All posts by Jasmine

MarcumBP เปลี่ยนชื่อเป็น Marcum Asia CPAs LLP

Logo

  • ชื่อใหม่สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัททั่วทั้งภูมิภาค

นิวยอร์กและปักกิ่ง–(BUSINESS WIRE)–11 ส.ค. 2565

Marcum Bernstein & Pinchuk LLP ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทจะเปลี่ยนชื่อเป็น Marcum Asia CPAs LLP ซึ่งกำลังรอการอนุมัติอยู่ ทั้งนี้การเปลี่ยนชื่อจะสะท้อนถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของงานของบริษัท ณ จุดตัดของตลาดสหรัฐฯ กับตลาดเอเชีย

Drew Bernstein ประธานร่วมของ Marcum Asia กล่าวว่า “การเปลี่ยนชื่อตามแผนของเราสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมากของธุรกิจของบริษัทในการนำเสนอบริการของเรา รอยเท้าตามภูมิศาสตร์ของเรา และทีมงานของเรา “ปัจจุบันนี้เราได้จ้างหนึ่งในทีมผู้ตรวจสอบบัญชีที่ใหญ่ที่สุดของ SEC และ PCAOB ที่มีความรู้ในจีนแผ่นดินใหญ่ เราเพิ่งขยายบริษัทของเราในภูมิภาคนี้ สำนักงานแห่งใหม่ของเราในสิงคโปร์ช่วยเพิ่มการสนับสนุนลูกค้าทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงบริษัทอุตสาหกรรมระดับกลางไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีระดับมูลค่าหลายพันล้าน”

ฐานลูกค้าของ Marcum Asia ครอบคลุมจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ บริษัทให้บริการตรวจสอบและรับรองแก่ทั้งบริษัทภาครัฐและเอกชน ทั้งที่จดทะเบียนหรือเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ Marcum Asia ยังให้บริการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องการตรวจสอบออดิท ซึ่งรวมถึงนโยบายการบัญชีทางเทคนิค Sarbanes-Oxley การควบคุมภายใน การกำกับดูแลกิจการ และการตรวจสอบสถานะทางการเงิน

“ความต้องการใช้บริการตรวจสอบออดิทและให้คำปรึกษาของ Marcum Asia ในจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง” Charles Yin หุ้นส่วนผู้จัดการและ CEO ของ Marcum Asia กล่าว “เราเป็นหนึ่งในบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่มีขนาดและประสบการณ์ในการมอบหมายงานขนาดใหญ่และซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ตามมาตรฐานของคณะกรรมการกำกับดูแลการบัญชีของบริษัทมหาชน ความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับโอกาสในการถูกเพิกถอนการจดทะเบียนของบริษัทที่ผู้สอบบัญชีไม่ได้รับการตรวจสอบจาก PCAOB ได้ก่อให้เกิดความต้องการด้านทักษะและความชำนาญจาก Marcum Asia โดยบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ อย่างท่วมท้น”

Marcum Asia เป็นบริษัทตรวจสอบแบบครบวงจรที่ให้บริการตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบ การทบทวนทางเทคนิค การควบคุมคุณภาพ และการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากบริษัทตรวจสอบบัญชีอื่น ๆ ที่ดำเนินงานในเอเชียภายใต้เครือข่ายบริษัทสมาชิกทั่วโลก

“ตั้งแต่วันแรกของเราที่ประเทศจีน เราตระหนักดีว่าหากเราจะทำการตรวจสอบคุณภาพในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนของจีน การสร้างทีมงานภายในของผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งตั้งอยู่ในตลาดทั้งในสหรัฐอเมริกาและเอเชียจะเป็นสิ่งจำเป็น” Neil Pinchuk, co ประธานของ Marcum Asia “เราได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมควบคุมคุณภาพ การสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถด้านเทคนิคระดับสูง และสร้างเส้นทางการเรียนรู้และวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง ผมภูมิใจในด้านความพร้อมด้านประสบการณ์ แรงผลักดัน และความซื่อสัตย์ที่โดดเด่นของผู้นำรุ่นต่อไปของเรา”

เกี่ยวกับ Marcum Asia CPAs LLP

Marcum Asia CPAs LLP เป็นบริษัทบัญชีสาธารณะอิสระที่เน้นบริการข้ามพรมแดนสำหรับบริษัทภาครัฐและเอกชนในเอเชีย บริษัทซึ่งได้ร่วมทุนกับ Marcum LLP เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการตรวจสอบและรับรองชั้นนำแก่บริษัทในเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ Marcum Asia เป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีเพียงแห่งเดียวที่มีทีม SPAC เฉพาะสำหรับลูกค้าในเอเชีย พร้อมที่จะส่งมอบความเชี่ยวชาญทางเทคนิค ประสิทธิภาพ และความเร่งด่วนที่จำเป็นที่เกี่ยวกับกับด้าน SPAC IPO บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กซิตี้ และมีสำนักงานในเมืองใหญ่ในประเทศจีน รวมถึงปักกิ่ง เทียนจิน เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และหางโจว รวมถึงในสิงคโปร์

เรียนรู้เพิ่มเติม ไปที่ marcumasia.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220804005070/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Rachel Gerber Kule หุ้นส่วนผู้จัดการ Pursuit PR

rachel@pursuitprny.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SMART Modular ประกาศหน่วยความจำ SMART Zefr พร้อมประสิทธิภาพความน่าเชื่อถือสูงเป็นพิเศษสำหรับแอปพลิเคชันที่มีความต้องการการประมวลผลประสิทธิภาพสูง

Logo

SMART Zefr Memory มอบเวลาทำงาน uptime สูงสุดให้กับศูนย์ข้อมูล

นวร์ก, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–9 ส.ค. 2565

SMART Modular Technologies, Inc. (“SMART”) ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ  SGH (Nasdaq: SGH) และผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ โซลิดสเตตไดรฟ์ และผลิตภัณฑ์สตอเรจแบบไฮบริด ประกาศเปิดตัว SMART Zefr™ Memory ซึ่งเป็นกระบวนการที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งกำจัดความไม่เสถียรของหน่วยความจำไปได้มากกว่า 90% และเพิ่มประสิทธิภาพระบบย่อยของหน่วยความจำ สำหรับเวลาทำงาน uptime สูงที่สุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220809005514/en/

Zefr (Zero Failure Rate) Memory goes through a screening process performed by SMART on SMART-built and OEM memory modules to deliver ultra-high reliability for demanding workloads. Conformal coating is one of the processes of SMART's Zefr Memory that ensures high reliability with a 2000-3000 DPPM, among the lowest rates in the industry. (Photo: Business Wire)

หน่วยความจำ Zefr (Zero Failure Rate) ผ่านกระบวนการคัดกรองที่ดำเนินการโดย SMART บนโมดูลหน่วยความจำที่สร้างโดย SMART และ OEM เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือสูงเป็นพิเศษสำหรับปริมาณงานที่เยอะ การเคลือบ conformal coating เป็นหนึ่งในกระบวนการของ Zefr Memory ของ SMART ที่สร้างความเสถียรที่ดีระดับ 2,000-3,000 DPPM ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม (ภาพ: Business Wire)

ความล่าช้าในการเริ่มต้นระบบมักเกิดจากข้อผิดพลาดของหน่วยความจำ ความล้มเหลวเหล่านี้ลดประสิทธิภาพของระบบและอาจนำไปสู่ค่าบำรุงรักษาที่สูงขึ้นและอัตราผลตอบแทนของระบบที่ลดลง ทั้งนี้ SMART Zefr Memory ได้รับการทดสอบภายใต้สภาวะการใช้งานจริงเพื่อระบุหาและกำจัดส่วนประกอบบางส่วนที่อาจบั่นทอนความเสถียรของหน่วยความจำ

SMART Zefr Memory ใช้กระบวนการคัดกรองที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งพัฒนาโดย SMART ซึ่งเมื่อดำเนินการกับโมดูลหน่วยความจำจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงระดับความพร้อมใช้งานและความเสถียรสูงสุดในอุตสาหกรรม SMART Zefr Memory เหมาะอย่างยิ่งสำหรับศูนย์ข้อมูล ไฮเปอร์สเกลเลอร์ แพลตฟอร์มการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชันหน่วยความจำขนาดใหญ่และที่ขึ้นอยู่กับเวลาทำงาน uptime ของลูกค้า

Penguin Solutions ผู้นำด้านระบบ HPC และ AI ใช้ประโยชน์จากหน่วยความจำ SMART Zefr ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ penguin computing สำหรับการพัฒนาระบบ HPC ที่ปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย รวมถึงการป้องกันประเทศ การบินและอวกาศ การวิจัย พลังงาน การเงิน และเทคโนโลยีชีวภาพ พร้อมกับเทคโนโลยีล่าสุด แพลตฟอร์ม HPC ของ Penguin Computing ที่มีความหนาแน่นสูงเป็นหนึ่งในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก ลูกค้าของพวกเขาไม่เพียงเรียกร้องระดับความน่าเชื่อถือสูงสุด แต่ยังคาดหวังระดับความน่าเชื่อถือสูงสุด เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนในการประมวลผลให้สูงที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทนจากการลงทุนให้มากที่สุด

Kevin Deng ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโสของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Penguin Computing HPC อธิบายถึงประโยชน์ของการผสมผสานหน่วยความจำ SMART Zefr ว่า “ด้วยหน่วยความจำ SMART Zefr ระบบ HPC และ AI ของ Penguin Computing ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ผ่านช่วงเกณฑ์การยอมรับอย่างไม่มีที่ติ และทำงานอย่างต่อเนื่อง ในการใช้งานจริงได้อย่างเสถียรสำหรับลูกค้าของเรา สิ่งนี้เทียบเท่ากับโซลูชันที่มีความพร้อมใช้งานสูงและความเสถียรสูงในระบบที่สมบูรณ์ ทำให้สามารถดำเนินงานที่สำคัญต่อภารกิจได้โดยไม่หยุดชะงัก

ด้วยการผสานรวม Zefr Memory ของ SMART นักออกแบบและผู้ใช้ปลายทางจึงมั่นใจได้ว่าประสิทธิภาพการประมวลผลจะดีขึ้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน่วยความจำ SMART Zefr โปรดไปที่หน้าผลิตภัณฑ์และดาวน์โหลดโบรชัวร์ ที่ smartm.com หรือติดต่อทีมขายที่ info@smartm.com

* ตัวอักษร “S” และ “SMART” และ “SMART Modular Technologies” ที่มีสไตล์พิเศษ รวมไปถึง “Zefr” เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Modular Technologies, Inc. ส่วน Penguin Solutions และ Penguin Computing เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Global Holdings, Inc . เครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อ

เกี่ยวกับ SMART Modular Technologies

เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่ SMART Modular Technologies ได้ช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการใช้งานการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านการออกแบบ การพัฒนา และการบรรจุขั้นสูงของโซลูชันหน่วยความจำแบบพิเศษ พอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งของเรามีตั้งแต่เทคโนโลยีล้ำสมัยไปจนถึงผลิตภัณฑ์ DRAM และ Flash แบบมาตรฐานและแบบเดิม เราจัดหาโซลูชันหน่วยความจำและสตอเรจแบบมาตรฐาน ทนทาน และกำหนดเองได้ ที่ตอบสนองความต้องการของแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายในตลาดที่มีการเติบโตสูง

SMART Modular Technologies และ Penguin Computing เป็นบริษัทย่อยของ SMART Global Holdings (SGH) และ Penguin Computing อยู่ในเครือเดียวกับ Penguin Solutions ซึ่งโครงสร้างธุรกิจนี้สนับสนุนการแบ่งปันเทคโนโลยีทั่วทั้งบริษัท SGH

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220809005514/en/

ติดต่อฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์

Arthur Sainio

SMART Modular Technologies

39870 Eureka Dr., Newark, CA 94583

+1 (510) 364-3647

info@smartm.com

ติดต่อสำหรับสื่อ

John Crook

SMART Modular Technologies

ฝ่ายการสื่อสารการตลาด

John.Crook@smartm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Nature Conservancy และ Global Partners จัดสัมมนาเรื่องการปรับปรุงพื้นที่คุ้มครองทางทะเลในการประชุม UN Oceans Conference ด้วยการสนับสนุนจาก Mary Kay Inc.

Logo

การคุ้มครองมหาสมุทรที่แทบจะมีน้อยกว่า 3% ทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเรียกร้องให้มีความพยายามระดับโลกในการปกป้องมหาสมุทรของเราอย่างน้อย 30% โดยมุ่งเน้นในการปรับปรุงการจัดการพื้นที่ที่มีอยู่แทนที่จะส่งเสริมการจัดตั้งการป้องกันใหม่

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–09 สิงหาคม 2565

การประชุม United Nations Ocean Conference 2022 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ณ กรุงลิสบอน สาธารณรัฐโปรตุเกส โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 5,000 คน ซึ่งรวมถึงผู้นำระดับโลก ผู้ประกอบการ เยาวชน อินฟลูเอนเซอร์ และนักวิทยาศาสตร์ การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ค้นหานวัตกรรมและวิธีแก้ปัญหาที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์มหาสมุทรหลายมิติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจับปลามากเกินไป การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย และมลภาวะ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220809005180/en/

The Nature Conservancy logo (Logo: The Nature Conservancy)

โลโก้ของ The Nature Conservancy (โลโก้: The Nature Conservancy)

The Nature Conservancy (TNC) ด้วยการสนับสนุนจาก Mary Kay Inc. ได้จัดงานร่วมกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP), รัฐบาลเอกวาดอร์, มูลนิธิ Jocotoco Foundation, มูลนิธิ Charles Darwin Foundation สำหรับหมู่เกาะกาลาปากอส, Re:wild และสถาบันอนุรักษ์ทางทะเล

TNC และ UNEP เป็นผู้ดูแลงานโดยเน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งของการรับรองคุณภาพพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (MPAs) โดยการเสริมสร้างธรรมาภิบาล การจัดการที่มีประสิทธิภาพ และความมั่นคงและทนทานต่อความเสี่ยงจากภูมิอากาศ และบทบาทสำคัญที่ชุมชน NGOs รัฐบาล องค์กรการกุศล ภาคเอกชน และ cross-sector collaborations มีบทบาทใน MPAs ที่มีประสิทธิภาพ

งานนี้โดดเด่นในการประชุมเนื่องจากเน้นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงการจัดการพื้นที่ที่มีอยู่ แทนที่จะส่งเสริมการจัดตั้งการป้องกันใหม่ เนื่องจากปัจจุบัน MPAs แทบที่จะจัดการน้อยกว่า 3% ประสิทธิภาพของมาตรการป้องกันเหล่านี้จึงจำเป็นต่อการใช้ประโยชน์จากศักยภาพในการอนุรักษ์และการดำรงชีวิต

Dr. Lizzie Mcleod ของ TNC กล่าวว่า “การจัดการที่มีประสิทธิภาพเป็นรากฐานของการบรรลุพันธสัญญา 30×30 ซึ่งเป็นแคมเปญที่จะปกป้อง 30 เปอร์เซ็นต์ของมหาสมุทรโลกภายในปี 2573 ด้วยการสนับสนุนจาก Mary Kay, TNC, UNEP และพันธมิตรรายอื่น ๆ เรากำลังพัฒนาเครื่องมือสำหรับ ผู้จัดการทางทะเลเพื่อปรับปรุงการจัดการทางทะเล สนับสนุนการจัดหาเงินทุนที่ยั่งยืน และแนะนำการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเล ด้วยการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลก ผู้จัดการทางทะเลจะสามารถจัดการกับภัยคุกคามที่สำคัญที่มหาสมุทรของเราเผชิญได้ดียิ่งขึ้น”

“MPAs เป็นกุญแจสำคัญต่อสุขภาพของมหาสมุทรและการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ก็ไม่ได้ผลเสมอไปหากไม่มีการสนับสนุนมากมาย เครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจที่ช่วยให้การออกแบบและการจัดการ MPA ดีขึ้น การแบ่งปันความรู้ และการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางทะเลได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นในการปกป้องมหาสมุทรได้ดียิ่งขึ้น” Ole Vestergaard เจ้าหน้าที่โครงการใน Marine, Coastal & Freshwater Ecosystems Branch of Division for Environmental Policy Implementation ของ UNEP กล่าว

“Mary Kay Ash ผู้ก่อตั้งของ Mary Kay เชื่อว่ามีคนสามประเภทในโลกนี้คือ: คนที่ทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น คนที่เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้น และคนที่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับคนประเภทแรกในการพัฒนาเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นในการปกป้องมหาสมุทรของเราสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป”

หากเราต้องปกป้องและฟื้นฟูบริการระบบนิเวศของมหาสมุทรและชายฝั่ง ตลอดจนฟื้นฟูระบบมหาสมุทรและรักษาความปลอดภัยในการดำรงชีวิตในปัจจุบันและอนาคตของมนุษยชาติ เราต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของพื้นที่คุ้มครองทางทะเลในการบรรลุเป้าหมายการอนุรักษ์และความยั่งยืนควบคู่ไปกับการเร่งให้ครอบคลุม MPA

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy (TNC)

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เรารังสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและภูมิภาค เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP)

UNEP เป็นกระบอกเสียงชั้นนำระดับโลกด้านสิ่งแวดล้อม โดยให้ความเป็นผู้นำและส่งเสริมการเป็นพันธมิตรในการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยการสร้างแรงบันดาลใจ นำเสนอข้อมูล และช่วยให้ประชาชาติและผู้คนสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขาโดยไม่กระทบต่อคนรุ่นอนาคต

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220809005180/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc.
Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

The Nature Conservancy
Misty Edgecomb
Communications Director
medgecomb@tnc.org or 484-343-3223

United Nations Environment Programme
Laura Darby
Communications and Project Management for Innovative Conservation
laura.darby1@un.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย







ห่วงโซ่อุตสาหกรรม EV ในเมืองเกาสงประสบความสำเร็จระดับโลกมากขึ้น

Logo

เมืองเกาสง ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–08 สิงหาคม 2565

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระดับโลกกำลังเติบโตอย่างทวีคูณ เพื่อให้เมืองเกาสงเป็นฐานที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระดับโลก ทั้งนี้ Kaohsiung City Government ได้ร่วมมือกับ Hon Hai Technology Group (Foxconn) เพื่อทำงานร่วมกันในหลายด้าน อย่างเช่น รถโดยสารไฟฟ้าอัจฉริยะและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นสนามทดลองที่นำเสนอรูปแบบธุรกิจและบริการที่ครอบคลุมเพื่อดึงดูดผู้ผลิตทั่วโลกให้มาลงทุนในเมืองเกาสงและสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV industry)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220807005043/en/

In line with the Kaohsiung City Government’s plan to have all public buses run on electricity by 2030, Foxtron Vehicle Technologies delivered the first Model T electric bus to Kaohsiung Bus. (Photo: Business Wire)

ตามแผนของ Kaohsiung City Government ที่จะให้รถโดยสารสาธารณะทั้งหมดใช้ไฟฟ้าภายในปี 2573 โดย Foxtron Vehicle Technologies ได้ส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้ารุ่น Model T คันแรกให้กับ Kaohsiung Bus (ภาพ: Business Wire)

เมื่อเห็นรากฐานที่มั่นคงในวัสดุโลหะและเทคโนโลยีการตกแต่งที่มีความแม่นยำในเมืองเกาสง ซึ่ง Foxconn วางแผนที่จะสร้างระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และห่วงโซ่การผลิตแบตเตอรี่ที่สมบูรณ์ในเมืองทางตอนใต้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะขยายไปสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตั้งแต่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงการผลิตเซลล์และชุดแบตเตอรี่ และระบบกักเก็บพลังงาน นอกจากนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อการผลิตแบตเตอรี่ localize ในทุกจุดของห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่วัตถุดิบต้นน้ำไปจนถึงเซลล์ระดับกลางและชุดแบตเตอรี่ปลายทาง นอกจากนี้เมืองเกาสงยังดึงดูดการลงทุนจากบริษัทต่าง ๆ อย่างเช่น WIN Semiconductors Corp. โรงหล่อชั้นนำของโลกสำหรับเครื่องขยายเสียงและเทคโนโลยี LiDAR สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Molie Quantum Energy Corp ผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำหรับห่วงโซ่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

Foxtron Vehicle Technologies ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Foxconn ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาและผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในอุทยานวิทยาศาตร์เฉียวโถว (Qiaotou Science Park) เพื่อเป็นการปฏิบัติตามแผนของ City Government ที่จะให้รถโดยสารสาธารณะทั้งหมดใช้ไฟฟ้าภายในปี 2573 รถโดยสารไฟฟ้ารุ่น Model T คันแรกได้ถูกส่งไปยัง Kaohsiung Bus อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมปีนี้ โดยมีเป้าหมายเริ่มต้นจำนวน 30 คัน และจะส่งมอบเพิ่มอีกตามความต้องการในการดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมรถโดยสารไฟฟ้าในเมืองเกาสง City Government ได้เพิ่มการสงเคราะห์เงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินงานของรถโดยสารไฟฟ้า และจะสงเคราะห์เงินอุดหนุนการซื้อรถโดยสารไฟฟ้าที่ผลิตในท้องถิ่น โดยให้ทุนสนับสนุนสูงถึง 1.5 ล้านเหรียญไต้หวันต่อคัน  

ในเดือนมิถุนายนปีนี้ Foxconn ประกาศว่าจะลงทุน 6 พันล้านดอลลาร์ไต้หวันเพื่อสร้างศูนย์การวิจัยเซลล์แบตเตอรี่ & แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ (Battery Cell Research & New Product Introduction Center) ใหม่ในสวนอุตสาหกรรม Ho Fa คาดว่าโรงงานจะมีกำลังการผลิต 1GWh สำหรับรถโดยสารไฟฟ้า รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และระบบกักเก็บพลังงานในไตรมาสแรกของปี 2567

เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในท้องถิ่น City Government ยังวางแผนที่จะร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม (Ministry of Transportation and Communications) เพื่อสร้างสถานที่ทดสอบระดับชาติสำหรับรถยนต์ไร้คนขับและยานพาหนะสู่ทุกสิ่ง (Vehicle-to-Everything) ในอุทยานวิทยาศาตร์เฉียวโถว (Qiaotou Science Park) ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร Smart Pole Standard Promotion Alliance จะมีการจัดเตรียมสถานที่สำหรับทดสอบเทคโนโลยี Vehicle-to-Everything การบริการ และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะดึงดูดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมากขึ้นให้ตั้งฐานในพื้นที่และที่คาดว่าจะสร้างใหม่ประมาณ 5,000 โครงงาน เป้าหมายคือการกำหนดรูปแบบเมืองเกาสงให้เป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบและกลายเป็นตัวอย่างสำหรับ “การส่งออกเมืองอัจฉริยะแบบแพ็คเกจ”

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220807005043/en/

ติดต่อ:

INVEST KAOHSIUNG
+886-7-336-0888
https://invest.kcg.gov.tw/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

(China International Import Expo หรือ CIIE) มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5 เอื้อประโยชน์ต่อนานาประเทศในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง

Logo

เซี่ยงไฮ้–(ฺBUSINESS WIRE)–4 ส.ค. 2565

มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China International Import Expo หรือ CIIE) เวทีสำคัญสำหรับการจัดซื้อระหว่างประเทศ การส่งเสริมการลงทุน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการสร้างความร่วมมือที่เปิดกว้าง ประสบความสำเร็จในการจัดงาน 4 ปีติดต่อกัน อีกทั้งยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นสินค้าสาธารณะระหว่างประเทศและระบบการค้าข้ามชาติ ตลอดจนเป็นสื่อกลางสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้างและประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

นับตั้งแต่จัดงานครั้งแรกในปี 2561 มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนได้เติบโตทั้งในแง่ของขนาดและอิทธิพลของงาน โดยพื้นที่จัดแสดงเพิ่มขึ้นจาก 270,000 ตารางเมตรในปี 2561 เป็น 366,000 ตารางเมตรในปี 2564 ด้านผู้จัดแสดงในงาน 4 ครั้งที่ผ่านมาได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และบริการใหม่มากกว่า 1,500 รายการ และบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นคิดเป็นมูลค่ากว่า 2.70 แสนล้านดอลลาร์

ในขณะที่มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนเข้าสู่ปีที่ 5 ประเทศต่าง ๆ ในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ก็ให้ความสนใจตลาดจีนและส่งออกสินค้ามายังจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ   

ในมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนครั้งแรก คุณหม่า อวี้เซี่ย นักธุรกิจหญิงชาวจีนที่อยู่ในอเมริกาใต้ ได้นำตุ๊กตาอัลปากามาบุกตลาดจีน

คุณหม่าและหุ้นส่วนชาวเปรูเช่าบูธเล็ก ๆ ขนาด 9 ตารางเมตรเพื่อจัดแสดงและโปรโมทตุ๊กตาอัลปากา รวมถึงงานหัตถกรรมพื้นบ้านของเปรู นอกจากนั้นยังสร้างแบรนด์ของตัวเองในชื่อวอร์มปากา (Warmpaca)

การออกบูธในครั้งนั้นได้ผลดีอย่างเหลือเชื่อ และหลังจากเข้าร่วมมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน 4 ปีติดต่อกัน ตอนนี้สินค้าของวอร์มปากามีวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้ากว่า 20 แห่งในจีน

จนถึงตอนนี้ พื้นที่จัดแสดงในมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5 ได้ถูกจับจองไปแล้วกว่า 80% โดยบริษัทกว่า 260 แห่งที่ติดอันดับฟอร์จูน โกลบอล 500 (Fortune Global 500) และบรรดาผู้นำอุตสาหกรรมจะเข้าร่วมงานในปีนี้

ขณะเดียวกัน หลายประเทศก็ยืนยันว่าจะเข้าร่วมงานในส่วนจัดแสดงของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ ภายในงานจะมีการเผยแพร่รายงานการเปิดกว้างทั่วโลก (World Openness Report) และดัชนีการเปิดกว้างทั่วโลก (World Openness Index) ในการประชุมเศรษฐกิจนานาชาติหงเฉียว (Hongqiao International Economic Forum) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของงานนี้

เนื่องจากงานนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก พื้นที่จัดแสดงจะถูกจับจองจนหมดในอีกไม่นานนี้ จีงขอเชิญผู้ที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมจัดแสดงในงานก่อนที่จะไม่ทันกาล โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://www.ciie.org/exhibition/f/book/register?locale=en.

ติดต่อ: เนี่ย ฉิงซิน (Nie Qingxin)
โทร: 0086-21-67008870/67008988

งานแสดงสินค้า Korea International Construction & Industrial Safety Expo 2565 จะจัดแสดงนวัตกรรมการก่อสร้างอัจฉริยะและโซลูชั่นความปลอดภัยในอุตสาหกรรมที่ KINTEX ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

Logo

งาน K-Con Safety Expo 2565 เป็นพื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกัน (marketplace) ที่สมบูรณ์แบบสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้างและความปลอดภัยในอุตสาหกรรม จัดแสดงโซลูชั่นอัจฉริยะและอุปกรณ์ความปลอดภัยในที่ทำงานของ LG U+, Bentley Systems, 3M Korea และ GERB

โกยาง สาธารณรัฐเกาหลี–(BUSINESS WIRE)–3 ส.ค. 2565

งานแสดงสินค้า Korea International Construction & Industrial Safety Expo 2022 ซึ่งเป็นที่ที่ผู้เข้าร่วมงานสามารถสัมผัสโลกแห่งโซลูชั่นความปลอดภัยในการก่อสร้างที่ทันสมัยได้ในที่เดียว จะถูกจัดขึ้นที่ KINTEX ในเมืองโกยาง ประเทศเกาหลี ในวันที่ 19 ถึง 21 ตุลาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005060/en/

Korea Int'l Construction and Industrial Safety Expo (K-Con Safety Expo) 2022 Official Poster (Graphic: Business Wire)

โปสเตอร์อย่างเป็นทางการของ Korea Int'l Construction and Industrial Safety Expo (K-Con Safety Expo) 2565 (กราฟิก: Business Wire)

K-Con Safety Expo 2022 ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในด้านพบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกันสำหรับผู้บริหารด้านความปลอดภัยในการก่อสร้าง มาเป็นรุ่นที่สี่แล้ว ด้วยการสนับสนุนจากกระทรวงของรัฐบาลตลอดมา แม้จะเป็นในช่วงที่มีการระบาดของ โควิด-19 ก็ตาม โดย K-Con Safety Expo 2022 มุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับความพยายามทางด้านพื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการและความพยายามด้านการขายของผู้เข้าร่วมงาน ผ่านกิจกรรมที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการสัมนาทางธุรกิจที่หลากหลายขึ้น และเพื่อการนำเสนอโซลูชันแบบบูรณาการเพื่อความปลอดภัยในการก่อสร้างที่สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมทั่วโลก

นอกเหนือจากงานแสดงสินค้าแล้ว ผู้บริหารระดับสูงและผู้มีอำนาจตัดสินใจในอุตสาหกรรมความปลอดภัยในการก่อสร้างของเกาหลีจะเป็นผู้เปิดฟอรั่มการประชุม นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดการประชุมทางธุรกิจออนไลน์ตามกำหนดการแบบตัวต่อตัว โดยร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการค้าการลงทุนของเกาหลี ด้วยความหวังว่าผู้ซื้อจากต่างประเทศจะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับผู้แสดงสินค้าชาวเกาหลีที่มีคุณสมบัติเหมาะสม นอกจากนี้ ยังจะมีคณะผู้แทนจากองค์กรภาครัฐและเอกชนมาเยี่ยมชมงาน อีกด้วย

สิ่งที่คุณจะพลาดไม่ได้เลยคือการได้เห็นเทคโนโลยีล่าสุดในตลาดการก่อสร้างอัจฉริยะ (smart construction market) ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องที่อัตราเฉลี่ยต่อปีที่ 26% ภายในปี 2568 โดยบริษัทก่อสร้างอัจฉริยะและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมรายใหญ่ของเกาหลี ซึ่งรวมไปถึง LG U+, GSIL และ HULAN จะมาเข้าร่วมงานด้วย  งานนี้จะสร้างจุดเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้บริหารความปลอดภัยในการก่อสร้างจากทั่วทุกมุมโลกที่ต้องการสร้างสถานที่ก่อสร้างที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เมื่อคำนึงถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดการก่อสร้างในเอเชีย

บริษัทระดับโลกรายใหญ่จะเข้าร่วมในฐานะผู้แสดงสินค้าโดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานตลาดในเกาหลี อุปกรณ์ความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ 3M ของเกาหลี กับ ระบบควบคุมการสั่นสะเทือนของกลุ่ม GERB ของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมระบบแยกการสั่นสะเทือนระดับโลก และโซลูชั่นการจัดการการก่อสร้างอัจฉริยะของ Bentley Systems ก็จะถูกจัดแสดงเพื่อปูทางเข้าสู่ตลาดเกาหลี อีกด้วย

K-Con Safety Expo 2022 กำลังมองหาผู้แสดงสินค้าและผู้ซื้อจากต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมการประชุมธุรกิจออนไลน์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ(www.k-consafetyexpo.com).

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005060/en/

ติดต่อ:

Naru Kang

KINTEX

+82-(0)31-995-8044

internationalbusiness@kintex.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Midea ขึ้นอันดับที่ 245 ใน Fortune Global 500 ปี 2565 ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการเจาะตลาดต่างประเทศ

Logo

ฝอซาน ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–03 ส.ค. 2565

รายชื่อ Fortune Global 500 ปี 2565 โดย Midea Group ได้รับการจดทะเบียนใน Fortune Global 500 เป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน โดยคราวนี้ได้เลื่อนขึ้นสู่อันดับที่ 245

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005072/en/

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

ในเดือนเมษายนนี้ Midea Group เผยแพร่รายงานประจำปี 2564 – รายได้ของบริษัทต่อปีเพิ่มขึ้น 20.06% ในปี 2564 โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 343.4 พันล้านหยวน

Midea ยึดมั่นในการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ใน “ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี” และเร่งการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

สำหรับธุรกิจ C-suite สมาร์ทโฮมมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์เครื่องใช้และบริการในบ้านอัจฉริยะทั้งบ้านที่ดีที่สุดผ่านการใช้เทคโนโลยี IoT และ AI

สำหรับธุรกิจ B-suite, Midea มุ่งเน้นที่การพัฒนาไม่เพียงแต่ด้านธุรกิจของ ToB เช่น หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีอาคาร การจัดการพลังงาน การเดินทางอัจฉริยะ และ Midea Healthcare แต่ยังพัฒนาต่อยอดการเปลี่ยนแปลงและยกระดับธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัล เช่น Annto Midea Cloud

ในแนวทางนี้ Midea มุ่งที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุดในการปรับปรุงจากบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านให้เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

Midea Industrial Technology ลงทุนในพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ที่มีความแม่นยำสูง และดำเนินการแบรนด์ต่างๆ เช่น GMCC, Welling, HICONICS, SERVOTRONIX เป็นต้น

ด้วยแพลตฟอร์มบริการอาคารดิจิทัล Midea Building Technologies นำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรที่ชาญฉลาด ดิจิทัล และคาร์บอนต่ำ

แผนก Robotics & Automation มุ่งเน้นในการจัดหาโซลูชั่นสำหรับหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบบลอจิสติกส์อัตโนมัติ และระบบส่งกำลังสำหรับสาขาที่เกี่ยวข้องกับโรงงานในอนาคต ตลอดจนโซลูชั่นสำหรับการดูแลสุขภาพ ความบันเทิง การบริโภคใหม่ ฯลฯ

ธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัลให้บริการโซลูชั่นและบริการ สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร

นอกจากนี้ Midea ยังแสวงหาความก้าวหน้าในตลาดต่างประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้ CSP Abu Dhabi ของ COSCO ได้ลงนามในข้อตกลงกับ Midea เกี่ยวกับการก่อสร้างร่วมกันของศูนย์ขนส่งคลังสินค้าในต่างประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ต่างประเทศเข้าถึงผลิตภัณฑ์ Midea ได้ง่ายขึ้น

Midea Group ภูมิใจที่มีครอบครัวพนักงานประมาณ 160,000 คน รวมถึงกว่า 30,000 คนในต่างประเทศ

เกี่ยวกับ Midea Group

Midea Group ยึดมั่นในปรัชญาในการสร้างชีวิตที่ดีขึ้นผ่านเทคโนโลยีนับตั้งแต่ก่อตั้ง 54 ปีที่แล้ว ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา Midea ได้ลงทุนเกือบ 5 หมื่นล้านหยวนในการวิจัยและพัฒนา และมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 35 แห่ง และฐานการผลิตหลัก 35 แห่งทั่วโลก ผู้บริโภค 400 ล้านคนใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของ Midea ในกว่า 200 ประเทศและภูมิภาค

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005072/en/

ติดต่อ:

Lori Luo
+8613512784739
luory17@midea.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch เข้าร่วม Australian Hydrogen Council ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ออสเตรเลีย

Logo

ผู้นำในการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของออสเตรเลีย ในขณะที่ประเทศกำลังเดินหน้าแผนพัฒนาอุตสาหกรรมไฮโดรเจนมูลค่า 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เมืองเมลเบิร์น, ประเทศออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2565

Black & Veatch ได้เข้าร่วม Australian Hydrogen Council (AHC) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพยายามเร่งการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกให้นำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับศูนย์ และเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจพลังงานไฮโดรเจนทั่วโลก

Dr Fiona Simon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AHC กล่าวว่าจุดแข็งอย่างหนึ่งของ AHC คือความกว้างขวางและความลึกซึ้งในกลุ่มสมาชิก ซึ่งรวมถึงบริษัทระดับโลกอย่าง Black & Veatch

Dr Simon กล่าวอีกว่า “ในฐานะที่เป็นผู้นำในการสนับสนุนการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยการเปลี่ยนผ่านสู่ไฮโดรเจน Black & Veatch จะนำความรู้และประสบการณ์เพิ่มเติมมาสู่สมาชิกของเรา และเรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับบริษัทนี้”

Mick Scrivens รองประธานและผู้อำนวยการของ Black & Veatch ประจำภูมิภาคออสเตรเลียแปซิฟิก กล่าวว่า “ไฮโดรเจนและแอมโมเนียจะเป็นปัจจัยสำคัญในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนออกจากระบบพลังงาน ซัพพลายเชน และอุตสาหกรรมหนักของโลก ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างผู้นำด้านวิศวกรรม เช่น Black & Veatch และองค์กรภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น Australian Hydrogen Council จะช่วยให้บรรลุถึงเป้าหมายอันแรงกล้าของออสเตรเลียในการจัดหาแอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับตลาดในประเทศและเอเชีย”

ไฮโดรเจนมีศักยภาพในการลดและทดแทนการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากฟอสซิลเพื่อการผลิตไฟฟ้า ตลอดจนการจัดเก็บพลังงาน การให้ความร้อน การขนส่ง การผลิตสารเคมีและปุ๋ยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ไฮโดรเจนสามารถเปลี่ยนเป็นแอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งผลิตขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียนที่ปราศจากคาร์บอน 100%

แอมโมเนียเป็นสารเคมีเหลวที่ประกอบด้วยไนโตรเจนและไฮโดรเจน มีพลังงานหนาแน่นกว่าไฮโดรเจนบริสุทธิ์ มีความเสถียรอย่างเหลือเชื่อและสามารถทำให้เป็นของเหลวได้ง่ายสำหรับการกักเก็บและจัดส่งไปทั่วโลกในลักษณะเดียวกันกับ LNG

แอมโมเนียสามารถใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อผลิตไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นตัวกลางเพื่อกักเก็บพลังงาน สามารถเผาได้โดยตรงโดยไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน สามารถเป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ หรือ สามารถดัดแปลงให้เปลี่ยนกลับไปเป็นไฮโดรเจนในฐานะตัวนำพลังงานได้

การดัดแปลงโครงสร้างพื้นฐานของ LNG ให้กระจายไปทั่วโลกนั้น สถานีปลายทางที่รับ LNG และโรงกักเก็บ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งแอมโมเนียให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

รายงานเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าในเอเชียในปี 2565 ของ Back & Veatch ระบุว่า 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าไฮโดรเจนจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายใน 10 ปีนับจากนี้ มากกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ

นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าประเทศออสเตรเลียจะมีสัดส่วนของอุปทานแอมโมเนียที่ปราศจากคาร์บอนมากกว่า 10% ทั่วโลกภายในปี 2578

Scrivens กล่าวเพิ่มเติมว่า “Black & Veatch มีประวัติการทำงานยาวนาน 80 ปีในการผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยความเชี่ยวชาญในทุกขั้นตอนของโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านไฮโดรเจน ตั้งแต่บริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและการออกแบบไปจนถึงการดำเนินงาน เรายังคงสนับสนุนโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก ซึ่งรวมถึงโครงการในประเทศออสเตรเลีย”

AHC เป็นหน่วยงานสูงสุดสำหรับอุตสาหกรรมไฮโดรเจนในประเทศออสเตรเลีย โดยมีสมาชิกจากห่วงโซ่คุณค่าด้านไฮโดรเจนทั้งหมด ซึ่งรวมทั้ง ผู้ผลิตยานยนต์ บริษัทพลังงาน ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน องค์กรวิจัย และรัฐบาล

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ:

เกี่ยวกับ Black & Veatch 
Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานร่วมเป็นเจ้าของ 100% โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินงานมากกว่า 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com  และทางโซเชียลมีเดีย ติดตามเราได้ทาง www.bv.com และโซเชียลมีเดีย

ข้อมูลการติดต่อสื่อ
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com 
ฮอตไลน์สำหรับสื่อ 24 ชั่วโมง | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Wejo เข้าร่วมสมาคม MONET Consortium เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมการเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ

Logo

Wejo กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมสมาคมแนวร่วมด้านวัตกรรมการเคลื่อนย้าย

แมนเชสเตอร์ อังกฤษ–(บิสิเนส ไวร์)–29 ก.ค. 2565

Wejo ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชัน Smart Mobility for Good™ และคลาวด์และซอฟต์แวร์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและการขับเคลื่อนอัตโนมัติ ประกาศว่าได้เข้าร่วม MONET Consortium ซึ่งเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันและนวัตกรรมสำหรับบริการด้านการเคลื่อนไหวในญี่ปุ่น  ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ MONET Consortium, Wejo จะมีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทต่างๆ ที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาชิกชั้นนำของอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายเป็นจำนวนหลายร้อยรายเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมการขับเคลื่อนที่และตลาด Mobility-as-a-Service (MaaS) ที่อาจมีมูลค่าค่า 61 พันล้านดอลลาร์ในปี 2573 ตามรายงานของสถาบันวิจัย Yano Research Institute

ด้วยนำเสนอโซลูชั่นที่ก้าวล้ำ Wejo จะให้มุมมองและแนวคิดใหม่ๆ แก่การสนทนาโดยรวม ในขณะที่ขยายอิทธิพลในญี่ปุ่นซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและมีความเป็นเมืองในระดับสูง ทำให้เกิดแรงจูงใจโดยธรรมชาติในการพัฒนานวัตกรรมการสัญจรอัจฉริยะ ตามรายงาน “กลุ่มยานยนต์ในญี่ปุ่น” ของ Statista ญี่ปุ่นยังผลิตรถยนต์ 8.1 ล้านคันต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ Wejo ในการสร้างผลกระทบระดับโลกมากขึ้นด้วยข้อมูลรถยนต์ที่เชื่อมต่อและเทคโนโลยี Smart Mobility for Good™

Richard Barlow ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Wejo กล่าวว่า “ด้วยการเติบโตที่คาดการณ์ไว้ของข้อเสนอ MaaS ในญี่ปุ่น เรามองเห็นศักยภาพของตลาดที่สามารถระบุตำแหน่งได้เกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการ Wejo Smart Mobility for Good เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ MONET Consortium และเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาที่จะช่วยเร่งนวัตกรรมการขับเคลื่อนในญี่ปุ่น”

บริษัทก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม 2562 โดย MONET Technologies, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ได้รับการสนับสนุนร่วมกันระหว่าง SoftBank Corp., Toyota Motor Corporation และบริษัทที่เน้นการเคลื่อนไหวอื่นๆ โดยรวมถึงองค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การก่อสร้าง การเงิน การศึกษา และอสังหาริมทรัพย์   ด้วยการแบ่งประเภทบริษัทสมาชิกนี้ MONET Consortium ใช้ประโยชน์จากความคิดที่หลากหลายซึ่งสามารถปรับปรุงและให้บริการเทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายที่ใช้โดยรัฐบาลและธุรกิจในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนความคิดที่จะพัฒนาสำหรับรัฐบาลและธุรกิจในอนาคต ผ่านการพัฒนาธุรกิจ MaaS โดยคาดหวังถึงโซลูชันอัตโนมัติ MONET Consortium มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนบริการเคลื่อนที่ยุคหน้า แก้ไขปัญหาทางสังคมในการเคลื่อนย้าย และสร้างมูลค่าการเคลื่อนย้าย

บทบาทของ Wejo ใน MONET Consortium คือการเสนอข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรับปรุงระบบนิเวศของการเคลื่อนไหวให้ดีขึ้น เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับการมีส่วนร่วม Wejo หวังที่จะดึงข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าจากบริษัทสมาชิกอื่นๆ เพื่อสร้างชุดผลิตภัณฑ์การวิเคราะห์ข้อมูลแบบองค์รวมมากขึ้น เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ MONET Consortium โปรดไป https://consortium.monet-technologies.com/ที่

เกี่ยวกับ Wejo

Wejo Group Limited เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการวิเคราะห์ระบบคลาวด์และซอฟต์แวร์สำหรับยานยนต์ที่เชื่อมต่อ ไฟฟ้า และขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งปฏิวัติวิถีชีวิต การทำงาน และการเดินทางของเราด้วยการแปลงและตีความข้อมูลรถยนต์ในอดีตและตามเวลาจริง Wejo เปิดใช้งาน Smart Mobility for GoodTM การเคลื่อนย้ายที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วยการจัดจุดข้อมูลนับล้านล้านที่รวบรวมจากยานพาหนะประมาณ 13 ล้านคันและการเดินทาง 76.7 พันล้านครั้งจนถึงปัจจุบันในหลายแบรนด์ ยี่ห้อและรุ่น จากนั้นจึงกำหนดมาตรฐานและปรับปรุงสตรีมข้อมูลเหล่านั้นในขนาดที่กว้างใหญ่  Wejo ร่วมมือกับบริษัทและองค์กรที่มีจริยธรรมและมีแนวคิดคล้ายคลึงกันเพื่อเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่ปลดล็อกคุณค่าสำหรับผู้บริโภค ด้วยข้อมูลที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือที่สุด  Wejo กำลังสร้างโลกที่ชาญฉลาด ปลอดภัยกว่า และยั่งยืนกว่าสำหรับทุกคน  Wejo ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 มีพนักงานมากกว่า 300 คน และมีสำนักงานในแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร และในภูมิภาคที่ Wejo ทำธุรกิจทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: www.wejo.com และติดตามเราบน LinkedIn, Twitter และ Instagram

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า

การสื่อสารนี้มี “ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามกฎหมาย United States Private Securities Litigation Reform Act of 1995  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ลิงก์นี้: https://www. wejo.com/forward-looking-statements

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220729005025/en/

ติดต่อ:

Media:
Ben Hohmann, Wejo
ben.hohmann@wejo.com

Danielle Montana , Peppercomm ในนามของ Wejo
dmontana@peppercomm.com

นักลงทุน:
Tahmin Clarke, Wejo
tahmin.clarke@wejo.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย