Category Archives: General News

การค้าในรูปแบบไม่ถือหุ้นโดยตรงระหว่างอินโดนีเซียและญี่ปุ่นที่มองว่าจะเปิดโอกาสให้ได้เข้าร่วมเครือข่ายการผลิตระหว่างประเทศตามการศึกษาโดยศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–1 มิถุนายน 2564

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) ออกบทความฉบับที่ 7 ในหัวข้อ “การค้าในรูปแบบไม่ถือหุ้นโดยตรงในอาเซียน: การส่งเสริมการค้าในรูปแบบใหม่ระหว่างญี่ปุ่นและอาเซียน”  โดยมุ่งเน้นที่ประเทศอินโดนีเซียในเดือนมีนาคม 2564 ผลจากการค้นพบของบทความนี้ได้ถูกนำเสนอในหัวข้อ “การสัมมนาออน์ไลน์เกี่ยวกับการไม่ถือหุ้นโดยตรงของอินโดนีเซีย” โดย AJC ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ตามบทความดังกล่าว การค้าในรูปแบบไม่ถือหุ้นโดยตรง (NEMs) ในอินโดนีเซีย คาดว่าจะมีบทบาทในการขยายโอกาสในการมีส่วนร่วมในมูลค่าโลก และมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210601005358/en/

“Non-Equity Modes of Trade in ASEAN” on Indonesia is available for download on AJC website (Graphic: Business Wire)

“การค้าในรูปแบบไม่ถือหุ้นโดยตรงในอาเซียน” ในอินโดนีเซียพร้อมให้ดาวน์โหลดบนเว็บไซต์ AJC (กราฟิก: Business Wire)

อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับเจ็ดของโลก และหนึ่งในสามของเศรษฐกิจนั้นมาจากการลงทุน NEMs ในอินโดนีเซียมีอยู่ในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติในรูปแบบของการประกอบธุรกิจฟาร์มแบบสัญญาจ้าง ในอุตสาหกรรมรองเท้าผ่านการรับจ้างช่วงและการรับเหมาช่วง ในร้านค้าฟาสต์ฟู้ดและร้านสะดวกซื้อผ่านแฟรนไชส์ ​​และในเครือข่ายโรงแรมระหว่างประเทศผ่านการบริหารตามสัญญาหรือสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ บทความล่าสุดของกฎหมายฉบับที่ 11 ของปี2563 ว่าด้วยการสร้างงานโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอุปสรรคสำคัญในการลงทุนในอินโดนีเซีย และให้ประโยชน์กับ NEMs ด้วยเช่นกัน โดยการดึงดูดนักลงทุนมายังอินโดนีเซียด้วยคาดว่าจะสะดวกในการประกอบธุรกิจในประเทศ

NEMs นำเสนอโอกาสที่ไม่สามารถพบในการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ตัวอย่างเช่น เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเจ้าของแบรนด์ต่างประเทศและบรรษัทข้ามชาติ (TNCs) โดยพิจารณาจากความยืดหยุ่นในการเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซียนผ่านพันธมิตรแบบเซ็นสัญญากับบริษัทในท้องถิ่น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของ TNCs คาดว่าบริษัทในท้องถิ่นจะต้องมีทักษะและความสามารถด้านการจัดการและเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามเนื่องจากบรรษัทข้ามชาติสามารถบอกเลิกสัญญาได้อย่างง่ายดาย ความสัมพันธ์ระยะยาวจึงไม่รับประกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณภาพของสินค้าและบริการไม่เป็นไปตามมาตรฐานของ TNCs แม้ว่า FDI อาจมีข้อได้เปรียบที่ดีกว่า NEM ในแง่ของการนำเงินทุนเข้ามา แต่ NEM ได้ขยายวิธีการดำเนินงานเพื่อให้บริษัทอินเดียโนเซียนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในเครือข่ายการผลิตระหว่างประเทศ

การมีอยู่ของ NEM นั้นสร้างแรงจูงใจให้บริษัทในท้องถิ่นได้เติบโตธุรกิจของตนเอง หากบริษัทในท้องถิ่นสามารถเพิ่มความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีด้วยการเชื่อมโยงกับ TNCs พวกเขาสามารถสร้างความสามารถของตนเองตามแรงจูงใจเหล่านี้ และขยายธุรกิจโดยใช้เครือข่ายของ TNC เพื่อเพิ่มศักยภาพสูงสุดของ NEMs อย่างเต็มที่ บทความนี้แนะนำให้รัฐบาลอินโดนีเซียนพิจารณาดังนี้: (1) การเพิ่มขีดความสามารถของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านการพัฒนาผู้ประกอบการและโครงการบ่มเพาะและโครงการการให้บริการทางการเงินรายย่อย (2) ดำเนินการและเสริมสร้างด้านกฎระเบียบสภาพแวดล้อมการทำงานเพื่อขยายการจ้างงาน ยกระดับทางเทคโนโลยีและมีส่วนร่วมในห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก (3) สนับสนุนการส่งเสริมและยกระดับทักษะและความเชี่ยวชาญของแรงงานในท้องถิ่นผ่านโครงการการศึกษาใหม่ๆ เช่น Kampus Merdeka และผ่านบัตรก่อนการจ้างงาน และ (4) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อให้บริษัทต่างๆ สามารถสร้างการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ได้สรุปไว้เมื่อปลายปี 2563 ได้ขยายตลาดไปยังเอเชียตะวันออกให้กว้างขึ้น ความพยายามของรัฐบาลอินโดนีเซียนในการเพิ่มโอกาสดังกล่าวจะช่วยให้ NEMs สามารถบูรณาการเศรษฐกิจอาเซียนได้ดียิ่งขึ้น การลดระบบราชการและการลดระเบียบกฎหมายจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทอินโดนีเซียนและช่วยให้พวกเขาเข้าถึงตลาดทั่วโลก นอกจากนี้นโยบายการลงทุนที่อำนวยความสะดวกและตลาดแรงงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นเป็นกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้ในการปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของชาวอินโดนีเซียในอนาคต

ผลจากการค้นพบของบทความนี้ได้ถูกนำเสนอในการสัมมนาออน์ไลน์เกี่ยวกับการไม่ถือหุ้นโดยตรงของอินโดนีเซียที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 AJC ได้เชิญนักอภิปรายจากภาครัฐและสถาบันการศึกษา รวมทั้ง Dr. Kasan Muhri หัวหน้าสำนักงานวิเคราะห์การค้าและการพัฒนา ผู้อำนวยการทั่วไปของการวิเคราะห์และพัฒนานโยบายการค้า กระทรวงการค้า สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ศาสตราจารย์ Chie Iguchi จากมหาวิทยาลัย Keio และเลขาธิการ AJC Masataka Fujita สำหรับรายงานฉบับเต็มเกี่ยวกับการสัมมนาออนไลน์ โปรดรับชมได้ที่ https://www.asean.or.jp/en/trade-info/20210601/

 “การค้าในรูปแบบไม่ถือหุ้นโดยตรงในอาเซียน: การส่งเสริมรูปแบบการค้าใหม่ระหว่างญี่ปุ่นกับอาเซียน: บทความที่ 3 อินโดนีเซีย” สามารถดาวน์โหลดได้บนเว็บไซต์ของ AJC ดังต่อไปนี้ https://www.asean.or.jp/ja/wp-content/uploads/sites/2/NEM-Indonesia-Paper-3-full-web.pdf

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210601005358/en/

ติดต่อ:

ASEAN-Japan Centre (AJC) PR Unit
Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean.or.jp/en/
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Zoetis ได้รับการรับรองว่าเป็นสถานที่น่าทำงานในประเทศไทยสำหรับปี 2564

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–24 พฤษภาคม 2564

Zoetis Thailand ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทด้านสุขภาพสัตว์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อสนับสนุนลูกค้าและธุรกิจของพวกเขาในรูปแบบที่ดียิ่งขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสถานที่น่าทำงานในประเทศไทยสำหรับปี 2564 ในระหว่างการประเมิน บริษัทได้รับคะแนนที่โดดเด่นในหลายแง่มุมของสถานที่ทำงานของพวกเขา ซึ่งอยู่เหนือกว่าบรรทัดฐานเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีความสนุกสนานและมีความหมาย

ในปีที่ไม่ปกตินี้ เราได้เรียนรู้อีกครั้งว่านายจ้างในประเทศไทยได้คำนึงถึงคุณภาพชีวิตโดยรวมของพนักงานเป็นอย่างดี ซึ่ง Zoetis ในประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่ดีของบริษัทดังกล่าวที่ก้าวขึ้นมาพร้อมกับนโยบายและแนวปฏิบัติ เพื่อสนับสนุนและปกป้องสุขภาพร่างกายและอารมณ์ของพนักงาน ในขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

 “ดิฉันภูมิใจในทีมงานของเราที่มีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนวัตถุประสงค์ทางธุรกิจผ่านความเชื่อหลักของเรา ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตที่สร้างสรรค์ของเรา ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า หรือเป็นผู้นำความพยายามด้านความยั่งยืน และเพื่อนร่วมงานช่วยสร้างความแตกต่าง! พวกเราทีมผู้นำของประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่วัฒนธรรมที่เป็น high-performing culture โดยมุ่งเน้นอย่างชัดเจนในเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีของเพื่อนร่วมงาน สภาพแวดล้อมที่ครอบคลุม ตลอดจนการจัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาเพื่อนร่วมงาน ซึ่งจะยังคงมีลำดับความสำคัญหลักที่เหลืออยู่ไม่กี่ประการ หากต้องการชนะในตลาด เราต้องชนะในสถานที่ทำงานด้วย” กุลปรียา พุทธฤดีสุข ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยของ Zoetis Thailand กล่าว

เกี่ยวกับโปรแกรม BEST PLACES TO WORK

Best Places to Work คือโปรแกรมการรับรองระดับสากล ซึ่งถือเป็น 'มาตรฐานระดับแพลตินัม' ในการระบุและการยอมรับในสถานที่ทำงานชั้นนำทั่วโลก เปิดโอกาสให้นายจ้างได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความผูกพันและความพึงพอใจของพนักงานและให้เกียรติผู้ที่ส่งมอบความโดดเด่นในประสบการณ์การทำงานที่มีมาตรฐานสูงสุดในสภาพแวดล้อมของการทำงาน เข้าร่วมชุมชนของเราบน LinkedInTwitter, และ Facebook

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่ www.bestplacestoworkfor.org

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210524005316/en/

ติดต่อ:

Maria Mercedes
maria@bestplacestoworkfor.org
+65 3159 1167

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

BRANDSTARS ประกาศตัวแทนแบรนด์เกาหลียอดเยี่ยมปี 2564

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–07 พฤษภาคม 2564

คณะกรรมการคัดเลือกของ BRANDSTARS ได้เลือกแบรนด์อุตสาหกรรมที่ดีที่สุดของประเทศเกาหลีเพื่อรับรางวัลตัวแทนแบรนด์เกาหลียอดเยี่ยม (Korea Representative Brand) ปี 2564

ในแต่ละปี นอกเหนือจากการประกาศรายชื่อแบรนด์ที่ได้รับเลือกผ่านสื่อรายใหญ่ของจีนและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียแล้ว ยังมีการจัดงานเพื่อให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ รวมถึงเพิ่มมูลค่าแบรนด์ให้กับบริษัทนั้น ๆ ด้วย

แบรนด์เกาหลีแบ่งหมวดหมู่ตามขนาดธุรกิจ ได้แก่ เล็ก กลาง ใหญ่ และมีการประเมินโดยทั้งสื่อและผู้บริโภคอย่างรอบด้าน ตามด้วยการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญในรอบสุดท้าย ก่อนที่จะมีการประกาศตัวแทนแบรนด์เกาหลียอดเยี่ยมสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม

สำหรับแต่ละอุตสาหกรรม Samsung Galaxy จาก Samsung Electronics (สมาร์ทโฟน), Genesis จาก Hyundai Motor (รถยนต์), Whisen จาก LG Electronics (เครื่องปรับอากาศ), ห้างสรรพสินค้า Shinsegae (ช้อปปิ้ง), SSG.COM (ช้อปปิ้งออนไลน์), SKT 5GX (เครือข่าย 5G), Bacchus (เครื่องดื่มชูกำลัง), agabang (เสื้อผ้าเด็ก), และ Terra จาก HITEJINRO (เบียร์) ได้รับเลือก ขณะที่ในหมวดความบันเทิง BTS (กลุ่มเคป็อป) ได้รับเลือก

สำหรับหมวดแบรนด์ความงาม illiyoon จาก Amorepacific (เวชสำอาง), The History of Whoo จาก LG Household and Health Care (เวชสำอางศาสตร์ตะวันออก), Olive Young (ร้านสินค้าความงาม) และ Goun-bal จาก Well-Being Health Pharm (ผลิตภัณฑ์ดูแลเท้า) ได้รับเลือก

แบรนด์อาหารเกาหลียอดเยี่ยมที่ได้รับเลือก ได้แก่ Paris Baguette (เบเกอรี่), bibigo (อาหารสำเร็จรูป), Binggrae Banana Flavored Milk (นม), Buldak-bokkeum-myeon (ราเมนรสเผ็ด), Chapaghetti (จาจังราเมน), MAMACOOK (ร้านกับข้าว) และ Baunenajoogomtang (ซุปกระดูกเนื้อ)

LF HAZZYS (เสื้อผ้าลำลอง) และ FILA (เสื้อผ้ากีฬา) ได้รับเลือกในหมวดแฟชันเกาหลี ขณะที่ ASAN Medical Center (ศูนย์บริการตรวจสุขภาพ) และ CheongKwanJang (โสมแดง) ได้รับเลือกในหมวดการดูแลสุขภาพ Jeju (เมืองท่องเที่ยว) และ Seoul Kwangjang Market (การท่องเที่ยวเชิงอาหาร) ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนแบรนด์ยอดเยี่ยมด้านการท่องเที่ยวของเกาหลี

ในส่วนบริษัทภายใต้เครื่องหมาย Brand K อื่น ๆ NEO Safe Guard KF94 Mask (มาส์ก), New Wrap (เครื่องครัว) และ Speedrack (เฟอร์นิเจอร์แบบ DIY) ได้รับเลือก

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ Samsung Electronics, Hyundai Motors, LG Electronics, Shinsegae Department Store, Bacchus, agabang, HITEJINRO, BTS, LG Household and Health Care, Amorepacific, Olive Young, Paris Baguette, MAMACOOK, bibigo, Buldak-bokkeum-myeon, Baunenajoogomtang, CheongKwanJang, FILA, Well-Being Health Pharm และ Jeju ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ายังคงเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคปรารถนาจากการได้รับเลือกต่อเนื่องกันสองปีซ้อน

หนึ่งในคณะกรรมการคัดเลือกของ BRANDSTARS กล่าวว่า “ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ที่ยืดเยื้อ แบรนด์เกาหลีที่มีประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของโลก ศักยภาพทางด้านการออกแบบ และความปลอดภัยกลับกำลังเติบโตสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก เป้าหมายของเราคือการได้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจให้กับผู้บริโภค ด้วยการประกาศรายชื่อตัวแทนแบรนด์เกาหลียอดเยี่ยม ปี 2564 ผ่านทางสื่อทั้งในเกาหลี จีน และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ติดต่อ:

คณะกรรมการคัดเลือก BRANDSTARS
KJ.Kim
+82-2-544-0153
brandstars@daum.net
http://brandstars.kr/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับการบริการด้านสิ่งแวดล้อมในอาเซียนเปิดโอกาสให้การค้าระหว่างประเทศในการบริการด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวโดยศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–6 พฤษภาคม 2564

ภูมิภาคอาเซียนได้มองเห็นการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์สำหรับการบริการด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการเติบโตของประชากรและการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว รวมถึงการจัดการของเสียและน้ำเสีย การลดมลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามการศึกษาของศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น และ การส่งเสริมการบริการด้านการค้าในอาเซียน: การค้าในการบริการด้านสิ่งแวดล้อม เผยแพร่แล้ววันนี้ รายงานนี้เป็นฉบับที่สามและฉบับสุดท้ายในชุดของบริการสังคมสามชุดภายใต้ระยะที่สองของโครงการบริการส่งเสริมการค้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210506005504/en/

The report is available for download on AJC website. (Graphic: Business Wire)

สามารถดาวน์โหลดรายงานได้ที่เว็บไซต์ AJC (กราฟิก: Business Wire)

ยอดขายโดยประมาณของบริการด้านสิ่งแวดล้อมผ่านทางการค้าในต่างประเทศ (การส่งมอบบริการโหมด 3) ในอาเซียนอยู่ที่อย่างน้อย 1.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2559 ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากหน่วยงานต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ตามมาด้วยไทยและมาเลเซียตามลำดับ ในทางกลับกันยอดขายโดยประมาณของหน่วยงานอาเซียนที่ให้บริการด้านสิ่งแวดล้อมในต่างประเทศอยู่ที่ 383 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง 90% เป็นบริษัทของสิงคโปร์ ในขณะเดียวกันกระแสการลงทุนไปยังบริการด้านสิ่งแวดล้อมในอาเซียนระหว่างปี 2546 ถึง 2560 มีมูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยสิงคโปร์ได้รับเงินลงทุนมากที่สุดมูลค่า 948 ล้านดอลลาร์ตามมาด้วยมาเลเซีย เวียดนาม และไทย การลงทุนเน้นไปที่บริการจัดการขยะมูลฝอยและบริการบำบัดน้ำเสีย/สิ่งปฎิกูล

เนื่องจากลักษณะการให้บริการด้านสิ่งแวดล้อมสาธารณะประเภทหลัก ในการเปิดเสรีทางการค้าในการบริการด้านสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกับการบริการด้านการค้าอื่นๆ คือการเข้าถึงตลาดบริการและการปฏิบัติต่อประเทศ ในขณะที่ขั้นตอนการออกใบอนุญาตและการอนุมัติเป็นมาตรการด้านกฎระเบียบที่แพร่หลายมากที่สุดเนื่องจากกระบวนการเหล่านี้สามารถใช้ดุลยพินิจได้ในบางประเทศ ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นใหม่ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การนำเข้าขยะพลาสติกจากหลายสมาชิกในอาเซียนและปัญหาขยะพลาสติกในทะเลที่เพิ่มขึ้น

เอกสารฉบับนี้แนะนำว่าการค้าที่เสรีสามารถลดต้นทุนการบริการด้านสิ่งแวดล้อมและช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ถูกกว่าหรือทันสมัยกว่าได้ เมื่อพิจารณาถึงลักษณะที่ดีของการบริการด้านสิ่งแวดล้อมสาธารณะ เอกสารแนะนำให้สมาชิกในอาเซียนอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพันธสัญญา/กิจกรรมที่อยู่ภายใต้การบริการด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งเน้นไปที่การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ในภูมิภาค และรวมถึงการบริการด้านสิ่งแวดล้อมไว้ในบทบัญญัติในข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาค ซึ่งไม่ใช่ในกรณีของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่เพิ่งสรุปไป

นอกเหนือจากเอกสารเผยแพร่ฉบับนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานการบริการด้านสิ่งแวดล้อม ศูนย์ฯ ได้ดำเนินโครงการที่เรียกว่า “ปฏิญญาผู้นำแห่งอนาคตว่าด้วยความร่วมมืออาเซียน – ญี่ปุ่นเกี่ยวกับขยะพลาสติกทางทะเลระหว่างประเทศ” โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียน – ญี่ปุ่นตามที่ระบุไว้ใน “แถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอดอาเซียน – ญี่ปุ่นครั้งที่ 23 ว่าด้วยความร่วมมือแนวโน้มอาเซียนเกี่ยวกับอินโด – แปซิฟิก (AOIP)” ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 และดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับขยะพลาสติกในทะเลโดยเฉพาะในช่วงปีงบประมาณ 2564 เป็นต้นไป

หากต้องการรับชมและดาวน์โหลดรายงานโปรดไปที่เว็บไซต์ AJC ด้านล่าง
https://www.asean.or.jp/en/trade-info/pst2_papers/

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210506005504/en/

ติดต่อ:

ASEAN-Japan Centre (AJC) PR Unit
Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean.or.jp/en/
TEL: +81-3-5402-8118
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

บริษัท Milliken & Company เผยแพร่รายงานความยั่งยืนขององค์กรประจำปีฉบับที่สาม

Logo

สปาร์ตันเบิร์ก เซาท์แคโรไลนา–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2564

บริษัท Milliken & Company ผู้ผลิตระดับโลกเปิดตัวรายงานความยั่งยืนประจำปีฉบับที่ 3 ในชื่อ Together for Tomorrow รายงานนี้ซึ่งวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของบริษัท Milliken ด้วยมุมมองของความพยายามด้านความยั่งยืนแบบองค์รวมและได้เน้นย้ำถึงความก้าวไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนในปี 2568 ที่บริษัทกำหนดไว้ในปี 2561 ซึ่งครอบคลุมทั้งผู้คน ผลิตภัณฑ์และโลก รายงานนี้สร้างความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นในขณะที่เชิญชวนให้มีการสนทนาและการทำงานร่วมกันใหม่ ๆ ในฐานะ บริษัทที่ทำงานเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกที่จะอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210422005332/en/

Together for Tomorrow: Milliken's Third Annual Corporate Sustainability Report (Photo: Business Wire)

Together for Tomorrow: รายงานความยั่งยืนขององค์กรประจำปีฉบับที่สามของบริษัท Milliken (ภาพ: Business Wire)

 “เราได้พบเจอกับช่วงเวลาสำคัญของปี 2563 ด้วยกัน” Halsey Cook ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Milliken กล่าวแบ่งปัน “เราหมุนสายการผลิต เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ และรวบรวมทีมของเรา เพื่อปรับปรุงตัวชี้วัดความยั่งยืนของเราใน 10 จาก 12 หมวดกลยุทธ์ โครงการริเริ่มด้านความยั่งยืนของเรามีแรงผลักดันและกำลังเปลี่ยนแปลงที่เป็นรากฐานธุรกิจของเรา”

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ที่ให้บริการในอุตสาหกรรมเคมี วัสดุปูพื้น สิ่งทอ และการดูแลสุขภาพ ผู้ร่วมงานของบริษัท Milliken จะตรวจสอบและรายงานความก้าวหน้าของบริษัทเป็นประจำทุกปี และการค้นพบของพวกเขาได้กำหนดรูปแบบรายงานนี้ขึ้นมา การจัดให้อยู่แนวเดียวกันเสร็จสมบูรณ์ตามกรอบงานของ Global Reporting Initiative และ Together for Tomorrow พร้อมให้บริการแก่สาธารณะในรูปแบบประสบการณ์ดิจิทัลพร้อมเนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้

ในปี 2563 บริษัท Milliken มีความคืบหน้าที่สำคัญในเป้าหมายของโลก ผลิตภัณฑ์และผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

  • เพิ่มความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมเข้าด้วยกันเมื่อเผชิญกับความไม่สงบในสังคม;
  • มุ่งเน้นการพัฒนาและกระบวนการผลิตเพื่อช่วยต่อสู้กับ COVID-19 โดยการผลิตชุดคลุมทางการแพทย์ หน้ากากป้องกันใบหน้า และวัสดุปูพื้นซึ่งช่วยในการแยกทางสังคม
  • จัดลำดับความสำคัญด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปฏิบัติงานที่จำเป็น โดยการเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเป็นอันดับแรกในระหว่างการระบาด
  • สนับสนุนการอภิปรายเกี่ยวกับการใช้หมุนเวียนของพลาสติกโดยการประชุมผ่านผู้นำทางความคิดโดยมีเป้าหมายเพื่ออธิบายโซลูชันระบบนิเวศที่ใช้งานได้ซึ่งจัดทำโดย National Geographic Creative Works;
  • ลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อกำจัดถ่านหินที่เป็นแหล่งเชื้อเพลิงหลัก ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดของเสีย
  • การเข้าซื้อบริษัท Borchers – การเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในปัจจุบันของบริษัท Milliken ซึ่งจะปรับขนาดแพลตฟอร์มสารเคลือบผิวของบริษัทในลักษณะที่ช่วยลดตัวทำละลายและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ
  • เปิดตัว Milliken Leadership Model ซึ่งจะฝึกอบรมผู้ร่วมงานเกี่ยวกับความเป็นผู้นำที่เติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมาย

หากต้องการเยี่ยมชมอุปกรณ์อินเตอร์แอกทีฟฮับและรับชมรายงานฉบับสมบูรณ์คลิกที่นี่

เกี่ยวกับบริษัท Milliken

บริษัท Milliken & Company ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัสดุศาสตร์ ตระหนักดีว่าโมเลกุลเดี่ยวมีศักยภาพที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ด้วยโซลูชั่นที่มีความสร้างสรรค์ในวงการอุตสาหกรรมสิ่งทอ วัสดุปูพื้น เคมีพิเศษ และการดูแลสุขภาพ บริษัท Milliken ตอบโจทย์ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นบริษัทที่ได้รับการเสนอชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกโดยสถาบัน Ethisphere ติดต่อกันถึง 15 ปี บริษัทมีความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ในการนำเสนอโซลูชั่นที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้าและชุมชน โดยมีผู้ร่วมงานกว่าแปดพันคนใน 46 แห่งทั่วโลก โดยเบื้องหลังการชุมนุมที่มีจุดประสงค์ร่วมกัน: เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกหลายยุคสมัย ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดที่น่าสนใจและแรงบันดาลใจในการแก้ไขปัญหาของบริษัท Milliken ได้ที่ milliken.com และบน FacebookInstagram, LinkedIn และ Twitter.

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210422005332/en/

ติดต่อ:

Betsy Sikma
betsy.sikma@milliken.com
864.909.7908

Liz Morris
liz@edit-grp.com
864.918.5196

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ใช้ ‘VOW’ เพื่อปกป้องมวลมนุษยชาติ: ‘Vaccinate Our World!’

Logo

มาเข้าร่วม AHF และผู้สนับสนุนอื่นๆ เพื่อเปิดตัวคำกระตุ้นการตัดสินใจทั่วโลกใหม่เพื่อเร่งเร้าผู้นำระดับโลก ผู้ผลิตวัคซีนและองค์กรด้านสาธารณสุขใน VOW ที่จะให้การเข้าถึงวัคซีน COVID-19 ทั่วโลกเป็นไปอย่างเป็นธรรม คำกระตุ้นการตัดสินใจจะเริ่มต้นในสัปดาห์นี้ด้วยการสนับสนุนด้านมัลติมีเดียทั่วโลกและแคมเปญโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ และตามมาด้วยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าโดยงานแถลงข่าวในกรุงเทพฯ โจฮันเนสเบิร์ก ลอนดอน เซาเปาโล และวอชิงตัน ดี.ซี.

ถ้าหากการจัดสรรวัคซีนที่ผิดศีลธรรมไม่ได้รบกวนคุณ อันตรายก็อาจจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–20 เมษายน 2564

เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่อยู่เบื้องหลังในการรักษาความปลอดภัยอย่างพอเพียงหรือสำหรับบางประเทศ แม้กระทั่งวัคซีน COVID-19 สำหรับพลเมืองของตนเป็นที่น่าชัดเจนอย่างเจ็บปวดว่าโลกต้องการการเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนและมีนวัตกรรมใหม่เพื่อให้มีโอกาสที่แท้จริงในการเอาชนะการระบาดใหญ่ทั่วโลก  AIDS Healthcare Foundation (AHF) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดูแลและรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์รายใหญ่ที่สุดทั่วโลก เป็นกองหน้าในการริเริ่มระดับโลกเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ผู้ผลิตวัคซีนและสถาบันสาธารณสุขระหว่างประเทศให้ ' VOW ' ในการปกป้องมนุษยชาติและการเข้าถึงวัคซีน COVID-19 อย่างเท่าเทียมกันและ ‘VOW’ คำกระตุ้นการตัดสินใจ “Vaccinate Our World!” จะเริ่มต้นในสัปดาห์นี้ด้วยแคมเปญสนับสนุนมัลติมีเดียซึ่งจะตามมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าพร้อมกับกิจกรรมแถลงข่าวอย่างเป็นทางการและ /หรือเสมือนจริงบนออน์ไลน์ในกรุงเทพฯ โจฮันเนสเบิร์ก ลอนดอน เซาเปาโล และวอชิงตัน ดี.ซี.

คำกระตุ้นการตัดสินใจ ‘Vaccinate Our World’ ที่ปรารถนาอย่างแรงกล้าแต่สามารถทำได้มีหลักการ  5 ประการดังต่อไปนี้

  • ความพยายามในการฉีดวัคซีน COVID-19 ทั่วโลกต้องสำรองเงิน 100 พันล้านดอลลาร์จากประเทศกลุ่ม G20
  • ต้องผลิตและจัดสรรวัคซีนเจ็ดพันล้านโดสทั่วโลกภายในหนึ่งปี
  • บริษัทและรัฐบาลต้องยกเว้นหรือระงับสิทธิบัตรวัคซีน COVID-19 ทั้งหมดระหว่างการแพร่ระบาด
  • ประเทศต่างๆ จะต้องเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส 100% และประการสุดท้าย
  • ผู้นำโลกต้องส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศให้มากขึ้นเพื่อเป็นแรงผลักดันในการยุติการแพร่ระบาดไม่ใช่ดำเนินต่อไปในทางการเมืองตามปกติ

“ถ้าหากการจัดสรรวัคซีนที่ผิดศีลธรรมไม่ได้รบกวนคุณ อันตรายก็อาจจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ ถึงแม้ว่าประเทศที่ร่ำรวยจะกล่าวในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดว่าทุกคนจะได้รับวัคซีน แต่ประเทศที่มีรายได้ต่ำได้รับน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของจำนวน 773 ล้านโดสทั่วโลกที่ได้รับการให้” Michael Weinstein ประธาน AHF กล่าว “เราพบผู้ป่วย COVID-19 ทั่วโลกมากกว่า 140 ล้านรายและเสียชีวิตมากกว่า 3 ล้านรายทั่วโลก ในขณะเดียวกันประเทศที่ร่ำรวยก็กักตุนวัคซีนอย่างเห็นแก่ตัวและผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาจนถึงสิ้นปี 2565 เพื่อให้ได้รับปริมาณโดสในการช่วยชีวิตสำหรับประชากรกลุ่มเปราะบางที่สุดในโลก และนั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ – จะไม่มีประเทศใดปลอดภัยจนกว่าทุกประเทศจะปลอดภัยและเปรียบเสมือนไฟป่าของ COVID-19 ทุกแห่งก็จะดับลง โลกต้องร่วมกัน VOW เพื่อยุติการแพร่ระบาดนี้โดยทำตามขั้นตอนที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อ ' Vaccinate Our World’ now' เดี๋ยวนี้!”

Tedros Adhanom Ghebreyesus ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า 87% ของวัคซีนกว่า 700 ล้านวัคซีนทั่วโลกได้ไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงหรือรายได้ปานกลางในขณะที่ประเทศที่มีรายได้ต่ำได้รับเพียง 0.2% ประเทศที่มีรายได้สูงมีการฉีดวัคซีนโดยเฉลี่ย 1 ใน 4 คนในขณะที่มีเพียง 1 ในมากกว่า 500 คนในประเทศที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับวัคซีน COVID-19

นอกเหนือจากการจัดหาเงินทุนที่เพียงพอสำหรับการจัดหาวัคซีนแล้ว การผลิตวัคซีนจะต้องเพิ่มขึ้นทั่วโลกและการเข้าถึงสิทธิบัตรควรเป็นไปอย่างอิสระเพื่อให้สามารถขยายการผลิตได้อย่างรวดเร็ว การยุติการแพร่ระบาดจะต้องมีการแบ่งปันข้อมูลและความร่วมมือระหว่างประเทศมากขึ้นรวมถึงการยกเลิกข้อจำกัดที่กำหนดขึ้นเองในการส่งออกวัคซีนสำหรับประเทศเหล่านั้นที่มีส่วนเกิน ผู้นำจากกลุ่ม G20 และสถาบันการเงินระดับโลก เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกต้องให้ VOW ที่จะเพิ่มในการมีส่วนร่วมโดยทันที

 “ยังมีงานหนักและภาระที่หนักหน่วงที่ต้องทำ – แต่ด้วยโลกที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เราสามารถทำได้และเราต้องลงมือทำ” Weinstein กล่าวเพิ่มเติม“ ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ใช้เงินหลายล้านล้านดอลลาร์ในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และสูญเสียผลผลิตไปหลายล้านล้าน และเศรษฐกิจของพวกเขาได้รับความเสียหาย ด้วย 100 พันล้านเหรียญเป็นราคาเพียงเล็กน้อยที่ต้องจ่ายเพื่อปกป้องทุกคนบนโลกใบนี้ด้วยการฉีดวัคซีนเพื่อช่วยชีวิต ผู้นำระดับโลก ผู้ผลิตวัคซีน องค์กรด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศและพลเมือง เราทุกคนต้อง VOW ร่วมกันว่าจะ ‘Vaccinate Our World’ ถ้าหากเราจะเอาชนะการแพร่ระบาดนี้อย่างแท้จริง “

 “Vaccinate Our World” จะเปิดตัวในสัปดาห์นี้โดยเริ่มจากการสนับสนุนทางโซเชียลมีเดียและผ่านสื่อสาธารณะอื่น ๆ ซึ่งจะเผยแพร่ไป 45 ประเทศที่ AHF ดำเนินการอยู่

พันธมิตรและผู้สนับสนุนของ AHF จะเปิดตัวโฆษณาทางหนังสือพิมพ์เพื่อสนับสนุนการรณรงค์ระดับโลกใน Vaccinate Our World ที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์รายวันรายใหญ่อย่างน้อยแปดประเทศทั่วโลก โฆษณาทางหนังสือพิมพ์ VOW จะแสดงครั้งแรกในอินเดียโดยเริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้ นี่คือรายชื่อประเทศและช่องข่าวที่จะเผยแพร่โฆษณาแคมเปญ VOW:

อินเดีย

  • Times of India
  • Mint

บราซิล:

  • Globo
  • Folha de Sao Paulo
  • Somma Comunicações

เม็กซิโก

  • El Universal
  • Reforma

ยูเครน

  • “Kорреспондент” (Korrespondent)
  • “Фокус” (Focus)

สหภาพยุโรป

  • EU Observer
  • The Guardian

ไนจีเรีย

  • PUNCH
  • The Guardian
  • THIS DAY

เคนยา

  • Daily Nation
  • Nation.Africa

แอฟริกาใต้

  • The Citizen
  • Daily Sun
  • Daily Maverick
  • Isolezwe
  • Sowetan
  • Sunday Times

นอกเหนือจากงานแถลงข่าวและกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป โปรดมองหา #VaccinateOurWorld และกิจกรรม #VOWnow มาเข้าร่วมในการต่อสู้และ VOW เพื่อปกป้องมนุษยชาติ! สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ โปรดเยี่ยมชม www.VaccinateOurWorld.org

AIDS Healthcare Foundation (AHF) ซึ่งเป็นองค์กรด้านโรคเอดส์ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด ในปัจจุบันให้การรักษาพยาบาลและ /หรือบริการแก่ลูกค้ากว่า 1.5 ล้านราย ใน 45 ประเทศทั่วโลกในสหรัฐอเมริกา แอฟริกา ลาตินอเมริกา/แคริบเบียน ภูมิภาคเอเชีย/แปซิฟิกและยุโรป หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ AHF โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา: www.aidshealth.org ค้นหาเราบน Facebook: www.facebook.com/aidshealth และติดตามเราได้ที่ Twitter: @aidshealthcareและ Instagram: @aidshealthcare

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210420005516/en/

ติดต่อสื่อสหรัฐอเมริกา:
Ged Kenslea,
Senior Director,
Communications, AHF
+1.323.791.5526 cell
ged.kenslea@ahf.org

Terri Ford,
Chief of Global Advocacy & Policy, AHF
+1.213.399.1001
terri.ford@ahf.org

Denys Nazarov,
Director of Global Policy &
Communications, AHF
+1 323.308.1829
denys.nazarov@ahf.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Agthia เริ่มต้นหนทางแห่งการเปลี่ยนแปลงด้วยกลยุทธ์เพื่อเป็นผู้นำอาหารและเครื่องดื่มภายในปี 2568

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(บิสิเนสไวร์)–13 เม.ย. 2564

Agthia Group PJSC เผยกลยุทธ์ระยะยาวในการเป็นผู้นำอาหารและเครื่องดื่มในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และปากีสถาน (MENAP) และอื่นๆ ภายในปี 2568  กลยุทธ์นี้สร้างขึ้นจากเสาหลักเชิงกลยุทธ์ 3 ประการ (การเติบโต ประสิทธิภาพ และขีดความสามารถ) และได้รับการออกแบบมาเพื่อขยายความเป็นผู้นำตลาด มอบคุณค่าที่สำคัญสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดและยังคงขับเคลื่อนการเติบโตของผลกำไรด้วยแนวทางที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210413005841/en/

Khalifa Sultan Al Suwaidi - Chairman - Agthia Group (Photo: AETOSWire)

Khalifa Sultan Al Suwaidi – ประธาน – Agthia Group (ภาพ: AETOSWire)

องค์กรที่ตั้งอยู่ในอาบูดาบีดำเนินธุรกิจด้านการผลิตการจัดจำหน่ายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย รวมถึงแบรนด์ยอดนิยมในภูมิภาคเช่น Al Ain (น้ำ), Al Foah (อินทผลัม), Al Faysal Bakery & Sweets (เบเกอรี่) และ Grand Mills (แป้งและเบเกอรี่) เป็นต้น

Khalifa Sultan Al Suwaidi ประธาน Agthia Group กล่าวว่า“กลยุทธ์นี้จะปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดของเราเพื่อสร้างโอกาสให้กับบุคลากรของเราและเป็นตัวกระตุ้นให้เรากำหนดเกณฑ์มาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มอีกครั้ง”

Alan Smith ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Agthia Group กล่าวว่า “กลยุทธ์ของเราเกิดจากการประเมินเชิงลึกของธุรกิจและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เราจะดำเนินการต่อไปเพื่อให้มีค่าใช้จ่ายน้อยลง ปกป้องธุรกิจหลักของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าความก้าวหน้าของเราเป็นไปอย่างคล่องตัวและตั้งใจ”

การเติบโต

Agthia จะเติบโตโดยการเพิ่มขนาดในตลาดที่มีลำดับความสำคัญ ขยายไปสู่ประเภทที่มีมูลค่าเพิ่ม และผลักดันการปรับปรุงอัตรากำไรภายในปี 2568  สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้โดยการเสริมสร้างฐานหลักรวมถึงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของหมวดน้ำ การปกป้องแป้ง และประเภทอาหาร การเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอไปสู่ประเภทมาร์จิ้นที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ Agthia ยังดำเนินกลยุทธ์การเติบโตแบบอนินทรีย์ที่แข็งแกร่งซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเข้าซื้อบริษัทที่มีแบรนด์ผู้บริโภคที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นผู้นำตลาดในหมวดหมู่ของตน

“กลยุทธ์นี้จะสร้างการทำงานร่วมกันด้านต้นทุนและรายได้ผ่านโอกาสในการขายต่อเนื่องและเสริมสร้างผลงานแบรนด์ระดับภูมิภาคของกลุ่ม” Smith อธิบาย

ประสิทธิภาพ

Agthia ตั้งเป้าหมายที่จะประหยัดเงินได้ 200 ล้าน AED ผ่านการสกัดด้วยพลังร่วมกันรวมถึงการทำให้ธุรกิจที่มีอยู่และที่ได้มาง่ายขึ้น  นอกเหนือจากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์สำหรับการจัดจำหน่ายและการตลาดแล้วองค์กรจะเพิ่มความเป็นเลิศทางการค้าและเงินทุนหมุนเวียน การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานการจัดซื้อแบบลีน ตลอดจนการจัดการการผลิตและซัพพลายเชน  สินทรัพย์ที่ไม่สามารถปรับขนาดได้จะถูกขายออกไปในขณะที่ซัพพลายเออร์และข้อกำหนดต่างๆ จะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น

ปริมาณ

Agthia จะพัฒนาและเพิ่มทุนมนุษย์อย่างต่อเนื่องและให้ความสำคัญกับความเชี่ยวชาญด้านการจัดการหมวดหมู่อย่างชัดเจนเพื่อปรับความสามารถให้สอดคล้องกับความต้องการที่คาดหวังขององค์กรที่กำลังเติบโต

เป้าหมายสำคัญในช่วงห้าปีข้างหน้า ได้แก่ ระบบการจัดการแบบดิจิทัลและการดำเนินโครงการริเริ่ม การเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งคณะโดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มบริษัทจะยังคงขับเคลื่อนประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพกลุ่มผลิตภัณฑ์ รักษากรอบการจัดสรรที่มีหลักการ และการนำวาระการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและธรรมาภิบาล (ESG) ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันมาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภคและส่งผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นตามมาตรฐานระดับโลก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: www.agthia.com

*ที่มา: AETOSWire

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210413005841/en/

ติดต่อ:

Shahla Kashif
skashif@quillmena.com 
+971559534795

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Illumina ได้รับการขนานนามว่าเป็นนายจ้างที่ดีที่สุดรายหนึ่งของสิงคโปร์

Logo

ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นที่พนักงาน

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–13 เม.ย. 2564

Illumina, Inc. ประกาศในวันนี้เป็นปีที่สองติดต่อกันว่า Illumina ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนายจ้างที่ดีที่สุดของสิงคโปร์ อ้างอิงจากผลการสำรวจที่สนับสนุนโดยหนังสือพิมพ์ The Straits Times และบริษัทการตลาด Statista ทั้งนี้ Illumina ได้รับอันดับสองในด้านบริการดูแลสุขภาพและอุปกรณ์ (Health Care and Equipment Services)  และอยู่ในอันดับที่ 27 ของการจัดอันดับโดยรวม การสำรวจดำเนินการในช่วงปลายปี 2563 โดยได้สอบถามพนักงานราว 9,000 คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งหมด เปิดโอกาสให้พวกเขาแสดงความสนับสนุนบริษัทในท้องถิ่น 1,700 แห่ง ที่มีพนักงานมากกว่า 200 คน

“เรารู้สึกดีใจที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นนายจ้างที่ดีที่สุดรายหนึ่งของสิงคโปร์อีกครั้ง” Derric Lee รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของ Illumina Singapore กล่าว “ รางวัลนี้มีความหมายอย่างยิ่งและถือเป็นการให้การยอมรับในความพยายามของเราในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ครอบคลุม และคุ้มค่า สำหรับพนักงานทุกระดับ”

ผลการสำรวจมาจากความเห็นของพนักงานจากบริษัทในภูมิภาค ผู้ตอบแบบสอบถามถูกถามว่าพวกเขาจะแนะนำนายจ้างของตัวเองให้กับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวหรือไม่ และจะแนะนำบริษัทอื่นแบบเดียวกันนี้ หรือไม่

Illumina มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย โดยโรงงานแห่งแรกในสิงคโปร์ของ Illumina เปิดให้บริการในปี 2551 โดยมีพนักงาน 10 คนและมีพื้นที่ 38,000 ตารางฟุต ปัจจุบัน Illumina Singapore ได้เพิ่มจำนวนพนักงานเป็นมากกว่า 1,300 คนและเติบโตขึ้นเป็น 3 อาคาร โดยครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าของพื้นที่เดิม ปัจจุบันมีพื้นที่รวม 385,000 ตารางฟุต โมเมนตัมของเรายังคงดำเนินต่อไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมสำหรับการวิจัยและพัฒนาซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2565

“เราวางแผนที่จะสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์สำหรับพนักงานเพื่อพัฒนาเติบโต และต่อยอด”  Lee กล่าว “ การมีจรรยาบรรณเช่นนี้ หมายถึงการให้ความสำคัญกับทุกแง่มุมของเวลาของพนักงานกับบริษัท ตั้งแต่วินาทีแรกที่เดินเข้าประตู เรามักจะประเมินประสบการณ์ทั้งหมดในที่ทำงาน ซึ่งรวมถึงการเริ่มต้นทำงาน สภาพแวดล้อมในสำนักงาน การรักษาวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและการทำงานร่วมกัน การฝึกอบรมและการพัฒนาตลอดจนการดูแลและการสนับสนุน เป้าหมายของเราคือให้พนักงานได้รับประสบการณ์อย่ารอบด้าน หรือ end-to-end ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อพวกเขาทำงานกับ Illumina”

เกี่ยวกับ Illumina

Illumina กำลังพัฒนาสุขภาพของมนุษย์โดยการปลดล็อกพลังของจีโนม การมุ่งเน้นที่นวัตกรรมของเราทำให้เราเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการจัดลำดับดีเอ็นเอและเทคโนโลยีที่เป็นแบบ array-based technologies โดยให้บริการลูกค้าในตลาดการวิจัย ทางการแพทย์ และการประยุกต์ใช้อื่น ๆ ผลิตภัณฑ์ของเราถูกนำไปใช้ในวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มะเร็งวิทยา อนามัยการเจริญพันธุ์ เกษตรกรรม และศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่อื่น ๆ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดไปที่ www.illumina.com และเชื่อมต่อกับเราได้ที่ Twitter, Facebook, LinkedIn, Instagram, และ YouTube

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210412006017/en/

ติดต่อ:

Grace Lai

glai1@illumina.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การมีส่วนร่วมเชิงรุกในห่วงโซ่มูลค่าโลกเป็นเส้นทางการพัฒนาที่แนะนำเพื่อสปป. ลาว กล่าวรายงานโดยศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น เผยแพร่วันนี้

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 มีนาคม 2564

สปป. ลาว เป็นประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและเกี่ยวข้องกับการผลิตที่ด้อยพัฒนา ประเทศจำเป็นต้องได้รับเทคโนโลยีและความรู้เพิ่มเติมในด้านการเกษตร การผลิตและการบริการทางด้านการผลิต โดยการขยายมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลก (GVCs) กล่าวคือห่วงโซ่มูลค่าโลกในอาเซียน: สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (https://www.asean.or.jp/en/centre-wide-info/gvc_database_paper5/) เผยแพร่โดยศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น (AJC) วันนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210330006159/en/

“Global Value Chains in ASEAN: Lao People’s Democratic Republic” is available for download on AJC website. (Graphic: Business Wire)

 “ห่วงโซ่มูลค่าโลกในอาเซียน: สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว” สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ AJC (กราฟิก: Business Wire)

รายงานนี้ยังจัดทำขึ้นในบริบทของการเฉลิมฉลองครบรอบ 65 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตญี่ปุ่น – ลาว

การมีส่วนร่วมของ GVC อยู่ในระดับต่ำดังที่แสดงโดยการมีส่วนแบ่งเนื้อหาจากต่างประเทศหรือมูลค่าเพิ่มจากต่างประเทศ (FVA) เพียงเล็กน้อยในมูลค่าการส่งออกรวม ซึ่งมีเพียง 6% มูลค่าเพิ่มภายในประเทศ (DVA) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 94 เนื่องจากผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มส่วนใหญ่ใช้ทรัพยากรเป็นฐาน (เช่น แร่ทองแดง ไฟฟ้า) และไม่ต้องใช้ปัจจัยการผลิตจากบริษัทต่างประเทศ

สปป. ลาว ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีสินค้าที่ผลิตได้จำกัด ภาคการผลิตเป็นผู้นำในการมีส่วนร่วมของ GVC แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่าในประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ตามมาด้วยภาคการสกัด (เกษตรกรรมและเหมืองแร่) จากนั้นภาคการบริการ การมีส่วนร่วมที่ต่ำใน GVC แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศยังไม่ถึงขั้นตอนการผลิตทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเหมือนในประเทศสมาชิกอาเซียนขั้นสูงหลายประเทศ

ประเทศไทย จีน และเวียดนาม เป็นผู้มีส่วนร่วมสำคัญในลาว FVA ในขณะที่สหภาพยุโรป (EU) และญี่ปุ่นมีบทบาทน้อยกว่า ประเทศเหล่านี้ยังเป็นผู้สนับสนุนหลักในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มของลาวที่รวมอยู่ในสินค้าส่งออกของประเทศอื่น ๆ (DVX) ส่วนแบ่งเล็กน้อยของ FVA บ่งชี้ว่าสปป. ลาวนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสำหรับการผลิตน้อยลง และเพื่อการบริโภคมากขึ้น บริษัทที่ตั้งอยู่ในสปป. ลาวที่เกี่ยวข้องกับ GVC ยังมีจำนวนจำกัด

เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนร่วมของ GVC และการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปในเชิงบวก การมีส่วนร่วมใน GVC เพิ่มมากขึ้นอาจส่งผลให้เศรษฐกิจของลาวแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขยายการมีส่วนร่วมของ GVC และยกระดับอุตสาหกรรมโดยการส่งเสริมปัจจัยการมีส่วนร่วมที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ โลจิสติกส์ นโยบาย ความสามารถในการเข้าถึงตลาด และแรงงานและการระดมทุน เพื่อกระจายผลประโยชน์ให้ทั่วถึง รัฐบาลควรปรับปรุงการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน

หากต้องการรับชมและดาวน์โหลดรายงาน โปรดไปที่เว็บไซต์ AJC ด้านล่าง
https://www.asean.or.jp/en/centre-wide-info/gvc_database_paper5/

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210330006159/en/

ติตด่อ:

ASEAN-Japan Centre (AJC) PR Unit
Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean.or.jp/en/
TEL: +81-3-5402-8118
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Egon Zehnder รายงานผลประกอบการปี 2563 สุดแกร่งท่ามกลางโรคระบาดและวิกฤตเศรษฐกิจ

Logo

ซูริก–(BUSINESS WIRE)–18 มีนาคม 2564

วันนี้ Egon Zehnder บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลก ได้ประกาศผลประกอบการประจำปี 2563 ที่แข็งแกร่งแม้จะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจเกือบทุกประเภท บริษัทได้รายงานรายได้ทั่วโลกที่ 678 ล้านฟรังก์สวิส ลดลง 4.6 เปอร์เซ็นต์จากผลประกอบการปี 2562 ซึ่งเป็นผลประกอบการสูงสุดตลอดกาล ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่

“ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่เกิดการระบาดของโควิด-19 วิกฤตทางเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ไม่สงบในสังคม ผลประกอบการของเราได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นและมีคุณภาพระหว่างผู้ให้คำปรึกษาและลูกค้าของ Egon Zehnder” Edilson Camara ซีอีโอของ Egon Zehnder กล่าว “การเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่เกิดจากการประเมินความเป็นผู้นำ ที่ปรึกษาธุรกิจครอบครัว การลงทุนในหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ และแนวทางปฏิบัติของคณะกรรมการบริหารในปีก่อนหน้าทำให้เรามั่นใจในอนาคตที่สดใสของบริษัทในปี 2564 และในปีต่อ ๆ ไป ผลลัพธ์เหล่านี้ยังสนับสนุนการตัดสินใจของเราในการขยายฐานที่ปรึกษาของเรา โดยเราได้ทำการจ้างที่ปรึกษาใหม่เพิ่มถึง 40 คนในปี 2563”

ผลประกอบการดังกล่าวยังเป็นผลจากความยืดหยุ่นและความสามารถในการฟื้นตัวของ Jill Ader ประธานบริษัท Egon Zehnder กล่าวเสริม “ความสามารถในการปรับตัวของเราต่อวิกฤตที่เกิดขึ้นนั้นไม่เป็นรองใคร” เธอกล่าว “ในฐานะบริษัทที่มีค่านิยมที่แข็งแกร่ง เราได้ตัดสินใจสร้างความปลอดภัยทางจิตใจโดยไม่มีการเลิกจ้างพนักงานเพื่อให้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าได้อย่างเต็มที่ เพื่อนร่วมงานของเราจากทั่วทุกมุมโลกได้ทำงานร่วมกันเพื่อค้นหาวิธีใหม่ ๆ ที่จะให้บริการลูกค้าของเราในเวลาที่พวกเขาต้องการเรามากที่สุดเช่นนี้”

เพื่อช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติมในช่วงที่เกิดการระบาด ที่ปรึกษาของ Egon Zehnder ได้จัดการประชุมออนไลน์ร่วมกับผู้นำหลายพันคนจากบริษัททั่วโลกที่มาร่วมพูดคุยกันว่าวิกฤตครั้งนี้ทำให้เกิดความเป็นผู้นำอย่างไร ดังที่บริษัทได้รายงานผ่านเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ “การปลดล็อกศักยภาพของมนุษย์เพื่อเป็นผู้นำในการฝ่าความซับซ้อนจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในขณะที่เราทุกคนกำลังพยายามสร้างเศรษฐกิจและแนวทางการทำงานของเราขึ้นใหม่” Ader กล่าวเสริม Egon Zehnder ยังได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการยอมรับในความแตกต่างที่ทำมาอย่างต่อเนื่องด้วยการเริ่มต้นปีที่ 16 ของกิจกรรม Global Board Diversity Tracker ที่จัดขึ้นทุก ๆ สองปี ในปี 2564 และปีต่อ ๆ ไป บริษัทจะยังคงดำเนินการตามเจตนารมณ์ที่ว่าความเป็นผู้นำสู่โลกที่ดีกว่าต่อไป

เกี่ยวกับ Egon Zehnder

Egon Zehnder เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการเป็นผู้นำแถวหน้าของโลก โดยมีเป้าหมายหนึ่งเดียวคือช่วยให้บุคลากรและองค์กรพัฒนา เรารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่สามารถทำได้ และเรามีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบบริการให้คำปรึกษาด้านความเป็นผู้นำที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าของเรา บริษัทของเราประกอบด้วยที่ปรึกษามากกว่า 500 คน ประจำสำนักงาน 68 แห่ง ใน 40 ประเทศ ซึ่งนำจุดแข็งของแต่ละคนมารวมกันเพื่อสร้างทีมงานที่มีพลังรวมกันเป็นหนึ่งเดียว บริการของเราประกอบด้วย การพัฒนาความเป็นผู้นำ ประสิทธิพลระดับบุคคล ทีม และองค์กร การเฟ้นหาซีอีโอและการสืบทอดตำแหน่ง การเฟ้นหาผู้บริหารและการประเมิน ที่ปรึกษาคณะกรรมการ และการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.egonzehnder.com และติดตามเราได้ทาง LinkedIn และ Twitter

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210317005769/en/

ติดต่อ:

Stacy Drumtra, ชิคาโก
Global Marketing Co-Lead
stacy.drumtra@egonzehnder.com
โทร: +1 312 805 6736

Martin Klusmann, เบอร์ลิน
Global Marketing Co-Lead
martin.klusmann@egonzehnder.com
โทร: +49 170 236 0101

Jennifer Reingold, นิวยอร์ก
Global Head of Content
jennifer.reingold@egonzehnder.com
โทร: +1 646 337 5566

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย