IWBI เผย Menarco เป็นรายแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผ่านการประเมิน WELL Health-Safety Rating สำหรับการบริหารและจัดการอาคารสถานที่

Logo

แชมป์ประจำภูมิภาคเป็นผู้บุกเบิกวิธีรับมือกับความท้าทายจากการระบาดของ Covid -19 และให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยในภาพรวมเป็นอันดับต้น ๆ

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–24 กันยายน 2563

วันนี้ International WELL Building Institute หรือ IWBI ได้ประกาศว่าตึก Menarco Tower สัญลักษณ์ของฟิลิปปินส์ เป็นอาคารแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ที่ผ่านระบบประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับการบริหารและจัดการอาคารสถานที่โดย WELL ซึ่งเป็นโครงการที่ IWBI เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้เพื่อเป็นแนวทางและช่วยให้ธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นต่าง ๆ ที่จะทำให้เรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของทั้งพนักงาน ผู้มาเยือน และผู้ถือหุ้นเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น ๆ

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหาในรูปแบบมัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200924005639/en/
 

Menarco เป็น 1 ในบริษัทกว่า 100 แห่งทั่วโลกที่ลงทะเบียนในการประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัยในรูปแบบเอกสารตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม และได้เตรียมแนวทางซึ่งรองรับโดยวิทยาศาสตร์ของบริษัทขึ้นมา การประเมินนี้เป็นการประเมินโดยอิงจากหลักฐานและมีการตรวจสอบโดยหน่วยงานภายนอกสำหรับประเภทอาคารและพื้นที่ใช้สอยใหม่และที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งให้ความสำคัญกับนโยบายเชิงปฏิบัติการ เกณฑ์วิธีด้านการบำรุงรักษา แผนฉุกเฉิน และกลยุทธ์การมีส่วนร่วมของผู้ถือหุ้นเพื่อช่วยให้องค์กรกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ

“ระหว่างที่เรากำลังชื่นชมความสำเร็จของ Menarco Tower ในการเป็นอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกของภูมิภาคที่ได้รับการประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัยจาก WELL อยู่นี้ เราภาคภูมิใจที่ได้เห็น Menarco ก้าวไปอีกขั้นในการเดินทางร่วมกับ WELL ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพวกเขาต่อเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย และการเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน” Rachel Gutter ประธาน IWBI กล่าว “ความสำเร็จครั้งล่าสุดของ Menarco เป็นเสมือนเครื่องยืนยันให้กับทีมที่รับผิดชอบโครงการ พนักงาน และผู้ถือหุ้นว่ามาตรการต่าง ๆ ที่พวกเขานำมาปฏิบัติสอดคล้องกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และผ่านการตรวจสอบตามขั้นตอนรับรองของหน่วยงานภายนอกที่มีความน่าเชื่อถือในระดับนานาชาติ”

อาคาร Menarco Tower เป็นโครงการแรกที่ได้รับการรับรอง WELL Certified ในประเทศฟิลิปปินส์ โดย Gutter ชี้ให้เห็นว่าเส้นทางสู่การประเมิน WELL Health-Safety Rating ของโครงการที่ได้ขึ้นทะเบียน WELL-registered และได้รับการรับรอง WELL Certified นั้นมีการออกแบบอย่างถี่ถ้วน โดยใช้ประโยชน์จากความสอดคล้องกันของทั้งสองโปรแกรมอย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัย WELL นั้นดัดแปลงจาก WELL v2 ซึ่งเป็นมาตรฐานอาคารของ WELL ฉบับล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่จะให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาอาคารและปฏิบัติการที่อยู่ในรูปของเอกสารเป็นพิเศษ โครงการต่าง ๆ ของ WELL สามารถนำกลุยทธ์การออกแบบในระยะที่ยาวนานขึ้นไปใช้เพื่อลดความเสี่ยงในการกระจายของโรคติดเชื้อได้ รวมถึงศึกษาจากระบบประเมินเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้ทันที เพื่อรับมือกับปัญหาภัยคุกคามแบบฉับพลันและเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมาเพื่อรองรับการทำธุรกิจขององค์กร

“ด้วยความร่วมมือจาก IWBI Menarco จะยังคงครองตำแหน่งผู้นำในโครงการริเริ่มต่าง ๆ ด้านอาคารที่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป” Carmen Jimenez-Ong ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Menarco Development Corporation กล่าว ก่อนที่จะเสริมว่า Menarco confidently strode forward during the Covid-19 pandemic despite rising cases in the Philippines. “Menarco ยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนา (Covid-19) และยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นในฟิลิปปินส์ “เราทราบดีว่าระบบประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัย WELL ที่เรานำมาใช้นั้นเป็นแนวปฏิบัติที่ใช้ในระดับนานาชาติ และฉันมีความยินดีอย่างมากที่ได้แจ้งข่าวว่าในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ อาคาร Menarco Tower ได้ช่วยเหลือให้ผู้คนปลอดภัยและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข”

Menarco Tower ผ่านการประเมินจากการดำเนินการต่าง ๆ ในห้าหมวดหมู่ ได้แก่ ขั้นตอนการทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อ โครงการเตรียมความพร้อมฉุกเฉินซึ่งประกอบด้วยแผนสำหรับทั้งพนักงานและแขกของอาคาร และแผนสำหรับกลับเข้าอาคารหลักเกิดเหตุฉุกเฉิน ทรัพยากรสำหรับบริการด้านสุขภาพ เช่น การจัดโปรแกรมฟื้นฟูสำหรับผู้ที่ลาป่วยหรือลาคลอด การจัดการคุณภาพอากาศและน้ำ และการมีส่วนร่วมของผู้ถือหุ้นและทรัพยากรสื่อสารเพื่อส่งเสริมการสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

ระบบประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัย WELL โดย IWBI จัดทำขึ้นภายใต้แนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคต่าง ๆ และหน่วยงานที่ดูแลด้านการจัดการเหตุฉุกเฉิน คณะกรรมการจัดทำมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ เช่น ASTM International and ASHRAE และสถาบันวิชาการและวิจัยชั้นนำทั่วโลก IWBI ได้ประโยชน์อย่างมากจากข้อมูลเชิงลึกจากทีม Task Force on COVID-19 ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังเกิดโรคระบาดเพื่อช่วยให้ธุรกิจและผู้นำด้านอาคารต่าง ๆ บูรณาการข้อมูลเชิงลึกพร้อมใช้และกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ได้รับการรับรองแล้วในการต่อสู้กับ COVID-19 และโรคคิดเชื้อระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ

เจ้าของอาคาร ผู้ดำเนินการ และผู้เช่าสามารถรับการประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัย WELL ได้เองอย่างอิสระโดยใช้ระบบประเมินเป็นเป็นแนวทางสู่การได้รับการรับรอง WELL Certification หรือรวมการประเมินไว้ในความสำเร็จสำคัญ ๆ ภายใต้การเดินทางสู่การขอรับรอง WELL Certification หรือใน WELL Portfolio

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบประเมินสุขภาพและความปอลดภัย WELL ได้ที่ https://www.wellcertified.com/health-safety

เกี่ยวกับ Menarco Development:

Menarco Development Corporation (Menarco) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2557 โดยตระกูล Jimenez ที่มี Menardo R. Jimenez (GMA Network) เป็นประธาน และก่อตั้งโดย Carmen Jimenez-Ong ภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะก้าวสู่การเป็นกระบอกเสียงในการสร้างพื้นที่ทำงาน เล่น และอาศัยที่ให้ความสำคัญกับมนุษย์ที่ได้รับความไว้วางใจในระดับโลก ด้วยยึดในหลักที่ว่าสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ สุขภาพ และพฤติกรรม Carmen จึงได้เริ่มภารกิจสร้างอาคารสำนักงานที่ดีกว่า ซึ่งได้มาตรฐานด้านสุขภาพและความยั่งยืนในระดับนานาชาติ ผลลัพธ์ที่ได้คืออาคาร Menarco Tower อาคารสำนักงานขนาด 32 ชั้นที่เป็นแลนด์มาร์กและคว้ารางวัลมามากมายซึ่งก่อสร้างเสร็จในปี 2560 อาคารแห่งนี้ได้รับการพิจารณาให้เป็นอาคารที่ดีที่สุดด้านสุขภาพของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจากเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวที่ได้รับการรับรอง WELL Certified™ ระดับ Gold ของภูมิภาคนี้ การรับรอง LEED ™ Gold ยังเป็นเครื่องยืนยันที่ว่าอาคารแห่งนี้ไม่เพียงดีต่อผู้คนแต่ยังรวมถึงโลกด้วย ปัจจุบัน Menarco ตั้งตระหง่านอย่างภาคภูมิในฐานะอาคารที่เป็นหนึ่งเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยหลังผ่านการประเมิน Health & Safety Rating ™ จาก IWBI ที่เป็นที่ต้องการของหลาย ๆ คน โดยMenarco เป็นอสังหาแห่งที่สองของโลกที่ผ่านการประเมินต่อจากสนามแยงกี้สเตเดียม

Menarco Development Corporation เจ้าของอาคาร Menarco Tower ซึ่งเป็นเครื่องการันตีถึงความสามารถของบริษัทในการดำเนินการตามวิสัยทัศน์ เป็นผู้นำและนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ในฟิลิปปินส์โดยเป็นผู้บุกเบิกการสร้างอาคารที่ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและพื้นที่ใช้สอยที่ให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น ตามสโลแกน Putting You Above All สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่ Facebook: facebook.com/MenarcoDevCorp; InstagramL @menarcotower

เกี่ยวกับ International WELL Building Institute:

The International WELL Building Institute (IWBI) คือผู้นำการเคลื่อนไหวที่จะพาโลกสู่การเปลี่ยนแปลงในด้านอาคารและชุมชน ด้วยวิธีการที่จะช่วยให้ผู้คนประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆ มากขึ้น สิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือวิธีการที่จะทำให้อาคารและชุมชน และทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น มีความสบายมากขึ้น สร้างทางเลือกที่ดีกว่า และยกระดับสุขภาพกายและสุขภาพใจของผู้คนให้ดีขึ้น

WELL v2 เป็นเวอร์ชันล่าสุดของมาตรฐาน WELL Building Standard (WELL) ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และโครงการนำร่อง WELL Community Standard เป็นระบบให้คะแนนในระดับเขตที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการสร้างชุมชนสุขภาพดีทั่วโลก ระบบประเมิน WELL Health-Safety Rating เป็นการประเมินจากหลักฐานและรับรองโดยหน่วยงานภายนอกที่สามารถใช้ได้กับอาคารทุกประเภท ซึ่งให้ความสำคัญกับนโยบายเชิงปฏิบัติการ เกณฑ์วิธีด้านการบำรุงรักษา แผนฉุกเฉิน และการศึกษาของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อรับมือกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และปัญหาด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่กว้างขึ้นต่อไปในอนาคต IWBI ขับเคลื่อนชุมชนสุขภาพด้วยการจัดการของ WELL AP การแสวงหางานวิจัยที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ การพัฒนาด้านแหล่งทรัพยากรทางการศึกษา และการสนับสนุนด้านนโยบายที่จะส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดีทั่วโลก IWBI เป็นสมาชิก United Nations Global Compact ซึ่งเป็นโครงการด้านการเป็นพลเมืองที่ดีขององค์กรที่ใหญ่ที่สุดของโลก และช่วยเหลือให้บริษัทพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) โดยใช้ WELL สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่นี่

International WELL Building Institute, IWBI, the WELL Building Standard, WELL v2, WELL Certified, WELL AP, WELL Portfolio, WELL Portfolio Score, The WELL Conference, We Are WELL, the WELL Community Standard, WELL Health-Safety Rating, WELL Health-Safety Rated, WELL Workforce, WELL และอื่น ๆ รวมถึงโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายรับรองของ International WELL Building Institute pbc ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ.

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่นี่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200924005639/en/

สื่อ:
Yan Tai
media@wellcertified.com
hello@menarco.com.ph

งาน TIE 2020 จะแสดงเส้นทางสู่อนาคตที่ชาญฉลาดที่ถูกหลอมมาจากโดยความสามารถในการฟื้นตัวของไต้หวัน

Logo

ไทเป, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)– 25 กันยายน 2563

ผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด -19 เมื่อเร็ว ๆ นี้ต่อการค้าทั่วโลกและชีวิตประจำวันของเราทำให้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีในภาคส่วนต่าง ๆ เกิดการเร่งตัวขึ้น ในขณะเดียวกันสังคมของเรากำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคของ Big Data ไปสู่ Hyper Digitization ดังนั้น เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ เตรียมพร้อมรับมือกับเทรนด์เหล่านี้และการเตรียมตัวสู่โลกหลังการแพร่ระบาดของโควิด งาน Taiwan Innotech Expo (TIE 2020) ในปีนี้จึงเน้นถึงเทคโนโลยีการอยู่อาศัยอัจฉริยะล่าสุดที่สามารถจุดประกายจินตนาการใหม่ ๆ โดยนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการจัดงานให้เป็นงานแสดงสินค้าระดับโลก TIE ยังคงดึงดูดความสนใจจากนานาชาติในด้านความแข็งแกร่งของไต้หวันว่าด้วยการวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง งานในปีนี้จะแสดงให้เห็นว่าไต้หวันมีความสามารถในการเผชิญกับวิกฤตโลกและฟื้นตัวคืนได้อย่างไร

พิมพ์เขียวเพื่อโลกที่ดีขึ้นที่พร้อมถูกค้นพบได้ในซุ้มงานสามหัวข้อ

งาน TIE 2020 ที่กำหนดจัดขึ้นที่ Hall 1 ณ Taipei World Trade Center (TWTC) ระหว่างวันที่ 24 ถึง 26 กันยายน   ได้รับการดูแลร่วมกันโดยหน่วยงานของรัฐ 10 หน่วยงานดังต่อไปนี้คือ กระทรวงเศรษฐกิจ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี , กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ, กระทรวงแรงงาน, สภาเกษตร, สภาพัฒนาการแห่งชาติ, สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและสถาบันการศึกษาซินิก้า หรือ  Academia Sinica

ด้วยแนวคิด“ Resilient Taiwan, Smarter Future” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ครอบคลุมการจัดงานในครั้งนี้ ผู้จัดงานจึงได้สร้างพาวิลเลียนหรือซุ้มเพื่อจัดงานใน 3 หัวข้อ ได้แก่ สิ่งประดิษฐ์ยุคบุกเบิก เทคโนโลยีแห่งอนาคต และการพัฒนาที่ยั่งยืน ผลิตภัณฑ์ แนวคิด และเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรมากกว่า 1,000 รายการ จะถูกจัดแสดงในงานแสดงสินค้าสามวัน การจัดนิทรรศการ การกล่าวสุนทรพจน์นำเสนอประเด็นสำคัญ และการสัมมนาจะถูกถ่ายทอดสดสำหรับผู้ชมจากต่างประเทศ การทัวร์ชมนิทรรศการโดยไกด์จะถูกจัดให้มีขึ้นทั้งในงานและทางรูปแบบออนไลน์ ส่วนอื่น ๆ ของงาน เช่น การให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP) และการประชุมแบบตัวต่อตัวกับซัพพลายเออร์จะสามารถเข้าถึงได้จากระยะไกลผ่านทางอินเทอร์เน็ต

TIE แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนาขององค์กรเอกชน หน่วยงานรัฐบาล สถาบันการศึกษา และหน่วยงานวิจัยของไต้หวัน ไต้หวันกำลังดำเนินการตามนโยบาย New Southbound Policy และกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นโดยการใช้ประโยชน์จากตำแหน่งในภูมิภาคนี้และความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในท้องถิ่น  เป้าหมายระยะยาวคือการเปลี่ยนเกาะไต้หวันให้เป็นศูนย์กลาง IP ระหว่างประเทศและส่งเสริมเทคโนโลยีภายในประเทศ

ซุ้ม Pioneering Inventions หรือ ซุ้มสิ่งประดิษฐ์ยุคบุกเบิก ประกาศการมาถึงของ Hyper Digitization

Pioneering Inventions Pavilion หรือซุ้มสิ่งประดิษฐ์ยุคบุกเบิก จะจัดแสดงโซลูชันเทคโนโลยี 105 รายการที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ สามารถนำไปใช้ได้ภายในห้าปีข้างหน้า โดยซุ้ม หรือ พาวิลเลียนนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนย่อย ได้แก่ ไฮเปอร์ออโตเมชั่น อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง การรวมโลกความจริงกับโลกเสมือนจริงเข้าไว้ด้วยกัน และเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพใหม่ ๆ โดยโซลูชันที่แสดงในงานนี้จะนำเสนอในลักษณะที่เน้นย้ำถึงบทบาทของตนในด้านการป้องกันประเทศ การป้องกันภัยพิบัติ การคมนาคมในอนาคต และการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนี้ซุ้มนี้ยังมีนิทรรศการที่น่าตื่นตาตื่นใจเกี่ยวกับหุ่นยนต์บริการผ่านประสบการณ์แบบเสมือนจริง หรือ VR แบบอินเทอร์แอคทีฟ และห้องออกกำลังกายอัจฉริยะ ฯลฯ อีกด้วย

ซุ้มการพัฒนาอย่างยั่งยืนนำเสนอการสำรวจสำหรับอนาคตของมนุษยชาติ

เพื่อให้เป็นไปตามหลักการของ 4Rs (การออกแบบใหม่ การกู้คืน การลดและการนำกลับมาใช้ใหม่ / รีไซเคิล หรือ redesign, recovery, reduce, and reuse/recycle) นิทรรศการที่ซุ้มการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะจัดแสดงเทคโนโลยีที่อาจนำมาใช้เพื่อสร้างบ้านสีเขียวในอีก 20 ปีข้างหน้า โดย TIE ประจำปีนี้ต้องการนำเสนอระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่ช่วยให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยเหตุนี้นิทรรศการที่นี่จึงสะท้อนให้เห็นถึงสี่หัวข้อต่อไปนี้ที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเรามากขึ้นในอนาคต: การเกษตรสมัยใหม่ เทคโนโลยีพลังงานสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน และความปลอดภัยในที่ทำงาน นอกจากนี้ TIE ยังได้เชิญชวนให้สมาชิกภาคการเกษตรของยุโรปแบ่งปันเทคโนโลยีและประสบการณ์ระดับมืออาชีพที่ซุ้มการพัฒนาอย่างยั่งยืน พวกเขาจะเข้าร่วมการสัมมนาเพื่อหารือเกี่ยวกับการริเริ่มด้านการตลาดร่วมกันและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

ซุ้มเทคโนโลยีแห่งอนาคตเปิดขอบเขตใหม่ในการวิจัยและพัฒนา

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีอิทธิพลสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราในอนาคตและสามารถกำหนดโลกในรูปแบบที่เราไม่เคยคิดมาก่อน ดังนั้นซุ้มเทคโนโลยีแห่งอนาคตจะแสดงผลการวิจัยและพัฒนาที่สามารถกำหนดทิศทางของภาคเทคโนโลยีในอีก 3-10 ปีข้างหน้า ในการจัดงานซุ้มนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รวบรวมทรัพยากรจำนวนมากและเชิญนักวิชาการจาก Sinica, กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการมาช่วยในความพยายาม การจัดงานแสดงจะเน้นไปที่การดูแลสุขภาพที่แม่นยำถูกต้อง ออปโตอิเล็กทรอนิกส์ วัสดุใหม่ ๆ รวมไปถึง เทคโนโลยี AI และ AIoT ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้เน้นย้ำถึงข้อได้เปรียบของไต้หวันในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับแนวหน้าและการใช้งานในระดับที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 การจัดแสดงหลายรายการที่นี่จะสามารถดูได้ทางออนไลน์

พื้นที่นานาชาติที่นำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ณ งานแสดง

การระบาดของโรคครั้งใหญ่นำไปสู่การยกเลิกและเลื่อนงานแสดงสินค้าหลายงานทั่วโลก แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นสำหรับ TIE 2020 โดยงานนี้จะรวบรวมผู้แสดงสินค้า 69 รายจาก 18 ประเทศ ได้แก่ Corning, Cisco, Microsoft, Logitech, Siemens, Nissan และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศเหล่านี้จะจัดแสดงโซลูชันทางเทคโนโลยี 123 รายการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของข้อมูล อุตสาหกรรม 4.0 หุ่นยนต์เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงาน และการเกษตร

อย่าพลาดฟอรัม IPBC ไต้หวันที่จะจัดขึ้นในช่วงงานนี้

สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจและสถาบันวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมได้ร่วมมือกับ IAM (Intellectual Asset Management) เพื่อจัดงานประชุมฟอรัมเสมือนจริง IPBC Taiwan ในช่วงเช้าของวันที่ 25 กันยายน โดยการประชุมในครั้งนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับมูลค่าของสินทรัพย์และการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่จับต้องไม่ได้ โดยมี Hitachi, Uber และ MediaTek เป็นหนึ่งในผู้นำ IP ระดับโลกที่จะเข้าร่วมการสนทนาออนไลน์และแบ่งปันกลยุทธ์ของพวกเขา ฟอรัมนี้จะออกอากาศภายในสถานที่จัดงาน TIE 2020 บนเวทีหลักในพื้นที่ C ของ TWTC Hall 1 และผู้ชมสามารถติดตามผ่านการสตรีมสด ขอยินดีต้อนรับทุกคนที่ต้องการจะเข้าร่วม

รายละเอียดของงาน

Taiwan Innotech Expo

วันที่: พฤหัสบดีที่ 24 กันยายนถึงวันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2563

สถานที่: Taipei World Trade Center Exhibition Hall 1 ชั้นล่าง

เว็บไซต์: https://tie.twtm.com.tw/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200923005488/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Ms. Mavis Chuang

โทร: 886-03-591-7862

yh.chuang@itri.org.tw

แถลงการณ์ครบรอบหนึ่งปีของโครงการ Women’s Entrepreneurship Accelerator

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–24 กันยายน 2563

โปรดดูคำชี้แจงด้านล่างจากผู้นำ Women’s Entrepreneurship Accelerator เกี่ยวกับการครบรอบหนึ่งปีของโครงการริเริ่มที่สร้างความเปลี่ยนแปลงโครงการนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200924005283/en/

Anita Bhatia, Deputy Executive Director, UN Women

Anita Bhatia รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจาก UN Women

หนึ่งปีที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นที่จะให้ความรู้และเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการสตรี 10 ล้านคนในช่วงสิบปีข้างหน้าผ่านโครงการ Women’s Entrepreneurship Accelerator (WEA) โดยเราเริ่มวางรากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบเพื่อทำลายอุปสรรคที่ทำให้ผู้หญิงไม่สามารถบรรลุอิสรภาพทางการเงินและการมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับตนเองและชุมชน

ทุกวันนี้ อนาคตของผู้หญิงกำลังอยู่ในทางแยกของประวัติศาสตร์ ผู้หญิงได้รับผลกระทบในด้านลบอย่างไม่สมสัดส่วนจากความหายนะทางเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจาก COVID-19 แต่ในขณะเดียวกันผู้หญิงก็กุมกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย โดยปัจจุบันมีผู้หญิงจำนวน 39% ในการจ้างงานทั่วโลก แต่ว่ามีการสูญเสียงานโดยรวมของสตรีในช่วงการระบาดใหญ่ คิดเป็น 54% และพวกเขามีแนวโน้มที่จะทำงานในภาคส่วนที่มีความเสี่ยงต่อผลกระทบจาก Covid มากกว่า เช่น ภาคการผลิต การศึกษา การท่องเที่ยว การบริการและอาหาร การขายส่งและการขายปลีก สถานประกอบการของสตรีมีความอ่อนไหวต่อแรงสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจเป็นพิเศษ แต่ในสถานการณ์ที่เราดำเนินการในขณะนี้เพื่อต่อสู้กับแนวโน้มเหล่านี้การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของผู้หญิงสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับ GDP ได้ถึง 13 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลกภายในปี 25731  ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกประเทศ จึงควรให้ผู้หญิงเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเศรษฐกิจหลังการระบาดและความพยายามในการฟื้นตัว

นั่นคือเหตุผลที่ผู้ประกอบการสตรีต้องกลายเป็นสถาปนิกของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ ซึ่งจะเป็นเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ยืดหยุ่น และเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน มันเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเราในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย โดยให้ธุรกิจที่นำโดยผู้หญิงเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลง

  • กรอบนโยบาย: เราเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกสหประชาชาติพัฒนากรอบนโยบายระดับชาติโดยมีเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมและเป้าหมายระดับชาติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในอันที่จะส่งเสริมเพิ่มจำนวนและสร้างขีดความสามารถของธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ เราขอปรบมือให้กับประเทศที่ได้เริ่มใช้นโยบายการตอบสนอง COVID-19 ในการระดมทุนเพื่อสตรีและเสนอบริการให้กับผู้ประกอบการสตรีแล้ว2  อย่างไรก็ดีธุรกิจของผู้หญิงมักจะยังไม่อยู่ในแผนและมาตรการระดับชาติของประเทศส่วนใหญ่ในด้านการสนับสนุน SMEs
  • การเข้าถึงด้านการเงิน: ภาคเอกชนและภาครัฐต้องร่วมมือกันเพื่อเพิ่มการลงทุนในธุรกิจของผู้หญิงทั้งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดและช่วงอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโซลูชั่นทางการเงินระดับนวัตกรรม ผ่านการจัดหาทุนและการชำระหนี้และการแนะนำสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
  • การจัดหางาน: รัฐบาลและบริษัททุกขนาดสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างเหลือเชื่อโดยการซื้อกิจการที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของ สร้างความแตกต่างแบบก้าวกระโดดของการเพิ่มขึ้นของธุรกิจที่มีสตรีเป็นผู้นำในห่วงโซ่อุปทานโดยการแสวงหาธุรกิจที่เป็นของผู้หญิง ตั้งและติดตามเป้าหมาย พร้อม ๆ กับสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีให้เข้าถึงโอกาสในการจัดหางานใหม่ ๆ
  • การศึกษาเชิงดิจิทัล: ผู้ประกอบการสตรีจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลทักษะดิจิทัลและการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถเป็นผู้นำและผู้สร้างผลงานในโลกออนไลน์ได้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเลิกการกีดกันทางเพศแบบดิจิทัลและช่วยให้ผู้หญิงเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลทางการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นและสามารถเข้าถึงได้
  • การคุ้มครองทางสังคม: 75% ของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลกทำงานบ้านโดยไม่ได้รับค่าจ้าง  และการทำงานบ้านก็เพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการระบาดของโควิด การคุ้มครองทางสังคม เช่น การลาเพื่อดูแลบุตร เงินสนับสนุนจากรัฐในการดูแลบุตรการประกันสุขภาพ และการชดเชยการว่างงานจะต้องได้รับการสนับสนุนให้ครอบคลุมผู้หญิงในการจ้างงานอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการซึ่งรวมไปถึงผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระด้วย สิ่งนี้จะสร้างเสถียรภาพให้กับชุมชนทั้งหมดทำให้ผู้หญิงมีทางเลือกในการพิจารณาเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น
  • การสนับสนุนข้ามภาคส่วน: เราทุกคนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม สมาคมเชิงธุรกิจ โรงเรียนและมหาวิทยาลัย สามารถร่วมมือกันเพื่อสร้างระบบนิเวศที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสตรีเติบโตขึ้นได้3

หากเราไม่ให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้หญิงในระหว่างการต่อกรในระยะยาวกับการแพร่ระบาดของโควิด เราเสี่ยงที่จะทิ้งผู้หญิงหลายล้านคนไว้ข้างหลังและการสูญเสียความก้าวหน้าด้านความเท่าเทียมทางเพศที่เราสามารถเก็บเกี่ยวมาได้นานหลายทศวรรษ ซึ่งนี่ยังรวมถึงการจัดการกับอุปสรรคที่มีมายาวนานตลอดจนการดูแลความปลอดภัยของผู้หญิงทุกคน

ผลกระทบเชิงลบของ COVID-19 ทำให้ความไม่เท่าเทียมกันที่มีอยู่ทวีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งทำให้ผู้หญิงที่มีภูมิหลังที่หลากหลายไม่สามารถมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมในทีม ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้มุมมองแบบประสานภาคส่วน (intersectional lens) ในการพัฒนากลยุทธ์เพื่อรองรับความต้องการทางเศรษฐกิจของผู้หญิงทุกคนในการพยายามฟื้นฟูโลกหลังจากภาวะโควิด

การลงทุนในผู้ประกอบการสตรีเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวจากการระบาดของโรค พร้อม ๆ ไปกับการสร้างสังคมที่เข้มแข็ง ครอบคลุมทั่วถึงมากขึ้น มีความสามารถในการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งมากขึ้น อนาคตของเราขึ้นอยู่กับการลงทุนในผู้ประกอบการสตรี

ลงชื่อ,

Anita Bhatia

รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร UN Women

Pamela Coke-Hamilton

กรรมการบริหาร, The International Trade Centre (ITC)

Annemarie Hou

กรรมการบริหาร a.i., UN Office for Partnerships

Deborah Gibbins

ประธานฝ่ายปฏิบัติการ, Mary Kay Inc.

เกี่ยวกับ the Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women’s Entrepreneurship Accelerator เป็นโครงการริเริ่มที่มีพันธมิตรหลายรายซึ่งออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้และส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก ภารกิจของ Accelerator คือการขจัดอุปสรรคสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลกผ่าน 4 วิธีการส่งเสริมศักยภาพ หรือ Four Pathways of Empowerment ได้แก่ ด้านการศึกษา การให้ทุน การสนับสนุน และการมีส่วนร่วม โครงการริเริ่มระดับโลกที่เริ่มต้นโดย Mary Kay Inc. ที่ไม่มีการกีดกั้นด้านการมีส่วนร่วม เป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่พัฒนาขึ้นโดยการหารือกับหน่วยงานของสหประชาชาติ 6 แห่ง ได้แก่ UN Women, สำนักงานเพื่อความร่วมมือแห่งสหประชาชาติ (UNOP), องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO),  International Trade Centre (ITC), UN Global Compact (UNGC) และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) อนึ่ง Accelerator ตั้งเป้าที่จะเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิง 10 ล้านคนภายในปี 2573

อ่านเพิ่มเติมที่ https://www.we-accelerate.com/ ติดตามเราบน Twitter (We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator).

เกี่ยวกับ UN Women

UN Women เป็นหน่วยงานของสหประชาชาติที่อุทิศตนเพื่อความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิง โดย UN Women เป็นองค์กรส่งเสริมผู้หญิงและเด็กผู้หญิงระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเร่งความคืบหน้าในการตอบสนองความต้องการของพวกเขาทั่วโลก

UN Women สนับสนุนประเทศสมาชิกสหประชาชาติในการกำหนดมาตรฐานระดับโลกเพื่อก่อให้เกิดความเท่าเทียมกันทางเพศ พร้อม ๆ ไปกับการทำงานร่วมกับรัฐบาลและภาคประชาสังคมในการออกแบบกฎหมาย นโยบาย โครงการ และการบริการที่จำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่ามาตรฐานต่าง ๆ ถูกดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้หญิงจริง ๆ นอกจากนี้ UN Women ยังได้ทำงานไปทั่วโลกเพื่อสร้างวิสัยทัศน์ของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals ให้เกิดขึ้นจริงสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง และคอยสนับสนุนผลักดันการมีส่วนร่วมของผู้หญิงอย่างเท่าเทียมกันในทุกด้านของชีวิตโดยมุ่งเน้นที่สี่ยุทธศาสตร์สำคัญคือ

UN Women ยังประสานงานและส่งเสริมการทำงานของระบบสหประชาชาติในการส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศและในด้านข้อพิจารณาและข้อตกลงทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับวาระ 2030 โดยองค์กรได้วางตำแหน่งด้านความเสมอภาคทางเพศไว้ให้เป็นหลักการพื้นฐานของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และโลกที่ทุกคนได้รับประโยชน์อย่างครอบคลุมทั่วถึงมากขึ้น

เกี่ยวกับ the International Trade Centre

International Trade Center (ITC) เป็นหน่วยงานร่วมขององค์การการค้าโลกและองค์การสหประชาชาติ โดย ITC ช่วยองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลางในการพัฒนา และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้นในตลาดโลกเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนภายใต้กรอบของวาระการช่วยเหลือเพื่อการค้า หรือ Aid-for-Trade และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

โครงการริเริ่ม SheTrades ของ ITC มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการสตรีและธุรกิจที่เป็นของผู้หญิงสามล้านคน เพื่อเข้าสู่ตลาดต่างประเทศภายในปี 2564 โดย SheTrades ทำงานร่วมกับรัฐบาล บริษัท และองค์กรสนับสนุนทางธุรกิจเพื่อดำเนินการวิจัย กำหนดรูปแบบนโยบายและกฎระเบียบทางการค้า อำนวยความสะดวกในการจัดหาเงินทุน และขยายการเข้าถึงสู่สาธารณะ การประมูลและซัพพลายเชนขององค์กร ITC ให้โแกาสผู้ประกอบการสตรีในการได้รับสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่หลากหลายและหลักสูตรที่ยืดหยุ่นบนแพลตฟอร์ม  www.shetrades.com ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.intracen.org หรือติดตาม ITC บน Twitter | Facebook | LinkedIn | Instagram | Flickr.

เกี่ยวกับ the International Labour Organization

The International Labour Organization (ILO) เป็นหน่วยงานเฉพาะของสหประชาชาติที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2462 หลังจากเกิดสงครามทำลายล้างเพื่อดำเนินตามวิสัยทัศน์ตามสมมติฐานที่ว่าสันติภาพที่เป็นสากลและยั่งยืนสามารถสร้างได้ก็ต่อเมื่อตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมในสังคม จุดมุ่งหมายหลักของ ILO คือการส่งเสริมสิทธิในการทำงานส่งเสริมโอกาสในการจ้างงานที่เหมาะสมเพิ่มการคุ้มครองทางสังคมและเสริมสร้างการเจรจาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการทำงาน โครงสร้างไตรภาคีที่เป็นเอกลักษณ์ของ ILO ให้เสียงที่เท่าเทียมกับคนงาน นายจ้าง และรัฐบาล เพื่อทำให้แน่ใจว่ามุมมองของพันธมิตรทางสังคมจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของการมีมาตรฐานแรงงาน และในการกำหนดนโยบายและโครงการต่าง ๆ

โครงการพัฒนาผู้ประกอบการสตรีของ ILO หรือ The ILO’s Women’s Entrepreneurship Development programme  (ILO-WED) เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และดำเนินการมากว่าทศวรรษ โดย ILO-WED ดำเนินการเพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิงโดยการปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนผู้หญิงในการเริ่มต้นจัดตั้งและขยายกิจการของตน และโดยการนำประเด็นความเท่าเทียมทางเพศมาใช้ในงานของ ILO ในการพัฒนาองค์กร เว็บไซต์: www.ilo.org | Twitter – @ILOWED | Facebook – ILO WED (International Labour Organization)

เกี่ยวกับ the United Nations Global Compact

ในฐานะที่เป็นโครงการความคิดริเริ่มพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติงาน the United Nations Global Compact คือความพยายามเรียกร้องให้บริษัทต่าง ๆ จัดให้มีการดำเนินงานและกลยุทธ์ตามหลักการสากลสิบประการในด้านสิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต องค์กรซึ่งเปิดตัวในปี 2543 นี้มีหน้าที่ให้คำแนะนำและสนับสนุนชุมชนธุรกิจทั่วโลกในการพัฒนาเป้าหมายและค่านิยมขององค์การสหประชาชาติผ่านแนวทางปฏิบัติขององค์กร ทั้งนี้ ด้วยว่ามีบริษัทมากกว่า 10,000 แห่ง และสมาชิกที่ไม่ใช่องค์กรธุรกิจอีก 3,000 ราย ในกว่า 160 ประเทศ และเครือข่ายท้องถิ่นมากกว่า 60 เครือข่าย มันจึงเป็นโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมติดตาม @globalcompact บนโซเชียลมีเดียและเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ unglobalcompact.org.

เกี่ยวกับ United Nations Office for Partnerships

The United Nations Office for Partnerships (UNOP) ทำหน้าที่เป็นเกตเวย์ระดับโลกสำหรับการเร่งปฏิกิริยาและการสร้างพันธมิตรแบบผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายกลุ่มเพื่อความก้าวหน้าในการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) โดย UNOP จัดทำแพลตฟอร์มสำหรับการมีส่วนร่วมของพันธมิตรที่มีประสิทธิภาพและการทำงานเพื่อยกระดับสินทรัพย์และความเชี่ยวชาญของคู่ค้าที่หลากหลายในการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน  UNOP จะกำกับดูแลกองทุนแห่งสหประชาชาติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (the United Nations Fund for International Partnerships) กองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งสหประชาชาติ (the United Nations Democracy Fund) ศูนย์ปฏิบัติการ SDG และผู้ให้การสนับสนุน SDG ของสำนักงานเลขาธิการ  the Secretary-Generals’ SDG Advocates

เยี่ยมชมข้อมูลเพิ่มเติมที่:

สำนักงานเพื่อความร่วมมือแห่งสหประชาชาติ (UNOP) พยายามที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้สำหรับเหล่าพันธมิตรในการเชื่อมต่อและสร้างโอกาสและแนวทางแก้ไขเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดย The UN Office for Partnerships ทำงานในระดับโลกภูมิภาคและในประเทศต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกผ่านการเป็นหุ้นส่วนของ SDG – สำหรับผู้คนและโลกใบนี้

สำนักงานนี้ดูแลกองทุนแห่งสหประชาชาติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ ( the United Nations Fund for International Partnerships), กองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งสหประชาชาติ (the United Nations Democracy Fund), SDG Action Hub และ Secretary-Generals’ SDG Advocates ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.un.org/partnerships/.

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิมได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 57 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนใน เกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอาง ค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.marykay.com.

1McKinsey Global Institute, COVID-19 และความเท่าเทียมทางเพศ: การต่อต้านผลกระทบที่ถดถอยโดย Anu Madgavkar, Olivia White, Mekala Krishnan, Deepa Mahajan และ Xavier Azcue (กรกฎาคม 2563)

2ได้แก่ แคนาดา โคลอมเบีย อียิปต์ กัวเตมาลา จอร์เจีย ฮอนดูรัสไอร์แลนด์ เม็กซิโก โมร็อกโก ปารากวัย และสหราชอาณาจักร  นโยบายการตอบโต้ COVID-19 ที่คำนึงถึงเรื่องเพศจากประเทศต่าง ๆ สามารถหาดูได้จาก UN Women และ UNDP’s COVID-19 Global Gender Response Tracker https://www.undp.org/content/undp/en/home/covid-19-gender-dashboard.html

3การเสริมสร้างความเข้มแข็งในการสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีในการตอบสนองต่อ COVID-19 และเครื่องมือสนับสนุนการฟื้นตัวหน้า 2 หาอ่านได้ที่: https://www.empowerwomen.org/en/resources/documents/2020/09/strengthening-support-for-women-entrepreneurs-in-covid-19-response-and-recovery?lang=en

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200924005283/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc.

Michael Wassmer

media@mkcorp.com

+1-972-687-5332

UN Women

Oisika Chakrabarti

oisika.chakrabarti@unwomen.org

+1-646-781-4522

International Trade Centre

Vittorio Cammarota

vcammarota@intracen.org

+41 (0)22 730-0322




Mavenir ส่งมอบความเป็นผู้นำด้านการรับส่งข้อมูลบน 5G (User Plan Function) ด้วยเทคโนโลยีเร่งการส่งข้อมูลของ Nvidia Mellanox SmartNIC

Logo

และ Combo Node ที่สามารถสนับสนุนอุปกรณ์ 2G, 3G, 4G และ 5G ได้พร้อม ๆ กัน

ริชาร์ดสัน, เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2563

Mavenir ผู้ให้บริการด้านซอฟต์แวร์เครือข่ายบนคลาวด์แบบครบวงจรเพียงรายเดียว ได้ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยี User Plane Function (UPF) ที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยการเสริมของเทคโนโลยี NVIDIA Mellanox ConnectX-6 Dx SmartNICs ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและในปริมาณมากในเวลาเดียวกัน

เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เครือข่าย 5G มีความสมเหตุสมผลขึ้น ระบบ UPF ของ Mavenir จะประกอบด้วยชุดการให้บริการ UPF สำหรับ 5G แบบเครื่องเดี่ยว ที่มีฟังก์ชัน Combo Node ที่ช่วยให้สามารถให้บริการได้ตั้งแต่ 2G จนถึง 5G ได้พร้อม ๆ กัน

ชุด UPF ของ Mavenir ส่งมอบคุณค่าที่มีลักษณะเฉพาะตัวผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น Cloud-Native และประมวลผลบนสถาปัตยกรรม Container นอกจากนี้ยังถูกปรับค่าการประมวลผล Packet ด้วยระบบฮาร์ดแวร์ที่สามารถปรับแต่งและประมวลผลแทนซอฟต์แวร์ได้ (Hardware Offloading) และยังถูกเสริมระบบสำรองการทำงานของอุปกรณ์ในตัวเองในกรณีทีเกิดความเสียหายของอุปกรณ์ (High Availability) แม้ว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการระดับสูงด้วยอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่จำกัด อุปกรณ์ UPF ของ Mavenir สามารถสนับสนุนการติดตั้งและจัดการอุปกรณ์ UPF เป็นจำนวนมาก ๆ ด้วยระบบอัตโนมัติและระบบบำรุงรักษาจากส่วนกลาง ซึ่งจะช่วยให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการบำรุงรักษาและต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ลงไปได้

Mavenir ได้พัฒนาระบบ UPF ที่สามารถปรับแต่งได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเทคนิคและความสามารถของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ถึง 524 Gbps โดยใช้ fast path (fp) CPU จำนวน 16 ตัวในการทดสอบ ในขณะเดียวกัน UPF ชุดนี้ยังลดขนาดฟุตพริ้นท์ของเซิร์ฟเวอร์ได้ถึง 50% ด้วยการใช้ Nvidia SmartNIC UPF Offload โดย Nvidia ConnecX-6 Dx ช่วยเร่งการรับส่งข้อมูลของ UPF ผ่านระบบ Dynamic Load Balancing, Efficient Packet Processing และระบบ Intelligent Forwarding เพื่อให้สามารถรับส่งข้อมูลของผู้ใช้งานหลายพันคน อย่างราบรื่นและรวดเร็วตามมาตรฐานการให้บริการ

“จุดที่มีความสำคัญจุดหนึ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือการที่เราสามารถลดฟุตพริ้นท์ของการทำงานลงได้ 50% หลังจากที่มีการใช้ฮาร์ดแวร์ของ Nvidia เข้ามาช่วย” Ashok Khuntia รองประธานกรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไปด้าน Packet Computing ของ Mavenir กล่าว “เราดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Nvidia ซึ่งทำให้เราสามารถออกผลิตภัณฑ์ที่มีสมรรถนะสูงและคุ้มค่าต่อราคาในการให้บริการ 5G ในตลาดทั่วโลก”

“UPF packet forwarding เป็นส่วนสำคัญในการให้บริการเครือข่ายที่มีความยืดหยุ่นและมีความหน่วงในการรับส่งข้อมูลต่ำบนเครือข่าย 5G” Amit Krig รองประธานอาวุโสด้านซอฟต์แวร์และตัวปรับเครือข่ายของ NVIDIA กล่าว “Mavenir ได้ใช้ข้อได้เปรียบของอุปกรณ์ Nvidia ในการส่งมอบอุปกรณ์ UPF ที่มีสมรรถนะในลำดับต้น ๆ ของโลก ในขณะอุปกรณ์ยังช่วยลดการภาระการประมวลผลของ CPU เพื่อให้ CPU สามารถไปประมวลงานด้านอื่นเพื่อเกิดกำไรในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น

เกี่ยวกับ Mavenir:

Mavenir เป็นผู้ให้บริการด้านซอฟต์แวร์เครือข่ายบนคลาวด์เพียงรายเดียวและบริการควบรวมระบบเข้ากับโซลูชันต่าง ๆ อย่างครบวงจร โดยมุ่งเน้นการพัฒนาการเร่งความเร็วในการรับส่งข้อมูลบนเครือข่ายผ่านซอฟต์แวร์เพื่อใช้ในการให้บริการการสื่อสารของผู้ให้บริการระบบเครือข่ายโทรศัพท์เจ้าต่าง ๆ Mavenir นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอย่างครบวงจรและครอบคลุมในทุกระดับชั้นของเครือข่ายและระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่สำคัญ ตั้งแต่เครือข่าย 5G application/service layers และระบบ RAN (Radio Access Network) Mavenir เป็นผู้ริเริ่มในการเปลี่ยนแปลง ด้วยระบบ Cloud-Native Networking ที่ช่วยให้สามารถต่อยอดนวัตกรรมและสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังเป็นผู้คิดค้นระบบ IMS ที่ช่วยให้สามารถใช้งานเทคโนโลยี VoLTE, VoWiFi, Advanced Messaging (RCS) Private Network รวมไปถึง vEPC, 5G Core และเทคโนโลยี OpenRan, vRan ของ Mevenir ช่วยเร่งความเร็วในการส่งข้อมูลบนเครือข่ายมากกว่า 250 ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ทั่วโลกในมากกว่า 140 ประเทศ ซึ่งถือว่ามีจำนวนเกินครึ่งของผู้ใช้งานโทรศัพท์ทั่วโลกที่ใช้งานเทคโนโลยีของ Mavenir ในปัจจุบัน

Mavenir อ้าแขนเปิดรับความเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม สถาปัตยกรรมเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมไปถึงโมเดลทางธุรกิจที่ช่วยให้เกิดความคล่องตัว ความยืดหยุ่น และความรวดเร็วของการบริการด้วยโซลูชัน Network Function Virtualization ที่ช่วยให้สามารถขยายตัวได้ตามความต้องการ Mavenir นำเสนอโซลูชันที่ช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ทั่วโลกสามารถลดต้นทุน มีกำไรอย่างสม่ำเสมอ และลดความเสี่ยงของค่าใช้จ่าย www.mavenir.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200923005257/en/

ติดต่อ:

Maryvonne Tubb
Mavenir PR

NA-Loren Guertin
MatterNow

EMEA-Kevin Taylor
GlobalResultsPR

Zynga เปิดตัวเกมไขปริศนา Harry Potter: Puzzles & Spells Worldwide

Logo

เกมจับคู่ปริศนา Match-3 ที่มีเนื้อหาอิงหนังสือและภาพยนตร์ต้นฉบับของแฮร์รี่ พอตเตอร์นำเกมเพลย์ปริศนามหัศจรรย์มาสู่อุปกรณ์มือถือ

ซานฟรานซิสโก–(บิสิเนสไวร์)–23 ก.ย. 2563

วันนี้ Zynga Inc.(Nasdaq: ZNGA) ผู้นำระดับโลกด้านความบันเทิงแบบอินเทอร์แอกทีฟประกาศว่าเกมมือถือ Match-3 สุดมหัศจรรย์ Harry Potter: Puzzles & Spells ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการทั่วโลก โดยได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก Warner Bros. Games และเผยแพร่ภายใต้ฉลากของ Portkey Games  เกมดังกล่าวสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีบนระบบ Android และ iOS รวมถึง Amazon Kindle และ Facebook

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200923005144/en/

Zynga Launches Harry Potter: Puzzles & Spells Worldwide (Photo: Business Wire)

Zynga เปิดตัว Harry Potter: Puzzles & Spells Worldwide (ภาพ: Business Wire)

“เมื่อซีรีส์แฮร์รี่ พอตเตอร์เข้าฉายครั้งแรก นับเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ทุกคนอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน พูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน และมารวมตัวกันเพื่อรับประสบการณ์ร่วมกัน "Yaron Leyvand รองประธานอาวุโสฝ่ายเกมของ Zynga กล่าว “Harry Potter: Puzzles & Spells  เชื่อมความสัมพันธ์ที่แฟนๆ มีต่อด้วยเกมมือถือที่เต็มไปด้วยช่วงเวลาที่โดดเด่นและโลกมหัศจรรย์ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ติดตามทั่วโลก เกมนี้ได้รับการตอบรับทั่วโลกอย่างยอดเยื่ยมและเราตื่นเต้นมากที่จะได้ให้แฟนๆ ทั่วโลกได้เล่น”

“ปัจจุบันเกมบนมือถือได้รับความนิยมและมีความสำคัญกับผู้คนมากอย่างยิ่ง ผู้คนกำลังเล่นเกมเพื่อความบันเทิง ผ่อนคลาย และเพื่อความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อที่เข้าถึงได้” Bernard Kim ประธานสำนักพิมพ์ของ Zynga กล่าว “ด้วย Harry Potter: Puzzles & Spells แฟนๆ จะได้ดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์ ปริศนา และความพิศวงของซีรีส์และสร้างคลับเพื่อทำงานร่วมกันและเชื่อมต่อกับแฟนๆ ของโลกพ่อมดแม่มดคนอื่นๆ ”

ใน Harry Potter: Puzzles & Spells ผู้เล่นจะเข้าสู่การผจญภัยแบบ Match-3 ที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ อารมณ์ขัน สีสัน และตัวละครในซีรี่ส์แฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยมีเพลงประกอบและการบันทึกเสียงพากย์จากภาพยนตร์แฮร์รี่พอตเตอร์ต้นฉบับ โดยแฟนๆ จะได้ติดตามการเดินทางของแฮร์รี่ผ่านโลกแห่งเวทมนตร์บนมือถือ รับคาถาและพลังพิเศษเมื่อพวกเขาก้าวหน้า ไขปริศนา Match-3 ที่เต็มไปด้วยกบช็อคโกแลต กุญแจติดปีก ต่อสู้กับตัวหมากรุก และอุปสรรคอื่นๆ ที่ไม่คาดคิด  ระหว่างการไขปริศนาที่มีสีสัน ผู้เล่นจะได้สัมผัสเนื้อเรื่องอันเป็นสัญลักษณ์ เช่นการเดินทางของแฮร์รี่บนรถด่วนฮอกวอตส์ สัตว์วิเศษของแฮกริด และเฮอร์ไมโอนี่ร่ายคาถาวิงกาเดียม เลวิโอซ่า

ด้วยการสร้างทักษะทางเวทย์มนตร์ ผู้เล่นจะได้รับคาถา เพิ่มพลัง และคะแนนประสบการณ์ในขณะที่พวกเขาดำเนินผ่านเกมเพื่อเพิ่มระดับทักษะและบุคลิกในเกม  ผู้เล่นยังสามารถรับรางวัลอันทรงพลังได้จากการทำกิจกรรมประจำวันที่อ้างอิงช่วงเวลามากมายจากซีรี่ส์แฮร์รี่ พอตเตอร์  ด้วยจิตวิญญาณของความสนิทสนมและแข่งขันที่เป็นมิตรของฮอกวอตส์ ผู้เล่นสามารถเข้าร่วมหรือก่อตั้งสโมสรกับแฟนคนอื่นๆ เพื่อสังสรรค์ ร่วมมือกันในการไขปริศนา แบ่งปันประสบการณ์ชีวิต และชิงรางวัลในกิจกรรมคลับสุดพิเศษ

 ในช่วงเจ็ดวันถัดไปผู้เล่นที่ดาวน์โหลดเกมสำหรับ Android หรือ iOS จะได้รับชุดต้อนรับทันทีซึ่งประกอบด้วยทองคำในเกม พลังชีวิตพิเศษ และแว่นตาควิดดิชพิเศษเพื่อปรับแต่งตัวละครของตน

สามารถเล่น Harry Potter: Puzzles & Spells ได้บน iOS และ Android ทั่วโลกรวมถึง Amazon Kindle และ Facebook  สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเกมที่ www.harrypotterpuzzlesandspells.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการเชื่อมต่อกับแฟนคนอื่นๆ ติดตามเราบน Facebook, Instagram และ Twitter

สำหรับเนื้อหาสนับสนุน ภาพนิ่ง และวิดีโอโปรดไปที่: http://bit.ly/HPPuzzlesSpells_WWL

เกี่ยวกับ Zynga

Zynga เป็นผู้นำระดับโลกในด้านความบันเทิงแบบอินเทอร์แอคทีฟโดยมีภารกิจในการเชื่อมต่อโลกผ่านเกม  ในปัจจุบัน Zynga มีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งพันล้านคนเล่นเกมแฟรนไชส์ของบริษัท ซึ่งได้แก่ CSR RacingTM, Empires & PuzzlesTM, Merge Dragons!TM, Merge Magic!TM, Toon Blast™, Toy Blast™, Words With FriendsTM และ Zynga PokerTM เกมของ Zynga นั้นมีให้เล่นในกว่า 150 ประเทศผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลและอุปกรณ์มือถือทั่วโลก  บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2550 และมีสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก โดยมีที่ตั้งสาขาในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ อินเดีย ตุรกี และฟินแลนด์  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชม www.zynga.com หรือติดตาม Zynga บน Twitter, Instagram, Facebook หรือ บล็อกของ Zynga

เกี่ยวกับ Warner Bros. Games

Warner Bros. Games ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ Warner Bros. Home Entertainment, Inc. เป็นผู้ตีพิมพ์ พัฒนา ผู้ให้ใบอนุญาต และผู้จัดจำหน่ายเนื้อหาความบันเทิงชั้นนำทั่วโลกสำหรับพื้นที่อินเทอร์แอคทีฟในทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงคอนโซล อุปกรณ์พกพา อุปกรณ์เคลื่อนที่  และเกมบนพีซี เกมสำหรับทั้งภายในและภายนอกบริษัท  ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Warner Bros. Games ได้ที่ https://www.wbgames.com/

เกี่ยวกับ Portkey Games

Portkey Games จาก Warner Bros. Games เป็นค่ายเกมที่สร้างขึ้นเพื่อสร้างประสบการณ์โลกแห่งเวทย์มนตร์ใหม่บนมือถือและวิดีโอเกมที่ทำให้ผู้เล่นเป็นศูนย์กลางของการผจญภัยของตนเองโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวดั้งเดิมของ JK Rowling.  Portkey Games เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้เลือกการเล่าเรื่องของตนเองและมีส่วนร่วมกับการปรับแต่งโลกแห่งเวทย์มนตร์เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร  ค่ายเกมนี้สร้างขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมใหม่ๆ ให้กับเกมเมอร์และแฟนๆ ซึ่งทำให้พวกเขาจะได้เจาะลึกความมหัศจรรย์ของโลกแห่งเวทย์มนตร์ในรูปแบบที่สมจริงซึ่งพวกเขาสามารถกำหนดเรื่องราวของ โลกแห่งเวทย์มนตร์ได้

ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับชื่อรายละเอียดการเล่นเกม คุณสมบัติของเกม และโปรโมชั่นแบบจำกัดเวลาใน Harry Potter: Puzzles & Spells ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้ามักประกอบด้วยคำต่างๆเช่น “มุมมอง” “คาดการณ์” “วางแผน” “ตั้งใจ” “จะ” “คาดหวัง” “เชื่อ” “ตั้งเป้าหมาย” “คาดหวัง” และข้อความอื่นๆ ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า การได้มาหรือความสำเร็จของประเด็นที่กล่าวถึงในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และสมมติฐานที่เกี่ยวข้อง  ผู้รับข่าวสารไม่ควรมีความเชื่อมั่นเกินควรในแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวซึ่งอิงข้อมูลของเราที่มีอยู่ในปัจจุบันและเราไม่มีข้อผูกมัดในการอัพเดทข้อความดังกล่าว  ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และข้อสมมติฐานเหล่านี้จะถูกระบุในหนังสือที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“SEC”) โดยสามารถอ่านสำเนาหนังสือนี้ได้ในเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ของเราที่ http://investor.zynga.com หรือเว็บไซต์ของ SEC ที่ www.sec.gov

สิทธิ์ในการเผยแพร่ WIZARDING WORLD, HARRY POTTER © J.K. Rowling. HARRY POTTER: PUZZLES & SPELLS, PORTKEY GAMES, WIZARDING WORLD และ ตัวละคร ชื่อ และสัญลักษณ์ HARRY POTTER © และ ™ Warner Bros. Entertainment Inc. ™ Zynga Inc. สงวนสิทธิ์ทั้งหมด

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200923005144/en/

ติดต่อ:

Dana Whitney
dwhitney@zynga.com

หุ่นยนต์อัตโนมัติ UVD ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก

Logo

สนามบิน โรงแรม และสถานีรถไฟต่างต้องการนำหุ่นยนต์ฆ่าเชื้ออัตโนมัติมาใช้เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย เรียกความมั่นใจของผู้คน และฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้กลับมาอีกครั้ง

โอเดนเซ, เดนมาร์ก–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2563

ท่ามกลางการคาดการณ์ล่าสุดของสมาคมการท่องเที่ยวสหรัฐฯ โดย Tourism Economics ซึ่งคาดว่าทั่วโลกจะมีการสูญเสียเม็ดเงินไปถึง 505 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จนถึงปลายปี 2563 นี้ UVD Robots ประกาศว่าหุ่นยนต์ฆ่าเชื้ออัตโนมัติของบริษัทกำลังถูกส่งไปติดตั้ง ณ โรงแรม สถานีรถไฟ และสนามบินทั่วโลกมากขึ้น หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบโดย UVD Robots ประกอบด้วยแสง UVC และโปรแกรมหลายโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อการฆ่าเชื้อโดยเฉพาะ ทั้งนี้เพื่อจำกัดไวรัสและแบคทีเรียบนพื้นผิวต่าง ๆ รวมถึงในอากาศ และทำหน้าที่เป็นโซลูชันกำจัดและป้องกันเชื้อโรคแบบครบวงจร

“Right now it’s critical for the hospitality industry to not only enhance how we protect travelers but also provide them with reassurance that we’re taking every possible step from check-in to check-out,” said Trish Berry, General Manager, YOTEL Boston. An extension of YOTEL’s operation #SmartStay safety measures, the UVD Robot, named ‘Vi-YO-Let’, will offer an even deeper level of disinfection throughout high-touch public spaces and select cabins at YOTEL Boston. Photo credit: YOTEL Boston.

“ปัจจุบันมีความจำเป็นอย่างมากที่อุตสาหกรรมการบริการจะต้องยกระดับมาตรฐานในการดูแลปกป้องนักท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กับการสร้างความมั่นใจให้พวกเขาตั้งแต่ขั้นตอนเช็คอินไปจนถึงเช็คเอาท์จากโรงแรม” Trish Berry ผู้จัดการทั่วไปโรงแรม YOTEL Boston กล่าว นอกเหนือจากมาตรการด้านความปลอดภัยของ YOTEL ที่เรียกว่า #SmartStay แล้ว เราได้นำหุ่นยนต์ UVD Robot มาใช้ โดยตั้งชื่อให้ว่า ‘Vi-YO-Let’ เพื่อกำจัดเชื้อโรคอย่างสะอาดล้ำลึกในบริเวณที่เป็นพื้นที่สาธารณะที่มีการสัมผัสสูง รวมถึงห้องพักประเภทแคบินของโรงแรม YOTEL Boston ด้วย เครดิตรูปภาพ: YOTEL Boston

“ขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการเตรียมกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ผู้ประกอบการต่างต้องเตรียมการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่คาดหวังซึ่งสูงขึ้นทั้งด้านความปลอดภัยและความสะอาดเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ” Per Juul Nielsen ซีอีโอแห่ง UVD Robots กล่าว “เนื่องจากหุ่นยนต์ UVD ของเราใช้ง่าย ปลอดภัยและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โรงแรม สนามบิน และสถานีรถไฟจำนวนมากขึ้น รวมถึงธุรกิจประเภทอื่น ๆ จึงได้นำโซลูชันระบบฆ่าเชื้อเกรดเดียวกับที่ใช้ในโรงพยาบาลนี้ไปใช้ ณ สถานประกอบการของตน เราตื่นเต้นอย่างมากกับบทบาทของเราที่ได้ช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมนี้”

ตัวอย่างมีดังนี้:

– YOTEL Boston ประกาศว่าได้นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ UVD ไปใช้ทำความสะอาดห้องพักประเภทแคบินเมื่อไม่มีผู้เข้าพัก รวมถึงกำจัดเชื้อโรคบริเวณพื้นที่สาธารณะที่มีการสัมผัสสูงหลังปิดให้บริการ

โรงแรม Clarion Hotel & Congress สนามบินโคเปนเฮเกน นำหุ่นยนต์ UVD ไปใช้ฆ่าเชื้อห้องประชุมและพื้นที่ที่ใช้ร่วมกัน

สนามบินนานาชาติเจอร์รัล อาร์ ฟอร์ด (GRR) ใช้หุ่นยนต์ UVD ฆ่าเชื้อในห้องน้ำ พื้นที่รับสัมภาระ จุดตรวจค้นผู้โดยสาร พื้นที่รักษาความปลอดภัยและพื้นที่อื่น ๆ หลังเวลาทำการ

สนามบินฮีทโธรว์ในลอนดอนได้นำหุ่นยนต์ UVD ไปใช้แล้วเป็นเวลาหลายเดือน

– สถานีรถไฟนานาชาติเซนต์แพนครัสในลอนดอน นำหุ่นยนต์ UVD ไปใช้เพื่อฆ่าเชื้อโรคในห้องน้ำภายในสถานี

นอกจากนี้ยังมีโครงการด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการในตะวันออกกลาง รวมถึงที่สนามบินนานาชาติฮาหมัดของการ์ตาด้วย

เกี่ยวกับ UVD Robots & Blue Ocean Robotics

UVD Robots เป็นบริษัทในเครือของหนึ่งในกลุ่มบริษัทด้านการพัฒนาหุ่นยนต์บริการเชิงพาณิชย์ชั้นนำของโลกอย่าง Blue Ocean Robotics ซึ่งมี GoBe RobotsPTR Robots และ Mink Robots เป็นบริษัทภายในเครือเดียวกัน สำนักงานใหญ่ของ Blue Ocean Robotics ตั้งอยู่ที่เมืองโอเดนซา ประเดนมาร์ก ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงของหุ่นยนต์” แห่งทวีปยุโรป

ลิงก์ไปยังแฟ้มข้อมูลสำหรับสื่อ

ติดต่อ:

Merima Cikotic
Blue Ocean Robotics
mc@blue-ocean-robotics.com
+45 71-99-56-06

การจัดฟันแบบใส แบบถอดได้

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS ON BEHALF OF ALINE)–23 กันยายน 2563

Aline แบรนด์น้องใหม่มาแรง การจัดฟันแบบไม่ติดเครื่องมือ ถอดได้ จัดฟันใสไม่แพง ดัดฟันผ่อนได้

มันจะดีแค่ไหนถ้าคุณมีรอยยิ้มที่สวยงามเพราะฟันที่เรียงตัวได้ตามธรรมชาติ? แต่ทว่าทุกคนไม่ได้มีฟันเรียงตัวสวยได้ตามธรรมชาติน่ะสิ!

ปัญหาฟันยื่น ฟันเหยิน ฟันสบไม่พอดี ขากรรไกรผิดรูป ปัญหาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุของรอยยิ้มที่ไม่มั่นใจและปัญหาในช่องปากอื่นๆ ซึ่งในปัจจุบันมีนวัตกรรมมากมายในการทำให้ฟันเราสวยได้ตามที่เราต้องการ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการจัดฟัน หรือที่เรารู้จักกันว่า “การดัดฟัน” ซึ่งมันก็มีหลายประเภท มีทั้งแบบติดเครื่องมือทั่วๆไปและแบบเซรามิค แบบโลหะยึดติด หรือดามอนและแบบไม่ติดเครื่องมือ หรือจัดฟันแบบใสนั่นเอง

วันนี้เราจะมาแนะนำเทคโนโลยีการจัดฟันแบบไม่ต้องติดเครื่องมือน้องใหม่อย่าง “Aline” ที่กำลังมาแรงมากในประเทศเกาหลี ญี่ปุ่นและประเทศไทย ด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ

  • ขั้นตอนที่ 1 ทำการสแกนฟันแบบ 3 มิติจากทันตแพทย์ในเครือ
  • ขั้นตอนที่ 2 รับแผนการรักษาที่เป็นรูปภาพและวิดีโอที่ได้จัดทำขึ้น โดยทีมทันตแพทย์จัดฟันที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี
  • ขั้นตอนที่ 3 อุปกรณ์จัดฟันเพื่อรอยยิ้มพิมพ์ใจจะถูกจัดส่งไปถึงหน้าบ้านของคุณเลย

ใครๆก็มั่นใจในรอยยิ้มได้ ด้วยราคาที่เอื้อมถึง

  • ไม่ต้องเสียเวลาทำนัดเพื่อไปเจอคุณหมอ ไม่ต้องฝ่าการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนนเพื่อไปตามนัดทุกเดือน
  • ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ก็จะได้รอยยิ้มที่ต้องการ
  • ไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือไม่มีใครสังเกตเห็นว่าคุณกำลังจัดฟันอยู่ เพราะเป็นอุปกรณ์ใส ถอดได้
  • จ่ายน้อยกว่าการจัดฟันแบบอื่นๆ และมีราคาถูกถูกกว่าแบรนด์อื่น 60%
  • ถูกสุขอนามัย แถมยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าการจัดฟันแบบอื่นๆ ถึง 50%

จัดฟันใสราคาไม่แพง Aline ทางเลือกใหม่ของการจัดฟัน

การรักษาทางทัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ ถูกสุขอนามัย ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการทำความสะอาดช่องปาก ผลิตจากพลาสติกที่ปราศจากสาร BPA พร้อมทางเลือก 2 ช่องทางเพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็น

  • เลือกชำระเต็มจำนวนครั้งเดียว เพียง 37,000 บาท (ราคานี้ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)
  • ผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิต เพียงเดือนละ 4,200 บาท (ราคานี้ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)

Aline ช่วยคุณได้ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มาซึ่งรอยยิ้ม!

SCG Logistics ใช้แพลตฟอร์มบูรณาการ SnapLogic เพื่อปรับปรุงการประสิทธิภาพกระบวนการ ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลดาต้า และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน

Logo

บริษัทจัดการโลจิสติกส์และการขนส่งชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อมต่อข้อมูล แอปพลิเคชัน และกระบวนการต่าง ๆ ทั่วทั้งองค์กรด้วยการใช้ SnapLogic

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–22 กันยายน 2563

SnapLogic ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแบบผสานรวมอัจฉริยะอันดับ 1 ประกาศในวันนี้ว่า SCG Logistics ได้สร้างมาตรฐานบนแพลตฟอร์มการผสานรวมระบบคลาวด์ชั้นนำของ SnapLogic เพื่อรองรับกระบวนการอัตโนมัติในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและโครงการการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล โดย SCG Logistics ผู้ให้บริการด้านการจัดจำหน่ายและการจัดการการขนส่งชั้นนำของประเทศไทยได้ใช้ SnapLogic เพื่อรวมระบบปฏิบัติการและการวิเคราะห์หลักเข้าไว้ด้วยกันและทำให้กระบวนการที่สำคัญทางธุรกิจเป็นไปโดยอัตโนมัติตลอดทั่วทั้งองค์กร ซึ่งทำให้บริษัทสามารถให้บริการที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้าทั่วโลกได้

SCG Logistics ยกระดับระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ เครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวาง บริการขนส่งและคลังสินค้าที่ดีที่สุด และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อให้บริการที่เหนือชั้นแก่ลูกค้า บริษัทใช้ระบบจัดการคำสั่งซื้อ (OMS หรือ order management system) เพื่อติดตามและจัดการการขาย คำสั่งซื้อ สินค้าคงคลังและการปฏิบัติตามช่องทางต่าง ๆ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการทำธุรกิจกับลูกค้าผ่านแชทบอทและในช่องทางอื่น ๆ นอกจากนี้บริษัทยังรวมระบบภายในของ SCG เข้ากับระบบสำหรับลูกค้าภายนอก ทำให้สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหลของข้อมูลและกระบวนการในห่วงโซ่คุณค่าที่สมบูรณ์ซึ่งขับเคลื่อนความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้บริษัทยังอาศัยการวิเคราะห์ขั้นสูงและข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพซัพพลายเชนและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน

SnapLogic คือกาวที่เชื่อมต่อระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ต่าง ๆ ของ SCG Logistics ซึ่งด้วยการใช้ SnapLogic เป็นระบบฐาน จึงทำให้กระบวนการทางธุรกิจมีความราบรื่นและสามารถทำการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้ ทำให้บริษัทสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรม พัฒนาการส่งมอบบริการและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าได้

แพลตฟอร์มการผสานรวมอัจฉริยะของ SnapLogic ใช้เวิร์กโฟลว์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อทำให้ทุกขั้นตอนของโครงการด้านไอทีทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติ ทั้งด้านการออกแบบ การพัฒนา การปรับใช้ และการบำรุงรักษา ไม่ว่าจะเป็นในสถานที่ทำงาน ในระบบคลาวด์ หรือในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด อินเทอร์เฟซแบบบริการตนเองที่ใช้งานง่ายของแพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้ทั้งผู้เชี่ยวชาญ และ citizen integrators สามารถจัดการการบูรณาการแอปพลิเคชัน ข้อมูล การจัดการ API การบูรณาการ B2B และโครงการวิศวกรรมข้อมูลบนแพลตฟอร์มเดี่ยวที่ปรับขนาดได้ และด้วยการใช้ SnapLogic องค์กรสามารถเชื่อมต่อระบบขององค์กรทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายเพื่อทำให้กระบวนการทางธุรกิจเป็นอัตโนมัติ เร่งการวิเคราะห์ และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง

เกี่ยวกับ SnapLogic

SnapLogic ขับเคลื่อนองค์กรอัตโนมัติ แพลตฟอร์มบูรณาการแบบบริการตนเองที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของบริษัท ช่วยให้องค์กรเชื่อมต่อแอปพลิเคชันและแหล่งข้อมูลทำให้เวิร์กโฟลว์ทั่วไปและกระบวนการทางธุรกิจเป็นไปโดยอัตโนมัติและมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน องค์กรหลายพันแห่งทั่วโลกพึ่งพาแพลตฟอร์ม SnapLogic ในการบูรณาการการทำงานอัตโนมัติและพลิกโฉมธุรกิจของตน เรียนรู้เพิ่มเติมที่ snaplogic.com.

เชื่อมต่อกับ SnapLogic ผ่าน Blog, Twitter, Facebook, หรือ LinkedIn.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200921005931/en/

ติดต่อ:

Scott Behles

SnapLogic

scott.behles@snaplogic.com

+1 415-571-4462

RELX สรุปแนวทางปฏิบัติอย่างมีความรับผิดชอบของอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าที่งานบทบาทของเทคโนโลยี GTNF Role of Technology

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–21 ก.ย. 2563

หัวหน้าฝ่ายกิจการภายทั่วโลกของบริษัทได้เสนอตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมว่า RELX ใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยี นวัตกรรม และการวิจัยเพื่อพัฒนากลไกการป้องกันเยาวชนอย่างมีประสิทธิภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200921005456/en/

Jonathan Ng speaking at the GTNF Innovations on the Horizon panel. (Photo: Business Wire)

Jonathan Ng พูดในงาน GTNF Innovations ในคณะ Horizon (ภาพ: Business Wire)

ในงานยาสูบและนิโคติน Virtual Global Tobacco & Nicotine Forum (GTNF) เมื่อวานนี้ Jonathan Ng หัวหน้าฝ่ายกิจการภายนอกทั่วโลกของ RELX Technology ได้พูดเกี่ยวกับหัวข้อ “นวัตกรรมในอนาคตอันใกล้”  ทางคณะได้สำรวจหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในระดับสากลที่เพิ่มมากขึ้นในฐานะทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับบุหรี่ นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของผู้ใช้ และการป้องกันเยาวชนและการค้าที่ผิดกฎหมาย  GTNF เป็นหนึ่งในฟอรัมยาสูบและนิโคตินชั้นนำของโลก โดยวิทยากรและผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ตัวแทนรัฐบาล นักลงทุน และสมาชิกของอุตสาหกรรมยาสูบและนิโคติน

งาน GTNF ในปีนี้มุ่งเน้นไปที่วิธีที่อุตสาหกรรมสามารถบรรลุการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนผ่านนวัตกรรมและกฎระเบียบโดยตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากสังคมโลกของเราในการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบ

ด้วยเป้าหมายดังกล่าว Mr. Ng อธิบายว่า “นอกเหนือจากการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังมีหลายๆ ด้านที่วิทยาศาสตร์ การวิจัย และเทคโนโลยีสามารถเสริมผลิตภัณฑ์ได้  สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากสำหรับอุตสาหกรรมของเราเนื่องจากเรามุ่งมั่นที่จะรักษาการปฏิบัติและพฤติกรรมทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ

Mr. Ng ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ RELX เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เยาว์จะไม่เสพติดและได้รับการป้องกันจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของตน  RELX ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ป้องกันไม่ให้ผู้เยาว์เข้าถึงผลิตภัณฑ์บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์  ในปี 2562 RELX ได้เปิดตัว RELX i ซึ่งมีฟังก์ชั่นการล็อกระยะไกลที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอุปกรณ์ได้โดยการแตะที่แอพเพื่อป้องกันการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนี้ Mr. Ng ยังระบุว่าในประเทศจีน RELX ได้เปิดตัวระบบ Sunflower System ซึ่งเป็นระบบป้องกันผู้เยาว์รายแรกสำหรับร้านค้า RELX ทั้งหมด  ลูกค้าของร้าน RELX จำเป็นต้องตรวจสอบอายุของพวกเขาผ่านกระบวนการจดจำใบหน้าที่ตรงกับใบหน้าของลูกค้ากับภาพถ่ายบนบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าบรรลุนิติภาวะก่อนการซื้อผลิตภัณฑ์บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์

เพื่อจัดการกับข้อกังวลว่าชื่อผลไม้หรือขนมอาจดึงดูดใจเยาวชนโดยเฉพาะ RELX ได้ตัดสินใจระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมในการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ที่มีความหมายเป็นกลางเช่น Fresh Red และ Mellow Yellow

ในทางเดียวกัน Mr Ng ประกาศว่า RELX กำลังพัฒนาระบบติดตามที่เชื่อมต่อลูกค้า บาร์โค้ดผลิตภัณฑ์และที่ตั้งร้านค้าซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถติดตามผลิตภัณฑ์ไปยังจุดขายได้หากพบว่ามีผู้เยาว์ครอบครองผลิตภัณฑ์ RELX

เกี่ยวกับฟอรัมยาสูบและนิโคตินระดับโลก

Global Tobacco & Nicotine Forum (GTNF) เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์และทิศทางของผู้ก่อตั้งและประธาน Elise Rasmussen  ในเดือนมกราคม 2562 Elise ได้เป็นกรรมการบริหารของ GTNF Trust ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกใหม่ภายใต้การอุปถัมภ์ของสมาคมผู้ค้ายาสูบ Tobacco Merchants Association (TMA) นับตั้งแต่การเปิดตัวในรีโอเดจาเนโรในปี 2551 จนถึงปัจจุบัน GTNF ได้กลายเป็นที่แลกเปลี่ยนมุมมองและแนวคิดระดับโลกระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขตัวแทนรัฐบาล นักลงทุน และสมาชิกของอุตสาหกรรมยาสูบ/นิโคติน

เกี่ยวกับ RELX Technology

ก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม 2561 RELX เป็นแบรนด์บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของเอเชีย  RELX พัฒนาผลิตภัณฑ์บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์อย่างอิสระที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาในเซินเจิ้น ประเทศจีน  ภารกิจของ RELX คือการส่งเสริมฃผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ผ่านเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์และวิทยาศาสตร์อย่างมีจริยธรรม  RELX ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านการวิจัยและพัฒนาการทดสอบ e-liquid และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่  เมื่อไม่นานมานี้ RELX ได้ประกาศการเริ่มดำเนินการที่ห้องปฏิบัติการชีววิทยาศาสตร์ที่จัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อทำการวิจัยอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับผลกระทบของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ผ่านการทดสอบในร่างกายและในหลอดทดลอง รวมทั้งทำการประเมินความปลอดภัยก่อนการรักษาทางคลินิก  บริษัทได้ดึงดูดผู้มีความสามารถระดับโลกจาก Uber, Proctor and Gamble, Huawei, Beats และ L'Oréal  นักลงทุน RELX ได้แก่บริษัทร่วมทุนชั้นนำ Source Code Capital, IDG Capital และ Sequoia Capital

เว็บไซต์: https://relxnow.com
Twitter: @Relxtech
Facebook: @Relxnow
Instagram: relxtech
Linkedin: RELX Technology

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200921005456/en/

ติดต่อ:

Yasha Wolfman
yasha.wolfman@relxtech.com

Aimee Ren
aimee.ren@relxtech.com

ผู้ผลิตชิ้นส่วนนิวเมติกของเกาหลี KCC พร้อมครองเครือข่ายการจัดหาชิ้นส่วนทั่วโลกภายหลังโควิด 19

Logo

โซล เกาหลีใต้–(บิสิเนสไวร์)–21 ก.ย. 2563

รัฐบาลเกาหลีจะใช้นโยบาย 'วัสดุชิ้นส่วนและอุปกรณ์ 2.0' เพื่อกระจายเครือข่ายอุปทานของอุตสาหกรรมการผลิตในยุคหลังโควิด 19  นโยบายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมธุรกิจในประเทศในด้านวัสดุ ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ซึ่งใช้เป็นพื้นฐานสำหรับผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป

ตามนโยบายของรัฐบาล KCC Co., Ltd. ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนนิวเมติกในเกาหลีได้เริ่มดำเนินการตามกลยุทธ์ทางธุรกิจเชิงรุกเพื่อครองตลาดในอนาคตหลังจากการระบาดของโควิด 19

B10 Series ของ KCC สายการผลิตแบตเตอรี่สำรองเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีล้ำสมัยที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองเทรนด์ล่าสุด กระบอกสูบนิวเมติก/ไฮดรอลิก กริปเปอร์ วาล์วนิวเมติก อุปกรณ์ฟอกอากาศนิวเมติก และปั๊มสูญญากาศและแผ่นรอง ฯลฯ ที่รวมอยู่ใน B10 Series เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อช่องแบตเตอรี่สำรองและวัสดุสองขั้ว

ผลิตภัณฑ์หลักของ KCC คือกระบอกสูบนิวเมติก/ไฮดรอลิกที่ใช้กับระบบขนส่ง กริปเปอร์ที่ทำหน้าที่เหมือนนิ้วมนุษย์ วาล์วนิวเมติกโซลินอยด์เพื่อควบคุมการทำงานของแอคชูเอเตอร์โดยการควบคุมอากาศที่ให้มา อุปกรณ์ฟอกอากาศนิวเมติกเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์ด้วยการควบคุมคุณภาพอากาศ และยังเป็นปั๊มสุญญากาศ แผ่นรอง และอุปกรณ์  ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใช้กับสายการขนส่งเครื่องจักรกล อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ หรือโรงงานเหล็กในโรงงานโรงงานผลิตไฟฟ้าและระบบสำหรับการผลิตเหล็ก วิศวกรรม การก่อสร้าง และการผลิตยางรถยนต์

KCC เริ่มจัดหาวัสดุยกเครื่องให้กับ Yeongheung Power Division Units 3 ในปี 2554 จากนั้นได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่ห้องโถงอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าของงาน Seoul International Electric Fair ในปี 2556 และดำเนินโครงการ Management Supporters และโครงการ KOEN World Class – 30 ในปี 2557 และ 2560 ตามลำดับ KCC ยังเข้าร่วมในโครงการที่ส่งเสริมโดย Korea South–East Power  เมื่อเร็วๆ นี้ KCC ได้รับการยอมรับในด้านเทคโนโลยีจากการได้รับเลือกให้เป็น Hi Seoul ซึ่งเป็นแบรนด์บริษัทยอดเยี่ยมแห่งโซลที่ได้รับการรับรองโดยรัฐบาล กรุงโซล และหน่วยงานธุรกิจโซลและเป็น Global Small Giant ในปี 2020 และชนะรางวัล SMEs and Startups Minister’s Award รางวัล Trade, Industry, and Energy Minister’s Award ที่งานรางวัล Korea Precision Industry Technology Awards และ Citation of the Chairman of Korea Packaging Machinery Association

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

KCC Co., Ltd.
Hyojin Kim
+ 82-70-4224-9862
global@kccpr.com

Thai Herald

Thai Herald