Gradiant ระดมทุน 225 ล้านดอลลาร์เพื่อเร่งการขยายธุรกิจ

Logo

การระดมทุนครั้งสำคัญทำให้มูลค่าของ Gradiant อยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตอกย้ำศักยภาพการเติบโตของบริษัทในตำแหน่งที่แตกต่างในตลาดน้ำทั่วโลก

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–25 พฤษภาคม 2566

Gradiant ผู้ให้บริการโซลูชันแบบครบวงจรระดับโลกสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทสามารถระดมทุนได้ 225 ล้านดอลลาร์ในการปิดการจัดหาเงินทุน Series D ครั้งแรก ซึ่งรอบนี้นำโดย BoltRock Holdings และ Centaurus Capital ทำให้เงินทุนรวมของ Gradiant ปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 400 ล้านดอลลาร์และตัวองค์กรเองมีมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์

Gradiant’s founders, Prakash Govindan (COO) and Anurag Bajpayee (CEO) (Photo: Business Wire)

Gradiant’s founders, Prakash Govindan (COO) and Anurag Bajpayee (CEO) (Photo: Business Wire)

Gradiant เป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมน้ำ โดยมีการเติบโตสูงสุดกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YOY) เป็นเวลาสี่ปีติดต่อกัน บริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนใหม่เพื่อขยายธุรกิจสู่ตลาดเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้ Gradiant เป็นพันธมิตรด้านน้ำที่อุตสาหกรรมที่จำเป็นของโลกต้องการ เงินทุนดังกล่าวยังสนับสนุนการเติบโตไปสู่ภูมิภาคใหม่ ๆ เช่น ตะวันออกกลางและยุโรป ทั้งยังสนับสนุนโครงการ R&D ของ Gradiant อีกด้วย

John Arnold ผู้ก่อตั้ง Centaurus Capital กล่าวว่า “ในขณะที่การผลิตและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกยังคงก้าวหน้า พวกเขาต้องการทรัพยากรน้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากและมีจำนวนจำกัดมากขึ้นเรื่อย ๆ” “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับบริษัทที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถรองรับความต้องการเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง”

Gradiant ออกแบบ สร้าง และดำเนินการโซลูชันการบำบัดน้ำแบบครบวงจรสำหรับอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดในโลก รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญ รวมถึงพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทและโซลูชันดิจิทัลแบบครบวงจรช่วยลดการใช้น้ำ เรียกคืนทรัพยากรที่มีค่า และบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำจืดสำหรับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลายแห่ง เช่น Micron, TSMC, GSK, Pfizer, SLB, Rio Tinto, AB InBev และ Coca-Cola

“การลงทุนครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงผลงานของ Gradiant ในการคิดค้นและทำการค้าเทคโนโลยีน้ำเพื่อสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมของเรา” กล่าวโดย Anurag Bajpayee ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Gradiant “BoltRock และ Centaurus แบ่งปันวิสัยทัศน์ของเราและใช้เงินทุนระยะยาวอย่างชาญฉลาดซึ่งจะช่วยให้ Gradiant เติบโตเป็นบริษัทน้ำที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก”

Craig Huff ผู้ก่อตั้งและสมาชิกผู้จัดการของ BoltRock Holdings กล่าวว่า “บริษัทนำทีมโดยผู้บริหารที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเทคโนโลยีน้ำและความต้องการด้านการดำเนินงานของลูกค้าใน Fortune 100” “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ Gradiant เพื่อรับมือกับความท้าทายทางน้ำที่สำคัญในยุคของเรา”

Mr. Huff จาก BoltRock และ Mark Danchak จาก General Innovation Capital จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของบริษัท

เกี่ยวกับ Gradiant

บริษัทให้บริการบำบัดน้ำแบบครบวงจรและโซลูชันดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุสำคัญ และพลังงานหมุนเวียน โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Gradiant ช่วยลดการใช้น้ำ ลดการปล่อยน้ำเสีย เรียกคืนทรัพยากรที่มีค่า และบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด โดยมีสำนักงานใหญ่ในบอสตัน ก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 900 คนทั่วโลก ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เกี่ยวกับ BoltRock Holdings

BoltRock Holdings เป็นสำนักงานครอบครัวที่ตั้งอยู่ใน New York City โดย BoltRock มุ่งเน้นไปที่การจัดหาเงินทุนระยะยาวให้แก่บริษัทระดับโลกในอุตสาหกรรมที่สำคัญ

เกี่ยวกับ Centaurus Capital

Centaurus Capital เป็นสำนักงานการลงทุนของครอบครัวสำหรับ John Arnold ที่ลงทุนในหลากหลายภาคส่วน ได้แก่ อุตสาหกรรม พลังงาน การเงินและพลังงานหมุนเวียน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/53401788/en

ติดต่อ

องค์กร:
Felix Wang
รองประธานฝ่ายการตลาดของ Gradiant
fwang@gradiant.com

แหล่งที่มา: Gradiant

Gradiant พัฒนาความยั่งยืนในการขุดผ่านความร่วมมือกับ SLB, Rio Tinto และบริษัทเหมืองระดับโลกของออสเตรเลีย

Logo

บอสตัน, แมสซาชูเซตส์–(BUSINESS WIRE)–25 พฤษภาคม 2566

Gradiant ผู้ให้บริการและผู้พัฒนาโซลูชันสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงระดับโลกได้ประกาศความร่วมมือกับ SLB (เดิมคือ Schlumberger), Rio Tinto และบริษัทเหมืองแร่ระดับโลกของออสเตรเลีย เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและความยั่งยืนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่โดยมุ่งเน้นที่การลดรอยเท้าคาร์บอนและน้ำ ซึ่งโครงการเหล่านี้อยู่ในสหรัฐอเมริกาและรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียสำหรับการกู้คืนทรัพยากรแร่ธาตุที่สำคัญและน้ำในกระบวนการอุตสาหกรรม

โดยความร่วมมือระหว่าง Gradiant กับ SLB และบริษัทเหมืองระดับโลกของออสเตรเลียมีเป้าหมายที่จะกู้คืนโลหะมีค่า เช่น ลิเธียม นิกเกิล และโคบอลต์ ซึ่งเป็นโลหะที่จำเป็นในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ การทำเหมืองวัสดุเหล่านี้มีความซับซ้อนสูงและใช้น้ำมาก ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้นและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ธุรกิจต้องเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีความคุ้มค่าและส่งเสริมความยั่งยืน ซึ่งเทคโนโลยีของ Gradiant ช่วยให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างยั่งยืน มีประสิทธิภาพและประหยัดซึ่งเป็นโซลูชันที่ถูกปรับปรับแต่งโดย Gradiant ตั้งแต่ต้นจนจบ

งานของ Gradiant กับ SLB ผสานรวมเทคโนโลยีของ Gradiant เพื่อรวมสารละลายลิเธียมเข้ากับการสกัดลิเธียมโดยตรง (DLE) และกระบวนการผลิตของ SLB ซึ่งช่วยลดเวลาในการออกสู่ตลาดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการสกัดลิเธียม ซึ่งโซลูชันนี้มีผลต่อกระบวนการสกัดลิเธียมที่ยั่งยืนโดยทำให้ความเข้มข้นของลิเธียมอยู่ในระดับสูงในเวลาเพียงเศษเสี้ยวของเวลาที่ต้องใช้โดยวิธีทั่วไป ในขณะเดียวกันจะลดการปล่อยคาร์บอน ลดการใช้พลังงาน และลดต้นทุน เมื่อเทียบกับวิธีการที่ใช้ความร้อน

สำหรับ Rio Tinto นั้น Gradiant จะส่งมอบโรงงานแห่งใหม่ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียเพื่อแทนที่โรงงานเก่า โดยใช้เทคโนโลยีเมมเบรน RO Infinity ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทและ SmartOps Digital AI ในการดำเนินการขุด Gradiant ได้นำสองเทคโนโลยีปลอดสารเคมีมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อลดการใช้สารเคมีและการปล่อยของเสียให้เหลือน้อยที่สุด

สุดท้ายนี้ เทคโนโลยี RO Infinity และ SmartOps ของ Gradiant จะรวมน้ำเสียที่ซับซ้อนจากการผลิตนิกเกิลและโคบอลต์ที่โรงงานแห่งใหม่ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียสำหรับบริษัทเหมืองแร่ระดับโลก ส่งผลให้ประหยัดต้นทุนได้มากถึง 75% พร้อมรอยเท้าคาร์บอนและน้ำที่ลดลงเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีทั่วไป

Prakash Govindan COO ของ Gradiant กล่าวว่า “การทำเหมืองเป็นภาคอุตสาหกรรมที่ซับซ้อนซึ่งซึ่งมีความท้าทาย ต่อพื้นที่ห่างไกล, จำนวนขยะที่มาก, คุณภาพน้ำที่ผันผวน, และผลิตภัณฑ์ปลายทางที่มีมูลค่าสูงที่ต้องการประสิทธิภาพการออกแบบและการดำเนินงานอย่างไม่หยุดยั้ง” Prakash Govindan ได้กล่าวต่อว่า “โอกาสที่แท้จริงสำหรับเทคโนโลยีน้ำในอุตสาหกรรมเหมืองแร่คือการกู้คืนทรัพยากรในน้ำเสียควบคู่กับ AI เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับผู้ประกอบการการขุดชั้นนำของโลกเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ของการฟื้นฟูทรัพยากรอย่างยั่งยืน สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของ Gradiant เกี่ยวกับเคมีที่ซับซ้อนที่แฝงอยู่ในกระบวนการผลิตซึ่งจะถูกดำเนินการโดยเทคโนโลยีดิจิทัลการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองของเครื่อง”

Gradiant ออกแบบ สร้าง และดำเนินการโซลูชันเกี่ยวกับน้ำและดิจิทัลแบบครบวงจร เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีขั้นสูงในอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลกซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะลดการใช้น้ำจืด เรียกคืนทรัพยากรอันมีค่าและเปลี่ยนสภาพน้าให้เป็นน้ำจืด

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นบริษัทจัดการเกี่ยวกับน้ำที่ปรับใช้ชุดเทคโนโลยีเต็มรูปแบบของโซลูชันที่สร้างสรรค์เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมชั้นนำของโลกสามารถดำเนินงานได้อย่างยั่งยืนผ่านการใช้น้ำอย่างมีความรับผิดชอบ บริษัทให้บริการออกแบบ สร้าง และดำเนินการโซลูชันเกี่ยวกับน้ำและดิจิทัลแบบ end-to-end ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญ และพลังงานหมุนเวียน โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Gradiant ลดการใช้น้ำและน้ำเสียที่เกิดขึ้น เรียกคืนทรัพยากรที่มีค่าและเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ในบอสตัน ก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 900 คนทั่วโลก เพิ่มเติมที่ gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้นและควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษา                ต้นฉบับซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อบริษัท:
Felix Wang
รองประธานฝ่ายการตลาดของ Gradiant
fwang@gradiant.com

ที่มา: Gradiant

Kioxia เปิดตัวไคลเอนต์ SSD Series BG6 ใหม่ นำประสิทธิภาพ PCIe® 4.0 และราคาย่อมเยามาสู่กระแสหลัก

Logo

ไดรฟ์ใหม่มีหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นที่ 6; SSD 2,048GB รักษาฟอร์มแฟคเตอร์ M.2 2230

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–23 พฤษภาคม 2023

Kioxia Corporation วันนี้ประกาศการเพิ่ม KIOXIA BG6 Series ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไดรฟ์โซลิดสเทต PCIe® 4.0 (SSD) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่มีหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D เจนเนอเรชั่นที่ 6 ของบริษัท[1] และประสิทธิภาพเกือบ 1.7 เท่าของรุ่นก่อน[2] ซึ่งออกแบบมาเพื่อปลดปล่อยความเร็วที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการจ่ายของ PCIe® 4.0 สำหรับผู้ใช้พีซี KIOXIA BG6 Series ไคลเอนต์ SSD ที่ทรงพลังและกะทัดรัดนำเสนอฟอร์มแฟคเตอร์ M.2 2230 แบบแยกพร้อมความจุที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น มีเวอร์ชันฟอร์มแฟกเตอร์ด้านเดียว M.2 2280 ให้ใช้งานด้วย KIOXIA BG6 Series จะเริ่มสุ่มตัวอย่างในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 สำหรับการประเมินของลูกค้า OEM

KIOXIA BG6 Series Client SSDs Bring PCIe® 4.0 Performance and Affordability to the Mainstream (Photo: Business Wire)

SSD แบบไคลเอ็นท์ KIOXIA BG6 Series มอบประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของ PCIe® 4.0 สู่ตลาดกระแสหลัก (ภาพ: Business Wire)

KIOXIA BG6 Series ปลดล็อกประสิทธิภาพของแฟลชแบบแบ็คเอนด์ในขณะที่ยังคงราคาย่อมเยาและเพิ่มความจุ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อปเชิงพาณิชย์และสำหรับผู้บริโภค ไดรฟ์ KIOXIA BG6 รองรับเทคโนโลยี Host Memory Buffer (HMB) ที่ครบกำหนด ซึ่งใช้ส่วนหนึ่งของหน่วยความจำโฮสต์ (DRAM) ราวกับว่ามันเป็นของตนเอง เพื่อให้ได้ SSD ประสิทธิภาพสูงที่ไม่มี DRAM

คุณลักษณะและคุณประโยชน์เพิ่มเติมประกอบด้วย:

  • ความจุ 256 กิกะไบต์ (GB), 512 GB, 1,024 GB และ 2,048 GB[3]
  • PCIe® อินเทอร์เฟซ 64 กิกะทรานเฟอร์ต่อวินาที (GT/s) (Gen4 x4 เลน)
  • การอ่านตามลำดับสูงสุด 6,000 เมกะไบต์ต่อวินาที (MB/s) และการเขียนตามลำดับ 5,300 MB/s
  • สูงถึง 850,000 IOPS[4] การอ่านแบบสุ่มและการเขียนแบบสุ่ม 900,000 IOPS
  • การสนับสนุนในอนาคตสำหรับชุดคุณลักษณะ NVMe™ 1.4c และคำสั่งการจัดการพื้นฐานผ่าน System Management Bus (SMBus) ทำให้สามารถจัดการระบายความร้อนได้แน่นขึ้น
  • รองรับมาตรฐาน TCG Pyrite และ Opal ล่าสุด[5] เช่นเดียวกับการปกป้องข้อมูลแบบครบวงจร ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะปลอดภัยไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือในสำนักงาน
  • รองรับสัญญาณแจ้งเตือนไฟฟ้าดับเพื่อป้องกันข้อมูลจากการบังคับปิดเครื่อง
  • สัญญาณแถบข้าง (PERST#, CLKREQ# และ PLN#) รองรับทั้ง 1.8V และ 3.3V
  • รองรับคุณสมบัติการกู้คืนเฟิร์มแวร์ของแพลตฟอร์ม

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง:
กลุ่มผลิตภัณฑ์ SSD ไคลเอนต์ของ Kioxia รวมถึงรายละเอียดของ KIOXIA BG6 Serieshttps://www.kioxia.com/en-jp/business/ssd/client-ssd.html

หมายเหตุ
[1] SSD 256 GB และ 512 GB ใช้หน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นที่ 5
[2] เปรียบเทียบ KIOXIA BG5 Series กับ BG6 Series
[3] คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation กำหนดเมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์ และเทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุของพื้นที่เก็บข้อมูลโดยใช้ยกกำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุที่น้อยกว่า ความจุที่มีอยู่ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การฟอร์แมต การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่ฟอร์แมตแล้วตามจริงอาจแตกต่างกันไป
[4] IOPS: อินพุตเอาต์พุตต่อวินาที (หรือจำนวนการดำเนินการ I/O ต่อวินาที)
[5] ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกความปลอดภัย/การเข้ารหัสอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

*NVMe เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG
*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งอุทิศให้กับการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดร์ฟ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory รุ่นก่อนได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและมูลค่าบนหน่วยความจำสำหรับสังคม BiCS FLASH™ เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia กำลังกำหนดอนาคตของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

คำถามของลูกค้า:
Kioxia Corporation
สำนักงานขายทั่วโลก
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงข้อกำหนด เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ ถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53405194/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ฝ่ายสอบถามสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Koji Takahata
โทร: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

Cvent ประกาศจุดหมายปลายทางการประชุมยอดนิยมและโรงแรมจัดการประชุมยอดนิยมในเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2023

Logo

รายชื่อยอดนิยมประจำปีที่มีการรอคอยอย่างสูงซึ่งเผยแพร่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด นำเสนอโรงแรม MICE ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและจุดหมายปลายทางการประชุมที่เป็นที่ต้องการ

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–23 พฤษภาคม 2023

Cvent ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการประชุม กิจกรรม และการบริการระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม เปิดเผยรายชื่อ จุดหมายปลายทางการประชุมยอดนิยม และ โรงแรมจัดการประชุมยอดนิยม สำหรับเอเชียแปซิฟิก รายชื่อเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงการจัดอันดับภูมิภาคสำหรับอเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ได้รับการรวบรวมโดยอิงจากกิจกรรมการจัดหาผ่าน Cvent Supplier Network ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการจัดหาสถานที่จัดงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก นี่เป็นครั้งแรกที่ Cvent เผยแพร่รายชื่อประจำปี นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมการประชุมและงานอีเวนต์หยุดชะงักในช่วงต้นปี 2020

Graham Pope รองประธานฝ่ายขายระหว่างประเทศของ Cvent กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้ปฏิวัติวิธีการที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อดึงดูดนักวางแผน และเพิ่มความพยายามด้านการขายและการตลาดเพื่อดึงดูดการประชุมและกิจกรรมมายังที่พักหรือสถานที่ของตน การระบาดใหญ่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการประชุมและงานอีเวนต์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งนั้นช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่นได้อย่างไร และรายการ Cvent Top Lists ของเราได้เน้นย้ำถึงโรงแรม สถานที่ และจุดหมายปลายทางที่ทำให้เกิดการกลับมาอย่างน่าทึ่งโดยใช้ประโยชน์จากการกลับมาอย่างรวดเร็วในการจัดงานแบบตัวต่อตัว หลังจาก 4 ปีที่ยาวนาน เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้อีกครั้งและจัดหาทรัพยากรที่ผู้จัดงานใช้เพื่อค้นหาโรงแรมและจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยม และใช้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการที่ต้องการสร้างความแตกต่างเพื่อเพิ่มรายได้ MICE”

จุดหมายปลายทางการประชุมยอดนิยมของ Cvent

เมื่อข้อจำกัดการแพร่ระบาดผ่อนคลายลงและการเดินทางท่องเที่ยวกลับมาดำเนินต่อ จุดหมายปลายทางหลายแห่งทั่วเอเชียแปซิฟิกได้เห็นการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและคณะกรรมการการท่องเที่ยวระดับภูมิภาคทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อโปรโมทเมืองของตนและดึงดูดนักท่องเที่ยวเหล่านี้ไปยังสถานที่ของตน ด้วยการท่องเที่ยวในภูมิภาคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การแสวงหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ การเปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเข้าถึงผู้ชมที่กว้างขึ้นได้กลายมาเป็นวาระสำคัญสำหรับคณะกรรมการการท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก

จุดหมายปลายทางการประชุม 10 อันดับแรกในเอเชียแปซิฟิก

1. สิงคโปร์

2. ซิดนีย์ ออสเตรเลีย

3. กรุงเทพฯ ไทย

4. กรุงโซล เกาหลีใต้

5. เมลเบิร์น ออสเตรเลีย

6. โตเกียว ญี่ปุ่น

7. บาหลี อินโดนีเซีย

8. กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย

9. โกลด์โคสต์ ออสเตรเลีย

10. ภูเก็ต ไทย

โรงแรมจัดการประชุมยอดนิยมของ Cvent

การฟื้นตัวของตลาดที่แข็งแกร่งใน APAC กระตุ้นให้โรงแรมเปิดตัวอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ลงทุนในการปรับปรุงใหม่ และดำเนินการขยายขอบเขตเพื่อรองรับนักเดินทางและหมู่คณะให้ดียิ่งขึ้น เมื่อเปรียบเทียบอันดับในปีนี้กับปี 2019 ผู้มาใหม่ใน 10 อันดับแรก ได้แก่ Fairmont Singapore (#1), Conrad Centennial Singapore (#4), Swissôtel The Stamford Singapore (#5) และ InterContinental Singapore (#6) โรงแรมที่ให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวกในการประชุมล้ำสมัยยังโดดเด่นอยู่ใน 10 อันดับแรก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าที่ยั่งยืนของการลงทุนเพื่อดึงดูดธุรกิจ MICE

10 สุดยอดโรงแรมสำหรับการประชุมในเอเชียแปซิฟิก

1. Fairmont Singapore

2. Hyatt Regency Sydney

3. Shangri-La Singapore

4. Conrad Centennial Singapore

5. Swissôtel The Stamford Singapore

6. InterContinental Singapore

7. Pan Pacific Singapore

8. Hilton Singapore Orchard

9. PARKROYAL COLLECTION, Singapore

10. JW Marriott Hotel Singapore South Beach

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการจัดอันดับที่สองในรายชื่อโรงแรมยอดนิยมของ Cvent และเราประสบความสำเร็จอย่างมากเนื่องจากแพลตฟอร์ม Cvent Supplier Network” กล่าวโดย Rachela Virgara ผู้อำนวยการฝ่ายขาย – MICE ของ Hyatt Regency Sydney “แพลตฟอร์มนี้ทำให้การเชื่อมต่อลูกค้ากับโรงแรมและผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นเรื่องง่าย การมีแพลตฟอร์มเดียวที่สอดคล้องกันทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว และช่วยให้สามารถสร้างความสัมพันธ์และการเชื่อมต่อที่อย่างอื่นอาจไม่เคยมีมาก่อน การได้รับการยอมรับนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังของเทคโนโลยีและความร่วมมือในอุตสาหกรรมการบริการ และเราหวังว่าจะได้ร่วมมือกับ Cvent ต่อไปเพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับแขกของเรา”

หากต้องการดูจุดหมายปลายทางการประชุมยอดนิยมของ Cvent และโรงแรมจัดการประชุมยอดนิยมของ Cvent ทั่วโลก คลิกที่นี่

ระเบียบวิธี

สำหรับโรงแรมจัดการประชุมยอดนิยมของ Cvent นั้น Cvent ประเมินคุณสมบัติโรงแรมที่สร้างธุรกิจผ่าน Cvent Supplier Network ระหว่างเดือนมกราคม 2022 ถึงธันวาคม 2022 ที่พักได้รับการจัดอันดับตามเกณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงคำขอทั้งหมดสำหรับข้อเสนอ (RFP), RFP ที่ได้รับรางวัล, จำนวนคืนห้องพักทั้งหมด, คืนห้องพักที่ได้รับรางวัล, ส่วนแบ่งการตลาดในเขตเมืองใหญ่, อัตราการแปลง และอัตราการตอบกลับ เกณฑ์นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผลสะท้อนที่ถูกต้องที่สุดของโรงแรมชั้นนำสำหรับการประชุมในอเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

สำหรับจุดหมายปลายทางการประชุมยอดนิยมของ Cvent นั้น Cvent ได้ประเมินเมืองต่าง ๆ กว่า 12,500 เมืองทั่วโลกที่มีรายชื่ออยู่ใน Cvent Supplier Network มีการติดตามกิจกรรมระหว่างเดือนมกราคม 2022 ถึงธันวาคม 2022 การจัดอันดับพิจารณาจากชุดเกณฑ์ที่มีคุณสมบัติ ได้แก่ จำนวนคืนห้องพักทั้งหมดที่จองผ่าน Cvent Supplier Network; จำนวนคำขอเสนอทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ซ้ำกัน (RFPs) ที่ส่งผ่านตลาดไปยังสถานที่ต่าง ๆ ภายในเมือง; มูลค่ารวมของ RFPs ที่ส่ง; และมูลค่าที่ได้รับจริงสำหรับการประชุมที่จองไว้

เกี่ยวกับ Cvent Supplier Network

Cvent Supplier Network (CSN) มีโรงแรม รีสอร์ท และสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษมากกว่า 300,000 แห่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูลรายละเอียดสถานที่ที่ใหญ่ที่สุดและแม่นยำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เงินมากกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์มาจากเครือข่ายการจัดหาของ Cvent ในปี 2022 CSN มีรายชื่อโรงแรมและสถานที่อื่น ๆ ใน 18 ภาษาที่สามารถค้นหาและกรองตามลักษณะและเกณฑ์ต่าง ๆ กว่า 200 รายการ เครือข่ายเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม Cvent ที่ครอบคลุม ซึ่งนำเสนอโซลูชันที่โรงแรมและสถานที่ต่าง ๆ ใช้ประโยชน์โดยตรงจากเครือข่ายทั่วโลกที่มีนักวางแผนกว่า 109,000 ราย จัดการ MICE และธุรกิจท่องเที่ยวขององค์กร และขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่สร้างผลกำไร

เกี่ยวกับ Cvent

Cvent Holding Corp. (Nasdaq: CVT) เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีการประชุม กิจกรรม และการบริการชั้นนำ โดยมีพนักงานกว่า 4,800 คนและลูกค้ากว่า 21,000 รายทั่วโลก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2023 บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดยให้บริการแพลตฟอร์มการตลาดและการจัดการงานอีเวนต์ที่ครอบคลุม และนำเสนอตลาดระดับโลกที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอีเวนต์ร่วมมือกับสถานที่ต่าง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดและส่งผลกระทบ Cvent มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองไทสันส์ รัฐเวอร์จิเนีย นอกกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานเพิ่มเติมทั่วโลกเพื่อรองรับฐานลูกค้าทั่วโลกที่กำลังเติบโต แพลตฟอร์มการตลาดและการจัดการอีเวนต์ของ Cvent ที่ครอบคลุมนำเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์สำหรับผู้จัดงานและนักการตลาดสำหรับการลงทะเบียนกิจกรรมออนไลน์ การเลือกสถานที่ การตลาดและการจัดการอีเวนต์ โซลูชันเสมือนจริงและนอกสถานที่ และการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วม ชุดผลิตภัณฑ์ของ Cvent ทำให้วงจรการจัดการอีเวนต์เป็นไปอย่างอัตโนมัติและลดความซับซ้อน และเพิ่มผลกระทบสูงสุดจากเหตุการณ์แบบเผชิญหน้า เสมือนจริง และแบบผสมผสาน โรงแรมและสถานที่ต่าง ๆ ใช้โซลูชันซัพพลายเออร์และสถานที่ของ Cvent เพื่อคว้ารางวัลธุรกิจ MICE และธุรกิจท่องเที่ยวสำหรับองค์กรมากขึ้นผ่านแพลตฟอร์มการจัดหาของ Cvent โซลูชัน Cvent เพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่คุณค่าการจัดการอีเวนต์และช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถจัดการการประชุมและกิจกรรมหลายล้านรายการ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ Cvent.com/in

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Sucharita Das
Cvent
Sucharita.das@cvent.com
+91 9899128886

แหล่งที่มา: Cvent Holding Corp.

Fortress Management และ Mubadala ซื้อกิจการ Fortress Investment Group

Logo

ทีมผู้บริหารของ Fortress จะเข้ารับตำแหน่งหุ้นส่วนที่สำคัญ

นิวยอร์กและอาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–22 พฤษภาคม 2023

Fortress Investment Group (“Fortress”) และ Mubadala Investment Company ของบริษัทในเครือ Mubadala Capital (“Mubadala Capital”) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือด้านการจัดการสินทรัพย์ทั้งหมด ได้ประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาได้ทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายเพื่อซื้อหุ้น 90.01% ของ Fortress ซึ่งปัจจุบันถือครองโดย SoftBank Group Corp. (“SoftBank”) ซึ่งได้เป็นเจ้าของ Fortress ตั้งแต่ปี 2017 ไม่มีการเปิดเผยข้อกำหนดของข้อตกลง และข้อตกลงอยู่ภายใต้เงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียมและการอนุมัติตามกฎระเบียบ

หลังจากเสร็จสิ้นการทำธุรกรรม ผู้บริหารของ Fortress คาดว่าจะถือหุ้น 30% ในบริษัท และจะถือสิทธิ์ในประเภทหุ้นที่ผู้บริหารของ Fortress สามารถแต่งตั้งเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการ Mubadala Capital (ซึ่งปัจจุบันถือหุ้น 9.99% ใน Fortress ผ่านกองทุน Private Equity Funds II และ III) จะถือหุ้น 70% ของ Fortress

หลังจากปิดตัวลง Fortress จะยังคงทำงานในฐานะผู้จัดการการลงทุนอิสระภายใต้แบรนด์ Fortress โดยมีอิสระอย่างเต็มที่ในกระบวนการลงทุนและการตัดสินใจ บุคลากร และการดำเนินงาน Drew McKnight และ Joshua Pack จะได้รับการแต่งตั้งเป็นซีอีโอร่วมของ Fortress และ Pete Briger จะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน Hani Barhoush ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการของ Mubadala Capital ซึ่งดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารของ Fortress มาตั้งแต่ปี 2019 จะยังคงดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการต่อไป

Dean Dakolias จะดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนผู้จัดการต่อไป และ Tom Pulley จะดำรงตำแหน่ง CEO ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกอย่าง Fortress Real Estate ต่อไป Jack Neumark ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและจะยังคงเป็นผู้นำในธุรกิจสินทรัพย์ทางกฎหมายและเป็นหัวหน้าร่วมในธุรกิจการเงินพิเศษ และ Marc Furstein จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานต่อไป ผู้ร่วมก่อตั้ง Fortress Wes Edens และ Randy Nardone จะยังคงดูแลธุรกิจ PCV และการลงทุน PE ที่เหลืออยู่ รวมถึง Brightline

ภายใต้การเป็นเจ้าของร่วมใหม่ Fortress คาดว่าจะสร้างมูลค่าที่สำคัญให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยการสร้างตัวเองต่อไปในพื้นที่การลงทุนทางเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสินเชื่อและอสังหาริมทรัพย์ในตลาดภาครัฐและเอกชน ซึ่งปัจจุบันบริหารสินทรัพย์มูลค่า 46 พันล้านดอลลาร์บน ในนามของนักลงทุนสถาบันและลูกค้าเอกชนกว่า 1,900 ราย Fortress คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายทั่วโลกของ Mubadala Capital และพอร์ตโฟลิโอสินทรัพย์ที่หลากหลายที่กว้างขวาง รวมถึงการเข้าถึงโอกาสการลงทุนที่เป็นกรรมสิทธิ์เพื่อรองรับการเติบโตและการขยายตัว

Pete Briger จาก Fortress, Drew McKnight และ Joshua Pack กล่าวในแถลงการณ์ร่วม: “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้กระชับความสัมพันธ์ของเรากับ Mubadala โดยร่วมมือกับหนึ่งในนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดในโลกในการทำธุรกรรมที่จะมอบผลประโยชน์ระยะยาวที่สำคัญให้กับบริษัทของเรา พนักงานของเรา และลูกค้าที่เราให้บริการ เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Mubadala มานานหลายปี และเคารพในความเฉียบแหลมและระเบียบวินัยในการลงทุนของพวกเขาอย่างมาก เรามองว่าการลงทุนเพิ่มเติมของ Mubadala เป็นการยืนยันรูปแบบธุรกิจและแนวทางการลงทุนที่เรายอมรับมากว่า 20 ปี และในเวลาที่พลวัตของตลาดสอดคล้องกับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเราดีกว่าที่เคยเป็นมา เราไม่สามารถ ตื่นเต้นกับอนาคตของ Fortress มากขึ้น”

Hani Barhoush ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการของ Mubadala Capital กล่าวว่า “Fortress เป็นผู้จัดการการลงทุนชั้นนำของโลกที่มีประวัติที่พิสูจน์แล้วในด้านการส่งมอบผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยงที่เหนือกว่าให้กับนักลงทุนตลอดวงจรธุรกิจ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พวกเขาได้สร้างแฟรนไชส์ที่น่าทึ่งและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะนักลงทุนด้านสินเชื่อและสินทรัพย์ชั้นนำ ในขณะเดียวกันก็พัฒนากลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ที่หลากหลาย เรามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับทีมผู้บริหารที่ยอดเยี่ยมของ Fortress และรู้สึกตื่นเต้นที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้าตามวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน ในขณะเดียวกันก็มอบมูลค่าที่มากกว่าให้กับนักลงทุนของเรา”

การทำธุรกรรมคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2024 โดยขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบ

Ardea Partners ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ Shearman & Sterling ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ Mubadala

Goldman, Sachs & Co. LLC ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ Kirkland & Ellis ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับผู้บริหารระดับสูงของ Fortress ในการทำธุรกรรม Skadden, Arps, Slate, Meagher & Flom LLP เป็นตัวแทนของ Fortress ในการทำธุรกรรม

Raine Group ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว และ Morrison Foerster ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ SoftBank

เกี่ยวกับ Fortress Investment Group

Fortress Investment Group LLC เป็นผู้จัดการการลงทุนชั้นนำระดับโลกที่มีความหลากหลายสูง Fortress ก่อตั้งขึ้นในปี 2541 โดยจัดการสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่า 45.8 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2022 ในนามของลูกค้าสถาบันและนักลงทุนเอกชนกว่า 1,900 รายทั่วโลก ทั้งในกลยุทธ์สินเชื่อและอสังหาริมทรัพย์ กองทุนส่วนบุคคล และการลงทุนถาวร

เกี่ยวกับ Mubadala Capital

Mubadala Capital เป็นบริษัทในเครือด้านการจัดการสินทรัพย์ของ Mubadala Investment Company ซึ่งเป็นนักลงทุนชั้นนำระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในอาบูดาบี นอกเหนือจากการจัดการการลงทุนในงบดุลของตนเองแล้ว Mubadala Capital ยังจัดการมูลค่ารวม 20,000 ล้านดอลลาร์จากการลงทุนในงบดุลของบริษัทเองและในเครื่องมือทุนของบุคคลที่สามในนามของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งรวมถึงกองทุนหุ้นเอกชนสี่กองทุน กองทุนร่วมลงทุนระยะเริ่มต้นสามกองทุน และกองทุนสองกองทุนในบราซิลที่เน้นสถานการณ์พิเศษ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53403992/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

สื่อ:

Mubadala
Salam Kitmittosakitmitto@mubadala.ae
+971 50 276 9286

Fortress
Gordon Runtegrunte@fortress.com
+1 917 981 1246

ที่มา: Fortress Investment Group LLC และ Mubadala Capital

Toshiba เปิดตัวตัวควบคุม LDO ไฟฟ้าแรงสูงและกระแสไฟต่ำที่ช่วยลดพลังงานสแตนด์บายของอุปกรณ์

Logo

คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–23 พฤษภาคม 2023 

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เปิดตัวตัวควบคุม LDO ซีรีส์ TCR1HF ที่ให้แรงดันไฟฟ้าสูง ช่วงแรงดันไฟฟ้าอินพุตกว้าง และการใช้กระแสสแตนด์บายต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม[1] การจัดส่งผลิตภัณฑ์สามรายการแรกในซีรีส์ใหม่ “TCR1HF18B,” “TCR1HF33B” และ “TCR1HF50B” ซึ่งมีแรงดันเอาต์พุต 1.8V, 3.3V และ 5.0V ตามลำดับ เริ่มตั้งแต่วันนี้

Toshiba: TCR1HF series, high voltage, low current consumption LDO regulators that help to lower equipment stand-by power. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: ตัวควบคุม LDO ไฟฟ้าแรงสูงและกระแสไฟต่ำซีรีส์ TCR1HF ที่ช่วยลดพลังงานสแตนด์บายของอุปกรณ์ (กราฟิก: Business Wire)

เพื่อลดการใช้พลังงานของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ในโหมดสแตนด์บายเมื่อใช้วงจรแหล่งจ่ายไฟกับตัวควบคุม LDO จำเป็นต้องเชื่อมต่อแหล่งจ่ายไฟโดยตรงกับตัวควบคุม LDO และลดการใช้พลังงานโดยการปิดวงจรภายใน

ผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับช่วงแรงดันไฟฟ้าอินพุตกว้างตั้งแต่ 4V ถึง 36V ซึ่งช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟ 4V ถึง 20V ที่ใช้สำหรับ USB PD[2] และกับแหล่งจ่ายไฟ 24V

นอกจากนี้ยังมีการใช้กระแสสแตนด์บายที่ 1uA (typ.) ซึ่งต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม[1] ช่วยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถทำงานสแตนด์บายได้โดยใช้พลังงานต่ำมาก การตอบสนองชั่วคราวของโหลดที่รวดเร็วที่ -60mV/+50mV (typ.) ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแรงดันเอาต์พุตคงที่ในระหว่างที่กระแสไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงกะทันหันเมื่อผลิตภัณฑ์เปลี่ยนจากสถานะสแตนด์บายเป็นสถานะการทำงาน

มีการออกแบบอ้างอิง “วงจรเพาเวอร์มัลติเพล็กเซอร์” โดยใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่

Toshiba จะยังคงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ซีรีส์ TCR1HF โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชันหรือค่าแรงดันเอาต์พุตที่แตกต่างกันสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย

หมายเหตุ:

[1] การเปรียบเทียบกระแสสแตนด์บายกับตัวควบคุม LDO ที่มีพิกัดเดียวกัน ตามผลสำรวจของ Toshiba ในเดือนพฤษภาคม 2023

[2] USB PD(USB Power Delivery): มาตรฐานสำหรับการชาร์จเร็วที่ใช้ USB เพื่อให้กำลังไฟสูงสุดถึง 100W

การใช้งาน

  • อุปกรณ์สำหรับผู้บริโภค / ส่วนบุคคล (มือถือ, Note-PC, เครื่องใช้ภายในบ้าน ฯลฯ)
  • อุปกรณ์อุตสาหกรรม

คุณสมบัติ

  • แรงดันไฟฟ้าอินพุตช่วงกว้าง: VIN=4V ถึง 36V
  • การใช้กระแสต่ำ: IBON=1μA (typ.)
  • อัตรากระแสเอาต์พุตสูงสุด: IOUT=150mA
  • การตอบสนองชั่วคราวของโหลดอย่างรวดเร็ว: ⊿VOUT= -60mV/+50mV (typ.) (IOUT = 0 mA ⇔ 10 mA)
  • แพ็กเกจเอนกประสงค์ SOT-25 (SMV)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

หมายเลขชิ้นส่วน

TCR1HF18B

TCR1HF33B

TCR1HF50B

แพ็กเกจ

ชื่อ

SOT-25 (SMV)

ขนาดทั่วไป (มม.)

2.8 x 2.9, t=1.1

ช่วงการทำงาน

แรงดันไฟฟ้าอินพุต VIN (V)

4 ถึง 36

อุณหภูมิในการทำงาน Topr (°C)

-40 ถึง 125

คุณลักษณะ

ทางไฟฟ้า

(เว้นแต่จะระบุไว้,

Tj=25°C)

แรงดันไฟฟ้าเอาต์พุต VOUT typ. (V)

1.8

3.3

5.0

ความถูกต้องของแรงดันขาออก VOUT (%)

IOUT=10mA

±1

กระแสไฟนิ่ง IBON typ. (μA)

IOUT=0mA

1

กระแสไฟสแตนด์บาย IB(OFF1) typ. (μA)

VIN=4V

0.24

การตอบสนองชั่วคราวของโหลด

⊿VOUT

typ. (mV)

IOUT=0mA→10mA

-60

IOUT=10mA→0mA

50

เกณฑ์การปิดระบบระบายความร้อน TSDH (°C)

Tj rising

155

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TCR1HF18B
TCR1HF33B
TCR1HF50B

ตามลิงค์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบอ้างอิงโดยใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่
วงจรเพาเวอร์มัลติเพล็กเซอร์

หากต้องการตรวจสอบการวางจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผู้จัดจำหน่ายออนไลน์ โปรดไปที่:
TCR1HF18B
ซื้อออนไลน์
TCR1HF33B
ซื้อออนไลน์
TCR1HF50B
ซื้อออนไลน์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านเซมิคอนดักเตอร์และโซลูชันจัดเก็บขั้นสูง โดยนำประสบการณ์และนวัตกรรมที่สั่งสมมากว่าครึ่งศตวรรษมาใช้ เพื่อมอบเซมิคอนดักเตอร์, วงจร LSI ระบบ และผลิตภัณฑ์ HDD ที่มีความโดดเด่นให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัท 21,500 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ให้ถึงขีดสุด และส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อร่วมสร้างคุณประโยชน์และตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีเกือบ 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ตั้งตารอที่จะสร้างและเข้ามามีบทบาทเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกที่

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53404002/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก
โทร: +81-44-548-2215
ติดต่อเรา

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

แหล่งที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation


Walton Global เปิดตัวโปรแกรมการย้ายถิ่นฐาน EB-5 สำหรับทั่วโลก

Logo

มอบข้อเสนอการให้บริการแก่ผู้สมัครทั่วโลก เพื่อให้สามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในโครงการพัฒนาในสหรัฐฯ

SCOTTSDALE, Ariz.–(BUSINESS WIRE)–22 พฤษภาคม 2023

Walton Global บริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และการจัดการสินทรัพย์ที่ดิน มีความยินดีที่จะประกาศเปิดตัวสายธุรกิจเพื่อให้บริการการย้ายถิ่นฐานตามการจ้างงาน (EB-5) ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้สมัครจากทั่วโลกสามารถลงทุนในโครงการพัฒนาในสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการจัดการโดย Walton โปรแกรมนี้มอบข้อเสนอที่ไม่เหมือนใครในอุตสาหกรรมสำหรับผู้สมัคร EB-5 เพื่อรับผลตอบแทนจากการลงทุน ในขณะเดียวกันก็มอบโอกาสสำหรับบุคคลที่ต้องการได้รับบัตรผู้พำนักถาวรและกลายเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา

“เรารอคอยที่จะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและการสร้างงานใหม่ในสหรัฐอเมริกาด้วยการพัฒนาธุรกิจที่มีคุณภาพซึ่งจะยืนหยัดต่อกาลเวลา” Bill Doherty ซีอีโอของ Walton Global กล่าว “กลยุทธ์ของเราคือการสร้างการพัฒนาในชุมชนสำคัญ ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้อยู่อาศัยและส่งเสริมการท่องเที่ยว เรามุ่งมั่นในสิ่งที่เรากำลังทำ และเราพร้อมที่จะให้บริการที่เป็นเลิศสำหรับลูกค้าและนักลงทุนทั่วโลกที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นสำหรับ EB-5”

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในโปรแกรม EB-5 Shariah ที่ได้รับการรับรองจนถึงปัจจุบัน Walton Global กำลังดำเนินขั้นตอนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มมูลค่าแก่นักลงทุน นอกจากสำนักงานทั่วโลก 11 แห่งแล้ว Walton ยังให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมตามท้องถิ่นในประเทศต่าง ๆ เช่น บราซิลและไต้หวัน

“นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่น่าตื่นเต้นสำหรับ Walton ในขณะที่เราขยายธุรกิจไปทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนและลูกค้าของเราเคยมีคำถามว่า เรามีความสามารถที่จะช่วยเหลือให้พวกเขาอพยพไปยังสหรัฐอเมริกาได้หรือไม่ และผมดีใจที่ตอนนี้เราสามารถให้บริการนั้นแก่พวกเขาได้” กล่าวโดย Matt Keister รองประธาน Walton Global “เราได้รวบรวมทีมงานที่ดีที่สุดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาเฉพาะและเข้าใจความแตกต่างของโปรแกรม EB-5 เรามีส่วนร่วมอย่างจริงจังกับหน่วยงานและกลุ่มตรวจคนเข้าเมืองทั่วโลกเพื่อขยายบริการของเราและรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการย้ายถิ่นฐานอย่างถูกต้องตามกฎหมายไปยังสหรัฐอเมริกา”

ขณะนี้ Walton Global กำลังเปิดรับคำร้องสำหรับโอกาสในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ EB-5 สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ที่ walton.com

เกี่ยวกับ Walton Global

Walton Global เป็นบริษัทเอกชนชั้นนำด้านการจัดการสินทรัพย์ที่ดินและบริษัทการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกที่มุ่งเน้นการวิจัย การครอบครอง การบริหาร การวางแผน และการพัฒนาที่ดิน ด้วยประสบการณ์มากกว่า 44 ปี Walton มีประวัติที่สามารถพิสูจน์ได้ในการบริหารโครงการลงทุนที่ดินภายในเขตเมืองใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดในอเมริกาเหนือ บริษัทจะมีการจัดการและบริหารทรัพย์สินมูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในนามของนักลงทุนทั่วโลก ผู้สร้างและลูกค้านักพัฒนาและพันธมิตรทางธุรกิจในอุตสาหกรรม Walton มีที่ดินมากกว่า 93,000 เอเคอร์ภายใต้การเป็นเจ้าของ การจัดการ และการบริหารในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยมีสายธุรกิจตั้งแต่การลงทุนในที่ดินก่อนการพัฒนา การจัดหาเงินทุนสำหรับผู้สร้างที่ดิน และสร้างเพื่อให้เช่า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม walton.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสื่อ:
Allison+Partners
waltonglobal@allisonpr.com

แหล่งข้อมูล: Walton Global

One Click APAC เปิดตัวบริการคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งเพื่อช่วยให้บริษัทระดับโลกขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า และจีน

Logo

ฮ่องกง–(TRANSWORLD NEWSWIRE)–23 พฤษภาคม 2566

One Click APAC เอเจนซี่การตลาดดิจิทัลชั้นนำในเอเชีย มีความยินดีที่จะประกาศเปิดตัวบริการด้านคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งและการแปลสำหรับบริษัทระดับโลกที่ต้องการขยายธุรกิจมายังตลาดเอเชีย ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษาในฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า และจีน One Click APAC จึงอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เหล่านั้นสามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

One Click APAC มีทีมงานสร้างเนื้อหา นักกลยุทธ์ นักการตลาด และนักแปลมากประสบการณ์ ที่จะนำเสนอโซลูชันด้านคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งที่ปรับแต่งได้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของลูกค้า รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคของลูกค้า ทีมผู้เชี่ยวชาญของ One Click APAC จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อพัฒนาเนื้อหาที่สื่อสารกับผู้ผู้บริโภคโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบล็อกโพสต์ที่น่าสนใจ การผลิตวิดีโอให้ความรู้ หรือการพัฒนาอินโฟกราฟิกที่สวยงามเตะตา

Maggie ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ One Click APAC กล่าวว่า “ทีมงานของเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เปิดตัวบริการใหม่นี้เพื่อช่วยให้บริษัทระดับโลกต่าง ๆ ขยายธุรกิจเข้าไปยังตลาดฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า และจีน เราเข้าใจถึงความท้าทายเฉพาะด้านอันเกี่ยวกับการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม และเราพร้อมช่วยเหลือลูกค้าของเราในการรับมือกับความท้าทายเหล่านั้นและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

นอกเหนือจากการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจแล้ว บริการด้านการตลาดและการแปลเนื้อหาของ One Click APAC ยังมาพร้อมกับกลยุทธ์การเผยแพร่เนื้อหา ที่รับประกันได้ว่าผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมสูงสุดอีกด้วย ทีมผู้เชี่ยวชาญของ One Click APAC ใช้ประโยชน์จากช่องทางต่าง ๆ ตั้งแต่โซเชียลมีเดียไปจนถึงการตลาดผ่านอีเมล เพื่อสร้างสรรค์เนื้อหาที่เหมาะสมกับผู้บริโภคเป้าหมายในเวลาที่เหมาะสม

จากประวัติผลงานความสำเร็จที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วในตลาดเอเชีย One Click APAC จึงมีความพร้อมที่จะช่วยให้บริษัทระดับโลกสามารถรับมือกับความซับซ้อนในการขยายธุรกิจไปยังฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า และจีน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการการตลาดและการแปลเนื้อหาของ One Click APAC โปรดดูที่ www.oneclickapac.com 

เกี่ยวกับ One Click APAC

One Click APAC เป็นหน่วยงานด้านการตลาดดิจิทัลชั้นนำในเอเชียที่เชี่ยวชาญในการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดในเอเชีย ทีมนักการตลาดมากประสบการณ์ของ One Click APAC สามารถสร้างสรรค์และนำเสนอโซลูชันที่ปรับแต่งได้ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) สูงสุด หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.oneclickapac.com

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:

ทีม One Click APAC

oneclickapac@gmail.com

นาซ่าเลือก Blue Origin สำหรับภารกิจนักบินอวกาศเพื่อไปยังดวงจันทร์

Logo

เคนท์, วอช–(BUSINESS WIRE)–19 พฤษภาคม 2023

นาซ่าได้มอบสัญญา NextSTEP -2 Appendix P Sustaining Lunar Development (SLD) ให้กับ Blue Origin พันธมิตรทีมชาติของ Blue Origin ได้แก่ Lockheed Martin, Draper, Boeing, Astrobotic และ Honeybee Robotics

A rendering of Blue Origin’s Blue Moon lander that will return astronauts to the Moon as part of NASA’s Artemis program. (Photo: Blue Origin)

ภาพจำลองยานลงจอด Blue Moon ของ Blue Origin ที่จะพานักบินอวกาศกลับสู่ดวงจันทร์โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Artemis ของ NASA (ภาพ: บลูออริจิน)

ภายใต้สัญญานี้ Blue Origin และพันธมิตรทีมชาติจะพัฒนาและขับเคลื่อนยานลงจอดบนดวงจันทร์ที่สามารถลงจอดได้อย่างแม่นยำทุกที่บนพื้นผิวของดวงจันทร์และยานขนส่งซิสลูนาร์ ยานพาหนะเหล่านี้ขับเคลื่อนโดย LOX-LH2 แรงกระตุ้นเฉพาะของ LOX-LH2 ให้ข้อได้เปรียบที่น่าทึ่งสำหรับภารกิจในอวกาศลึกที่ใช้พลังงานสูง อย่างไรก็ตามตัวขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าแต่สามารถจัดเก็บได้ง่ายกว่า (เช่น ไฮดราซีนและไนโตรเจนเตตร็อกไซด์ตามที่ใช้กับยานสำรวจดวงจันทร์อพอลโล) ได้รับการสนับสนุนสำหรับภารกิจเหล่านี้เนื่องจากปัญหาของ LOX-LH2 ในระหว่างระยะเวลาการปฏิบัติภารกิจที่ยาวนาน ตลอดสัญญานี้เราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยการทำให้ LOX-LH2 ประสิทธิภาพสูงเป็นส่วนผสมที่น่าประทับใจ ภายใต้ SLD เราจะพัฒนาและขับเคลื่อน Cryocooler พลังงานแสงอาทิตย์ 20 องศาเคลวินและและเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จำเป็นในการป้องกันไม่ให้ LOX-LH2 เดือดออก ภารกิจในอนาคตนอกเหนือจากดวงจันทร์และความสามารถในการเปิดใช้งาน เช่น การขับเคลื่อนด้วยความร้อนนิวเคลียร์ประสิทธิภาพสูงจะได้รับประโยชน์อย่างมากจาก LH2 ที่เก็บรักษาได้ สถาปัตยกรรมของ Blue Origin ยังเตรียมความพร้อมสำหรับวันในอนาคตที่สามารถใช้น้ำแข็งบนดวงจันทร์เพื่อผลิตจรวด LOX และ LH2 บนดวงจันทร์

Blue Origin และพันธมิตรอยู่ในที่ทำงานแล้วและตื่นเต้นที่จะได้ร่วมเดินทางไปกับนาซ่า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53403548/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

media@blueorigin.com

แหล่งที่มา: Blue Origin

งาน Women’s Entrepreneurship Accelerator ครั้งที่ 67 ของคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรีเรียกร้องให้มีระบบนิเวศนวัตกรรมดิจิทัลที่นับรวมคนทุกเพศ

Logo

งานของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระดับสูงหลายกลุ่มเกี่ยวกับการปลดล็อกศักยภาพของผู้ประกอบการสตรีเพื่อสร้างนวัตกรรมในเศรษฐกิจดิจิทัลก่อนการประกาศผู้ชนะสามอันดับแรกของ WEA Digital Innovation Challenge

นิวยอร์กและเจนีวา–(BUSINESS WIRE)–17 พฤษภาคม 2023

ใช้ประโยชน์จากหัวข้อของคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรีในปีนี้ (CSW67) เกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากมุมมองเรื่องเพศ งานด้าน Women’s Entrepreneurship Accelerator (WEA) CSW ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของ MetLife ในนครนิวยอร์ก โดยนำคณะผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมารวมตัวกัน ตัวแทนอาวุโสจากหน่วยงานพันธมิตรของ WEA ตัวแทนจากภาคเอกชน และภาคประชาสังคมหารือเกี่ยวกับแนวทางการสร้างระบบนิเวศที่ตอบสนองต่อเพศภาวะมากขึ้นสำหรับผู้ประกอบการสตรี เพื่อให้พวกเธอสามารถมีส่วนร่วมและแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัลได้ ผู้บรรยายระบุว่า WEA เป็นโซลูชันที่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญหลายกลุ่ม เพื่อแก้ปัญหาคอขวดในการเป็นผู้ประกอบการสตรี

The Women’s Entrepreneurship Accelerator (WEA) is a multi-stakeholder partnership on women’s entrepreneurship established during UNGA 74. It convenes six UN agencies, International Labour Organization (ILO), International Trade Centre (ITC), International Telecommunication Union (ITU), United Nations Development Programme (UNDP), UN Global Compact (UNGC), UN Women and Mary Kay Inc. to empower 5 million women entrepreneurs by 2030. (Credit: WEA)

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นความร่วมมือหลายฝ่ายเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการสตรีที่จัดตั้งขึ้นใน UNGA 74 โดยมีหน่วยงานของสหประชาชาติ 6 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), UN Global Compact (UNGC), UN Women และ Mary Kay Inc. เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนภายในปี 2030 (เครดิต: WEA)

กล่าวถึงบทบาทของนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากเลนส์เพศสภาพเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ชุดข้อสรุปที่ตกลงซึ่งนำมาใช้โดยรัฐสมาชิกที่ CSW67 เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงรัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม คำแนะนำนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และเท่าเทียมกันและความเป็นผู้นำของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในการออกแบบและเปิดตัวเทคโนโลยีดิจิทัลและกระบวนการนวัตกรรม

ผู้ร่วมอภิปรายมุ่งเน้นไปที่:

  • ความสำคัญอย่างยิ่งยวดของการเป็นผู้ประกอบการสตรีในฐานะตัวขับเคลื่อนหลักของนวัตกรรมในการจัดการกับความท้าทายทางสังคม และ
  • การมีส่วนร่วมที่ผู้ประกอบการสตรีทำเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลดความยากจน

อุปสรรคที่ผู้ประกอบการสตรีต้องเผชิญในการขยายธุรกิจและการนำผลิตภัณฑ์และบริการของตนออกสู่ตลาดก็ได้รับการเน้นย้ำเช่นกัน ได้แก่:

  • การขาดการเข้าถึงแหล่งเงินทุน บรรทัดฐานทางสังคมที่ไม่เท่าเทียมกัน การขาดเส้นสาย และข้อจำกัดด้านเวลาและทักษะ ซึ่งทั้งหมดนี้ขัดขวางความสามารถของพวกเธอในการแข่งขันในตลาดดิจิทัล

การทำให้เป็นระบบดิจิทัลเป็นตัวช่วยที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการสตรีและบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัลในการสนับสนุนธุรกิจสตรีในช่วงที่มีการระบาดใหญ่นั้นได้รับการเน้นย้ำ เช่นเดียวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดต่อการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานสตรีและสิทธิสตรีโดยรวม

ความสำคัญของการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ประกอบการสตรีในการแข่งขันและขยายขนาดธุรกิจของพวกเขาคือหัวใจสำคัญของการอภิปราย ผู้ร่วมอภิปรายซึ่งเป็นตัวแทนของภาคส่วนต่าง ๆ ของระบบนิเวศชี้ว่า WEA เป็นแพลตฟอร์มเบ็ดเสร็จที่โดดเด่น ซึ่งทำงานเพื่อจัดการกับอุปสรรคต่อการเป็นผู้ประกอบการสตรีผ่านความร่วมมือของภาคเอกชนและหน่วยงานของสหประชาชาติหกแห่ง

นอกจากนี้ งาน WEA ยังถือเป็นโอกาสในการประกาศผู้ชนะการแข่งขันของ WEA’s Digital Innovation Challenge อีกด้วย

ความคิดริเริ่มของ WEA และดำเนินการโดย ITU ร่วมกับ Mary Kay มีวัตถุประสงค์ของการแข่งขันคือการสร้างบริบทที่เอื้ออำนวยให้กับผู้ประกอบการสตรีโดยจัดการกับอุปสรรคในการเป็นผู้ประกอบการสตรี รวมถึงการแบ่งเพศทางดิจิทัล ซึ่งเป็นการเสริมธีมของ CSW67 ประจำปีนี้ในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากมุมมองเรื่องเพศ

เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2022 ที่สำนักงานใหญ่ระดับโลกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศของพันธมิตร WEA ในเจนีวา การแข่งขัน WEA Digital Innovation Challenge ได้รับผลงาน 250 รายการจากบริษัทต่าง ๆ ใน ​​54 ประเทศ โดยมีทั้งผู้หญิงเป็นเจ้าของหรือมีผู้ก่อตั้งผู้หญิงอย่างน้อยหนึ่งคน โดยแต่ละคนมีโซลูชันดิจิทัลที่ไม่เหมือนใครซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนของตน เพื่อให้สอดคล้องกับ Innovation and Entrepreneurship Alliance for Digital ของ ITU วัตถุประสงค์ของการแข่งขันคือการแสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศที่เกิดขึ้นใหม่ของนักประดิษฐ์ดิจิทัลมีลักษณะอย่างไร และสร้างบริบทที่เอื้อให้ผู้ประกอบการสตรีมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัล

ผู้ชนะการแข่งขันทั้ง 10 คนได้รับเชิญให้นำเสนอการเสนอขายแบบสดเป็นเวลา 2 นาทีต่อหน้าคณะกรรมการตัดสินผู้เชี่ยวชาญที่งาน CSW ซึ่งประกอบด้วยนักลงทุนและตัวแทนข้ามภาคส่วน ซึ่งแต่ละคนได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เหมือนใคร

คณะกรรมการตัดสินมีดังนี้

  • Dan Seymour ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของ UN Women;
  • Deborah Gibbins ประธานฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc.;
  • Harry O’Mealia ซีอีโอและประธานของ 1919 Investment Counsel;
  • Julia Pimsleur ผู้ก่อตั้งของ Million Dollar Women Network;
  • Selin Oz, SME Banking Entrepreneurship Banking, ผู้จัดการอาวุโส, Garanti BBVA;
  • Tess Mateo, Sustainability ESG Impact Investor, US W20 Delegate to G20;
  • Ursula Wynhoven ผู้แทนองค์การสหประชาชาติในนิวยอร์กของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ

ผู้ชนะทั้ง 10 คนจะสามารถเข้าถึง “Digital Innovation Challenge Acceleration Program” ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งพวกเขาจะได้รับการฝึกอบรมเสริมสร้างศักยภาพและค่ายฝึกเสมือนเพื่อช่วยปรับแต่งแผนธุรกิจเพิ่มเติม ตลอดจนการให้คำปรึกษาเฉพาะทางและการเข้าถึงเครือข่ายผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง หลังจากนี้ ผู้ชนะที่ได้รับการคัดเลือกจะเข้าร่วมใน Global Innovation Forum อันทรงเกียรติของ ITU ในปลายปีนี้ และเข้าร่วมชุมชนนักปฏิบัติเพื่อสำรวจวิธีก้าวกระโดดจากความแตกแยกของนวัตกรรมดิจิทัลและจัดการกับความท้าทายระดับโลก

รางวัล Special Mentions มอบให้กับสามบริษัทที่ได้รับชั่วโมงที่ปรึกษาจาก 1919 Investment Counsel อันดับแรกและผู้รับบริการให้คำปรึกษา 10 ชั่วโมงคือ Tiny Totos กิจการเพื่อสังคมของเคนยาที่ทำงานเพื่อรับรองการดูแลเด็กที่มีคุณภาพ Tiny Totos ช่วยจัดตั้งศูนย์ดูแลเด็กเพื่อเพิ่มความพร้อมในการดูแลเด็กและปรับปรุงคุณภาพบริการดูแลเด็กในประเทศ ด้วยการให้การฝึกอบรม การเข้าถึงเงินทุน เครือข่าย และแพลตฟอร์มเทคโนโลยี

รองชนะเลิศสองคนคือ Health Innovation Exchange (HIEx) และ Gwiji for Women Gig Workers ซึ่งได้รับบริการให้คำปรึกษาคนละ 5 ชั่วโมง ก็กำลังรับมือกับความท้าทายทางสังคมที่สำคัญเช่นกัน HIEx ระบุความท้าทายที่ระบบสุขภาพต้องเผชิญและเชื่อมโยงผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมกับผู้มีส่วนร่วมในระบบนิเวศด้านสุขภาพที่สำคัญในแอฟริกาและเอเชียเป็นหลัก เพื่อนำเสนอโซลูชันที่สามารถปรับปรุงการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ Gwiji for Women Gig Workers เป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่จัดการกับอุปสรรคในการเข้าร่วมตลาดแรงงานของผู้หญิงที่มีรายได้น้อยในเคนยา โดยจะระบุ ตรวจสอบ ฝึกอบรม และให้อำนาจแก่สตรีที่มีภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่ต่ำกว่าในฐานะพนักงานทำความสะอาดทั่วไป โดยเชื่อมโยงพวกเธอกับลูกค้าที่คาดหวังผ่านแอปพลิเคชันมือถือ

การแข่งขัน WEA Digital Innovation Challenge จัดขึ้นโดยมีฉากหลังเป็นบริบททางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้เห็นการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัลและการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล การตระหนักถึงศักยภาพของการเร่งความเร็วทางดิจิทัลเพื่อขยายขอบเขตของความไม่เท่าเทียมกัน ความท้าทายนี้นำเสนอโอกาสในการหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เป็นอุปสรรคต่อสถานะทางเศรษฐกิจของผู้หญิง

การอภิปรายในระดับสูงประกอบด้วยตัวแทนข้ามภาคส่วนต่อไปนี้

  • ต้อนรับ:
    • Dr. Cindy Pace รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความหลากหลาย ความเสมอภาคและการอยู่ร่วมกันทั่วโลกของ MetLife
  • กล่าวเปิดงาน:
    • Anita Bhatia ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติและรองผู้อำนวยการฝ่ายประสานงาน ความร่วมมือ ทรัพยากร และความยั่งยืนของสหประชาชาติของ UN Women
    • Ulrika Modéer ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติและผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ภายนอกและการสนับสนุนของ UNDP
  • เกริ่นนำ:
    • Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc.
  • ผู้บรรยายหลัก:
    • Virginia Littlejohn หัวหน้าร่วมของ Women20 (W20) คณะผู้แทนสหรัฐฯ ประจำกลุ่มประเทศ G20; ผู้ประสานงานระดับโลก Women Entrepreneurs Act Initiative ของ W20 (WE Act); ที่ปรึกษา Women7 (W7) สำหรับกลุ่มประเทศ G7 และทีมประสานงานเพื่อการเสริมพลังอำนาจ การมีส่วนร่วมที่มีความหมาย และความเป็นผู้นำของสตรี Forbes Women 50 over 50 (การลงทุน)
  • ผู้อภิปราย:
    • Sonia Jorge ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารของ Global Digital Inclusion Partnership (GDIP)
  • ปิดท้าย:
    • Dr. Cosmas Luckyson Zavazava ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากิจการโทรคมนาคม ITU

ผู้ร่วมอภิปรายข้างต้นพูดถึงความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการสตรีในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และความจำเป็นในการสร้างระบบนิเวศที่ตอบสนองต่อเพศสภาพมากขึ้นสำหรับผู้ประกอบการสตรี เพื่อให้พวกเธอสามารถแข่งขันและขยายขนาดธุรกิจของตนในเศรษฐกิจดิจิทัลได้

“ผู้ประกอบการสตรีต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ขัดขวางการเติบโตของธุรกิจ ตั้งแต่การขาดเงินทุนไปจนถึงบรรทัดฐานทางสังคม ตลอดจนข้อจำกัดด้านเวลาและทักษะ การเป็นผู้ประกอบการสามารถเป็นพลังสำคัญในการรับมือกับความท้าทายทางสังคมได้ อย่างไรก็ตาม ความเป็นผู้ประกอบการและผลประโยชน์ที่สามารถขับเคลื่อนได้ยังคงเป็นเพศชาย ด้วยการพัฒนาระบบนิเวศที่คำนึงถึงเพศมากขึ้นสำหรับสตาร์ทอัพและท้าทายรูปแบบธุรกิจในปัจจุบัน เราสามารถขจัดอุปสรรคที่ผู้ประกอบการสตรีต้องเผชิญ เพื่อให้พวกเธอสามารถขับเคลื่อนความสำเร็จและบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเองได้”

Dr. Cindy Pace รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความหลากหลาย ความเสมอภาคและการอยู่ร่วมกันทั่วโลกของ MetLife

“ผู้หญิง 200 ล้านคนในอินเดียได้รับเงินในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ เนื่องจากระบบดิจิทัลทำให้สามารถทำได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกับผ่านระบบระบุสัญชาติ อย่างไรก็ตาม สองปีหลังจากชีวิตหลังการระบาดใหญ่ ผู้หญิงยังคงเผชิญกับอุปสรรคใหญ่หลวงในการเข้าถึงเงินร่วมลงทุน และด้วยเหตุนี้จึงต้องคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เราทราบดีว่าเงินร่วมลงทุนน้อยกว่า 5% ตกเป็นของธุรกิจที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของ และจนกว่าระบบนิเวศของการจัดหาเงินทุนสำหรับผู้หญิงจะเปลี่ยนแปลง ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักในชีวิตของผู้ประกอบการสตรี”

Anita Bhatia ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติและรองผู้อำนวยการฝ่ายประสานงาน ความร่วมมือ ทรัพยากร และความยั่งยืนของสหประชาชาติของ UN Women

“เราเห็นผู้คนมากกว่า 600 ล้านคนใช้อินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ผู้คน 2.7 พันล้านคนยังคงออฟไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง นอกจากนี้ ผู้หญิงยังมีโอกาสน้อยกว่าผู้ชายถึง 25% ที่จะรู้ว่าจะใช้เทคโนโลยีอย่างไร ซึ่งทำให้พวกเธอขาดโอกาสพื้นฐานในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อความก้าวหน้า ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของคิดเป็น 30% ของธุรกิจที่จดทะเบียนทั่วโลก แต่มีเพียง 10% เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงเงินทุนที่จำเป็นสำหรับการเติบโต เราต้องระลึกไว้เสมอว่าต้องมีกฎหมายพื้นฐานเพื่อให้ดิจิทัลเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิง และนั่นหมายความว่าสิทธิสตรีจำเป็นต้องได้รับการดำเนินการไปพร้อมกัน”

Ulrika Modéer ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติและผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ภายนอกและการสนับสนุนของ UNDP

“เราจำเป็นต้องย้อนกระแสของนวัตกรรมในปัจจุบันที่ปิดกั้นเรื่องเพศ และแก้ไขช่องว่างระหว่างเพศทางดิจิทัลที่มีอยู่ในการเข้าถึงเทคโนโลยี รวมถึงในการศึกษาและทักษะทางดิจิทัล ถึงเวลาแล้วที่จะต้องแน่ใจว่าผู้หญิงจะไม่ถูกทอดทิ้ง นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่บริษัทเดียวหรืออุตสาหกรรมเดียวจะแบกรับได้ ด้วยขนาดของความท้าทาย เราต้องการพันธมิตรข้ามภาคส่วนมากขึ้นเพื่อเข้าร่วมความพยายามในการสร้างเงื่อนไขสำหรับผู้ประกอบการสตรีในการสร้างนวัตกรรม แข่งขัน และเติบโต ด้วย Women’s Entrepreneurship Accelerator ทำให้เรามีแพลตฟอร์มแบบครบวงจรเพื่อกำหนดตลาดและสังคมดิจิทัลให้เท่าเทียมกันและครอบคลุมมากขึ้น”

Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc.

“การวิจัยแสดงให้เห็นว่ามีอคติทางเพศโดยกำเนิดซึ่งขัดขวางผู้ประกอบการหญิงจากการเข้าถึงทรัพยากรของระบบนิเวศอย่างเท่าเทียมกัน เช่น การเงินและตลาด ในขณะที่ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่อ่อนแอภายในระบบนิเวศขัดขวางไม่ให้ผู้ประกอบการสตรีเข้าถึงเสาหลักที่สำคัญของระบบนิเวศ ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการสตรีจำนวนมากมักจะทำคนเดียว นโยบายและกรอบความร่วมมือที่ใช้แนวทางแบบองค์รวมและทำงานร่วมกันมากขึ้น เช่น Women’s Entrepreneurship Accelerator เป็นส่วนสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของผู้ประกอบการสตรีอย่างเต็มที่ การขยายความร่วมมือของ WEA ต่อไปสามารถช่วยผลักดันความก้าวหน้าได้มากยิ่งขึ้น”

Virginia Littlejohn หัวหน้าร่วมของ Women20 (W20) คณะผู้แทนสหรัฐฯ ประจำกลุ่มประเทศ G20; ผู้ประสานงานระดับโลก Women Entrepreneurs Act Initiative ของ W20 (WE Act); ที่ปรึกษา Women7 (W7) สำหรับกลุ่มประเทศ G7 และทีมประสานงานเพื่อการเสริมพลังอำนาจ การมีส่วนร่วมที่มีความหมาย และความเป็นผู้นำของสตรี Forbes Women 50 over 50 (การลงทุน)

“ในทศวรรษที่ผ่านมา โลกสูญเสียเงินไปประมาณล้านล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากเราไม่ได้รวมผู้หญิงไว้ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจดิจิทัล หากกลับกัน เราอาจได้เงินมากกว่า 525 พันล้านดอลลาร์จากการปิดช่องว่างนั้น หมายความว่ารัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มอีก 525 พันล้านดอลลาร์ในอีก 5 ปีข้างหน้า หากพวกเขารวมผู้หญิงเป็นตัวแทนทางเศรษฐกิจที่แข็งขัน นอกจากนี้ เพื่อปิดช่องว่างในการเชื่อมต่อสากลที่มีความหมายภายในปี 2030 เราต้องการเงินเพียง 430 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น เพื่อให้เข้าใจตรงกัน นี่คือจำนวนเงินที่โลกใช้จ่ายไปกับโซดาทุกปี! นี่เป็นพื้นฐานในการนำผู้หญิงเข้าสู่โลกออนไลน์ เพื่อสร้างโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการ และสร้างโอกาสในการมีส่วนร่วม การสร้างสรรค์ นวัตกรรม และการมีส่วนร่วมกับบริการและผลิตภัณฑ์ดิจิทัล”

Sonia Jorge ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการบริหารฝ่ายกลยุทธ์และพันธมิตรของ Global Digital Inclusion Partnership

“วิธีแก้ปัญหาที่นำเสนอตลอดการแข่งขันกำลังเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ นวัตกรรมที่ครอบคลุมและเท่าเทียมกันจะช่วยให้เรานำทางไปสู่โลกดิจิทัลใบใหม่ที่ผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน และคลุมเครือมากขึ้นเรื่อย ๆ ระบบนิเวศของนวัตกรรมดิจิทัลยังคงประสบปัญหาการแบ่งแยกทางเพศอย่างมากซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกคน จำเป็นต้องมีระบบนิเวศนวัตกรรมดิจิทัลที่คำนึงถึงเพศสภาพมากขึ้น เพื่อยกระดับเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก และช่วยป้องกันวิกฤตทางเศรษฐกิจและสังคมที่เราพบเห็น”

Dr. Cosmas Luckyson Zavazava ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากิจการโทรคมนาคม ITU

สามารถบันทึกกิจกรรมการอภิปรายได้ที่นี่ และบันทึกการแข่งขัน WEA’s Digital Innovation Challenge ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นความร่วมมือหลายฝ่ายเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการสตรีที่จัดตั้งขึ้นใน UNGA 74 โดยมีหน่วยงานของสหประชาชาติ 6 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), UN Global Compact (UNGC), UN Women และ Mary Kay Inc. เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนภายในปี 2030

เป้าหมายของความคิดริเริ่มคือการเพิ่มผลกระทบจากการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้สูงสุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก Accelerator เป็นตัวอย่างพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของความร่วมมือแบบหลายฝ่ายที่มีขนาดไม่ซ้ำใครในการควบคุมศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ we-accelerate ติดตามเราได้บน Twitter (We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator), LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53402188/en

ติดต่อ

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Women’s Entrepreneurship Accelerator