Category Archives: General News

สตารร์ อินชัวรันส์ คอมพานีส์ รุกตลาดประกันภัยไทย

Logo

นครนิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2565

สตารร์ อินชัวรันส์ คอมพานีส์ (“สตารร์“) ได้ประกาศทำสัญญากับเอฟพีจี อินชัวรันซ์ โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (ฮ่องกง) (“เอฟพีจี“) และผู้ถือหุ้นไทย เพื่อเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอฟพีจี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“เอฟพีจี ประเทศไทย“) ซึ่งเป็นบริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทย ร่วมกับนักลงทุนไทย

การเข้าลงทุนดังกล่าวของ สตารร์ จะดำเนินการโดยสตารร์ อินชัวรันส์ แอนด์ รีอินชัวรันส์ ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายเบอร์มิวดา โดยคาดว่าจะการเข้าซื้อหุ้นจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในไตรมาสที่สองของปี 2565 ทั้งนี้ การสำเร็จลุล่วงของการเข้าลงทุนอยู่ภายใต้เงื่อนไขการเสร็จสิ้นธุรกรรม (Customary Closing Conditions) รวมถึงการได้รับอนุมัติตามข้อกำหนดของกฎหมายที่จำเป็น

“ประเทศไทยเป็นตลาดประกันภัยที่สำคัญและเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเสาหลักทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” มอริซ อาร์. กรีนเบิร์ก ประธาน และซีอีโอของ สตารร์ กล่าว “ภูมิภาคเอเชียมีความสำคัญต่อ สตารร์ ทั้งในด้านการค้าและวัฒนธรรม ดังจะเห็นได้จากการที่กลุ่มสตารร์ได้ก่อตั้งบริษัทอเมริกันในนครเซี่ยงไฮ้ เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว โดยเรามุ่งมั่นในการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของบรรดาบริษัทและผู้บริโภคในประเทศไทยผ่านกิจการประกันภัยใหม่นี้”

เดวิด ซิลลิค ประธานระดับภูมิภาคของ เอฟพีจี กล่าวว่า “การเข้าทำธุรกรรมนี้สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของกลุ่มธุรกิจของเรา และผลของการทำงานหนัก ความพากเพียร และความมุ่งมั่นของทีมงาน เอฟพีจี ประเทศไทย แม้ภายใต้สภาวะตลาดที่มีความท้าทาย ทั้งนี้ บรรดาทีมงานมีความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับ สตารร์ เพื่อนำพาบริษัทให้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น”

สตารร์ คาดว่าจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งในการเสนอผลิตภัณฑ์ในตลาดประกันภัยไทย ด้วยประกันภัยเชิงพาณิชย์ และประกันอุบัติเหตุและสุขภาพซึ่งได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมตามความต้องการ และวางแผนที่จะขยายธุรกิจอย่างเต็มที่โดยจะสรรหาและพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยในประเทศไทย โดยที่ผ่านมา สตารร์ ได้สนับสนุนตลาดประกันภัยในประเทศไทยผ่านการรับประกันภัยต่อเป็นหลัก ซึ่งรวมถึง ประกันความเสี่ยงทางด้านเทคนิค ประกันภัยเบ็ดเตล็ด ประกันภัยทางทะเล และประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ

เจอราร์ด เพนฟาเธอร์ จากฮันติงตัน (Huntington) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ของ เอฟพีจี กล่าวว่า “นี่เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งของทั้ง สตารร์ และ เอฟพีจี เราเชื่อว่า สตารร์ เป็นเหมือนบ้านในอุดมคติของ เอฟพีจี ประเทศไทยที่จะช่วยสร้างฐานธุรกิจ ขยายขีดความสามารถ และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ สู่ตลาดประกันภัย”

ตามรายงานล่าสุดของเอเอ็ม เบสท์ (AM Best) ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดอันดับ ในปี 2564 ตลาดประกันวินาศภัยของประเทศไทยมีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมประมาณ 253 พันล้านบาท (หรือประมาณ 8.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ)

ทั้งนี้ คาดว่าสำนักงานใหญ่ของฝ่ายปฏิบัติการจะยังคงอยู่ในกรุงเทพมหานครตามเดิม

เกี่ยวกับสตารร์ อินชัวรันส์ คอมพานีส์

สตารร์ อินชัวรันส์ คอมพานีส์ (หรือ สตารร์) เป็นชื่อทางการตลาดของบรรดาบริษัท และบริษัทลูกของ สตารร์ อินเตอร์เนชั่นแนล คอมพานี อิงค์ ซึ่งประกอบธุรกิจประกันภัยและให้บริการความช่วยเหลือระหว่างการเดินทาง และรวมถึง ซี.วี. สตารร์ แอนด์ คอมพานี อิงค์ และบริษัทในเครือซึ่งประกอบธุรกิจการลงทุน ทั้งนี้ สตารร์ เป็นองค์กรชั้นนำในด้านประกันภัยและการลงทุน ซึ่งมีสำนักงานของบริษัทในเครือครอบคลุมอยู่ทั้งใน 6 ทวีปทั่วโลก โดยบริษัทประกันภัยของ สตารร์ มีผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย ทั้งประกันภัยทรัพย์สิน ประกันเบ็ดเตล็ด และประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ รวมถึงความคุ้มครองพิเศษต่างๆ เช่น ประกันภัยเครื่องบิน ประกันภัยทางทะเล ประกันภัยพลังงาน และประกันวินาศภัยส่วนเกิน บริษัทประกันภัยในเครือของ สตารร์ ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา เบอร์มิวดา จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ และมอลตา ล้วนแต่ได้รับเกรด “A” (Excellent) โดยเอเอ็ม เบสท์ ในขณะที่ลอยซ์ ซินดิเคท (Lloyd's syndicate) ของ สตารร์ ได้รับเกรด “A+” (Strong) โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (Standard & Poor)

เกี่ยวกับเอฟพีจี อินชัวรันส์ กรุ๊ป

เอฟพีจี อินชัวรันส์ กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นมานานกว่าครึ่งศตวรรษและเป็นกลุ่มบริษัทประกันวินาศภัยในภูมิภาคอาเซียน

เกี่ยวกับฮันติงตัน

ฮันติงตันและบริษัทร่วมเป็นกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์แบบบูรณาการและลงทุนในกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพและหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ (private equity) โดยให้ความสำคัญในด้านการประกันภัยต่อ และมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์และตุรกี

ติดต่อเราได้ที่เว็บไซต์ www.starrcompanies.com หรือติดตามเราได้ที่ LinkedIn และ Twitter.

ติดต่อ:

ชาร์ลี อาร์มสตรอง

รองประธานฝ่ายการตลาด

ที่อยู่อีเมล charlie.armstrong@starrcompanies.com หมายเลขโทรศัพท์ 646.758.8308

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Women’s Entrepreneurship Accelerator เริ่มสร้างสิ่งตีพิมพ์กรณีการศึกษาทางธุรกิจสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองบทบาทหญิงชาย

Logo

บทสรุปเชิงสนับสนุนตามหลักฐานเรียกร้องให้ภาคเอกชนนำกลยุทธ์การจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองบทบาทหญิงชายมาใช้ และรวมธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ เป็นผู้นำ และตอบสนองบทบาทหญิงชายเข้าในห่วงโซ่คุณค่าเพื่อเป็นสื่อกลางในการขับเคลื่อนเป้าหมายทางเศรษฐกิจของธุรกิจและคุณค่าทางสังคมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–5 พฤษภาคม 2565

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) ประกาศในวันนี้ว่าการตีพิมพ์บทสรุปเชิงสนับสนุน หรือ Advocacy Brief ในหัวข้อเรื่อง “มูลค่าเชิงกลยุทธ์ของการจัดซื้อจัดจ้าง: เหตุใดการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองบทบาทหญิงชายที่สมเหตุสมผลทางธุรกิจ หรือ Procurement’s strategic value: Why gender-responsive procurement makes business sense” ซึ่งแสดงหลักฐานที่น่าสนใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในห่วงโซ่อุปทานของภาคเอกชนในการตระหนักรวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220505005120/en/

Procurement’s strategic value: Why gender-responsive procurement makes business sense a publication by UN Women (photo credit: UN Women/David Snyder)

มูลค่าเชิงกลยุทธ์ของการจัดซื้อจัดจ้าง: เหตุใดการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองบทบาทหญิงชายที่สมเหตุสมผลทางธุรกิจที่ได้รับการตีพิมพ์โดยองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Women (เครดิตภาพ: UN Women/David Snyder)

Advocacy Brief พัฒนาโดย UN Women และได้รับทุนจาก Mary Kay Inc. เพื่อสนับสนุนโครงการ WEA โดยเน้นการย้อนกลับของความคืบหน้าในการบรรลุความเสมอภาคระหว่างหญิงชายอันเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 รวมถึงระดับความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและผลกระทบจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมีผลกระทบต่อผู้หญิงอย่างไม่สมส่วนเนื่องจากตำแหน่งที่ไม่เท่าเทียมกันในสังคม

สิ่งพิมพ์ดังกล่าวสะท้อนถึงการศึกษาก่อนหน้านี้ที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีโอกาสเติบโตได้ดีกว่าและมีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อวิกฤตการณ์หากผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิเท่าเทียมกัน1 อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ยังคงมีอยู่ ผู้ประกอบการสตรียังคงเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ซึ่งรวมถึงการขาดการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ เครือข่ายผู้ประกอบการน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ชาย และนโยบายที่กีดกันการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานสตรี2 ในทั่วโลกขณะที่หนึ่งในสามของธุรกิจเป็นเจ้าของโดยผู้หญิง3 ผู้หญิงชนะเพียงประมาณร้อยละ 1 เท่านั้นของการใช้จ่ายทั่วโลกในองค์กรขนาดใหญ่4 กฎหมายเรื่องเพศที่ไม่เท่าเทียมกันยังเป็นอุปสรรคต่อโอกาสทางเศรษฐกิจของผู้หญิงอีกด้วย ตัวอย่างเช่นผู้หญิงวัยทำงานเกือบ 2.4 พันล้านคนยังคงไม่ได้รับสิทธิทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกับผู้ชาย5 แม้จะมีสถิติเหล่านี้ผู้ประกอบการสตรียังคงเป็นทางออกสำหรับความท้าทายมากมายที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการเพิ่มขึ้นในการประกอบการของผู้หญิงและการเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาที่ยั่งยืน และสังคมที่ครอบคลุมและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น6

ข้อมูลที่นำเสนอใน Advocacy Brief สรุปว่าการนำนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่ตอบสนองบทบาทหญิงชาย (GRP) มาใช้ผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นกลไกสำคัญในการลดผลกระทบของอุปสรรคเชิงโครงสร้างที่ผู้หญิงต้องเผชิญได้อย่างไร และในขณะเดียวกันก็ช่วยปรับปรุงธุรกิจและเสริมสร้างเศรษฐกิจ Advocacy Brief ได้เตือนให้เห็นว่าการไม่นำ GRP มาใช้เป็นโอกาสที่สูญเปล่า หลักฐานนั้นมีความชัดเจน การลดความไม่เสมอภาคระหว่างหญิงชายนั้นดีสำหรับธุรกิจและเป็นเศรษฐศาสตร์ที่ชาญฉลาด

“การจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองบทบาทหญิงชายส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรขององค์กร การลดความเสี่ยง นวัตกรรม และความยั่งยืน เมื่อผู้ประกอบการสตรีถูกกีดกันจากขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง บริษัทต่าง ๆ ก็เสี่ยงที่จะทิ้งพรสวรรค์ ความคิดสร้างสรรค์ และความเชี่ยวชาญไว้เป็นจำนวนมาก GRP เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับแรงกระตุ้นที่ทรงพลังสำหรับการเปลี่ยนแปลง”  Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay, Inc. และผู้ริเริ่มโครงการ WEA กล่าว

เพื่อเป็นการแจ้งถึง Advocacy Brief โดย UN Women ได้มีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกว่า 350 รายในปี 2564 โดยในจำนวนนี้เป็นตัวแทนของบริษัทภาคเอกชนกว่า 150 แห่ง และรวบรวมกรณีศึกษา 7 กรณีเกี่ยวกับเส้นทางการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทต่าง ๆ เพื่อสร้างเชิงหลักฐานว่าเหตุใดธุรกิจจึงควรนำการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองบทบาทระหว่างหญิงชายมาใช้ การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่ในรูปแบบของการสัมภาษณ์ การสำรวจ และชุมชนแห่งการปฏิบัติ ซึ่งได้ประโยชน์จากการเผยแพร่ในเครือข่ายต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงสมาชิกภาพและเครือข่ายของ ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Global Compact's (UNGC)

บริษัทต่าง ๆ รายงานว่า GRP นำไปสู่:

  • เพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดจ้าง
  • ความพร้อมใช้งานและความยืดหยุ่นของซัพพลายเออร์ที่มากขึ้น
  • ชื่อเสียงของแบรนด์ที่แข็งแกร่งขึ้น
  • นวัตกรรมและการปรับตัวที่มากขึ้น
  • การส่งมอบบริการที่ดีขึ้นเนื่องจากความคล่องตัวที่มากขึ้นและ
  • ตลาดมีความเข้มแข็งผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นและการเติบโตอย่างครอบคลุม

ตามหมายเหตุของ Advocacy Brief “การพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการรักษาเสถียรภาพในเศรษฐกิจที่ผันผวนและได้รับประโยชน์จากการเติบโตในอนาคต ความเหลื่อมล้ำในความไม่เสมอภาคระหว่างหญิงชายที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลกระทบต่อทุกบริษัท รวมถึงผู้ประกอบการสตรีที่มีความสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น ตลอดจนธุรกิจที่พึ่งพาพวกเขา”

ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการมุ่งเน้นที่เพิ่มขึ้นในแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) ของบริษัทต่าง ๆ Advocacy Brief ให้หมายเหตุว่า “การนำ GRP ไปใช้ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถปฏิบัติและกำหนดค่านิยมของ ESG และมีส่วนสำคัญต่อการเสริมพลังอำนาจของผู้หญิงและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) การนำหลักการ GRP มาใช้นั้น ธุรกิจต่าง ๆ สามารถก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายได้หลายด้าน รวมถึงความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย (SDG 5) และความเหลื่อมล้ำที่ลดลง (SDG 10) และอีกทั้งการบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ (SDG 12) การขจัดความยากจน (SDG 1) และงานที่มีคุณค่า และการเติบโตทางเศรษฐกิจ (SDG 8)”

“การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้โดยผู้หญิงคนเดียว หรือโดยธุรกิจเพียงอย่างเดียว หรือโดยรัฐบาลเพียงอย่างเดียว วิธีเดียวที่เราจะสามารถก้าวหน้าได้อย่างแท้จริงคือถ้าทั้งหมด – รวมถึงธุรกิจ – ได้ทำงานร่วมกันเพื่อจุดประสงค์ร่วมกัน” Anita Bhatia ผู้ช่วยเลขาธิการและรองกรรมการบริหารของ UN Women กล่าว

จากการเปิดเผยรายงานนี้ โดย WEA เรียกร้องให้ภาคเอกชนนำกลยุทธ์ GRP มาใช้และบูรณาการสตรีเข้ากับห่วงโซ่คุณค่าระดับโลกเพื่อเป็นพาหนะในการพัฒนา SDGs สิ่งนี้สมเหตุสมผลทางธุรกิจ ในขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมการเสริมพลังทางเศรษฐกิจของผู้หญิง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม

Advocacy Brief สามารถดูได้ที่นี่

เกี่ยวกับ the Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มแบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายเกี่ยวกับผู้ประกอบการสตรีที่ตั้งขึ้นในช่วง UNGA 74 โดยมีหน่วยงานขององค์กรสหประชาชาติหกแห่ง ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC) องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และ Mary Kay Inc. จะเพิ่มพลังให้ผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนภายในปี 2573

เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โครงการ Accelerator เป็นตัวอย่างของพลังในการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อควบคุมศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ we-accelerate ติดตามเราได้ที่: Twitter (We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator), LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)


1 World Development Report. 2012: Gender Equality and Development (รายงานการพัฒนาโลก. ปี 2555: ความเสมอภาคระหว่างหญิงชายและการพัฒนา): https://openknowledge.worldbank.org/handle/10986/4391.

2 European Commission and OECD Policy Brief on Women’s Entrepreneurship. 2017 (คณะกรรมาธิการยุโรปและบทสรุปนโยบาย OECD เกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการสตรีปี 2560): https://www.oecd.org/cfe/smes/Policy-Brief-on-Women-s-Entrepreneurship.pdf

3 World Bank. 2020. Enterprise Surveys, World Bank Gender Data Portal (ธนาคารโลก ปี 2563 การสำรวจองค์กร พอร์ทัลข้อมูลเพศสภาพของธนาคารโลก): https://www.worldbank.org/en/data/datatopics/gender

4 Vazquez, E.A. and A.J. Sherman. 2013. Buying for Impact: How to Buy from Women and Change the World. Charleston, USA: Advantage (Vazquez, E.A. and A.J. Sherman ปี 2556 การซื้อเพื่อผลกระทบ: วิธีการซื้อจากผู้หญิงและการเปลี่ยนแปลงโลก Charleston, USA: Advantage)

5 World Bank Group. 2022.. Women, Business and the Law 2022. Washington, DC: World Bank (World Bank Group ปี 2565 ผู้หญิง ธุรกิจ และกฎหมายปี 2565 วอชิงตัน ดีซี: ธนาคารโลก)

6 UN Women Facts and Figures: Economic Empowerment (ข้อเท็จจริงและตัวเลขของ UN Women: การเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจ): https://www.unwomen.org/en/what-we-do/economic-empowerment/facts-and-figures

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220505005120/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย




Mary Kay Inc. เน้นย้ำการกระทำของมหาสมุทรและความร่วมมือกับ The Nature Conservancy ในวันคุ้มครองโลกปี 2565

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–23 เมษายน 2565

วันคุ้มครองโลกนี้เป็นวันครบรอบ 52 ปีของวันคุ้มครองโลกครั้งแรกในปี 2513 Mary Kay Inc. ร่วมในการเฉลิมฉลองสิ่งแวดล้อมและการเป็นพันธมิตรทั่วโลกที่ทำงานเพื่อลงทุนในโลกของเราและบรรลุ 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN)

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220422005430/en/

Logo of Mary Kay

โลโก้ของ Mary Kay

องค์ประกอบสำคัญของการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการบรรลุ SDGs นั้นขึ้นอยู่กับการกระทำของมหาสมุทร ซึ่งมหาสมุทรนั้นครอบคลุม 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นผิวโลก เป็นชีวภาคที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้สร้างออกซิเจน 50 เปอร์เซ็นต์ที่เราต้องการ ดูดซับ 25 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด และดักจับ 90 เปอร์เซ็นต์ของความร้อนเพิ่มเติมที่เกิดจากการปล่อยสิ่งเหล่านั้น1

The Nature Conservancy (TNC) ได้เริ่มต้นการเดินทางเพื่อปกป้องมหาสมุทรของเรา โดยได้รับการสนับสนุนจาก Mary Kay ซึ่งถือว่าน้ำเป็นหัวใจของกลยุทธ์ความยั่งยืน: “วันคุ้มครองโลกนี้ มหาสมุทรของเราต้องการเราทุกคน” กรรมการผู้จัดการระดับโลกฝ่ายการอนุรักษ์ธรรมชาติของ The Nature Conservancy กล่าว “ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรองค์กรของเรา TNC ทำงานในทุก ๆ วันทั่วทั้งโลกเพื่ออนุรักษ์แนวปะการัง ชายฝั่งและการประมงที่ทำให้ชีวิตบนโลกใบนี้ และชีวิตของเราเองรุ่งเรืองเฟื่องฟู เราร่วมกันสร้างวันคุ้มครองโลกในทุก ๆ วัน”

ผ่านการเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน Mary Kay ช่วยเหลือสนับสนุนโครงการที่ส่งผลให้เกิดผลกระทบอย่างยั่งยืนในการอนุรักษ์และปกป้องมหาสมุทรของเรา:

  • การปกป้องมหาสมุทรทั่วโลกเพื่อปรับปรุงคุณภาพของมหาสมุทรสำหรับธรรมชาติและผู้คน
  • การปกป้องแนวปะการังที่ยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศ “แนวปะการังสายพันธุ์อึด super reefs” ในสามเหลี่ยมปะการัง
  • การฟื้นฟูแนวปะการังหอยเอเชียแปซิฟิกในออสเตรเลีย ฮ่องกง และจีน;
  • การสนับสนุนผู้นำสตรีในมหาสมุทรแปซิฟิกในปาปัวนิวกินี (ป่าชายเลน ผู้หญิง และตลาด) และหมู่เกาะโซโลมอน (คุณภาพและความยืดหยุ่นของชุมชน);
  • การอนุรักษ์และฟื้นฟูชายฝั่งในคาบสมุทรกัลฟ์ (การปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งคาบสมุทรกัลฟ์); และ
  • การปรับปรุงการประมงในเม็กซิโก (การปรับปรุงการประมงและการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชน)

The Nature Conservancy จะเปิดตัวพันธมิตรระดับโลกใหม่เพื่อระบุและปกป้องแนวปะการังที่อยู่ในตำแหน่งที่จะอยู่รอดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ – “แนวปะการังสายพันธุ์อึด super reefs” ที่งาน 2022 UN Ocean Conference ในเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส การประชุม UN Ocean Conference ซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมกันโดยรัฐบาลของเคนยาและโปรตุเกส จะพยายามจัดการกับภัยคุกคามต่อสุขภาพ นิเวศวิทยา เศรษฐกิจ และธรรมาภิบาลของมหาสมุทร และขับเคลื่อนโซลูชั่นนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นอย่างมาก โดยมุ่งเป้าไปที่การเริ่มต้นบทใหม่ของการกระทำของมหาสมุทรทั่วโลก

“ในวันคุ้มครองโลกและในทุก ๆ วัน Mary Kay เฉลิมฉลองงานที่เราทำเพื่อลงทุนในโลกของเราและปกป้องมหาสมุทรของเรา ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ค้ำจุนชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนประมาณ 3 พันล้านคนทั่วโลก มันคือความสำคัญต่อโลก อนาคต และชุมชนของเรา Mary Kay ภูมิใจในความร่วมมือของเราในการช่วยสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนและยาวนานต่อชุมชนทั่วโลก และคือหุ้นส่วนสำหรับโลกอย่างแท้จริง” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว

“เรารู้ว่ายังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำ และเรารู้ว่าเราสามารถทำได้และจะทำให้มากกว่านี้ การดูแลโลกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Mary Kay และวันคุ้มครองโลกเปิดโอกาสให้เรายืนยันคำมั่นสัญญาของเราในการดำเนินการอย่างยั่งยืน” Gibbins กล่าวเสริม

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน สามารถเยี่ยมชมได้ที่ marykayglobal.com/sustainability และสามารถดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay ในหัวข้อเรื่อง “Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow”

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เรารังสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและภูมิภาค เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

1 เกี่ยวกับงาน 2022 UN Ocean Conference งาน UN Ocean Conference เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส https://www.un.org/en/conferences/ocean2022/about

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220422005430/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย






เนื่องในวันคุ้มครองโลกปี 2565 Mary Kay Inc. ให้คำมั่นสัญญาในการช่วยเหลือสนับสนุนที่สำคัญสำหรับแนวปะการังในเอเชียแปซิฟิก

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–23 เมษายน 2565

วันนี้เป็นวันครบรอบ 52 ปีของวันคุ้มครองโลกครั้งแรกและการถือกำเนิดขบวนอนุรักษ์ธรรมชาติในปี 2513 Mary Kay Inc. ร่วมเฉลิมฉลองอนาคตของการรักษาสิ่งแวดล้อมและความร่วมมือทั่วโลกที่ทำงานเพื่อลงทุนในโลกของเราและบรรลุ 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN)

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220422005461/en/

Simon Branigan rides a wave of recycled seashells destined to become bedrock for new shellfish reefs ©Fiona Pepper

Simon Branigan ขี่บนคลื่นของเปลือกหอยรีไซเคิลที่ถูกกำหนดให้กลายเป็นรากฐานสำหรับแนวปะการังหอยใหม่ ©Fiona Pepper

The Nature Conservancy (TNC) ได้เริ่มต้นในการเดินทางเพื่อปกป้องมหาสมุทรของเรา โดยได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจาก Mary Kay ซึ่งถือว่าน้ำเป็นหัวใจของกลยุทธ์ของความยั่งยืน: “วันคุ้มครองโลกนี้ มหาสมุทรของเราต้องการเราทุกคน” Jeffrey Parrish กรรมการผู้จัดการระดับโลกฝ่ายการอนุรักษ์ธรรมชาติของ The Nature Conservancy กล่าว “ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรองค์กรของเรา TNC ทำงานในทุก ๆ วันทั่วทั้งโลกเพื่ออนุรักษ์แนวปะการัง ชายฝั่งและการประมงที่ทำให้ชีวิตบนโลกใบนี้ และชีวิตของเราเองรุ่งเรืองเฟื่องฟู เราร่วมกันสร้างวันคุ้มครองโลกในทุก ๆ วัน”

ในมหาสมุทรเอเชียแปซิฟิกมีแนวปะการังหอยที่เสื่อมโทรมหรือถูกทำลายมากกว่าร้อยละ 90 แนวปะการังมีความสำคัญต่อมนุษยชาติ พวกเขาช่วยจัดหาอาหาร สร้างรายได้ และงานให้กับชุมชนชายฝั่งและทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่มีชีวิตเพื่อรับมือกับพายุที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ด้วยเงินทุนจาก Mary Kay ช่วยให้ TNC ทำงานเพื่อนำแนวปะการังหอยเหล่านี้กลับคืนมา รวมถึงการปกป้องและฟื้นฟูแนวปะการังหอยนางรมและหอยแมลงภู่ 60 แห่งในออสเตรเลีย การสร้างแนวปะการังหอยนางรมที่สูญหายขึ้นใหม่ในฮ่องกง และการนำโครงการฟื้นฟูแนวปะการังหอยแห่งแรกในจีน โครงการเหล่านี้ยังรวมถึงโปรแกรมด้านการศึกษาและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนท้องถิ่นในการรักษาความพยายามเหล่านี้ต่อไปในอนาคต

เอเชียแปซิฟิกยังเป็นที่ตั้งของสามเหลี่ยมปะการัง (Coral Triangle) ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ของแนวปะการังครอบคลุมถึงน่านน้ำของอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ปาปัวนิวกินี (PNG) ติมอร์เลสเต และหมู่เกาะโซโลมอน ระบบที่เปราะบางนี้อยู่ภายใต้การคุกคามจากการทำประมงที่ไม่ดี มลพิษจากพลาสติก และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Mary Kay สนับสนุนงานสามเหลี่ยมปะการังของ TNC เป็นหลักในอินโดนีเซีย, PNG และหมู่เกาะโซโลมอน แต่ยังคงขยายไปสู่ความพยายามในการอนุรักษ์และการริเริ่มที่ส่งผลกระทบต่อทั้งภูมิภาค โครงการในท้องถิ่นของ TNC นั้นได้แก่ การจัดตั้งเครือข่ายพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (Marine Protected Area) เพื่อให้สามารถอยู่รอดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาและบูรณาการการวางแผนกองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (Ridges to Reefs) ใน PNG และหมู่เกาะโซโลมอน และในความพยายามที่จะปรับให้เข้ากับภารกิจระดับโลกของ Mary Kay ในการเสริมพลังอำนาจของสตรี การขยายกิจการที่นำโดยผู้หญิง ชนเผ่าพื้นเมือง และการอนุรักษ์ชุมชนในอินโดนีเซียและการสร้างความเท่าเทียมทางเพศในข้อผูกพันด้านการอนุรักษ์ระดับชาติและระดับภูมิภาค เช่น โครงการสามเหลี่ยมปะการัง หรือ Coral Triangle Initiative (CTI)

ในเดือนมิถุนายน The Nature Conservancy จะเผยแพร่งานวิจัยใหม่ที่งาน 2022 UN Ocean Conference ที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ซึ่ง The Ocean Conference ซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมกันโดยรัฐบาลของเคนยาและโปรตุเกส จะจัดการกับภัยคุกคามต่อสุขภาพ นิเวศวิทยา เศรษฐกิจ และธรรมาภิบาลของมหาสมุทรโลก และขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นอย่างมาก โดยมุ่งเป้าไปที่การเริ่มต้นบทใหม่ของการกระทำของมหาสมุทรทั่วโลก

“ในวันคุ้มครองโลกและในทุก ๆ วัน Mary Kay เฉลิมฉลองงานที่เราทำเพื่อลงทุนในโลกของเราและปกป้องมหาสมุทรของเรา ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ค้ำจุนชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนประมาณ 3 พันล้านคนทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “มันคือความสำคัญต่อโลก อนาคต และชุมชนของเรา Mary Kay ภูมิใจในความร่วมมือของเราในการช่วยสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนและยาวนานต่อชุมชนทั่วโลก และคือหุ้นส่วนสำหรับโลกอย่างแท้จริง”

เธอเสริมว่า “เรารู้ว่ายังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำ และเรารู้ว่าเราสามารถทำได้และจะทำให้มากกว่านี้ การดูแลโลกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Mary Kay และวันคุ้มครองโลกเปิดโอกาสให้เรายืนยันคำมั่นสัญญาของเราในการดำเนินการอย่างยั่งยืน”

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน สามารถเยี่ยมชมได้ที่ marykayglobal.com/sustainability และสามารถดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay ในหัวข้อเรื่อง “Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow”

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เรารังสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและภูมิภาค เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220422005461/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย







Milliken & Company ติดตามความคืบหน้าในโครงการความยั่งยืนในรายงานความยั่งยืนประจำปีครั้งที่สี่

Logo

สปาร์ตันเบิร์ก รัฐเซาท์แคโรไลนา–(BUSINESS WIRE)–22 เม.ย. 2565

วันนี้ Milliken & Company ผู้ผลิตระดับโลกที่มีความหลากหลายได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปีฉบับที่สี่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบการรายงานที่สำคัญสำหรับความคืบหน้าของบริษัทในการมุ่งสู่เป้าหมายความยั่งยืนปี 2568 โดยในปี 2562 Milliken ได้กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนเอาไว้ 12 ประการ โดยมุ่งเน้นที่บุคลากร ผลิตภัณฑ์ และโลกใบนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการบรรลุเป้าหมายการมีสุขภาพที่ดีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ตามแนวทางของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ เป้าหมายทั้ง 12 ประการนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในด้านความยั่งยืนในทุกรูปแบบ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220422005043/en/

Milliken's fourth annual Sustainability Report highlights the company's progress toward its 2025 Sustainability Goals. (Photo: Business Wire)

รายงานความยั่งยืนประจำปีครั้งที่สี่ของ Milliken เน้นย้ำถึงความคืบหน้าของบริษัทในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนปี 2568 (ภาพ: Business Wire)

ในปี พ.ศ. 2564 Milliken ได้เลิกใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักหลังจากทุ่มเงิน 25 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างพลังงานความร้อนร่วม ซึ่งผสมผสานการผลิตไอน้ำและพลังงานเข้าด้วยกัน  ที่สำคัญ Milliken ยังเพิ่มความหลากหลายของทีมผู้บริหารในสหรัฐฯ อีกร้อยละ 8 และได้ประกาศว่าขณะนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอทั้งหมดของบริษัทมีคาร์บอนเป็นศูนย์แล้ว

“จุดประสงค์ร่วมและความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ทำให้ Milliken มีเอกลักษณ์พิเศษ ” Halsey Cook ประธานและซีอีโอของ Milliken & Company กล่าว “เราไม่เพียงแต่ทำเต็มความสามารถในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกรอบตัวเราเท่านั้น แต่ยังมีความรับผิดชอบในการสร้างอนาคตที่มีสุขภาพดีขึ้นสำหรับคนรุ่นนี้และคนรุ่นต่อ ๆ ไป อีกด้วย”

รายงาน Global Reporting Initiative (GRI) ซึ่งเป็นรายงานฉบับที่สี่ของ Milliken ที่เสร็จสมบูรณ์ตามมาตรฐาน Core ให้รายละเอียดเกี่ยวกับความก้าวหน้าด้านความยั่งยืนแบบองค์รวมที่เกิดขึ้นในปี 2564 ความพยายามเหล่านี้รวมถึง:

  • บันทึกเหตุการณ์ความปลอดภัยหยุดงานเพื่อความปลอดภัยไปเป็นศูนย์จากวิกฤติ COVID-19
  • บันทึกชั่วโมงอาสาสมัคร 27,000 ชั่วโมง ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
  • ร่วมมือกับกลุ่มต่าง ๆ เช่น Accelerating Circularity, Polypropylene Coalition, PureCycle Technologies และ Alliance to End Plastic Waste เพื่อให้ความเชี่ยวชาญของเราในการแก้ปัญหาการสิ้นสุดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์
  • อัปเกรดระบบแสงสว่างเป็นไฟ LED ในโรงงานผลิต 13 แห่ง ลดการปล่อย GHG 3,000 เมตริกตัน และบรรลุครึ่งหนึ่งของเป้าหมายเพื่อแปลงไฟส่องสว่างในโรงงานผลิตทั้งหมดเป็น LED ภายในสิ้นปี 2566 และ
  • เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็น 97,608 MWh/ปี คิดเป็นมากกว่า ร้อยละ 97 ของเป้าหมายปี 2568 ที่ 100,000 MWh/ปี

Kasel Knight รองประธานอาวุโสและที่ปรึกษาทั่วไปกล่าวว่า “หน้าปกของรายงานประจำปีนี้เป็นภาพจากสารคดีเรื่อง Everest ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องจริงอันน่าทึ่งของทีมนักปีนเขาสี่คนที่ขึ้นไปบนยอดเขา “Milliken และ Polartec กำลังสนับสนุนการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้งในวันครบรอบ 25 ปี สำหรับเรา เรื่องราวการทำงานเป็นทีม ความหวัง และความอุตสาหะนี้เหมาะสมกับรายงานปี 2564 ของเราเป็นอย่างมาก เป้าหมายของเราสูงส่ง แต่การทำงานร่วมกัน ทำให้เรารู้ว่าเราจะประสบความสำเร็จในวันพรุ่งนี้ที่สดใสและที่มีสุขภาพดีขึ้นได้”

หากต้องการดูรายงานฉบับสมบูรณ์ โปรดไปที่คลังความรู้ Milliken's Sustainability ที่นี่

เกี่ยวกับ Milliken

Milliken & Company เป็นผู้นำด้านการผลิตระดับโลกที่มุ่งเน้นด้านวิทยาศาสตร์วัสดุเพื่อนำเสนอความก้าวหน้าสำหรับวันหน้า Milliken  ใช้ตั้งแต่โมเลกุลชั้นนำของอุตสาหกรรมไปจนถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ยกระดับชีวิตของผู้คนและนำเสนอโซลูชั่นสำหรับลูกค้าและชุมชน ด้วยสิทธิบัตรหลายพันรายการและพอร์ตโฟลิโอที่มีการใช้งานทั่วทั้งธุรกิจสิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ปูพื้น เคมี และการดูแลสุขภาพ บริษัทใช้ความรู้สึกร่วมกันของความซื่อสัตย์และความเป็นเลิศเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกจากรุ่นสู่รุ่น ค้นพบเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคิดที่อยากรู้อยากเห็นของ Milliken และโซลูชันที่เป็นแรงบันดาลใจได้ที่ milliken.com และที่ Facebook, Instagram, LinkedIn กับ Twitter.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220422005043/en/

ติดต่อ:

Betsy Sikma

betsy.sikma@milliken.com

864.909.7908

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ประกาศผู้ชนะการแข่งขัน NFTE World Series of Innovation Challenge

Logo

ความท้าท้ายนี้ขอให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่แก้ไขปัญหาความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงาน เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2565

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจและการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ประกาศในวันนี้ว่า World Series of Innovation (WSI) Challenge ครั้งที่ 2 ร่วมกับ เครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ หรือ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE)  โดยประสบการณ์การศึกษาระดับโลกเชิญชวนให้เยาวชนอายุระหว่าง 13-24 ปีใช้ช่องทางการคิดเชิงวิพากษ์และทักษะการแก้ปัญหาเพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขสำหรับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และช่วยพัฒนาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ในขณะที่ส่งเสริมกรอบความคิดของผู้ประกอบการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220421005111/en/

In celebration of Creativity and Innovation Day, Mary Kay is proud to announce STEMinists as the winner of the NFTE World Series of Innovation Challenge addressing SDG 5: Gender Equality. (Photo: Mary Kay Inc.)

ในการเฉลิมฉลองวันแห่งความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation Day) Mary Kay มีความภาคภูมิใจที่จะประกาศให้ STEMinists เป็นผู้ชนะของการแข่งขัน NFTE World Series of Innovation Challenge ที่กล่าวถึง SDG 5: ความเท่าเทียมทางเพศ (ภาพ: Mary Kay Inc.)

การแข่งขัน World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay สนับสนุนให้เยาวชนจากทั่วโลกเสนอวิธีแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมเพื่อจัดการกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 5: ความเท่าเทียมทางเพศ หรือ Gender Equality โดยเฉพาะอย่างยิ่งความท้าทายนี้ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงาน และรับรองการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ก่อนการเกิดโควิด-19 ข้อมูลหลายทศวรรษแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของผู้หญิงในแรงงาน แม้ว่าช่องว่างของค่าจ้างนั้นยังคงมีอยู่ แต่มีผู้หญิงเข้าร่วมตลาดแรงงานมากขึ้นทุกปี แต่การตกงานจากการระบาดใหญ่นั้นส่งผลกระทบต่อผู้หญิงอย่างไม่สมส่วน และตั้งแต่ปี 2563 การตะเกียกตะกายไปสู่ความเท่าเทียมของแรงงานก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะการแข่งขัน World Series of Innovation Challenge ประจำปีนี้! Mary Kay รับรู้ถึงความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการและบทบาทที่มีต่อโลกในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงลงทุนทุกปีในโปรแกรมและโครงการริเริ่มเพื่อช่วยส่งเสริมสตรีและเด็กผู้หญิงทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นมากสำหรับผู้เข้าแข่งขันและผู้ชนะที่จัดการกับความท้าทายนี้และแสดงให้เห็นถึงการคิดในการแก้ปัญหาล่วงหน้า และระบุโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการบรรลุถึงความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงาน”

NFTE เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรด้านการศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นการนำพลังของการเป็นผู้ประกอบการมาสู่เยาวชนในชุมชนที่มีรายได้ต่ำ การแข่งขัน World Series of Innovation (WSI) Challenge เชิญชวนความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

NFTE เข้าถึงเยาวชนกว่า 50,000 รายทั่วโลก มีนักเรียนมากกว่า 3,000 รายที่มีภูมิหลังที่หลากหลายส่งแนวคิดในการแข่งขัน WSI Challenges ในปีนี้ ทั้งนี้นักเรียนมากกว่า 400 รายเข้าร่วมในความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mary Kay ผู้ชนะสามรายของการแข่งขัน Mary Kay’s 2021 Challenge ได้แก่:

  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง: STEMinists การสร้างพอร์ทัลออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับผู้เชี่ยวชาญหญิงกับนักศึกษาหญิงสาว STEM ในฐานะที่ปรึกษาเพื่อสนับสนุนความสำเร็จของผู้หญิงในสาขา STEM พัฒนาโดย Misaki Nguyen อายุ 15 ปี จากโรงเรียนมัธยม Silver Creek High School ในเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย
  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่สอง: Pads for Peace การบริการกล่องสมัครสมาชิกผลิตภัณฑ์สำหรับสตรี โดยบริจาคจำนวนหนึ่งกล่องให้แก่ที่ผู้ไร้บ้านในทุก ๆ กล่องที่ซื้อ พัฒนาโดย Ashley Cohen, Olivia Mooney และ Ashley Simonian อายุ 14 ปี จากโรงเรียน Brentwood School ในเมืองลอสแองเจลิส
  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่สาม: Black Girls Mean Business โปรแกรมธุรกิจภาคฤดูร้อนเสมือนจริงสำหรับนักเรียนหญิงผิวดำระดับมัธยม จับคู่กับมืออาชีพรุ่นเยาว์กับที่ปรึกษาจากธุรกิจชั้นนำด้านอุตสาหกรรม พัฒนาโดย Brianna Holmes, Alyssa Torres, Rachel Holmes อายุ 17 ปี และ Cherry Zhang อายุ 18 ปี จากโรงเรียนมัธยม Silver Creek High School ในเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย

“ในทุก ๆ ปี ทีมเยาวชนจากทั่วโลกตอบสนองต่อการเรียกร้องของ WSI โดยใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดของโลก” Dr.J.D. LaRock ประธานและซีอีโอของ NFTE กล่าว “เยาวชนมีความกล้าหาญและมีความทะเยอทะยาน และมักได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่พวกเขาหลงใหล WSI เปิดโอกาสให้พวกเขาพัฒนาความคิดและให้รางวัลสำหรับการคิดอย่างสร้างสรรค์ในประเด็นต่าง ๆ อย่างเช่น ความยากจน ความเสมอภาคและการไม่แบ่งแยก ตลอดจนความยุติธรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อม”

2021 NFTE World Series of Innovation นำเสนอโดย Citi Foundation และคุณสมบัติการแข่งขันจาก Bank of the West, Citi Foundation, Ernst & Young LLP (EY US), Mary Kay Inc., Maxar Technologies, PIMCO และ Saint-Gobain

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World Series of Innovation และความท้าทายทั้งหมด กรุณาเยียมชมได้ที่ https://innovation.nfte.com

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 60 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ นอกเหนือจากการลงทุนให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าที่ทันสมัยที่สุดแล้ว Mary Kay ยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขา โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในวันนี้ยังคงเปล่งประกาย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ MaryKayGlobal.com

เกี่ยวกับ NFTE

Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้การศึกษาด้านการเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากชุมชนที่มีทรัพยากรน้อย รวมถึงโปรแกรมสำหรับนักศึกษาและผู้ใหญ่ NFTE เข้าถึงนักเรียนมากกว่า 50,000 คนในปีการศึกษานี้ ด้วยการเปิดโปรแกรมใน 25 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา และในอีก 18 ประเทศเพิ่มเติม นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เราได้ให้การศึกษาแก่นักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนผ่านโปรแกรมในโรงเรียน นอกโรงเรียน วิทยาลัย และค่ายฤดูร้อน ที่เปิดสอนโดยตรงและทางออนไลน์ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราส่งเสริมระบบทุนนิยมรอบด้าน และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่หลากหลาย เยี่ยมชมได้ที่ www.nfte.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220421005111/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Global Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972-687-5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Glamhive กลับมาพร้อมกับ Style & Beauty Summit LIVE ระดับนานาชาติครั้งแรกที่โรงแรม Glamorous Bulgari Hotel London

Logo

งานซึ่งจะนำเสนอโดย Mary Kay Global Design Studio จะมีผู้ประกอบการพูดคุยกันเกี่ยวกับความงามและสไตล์แฟชั่น Metaverse และอีกมากมาย

ลอสแองเจลิสกับซีแอตเทิล–(BUSINESS WIRE)–21 เม.ย. 2565

จากการเริ่มต้นในการเป็นช่องทางให้ชุมชนสไตล์มารวมตัวกันในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ตอนนี้ได้เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในการรวมตัวที่ใหญ่ที่สุดของอินฟลูเอ็นเซอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม และไอคอนแฟชั่นทั่วโลก Glamhive และ Mary Kay Global Design Studio กำลังจะเปิดตัวการประชุมสุดยอดครั้งนี้ในรูปแบบประสบการณ์ทางกายภาพ/ดิจิทัลแบบผสมผสาน ร่วมกับแขกที่มาร่วมงานด้วยตนเองและแบบเสมือนจริง ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงแรม Bulgari  Hotel สุดชิคในลอนดอน ณ วันที่ 23 เมษายน ทั้งนี้ ร้อยละ 100 ของยอดการขายตั๋วจะบริจาคให้กับคณะกรรมการกู้ภัยระหว่างประเทศสำหรับความช่วยเหลือของพวกเขาในวิกฤตการณ์ในยูเครน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220420005939/en/

Glamhive Live Summit London Sponsored by Mary Kay. (Photo: Mary Kay Inc.)

Glamhive Live Summit ลอนดอน สนับสนุนโดย Mary Kay (ภาพ: Mary Kay Inc.)

นี่จะเป็นการประชุมสุดยอดครั้งที่แปดของ Glamhive ที่มี 6 พาเนล พร้อมกับผู้พูดมากกว่า 20 คน งานที่มีคนดังหลายคนเข้าร่วมนี้ เป็นเจ้าภาพโดย Stephanie Sprangers (ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Glamhive) กับ Nicole Chavez (สไตลิสต์คนดังอย่าง Kristen Bell และ Jessica Simpson) หัวข้อที่กำลังเป็นที่นิยมจะได้รับการอภิปรายโดยบรรดาวิทยากรระดับแนวหน้า ซึ่งรวมถึงสไตลิสต์ที่กำลังมาแรงในอุตสาหกรรม นักแฟชั่นแนวหน้า ผู้ประกอบการด้านความงามและแฟชั่น และอินฟลูเอ็นเซอร์ TikTok ที่โด่งดังไปทั่วโลก

หัวข้อ:

  • The London Perspective (มุมมองของลอนดอน)
  • Unstoppable: Ladies Who Launch (ฉุดไม่อยู่: ผู้หญิงที่เริ่มกิจการ)
  • Tea With British Vogue’s Dena Giannini (จิบชากับ Dena Giannini แห่ง British Vogue)
  • Brand Yourself: Growing Your Personal Brand (สร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง: ขยายแบรนด์ของคุณเอง)
  • How To Make A Statement With Your Style (วิธีสร้างสไตล์ของคุณ)
  • The Future Of Fashion (อนาคตของแฟชั่น)

ตัวอย่างผู้อภิปราย:

วิทยากรของเราประกอบด้วยสไตลิสต์คนดัง ช่างแต่งหน้า และนักสร้างภาพ ซึ่งทำงานร่วมกับคนดังในฮอลลีวูดและที่อื่น ๆ ซึ่งรวมถึง:

สไตลิสต์คนดัง: Nicole Chavez, Zadrian Smith กับ Holly White

นักแต่งหน้าคนดัง: Christian Wood กับ Tania Grier

บรรณาธิการ: Dena Giannini, British Vogue & Brian Underwood, Oprah Daily

นักพยากรณ์แฟชั่นและผู้ทำนายเทรนด์: Geraldine Wharry

อินฟลูเอ็นเซอร์ด้านแฟชั่นบน TikTok: Benji Park, Ambika Dhir

ตั๋วเข้าชมการประชุมราคา 149 ปอนด์สำหรับตั๋วเข้าร่วมด้วยตนเองตลอดวัน และ 45 ปอนด์สำหรับตั๋วเข้าร่วมออนไลน์ ผู้สนับสนุนการนำเสนอ Glamhive LIVE Spring Style & Beauty Summit ได้แก่ Mary Kay กับ Mary Kay Global Design Studio และ Bulgari Hotel London

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.glamhive.com/live

เกี่ยวกับ Glamhive: Glamhive ก่อตั้งขึ้นโดย Stephanie Sprangers ผู้ประกอบการในปี 2560 โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้การตกแต่งเสริมสไตล์เข้าถึงปัจเจกชน และยังมีหลักการว่า ความเชื่อมั่นที่มาพร้อมกับความเย้ายวนใจไม่ควรเป็นเฉพาะของคนรวยและคนดังเท่านั้น

ประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมออนไลน์ช่วยให้ทุกคนที่มี WiFi ได้พบกับสไตลิสต์ที่จะให้การสนับสนุนแก่พวกเขาเพื่อสร้างเวอร์ชันที่ดีที่สุดของพวกเขา แพลตฟอร์ม Glamhive เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ไร้รอยต่อสำหรับสไตลิสต์ เพื่อช่วยให้พวกเขาขยายเครือข่ายและธุรกิจของพวกเขาได้บนโลกออนไลน์ 100%

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์รูปแบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอเมื่อ 57 ปี ก่อนในปี 2506 โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ยังทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติก ยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมที่ marykayglobal.com,  และที่  Facebook, Instagram, LinkedIn, ติดตามเราที่ Twitter.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220420005939/en/

ติดต่อ:

Stephanie Sprangers

CEO, Glamhive

stephanie@glamhive.com

+1.206.851.0446

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Kaneka เปิดตัวชุดทดสอบ PCR ใหม่สำหรับตรวจหาไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (BA.1) และ “สายพันธุ์ล่องหน” โอมิครอน (BA.2)

Logo

– ชุดทดสอบสามารถตรวจจับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ทั้งสองสายพันธุ์ด้วยชุดทดสอบ PCR ชุดเดียว

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–18 เมษายน 2565

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา Kaneka Corporation (สำนักงานใหญ่: Minato-ku, Tokyo; ประธาน: Minoru Tanaka) ได้วางจำหน่ายชุดทดสอบ KANEKA RT-PCR “SARS-CoV-2 (โอมิครอน/เดลตา) เวอร์ชัน2” ซึ่งเป็นชุดทดสอบ PCR แบบเรียลไทม์ที่สามารถตรวจหาไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน (BA.1) และ โอมิครอน (BA.2) หรือ “สายพันธุ์ล่องหน” รวมถึงสายพันธุ์เดลตาได้พร้อมกัน โดยราคาปลีกที่แนะนำของชุดทดสอบอยู่ที่ 121,000 เยน (สำหรับชุดทอสอบ 100 ชิ้น) รวมภาษี

ชุดทดสอบนี้ใช้สารเคมีที่บริษัทถือกรรมสิทธิ์ พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการทดสอบโมเลกุลของ Kaneka เองเพื่อตรวจหาการมีอยู่ของสายพันธุ์ทั้ง 3 จากการใช้ชุดทดสอบ PCR เพียงชิ้นเดียว ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดภาระในการทำการทดสอบ รวมทั้งช่วยเกี่ยวกับการเลือกยาและการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละสายพันธุ์ที่สุดในการทดสอบเพื่อหาวิธีการรักษาได้

Kaneka ได้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ KANEKA Direct RT-PCR Kit SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นสารวินิจฉัยภายนอกร่างกายที่ใช้เทคโนโลยีประมวลผลตัวอย่างดั้งเดิมของ Kaneka เพื่อผลิตผลทดสอบภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง สำหรับชุดทดสอบ RT-PCR ของ KANEKA รุ่น “SARS-CoV-2 (L452R/E484Q/E484K/N501Y)” สามารถตรวจหาไวรัสได้ 4 สายพันธุ์พร้อมกัน และรุ่น “SARS-CoV-2 (Omicron/Delta)” สามารถตรวจหาไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาและโอมิครอนได้ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ของ Kaneka มีการนำไปใช้แล้วกับงานกีฬาใหญ่ ๆ และกับการทดสอบ PCR ก่อนการเดินทาง รวมถึงในสถานที่ทำงานทางการแพทย์และศูนย์ทดสอบ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทำให้การทำการทดสอบตัวอย่างจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็วเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

Kaneka ใช้หลากหลายมาตรการในการต่อสู้กับโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการเปิดตัว “Infection Initiative Team” ซึ่งคอยทำงานด้านวิจัยและการพัฒนาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการควบคุมการติดเชื้อรวมถึงโควิด-19 ซึ่งได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ชุดทดสอบ PCR ของเรา ทำสัญญาจ้างผลิต API ดีเอ็นเอวัคซีนและสารมัธยันตร์ พัฒนายาแอนติบอดี จัดหาสารทดสอบ PCR และชุดทดสอบ รวมถึงส่งวัคซีนโดยใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีการควบคุมอุณหภูมิ

* ความเกี่ยวเนื่องระหว่างการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ที่ตรวจจับได้และสายพันธุ์ย่อย (+: positive, -: negative)

E484A 
(ลักษณะเฉพาะของสายพันธุ์ BA.1, BA.2)

N856K
(ลักษณะเฉพาะของสายพันธ์ BA.1)

L452R
(ลักษณะเฉพาะของสายพันธุ์เดลตา)

การทดสอบ

+

+

==>

BA.1

+

==>

BA.2

+

==>

Delta

ทั้งนี้ เป็นการอ้างอิงถึงการกลายพันธุ์ของกรดอมิโนในโปรตีนส่วนหนามของไวรัส ชื่อตั้งจากการกลายพันธุ์ โดยในการกลายพันธุ์ E484A โปรตีนส่วนหนามได้เปลี่ยนจาก E (กรดกลูตามิก) เป็น A (อะลานีน) ในการกลายพันธุ์ N856K เป็นการเปลี่ยนแปลงจาก N (แอสพาราจีน) ไปยัง K (ไลซีน) สำหรับในการกลายพันธุ์ L452R เป็นการเปลี่ยนจาก L (ไลซีน) ไปยัง R (อาร์จินิน)

แบบฟอร์มสอบถามข้อมูล: https://www.kaneka-labtest.com/en/contact-us.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220412005637/en/

ติดต่อ:

KANEKA CORPORATION 
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์และประชาสัมพันธ์ 
Chika Harada 
Info_PRoffice@kaneka.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Bartek ประกาศการก่อสร้างโรงงานผลิตกรดมาลิกและกรดฟูมาริกที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Logo

โครงการจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และเพิ่มกำลังการผลิตที่มีอยู่ของบริษัทเป็นสองเท่าตัว

สโตนนีย์ครีก, ออนแทรีโอ–(BUSINESS WIRE)–5 เมษายน 2565

Bartek Ingredient ได้เริ่มก่อสร้างโรงงานแบบการเติบโตในแนวดิ่งที่ทันสมัย ซึ่งจะกลายเป็นโรงงานผลิตกรดฟูมาริกเกรดอาหารและกรดมาลิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 โครงการมูลค่า 160 ล้านดอลลาร์จะเพิ่มกำลังการผลิตของ Bartek เป็นสองเท่าตัว และทำให้ตำแหน่งของบริษัทขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในด้านกรดมาลิกและกรดฟูมาริก

Bartek คาดว่าจะมีการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้จะสนับสนุนการเติบโตของกรดมาลิกและกรดฟูมาริกในอีกหลายปีข้างหน้า โรงงานแห่งใหม่นี้จะสามารถขยายได้เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเช่น เกลือเสริมสารอาหารและบัฟเฟอร์ และปริมาณของกรดมาลิกและกรดฟูมาริกเพิ่มเติม

WSP Global ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นผู้นำด้านการก่อสร้างและการออกแบบสำหรับโครงการนี้

เกี่ยวกับ Bartek Ingredients

Bartek Ingredient Inc. เป็นผู้ผลิตกรดมาลิก กรดฟูมาริก และมาลิกแอนไฮไดรด์ชั้นนำ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2512 Bartek มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สโตนนีย์ครีก รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา มีพนักงาน 150 คนในโรงงานผลิตสองแห่งในออนแทรีโอตอนใต้ โรงงานของ Bartek ได้รับการขึ้นทะเบียนตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 Bartek ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน BRC Global Standard for Food Safety และจัดจำหน่ายไปยังกว่า 40 ประเทศทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bartek สามารถเยี่ยมชมได้ที่ bartek.ca/

เกี่ยวกับ TorQuest Partners

TorQuest Partners เป็นผู้จัดการกองทุนไพรเวทอิควิตี้ในแคนาดา ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2545 ด้วยเงินทุนภายใต้การบริหารมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์แคนาดา TorQuest ลงทุนในบริษัทตลาดระดับกลางและทำงานเป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายบริหารเพื่อสร้างมูลค่า หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ TorQuest Partners สามารถเยี่ยมชมได้ที่ torquest.com/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220404005874/en/

ติดต่อ:

Erin Robbins
MarketPlace
erin.robbins@market-pl.com
+1-314-366-3562

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

งาน Women’s Entrepreneurship Accelerator ในการประชุมครั้งที่ 66 ของคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรีเรียกร้องให้ลงทุนในผู้ประกอบการสตรีเพื่อจัดการแก้ปัญหากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Logo

ผู้ประกอบการสตรีคือโซลูชันผู้นำแบบตัวคูณในการสร้างอนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืน

นิวยอร์ก & เจนีวา–(BUSINESS WIRE)–31 มีนาคม 2565

การตระหนักถึงความสัมพันธ์ที่บรรจบกันระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ โดยเมื่อวันที่ 18 มีนาคม Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) ได้รวบรวมผู้แทนอาวุโสของผู้ก่อตั้งที่เป็นพันธมิตรเพื่อหารือเกี่ยวกับบทบาทสำคัญของผู้ประกอบการสตรีในการเป็นผู้นำในการปรับตัว การบรรเทาและการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิธีที่ผู้ประกอบการสตรีมีส่วนร่วมในฐานะผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนและครอบคลุมมากขึ้นสำหรับทุกคน

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220331005276/en/

WEA Event at CSW66 “Investing in Women Entrepreneurs to Tackle Climate Change” (Photo: Mary Kay Inc.)

งาน WEA ที่ CSW66 “การลงทุนในผู้ประกอบการสตรีเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” (ภาพ: Mary Kay Inc.)

งาน CSW เน้นย้ำถึงความสำคัญที่เป็นพิเศษของผู้ประกอบการสตรีในฐานะตัวขับเคลื่อนหลักในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านโครงสร้างและวัฒนธรรมต่อโอกาสทางเศรษฐกิจของสตรี และวิธีสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีในฐานะผู้แก้ปัญหาในการขยายขนาดและลงทุนในความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังนำเสนอวิธีในการเร่งโอกาสทางเศรษฐกิจของผู้หญิงผ่านการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองต่อบทบาทหญิงชาย และเรียกร้องให้มีผู้สร้างที่มีความมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้นในการเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงโดยเร็วสำหรับผู้หญิงทั่วโลกด้วยการเข้าร่วมโครงการ Accelerator

ในอดีตผู้ประกอบการสตรีต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงการขาดการเข้าถึงของเงินทุน เครือข่ายผู้ประกอบการในจำนวนที่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชาย และนโยบายที่กีดกันการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานสตรี1 อุปสรรคเหล่านี้ประกอบขึ้นด้วยกฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกัน ผลการศึกษาของธนาคารโลกปี 2565 พบว่าผู้หญิงวัยทำงานเกือบ 2.4 พันล้านคนยังไม่ได้รับสิทธิทางเศรษฐกิจเท่ากับผู้ชาย จาก 190 ภาวะเศรษฐกิจที่ตรวจสอบในการศึกษานี้ มี 178 แห่งยังคงมีอุปสรรคทางกฎหมายที่ขัดขวางการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบของผู้หญิง ในขณะที่ผู้หญิงยังคงเผชิญกับการจำกัดงานบางรูปแบบใน 86 ประเทศ โดยมี 95 ประเทศที่ผู้หญิงไม่ได้การรับประกันว่าจะได้รับค่าจ้างเท่ากันกับงานที่ทำเท่าเทียมกัน และมี 76 ประเทศมีกฎหมายที่จำกัดสิทธิสตรีในการถือครองที่ดิน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการลดความยากจน2

เพื่อจัดการกับอุปสรรคด้านโครงสร้างและวัฒนธรรมที่ผู้ประกอบการสตรีต้องเผชิญ Women's Entrepreneurship Accelerator ได้เปิดตัวในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปี 2562 โดยร่วมมือกับหน่วยงานของ UN จำนวน 6 แห่งโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีในขณะที่เพิ่มผลกระทบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนให้สูงสุด

เฉพาะหัวข้อของงานในข้อมูลเผยให้เห็นว่าผู้ประกอบการสตรีสามารถมองการลงทุนทางธุรกิจที่นอกเหนือไปจากผลตอบแทนทางการเงิน และตระหนักว่าการได้รับผลตอบแทนทางการเงินและผลตอบแทนทางสังคมไม่ได้เกิดพร้อมกัน ตัวอย่างเช่น ตามรายงานของ Global Entrepreneur Report ประจำปี 2563 โดย BNP Paribas ร้อยละ 54 ของผู้ประกอบการสตรีกล่าวว่านอกเหนือจากรายได้ การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการลงทุนสูงสุด เมื่อเทียบกับผู้ชายเพียงแค่ 41 เปอร์เซ็นต์3

Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าวเปิดงาน เรียกร้องให้มีการรื้อปรับปรุงปัญหาและอุปสรรคที่ผู้หญิงต้องเผชิญ และอธิบายว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่การระบุเพศ ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงกำลังมีผลกระทบอย่างหนัก ช่องโหว่ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลโดยตรงของความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในโครงสร้างทางการเมือง สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจของสังคมที่พวกเขาอาศัยอยู่” Ms. Gibbins กล่าวเสริมว่าผู้หญิงอยู่ในแนวหน้าของการตอบสนองต่อสภาพภูมิอากาศและมีมาหลายชั่วอายุคน “ใช้กลยุทธ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ สิ่งที่พวกเขาต้องการในตอนนี้คือการยอมรับความเป็นผู้นำและระบบนิเวศที่เหมาะกับพวกเขา”

Vic Van Vuuren กรรมการฝ่ายบริหารองค์กร องค์การแรงงานระหว่างประเทศ สังเกตว่าการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้ย้อนความคืบหน้าในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศได้อย่างไร ได้สรุปว่า “ผู้หญิงมีบทบาทในเศรษฐกิจสีเขียวอยู่แล้วในฐานะผู้ประกอบการ ผู้จัดการ เกษตรกร คนทำงานในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การจัดการของเสีย และพลังงานหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับว่าการเข้าถึงของเราไม่เพียงพอ เราต้องการบูรณาการมิติหญิงชายและความเท่าเทียมทางเพศในนโยบายระดับโลก นโยบายธุรกิจ และนโยบายระดับชาติทั้งหมด”

Pamela Coke-Hamilton กรรมการบริหารของ International Trade Centre ตั้งข้อสังเกตว่า “วิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อม และขนาดกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นเจ้าของโดยผู้หญิง เผชิญกับปัญหาและอุปสรรคในการทำให้การดำเนินธุรกิจของพวกเขายั่งยืนมากขึ้น เราที่ International Trade Center ใช้แนวทางแบบองค์รวมเพื่อสนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการของผู้หญิงเพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิงเหล่านั้นมีส่วนทำให้เกิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นเศรษฐกิจสีเขียว การสนับสนุนธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของไม่เพียงแต่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงของเราไปสู่ความยั่งยืนอีกด้วย”

Stephen Bereaux รองกรรมการ International Telecommunication เรียกร้องให้มีโอกาสที่เท่าเทียมกันในเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อสร้างผลกระทบที่มากขึ้น เน้นย้ำความสัมพันธ์ระหว่างการเป็นผู้ประกอบการของผู้หญิงในการสร้างโซลูชันที่เป็นนวัตกรรม ยุติธรรม และครอบคลุมสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน “ถ้าผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วมได้ แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและรูปแบบธุรกิจจะขยายตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น” Mr. Bereaux กล่าวสรุป

Haoliang Xu ผู้ช่วยเลขาธิการและกรรมการ Bureau for Policy and Programme Support ของ United Nations Development Programme ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการฟื้นฟูสู่โลกสีเขียวอย่างทั่วถึง กล่าวถึงว่า “UNDP เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าเรากำลังเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรุ่นของเรา และเราต้องสร้างมันกลับมาให้ดียิ่งขึ้น เราต้องทำมันให้ถูกต้องสำหรับผู้หญิงในรุ่นต่อ ๆ ไปที่จะมาถึง”

Sanda Ojiambo กรรมการบริหารและซีอีโอของ United Nations Global Compact กล่าวถึงพลังของภาคส่วนเอกชนในความท้าทายความเชื่อหรือหลักปฏิบัติที่มาแต่ดั้งเดิม และนั่น “สำหรับการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและความเป็นธรรมของสภาพอากาศที่จะกลายเป็นความจริง ผู้ประกอบการสตรีควรได้รับความเท่าเทียมและรวมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า”

ในแง่ของโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ Anita Bhatia ผู้ช่วยเลขาธิการและรองผู้อำนวยการบริหารของ UN Women เรียกร้องให้มีการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองต่อบทบาทหญิงชายให้มากขึ้นซึ่ง “กำหนดมาตรฐานระดับสูงสำหรับผู้จัดหาสินค้าและบริการเพื่อที่จะบอกว่าเราต้องการซื้อเท่านั้นหรือส่วนใหญ่มาจากธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้หญิงเพราะช่วยให้พวกเขาได้ยืนหยัดและช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโตในห่วงโซ่อุปทาน”

เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินการที่มากขึ้นและการเป็นพันธมิตรแบบข้ามภาคส่วนที่มากขึ้น Aldijana Šišić ประธานเจ้าหน้าที่ Multi-Stakeholder Partnerships and Engagement ที่ UN Women กล่าวถึงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกันซึ่งจำเป็นในการตอบสนองและจัดการกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ “การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงแค่การปกป้องโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการกำจัดอุปสรรคเพื่อความก้าวหน้าอีกด้วย รัฐวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อมและขนาดกลางที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของและเป็นผู้นำได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการจัดหาโซลูชั่นด้านสภาพอากาศ เราต้องเร่งดำเนินการและต้องลงทุนเพิ่มมากขึ้น”

การดูแลงานประชุม Elizabeth Vazquez ประธาน ซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้ง WEConnect International เรียกร้องว่า “ผู้หญิงคิดเป็น 51 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก เป็นเจ้าของจำนวน 33 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจส่วนตัวทั้งหมด แต่มีรายได้เพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของการใช้จ่ายทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการจากองค์กรขนาดใหญ่” หากจะบรรลุเป้าหมายระดับโลกภายในปี 2573 Ms. Vazquez ได้กระตุ้นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียว่า “ต้องดำเนินการด้วยความตั้งใจ ด้วยความเร่งด่วน และเป็นพันธมิตรซึ่งกันและกัน และให้ดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้น”

สามารถดูบันทึกของงานประชุมได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มแบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายเกี่ยวกับผู้ประกอบการสตรีที่ตั้งขึ้นในช่วง UNGA 74 โดยมีหน่วยงานขององค์กรสหประชาชาติหกแห่ง ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC) องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และ Mary Kay Inc. จะเพิ่มพลังให้ผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนภายในปี 2573

เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โครงการ Accelerator เป็นตัวอย่างของพลังในการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อควบคุมศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ we-accelerate ติดตามเราได้ที่: Twitter (We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator), LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

_____________________________
1 https://www.oecd.org/cfe/smes/Policy-Brief-on-Women-s-Entrepreneurship.pdf
2 World Bank Group. 2022.Women, Business and the Law 2022. Washington, DC: World Bank.
3 BNP Paribas Global Entrepreneur & Family Report 2021.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220331005276/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย