OAG เปิดให้มีการเข้าถึงข้อมูลเที่ยวบินตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดการเดินทางผ่านแพลตฟอร์มข้อมูลอเนกประสงค์

Logo

ข้อมูลเที่ยวบินและการเดินทางแบบองค์รวมจะทำให้สามารถมองเห็นประสบการณ์ของผู้โดยสารทั้งหมด รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าที่หาจากที่ไหนไม่ได้ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–19 กรกฎาคม 2565

OAG ผู้ให้บริการข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกด้านการเดินทางชั้นนำของโลก ประกาศว่าได้เผยแพร่ข้อมูลสถานะเที่ยวบินในโซลูชัน Flight Info Direct ของตนซึ่งเปิดให้มีการเข้าถึงข้อมูลเที่ยวบินตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดการเดินทางได้แบบทันที โซลูชัน Flight Info Direct ซึ่งขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์มข้อมูล OAG Metis ที่ทำงานบน Snowflake ให้การเข้าถึงฐานข้อมูลที่มีมูลค่าสูงของ OAG แบบทันที ประกอบด้วย ข้อมูลตารางการบินของสายการบินทั่วโลก ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และข้อมูลการต่อเที่ยวบิน การเผยแพร่ข้อมูลสถานะเที่ยวบินซึ่งเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะช่วยให้ลูกค้าสามารถดูเที่ยวบินได้อย่างต่อเนื่องลื่นไหล ตั้งแต่ตารางที่กำหนดไว้ไปจนถึงเวลาลงจอด ณ จุดหมายปลายทาง

จากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของข้อมูลเชิงลึกที่มีมูลค่าสูงและข้อมูลด้านการให้บริการ การสามารถดูข้อมูลเที่ยวบินได้พร้อมกันในครั้งเดียวจากการเข้าถึง การบูรณาการ และการรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เข้าด้วยกันจะทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ทางธุรกิจที่มีคุณค่าและมีประสิทธิภาพ เช่น การกำจัดกำแพงข้อมูลของระบบที่มีความล้าสมัย การให้ข้อมูลการเดินทางแบบครบวงจร และแก้ปัญหาด้านการไกล่เกลี่ยและปัญหาด้านคุณภาพ

Phil Callow ซีอีโอของ OAG กล่าวว่า “โซลูชันที่มีการปรับให้ทำงานเร็วขึ้นของเราและความเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Snowflake และ Microsoft Azure ทำให้เราเป็นพาร์ทเนอร์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าก้าวข้ามระบบเทคโนโลยีที่มีความล้าสมัยและซับซ้อน โอกาสที่เกิดจากข้อมูลในทั้งระบบนิเวศการเดินทาง ทั้งการค้นหาและการจอง การต้อนรับ การชำระเงิน รวมถึงการค้าปลีกและอื่น ๆ นั้นมากมายมหาศาล แพลตฟอร์มข้อมูลบนระบบคลาวด์ซึ่งมีความอเนกประสงค์ของเราเชื่อมทั้งระบบนิเวศนี้เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ และผ่านมุมมองเพียงหนึ่งเดียว เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราเติบโต ปรับปรุงการให้บริการให้ทันสมัย และทำงานที่มีปริมาณมากได้อย่างยืดหยุ่น”

การเผยแพร่ข้อมูลบนแพลตฟอร์มที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้เป็นวิวัฒนาการล่าสุดของเส้นทางการเติบโตของผลิตภัณฑ์จาก OAG เพื่อเชื่อมระบบนิเวศและตลาดกับข้อมูลที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นรวมถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

Callow เสริมว่า “เรากำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ไปข้างหน้าโดยเปิดให้มีการเข้าถึงข้อมูลการเดินทางคุณภาพสูงอย่างไม่ติดขัด การสามารถดูข้อมูลแบบองค์รวมของเที่ยวบินด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่มีตอนนี้ได้คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการดูข้อมูลจากตารางแบบเก่าและการแยกแสดงสถานะแบบในอดีต”

OAG มีลูกค้าอยู่ในทั้งระบบนิเวศการเดินทางและฝังอยู่ในเครื่องมือการจอง แอปด้านการเดินทางและธุรกิจต้อนรับต่าง ๆ แอปสายการบิน ตัวแทนด้านการเดินทางที่ให้บริการแบบออนไลน์ เครื่องมือสืบค้นข้อมูลเมตา เครื่องมือสืบค้นข้อมูล และแอปติดตามเที่ยวบินอีกมากมาย

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลสถานะเที่ยวบินที่ https://www.oag.com/status-direct

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่เสริมสร้างการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ ปี 2472 OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร มีการดำเนินงานทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และลิทัวเนีย เยี่ยมชม www.oag.com และติดตามเราทาง Twitter ที่ @OAG Aviation

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220719005065/en/

ติดต่อสื่อ: 
Glenn Simpson – Harvard ตัวแทนของ OAG 
pressoffice@oag.com 

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Boomi คว้ารางวัล Best CEOs for Diversity และ Best Company for Career Growth ติด 50 อันดับแรกในประเภทบริษัทที่ใหญ่ที่สุด

Logo

  • David Meredith คว้ารางวัล Best CEOs for Diversity เป็นปีที่สองติดต่อกัน; เข้าร่วมกับผู้ได้รับรางวัลซีอีโอที่ติดอันดับปี 2022 จาก Microsoft และ Adobe
  • รางวัลดังกล่าวเป็นไปตามธุรกรรมมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อมาเป็นบริษัทแบบ standalone และการแต่งตั้งผู้นำเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการมุ่งเน้นระดับโลกในการว่าจ้างสมาชิกทีม Boomi ใหม่หลายร้อยคน เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้าอย่างรวดเร็วของบริษัท

เชสเตอร์บรูค เพนซิลเวเนีย–(BUSINESS WIRE)–19 กรกฎาคม 2022

BoomiTM ผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ในวันนี้คว้าสองรางวัลจาก Comparably แพลตฟอร์มด้านวัฒนธรรมในสถานที่ทำงานและชื่อเสียงของแบรนด์องค์กรชั้นนำ ในประเภทบริษัทที่ใหญ่ที่สุดพร้อมกับผู้ได้รับรางวัลรายอื่น ๆ ในปี 2022 อย่างเช่น Microsoft, Adobe, IBM, Uber, Uber และ SADA ซึ่งได้รับเกียรติจากรางวัล Best CEOs for Diversity และ Best Company for Career Growth อ้างอิงจากผลตอบรับของพนักงานที่ไม่เปิดเผยตัวจากพนักงานทั่วโลกมากกว่า 1,700 คน Boomi ติด 50 อันดับแรกของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดสำหรับความมุ่งมั่นและความสำเร็จในด้านความหลากหลายและความก้าวหน้าในอาชีพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220719005282/en/

Boomi Wins Comparably Awards for Best CEOs for Diversity and Best Company for Career Growth in Largest Company Category (Graphic: Business Wire)

Boomi คว้ารางวัลจาก Comparably สำหรับ Best CEOs for Diversity และ Best Company for Career Growth ในประเภทบริษัทที่ใหญ่ที่สุด (กราฟิก: Business Wire)

“ที่ Comparably เราให้รางวัลที่โปร่งใสในสถานที่ทำงาน” Jason Nazar ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Comparably กล่าว “รางวัลเหล่านี้ช่วยให้พนักงานสามารถแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกส่วนตัวเกี่ยวกับวัฒนธรรมของบริษัท ซึ่งให้รางวัลและเน้นย้ำถึงบริษัทอย่าง Boomi ที่ทำงานได้อย่างโดดเด่นและจัดเตรียมพนักงานให้ประสบความสำเร็จ”

Comparably คัดเลือกผู้ชนะด้วยการประเมินการให้คะแนนของพนักงานที่ไม่เปิดเผยตัวตนกว่า 15 ล้านคนจากบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 70,000 แห่ง พนักงานของ Boomi จัดอันดับโอกาสในการพัฒนาทางวิชาชีพ อย่างเช่น ความก้าวหน้าในอาชีพที่มีเป้าหมาย การให้คำปรึกษา และผลตอบรับที่มีคุณค่าในระดับที่สูง ซึ่งนำไปสู่การเป็นที่ยอมรับของ Boomi ท่ามกลางรางวัล Best Companies for Career Growth ในการมอบรางวัล Best CEOs for Diversity แก่ Boomi โดย Comparably ประเมินการให้คะแนนของ Meredith จากพนักงาน Boomi รางวัลแห่งปี 2022 สำหรับ Meredith ถือเป็นปีที่สองติดต่อกันที่ได้รับตำแหน่งที่สำคัญนี้

“ในฐานะบริษัทให้บริการด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) ระดับโลกที่เป็นผู้นำด้านธุรกิจและมีการเติบโตสูง Boomi มุ่งมั่นที่จะสร้างและรักษาประสบการณ์ของพนักงานระดับโลก” Shawn Maurice ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ Boomi กล่าว “เราดำเนินชีวิตตามคติพจน์ที่ว่า ‘การจ้างคนดี’ และค่านิยมหลักที่เป็นเอกลักษณ์ของเราคือ Go Beyond, Play for Each Other, Create Awesome Things, Own It, and Build Trust ในที่สุดความสำเร็จของ Boomi อยู่ในมือของสมาชิกในทีมของเรา และเราให้ความสำคัญกับการสร้างและดูแลสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการพัฒนาและความเป็นอยู่ที่ดี ตลอดจนส่งเสริมให้พวกเขากล้าแสดงออกและค้นหาแนวทางแก้ไขปัญหาใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์เพื่อรับมือกับความท้าทาย รางวัลเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันถึงวัฒนธรรมของบริษัทที่โด่งดังของ Boomi ในขณะที่เรายังคงลงทุนในบุคลากรของเราต่อไป”

ในฐานะผู้บุกเบิกและผู้นำธุรกิจของการให้บริการแพลตฟอร์มบูรณาการ (iPaaS) แบบ cloud-native เมื่อเร็ว ๆ นี้ Boomi มีลูกค้ามากกว่า 20,000 ราย ซึ่งสร้างสถิติอุตสาหกรรมสำหรับฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่าย iPaaS บริษัทมีชุมชนผู้ใช้ที่กำลังเติบโตซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 100,000 ราย เครือข่ายทั่วโลกที่มีพันธมิตรมากกว่า 800 ราย และหนึ่งในอาเรย์ที่ใหญ่ที่สุดของผู้รวมระบบ (GSIs) ระดับโลกในด้าน iPaaS แพลตฟอร์มแบบ low-code ของ Boomi ช่วยให้องค์กรในทุกอุตสาหกรรมเชื่อมต่อแอปพลิเคชันข้อมูล ปรับปรุงประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์ และมอบประสบการณ์ลูกค้าแบบบูรณาการมากขึ้น

Boomi ได้รับตำแหน่งผู้นำใน Gartner® Magic Quadrant™ สำหรับ Enterprise Integration Platform as a Service (EiPaaS) เป็นเวลาแปดปีติดต่อกัน

บริษัทเพิ่งได้รับรางวัล Gold Globee® Award ในประเภท Platform as a Service (PaaS) และได้รับรางวัลมากมายสำหรับการเป็นนายจ้างที่ได้รับเลือก รวมถึงการได้รับรายชื่อล่าสุดว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดของนิตยสาร Inc. Magazine

สำหรับรายชื่อตำแหน่งงานที่เปิดรับในทีม Boomi ดูรายละเอียดได้ที่ careers page บนเว็บไซต์ Boomi

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบของ Gartner:

Gartner, Magic Quadrant for Enterprise Integration Platform as a Service, Eric Thoo, Keith Guttridge, Bindi Bhullar, Shameen Pillai, Abhishek Singh, 29 กันยายน 2021

Gartner ไม่รับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใด ๆ ที่ปรากฎในเอกสารการวิจัย และไม่แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้ขายที่มีคะแนนสูงสุดหรือกำหนดตำแหน่งอื่น ๆ สิ่งพิมพ์วิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ปฏิเสธการรับประกันทั้งหมด ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย ในส่วนที่เกี่ยวกับการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันความสามารถในการซื้อขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ GARTNER และ Magic Quadrant เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและเครื่องหมายบริการของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และได้รับอนุญาตให้ใช้ในที่นี้ สงวนลิขสิทธิ์ หมายเหตุ: Boomi เป็นที่รู้จักในชื่อ Dell Boomi ตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2019

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi เชื่อมต่อทุกคนกับทุกสิ่งและทุกที่โดยทันทีทันใดด้วยแพลตฟอร์มแบบ cloud-native ที่รวมเป็นหนึ่งเดียว เปิดกว้าง และชาญฉลาด การให้บริการแพลตฟอร์มบูรณาการ (iPaaS) ของ Boomi ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 20,000 รายทั่วโลกในด้านความเร็ว ความสะดวกในการใช้งาน และต้นทุนรวมที่ลดลงในการเป็นเจ้าของ ในฐานะผู้บุกเบิกการขับเคลื่อนการใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาด วิสัยทัศน์ของ Boomi คือการทำให้ลูกค้าและพันธมิตรสามารถค้นหา จัดการ และประสานข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ในขณะที่เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.boomi.com

เกี่ยวกับ Comparably

Comparably เป็นแพลตฟอร์มวัฒนธรรมสถานที่ทำงานและชื่อเสียงของแบรนด์องค์กรชั้นนำที่มีการจัดอันดับพนักงานที่ไม่เปิดเผยตัวตนมากกว่า 15 ล้านคนจากบริษัท 70,000 แห่ง ด้วยข้อมูลที่ครอบคลุมมากที่สุดในองค์กรขนาดใหญ่และ SMB ในเกือบ 20 ประเภทสถานที่ทำงานที่แตกต่างกัน อ้างอิงตามเพศ เชื้อชาติ อายุ ประสบการณ์ อุตสาหกรรม สถานที่ การศึกษา ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม SaaS ที่ใช้มากที่สุดสำหรับการสร้างแบรนด์นายจ้างและเว็บไซด์บุคคลที่สามที่เชื่อถือได้ สำหรับวัฒนธรรมสถานที่ทำงานและค่าตอบแทน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาของ Comparably และรางวัล Best Places to Work ประจำปี ดูรายละเอียดได้ที่ Comparably News

เกี่ยวกับ Comparably Awards

Comparably Awards เป็นงานประจำปีที่เน้นถึงบริษัทและซีอีโอที่โดดเด่นที่สุดใน 16 ประเภทวัฒนธรรมในที่ทำงานที่แตกต่างกันตลอดทั้งปี นับตั้งแต่เปิดตัวในปลายปี 2017 รางวัลดังกล่าวได้มาจากความคิดเห็นด้านความเชื่อมั่นจากพนักงานปัจจุบันที่ให้คะแนนนายจ้างโดยไม่เปิดเผยตัวตนบน Comparably.com ในช่วงระยะเวลาย้อนกลับไป 12 เดือน พนักงานสามารถตอบคำถามแบบมีโครงสร้าง (ใช่/ไม่ใช่ จริง/เท็จ มาตราส่วน 1-10 และรูปแบบตัวเลือกหลายตัวเลือก) ซึ่งครอบคลุมหัวข้อสถานที่ทำงาน 16 หัวข้อ แต่ละคำตอบจะได้รับคะแนนเป็นตัวเลขและเปรียบเทียบกับบริษัทที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ชุดข้อมูลสุดท้ายของผู้ชนะรวบรวมจากการจัดอันดับกว่า 15 ล้านคนจากบริษัท 70,000 แห่ง

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220719005282/en/

ติดต่อ:

สื่อ:
Kristen Walker
Global Corporate Communications
kristenwalker@boomi.com
+1-415-613-8320

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Peoplecare เลือก Boomi และ Atturra เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสมาชิกเพื่อประสบการณ์กองทุนสุขภาพส่วนบุคคล

Logo

บริษัทประกันสุขภาพของออสเตรเลียจะเข้ามาช่วยเพิ่มการปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละร้าย คุณค่าของการเป็นสมาชิก และสนับสนุนการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางธุรกิจด้วยกรอบข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน

เชสเตอร์บรูค, เพนซิลเวเนีย–(BUSINESS WIRE)–18 ก.ค. 2565

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่อและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ประกาศในวันนี้ว่า Peoplecare กองทุนรวมประกันสุขภาพของออสเตรเลีย ได้นำแพลตฟอร์ม The Boomi AtomSphere™ มาใช้ เพื่อมอบประสบการณ์สมาชิกที่ดีขึ้นและการประกันสุขภาพส่วนบุคคลที่ดีขึ้น ด้วยข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน ถูกต้อง และเข้าถึงได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220718005014/en/

Australian Health Insurer Chooses Boomi and Atturra To Provide Personalized Health Experiences (Graphic: Business Wire)

บริษัทประกันสุขภาพของออสเตรเลียเลือก Boomi และ Atturra เพื่อมอบประสบการณ์ด้านสุขภาพเฉพาะบุคคล (กราฟิก: Business Wire)

“เราภาคภูมิใจในการทำให้การประกันสุขภาพเป็นเรื่องง่ายและให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่า เพื่อทำให้แน่ใจว่าสมาชิกของเราจะได้รับความคุ้มครองสูงที่สุด วิธีการสื่อสารแบบเดิมของเรามีศูนย์กลางอยู่ที่การที่สมาชิกโทรเข้ามาที่ศูนย์ติดต่อของเรา อย่างไรก็ตาม ชาวออสเตรเลียทุกวันนี้มีความชำนาญด้านเทคโนโลยีและต้องการประสบการณ์แบบทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือ omni-channel บนแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ต่าง ๆ” Joanne Williams หัวหน้าฝ่ายโซลูชันระดับองค์กรของ Peoplecare กล่าว “เราเลือก Boomi เพื่อช่วยเปิดการใช้งานบริการตนเองแบบดิจิทัลใหม่ ๆ ในขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับศูนย์ติดต่อที่มีอยู่ของเราสำหรับผู้ที่ยังคงต้องการพูดคุยกับพนักงาน Boomi ช่วยเราปลดล็อกจุดบอดของเรา ซึ่งช่วยให้เราจัดรูปแบบการสื่อสารที่เป็นส่วนตัวและเป็นแนวเชิงรุกให้กับสมาชิกของเราในด้านที่เกี่ยวกับนโยบายประกันของพวกเขา”

Peoplecare ซึ่งเป็นองค์กรที่สมาชิกเป็นเจ้าของและไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งจัดตั้งตั้งแต่ปี 2495 โดยให้บริการประกันสุขภาพส่วนตัวแก่ชาวออสเตรเลีย แต่เดิมเป็นกองทุนสุขภาพสำหรับ John Lysaght Australia บริษัทในปัจจุบันได้ขยายไปสู่การประกันสุขภาพในฐานะกองทุนแบบเปิดในปี 2549 ในปีที่ผ่านมา Peoplecare ปรับโครงสร้างใหม่ โดยเริ่มต้นความคิดริเริ่มในการปรับปรุงให้ทันสมัยเพื่อลดความซับซ้อนของสถาปัตยกรรมไอทีและเพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิก 33,000 คนได้ดียิ่งขึ้น

เพื่อรวมศูนย์ข้อมูลและสร้างสภาพแวดล้อมไอทีที่สามารถมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว รวมถึงการรับรองว่าสมาชิกจะได้รับความคุ้มค่าสูงสุดด้วยนโยบายที่ตอบโจทย์ Peoplecare ได้เลือกแพลตฟอร์มการรวมระบบคลาวด์เนทีฟของ Boomi หรือ  integration platform as a service (iPaaS) มาเพื่อใช้รวมระบบที่สำคัญต่อธุรกิจ ประวัติของกองทุนที่สั่งสมมากมาย และแอปพลิเคชันระบบคลาวด์ทั่วทั้งกิจการ

ด้วยการที่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดได้ผ่านแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ ทำให้ตอนนี้ Peoplecare สามารถแสดงข้อมูลสมาชิกจำนวนมากขึ้น พร้อมใช้งานบนแอพมือถือของสมาชิกและตัวแทนศูนย์ติดต่อ 140 รายในแบบเรียลไทม์ได้ นอกจากนี้ ประโยชน์ยังรวมไปถึงด้านการกำกับดูแลและการปฏิบัติตามโซลูชันที่ช่วยให้ Peoplecare ปฏิบัติตามมาตรฐาน CPS 234 ของ Australian Prudential Regulation Authority (APRA) ได้

Williams กล่าวว่าในที่สุด Peoplecare ก็เลือก Boomi เนื่องจากความสามารถในการทำลายกำแพงการทำงานที่แยกขาดจากกันของข้อมูลได้อย่างง่ายดายด้วยอินเทอร์เฟซผู้ใช้แบบลากและวางที่เรียบง่ายซึ่งแสดงภาพการโฟลว์ของกระบวนการ ด้วยขอบเขตด้านไอทีที่จำกัดของบริษัท Peoplecare จึงต้องการโซลูชันที่จะสนับสนุนการรวมพลเมืองภายในองค์กรและหาพันธมิตรสำหรับการติดตั้งใช้งาน

Boomi ได้แนะนำ Peoplecare ให้กับ Atturra ผู้ให้บริการด้านไอทีที่เชื่อถือได้ เพื่อสนับสนุนการใช้งานแพลตฟอร์ม Boomi AtomSphere และสร้างมาตรฐานสำหรับแนวทางปฏิบัติในการผสานรวม

“Peoplecare ต้องการโซลูชันและคู่หูพันธมิตรที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของบริษัท” Jason Frost ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริหารของ Atturra Data and Integration กล่าว “ด้วยประสบการณ์ที่เอื้อให้ลูกค้า FSI ทั่วประเทศออสเตรเลียและความสัมพันธ์แน่แฟ้นกับ Boomi  เราเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเสนอสถาปนิกด้านโซลูชันเพื่อทำงานภายในบริษัท ซึ่งสอดรับกับทีม Peoplecare ได้อย่างดีสำหรับการเปิดตัวครั้งแรก เรากำลังช่วย Williams  และทีมของเธอในการจัดการแบบที่ได้ผลตั้งแต่เริ่มต้น โดยสร้างเฟรมเวิร์กข้อมูลแบบรวมศูนย์ทีเดียว แทนที่จะเป็นแบบจุดต่อจุด”

Nathan Gower หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (A/NZ) ของ Boomi กล่าวว่า “ชาวออสเตรเลียให้ความสำคัญกับบริการด้านสุขภาพและความต้องการของตนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งให้มากกว่าที่ Medicare มอบให้” “ด้วยทางเลือกด้านสุขภาพของภาคเอกชนมากมายในตลาด กองทุนประกันสุขภาพจำเป็นต้องหาวิธีที่จะแข่งขัน ด้วยการขจัดปัญหาคอขวดในการดำเนินงานกองทุนสุขภาพที่มีการจัดการและร่วมกันที่ซับซ้อนของบริษัท ทำให้ Peoplecare สามารถให้ข้อมูลพร้อมใช้งานแก่สมาชิกมากขึ้น โดยให้บริการที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น และการให้ความสำคัญกับช่วงเวลาในการเดินทางด้านสุขภาพของสมาชิก”

Boomi ได้รับตำแหน่งผู้นำใน Gartner® Magic Quadrant™ สำหรับ Enterprise Integration Platform as a Service (EiPaaS) แปดปีซ้อน

ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านซอฟต์แวร์ระดับโลก (SaaS) ที่มีลูกค้ามากกว่า 20,000 รายo  Boomi โน้มน้าวชุมชนผู้ใช้ที่กำลังเติบโต ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 100,000 คน และเป็นเครือข่ายทั่วโลกที่มี พันธมิตรกว่า 800 ราย และหนึ่งผู้รวมระบบทั่วโลก (GSI) ที่ใหญ่ที่สุดในด้าน  iPaaS ที่เพิ่งได้รับรางวัล Gold Globee® Award ในหมวด Platform as a Service (PaaS) และได้รับการจัดอันดับอันทรงเกียรติ ระดับห้าดาว ใน CRN Partner Program Guide ซึ่งเป็นรายการสรุปของโปรแกรมพันธมิตรที่โดดเด่นที่สุดจากผู้จำหน่ายเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและบริการที่ยืดหยุ่นผ่านช่องทางไอที ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม Cloud-native แบบ low-code ของ Boomi ช่วยให้องค์กรในทุกอุตสาหกรรมเชื่อมต่อแอปพลิเคชันข้อมูล ปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ และมอบประสบการณ์ลูกค้าแบบบูรณาการมากขึ้น

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อจำกัดความรับผิดชอบของ Gartner:

Gartner, Magic Quadrant สำหรับแพลตฟอร์ม Enterprise Integration Platform, Eric Thoo, Keith Guttridge, Bindi Bhullar, Shameen Pillai, Abhishek Singh, 29 กันยายน 2564

Gartner ไม่รับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใด ๆ ที่ปรากฎในเอกสารการวิจัย และไม่แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้ขายที่มีคะแนนสูงสุดหรือที่ได้ตำแหน่งอื่น ๆ สิ่งพิมพ์วิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ปฏิเสธการรับประกันทั้งหมด ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยในส่วนที่เกี่ยวกับการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความสามารถในการซื้อขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ โดย GARTNER และ Magic Quadrant เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและเครื่องหมายบริการของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และได้รับอนุญาตให้ใช้ในที่นี้ สงวนลิขสิทธิ์ หมายเหตุ: Boomi เคยรู้จักในชื่อ Dell Boomi ตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2562

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi เชื่อมต่อทุกคนกับทุกสิ่งในทันที ทุกที่ ด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์เนทีฟอันเป็นหนึ่งเดียว เปิดกว้าง และชาญฉลาด แพลตฟอร์มบูรณาการของ Boomi ในฐานะบริการ (iPaaS) ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 20,000 รายทั่วโลกในด้านความเร็ว ความสะดวกในการใช้งาน และต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของที่ต่ำลง ในฐานะผู้บุกเบิกการขับเคลื่อนการใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาด วิสัยทัศน์ของ Boomi คือการทำให้ลูกค้าและคู่ค้าสามารถค้นหา จัดการ และประสานข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายในขณะที่เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.boomi.com

© 2022 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B', Boomiverse และ AtomSphere เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทในเครือหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์. ชื่อหรือเครื่องหมายอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220718005014/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Boomi Australia

boomi@watterson.com.au

Kristen Walker

ฝ่ายสื่อสารองค์กรระดับโลก

kristenwalker@boomi.com

+1-415-613-8320

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Academy of Marketing Science ของ Mary Kay ได้มอบรางวัลปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิตในการประชุมประจำปี 2022

Logo

นักศึกษาระดับปริญญาเอกจะได้รับทุนสนับสนุนจาก Mary Kay-Sponsored Doctoral Dissertation Awards เพื่อสานต่อเป้าหมายทางวิชาชีพและการศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการตลาด

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–19 ก.ค. 2022

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำด้านการเสริมสร้างพลังและการเป็นผู้ประกอบการของสตรีให้การสนับสนุนด้านการศึกษาและการวิจัยเชิงวิชาการมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ ด้วยการประกาศผู้ชนะรางวัล Mary Kay Doctoral Dissertation and Doctoral Dissertation Proposal Awards ในปี 2022 ที่ Academy of การประชุมประจำปี Marketing Science (AMS) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 พฤษภาคม ในเมืองมอนเทอเรย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย  เป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้วที่บริษัทด้านความงามระดับโลกได้มอบทุนประจำปีเหล่านี้แก่ผู้สมัครระดับปริญญาเอกด้านการตลาด โดยเปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงวิทยานิพนธ์ที่ได้รับการปกป้องอย่างประสบความสำเร็จต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน ผู้ชนะจะพิจารณาจากการนำเสนอครั้งสุดท้ายในการประชุมประจำปี AMS

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220718005732/en/

Mary Kay Dissertation and Dissertation Proposal Award winners announced at 2022 Academy of Marketing Science annual conference. (Graphic: Mary Kay Inc.)

ผู้ชนะรางวัลวิทยานิพนธ์และวิทยานิพนธ์ของ Mary Kay ประกาศในการประชุมประจำปีของ Academy of Marketing Science ปี 2022 (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

ผลงานที่ส่งเข้ามาเปิดรับนักศึกษาระดับปริญญาเอกที่ครอบคลุมหัวข้อ วิธีการ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการตลาดทั่วโลก ผู้เข้ารอบสุดท้ายของ 2022 Mary Kay Doctoral Dissertation and Doctoral Dissertation Proposal Award ได้แก่:

รางวัลการนำเสนอปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิตของ Mary Kay ผู้เข้ารอบสุดท้าย

  • ผู้ชนะเลิศ – Ali Anwar, PhD Candidate, Wilfrid Laurier University (Canada) – “Sales Enablement in Young Ventures: Essays on the Role of Resilience and Internal Social Capital in coping with Adverse Disruptions”
  • รองชนะเลิศอันดับ 1 – Alexander Fulmer, PhD Candidate, Yale University – Questioning the Intuitive Preference for Intentionality”
  • รองชนะเลิศอันดับ 2 – Jen Riley, PhD Candidate, Kennesaw State University – “Evaluating the Impact of Sales Technology on Professional Sales: An Analysis of Social Selling Effectiveness”

รางวัลปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิตของ Mary Kay ผู้เข้ารอบสุดท้ายปี 2022

  • ผู้ชนะเลิศ – Ishita Chakraborty, PhD, Yale University – “Attribute Sentiment Scoring with Online Text Reviews: Accounting for Language Structure and Missing Attributes”

“ Academy of Marketing Science Mary Kay Dissertation and Dissertation Proposal Awards มอบรางวัลและโอกาสสำหรับมืออาชีพด้านการตลาดเพื่อแสดงผลงานและรับข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์จากเพื่อนร่วมงานซึ่งมีความสำคัญต่อการเติบโตทางอาชีพของพวกเขา” Sheryl Adkins-Green ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Mary Kay Inc. กล่าว “ที่ Mary Kay เรายังคงมุ่งมั่นที่จะให้บริการแพลตฟอร์ม เพื่อความก้าวหน้าทางการศึกษาและอาชีพตลอดจนการพัฒนาวิชาชีพ เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดที่มีความสามารถเหล่านี้และการมีส่วนร่วมของพวกเขาในด้านการตลาด”

Julie Moulard อดีตประธานของ Immediate Past (ณ วันที่ 1 มิถุนายน) กล่าวว่า “การแข่งขันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในการที่จะเผยแพร่ผลงานของคุณในวารสารการตลาดที่สำคัญ และมีโอกาสได้รับคำติชมจากนักวิชาการด้านการตลาดชั้นนำก่อนที่จะส่งผลงานของคุณอย่างมีค่า” สถาบันวิทยาการตลาด. “รางวัลวิทยานิพนธ์ของ Mary Kay เป็นเวทีที่สำคัญสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเหล่านี้เพื่อให้งานของพวกเขาได้รับการตรวจสอบและปรับแต่งเพื่อเพิ่มโอกาสในการเผยแพร่ผลการวิจัยในวารสารการตลาดที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือทางวิชาการโดยรวมในที่สุด”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Academy of Marketing Science Mary Kay Dissertation Awards คลิก นี่ที่

เกี่ยวกับ Mary Kay

หนึ่งในผู้บุกเบิกฝ้าเพดานแก้วดั้งเดิม Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียว: การทำให้ชีวิตของผู้หญิงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัย ​​เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม แมรี่ เคย์เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรจากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com ติดตามเราบน Facebook, Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

เกี่ยวกับ Academy of Marketing Science

Academy of Marketing Science เป็นองค์กรวิชาชีพระดับนานาชาติที่ไม่แสวงหาผลกำไร ทุ่มเทเพื่อส่งเสริมมาตรฐานสูงและความเป็นเลิศในการสร้างและเผยแพร่ความรู้ด้านการตลาดและการส่งเสริมการปฏิบัติทางการตลาดผ่านบทบาทของความเป็นผู้นำในสาขาวิชาการตลาดทั่วโลก Academy มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมสูงสุดและความร่วมมือในการแสวงหาภารกิจนี้

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220718005732/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารองค์กร
Marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Intelly เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มการลงทุนอสังหาใหม่ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565

Logo

Ismet Tasceken ซีอีโอของบริษัทฟินเทค Intelly เปิดตัวการแพลตฟอร์มลงทุนรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีการสร้างโทเค็นบนบล็อคเชนเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ได้

เจนีวา–(บิสิเนส ไวร์)–19 ก.ค. 2565

บริษัทฟินเทคด้านบล็อคเชน Intelly เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์แบบเศษส่วน NFT (F-NFT) ในวันที่ 20 กรกฎาคม นักลงทุนจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกโดยใช้ INTL เพื่อซื้อสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเศษส่วนบนแพลตฟอร์มการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์แบบกระจายอำนาจ  Intelly ประสบความสำเร็จในการเสนอขายโทเค็นเมื่อต้นปี 2565 และก่อตั้ง Intelly Exchange เป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้นักลงทุนสามารถซื้อขาย F-NFT  โดยผู้เข้าร่วมตลาดสามารถพิจารณาความสามารถในการทำกำไรของสินทรัพย์อ้างอิง การแลกเปลี่ยนจะแสดงรายการโครงการจากภาคที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และองค์กร เช่น บีชคลับหรือร้านอาหารที่มีแบรนด์ ซึ่งได้รับการแปลงเป็นโทเค็นผ่าน F-NFT's ทำให้นักลงทุนสามารถสลับไปมาระหว่างการลงทุนต่างๆ ได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที และขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

Intelly Launches an Innovative Real Estate Investment Platform on 20 July 2022 (Photo: Business Wire)

Intelly เปิดตัวแพลตฟอร์มการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 (ภาพ: Business Wire)

พลิกโฉมการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

Ismet Tasceken ซีอีโอของ Intelly ให้ความเห็นว่า “สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่โดดเด่นของสวิตเซอร์แลนด์ให้ความเสถียรและความสามารถในการคาดการณ์ที่จำเป็นสำหรับฟินเทคที่กระตือรือร้นในการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์ เช่น อสังหาริมทรัพย์โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน  แม้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันจะมีมูลค่ามากกว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ แต่อุตสาหกรรมนี้ยังคงประสบปัญหาจากความไร้ประสิทธิภาพมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ เราวางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์กว่า 30 ปี การเชื่อมต่อในอุตสาหกรรม และพลังของบล็อกเชน เพื่อปลดล็อกศักยภาพของยุคใหม่ของการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์”

ตลาดโทเค็นคาดว่าจะสูงถึง 9.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถทำกำไรได้ในระยะยาว แต่ต้องมีเงินดาวน์เริ่มต้นจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้ามาของนักลงทุนจำนวนมาก แพลตฟอร์ม F-NFT ของ Intelly ช่วยลดขั้นตอนต่างๆ ที่จำเป็นในการเข้าร่วมการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์  ระบบนิเวศเดียวของ Intelly เชื่อมโยงโลกทางกายภาพกับโลกเสมือนจริง โดยเข้าร่วมตลาด tokenization ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะถึง 9.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573.  Tasceken กล่าวว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวจะเริ่มทำการซื้อขายในวันที่ 20 กรกฎาคม “ตัวกำหนด Intelly นอกเหนือจากคู่แข่งแล้วยังมีความเป็นเลิศของเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์รวมกับความลึกของการเจาะอุตสาหกรรม เมื่อรวมกับความแข็งแกร่งทางการเงิน ประสบการณ์ และวิสัยทัศน์ของเรา จะช่วยให้มั่นใจว่าเราสร้างโอกาสที่สร้างผลกำไรให้กับลูกค้าของเราผ่านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้วยโทเคน”

คลังรูปภาพ/มัลติมีเดีย: https://www.businesswire.com/news/home/52780911/en

ติดต่อ:

Carlos R. Tuzun
contact@intelly.tech&nbsp
https://intelly.tech

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลเชิงลึกจาก FICO ระบุว่า เกือบ 3 ใน 4 ของคนไทยมีรายได้ลดลงเนื่องจากโรคระบาด หลายคนจะเปลี่ยนไปใช้ธนาคารที่มอบข้อเสนอที่ดีกว่าในปี 2565

Logo

ความตั้งใจที่จะเปลี่ยนธนาคารในปี 2565 สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่าปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–19 กรกฎาคม 2565

FICO (NYSE: FICO)

ประเด็นสำคัญ

  • 70% (เกือบ 3 ใน 4) ของลูกค้าธนาคารรายย่อยของไทยได้รับผลกระทบเชิงลบด้านรายได้เนื่องจากโรคระบาด
  • ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเงินที่ไม่แน่นอน ลูกค้าธนาคารส่วนใหญ่ในประเทศไทยจึงให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ (73%) และการลงทุน (66%)
  • 1 ใน 5 ของลูกค้าธนาคารไทยที่มีกำลังซื้อสูงจะเปลี่ยนไปใช้ธนาคารอื่นที่มอบข้อเสนอด้านการเงินที่ดีที่สุด

รายงานการคาดการณ์ด้านธนาคารสำหรับลูกค้าหลังเกิดโรคระบาดปี 2565 ของ RFI Global ซึ่งจัดทำให้กับ FICO ยืนยันว่าการแพร่ระบาดได้สร้างความลำบากทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยในประเทศไทย โดยเกือบ 3 ใน 4 ของลูกค้าประสบปัญหารายได้ลดลง นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า ลูกค้าหลายคนมีแรงจูงใจในการมองหาข้อเสนอด้านการเงินที่ดีกว่า และแนวโน้มการเปลี่ยนสถาบันสำหรับกู้เงินก็เพิ่มขึ้นทุกปีอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.fico.com/en/how-banking-expectations-asia-pacific-are-changing-post-pandemic

ผลกระทบที่สร้างการเปลี่ยนแปลงจากโรคระบาดแตกต่างกันไปทั่วทั้งภูมิภาค

ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามชาวนิวซีแลนด์และออสเตรเลียจำนวน 23-30% ได้รับผลกระทบเชิงลบด้านรายได้อันเนื่องมาจากโรคระบาด แต่ตัวเลขนี้กลับสูงขึ้นเป็น 40% ในสิงคโปร์และอินเดีย 50% ในมาเลเซีย และ 63% ในอินโดนีเซีย ผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศไทยได้รับผลกระทบมากที่สุด โดย 70% ระบุว่ารายได้ของพวกเขาลดลง

รายงานเปิดเผยว่าผู้บริโภคมากกว่า 1 ใน 4 ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (27%) ได้ชะลอการผ่อนชำระเงินกู้ โดยผู้บริโภคในบางประเทศมีแนวโน้มที่จะชะลอการผ่อนชำระเงินกู้มากกว่าประเทศอื่น ๆ ขณะที่ลูกค้าธนาคารรายย่อยในประเทศไทยเกือบครึ่งหนึ่ง (47%) และเกือบ 1 ใน 3 (31%) ในอินเดียได้ชะลอการชำระคืนเงินกู้อันเป็นผลจากโรคโควิด-19 เช่นเดียวกันกับ สิงคโปร์ (12%) ออสเตรเลีย (9%) เปอร์เซ็นต์) และนิวซีแลนด์ (7%)

แม้สถานการณ์ทางการเงินจะยังไม่แน่นอน ลูกค้าธนาคารรายย่อยส่วนใหญ่ของประเทศไทยมีการวางแผนที่จะคงไว้หรือเพิ่มการลงทุน (66%) โดยลูกค้าส่วนใหญ่กำลังมองหาการคงไว้หรือเพิ่มเงินออม (73%) และหลายคนจะพิจารณาเปลี่ยนผู้ให้บริการด้านการเงินในปีนี้

ลูกค้าตั้งใจที่จะเปลี่ยนผู้ให้บริการด้านการเงินมากขึ้น

ที่น่าแปลกคือ รายงานระบุว่าลูกค้าส่วนใหญ่พอใจกับผู้ให้บริการด้านการเงินหลักของตนมาก แต่ลูกค้าธนาคารในเอเชียแปซิฟิกมากถึง 20% ที่ตอบว่ามีแผนจะเปลี่ยนธนาคารในปี 2565 ในทางตรงกันข้าม มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่บอกว่าพวกเขาได้เปลี่ยนธนาคารในปี 2564

แนวโน้มการเปลี่ยนผู้ให้บริการกู้เงินที่เพิ่มขึ้นนี้มีอัตราสูงสุดในกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง (หมายถึงตลาดระดับสูงหรือผู้ที่มีสินทรัพย์เพื่อการลงทุนรวมอย่างน้อย 3,000,000 บาท)

ในประเทศไทย ลูกค้าธนาคารรายย่อย 13% และลูกค้ากลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง 8% ได้เปลี่ยนธนาคารในปี 2564 ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปีนี้สำหรับกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง โดย 20% กล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยน จำนวนลูกค้าธนาคารรายย่อยมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 10% ซึ่งคิดเป็นลูกค้าธนาคารจำนวน 1 ใน 10 ราย

เหตุผลหลักที่ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยกล่าวถึง ได้แก่ สถานการณ์ส่วนบุคคลที่เปลี่ยนแปลง (28%) ความต้องการที่จะรวมบัญชีทั้งหมดกับสถาบันการเงินอื่น (22%) ความต้องการในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนและการบริหารความมั่งคั่งที่ดีขึ้น (20%) และผลตอบแทนที่จะได้รับจากสถาบันการเงินอื่น (20 เปอร์เซ็นต์)

กลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบทางการเงิน

ในบรรดาลูกค้าธนาคารที่มีกำลังซื้อสูงในประเทศไทย 63% มีรายได้ลดลงเนื่องจากโรคระบาด ซึ่งน้อยกว่าลูกค้าธนาคารรายย่อยในประเทศไทย 7% ส่งผลให้กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงในประเทศจำนวน 41% ชะลอการผ่อนชำระเงินกู้ ซึ่งต่ำกว่าลูกค้าธนาคารรายย่อยของไทยทั้งหมด 6%.

การชะงักงันของรายได้นี้ทำให้ชาวไทยที่มีกำลังซื้อสูงจำนวน 37% ตั้งใจที่จะลดการใช้จ่าย เช่นเดียวกับครึ่งหนึ่งของลูกค้าธนาคารรายย่อยของไทย

กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มที่จะกู้ยืมมากขึ้นเมื่อเทียบกับตลาดในวงกว้าง (16% และ 8%) ขณะที่ประเทศไทย กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงมีแนวโน้มที่จะกู้ยืมเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันกับลูกค้าธนาคารรายย่อย (11% และ 12% ตามลำดับ)

รายงานยังระบุอีกว่า 78% ของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงในประเทศไทยเลือกที่จะคงไว้หรือเพิ่มระดับการลงทุนกับธนาคาร ซึ่งสูงกว่าตลาดธนาคารรายย่อยโดยรวมของประเทศ (66%)

ผลกระทบของโรคระบาดต่อการเปลี่ยนผู้ให้บริการธนาคาร

ลูกค้ากำลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านการธนาคารเพื่อตอบรับกับผลกระทบด้านการเงินที่เกิดจากโรคระบาด

ลูกค้าธนาคารรายย่อยของไทยประมาณ 3 ใน 4 จะเพิ่มหรือคงเงินออมไว้ (73%) ขณะที่ทั่วทั้งภูมิภาค ความรู้สึกในการคงไว้หรือเพิ่มเงินออมจะสูงที่สุดในนิวซีแลนด์ (94%) และในอินโดนีเซีย (87%)

แม้ว่าแผนกู้ยืมเงินจะลดลงทุกปี แต่ระดับการกู้ยืมสำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยในเอเชียแปซิฟิกยังคงสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาด เนื่องจากผู้บริโภคต้องรับมือกับผลกระทบที่ยืดเยื้อจากการชะงักงันดังกล่าว

Aashish Sharma ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายโซลูชันการจัดการการตัดสินใจของ FICO ในเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “โรคระบาดได้สร้างความยากลำบากด้านการเงินให้กับลูกค้าอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะมีรายได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากมีการทำสัญญากู้ยืมเงินและการใช้จ่าย ลูกค้าจึงมองหาหนทางที่จะเพิ่มความมั่นคงทางการเงินและเพิ่มเงินออม ธนาคารต้องจับจุดความต้องการของลูกค้าให้ได้อย่างทันท่วงที และปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อบรรเทาความวิตกกังวลทางการเงิน ในขณะเดียวกันก็สร้างความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของตนมีความเหมาะสมกับความสามารถในการจับจ่ายและความต้องการด้านการเงินของลูกค้า”

การมุ่งสู่ดิจิทัล

ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งของประเทศไทย (44%) ยังคงพิจารณาว่า ความใกล้ของระยะทางของสาขาและตู้เอทีเอ็มเป็นปัจจัยหลักสำหรับผู้ให้บริการหลักด้านการธนาคาร อย่างไรก็ตาม รายงานยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้บริการผ่านระบบดิจิทัลด้วย ลูกค้าธนาคารรายย่อยในเอเชียแปซิฟิกมากถึง 72% เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟินเทคมากกว่าบริการหลักต่าง ๆ ของธนาคาร ซึ่งสูงที่สุดในมาเลเซีย (94%) และต่ำสุดในออสเตรเลีย (39%) ผู้ตอบแบบสอบถามก็เลือกฟินเทคเช่นเดียวกัน เพราะต้องการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ใช้งานง่าย และขั้นตอนการสมัครใช้งานง่ายขึ้น

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างปี 2564 กับ 2562 ลูกค้าในเอเชียแปซิฟิกเริ่มหันมาสนใจช่องทางดิจิทัลมากขึ้นในทุกขั้นตอนตลอดเส้นทางการใช้งาน ได้แก่ การสอบถามและการค้นคว้าข้อมูลเบื้องต้น (เพิ่มขึ้น 14%) การสอบถามเพื่อติดตามผล (เพิ่มขึ้น 15%) และแอปพลิเคชันธนาคาร (เพิ่มขึ้น 15%)

วิธีที่ธนาคารทำให้เห็นว่าลูกค้าเป็นศูนย์กลางของการดำเนินการและการตัดสินใจ

  • พลิกโฉมการดำเนินงานและการจัดเตรียมข้อมูลผ่านการใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ที่ชาญฉลาดมากขึ้นและแพลตฟอร์มการบริหารจัดการจากส่วนกลาง
  • ตัดสินใจที่อิงจากข้อมูลโดยคาดการณ์ วิเคราะห์ และเพิ่มประสิทธิภาพการโต้ตอบกับลูกค้าแบบเรียลไทม์สำหรับแนวทางการจัดการความสัมพันธ์ที่อิงตามเหตุการณ์และตามโปรไฟล์
  • พัฒนาข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำเพื่อโต้ตอบและมอบข้อเสนอที่เหมาะสมที่สุดให้แก่ลูกค้า
  • สร้างฝาแฝดดิจิทัล (แบบจำลองเสมือนประเภทหนึ่งที่ใช้สำหรับการจำลอง) เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และทดสอบแนวทางและกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมที่มีต้นทุนและความเสี่ยงต่ำ
  • มอบข้อเสนอที่เหมาะกับแต่ละบุคคลและการดำเนินการกับลูกค้าในทิศทางที่ปรับเปลี่ยนได้

Sharma กล่าวว่า “ธนาคารต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าในระดับที่ลึกและละเอียดยิ่งขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะเสี่ยงที่จะเสียลูกค้าให้กับคู่แข่งและผู้ให้บริการเจ้าอื่น การรักษาความพึงพอใจของลูกค้าเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป ประสบการณ์การดูแลลูกค้าจะต้องได้รับการปรับปรุงอย่างมาก การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางจะเป็นกุญแจสำคัญในการมอบประสบการณ์ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงและรักษาลูกค้าไว้อย่างต่อเนื่อง”

ระเบียบวิธีการวิจัย

การสำรวจครั้งนี้ดำเนินการในปี 2564 โดยบริษัทวิจัยอิสระที่ปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมการวิจัย โดยทำการสำรวจผู้ใหญ่จำนวน 1,012 คนในประเทศไทย พร้อมด้วยลูกค้าจำนวน 12,885 คนในมาเลเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และอินเดีย

ศึกษาเพิ่มเติมที่นี่ และ www.fico.com

เกี่ยวกับ FICO

FICO (NYSE: FICO) ขับเคลื่อนการตัดสินใจที่ช่วยให้ผู้คนและธุรกิจทั่วโลกประสบความสำเร็จ บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2499 เป็นผู้บุกเบิกการใช้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และวิทยาศาสตร์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการตัดสินใจในการปฏิบัติงาน FICO ถือครองสิทธิบัตรเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศมากกว่า 200 รายการ ที่ช่วยเพิ่มผลกำไร ความพึงพอใจของลูกค้า และการเติบโตของธุรกิจในบริการทางการเงิน การผลิต โทรคมนาคม การดูแลสุขภาพ การค้าปลีก และอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ด้านการใช้โซลูชันของ FICO ธุรกิจในกว่า 120 ประเทศทำทุกอย่างตั้งแต่ป้องกันอาชญากรรมบัตรชำระเงินจำนวน 2.6 พันล้านใบ เพื่อช่วยให้ผู้คนได้รับเครดิต และเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องบินและรถเช่าหลายล้านลำอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม

ศึกษาเพิ่มเติมที่ www.fico.com

FICO เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Fair Isaac Corporation ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

ติดต่อ:

Neil Mirano 
RICE for FICO 
+65 3157 5680 
neil.mirano@ricecomms.com 

Saxon Shirley 
FICO 
+65 9171 0965 
saxonshirley@fico.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mom’s Touch ขยายตลาดอาหารฟาสต์ฟู้ดสู่ระดับโลกโดยใช้กลยุทธ์ความสำเร็จที่ทำให้ร้านขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในเกาหลี แซงหน้าแบรนด์ระดับโลกรายใหญ่

Logo

แบรนด์เบอร์เกอร์และไก่ของเกาหลีได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทชั้นแนวหน้าในตลาดภายในประเทศที่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด

เบอร์เกอร์สะโพกไก่พร้อมก้อนเนื้อสะโพกไก่ที่อัดแน่นด้วยผักจะมอบรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ผ่านวิธีการ 'ปรุงตามสั่ง'

ปัจจุบันได้เปิดสาขาในตลาดสหรัฐอเมริกาโดยใช้ความรู้ความชำนาญในการครองตลาดเกาหลี ที่ถ่ายทอด DNA แห่งความสำเร็จสู่ตลาดระดับโลก

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–18 กรกฎาคม 2565

แฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชุมชนทั่วโลก มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าในช่วงแรกจะได้รับการคิดค้นขึ้นในประเทศเยอรมนี แต่ก็เป็นที่ยอมรับมานานแล้วว่าเป็นอาหารแห่งจิตวิญญาณสำหรับคนอเมริกัน โดยทั่วไปแล้ว แบรนด์แฮมเบอร์เกอร์ระดับโลกในปัจจุบันส่วนใหญ่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงมีการส่งออกแฮมเบอร์เกอร์ยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ของสหรัฐฯ กลับไปยังสหรัฐฯ มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เป็นที่สนใจมาก และหนึ่งในแบรนด์เหล่านี้คือ 'Mom's Touch' ที่มาจากเกาหลี

Mom’s Touch แบรนด์แฮมเบอร์เกอร์และไก่สัญชาติเกาหลี กำลังขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไปยังตลาดต่างประเทศอย่างเต็มกำลังผ่านการส่งออกผลิตภัณฑ์กลับไปยังตลาดสหรัฐฯ

ในประเทศเกาหลี Mom’s Touch เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยผลิตภัณฑ์ “เบอร์เกอร์สะโพกไก่” ที่มาพร้อมกับคุณภาพยอดเยี่ยมและความคุ้มค่า ได้รับความนิยมจากเจเนอเรชั่น MZ (การจับคู่กันระหว่าง Millennials กับ Z) ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดกับแบรนด์ระดับโลก เมื่อเร็ว ๆ นี้ Mom’s Touch ได้รับการบันทึกว่ามีจำนวนร้านค้ามากที่สุดในเกาหลีจากการเพิ่มพลังของแบรนด์ผ่านการจัดการคุณภาพ และวางตำแหน่งตัวเองเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจแฟรนไชส์

'เบอร์เกอร์สะโพกไก่' เอาใจผู้บริโภคในอเมริกา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์

เบอร์เกอร์สะโพกไก่จะมอบความลงตัวระหว่างเนื้อไก่ฉ่ำ ๆ จากส่วนขาทั้งหมดที่ปรุงรสเผ็ดและผักกาดหอม หัวหอม และซอสสดใหม่ในปริมาณที่พอเหมาะ เบอร์เกอร์สะโพกไก่ได้สร้างความประทับใจด้านรสชาติให้แก่ผู้บริโภคตั้งแต่เด็กจนถึงวัยกลางคน จนได้ยืนอยู่ในตำแหน่งเบอร์เกอร์ไก่ยอดนิยมในเกาหลีโดยมียอดขาย 390 ล้านชิ้นนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2548

การอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครเทียบได้ท่ามกลางแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง Mom's Touch ประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่สหรัฐอเมริกาในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์และไก่

จากข้อสรุปของสัญญาแฟรนไชส์ตัวแทนกับพันธมิตรท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา Mom's Touch ได้เปิดร้านสาขาแรกในลอสแอนเจลิสเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2564 ด้วยการจัดรายการเมนูโดยคำนึงถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น เมนูตามสั่งและการเลือกส่วนต่าง ๆ ของไก่ที่ชื่นชอบ Mom's Touch ได้เพิ่มรายรับถึง 120,000 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม และ 150,000 ดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม ปี 2564 ซึ่งเฉลี่ยประมาณ 120,000 ดอลลาร์ต่อเดือนในปี 2564

นอกจากนี้ Mom's Touch ยังประสบความสำเร็จในการรักษาตำแหน่งในลอสแอนเจลิส เนื่องจากร้านได้รับการประเมินว่าเป็นร้านอาหารที่ต้องไปเยือนจากสื่อท้องถิ่นที่ทรงอิทธิพล เช่น Los Angeles Times และ Eater LA โดยสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้านักชิมในถิ่นกำเนิดของไก่และแฮมเบอร์เกอร์ ที่ซึ่งเบอร์เกอร์ไก่ (แซนด์วิชไก่) ได้รับการยอมรับว่าเป็นเทรนด์ขนาดใหญ่ที่มีรสชาติและบริการที่แตกต่างตามความรู้ความชำนาญเฉพาะตัว

จากประสบการณ์ทางธุรกิจของร้านแรก Mom's Touch ได้เปิดร้านที่สองซึ่งเป็นไดรฟ์ทรูในลองบีช โดยกลยุทธ์ในการเลือกของบริษัทจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ยอดขายในร้านแบบไดรฟ์ทรูคิดเป็นประมาณ 70% ของยอดขายทั้งหมดในอุตสาหกรรมฟาสต์ฟู้ดของสหรัฐฯ บริษัทมีแผนจะเปิดร้านสาขาที่สามในสหรัฐอเมริกาภายในสิ้นปีนี้ และตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาทั้งหมด 100 แห่งในสหรัฐอเมริกาภายในปี 2568

Mom’s Touch แฟรนไชส์แฮมเบอร์เกอร์และไก่ของเกาหลี ครองอันดับ 1 ในเกาหลี แซงหน้าแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่

เมื่อสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2565 แบรนด์ Mom’s Touch ครองอันดับ 1 ในเกาหลีในด้านจำนวนร้านค้าโดยบริหารจัดการร้านแฟรนไชส์ทั้งหมด 1,354 แห่ง ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและความสามารถในการดำเนินงาน แบรนด์สัญชาติเกาหลีนี้จึงอยู่ในจุดที่ไม่มีใครเทียบได้ในตลาดแฟรนไชส์อาหารฟาสต์ฟู้ดในเกาหลี ซึ่งองค์กรขนาดใหญ่และแบรนด์ระดับโลกกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร้าน Mom's Touch จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของผู้บริโภคโดยใช้วิธีการ 'ปรุงตามสั่ง' ซึ่งอาหารทั้งหมดจะปรุงหลังจากได้รับคำสั่งซื้อ ไม่ว่าจะสั่งเมื่อไร ลูกค้าก็สามารถเพลิดเพลินกับรสชาติอันกรุบกรอบและชุ่มฉ่ำของแต่ละเมนูได้แบบไม่ซ้ำใคร เหมือนปรุงเสร็จเมื่อสักครู่นี้เอง

ซึ่งแตกต่างจากเบอร์เกอร์อื่น ๆ ที่ใช้ก้อนเนื้อไก่บดและแช่แข็ง ขณะที่เบอร์เกอร์สะโพกไก่ไร้กระดูกจะมาแบบสดและแช่เย็น ซึ่งได้รับการประเมินด้านรสชาติและคุณภาพในระดับสูง ปัจจัยในการเติบโตอีกประการของแบรนด์คือขนาดที่ใหญ่โต ซึ่งเห็นแล้วชวนมองและมาพร้อมกับผักสดอัดแน่นเพื่อเพิ่มความอิ่มหนำ เช่น ผักกาดและมะเขือเทศ ที่อยู่บนก้อนเนื้อไก่ ทำให้ชายหนุ่มในช่วงอายุ 10-29 ปีติดใจ กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของแฮมเบอร์เกอร์ได้สำเร็จ

Mom’s Touch ตอกย้ำความสามารถในการแข่งขันด้วยการจัดการคุณภาพและสุขอนามัยผ่านการขยายระบบคลังอาหาร ศูนย์กลางด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และความก้าวหน้าของกระบวนการ M-QMS ที่จัดการคุณภาพและสุขอนามัยของผลิตภัณฑ์ในเชิงรุกในทุกขั้นตอนตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงการขาย

Mom's Touch ยังสร้างสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจแฟรนไชส์ด้วยการมอบความคุ้มค่าอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ผู้รับสัมปทานแฟรนไชส์ทั่วไปต้องการเงินลงทุนเริ่มแรกสูงมาก แต่ Mom's Touch ยังคงเป็นแบรนด์แฟรนไชส์อันเป็นที่ต้องการของผู้รับสัมปทานแฟรนไชส์ที่มีศักยภาพ เพราะใช้เงินลงทุนในขั้นตอนแรกอย่างสมเหตุสมผลและสร้างผลกำไรที่มั่นคงได้

ผู้รับสัมปทานแฟรนไชส์จะได้รับผลประโยชน์ด้านเงินลงทุนเริ่มต้นที่ลดลงและคงที่ผ่านการตั้งร้านค้าขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีพื้นที่ประมาณ 83 ~ 100 ตร.ม. ริมถนนหรือตรอกในเขตธุรกิจหลัก ๆ หรือสถานที่เชิงกลยุทธ์บนชั้นสองของศูนย์การค้าต่าง ๆ นอกจากนี้ Mom's Touch ยังเสนอนโยบายที่เป็นมิตรกับเจ้าของร้าน เช่น การไม่เรียกเก็บค่าส่วนต่างสำหรับการตกแต่งภายในร้าน หรือค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ หรือค่าฝึกอบรม

และจากความต้องการด้านการบริการจัดส่งที่เพิ่มขึ้นหลังจากการระบาดของโรค โมเดลธุรกิจที่คุ้มค่าของ Mom's Touch จึงกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น

เร่งขยายสู่ตลาดโลกโดยใช้ ‘DNA ที่ประสบความสำเร็จของ Mom's Touch'

หลังจากยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครเทียบได้ท่ามกลางแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก Mom's Touch จะรุกเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนในปีนี้ โดยต่อยอดความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์

ในการเข้าร่วมตลาดบริการอาหารในประเทศไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้ Mom's Touch ได้ทำสัญญาแฟรนไชส์แบบตัวแทนกับ Mom's Touch Thailand Co., Ltd. เจ้าของคือ RS Group ซึ่งเป็นบริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะทำหน้าที่เป็นหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการของบริษัท

จากการใช้ประเทศไทยเป็นฐานหลักในการขยายสู่ภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากบริการส่งอาหารเติบโตอย่างรวดเร็ว Mom's Touch จึงตั้งเป้าที่จะยกระดับชื่อเสียงแบรนด์ไปยังระดับโลกด้วยความสามารถในการแข่งขันเบอร์เกอร์ไก่ที่แตกต่าง ซึ่งครองตลาดในเกาหลี

การมุ่งเจาะกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยที่ชื่นชอบไก่ Mom’s Touch จะนำเสนอ 'เบอร์เกอร์สะโพกไก่' โดยมีก้อนสะโพกไก่ทอดชิ้นหนาเป็นเมนูหลัก และจะร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวเมนูท้องถิ่นที่หลากหลายและเหมาะสำหรับผู้บริโภคในท้องถิ่น ได้แก่ แฮมเบอร์เกอร์ ไก่ และ เครื่องเคียง

Mom's Touch จะเปิดร้านสาขาแรกในไทยเร็ว ๆ นี้ด้วยแฟรนไชส์แบบตัวแทน เพื่อตอบรับผู้บริโภคในท้องถิ่น และตั้งใจที่จะเปิดร้าน 6 แห่งภายในสิ้นปีนี้ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพและการรับรู้ในตลาดท้องถิ่นด้วยการทดสอบเมนูและบริการที่ปรับให้เหมาะสม นอกจากนี้บริษัทยังกำลังหารือเกี่ยวกับสัญญาแฟรนไชส์แบบตัวแทนกับพันธมิตรในหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนและตะวันออกกลางอีกด้วย

ผู้จัดการของ Mom’s Touch กล่าวว่า “เราก้าวขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมอาหารด้วยเบอร์เกอร์สะโพกไก่ ซึ่งเป็นราชาในตลาดเบอร์เกอร์ไก่ของเกาหลีและเป็นตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มเปลี่ยนตามเทรนด์ตลอดเวลา เราตั้งเป้าที่จะแสดงศักยภาพของ 'K-Burger' หรือเบอร์เกอร์เกาหลี โดยส่งต่อ DNA ความสำเร็จของเราไปยังประเทศอื่น ๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์ด้วยพลังของผลิตภัณฑ์และความรู้ความชำนาญในการดำเนินงานแฟรนไชส์ของเรา”

ติดต่อ:

MOM'S TOUCH&Co. 
Subin Yun 
+82 2 6933 7175 
subinyun3@momstouch.co.kr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Trilliant ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเปิดตัวการผลิตในมาเลเซีย

Logo

แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้าที่มีการนำมิเตอร์อัจฉริยะมาใช้มากกว่า 3.5 ล้านเครื่องในภูมิภาค

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–18 กรกฎาคม 2565

Trilliant ผู้ให้บริการด้านโซลูชันสำหรับโครงสร้างมิเตอร์ขั้นสูง (AMI) สมาร์ทกริด เมืองอัจฉริยะ และ IOT ชั้นนำระดับโลก ยังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่องด้วยการประกาศเริ่มการผลิตในมาเลเซีย นอกจากนี้บริษัทได้บรรลุถึงจุดสำคัญของการปรับใช้มิเตอร์อัจฉริยะหลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยปัจจุบันมีการติดตั้งและใช้งานมิเตอร์อัจฉริยะมากกว่า 3.5 ล้านเครื่อง พร้อมวางแผนเพิ่มเติมอีกหลายล้านรายการ

“เรารู้สึกยินดีที่ความพยายามในการผลิตกำลังดำเนินไปในมาเลเซีย” Andrew C. White ประธานและซีอีโอของ Trilliant กล่าว “โรงงานแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และปรับปรุงเวลาการส่งมอบให้กับลูกค้าคนสำคัญของเรา กระบวนการผลิตของเรานำโดยวิศวกรที่ทุ่มเทและมีประสบการณ์ซึ่งยึดมั่นในการควบคุมคุณภาพและการปฏิบัติตามข้อกำหนดระดับสูงสุด Trilliant ภูมิใจที่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะพูดว่า ‘ผลิตในมาเลเซีย’ และเราหวังว่าจะได้สนับสนุนการสร้างงานไฮเทคเพิ่มเติมและเพิ่มความเชี่ยวชาญในท้องถิ่น”

ทีมผู้ผลิตจะมุ่งเน้นไปที่ Trilliant Communications Module (TCM) และ Trilliant Street Light Controller การผลิตในท้องถิ่นไม่เพียงแต่จะลดรอบการจัดส่งเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้มีการลดค่าคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ในกระบวนการผลิตและการขนส่ง เนื่องจาก Trilliant ส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในท้องถิ่น รวมถึงรายอื่น ๆ ทั่วทั้งภูมิภาค ค่าคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ประมาณ 119 ตันจะลดลงในช่วงสามปีข้างหน้าในมาเลเซียเพียงประเทศเดียว

พื้นที่ครอบคลุมในภูมิภาคยังคงเติบโต

นอกเหนือจากกิจกรรมการผลิตใหม่แล้ว Trilliant ยังบรรลุจุดสำคัญโดยการนำมิเตอร์อัจฉริยะมาใช้ในอินเดียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัทในภูมิภาคนี้ ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่กว้างขวาง และโซลูชั่นที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ลูกค้าได้รับประโยชน์จากระบบที่ยืดหยุ่นของ Trilliant ที่ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ และเปิดกว้างสำหรับการผสานรวมกับอุปกรณ์และแอปพลิเคชันที่หลากหลายได้อย่างง่ายดาย การขยายตัวครั้งล่าสุดในประเทศไทยจะส่งผลให้มีการนำเทคโนโลยีของ Trilliant มาใช้ ช่วยให้ระบบสาธารณูปโภคเข้าถึงไฟฟ้าให้กับลูกค้าได้อย่างน่าเชื่อถือมากขึ้น

บริษัทมีแผนที่จะปรับใช้ในพื้นที่เพิ่มอีก 7 ล้านมิเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือระดับท้องถิ่นในอีกสามปีข้างหน้า

Trilliant ยังคงสร้างนวัตกรรมและกลยุทธ์การเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการลูกค้าในเอเชียแปซิฟิกตลอดจนทั่วโลก

เกี่ยวกับ Trilliant

Trilliant® เสริมพลังให้แก่อุตสาหกรรมพลังงานระดับโลกด้วยแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ใช้ได้กับหลายอุปกรณ์เพียงแห่งเดียวที่ช่วยให้สาธารณูปโภคและเมืองต่าง ๆ สามารถปรับใช้แอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้บนเครือข่ายอันทรงพลังเพียงเครือข่ายเดียว พอร์ตโฟลิโอที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอพลังแห่งการเลือก โดยไม่ต้องเสี่ยงที่ลูกค้าจะถูก “กำหนด” ให้อยู่กับผู้ให้บริการเทคโนโลยีเพียงรายเดียว เราภูมิใจนำเสนอโซลูชันที่มีความสำคัญต่อภารกิจซึ่งสนับสนุนโครงสร้างมิเตอร์ขั้นสูง (AMI) ข้อมูลและการวิเคราะห์ (Data & Analytics) สมาร์ทกริด (Smart Grids) และเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ลูกค้าทั่วโลกได้รับประโยชน์จากการผสมผสานระหว่างความยืดหยุ่น ความยั่งยืน และความสามารถในการปรับขนาดที่เป็นเอกลักษณ์ของ Trilliant ซึ่งเชื่อมโยงสาธารณูปโภคและเมืองต่าง ๆ ให้เข้ากับ IIOT และเส้นทางเชิงกลยุทธ์ที่มากขึ้นในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน สามารถเยี่ยมชมเราได้ที่ www.trilliant.com

ติดต่อ:

Tracey Mitchell
tracey.mitchell@trilliant.com

Cindy Watson/Anita Wong, StrategicAmpersand Inc.
TrilliantPR@stratamp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แพลตฟอร์ม Around the World of Care ของ Hyatt แบ่งปันความคืบหน้าในด้านความมุ่งมั่นและความคิดริเริ่มทางสังคมและธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม

Logo

ความคืบหน้านี้ ยังรวมถึงเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ในปี 2573 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องสู่เป้าหมาย DE&I ปี 2568

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–14 ก.ค. 2565

เพื่อแชร์ความคืบหน้าใน World of Care แพลตฟอร์มด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของบริษัท Hyatt Hotels Corporation (NYSE: H) ได้มีการเผยแพร่รายงาน 2021 World of Care Highlights กับรายงาน Diversity, Equity and Inclusion (DE&I) Report เพื่อแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่  Hyatt กำลังสร้างความก้าวหน้าในด้านการดูแลโลก ผู้คน และธุรกิจต่าง ๆ

“การดูแลผู้คนเพื่อช่วยให้พวกเขาเป็นเวอร์ชันของตนที่ดีที่สุด คือแก่นแท้ของเรื่องราวของ Hyatt ตลอด 65 ปีที่ผ่านมา เราเต็มที่ในด้านความรับผิดชอบและการหาโอกาสในการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อสร้างโลกและอนาคตที่ยั่งยืนผ่านโครงการ World of Care” Margaret Egan รองประธานบริหารและที่ปรึกษาทั่วไปของ Hyatt กล่าว “ด้วยการมุ่งความสนใจไปที่การขับเคลื่อนความก้าวหน้าตามพันธกิจ ESG หลัก ๆ เช่น กรอบงานด้านสิ่งแวดล้อม และเป้าหมาย Change Starts Here เรากำลังรับผิดชอบต่อการดำเนินการและการสร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรม สังคม และโลกของเรา”

Hyatt ส่งเสริมการมีแรงงานที่หลากหลาย

ตามรายงานของ DE&I ครั้งแรกของปีที่แล้ว ข้อมูลความหลากหลายของคนงาน หรือ workforce diversity data ในปี 2564 ของ Hyatt แสดงให้เห็นว่าสัดส่วนของคนผิวสีเพิ่มขึ้นทั่วภาคแรงงานในสหรัฐฯ ตลอดจนการเติบโตของเพื่อนร่วมงาน ผู้จัดการ และผู้นำในเกือบทุกสีผิวและทุกเชื้อชาติ ความมุ่งมั่นของ Hyatt ที่จะแบ่งปันความคืบหน้าเป็นประจำทุกปีทำหน้าที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่สำคัญในการวัดความก้าวหน้าไปสู่สภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เท่าเทียมกัน และครอบคลุมมากขึ้นสำหรับภาคแรงงาน

Hyatt ยังคงทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย DE&I ในปี 2568 ว่าด้วย ผู้ถูกว่าจ้าง ผู้ได้รับการสนับสนุน และผู้ร่วมทำงาน ซึ่งระบุไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญา Change Starts Here ทั้งนี้ ด้วยการมุ่งเน้นที่การพัฒนาตัวแทนผู้จำหน่ายที่หลากหลายในห่วงโซ่อุปทาน Hyatt ได้ต้อนรับซัพพลายเออร์ผิวดำรายใหม่จำนวน 220 รายในปี 2564 โดยมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องในการสร้างความก้าวหน้าจากการมองไปข้างหน้า ตัวอย่างเช่น Revival Baltimore ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ JdV by Hyatt ได้ทำงานร่วมกับ Black Acres Roastery เพื่อจัดหากาแฟให้กับห้องพักในโรงแรมและร้านกาแฟในสถานที่ทั้งหมด ส่วน 'Dashery และ Hyatt Centric The Pike Long Beach ก็เพิ่งได้ให้การต้อนรับโรงเบียร์ที่คนผิวสีเป็นเจ้าของอย่าง Crowns & Hops ณ Watercraft Lounge

“ที่ Hyatt เราเชื่อในพลังของการเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ในการทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในโลก เราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะสะท้อนโลกที่เราห่วงใยด้วยทีมที่จะประสบความสำเร็จและเติบโตไปด้วยกัน” Malaika Myers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของHyatt กล่าว “เพื่อให้วิสัยทัศน์ของเราก้าวไปสู่โลกแห่งความเข้าใจและความเอาใจใส่ เราต้องจัดลำดับความสำคัญของ DE&I ต่อไปในทุกมิติของธุรกิจของเรา และดำเนินการเพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมายต่อเป้าหมายของเรา”

Hyatt ประกาศการบริจาคเพื่อเปิดตัวกองทุนผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์

ในความพยายามที่จะขยายงานต่อเนื่องของอุตสาหกรรมโรงแรมเพื่อสนับสนุนการการป้องกันการค้ามนุษย์และสนับสนุนผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์ มูลนิธิโรงแรม Hyatt ได้ประกาศบริจาคเงินจำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อเปิดตัว “กองทุน No Room for Trafficking Survivors Fund” โดยความร่วมมือกับ American Hotel & Lodging Association (AHLA) ด้วยการบริจาคและการสนับสนุนเพิ่มเติมจากอุตสาหกรรมนี้ กองทุน Survivors Fund จะจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับองค์กรในชุมชนในการมีส่วนร่วมและสนับสนุนผู้รอดชีวิต ตั้งแต่การสนับสนุนทางการเงินโดยตรงสำหรับความต้องการพื้นฐานระยะสั้น ไปจนถึงการสนับสนุนด้านอาชีพที่สามารถเสริมศักยภาพและเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับเส้นทางข้างหน้า

Hyatt ทำงานเพื่อส่งเสริมการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

Hyatt เร่งความพยายามในการมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของกรอบการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยเน้นที่ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการอนุรักษ์น้ำ ของเสีย และการหมุนเวียนของเสีย การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ และจุดหมายปลายทางที่เจริญรุ่งเรือง

ในปี 2564 Hyatt ได้รับการอนุมัติจากโครงการ Science Based Targets Initiative (SBTi) เกี่ยวกับเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ในปี 2573 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป้าหมายของ Hyatt รวมไปถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 การมีส่วนร่วมกับซัพพลายเออร์หลักในการกำหนดเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ภายในปี 2568 และลดการปล่อยก๊าซในขอบเขตที่ 3 เพิ่มเติม

Hyatt ยังคงหมั่นเพียรในการส่งเสริมโครงการที่สนับสนุนความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์พลังงาน เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ระบบอัตโนมัติในอาคาร การพิจารณาการออกแบบที่ยั่งยืน และอื่น ๆ อีกมากมาย การมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องที่สำคัญคือการเพิ่มจำนวนโรงแรมที่มีแผงโซลาร์เซลล์ในสถานที่ หรือใช้ไฟฟ้าหมุนเวียนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น Hyatt Regency อัมสเตอร์ดัม และ Hyatt Regency ฟีนิกซ์ ความพยายามในโครงการ ณ สถานที่ตั้ง อย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ เช่น แล็บความยั่งยืน ที่ Alila Villas Uluwatu

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความพยายามและความคืบหน้า ESG ของ Hyatt โปรดไปที่ Hyatt.com/WorldofCare หรือที่ 2021 World of Care Highlights, 2021 DE&I Report กับที่ 2021 GRI Index

คำว่า “Hyatt” ใช้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นไปเพื่อความสะดวกในการอ้างถึง Hyatt Hotels Corporation และ/หรือ บริษัทในเครือ

เกี่ยวกับ Hyatt Hotels Corporation

Hyatt Hotels Corporation ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในชิคาโก เป็นบริษัทด้านการบริการชั้นนำระดับโลกที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อดูแลผู้คนเพื่อให้พวกเขาสามารถทำหน้าที่ของตนได้ดีที่สุด โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 กลุ่มบริษัทมีโรงแรมและที่พักแบบเพรียบพร้อมทุกอย่างมากกว่า 1,150 แห่ง ใน 71 ประเทศ ในหกทวีป ข้อเสนอของบริษัท รวมถึง Park Hyatt®, Miraval®, Grand Hyatt®, Alila®, Andaz®, The Unbound Collection by Hyatt®, Destination by Hyatt™, Hyatt Regency®, Hyatt®, Hyatt Ziva™, Hyatt Zilara™, Thompson Hotels®, Hyatt Centric®, Caption by Hyatt, JdV by Hyatt™, Hyatt House®, Hyatt Place®, UrCove และ Hyatt Residence Club® ตลอดจนแบรนด์รีสอร์ทและโรงแรมภายใต้ AMR™ Collection รวมถึง Secrets® Resorts & Spas, Dreams® Resorts & Spas, Breathless Resorts & Spas®, Zoëtry® Wellness & Spa Resorts, Vivid Hotels & Resorts®, Alua Hotels & Resorts® และ Sunscape® Resorts & Spas บริษัทในเครือของบริษัทดำเนินการโปรแกรมสมาชิก World of Hyatt®, ALG Vacations®, Unlimited Vacation Club®, บริการจัดการปลายทาง Amstar DMC และบริการเทคโนโลยี Trisept Solutions® ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.hyatt.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220713005967/en/

ติดต่ิด:

Megen DiSanto

megen.disanto@hyatt.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การกลับมาของ Tommy Hilfiger สู่งาน New York Fashion Week

Logo

การเปิดตัว Tommy Hilfiger Fall 2022 ดึงดูดผู้ชมในการสำรวจแบรนด์ที่เชื่อมโยง IRL และการเชื่อมต่อเมตาเวิร์ส ในความต่อเนื่องของแพลตฟอร์ม “ดูเลย ซื้อเลย” หรือ “See Now, Buy Now” ที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม

ประสบการณ์ของแบรนด์แบบเรียลไทม์ปรากฏบนภูมิทัศน์มัลติมีเดียที่มีพลังสูงที่ย้ายผู้เข้าร่วมจากงาน Brooklyn waterfront event ไปยังโลกแห่งเกม Roblox gaming world และเข้าสู่แนวคิด phygital เชิงพาณิชย์แบบใหม่ทั่วโลก

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–14 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นเจ้าของโดย PVH Corp. [NYSE: PVH] ประกาศการกลับมาที่งาน New York Fashion Week เป็นครั้งแรกในรอบสามปีด้วยงานรันเวย์เชิงประสบการณ์ที่จะเผยโฉมล่าสุด “See Now, Buy Now” คอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 ในขณะที่ดึงดูดผู้ชมทั้งทางกายภาพและทางดิจิทัลเข้าสู่โลกของแบรนด์ที่มีชีวิตชีวา

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่:: https://www.businesswire.com/news/home/20220714005034/en/

Tommy Hilfiger (Photo: Business Wire)

Tommy Hilfiger (ภาพ: Business Wire)

โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 11 กันยายน เวลา 19.00 น. ตามเวลาออมแสงตะวันออก (EDT) ประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟได้รับแรงบันดาลใจจากฉากสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใครของนิวยอร์ก ศูนย์กลางของผู้คนและวัฒนธรรมย่อย การปะทะกันของ lo-fi และ hi-tech และการผสมผสานของสไตล์และความคิดสร้างสรรค์ อบอวลไปด้วยบรรยากาศและความเคร่งขรึมของมหานครนิวยอร์กที่เป็นบ้านเกิดของแบรนด์ TOMMY HILFIGER ซึ่งงานนี้จะเชื่อมโยงผู้คนผ่านช่วงเวลาแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติในงานแสดง IRL ที่ Skyline Drive-In ใน Brooklyn และในการเปิดใช้งานเมตาเวิร์สแบบคู่ขนาน

“เมื่อนึกถึงสถานที่ที่จะกลับเข้าสู่แฟชั่นวีคของเรา หัวใจของฉันได้ไปสู่วัฒนธรรมอันสร้างสรรค์ที่โดดเด่นของนิวยอร์กในทันที” Tommy Hilfiger กล่าว “นี่คือจุดที่แฟชั่น ศิลปะ ดนตรี และความบันเทิงมารวมกันเมื่อฉันเริ่มเข้าสู่วงการนี้ครั้งแรก และทุกวันนี้ แนวทางนี้ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันมีส่วนร่วมกับชุมชนอันล้ำสมัยที่สร้างประสบการณ์สร้างสรรค์ใหม่ ๆ ฤดูกาลนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการปะทะกันของการเก็บประวัติแรงบันดาลใจที่ฉันโปรดปรานด้วยแนวคิดงานไลฟ์สดใหม่และโลกเสมือนจริง ซึ่งเป็นการแสดงออกที่สมบูรณ์แบบของสิ่งที่เรายืนหยัดในขณะที่เราแสดงความเคารพต่อรากเหง้าของเราด้วยการกลับมาที่งาน NYFW”

การเปิดตัวแบรนด์มัลติมีเดียที่เป็นนวัตกรรมจะทำให้ TOMMY HILFIGER คอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 มีชีวิตชีวาขึ้น จากนิวยอร์กซิตี้สู่เมืองหลวงของยุโรปสู่เฉิงตู และสถานที่อื่น ๆ แนวคิดการค้าปลีกแบบใหม่ในร้านของ TOMMY HILFIGER ที่ได้รับการคัดเลือก และการเข้าซื้อกิจการกับพันธมิตรผู้ค้าส่งรายสำคัญทั่วโลกจะช่วยเสริมการแสดงสินค้าแบบ phygital ความร่วมมือกับผู้มีความสามารถระดับโลกจะเปิดตัวทั้งในและนอกรันเวย์ เพื่อเป็นเกียรติแก่รากฐานของ TOMMY HILFIGER

ในรายแรกของอุตสาหกรรม แคทวอล์ก “See Now, Buy Now” จะถูกสตรีมสดไปยังชุมชน Roblox ทั่วโลกที่มีผู้ใช้มากกว่า 50 ล้านคนต่อวัน พร้อมด้วยอวทาร์ที่แต่งกายใน TOMMY HILFIGER สไตล์ฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 ซึ่งจะเข้าครอบครองเมืองเสมือนจริงที่รีมิกซ์ของนิวยอร์ก ทุกสไตล์ที่ฮิตบนรันเวย์แบบ physical จะสามารถซื้อได้ทั่วโลกผ่านแนวคิด “See Now, Buy Now” ของ Tommy Hilfiger รวมถึงผลิตภัณฑ์ดิจิทัลสุดพิเศษบน Roblox การเป็นพันธมิตรของแบรนด์กับแพลตฟอร์มลิขสิทธิ์ระดับโลกที่เปิดตัวในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องผ่านเฟสใหม่

เข้าร่วมการสนทนาบนโซเชียลมีเดียโดยใช้ #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

เกี่ยวกับ TOMMY HILFIGER

TOMMY HILFIGER เป็นหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก โดยยกระดับจิตใจและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริโภคมาตั้งแต่พ.ศ. 2528 แบรนด์ได้สร้างสรรค์สไตล์ที่มีความโดดเด่นมีชีวิตชีวาที่มาบรรจบกันของความคลาสสิกและความแปลกใหม่ ซึ่งสร้างสรรค์ร่วมกับผู้ที่กำลังหล่อหลอมวัฒนธรรมรอบโลก TOMMY HILFIGER เฉลิมฉลองแก่นแท้ของสไตล์อเมริกันคลาสสิกด้วยความทันสมัย Tommy Hilfiger นำเสนอคุณภาพและความคุ้มค่าระดับพรีเมียมแก่ผู้บริโภคทั่วโลกภายใต้ไลฟ์สไตล์ของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ด้วยคอลเลกชันที่หลากหลาย เช่น ชุดกีฬา ยีนส์ เครื่องประดับ และรองเท้าสำหรับสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและเด็ก Tommy Hilfiger มีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อความยั่งยืนและการรวมความหลากหลาย

ยอดขายปลีกผลิตภัณฑ์ TOMMY HILFIGER ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 9.3 พันล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. 2564 และแบรนด์ขับเคลื่อนโดยพนักงานกว่า 16,000 รายทั่วโลก นำเสนอใน 100 ประเทศและร้านค้าปลีกมากกว่า 2,000 แห่ง รวมถึงร้าน flagship ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดที่ tommy.com  โดย PVH เข้าซื้อกิจการ Tommy Hilfiger ในปี พ.ศ. 2553 และยังคงดูแลแนวทางที่มุ่งเน้นเพื่อเพิ่มความเกี่ยวข้อง การแสดงตน และการเติบโตในระยะยาวทั่วโลกของแบรนด์

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นแพลตฟอร์มการเติบโตสำหรับ Calvin Klein และ TOMMY HILFIGER ด้วยการผลักดันความแข็งแกร่งและความเกี่ยวข้องของแบรนด์ เรากำลังเชื่อมโยงแบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ระดับโลกของเราให้ใกล้ชิดกับที่ที่ผู้บริโภคกำลังไปมากกว่าที่เคยเป็นมา ทั้งในปัจจุบันและกับคนรุ่นอนาคต ด้วยค่านิยมของเราและเปิดใช้งานโดยขนาดและการเข้าถึงทั่วโลก เรากำลังขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้าให้คงอยู่ถาวร เป็นทีมที่มีวิสัยทัศน์เดียวและแผนเดียว นั่นคือพลังของเรา นั่นคือพลังของ PVH+

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220714005034/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger
Lyndsey Anderson
Senior Manager Global Communications & PR
Lyndsey.anderson@tommy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald