Category Archives: General News

งาน Women’s Entrepreneurship Accelerator ในการประชุมครั้งที่ 66 ของคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรีเรียกร้องให้ลงทุนในผู้ประกอบการสตรีเพื่อจัดการแก้ปัญหากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Logo

ผู้ประกอบการสตรีคือโซลูชันผู้นำแบบตัวคูณในการสร้างอนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืน

นิวยอร์ก & เจนีวา–(BUSINESS WIRE)–31 มีนาคม 2565

การตระหนักถึงความสัมพันธ์ที่บรรจบกันระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ โดยเมื่อวันที่ 18 มีนาคม Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) ได้รวบรวมผู้แทนอาวุโสของผู้ก่อตั้งที่เป็นพันธมิตรเพื่อหารือเกี่ยวกับบทบาทสำคัญของผู้ประกอบการสตรีในการเป็นผู้นำในการปรับตัว การบรรเทาและการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิธีที่ผู้ประกอบการสตรีมีส่วนร่วมในฐานะผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนและครอบคลุมมากขึ้นสำหรับทุกคน

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220331005276/en/

WEA Event at CSW66 “Investing in Women Entrepreneurs to Tackle Climate Change” (Photo: Mary Kay Inc.)

งาน WEA ที่ CSW66 “การลงทุนในผู้ประกอบการสตรีเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” (ภาพ: Mary Kay Inc.)

งาน CSW เน้นย้ำถึงความสำคัญที่เป็นพิเศษของผู้ประกอบการสตรีในฐานะตัวขับเคลื่อนหลักในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านโครงสร้างและวัฒนธรรมต่อโอกาสทางเศรษฐกิจของสตรี และวิธีสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีในฐานะผู้แก้ปัญหาในการขยายขนาดและลงทุนในความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังนำเสนอวิธีในการเร่งโอกาสทางเศรษฐกิจของผู้หญิงผ่านการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองต่อบทบาทหญิงชาย และเรียกร้องให้มีผู้สร้างที่มีความมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้นในการเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงโดยเร็วสำหรับผู้หญิงทั่วโลกด้วยการเข้าร่วมโครงการ Accelerator

ในอดีตผู้ประกอบการสตรีต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงการขาดการเข้าถึงของเงินทุน เครือข่ายผู้ประกอบการในจำนวนที่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชาย และนโยบายที่กีดกันการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานสตรี1 อุปสรรคเหล่านี้ประกอบขึ้นด้วยกฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกัน ผลการศึกษาของธนาคารโลกปี 2565 พบว่าผู้หญิงวัยทำงานเกือบ 2.4 พันล้านคนยังไม่ได้รับสิทธิทางเศรษฐกิจเท่ากับผู้ชาย จาก 190 ภาวะเศรษฐกิจที่ตรวจสอบในการศึกษานี้ มี 178 แห่งยังคงมีอุปสรรคทางกฎหมายที่ขัดขวางการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบของผู้หญิง ในขณะที่ผู้หญิงยังคงเผชิญกับการจำกัดงานบางรูปแบบใน 86 ประเทศ โดยมี 95 ประเทศที่ผู้หญิงไม่ได้การรับประกันว่าจะได้รับค่าจ้างเท่ากันกับงานที่ทำเท่าเทียมกัน และมี 76 ประเทศมีกฎหมายที่จำกัดสิทธิสตรีในการถือครองที่ดิน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการลดความยากจน2

เพื่อจัดการกับอุปสรรคด้านโครงสร้างและวัฒนธรรมที่ผู้ประกอบการสตรีต้องเผชิญ Women's Entrepreneurship Accelerator ได้เปิดตัวในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปี 2562 โดยร่วมมือกับหน่วยงานของ UN จำนวน 6 แห่งโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีในขณะที่เพิ่มผลกระทบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนให้สูงสุด

เฉพาะหัวข้อของงานในข้อมูลเผยให้เห็นว่าผู้ประกอบการสตรีสามารถมองการลงทุนทางธุรกิจที่นอกเหนือไปจากผลตอบแทนทางการเงิน และตระหนักว่าการได้รับผลตอบแทนทางการเงินและผลตอบแทนทางสังคมไม่ได้เกิดพร้อมกัน ตัวอย่างเช่น ตามรายงานของ Global Entrepreneur Report ประจำปี 2563 โดย BNP Paribas ร้อยละ 54 ของผู้ประกอบการสตรีกล่าวว่านอกเหนือจากรายได้ การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการลงทุนสูงสุด เมื่อเทียบกับผู้ชายเพียงแค่ 41 เปอร์เซ็นต์3

Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าวเปิดงาน เรียกร้องให้มีการรื้อปรับปรุงปัญหาและอุปสรรคที่ผู้หญิงต้องเผชิญ และอธิบายว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่การระบุเพศ ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงกำลังมีผลกระทบอย่างหนัก ช่องโหว่ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลโดยตรงของความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในโครงสร้างทางการเมือง สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจของสังคมที่พวกเขาอาศัยอยู่” Ms. Gibbins กล่าวเสริมว่าผู้หญิงอยู่ในแนวหน้าของการตอบสนองต่อสภาพภูมิอากาศและมีมาหลายชั่วอายุคน “ใช้กลยุทธ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ สิ่งที่พวกเขาต้องการในตอนนี้คือการยอมรับความเป็นผู้นำและระบบนิเวศที่เหมาะกับพวกเขา”

Vic Van Vuuren กรรมการฝ่ายบริหารองค์กร องค์การแรงงานระหว่างประเทศ สังเกตว่าการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้ย้อนความคืบหน้าในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศได้อย่างไร ได้สรุปว่า “ผู้หญิงมีบทบาทในเศรษฐกิจสีเขียวอยู่แล้วในฐานะผู้ประกอบการ ผู้จัดการ เกษตรกร คนทำงานในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การจัดการของเสีย และพลังงานหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับว่าการเข้าถึงของเราไม่เพียงพอ เราต้องการบูรณาการมิติหญิงชายและความเท่าเทียมทางเพศในนโยบายระดับโลก นโยบายธุรกิจ และนโยบายระดับชาติทั้งหมด”

Pamela Coke-Hamilton กรรมการบริหารของ International Trade Centre ตั้งข้อสังเกตว่า “วิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อม และขนาดกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นเจ้าของโดยผู้หญิง เผชิญกับปัญหาและอุปสรรคในการทำให้การดำเนินธุรกิจของพวกเขายั่งยืนมากขึ้น เราที่ International Trade Center ใช้แนวทางแบบองค์รวมเพื่อสนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการของผู้หญิงเพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิงเหล่านั้นมีส่วนทำให้เกิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นเศรษฐกิจสีเขียว การสนับสนุนธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของไม่เพียงแต่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงของเราไปสู่ความยั่งยืนอีกด้วย”

Stephen Bereaux รองกรรมการ International Telecommunication เรียกร้องให้มีโอกาสที่เท่าเทียมกันในเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อสร้างผลกระทบที่มากขึ้น เน้นย้ำความสัมพันธ์ระหว่างการเป็นผู้ประกอบการของผู้หญิงในการสร้างโซลูชันที่เป็นนวัตกรรม ยุติธรรม และครอบคลุมสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน “ถ้าผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วมได้ แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและรูปแบบธุรกิจจะขยายตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น” Mr. Bereaux กล่าวสรุป

Haoliang Xu ผู้ช่วยเลขาธิการและกรรมการ Bureau for Policy and Programme Support ของ United Nations Development Programme ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการฟื้นฟูสู่โลกสีเขียวอย่างทั่วถึง กล่าวถึงว่า “UNDP เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าเรากำลังเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรุ่นของเรา และเราต้องสร้างมันกลับมาให้ดียิ่งขึ้น เราต้องทำมันให้ถูกต้องสำหรับผู้หญิงในรุ่นต่อ ๆ ไปที่จะมาถึง”

Sanda Ojiambo กรรมการบริหารและซีอีโอของ United Nations Global Compact กล่าวถึงพลังของภาคส่วนเอกชนในความท้าทายความเชื่อหรือหลักปฏิบัติที่มาแต่ดั้งเดิม และนั่น “สำหรับการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและความเป็นธรรมของสภาพอากาศที่จะกลายเป็นความจริง ผู้ประกอบการสตรีควรได้รับความเท่าเทียมและรวมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า”

ในแง่ของโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ Anita Bhatia ผู้ช่วยเลขาธิการและรองผู้อำนวยการบริหารของ UN Women เรียกร้องให้มีการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองต่อบทบาทหญิงชายให้มากขึ้นซึ่ง “กำหนดมาตรฐานระดับสูงสำหรับผู้จัดหาสินค้าและบริการเพื่อที่จะบอกว่าเราต้องการซื้อเท่านั้นหรือส่วนใหญ่มาจากธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้หญิงเพราะช่วยให้พวกเขาได้ยืนหยัดและช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโตในห่วงโซ่อุปทาน”

เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินการที่มากขึ้นและการเป็นพันธมิตรแบบข้ามภาคส่วนที่มากขึ้น Aldijana Šišić ประธานเจ้าหน้าที่ Multi-Stakeholder Partnerships and Engagement ที่ UN Women กล่าวถึงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกันซึ่งจำเป็นในการตอบสนองและจัดการกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ “การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงแค่การปกป้องโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการกำจัดอุปสรรคเพื่อความก้าวหน้าอีกด้วย รัฐวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อมและขนาดกลางที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของและเป็นผู้นำได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการจัดหาโซลูชั่นด้านสภาพอากาศ เราต้องเร่งดำเนินการและต้องลงทุนเพิ่มมากขึ้น”

การดูแลงานประชุม Elizabeth Vazquez ประธาน ซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้ง WEConnect International เรียกร้องว่า “ผู้หญิงคิดเป็น 51 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก เป็นเจ้าของจำนวน 33 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจส่วนตัวทั้งหมด แต่มีรายได้เพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของการใช้จ่ายทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการจากองค์กรขนาดใหญ่” หากจะบรรลุเป้าหมายระดับโลกภายในปี 2573 Ms. Vazquez ได้กระตุ้นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียว่า “ต้องดำเนินการด้วยความตั้งใจ ด้วยความเร่งด่วน และเป็นพันธมิตรซึ่งกันและกัน และให้ดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้น”

สามารถดูบันทึกของงานประชุมได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มแบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายเกี่ยวกับผู้ประกอบการสตรีที่ตั้งขึ้นในช่วง UNGA 74 โดยมีหน่วยงานขององค์กรสหประชาชาติหกแห่ง ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC) องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และ Mary Kay Inc. จะเพิ่มพลังให้ผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนภายในปี 2573

เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โครงการ Accelerator เป็นตัวอย่างของพลังในการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อควบคุมศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ we-accelerate ติดตามเราได้ที่: Twitter (We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator), LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

_____________________________
1 https://www.oecd.org/cfe/smes/Policy-Brief-on-Women-s-Entrepreneurship.pdf
2 World Bank Group. 2022.Women, Business and the Law 2022. Washington, DC: World Bank.
3 BNP Paribas Global Entrepreneur & Family Report 2021.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220331005276/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Mary Kay Inc. มุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการน้ำอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืนเนื่องในวันน้ำโลก 2022

Logo

ดัลลาส–(บิสิเนสไวร์)–24 มี.ค. 2565

น้ำมีความจำเป็นต่อชีวิตในทุกรูปแบบและต่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตที่แข็งแรงและยั่งยืน จากข้อมูลของ World Economic Forum ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติยังคงเป็นความเสี่ยงอันดับต้นๆ ของโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220324005126/en/

Richard R. Rogers (R3) Manufacturing/R&D Center in Lewisville, Texas, U.S.A (Photo: Mary Kay Inc.)

Richard R. Rogers (R3) ศูนย์วิจัยและพัฒนาในเมืองลูอิสวิลล์ รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา (ภาพ: Mary Kay Inc.)

ในวันน้ำโลก Mary Kay Inc. มุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการน้ำอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่ามีน้ำเพียงพออย่างต่อเนื่องในฐานะทรัพยากรที่จำเป็นต่อการตอบสนองความต้องการของสิ่งแวดล้อมและชุมชนทั่วโลก

น้ำเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ความยั่งยืนของ Mary Kay และมีความสำคัญต่อกระบวนการผลิต การปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลน้ำที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Mary Kay ในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเรา เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจว่าการใช้น้ำสำหรับความต้องการของมนุษย์และเศรษฐกิจจะไม่รบกวนวัฏจักรของน้ำที่ยั่งยืนหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง ความพยายามในการใช้น้ำครั้งล่าสุดที่โรงงานของ Mary Kay ได้แก่

  • การใช้น้ำในโรงงานของ Mary Kay ในสหรัฐอเมริกาลดลง 36% จากปี 2555-2560
  • ที่โรงงานผลิตของ Mary Kay ในเมืองหางโจว ประเทศจีน ความก้าวหน้าที่สำคัญในการอนุรักษ์น้ำ ได้แก่
    • ลดการใช้น้ำดื่มได้ถึง 34% ซึ่งช่วยประหยัดน้ำดื่มได้ประมาณ 913,480 แกลลอนต่อปี
    • ระบบ Reverse Osmosis (RO) การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่: อุปกรณ์ทำน้ำให้บริสุทธิ์ทำให้เกิดการปล่อยน้ำเข้มข้นจำนวนมากในกระบวนการดำเนินการ โดยการรวบรวมน้ำเข้มข้นและส่งผ่านระบบหมุนเวียน น้ำเข้มข้นจะถูกนำมาใช้ซ้ำผ่านหอดับเพลิงและระบบหอระบายความร้อนด้วยอากาศเป็นแหล่งน้ำเสริม
    • การอัพเกรดระบบบำบัดน้ำเสีย: เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของน้ำเสียในกระบวนการผลิต Mary Kay China ได้ลงทุนในกระบวนการเครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพแบบเมมเบรนขั้นสูง (MBR) โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เพื่อปรับปรุงความสามารถในการบำบัดน้ำเสียและลดการปล่อยกากตะกอนลง 40%

“ในฐานะผู้สนับสนุนความยั่งยืนระดับโลก แมรี่ เคย์มุ่งมั่นที่จะมีบทบาทสำคัญในความพยายามร่วมกันที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้มั่นใจว่าชุมชนและเศรษฐกิจจะเจริญรุ่งเรือง” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของแมรี่ เคย์ อิงค์ กล่าว “Mary Kay” จะยังคงต่อยอดจากความก้าวหน้าและทำงานเพื่อมุ่งสู่ความมุ่งมั่นในการลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตของเราลง 30% ภายในปี 2573 เทียบกับเส้นพื้นฐานในปี 2563 ต่อกิโลกรัมที่ผลิตในปริมาณมาก การได้รับใบรับรองหลักจาก Alliance for Water Stewardship (AWS) สำหรับโรงงานผลิตของ Mary Kay ในสหรัฐอเมริกาและจีน จะช่วยให้เราเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น”

องค์ประกอบสำคัญหลายประการของทศวรรษแห่งการดำเนินการของ Mary Kay ได้แก่

  • เป็นผู้ลงนามในหลักการมหาสมุทรแห่งสหประชาชาติและ CEO Water Mandate
  • สานต่อความร่วมมือ 32 ปีกับ The Nature Conservancy และสนับสนุนโครงการน้ำทั่วโลก 11 โครงการในปี 2565 โดยมุ่งเน้นที่:
    • การปกป้องมหาสมุทรทั่วโลกเพื่อปรับปรุงสุขภาพของมหาสมุทรสำหรับธรรมชาติและผู้คน
    • การฟื้นฟูแนวปะการังหอยเอเชียแปซิฟิกในออสเตรเลีย ฮ่องกง จีน สามเหลี่ยมคอรัล และแนวปะการัง Cakaulevu (เรียกอีกอย่างว่า Great Sea Reef);
    • การสนับสนุนผู้นำสตรีในมหาสมุทรแปซิฟิกในปาปัวนิวกินี (ป่าชายเลน ผู้หญิง และตลาด) และหมู่เกาะโซโลมอน (สุขภาพและความยืดหยุ่นของชุมชน);
    • การอนุรักษ์และฟื้นฟูชายฝั่งในกัลฟ์โคสต์ (การปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งกัลฟ์โคสต์);
    • การปรับปรุงการประมงในเม็กซิโก (การปรับปรุงการประมงและการเพิ่มขีดความสามารถของชุมชน); และ
    • การร่วมมือกับพันธมิตรในยุโรปเพื่อสนับสนุนโครงการฟื้นฟูหอยนางรมในอังกฤษ สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และสวีเดน
  • เข้าร่วม Alliance for Water Stewardship และทำงานเพื่อให้ได้รับการรับรองสำหรับโรงงานผลิตทั้งสองแห่งภายในปี 2025

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน โปรดไปที่ marykayglobal.com/sustainability และดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay, Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วรายแรก Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามของเธอเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้วโดยมีเป้าหมาย 3 ประการคือ พัฒนาโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น  ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีสมาชิกฝ่ายขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ  Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม และการร่วมมือกับองค์กรทั่วโลกเพื่อสร้างผลกระทบทางสังคมที่ดี  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดในครอบครัว สร้างความสวยงามให้ชุมชนของเรา และสนับสนุนให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายในทุกลิปสติก   เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com
ติดตามเราได้ที่ Facebook, Instagram, LinkedIn และ Twitter

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตขึ้นอยู่กับ ภายใต้การนำของวิทยาศาสตร์ เราสร้างสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงสำหรับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ที่ดิน น้ำ และมหาสมุทรในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองต่างๆ มีความยั่งยืนมากขึ้น ใน 79 ประเทศและดินแดน เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่นๆ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/22020324005126/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Mary Kay Inc. เฉลิมฉลองวันป่าไม้สากลและวันต้นไม้โลก ด้วยรายงานที่ให้รายละเอียดความร่วมมืออันน่าประทับใจกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation

Logo

จนถึงปัจจุบันแบรนด์ได้ปลูกต้นไม้มากกว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–23 มีนาคม 2565

สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในต้นไม้ หลังวันป่าไม้สากลและวันต้นไม้โลก Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกด้านบริการดูแลและความยั่งยืนขององค์กร ได้เผยแพร่ผลรายงานที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือที่มีมายาวนานกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation ด้วยกันกับ Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Arbor Day Foundation ร่วมกันปลูกต้นไม้กว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก ทำให้เกิดผลกระทบที่ประเมินได้ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปล่อย CO2 และการปลูกป่า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220321005134/en/

Mary Kay logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ Mary Kay (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าวว่า “ทั่วโลกมีต้นไม้หายไปประมาณ 18 ล้านเอเคอร์ในแต่ละปี” “ไฟป่าที่โหมกระหน่ำ แมลงต่าง ๆ โรคภัย การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และอื่น ๆ ความจำเป็นในการปลูกป่าเป็นสิ่งที่เร่งด่วนอย่างยิ่ง Mary Kay มีพื้นที่ในตลาดทั่วโลก—ดังนั้นเราจึงต้องทำสุดความสามารถเพื่อปกป้องมัน ความร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation ช่วยให้เราสามารถมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้”

ผลรายงานต้นไม้ล่าสุดของ Mary Kay ซึ่งสามารถดูได้ที่ลิงก์ด้านล่างบน MaryKayGlobal.com ทั้งนี้ให้รายละเอียดประโยชน์สะสมเพิ่มพูนสามประการสำหรับการปลูกต้นไม้ผ่านงานที่ร่วมกันได้เสร็จสิ้นลงแล้ว

  • คาร์บอน: การปลูก การปกป้อง และการจัดการต้นไม้ที่ดูดซับคาร์บอน เมื่อต้นไม้โตขึ้น คาร์บอนจะถูกกำจัดออกจากชั้นบรรยากาศไปยังลำต้น ราก และกิ่งก้าน
    • หน่วยวัดเป็นเมตริกตันของ CO2 ที่ถูกเก็บจนถึงปัจจุบัน: 1,018,021
  • น้ำ: ต้นไม้และป่าไม้มีบทบาทสำคัญในคุณภาพและปริมาณน้ำ ต้นไม้และป่าไม้ที่แข็งแรงลดการพังทลายของดิน ช่วยกรองน้ำฝนและการชลประทานทางการเกษตร เพิ่มการซึมลงดินของน้ำฝน และการลดน้ำที่ไหลบนผิวดิน
    • หน่วยวัดเป็นแกลลอนที่หลีกเลี่ยงของน้ำบ่า: 81,902,445 (เท่ากับจำนวน 930,710 คนด้วยน้ำสะอาด)
  • อากาศ: ต้นไม้ผลิตออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไป นอกจากนี้ ต้นไม้ยังกำจัดมลพิษทางอากาศด้วยการลดอุณหภูมิของอากาศ โดยการปล่อยน้ำสู่ชั้นบรรยากาศ และโดยการกรองอนุภาค
    • หน่วยวัดเป็นตันของการกำจัดมลพิษทางอากาศจำนวน: 4,236

ในปี 2564 Mary Kay Inc. ได้ทำโครงการปลูกพืชหลักจำนวน 6 โครงการร่วมกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation สิ่งเหล่านี้รวมถึง:

  • ต้นไม้จำนวน 7,000 ต้นในโครงการฟื้นฟูอัคคีภัยของชนพื้นเมืองในบราซิล
  • ต้นไม้จำนวน 26,496 ต้นในหุบเขาแม่น้ำมิสซิสซิปปี้
  • ต้นไม้จำนวน 49,004 ต้นในฐานทัพอากาศทินดอลล์ในฟลอริดา
  • ต้นไม้จำนวน 7,500 ต้นในมณฑลกานซู่และป่ามองโกเลียในจีน
  • ต้นไม้จำนวน 5,000 ต้นในกาฆามาร์กา และป่าแอมะซอนในเปรู
  • ต้นไม้จำนวน 5,000 ต้นในป่าฟื้นฟูแมลงของเยอรมนี

ในปี 2565 Mary Kay วางแผนที่จะปลูกพืชในจีน บราซิล มาดากัสการ์ และฟลอริดา

นอกเหนือจากการเป็นพันธมิตรกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation แล้ว Mary Kay ยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างของ Forest of Hope ซึ่งเป็นสารคดีการเดินทางที่เน้นการต่อสู้เพื่อกอบกู้โลกของเราจากภัยคุกคามที่ใกล้จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและพฤติกรรมการทำลายล้างของมนุษย์ ในความร่วมมือกับ Media One และ The Nature Conversancy โดย Mary Kay ได้ไปเยือนเมืองมอนเตร์เรย์ ประเทศเม็กซิโก เพื่อให้ความกระจ่างแก่กลุ่มผู้ประกอบการสตรีที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูพันธุ์ไม้และระบบนิเวศในท้องถิ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวในปี 2564 และมีกำหนดฉายในเทศกาลภาพยนตร์ที่กำลังจะมาถึงนี้

หากต้องการดูผลรายงานฉบับเต็มของ Mary Kay Inc. / Arbor Day Foundation คลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งเดียวคือช่วยเติมเต็มชีวิตผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางสู่อิสรภาพทางเศรษฐกิจผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย Mary Kay เชื่อมั่นในการทำชีวิตให้ดียิ่งขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220321005134/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Clean Origin ได้รับเงินลงทุน 20 ล้านดอลลาร์จาก Titan

Logo

แบรนด์เพชรจากห้องแล็บชั้นนำจะใช้เงินทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชนและการค้าปลีก

สแตมเฟิร์ด คอนเนตทิคัต–(บิสิเนสไวร์)–22 มี.ค. 2565

Great Heights Inc.และบริษัทในเครือ Clean Origin LLC ซึ่งเป็น ผู้นำร้านค้าปลีกออนไลน์แบบ DTC เกี่ยวกับเพชรจากห้องแล็บ แหวนหมั้น และเครื่องประดับ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์จาก TCL North America, Inc. (TCL Inc) บริษัทในเครือของ Titan Company Limited (NSE: TITAN ) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Titan Company Limited (NSE:TITAN) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์หรูของอินเดียซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการผลิตเครื่องประดับและนาฬิกาเพื่อการขยายธุรกิจต่อไป  Clean Origin วางแผนที่จะใช้เงินทุนเพื่อขยายการดำเนินงาน เสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน ลงทุนในประสบการณ์การค้าปลีกแบบ omnichannel ใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกันข้ามพรมแดนระหว่างอินเดียและอเมริกา และสร้างงบดุลเพื่อครองอุตสาหกรรมแหวนหมั้นเพชรในห้องแล็บ  ธุรกรรมนี้กำหนดมูลค่าให้กับ Great Heights Inc. ที่ประมาณ 132.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการประเมินมูลค่าก่อนลงทุนเงิน และ 152.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการประเมินมูลค่าหลังเงินลงทุน และไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการควบคุมหรือทิศทางของบริษัทที่ควบคุมโดยส่วนใหญ่

ในฐานะส่วนหนึ่งของข้อตกลง:

  • Ajoy Chawla CEO แผนกเครื่องประดับของ Titan Company Limited จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหาร Great Heights Inc.
  • Titan จะเป็นเจ้าของผลประโยชน์ทางการเงินประมาณ 13.09% และ 17.54% ของคะแนนเสียงใน Great Heights Inc.

“เรายินดีที่ได้เลือก Titan เป็นพันธมิตร และหวังว่าจะได้ต้อนรับคุณ Chawla เข้าสู่คณะกรรมการบริหารของเรา” Alexander Weindling ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Clean Origin และ Great Heights Inc. กล่าว “Titan นำเสนอมากกว่าแค่เงินสดเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเรา โดยมีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในการผลิตระหว่างประเทศ การควบคุม และการขนส่งของเครื่องประดับเพชรตามสั่งทั่วทั้งแพลตฟอร์มทั่วโลก”

Clean Origin มีภารกิจที่จะสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมเพชรให้สูงขึ้นด้วยกระบวนการใหม่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและปราศจากข้อขัดแย้ง ซึ่งช่วยให้ทุกคนอุ่นใจเมื่อซื้อเพชร  เพชรแต่ละเม็ดถูกเพาะเลี้ยงในห้องแล็บโดยใช้งานฝีมือที่สะท้อนถึงกระบวนการเติบโตตามธรรมชาติ ทำให้เกิดหินที่เหมือนกันในระดับโมเลกุลโดยไม่มีการทำลายจากการขุดหรือความไร้จริยธรรม  เพชรทั้งหมดเป็นของจริง 100 เปอร์เซ็นต์ มีจริยธรรม 100 เปอร์เซ็นต์ และได้รับการรับรองโดยอิสระเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพสูงสุด

เกี่ยวกับ Clean Origin

Clean Origin ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือของ Great Heights Inc. เป็นผู้ค้าปลีกเครื่องประดับเพชรที่ปลูกในห้องแล็บที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา  บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2560 โดย Alexander Weindling, Ryan Bonifacino และทีมผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมากว่า 100 ปี จากประสบการณ์ที่ผสมผสานกัน ทีมงานได้มุ่งมั่นที่จะปฏิวัติวิธีการพัฒนา การจัดหา และการขายเพชร นักลงทุนเมล็ดพันธุ์ ได้แก่ Terry Burman ประธาน Abercrombie & Fitch อดีตประธาน Zale's และ CEO ของแบรนด์ Signet Kay Jewelers และ Jared Clean Origin รู้จักอุตสาหกรรมเครื่องประดับเพชรเป็นแกนหลัก และมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสบการณ์การช็อปปิ้งเพชร บริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพและจริยธรรมเป็นอันดับแรก เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกดีกับเพชรได้ตลอดไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.cleanorigin.com

เกี่ยวกับ Titan Company Limited

Titan ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Tata Group และ Tamil Nadu Industrial Development Corporation (TIDCO) เริ่มดำเนินการในปี 1984  ตั้งแต่นั้นมา Titan ได้ขยายจากการขายนาฬิกาไปสู่การสร้างแบรนด์เครื่องประดับไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียซึ่งก็คือ Tanishq และ Caratlane.com ทั้งนี้ Titan เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในด้านการพลิกโฉมอุตสาหกรรมเครื่องประดับในอินเดียและสำหรับการกำหนดตลาดค้าปลีกของอินเดียด้วยการบุกเบิกแนวทางการค้าปลีก  การดำเนินงานด้านเครื่องประดับทั่วโลกของ Titan สร้างยอดขายได้ 2.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564 ผ่านร้านค้า 2,000 แห่งในอินเดียและต่างประเทศ

Tata ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2411 โดย Jamsetji Tata เป็นหนึ่งในองค์กรระดับโลกชั้นนำของโลก ในปีงบประมาณล่าสุด ทาทาสร้างรายได้ 103 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมูลค่าตลาดเกิน 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงบริษัทจดทะเบียน 28 แห่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ใน 10 อุตสาหกรรมแนวดิ่ง ซึ่งรวมถึงผู้บริโภค เทคโนโลยี และการค้าปลีก

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220322005240/en/

ติดต่อ:

Clean Origin LLC
John E. Beckwith
Chief Financial & Administrative Officer
jeb@cleanorigin.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Ingersoll Rand ประกาศให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวยูเครนมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Logo

เดวิดสัน, นอร์ทแคโรไลนา–(BUSINESS WIRE)–18 มีนาคม 2565

เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตในยูเครน Ingersoll Rand Inc. (NYSE: IR) ได้ร่วมกับโครงการอาหารโลก สหรัฐอเมริกา (World Food Program USA หรือ WFP USA) เพื่อจัดหาความช่วยเหลือด้านอาหารในยูเครน โดย Ingersoll Rand ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระดับโลกด้านระบบปั๊มลมที่จำเป็นสำหรับธุรกิจและโซลูชันทางอุตสาหกรรม ได้มอบเงินบริจาคมูลค่า 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการแจกจ่ายอาหารในสถานการณ์ฉุกเฉินของโครงการอาหารโลกขององค์การสหประชาชาติ และได้ให้คำมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมสูงสุด 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยจะสมทบเพิ่มเติมจากเงินบริจาคของพนักงานในจำนวนเดียวกัน นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศที่จะบริจาคสินค้าจำเป็นมูลค่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์ น้ำ สุขาภิบาล และการรับมือกับเหตุประสบภัยสำหรับประชาชนในยูเครนด้วย

โครงการอาหารโลกขององค์การสหประชาชาติเป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยได้ช่วยชีวิตผู้คนในสถานการณ์ฉุกเฉินและใช้ความช่วยเหลือด้านอาหารสร้างหนทางไปสู่สันติ ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองของผู้คนที่ฟื้นตัวจากความขัดแย้ง ภัยพิบัติ และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ ความช่วยเหลือด้านการเงินที่จัดหาโดย Ingersoll Rand และพนักงานของบริษัทจะสนับสนุนโครงการอาหารโลกขององค์การสหประชาชาติโดยมอบความช่วยเหลือโดยตรงให้กับผู้คนในยูเครนและผู้ที่หนีภัยมายังประเทศเพื่อนบ้าน โดยในขณะนี้ หน่วยงานดังกล่าวอยู่ระหว่างระดมเสบียงอาหารสำหรับ 1 เดือนเพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนราว 3 ล้านคนที่อยู่ในยูเครน

Vicente Reynal ประธานและซีอีโอ ประกาศว่า “จุดมุ่งหมายของข้อความที่ว่า ‘Lean on us to help you make life better’ เป็นพลังขับเคลื่อนในทุกสิ่งที่เราทำ สัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้ระงับการทำธุรกิจใหม่ทั้งหมดกับลูกค้าชาวรัสเซีย ยกเว้นสินค้าที่จำเป็นต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ และวันนี้ พนักงานของเราจากทั่วโลกทั้งหมด 16,000 คนได้มาร่วมกันเพื่อมอบความช่วยเหลือด้านอาหารให้กับผู้คนที่หนีจากภัยความขัดแย้งในยูเครนและที่ยังคงอยู่ในยูเครน พวกเราภูมิใจที่ได้ยืนเคียงข้างชาวยูเครนและชื่นชมการกระทำอันน่าทึ่งมากมายที่พนักงานของเราได้ทำ ทั้งการให้ที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนและสอนทักษะด้านภาษาเพื่อช่วยให้พวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ เรารู้ว่าความช่วยเหลือและความพยายามของพนักงานของเราจะช่วยชาวยูเครนในช่วงที่เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมนี้”

เกี่ยวกับ Ingersoll Rand Inc.

Ingersoll Rand Inc. (NYSE:IR) ขับเคลื่อนด้วยจิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการและความเป็นเจ้าของ บริษัทมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน ลูกค้า และชุมชน โดยลูกค้าต่างพึ่งพาความเป็นเลิศของผลลัพธ์ด้านอุตสาหกรรมและการไหลเวียนของอากาศ ซึ่งเรานำเสนอผ่านแบรนด์ชั้นนำกว่า 40 แบรนด์ ผู้นำผลิตภัณฑ์และบริการของเราไปสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมในสภาพการทำงานที่มีความยากและซับซ้อน พนักงานของเราสร้างฐานลูกค้าที่ยั่งยืนด้วยความมุ่งมั่นต่อความเชี่ยวชาญ ผลิตภาพ และประสิทธิภาพ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.IRCO.com

เกี่ยวกับโครงการอาหารโลก

โครงการอาหารโลกขององค์การสหประชาชาติเป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยได้ช่วยชีวิตผู้คนในสถานการณ์ฉุกเฉินและใช้ความช่วยเหลือด้านอาหารสร้างหนทางไปสู่สันติ ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองของผู้คนที่ฟื้นตัวจากความขัดแย้ง ภัยพิบัติ และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ

เกี่ยวกับโครงการอาหารโลก สหรัฐอเมริกา

โครงการอาหารโลก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นองค์กรตามมาตร a 501(c)(3) ที่ตั้งอยู่ในวอชิงตัน ดีซี ภูมิใจสนับสนุนภารกิจของโครงการอาหารโลกขององค์การสหประชาชาติ โดยการระดมผู้กำหนดนโยบาย ธุรกิจต่าง ๆ และปัจเจกบุคคลของอเมริกาเพื่อขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวระดับโลกเพื่อยุติความอดอยาก ความเป็นผู้นำและการสนับสนุนของเราช่วยส่งต่อสิ่งที่ชาวอเมริกันสืบทอดมายาวนานอย่างการเลี้ยงดูครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือทั่วโลก

ดูเนื้อหาต้นฉบับ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220318005088/en/

ติดต่อ:

สื่อ:
Misty Zelent
mzelent@irco.com

นักลงทุนสัมพันธ์:
Chris Miorin
christopher.miorin@irco.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Milliken & Company ได้รับเลือกให้เป็นบริษัทที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุดในโลกปี 2565 เป็นปีที่ 16 ติดต่อกัน

Logo

รายชื่อรางวัลด้านจริยธรรมขั้นสุดท้ายถือเป็นการยกย่องที่โดดเด่นสำหรับผู้ผลิตที่หลากหลาย

สปาร์ตันเบิร์ก เซาท์แคโรไลนา–(BUSINESS WIRE)–15 มีนาคม 2565

Milliken & Company ได้รับการยกย่องจากสถาบัน Ethisphere ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในการกำหนดและพัฒนามาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุดในโลกปี 2565 หรือ 2022 World’s Most Ethical Companies ผู้ผลิตระดับโลกที่มีความหลากหลาย ซึ่งมีมากกว่า 60 แห่งและพนักงานประมาณ 8,000 รายทั่วโลก เป็นหนึ่งในหกบริษัทที่ได้รับรางวัลเกียรติคุณตามหลักจริยธรรมอันทรงเกียรติทุกปีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งรางวัล

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220315005184/en/

Milliken is one of six companies included on the list for the last 16 years. (Graphic: Business Wire)

Milliken เป็นหนึ่งในหกบริษัทที่มีอยู่ในรายชื่อในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา (กราฟิก: Business Wire)

“สถาบัน Ethisphere และโปรแกรมบริษัทที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุดในโลกเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่สำคัญสำหรับวิธีการดำเนินธุรกิจของเรา” Halsey Cook ประธานและซีอีโอของ Milliken & Company กล่าว “การได้รับการยกย่องนี้เป็นเวลาถึง 16 ปีติดต่อกันเป็นการตอกย้ำถึงวัฒนธรรมและความมุ่งมั่นของสมาชิกทีม Milliken ทั่วโลก มันคือสิ่งที่เราเป็น”

ในปี 2565 มีผู้ได้รับรางวัล 136 คน ครอบคลุม 22 ประเทศและ 45 อุตสาหกรรม Milliken เป็นหนึ่งในผู้ผลิตอุตสาหกรรมเจ็ดราย ด้วยการประเมินภายใต้ระบบ Ethics Quotient® ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของสถาบัน Ethisphere กระบวนการประเมินบริษัทที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุดในโลกที่จะได้รับคะแนนจากการให้ข้อมูลผ่านคำถามมากกว่า 200 ข้อเกี่ยวกับวัฒนธรรม บทบาททางสิ่งแวดล้อมและสังคม บทบาททางจริยธรรม การกำกับดูแลกิจการ และการสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมที่แข็งแกร่ง กระบวนการนี้ทำหน้าที่เป็นกรอบการดำเนินงานเพื่อรวบรวมและประมวลแนวทางปฏิบัติชั้นนำขององค์กรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และทั่วโลก

การดำเนินงานของ Milliken ในฐานะหนึ่งในบริษัทที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุดในโลกแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยตระหนักว่าจริยธรรมนั้นยึดถือความสำเร็จระยะยาวของบริษัทสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด

“ขอแสดงความยินดีกับ Milliken ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุดในโลกเป็นครั้งที่ 16” Timothy Erblich ซีอีโอของสถาบัน Ethisphere กล่าว “เราขอชมเชยทีมงาน Milliken ทั้งหมดสำหรับความสำเร็จที่สำคัญอย่างแท้จริงและความมุ่งมั่นของพวกเขาในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกและยั่งยืนโดยการสร้างวัฒนธรรมแห่งจริยธรรมและวัตถุประสงค์อย่างตั้งใจ”

ผู้ได้รับเกียรติ

รายชื่อบริษัทที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุดในโลกปี 2565 สามารถดูได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Milliken

บริษัท Milliken & Company เป็นผู้นำด้านการผลิตระดับโลกที่มุ่งเน้นด้านวัสดุศาสตร์เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าในวันพรุ่งนี้ จากอุตสาหกรรมโมเลกุลชั้นนำไปจนถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน Milliken สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ยกระดับชีวิตของผู้คนและนำเสนอโซลูชั่นสำหรับลูกค้าและชุมชน ด้วยสิทธิบัตรหลายพันรายการและพอร์ตโฟลิโอที่มีการใช้งานในวงการอุตสาหกรรมสิ่งทอ วัสดุปูพื้น เคมีพิเศษ และการดูแลสุขภาพ บริษัทใช้ความรู้สึกร่วมกันของความซื่อสัตย์และความเป็นเลิศเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกหลายยุคสมัย ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดที่น่าสนใจและแรงบันดาลใจในการแก้ไขปัญหาของบริษัท Milliken ได้ที่ milliken.com และบน FacebookInstagramLinkedIn และ Twitter.

เกี่ยวกับสถาบัน Ethisphere

สถาบัน Ethisphere® เป็นผู้นำระดับโลกในการกำหนดและยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ซึ่งกระตุ้นคุณลักษณะขององค์กร ความไว้วางใจในตลาด และความสำเร็จทางธุรกิจ สถาบัน Ethisphere มีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในการวัดและกำหนดมาตรฐานจริยธรรมหลักโดยใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลซึ่งช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ได้ปรับปรุงลักษณะองค์กรและวัดผลและปรับปรุงวัฒนธรรม ทั้งนี้สถาบัน Ethisphere ยกย่องความสำเร็จที่เหนือกว่าผ่านโปรแกรมการยกย่องบริษัทที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุดในโลก และมอบชุมชนผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมด้วย Business Ethics Leadership Alliance (BELA) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถาบัน Ethisphere สามารถค้นหาได้ที่: https://ethisphere.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220315005184/en/

ติดต่อสื่อ
Betsy Sikma, Milliken
betsy.sikma@milliken.com
864.909.7908

Anne Walker, Ethisphere
Anne.Walker@Ethisphere.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Donald F. Colleran ประธานและ CEO ของ FedEx Express จะเกษียณอายุ 31 ธันวาคม 2565

Logo

Richard W. Smith ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง

เมมฟิส เทนเนสซี.–(บิสิเนสไวร์)–11 มี.ค. 2565

FedEx Corp. (NYSE: FDX) ประกาศในวันนี้ว่า Donald F. Colleran ประธานและ CEO ของ FedEx Express จะเกษียณอายุในวันที่ 31 ธันวาคม 2022 หลังจากประสบความสำเร็จในอาชีพการงานที่ FedEx มาเกือบ 40 ปี  Richard W. Smith ประธานระดับภูมิภาคของอเมริกาและรองประธานบริหารฝ่ายสนับสนุนระดับโลกจะรับตำแหน่งต่อจาก Colleran ในตำแหน่งประธานและ CEO ของ FedEx Express

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220310005966/en/

Don Colleran (Photo: Business Wire)

Don Colleran (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

Colleran ดำรงตำแหน่งผู้นำที่สำคัญหลายประการที่ FedEx นับตั้งแต่เขาเข้าร่วมจาก Flying Tigers ในการเข้าซื้อกิจการโดย FedEx ในปี 1989  ในปี 1992 เขาย้ายไปโตเกียวและเริ่มงานระดับโลก 12 ปีในด้านการขายและการจัดการการดำเนินงานระหว่างประเทศ ซึ่งพาเขาจากโตเกียวไปยังฮ่องกงไปยังโตรอนโตซึ่งเขาดำรงตำแหน่งประธานของ FedEx Express Canada โดยเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกธุรกิจระหว่างประเทศของเรา Colleran ช่วยวางรากฐานสำหรับการเติบโตที่สำคัญในภาคส่วนนั้นของพอร์ต FedEx จากนั้นเขาดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่ายขายระหว่างประเทศก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของ FedEx Corp. ในปี 2560 เขาดำรงตำแหน่งปัจจุบันในฐานะประธานและซีอีโอของ FedEx Express ในปี 2562

“ด้วยการเปิดตัวความสามารถใหม่ๆ สำหรับลูกค้าของเรา ในการเป็นผู้นำทีม FedEx Express ทั่วโลกในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุด รวมถึงการระบาดของ COVID-19 Don มีบทบาทสำคัญในการสร้างและดำเนินกลยุทธ์การเติบโตระดับโลกที่โดดเด่นของเรา” Raj Subramaniam ประธานและ COO ของ FedEx Corp. กล่าว “ตลอดมาเขาได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ต่อลูกค้าและสมาชิกในทีมของเรา ผมมีความเคารพอย่างยิ่งต่อ Don และความแตกต่างที่เขาได้ทำระหว่างดำรงตำแหน่งที่ FedEx โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะแชมป์ที่แน่วแน่ในวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงระดับโลกของเรา  นอกเหนือจากผลงานทางธุรกิจที่น่าประทับใจตลอดหลายทศวรรษ  Don ทิ้งมรดกของการให้คำปรึกษาและสร้างทีมผู้นำที่น่าทึ่งซึ่งพร้อมที่จะนำธุรกิจ Express ไปสู่ระดับต่อไป เราขอให้เขาโชคดีในการเกษียณอายุหลังจากอาชีพที่โดดเด่นและยาวนานของเขา”

Richard W. Smith จะเป็นประธานและซีอีโอที่ได้รับเลือกให้ FedEx Express ในวันที่ 1 เมษายน 2565 และจะเข้ารับหน้าที่ทั้งหมดในวันที่ 1 กันยายน 2565.  Colleran จะยังคงอยู่ที่ FedEx Express ในฐานะที่ปรึกษาผู้บริหารระดับสูงจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมเพื่อช่วย รับรองการเปลี่ยนแปลงอย่างราบรื่น

Smith เข้าร่วมกับ FedEx ในปี 2548 ก่อนหน้านี้เขาดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอของ FedEx Logistics และดำรงตำแหน่งผู้นำหลายตำแหน่งในด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต การดูแลสุขภาพ และโซลูชันลูกค้า รวมถึงดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายบริการการค้าโลกและกรรมการผู้จัดการด้านชีววิทยาศาสตร์ และบริการพิเศษ

“Richard มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธุรกิจของเรา และมีบทบาทสำคัญในหลายโครงการริเริ่มที่สำคัญที่สุดของเรา รวมถึงกลยุทธ์ยานยนต์ไฟฟ้าและความพยายามในการจำหน่ายวัคซีนช่วยชีวิตเพื่อต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโควิด-19” Subramaniam กล่าว “ด้วยทีมผู้บริหารที่โดดเด่นที่เรามีไว้เพื่อดำเนินการตามกลยุทธ์ของเรา รวมถึงผู้นำอย่าง Richard ผมมั่นใจในอนาคตของ FedEx”

เกี่ยวกับ FedEx Corp.

FedEx Corp. (NYSE: FDX) ให้บริการด้านการขนส่ง อีคอมเมิร์ซ และบริการทางธุรกิจทั่วโลกแก่ลูกค้าและธุรกิจต่างๆ ด้วยรายรับต่อปีที่ 90 พันล้านดอลลาร์ บริษัทนำเสนอโซลูชั่นธุรกิจแบบบูรณาการผ่านบริษัทที่ดำเนินการแข่งขันร่วมกัน ดำเนินงานร่วมกัน และสร้างสรรค์นวัตกรรมทางดิจิทัลภายใต้แบรนด์เฟดเอ็กซ์ที่น่านับถือ FedEx ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในนายจ้างที่ได้รับความชื่นชมและไว้วางใจมากที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง โดยได้สร้างแรงบันดาลใจให้สมาชิกในทีมกว่า 600,000 คน โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัย มาตรฐานทางจริยธรรมและความเป็นมืออาชีพสูงสุด และความต้องการของลูกค้าและชุมชนของพวกเขา  FedEx มุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงผู้คนและความเป็นไปได้ทั่วโลกด้วยความรับผิดชอบและทรัพยากร โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การดำเนินงานเป็นศูนย์รวมคาร์บอนภายในปี 2583 หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ about.fedex.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/22020310005966/en/

ติดต่อ:

Jenny Robertson
FedEx
901-434-8100
jenny.robertson@fedex.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


A Thing of Beauty: Mary Kay Inc. คว้า 5 รางวัลนายจ้างดีเด่นในช่วงต้นปี 2565 ทั่วสหรัฐอเมริกา ยุโรปและมาเลเซีย

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–16 กุมภาพันธ์ 2565

คนทำงานด้านบริการทั่วโลกต่างกล่าวขาน: Mary Kay Inc. บริษัทด้านความงามและการพัฒนาผู้ประกอบการอันโด่งดัง ได้รับการโหวตให้เป็นสถานที่ทำงานอันดับต้น ๆ อีกครั้ง ในช่วงเวลา 60 วันแรกของปี 2565 แบรนด์ได้รับรางวัลนายจ้างอันทรงเกียรติถึงห้ารางวัลผ่านทาง Forbes และ Kincentric  ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป สาธารณรัฐเช็ก สเปน และมาเลเซีย การได้รับเกียรตินี้มาจากความสำเร็จในการจ้างงานอื่น ๆ อีกหลายรางวัลที่ได้รับตลอดสามปีที่ผ่านมา

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220215005276/en/

Melinda Foster Sellers, Chief People Officer at Mary Kay Inc. (Photo: Mary Kay Inc.)

Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทรัพยากรบุคคลของ Mary Kay Inc. (ภาพ: Mary Kay Inc.)

สุดยอดนายจ้างแห่งปี 2565 ของนิตยสาร Forbes (Forbes Best Employers of 2022) ได้รับการระบุในแบบสำรวจอิสระซึ่งจัดทำโดยพนักงานชาวอเมริกันประมาณ 60,000 รายที่ทำงานให้กับบริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 1,000 รายในสหรัฐอเมริกา โดยรวมแล้วนายจ้าง 1,000 รายได้รับการยอมรับจาก 25 ภาคอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไป และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Mary Kay ได้รับรายชื่อให้เป็นนายจ้างที่เป็นที่ปรารถนาของนิตยสาร Forbes—เมื่อเร็ว ๆ นี้ Forbes ยังระบุให้ Mary Kay เป็นสุดยอดนายจ้างขนาดกลาง สุดยอดนายจ้างสำหรับความหลากหลาย และสุดยอดนายจ้างสำหรับผู้หญิง

รางวัลนายจ้าง Kincentric ของ Mary Kay ในยุโรป สาธารณรัฐเช็ก สเปน และมาเลเซีย เป็นผลจากการประเมินที่แข็งแกร่งซึ่งวัดผลและระบุองค์กรที่เปลี่ยนแนวปฏิบัติด้านบุคลากรเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น จากข้อมูลของ Kincentric พนักงานของ Mary Kay ที่เข้าร่วมเกือบ 8 ใน 10 รายตอบว่า “ใช่” เมื่อถูกถามว่า: “Mary Kay เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันทำงานให้ดีที่สุดในทุก ๆ วัน” และพนักงานร้อยละ 87 ตอบรับคำกล่าวยืนยันว่า: “ภารกิจขององค์กรนี้ให้ทิศทางที่มีความหมายมาสู่ฉัน” ทั้งนี้เป็น 19 คะแนนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกของ Kincentric

Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทรัพยากรบุคคลของ Mary Kay Inc. กล่าวว่า “Mary Kay รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการยอมรับอีกครั้งในด้านแนวปฏิบัติของพนักงานและคะแนนการมีส่วนร่วมในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม” “บุคลากรของเราเป็นรากฐานของงานอันน่าทึ่งที่เราทำทั่วโลกและเป็นเหตุผลที่ทำให้เรายังคงเป็นแบรนด์ความงามชั้นนำเกือบ 60 ปีหลังจากการก่อตั้งของเรา เรามีปรัชญาการจ้างงานที่เรียบง่ายที่ Mary Kay: หากพนักงานของเรามาทำงานในทุก ๆ วันโดยเชื่อว่าพวกเขากำลังช่วยทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นนั้นแสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว”

ทั้งนี้ปรัชญาดังกล่าวได้แจ้งการตัดสินใจของพนักงานภายในทุกครั้งตลอดหกทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้พนักงานของ Mary Kay ร้อยละ 41 ทั่วโลกจึงร่วมงานกับบริษัทมาเป็นเวลานานกว่าสิบปี โดยร้อยละ 75 ของบทบาทใหม่ได้รับการส่งเสริมจากภายใน และแบรนด์นำเสนอหลายโปรแกรมที่มุ่งพัฒนาทางวิชาชีพ การคิดเชิงนวัตกรรม และสวัสดิภาพของพนักงาน Mary Kay นำเสนอรายการที่เอื้อประโยชน์ให้แก่พนักงานในด้านการรักษาพยาบาล ทันตกรรม และการมองเห็น การประกันชีวิต บัญชีออมทรัพย์สำหรับการรักษาพยาบาลและการดูแลที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ความคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและการสูญเสียอวัยวะ และแผนการออมเพื่อการเกษียณที่มีทั้งแบบ 401k และโปรแกรมแบ่งปันผลกำไรที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความมุ่งมั่นในการแบ่งปันความสำเร็จนี้เป็นรากฐานที่สำคัญของความมุ่งมั่นของ Mary Kay ต่อผู้ที่ทำให้เป็นไปได้

“บางทีฉันภูมิใจกับความพยายามด้านความหลากหลายของเราอย่างมากที่สุด” Sellers กล่าวเสริม “ในฐานะส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราต่อความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก ผู้นำของเรามากกว่า 1,000 ราย ได้เข้ารับการฝึกอบรมเรื่องอคติโดยไม่รู้ตัวและกำลังมีการดำเนินการอย่างอื่นที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้เรายังขอความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการตรวจสอบธุรกิจบุคคลที่สามและผู้ขายข้อมูลความหลากหลายเพื่อประเมินห่วงโซ่อุปทานของเราเพื่อให้แน่ใจว่าเราเป็นตัวแทนของผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย และธุรกิจที่เป็นเจ้าของโดยทหารผ่านศึกอย่างเหมาะสม”

พนักงานทั่วโลกของ Mary Kay ร้อยละ 61 เป็นผู้หญิง และร้อยละ 64 ของผู้นำตลาดเป็นผู้หญิง ณ เดือนมีนาคม 2564 

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อเกือบ 57 ปีที่ผ่านมาโดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ นอกจากการลงทุนทางด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและผลิตภัณฑ์สุดล้ำ Mary Kay ยังทุ่มเทกับการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและครอบครัวของพวกเธอ บริษัทของเรายังสนับสนุนการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน เพื่อให้วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายจนถึงทุกวันนี้ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220215005276/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ถ้อยแถลงเนื่องในวันสากลเพื่อสตรีและเด็กหญิงในงานวิทยาศาสตร์ประจำปี 2565 โดย Lucy Gildea ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรมแห่ง Mary Kay Inc.

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–11 กุมภาพันธ์ 2565

ด้านล่างนี้คือถ้อยแถลงโดย Dr. Lucy Gildea ประธานเจ้าหน้าทที่ฝ่ายนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay Inc. เนื่องในโอกาสวันสากลเพื่อสตรีและเด็กหญิงในงานวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2565

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220211005050/en/

Dr. Lucy Gildea, Chief Innovation Officer, Product and Science of Mary Kay Inc. (Photo: Mary Kay Inc.)

Dr. Lucy Gildea ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และวิทยาศาสตร์ แห่ง Mary Kay Inc. (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

ในการศึกษาที่เป็นการค้นพบครั้งสำคัญซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างปี 2509 และ 2520 มีการขอให้เด็กเกือบ 5,000 คนวาดรูปนักวิทยาศาสตร์ขึ้นมาคนละ 1 ภาพ และในบรรดาภาพวาดทั้งหมด มีเพียง 0.6% ที่เป็นภาพวาดของนักวิทยาศาสตร์ผู้หญิง ในการศึกษาที่คล้ายกันเมื่อไม่นานมานี้พบว่าเรื่องนี้มีความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น โดย 28% ของเด็กยุคใหม่วาดภาพนักวิทยาศาสตร์ผู้หญิงเมื่อได้รับโจทย์แบบเดียวกัน

นับว่าเป็นความก้าวหน้า แต่เรายังมีเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึง

Mary Kay Inc. จินตนาการถึงอนาคตที่นักวิทยาศาสตร์ผู้หญิงจำนวนมากขึ้นจะต้องมีตัวตนไม่เพียงบนหน้ากระดาษแต่ในโลกแห่งความเป็น นั่นคือเหตุผลที่ในวันสากลเพื่อสตรีและเด็กหญิงในงานวิทยาศาสตร์ปีนี้ เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล สถาบันการศึกษา และเพื่อน ๆ ของเราในภาคเอกชนมาลงทุน พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนผู้หญิงและเด็กหญิงมากขึ้นในการศึกษาด้าน STEM (วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) เมื่อมีเด็กผู้หญิงจำนวนมากขึ้นในการศึกษาด้าน STEM สตรีที่ก้าวสู่อาชีพในสาขานี้ก็จะมีจำนวนมากขึ้น ในทางกลับกัน สิ่งนี้ยังช่วยให้เกิดการเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียมสำหรับผู้หญิง ลดช่องว่างรายได้ที่ต่างกันเพราะเพศสภาพ กระตุ้นเศรษฐกิจ และกำจัดอคติในวงการวิทยาศาสตร์ด้วย

และนั่นคือเหตุผลที่ Mary Kay ให้การสนับสนุนนักเรียนในสาขา STEM ที่มีเพียงส่วนน้อยผ่านการลงทุนมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในโครงการต่าง ๆ เช่น Academy of Marketing Science, Society of Investigative Dermatology และ Madam C.J. Walker Scholarship

นั่นคือเหตุผลที่ในแต่ละปี องค์กร Mary Kay Ash FoundationSM ได้สนับสนุนการพัฒนาของนักวิทยาศาสตร์ผ่านการมอบทุนวิจัยซึ่งช่วยให้ค้นพบวิธีรักษามะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงโดยเฉพาะ

ในแต่ละวัน ผ่านนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ มีผู้หญิงจากทั่วโลกที่กำลังหาทางออกให้กับปัญหาอันซับซ้อนของพวกเรา และเรายังทำได้มากกว่านี้เพื่อแสดงออกว่าพวกเรามองเห็นสิ่งที่พวกเธอทำ เพื่อให้พวกเธอได้ส่งเสียงและมีตัวตนมากขึ้นในสาขา STEM

ในอนาคต เมื่อเราขอให้เด็ก ๆ ผู้หญิงวาดรูปนักวิทยาศาสตร์ขึ้นมา 1 ภาพ ดิฉันหวังว่าจะได้เห็นรูปของพวกเธอเองในภาพวาดนั้น

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อเกือบ 60 ปีที่ผ่านมาโดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ

นอกจากการลงทุนทางด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและผลิตภัณฑ์สุดล้ำ Mary Kay ยังทุ่มเทกับการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและครอบครัวของพวกเธอ บริษัทของเรายังสนับสนุนการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน เพื่อให้วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายจนถึงทุกวันนี้ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKayGlobal.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220211005050/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

มหาวิทยาลัยการจัดการแห่งสิงคโปร์ร่วมมือกับ XED เพื่อเสนอโปรแกรม LIVE แบบโต้ตอบสำหรับผู้นำระดับสูง

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–9 กุมภาพันธ์ 2565

มหาวิทยาลัยการจัดการแห่งสิงคโปร์ (SMU) ได้รับการยอมรับในระดับสากลในด้านการวิจัยระดับโลกและการสอนที่โดดเด่น โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2543 พันธกิจของ SMU คือการสร้างงานวิจัยระดับแนวหน้าที่มีผลกระทบระดับโลกและจัดหาผู้นำที่มีความคิดสร้างสรรค์และการเป็นผู้ประกอบการที่หลากหลายสำหรับเศรษฐกิจแบบที่ให้เกิดภูมิปัญญา

Singapore Management University Executive Development (SMU ExD) ที่ฝังอยู่ในแรงผลักดันโดยรวมในการคาดการณ์และเชื่อมโยงความสามารถสำหรับอนาคต ได้ร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ XED เพื่อเสนอโปรแกรมผู้บริหารสำหรับผู้นำระดับสูงทั่วทั้งองค์กร

“วิธีที่ดีที่สุดในการทำนายอนาคตคือการสร้างมันขึ้นมา บรรดาผู้นำทั่วโลกกำลังเผชิญกับโลกที่คาดเดาไม่ได้และเศรษฐกิจที่เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูป เราจำเป็นต้องมีการไม่เรียนรู้และเรียนรู้ใหม่เพื่อนำทางกฎใหม่ของเกม การร่วมมือกับ XED ทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ เนื่องจากขณะนี้เราสามารถใช้ประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญของคณาจารย์เพื่อเผยแพร่ความรู้ทั่วภูมิภาค” Eddie Tritton (ผู้อำนวยการบริหารของ ExD แห่งมหาวิทยาลัยการจัดการแห่งสิงคโปร์) กล่าว

โปรแกรมที่จะเกิดขึ้นของเรา: Executive Program in Digital Leadership (EPDL) ได้รับการออกแบบให้เป็นเส้นทางการเรียนรู้ออนไลน์ 5 เดือนที่มีรูปแบบเฉพาะและมุ่งเน้นเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสกับเสาหลักของการเป็นผู้นำในยุคดิจิทัลและสามารถใช้กับการเรียนรู้ได้สู่สภาพแวดล้อมในการทำงาน เรียนรู้เพิ่มเติม

เซสชั่นจะ LIVE ในกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีผู้เข้าร่วม 40 ถึง 50 คนสำหรับประสบการณ์การเรียนรู้ที่ส่งผลกระทบ ผู้เข้าร่วมมีประสบการณ์การทำงานโดยเฉลี่ย 15 ปี และอาศัยอยู่ในฮ่องกง ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ ไนจีเรีย และอื่น ๆ

ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำบางแห่งและสถาบัน Ivy League ได้สร้างกระแสและประสบความสำเร็จและมีส่วนร่วมเป็นอย่างมาก John Kallelil (ผู้ก่อตั้ง XED) ให้ความเห็นว่า “โปรไฟล์ผู้เข้าร่วมของเราแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานที่ไม่ซ้ำใครของผู้นำธุรกิจอาวุโส ตั้งแต่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพไปจนถึงมืออาชีพรุ่นเก๋าจาก C-suite ผู้เข้าร่วมของเราแสดงความสนใจอย่างมากในการเพิ่มทักษะและเตรียมตัวสำหรับยุคดิจิทัล โมเดลที่มีการพัฒนาและผกผันอย่างต่อเนื่องต้องการการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องกันเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร”

XED ได้ฝึกอบรมผู้นำอาวุโสมากกว่า 10,000 รายจาก PepsiCo, IBM, Adobe, John Deere, Bank of America, WNS, Meinhardt, Abu Dhabi Government และอื่น ๆ อีกหลายแห่ง ในอนาคต XED มีแผนที่จะแนะนำโปรแกรมใหม่ที่ช่วยให้ผู้นำระดับสูงสามารถเข้าถึงมหาวิทยาลัยทั่วโลก การศึกษาที่มีคุณภาพ และการเรียนรู้ที่กำหนดเองได้กว้างขึ้น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220208005679/en/

ติดต่อ:

John Kallelil | john@xedinstitute.org
https://xedinstitute.org/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย