบริษัทไปสู่จุดสูงสุด”

Patel จะสืบทอดตำแหน่งต่อจาก Hudson La Force ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Grace มาตั้งแต่ปี 2561 ภายใต้การนำของ La Force บริษัท Grace ได้ลงทุนมหาศาลเพื่อให้การเติบโตสูงขึ้นในธุรกิจตัวเร่งปฏิกิริยาและวัสดุ La Force จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารต่อไปจนถึงสิ้นปีและจะเข้าร่วมคณะกรรมการที่ปรึกษาของ Standard ในเดือนมกราคม 2565

Winter และ Millstone กล่าวว่า “Hudson เป็นผู้นำแบบอย่างที่มีบทบาทสำคัญในการสร้าง Grace ให้กลายเป็นธุรกิจเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกในปัจจุบัน เรารู้สึกขอบคุณในการดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับเขาเข้าสู่คณะกรรมการที่ปรึกษาของ Standard”

เกี่ยวกับ Standard Industries:

Standard Industries เป็นบริษัทอุตสาหกรรมเอกชนระดับโลกที่ดำเนินงานใน 80 กว่าประเทศและมีพนักงานมากกว่า 15,000 คน ระบบนิเวศของ Standard ครอบคลุมความหลากหลายของการถือครอง เทคโนโลยี และการลงทุน ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทภาครัฐและเอกชนตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงระยะสุดท้าย ตลอดจนสินทรัพย์วัสดุก่อสร้างระดับโลกและโซลูชั่นพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นต่อไป ตลอดระยะเวลา 140 ปีที่ผ่านมา Standard ได้สนับสนุนความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์เชิงลึกในอุตสาหกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเกินมาตรฐานในธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วยบริษัทที่กำลังดำเนินงาน ได้แก่ GAF, BMI, Siplast, GAF Energy, Schiedel และ SGI ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่าง 40 North ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ 40 North Ventures และ Winter Properties

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210831005554/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:

Patrick Ryan
Edelman
610-306-7536
Patrick.Ryan@edelman.com

Josh Hochberg
Edelman
Josh.Hochberg@edelman.com

Beth Kseniak
Standard Industries
917-509-7031
beth.kseniak@standardindustries.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SPRIX ส่งเสริมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาในญี่ปุ่นโดยสำรวจเด็กและผู้ปกครองจำนวน 22,000 รายใน 11 ประเทศทั่วโลกด้านการเรียนรู้

Logo

การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและแรงจูงใจของเด็กที่เกี่ยวข้องกับอัตราการจดจำในการเรียนรู้ของเด็ก

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 สิงหาคม 2564

สถาบันวิจัย SPRIX ซึ่งดำเนินการโดย SPRIX (สำนักงานใหญ่: Toshima Ward, Tokyo) (ตัวแทนผู้อำนวยการและประธาน: Hiroyuki Tsuneishi) ได้นำสองแบบสำรวจที่ออกแบบมาใช้เพื่อทำความเข้าใจการศึกษาของรัฐทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น แบบสำรวจทั้งสองมุ่งเป้าไปที่เด็กและพ่อแม่หรือผู้ปกครองใน 11 ประเทศที่แตกต่างกัน แบบสำรวจแรกเป็นแบบสำรวจความตระหนัก เน้นการเรียนรู้ และแบบที่สองเป็นแบบสำรวจความรู้ เน้นการวัดทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐาน

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210831005018/en/

Average Response Rates (as Percentages) for Basic Academic Skills Survey Directed at Children Aged Fifteen and Younger Across Eleven Countries (Graphic: Business Wire)

อัตราการตอบกลับโดยเฉลี่ย (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) สำหรับแบบสำรวจทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานที่มุ่งเป้าไปที่เด็กอายุสิบห้าหรือน้อยกว่าใน 11 ประเทศ (กราฟิก: Business Wire)

การสำรวจแต่ละครั้งเกี่ยวข้องกับผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนหนึ่งพันรายในแต่ละประเทศ รวมเด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครองเป็นจำนวน 22,000 ราย ผลการสำรวจพบว่าประเทศที่มีระดับความสม่ำเสมอในการเรียนรู้และการจดจำสำหรับทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานที่สูงขึ้นยังมีอัตราการมีส่วนร่วมของพ่อแม่หรือผู้ปกครองในการเรียนรู้ของเด็กที่สูงขึ้น ผลการสำรวจทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานยังชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มอัตราการตอบสนองที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อทราบถึงอาชีพในอนาคตของเด็กอย่างชัดเจน

ผลสำรวจที่สำคัญ

1. อัตราการตอบกลับโดยเฉลี่ยสำหรับผลการสำรวจทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานเกินร้อยละเจ็ดสิบในเอเชีย และพบว่าผลลัพธ์ของยุโรปและสหรัฐอเมริกาโดยทั่วไปต่ำกว่า

เราเห็นความแตกต่างในระดับภูมิภาคอย่างชัดเจนในการเรียนรู้ที่สม่ำเสมอและการจดจำสำหรับเด็กอายุสิบห้าหรือต่ำกว่า

2. เด็กจากประเทศที่มีอัตราของความสม่ำเสมอในการเรียนรู้และการจดจำที่สูงขึ้นจะมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคตของพวกเขา

เด็กที่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตจะมีความสนใจในชั้นเรียนและการศึกษาด้วยตนเอง

3. ประเทศที่ทำการสำรวจทั้งหมดตระหนักถึงความสำคัญของทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐาน

ที่กล่าวมานั้น ได้เห็นความแตกต่างบางประการในแนวทางการเรียนรู้ในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา

4. ความพึงพอใจในชั้นเรียนเกินร้อยละแปดสิบ การระบาดใหญ่เปลี่ยนแปลงไปสู่การเรียนรู้ออนไลน์ได้กลายเป็นเรื่องสำคัญ พ่อแม่และผู้ปกครองมากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ต้องการให้แบบสำรวจความรู้มีการตรวจสอบถึงความยากลำบากเป็นประจำของการเรียนออนไลน์ในช่วงที่เกิดโรคระบาด อย่างเช่น โควิด-19

หมายเหตุ: เมื่อต้องการแชร์เนื้อหาจากข่าวประชาสัมพันธ์นี้ ให้ระบุว่าจัดทำโดยสถาบันวิจัย SPRIX

ภาพรวมของการสำรวจ

ประเทศเป้าหมาย:

ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส โปแลนด์ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา

ผู้ตอบแบบสอบถาม:

เด็กอายุ 6 ถึง 15 ปี จำนวน 1,000 คนจากแต่ละประเทศที่ทำการสำรวจ รวมผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 11,000 คน

พ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็กดังกล่าว จำนวน 1,000 คนจากแต่ละประเทศที่ทำการสำรวจ รวมผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 11,000 คน

วิธีการสำรวจ:

ออนไลน์

เนื้อหาแบบสำรวจ:

แบบสำรวจความตระหนักสอบถามคำถามเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทั้งเด็กและพ่อแม่หรือผู้ปกครอง

แบบสำรวจทักษะทางวิชาการสอบถามคำถามทั้งหมด 50 ข้อในรูปแบบการทดสอบพื้นฐานสำหรับเด็ก

ระยะเวลาการสำรวจ:

สิงหาคม ถึง กันยายน 2563

1. อัตราการตอบกลับโดยเฉลี่ยสำหรับผลการสำรวจทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานเกินร้อยละเจ็ดสิบในเอเชีย และพบว่าผลลัพธ์ของยุโรปและสหรัฐอเมริกาโดยทั่วไปต่ำกว่า

เราเห็นความแตกต่างในระดับภูมิภาคอย่างชัดเจนในการเรียนรู้ที่สม่ำเสมอและอัตราในการจดจำสำหรับเด็กอายุสิบห้าหรือต่ำกว่า

ภายในการสำรวจทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานที่จัดทำโดย SPRIX ซึ่งกำหนดเป้าหมายไปที่เด็กอายุสิบห้าหรือต่ำกว่าใน 11 ประเทศที่ต่างกัน อัตราการตอบกลับสำหรับประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกาอยู่ในระดับต่ำ ในทางกลับกัน อัตราการตอบกลับสำหรับประเทศต่าง ๆ ภายในเอเชีย โดยเฉลี่ยอยู่ที่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์หรือสูงกว่านั้น เราเห็นความแตกต่างในระดับภูมิภาคในด้านความสม่ำเสมอในการเรียนรู้ทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานและอัตราในการจดจำ

ชื่อแผนภูมิ: อัตราการตอบกลับโดยเฉลี่ย (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) สำหรับแบบสำรวจทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานที่มุ่งเป้าไปที่เด็กอายุสิบห้าหรือน้อยกว่าในสิบเอ็ดประเทศ

2. เด็กจากประเทศที่มีอัตราของความสม่ำเสมอในการเรียนรู้และการจดจำที่สูงขึ้นจะมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคตของพวกเขา

เด็กที่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตจะมีความสนใจในชั้นเรียนและการศึกษาด้วยตนเอง

การสำรวจเด็ก ๆ เกี่ยวกับอนาคตของพวกเขาพบว่าคะแนนสูงอย่างต่อเนื่องในวิชาชีพด้านการแพทย์ วิชาชีพด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรม และวิชาชีพด้านการศึกษาในหลายประเทศ โดยไม่มีความแตกต่างที่สำคัญสำหรับอาชีพในอนาคตทั่วทั้ง 11 ประเทศ เนื่องจากนวัตกรรมทางด้านเทคนิคเพิ่มบทบาทในด้านไอทีและเทคโนโลยีดิจิทัลภายในบทบาทบริการของแต่ละอุตสาหกรรม เราเชื่อว่าเด็ก ๆ จะมีความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นในวิชาชีพด้านเทคนิค วิศวกรรม และการเขียนโปรแกรม

ชื่อแผนภูมิ: อาชีพที่เด็กสนใจ

อย่างไรก็ตาม เราเห็นความแตกต่างในระดับภูมิภาคเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของเด็กเกี่ยวกับอาชีพในอนาคต ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น เด็ก ๆ ในประเทศอื่น ๆ ในเอเชียมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับอาชีพในอนาคตมากกว่าเมื่อเทียบกับเด็กในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เมื่อพิจารณาอย่างใกล้ชิดจากผลลัพธ์ที่สัมพันธ์กับการกระจายผลลัพธ์สำหรับประเทศที่ยังคงทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานไว้ เราเชื่อว่าผลลัพธ์เหล่านี้มีความสัมพันธ์กัน

ชื่อแผนภูมิ: อัตรา (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) ของเด็กที่ไม่มีอาชีพในอนาคตหรือยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับอาชีพในอนาคต

นอกจากนี้ เด็กในประเทศที่ผลลัพธ์ชี้ให้เห็นถึงอาชีพในอนาคตที่ชัดเจน ยังแสดงความรู้สึกเชิงบวกต่อชั้นเรียนในโรงเรียนด้วย นอกจากนี้ เส้นแนวโน้มความสนใจเรียนนอกโรงเรียนยังอยู่ในระดับสูง แบบสำรวจแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงระดับแรงจูงใจในการเรียนรู้ที่สูงมาก

ชื่อแผนภูมิ: อัตรา (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) ของเด็กที่คิดว่างานชั้นเรียนน่าสนใจ

ชื่อแผนภูมิ: เวลาเรียนเฉลี่ย (คิดเป็นชั่วโมง) นอกชั้นเรียน

3. ประเทศที่ทำการสำรวจทั้งหมดตระหนักถึงความสำคัญของทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐาน

ที่กล่าวมานั้น ได้เห็นความแตกต่างบางประการในแนวทางการเรียนรู้ในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา

การตระหนักรู้สำหรับพ่อแม่และผู้ปกครองเกี่ยวกับทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานของบุตรหลานนั้นสูงมาก เกินกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์สำหรับพ่อแม่และผู้ปกครองจาก 11 ประเทศที่ทำการสำรวจซึ่งเชื่อว่าทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานมีความสำคัญ การสำรวจยังระบุอย่างชัดเจนว่าพ่อแม่และผู้ปกครองประมาณร้อยละเก้าสิบต้องการพัฒนาระดับทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานของบุตรหลานและต้องการมีส่วนร่วมกับพวกเขาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เราเห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเห็นด้วยกับความสำคัญของทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐาน เนื่องจากเชื่อว่าความรู้ดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างยิ่ง หรืออย่างอื่นที่ขาดไม่ได้สำหรับการศึกษาของบุตรหลาน

ชื่อแผนภูมิ: ความตระหนัก (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) ของความรู้พื้นฐานสำหรับพ่อแม่และผู้ปกครองในสิบเอ็ดประเทศ

ชื่อแผนภูมิ: ทักษะ (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) ที่เชื่อว่าจำเป็นนอกเหนือจากการเรียน

นอกจากนี้ พ่อแม่และผู้ปกครอง ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ที่เข้าใจทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานมีอยู่ในระดับสูง ในประเทศส่วนใหญ่พ่อแม่และผู้ปกครองเข้าใจทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานของบุตรหลาน และเราสามารถเห็นได้ว่าความตระหนักในทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานของพวกเขาก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน

ชื่อแผนภูมิ: อัตรา (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) ของเด็กและพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่เข้าใจทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐาน

เมื่อเราสำรวจความตระหนักเฉพาะเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของพ่อแม่หรือผู้ปกครองในการเรียนรู้ของบุตรหลานของพวกเขา พ่อแม่และผู้ปกครองใน 11 ประเทศมีส่วนร่วมอย่างมาก ด้วยผลลัพธ์โดยเฉลี่ยมากกว่าร้อยละเก้าสิบสำหรับการมีส่วนร่วมซึ่งรวมถึงการกระตุ้นให้เด็กศึกษาและให้รางวัลเด็กในการศึกษา อย่างไรก็ตาม เราเห็นความแตกต่างในระดับภูมิภาคสำหรับเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ในเรื่องการมีส่วนร่วม อย่างเช่น พ่อแม่หรือผู้ปกครองที่สอนบุตรหลานของตนเอง ให้คะแนนการบ้านแก่เด็ก หรือการพัฒนาตารางเรียนสำหรับเด็ก พ่อแม่และผู้ปกครองจากประเทศที่มีอัตราการตอบแบบสำรวจทักษะทางวิชาการสูงกว่าจะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในรายละเอียดการเรียนของเด็กมากขึ้น รวมถึงการจัดตารางการเรียนรู้ที่เป็นอิสระของเด็ก และการให้คะแนนการบ้านของเด็ก แทนที่จะปล่อยไว้ให้แล้วแต่บุตรหลานของพวกเขา

ชื่อแผนภูมิ: การมีส่วนร่วม (เป็นเปอร์เซ็นต์) ในการเรียนรู้ของเด็กทั่วทั้งสิบเอ็ดประเทศ

4. ความพึงพอใจในชั้นเรียนเกินร้อยละแปดสิบ การระบาดใหญ่เปลี่ยนแปลงไปสู่การเรียนรู้ออนไลน์ได้กลายเป็นเรื่องสำคัญ พ่อแม่และผู้ปกครองมากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ต้องการให้แบบสำรวจความรู้มีการตรวจสอบถึงความยากลำบากเป็นประจำของการเรียนออนไลน์ในช่วงที่เกิดโรคระบาด อย่างเช่น โควิด-19

เราสำรวจว่าพ่อแม่และผู้ปกครองสนับสนุนโรงเรียนที่เป็นศูนย์กลางของการศึกษาทักษะทางวิชาการของเด็กอย่างไร ผู้ตอบแบบสอบถามจาก 11 ประเทศให้คะแนนโรงเรียนในระดับที่สูง ด้วยคำตอบรวมถึงความพึงพอใจต่อบทเรียนที่ทางโรงเรียนจัดให้ การเข้าเรียนของบุตรหลานของพวกเขา และทักษะทางวิชาการที่เพียงพอที่ได้รับการสอนในชั้นเรียนของโรงเรียน เนื่องจากประมาณร้อยละแปดสิบของผู้ตอบแบบสอบถามในทั้งหมด 11 ประเทศ ระบุว่าพวกเขาเชื่อมั่นในผลการทดสอบของโรงเรียน เราเชื่อว่าสิ่งนี้บ่งบอกถึงความพึงพอใจในระดับสูงสำหรับการศึกษาในโรงเรียน ในทางกลับกัน โรงเรียนหลายแห่งถูกบังคับให้พิจารณารูปแบบชั้นเรียนใหม่เพื่อต่อสู้กับการแพร่กระจายของการติดเชื้อโควิด-19 และมีการใช้กลยุทธ์หลายอย่างสำหรับการเรียนรู้ออนไลน์ รวมถึงชั้นเรียนออนไลน์ผ่านแอปการประชุมทางไกล เช่น Zoom การเสนอเนื้อหาดิจิทัล และการแชร์วิดีโอของชั้นเรียนโดยคุณครู

ชื่อแผนภูมิ: การให้คะแนน (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) ของชั้นเรียนโดยพ่อแม่และผู้ปกครองในสิบเอ็ดประเทศ

ชื่อแผนภูมิ: การตอบสนองของโรงเรียน (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) ในสิบเอ็ดประเทศต่อโควิด-19

เป็นที่ชัดเจนว่าผลกระทบของโควิด-19 ต่อการเรียนรู้ของเด็กมีความสำคัญ และพ่อแม่หรือผู้ปกครองจำนวนมากเชื่อว่าต้องใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การเรียนรู้เฉพาะบุคคล การทบทวนระดับทักษะทางวิชาการอย่างสม่ำเสมอ และโอกาสในการเรียนรู้นอกโรงเรียนที่จำเป็น พ่อแม่หรือผู้ปกครองสี่ในห้าต้องการให้ใช้มาตรฐานแห่งชาติเพื่อประเมินทักษะทางวิชาการ และสามในสี่ต้องการให้ใช้มาตรฐานสากล ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้ว่าพ่อแม่และผู้ปกครองหลายรายตระหนักถึงสภาพการเรียนรู้ของบุตรหลาน

ชื่อแผนภูมิ: สิ่งที่จำเป็น (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) ในช่วงการระบาดของโควิด-19 เพื่อการเรียนรู้ของเด็กในสิบเอ็ดประเทศ

ชื่อแผนภูมิ: ความตระหนัก (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) ของการประเมินทักษะทางวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศในสิบเอ็ดประเทศ

คำพูดบางส่วนจาก Shuhei Umeda ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย SPRIX

เป็นเวลากว่ายี่สิบปีที่ SPRIX ได้ให้บริการด้านการศึกษาแก่เด็กชาวญี่ปุ่น โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เรียนไม่เก่งและที่จะได้รับการจัดอันดับในรระดับกลางหรือต่ำกว่าของทักษะทางวิชาการ

การศึกษาวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในการเรียนรู้ในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา สำหรับประเทศในเอเชีย ระดับแรงจูงใจในการเรียนรู้ทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้เรายังได้เรียนรู้แนวทางต่าง ๆ ที่ใช้ในการเรียนรู้ เราเชื่อว่าผลลัพธ์จะเป็นข้อมูลอ้างอิงที่ดีเยี่ยมสำหรับประเทศที่ผลการทดสอบทักษะทางวิชาการไม่สูงนัก

การสำรวจวิจัยประเภทนี้ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานอย่างที่ไม่เคยมีการดำเนินการในระดับโลกมาก่อน อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ นอกจากนี้การทดสอบของ Fundamental Academic Skills (TOFAS) ที่เปิดตัวซึ่งเติบโตจากผลการวิจัยที่ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 30,000 คนในสิบประเทศทั่วโลก โดยมีแผนเรียกร้องเพื่อให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในภายภาคหน้า หากบุคคลในต่างประเทศสนใจงานวิจัยประเภทนี้ และต้องการทดสอบและศึกษาวิธีพัฒนาทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานสำหรับเด็ก เรายินดีที่จะพัฒนาการวิจัยต่อไป

ภาพรวมของสถาบันวิจัย SPRIX

สถาบันวิจัย SPRIX มุ่งเน้นที่ทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐาน และจัดตั้งขึ้นเพื่อประเมินทักษะทางวิชาการของเด็กอย่างถูกต้อง และเพื่อให้มั่นใจว่ามีความสม่ำเสมอและการจดจำของทักษะเหล่านั้น โดยมุ่งเน้นที่ทักษะทางวิชาการที่เป็นพื้นฐานขั้นต้นซึ่งทำหน้าที่เป็นบรรทัดเริ่มต้นของสถาบันวิจัยสำหรับการพัฒนาทักษะเหล่านั้น เมื่อทักษะเหล่านั้นเหมาะสมแล้ว เด็ก ๆ จะมีอนาคตที่หลากหลายให้เลือก โดยมอบโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชีวิตของพวกเขา ภารกิจของเราในฐานะสถาบันวิจัยคือการต่อยอดการวิจัยและพัฒนาที่จำเป็นสำหรับการจดจำที่สม่ำเสมอของทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐานสำหรับเด็ก ไม่เพียงแต่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ไปยังทั่วโลกด้วย

ชื่อสถาบัน:

สถาบันวิจัย SPRIX

ผู้อำนวยการสถาบัน:

Shuhei Umeda

เว็บไซต์:

https://tofas.education/

บัญชีโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการ:

Twitter https://twitter.com/SprixBasri

Facebook https://www.facebook.com/SprixBasri

ภาพรวมของ SPRIX

ชื่อบริษัท:

SPRIX

สำนักงานใหญ่:

12F, Metropolitan Plaza Building, 1-11-1 Nishi-Ikebukuro, Toshima Ward, Tokyo

ตัวแทน:

Hiroyuki Tsuneishi, Representative Director and President

เว็บไซต์:

https://sprix.jp/

สอบถามโดยตรงไปที่:

tofas@sprix.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210831005018/en/

สมาชิกของสื่อมวลชนควรส่งคำถามไปที่:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ SPRIX (สำหรับการติดต่อเบื้องต้น)
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์: Ririna Matsui, Nao Aoyama
โทร: +81-3-5572-6062
โทรสาร: +81-3-5572-6065
อีเมล์: sprix@vectorinc.co.jp