น้ำตาลมิตรผลประหยัดด้านโลจิสติกส์ลงได้ 5% ด้วย Blue Yonder

Logo

ผู้ผลิตน้ำตาลชั้นนำเปลี่ยนแปลงปฏิบัติการด้านโลจิสติกส์ด้วยระบบจัดการการขนส่ง (TMS) ของ Blue Yonder

กรุงเทพฯ & สก็อตเดล, แอริโซนา–(BUSINESS WIRE)–6 มิถุนายน 2023

น้ำตาลมิตรผล, ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชียเปลี่ยนแปลงความสามารถด้านการขนส่งของบริษัทโลจิสติกส์ Fast and Fair ของบริษัทไปเป็นดิจิทัลด้วย Blue Yonder บริษัทประสบความสำเร็จในการนำระบบการจัดการการขนส่ง (TMS) ที่เป็นซอฟต์แวร์ให้บริการผ่านคลาวด์ (SaaS) ของ Blue Yonder มาใช้งานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์หลักสี่ประการของ Fast and Fair: เพิ่มรายได้ ปรับปรุงบริการ ลดต้นทุนและเพิ่มการปฏิบัติตามข้อกำหนด

มิตรผลเป็นบริษัทที่มีกำลังการผลิตน้ำตาลสูงสุด 5 อันดับแรกของโลก โดยมีโรงงานน้ำตาล 7 แห่งและศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาค 3 แห่ง Fast and Fair มีรถบรรทุกมากกว่า 4,000 คันและรถบรรทุกถังมากกว่า 400 คัน ตลอดจนการเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการขนส่งมากกว่า 50 ราย เพื่อเคลื่อนย้ายน้ำตาลมากกว่า 2 ล้านตันและสินค้าทั่วไป 1 ล้านตันในแต่ละปี ด้วยปริมาณการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น Fast and Fair ถูกท้าทายให้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ของมิตรผลให้ตรงเวลา เนื่องจากขาดการมองเห็นทั้งในทรัพย์สินการขนส่งภายในและเครือข่ายผู้ให้บริการของบริษัท ดังนั้นจึงหันไปใช้ Blue Yonder โครงการถูกดำเนินการโดย Nexus System Resources

ด้วย Blue Yonder ตอนนี้มิตรผลและ Fast and Fair สามารถ:

  • เพิ่มการส่งมอบตรงเวลาไปที่ 90% ผ่านระบบอัตโนมัติของกระบวนการหลักๆ เช่น การวางแผนเส้นทาง การเพิ่มประสิทธิภาพโหลด และการประมูลราคาซัพพลายเออร์
  • ประหยัด 5% ในค่าใช้จ่ายต่อปีด้านลอจิสติกส์ โดยสร้างสมดุลของการเลือกอย่างหนึ่งอย่างใดระหว่างระดับบริการและต้นทุน ตลอดจนการจัดลำดับความสำคัญของการปฏิบัติ
  • ประเมินสมรรถนะทั่วทั้งเครือข่าย ตลอดจนการปฏิรูปการแก้ปัญหา เพื่อขับเคลื่อนความน่าเชื่อถือและการประหยัด
  • ให้นักวางแผนสามารถพิจารณาข้อมูลปริมาณมากและทำการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุด
  • ได้รับประโยชน์จากการกำหนดเส้นทางขั้นสูง โหมด คอนเทนเนอร์ และการเพิ่มประสิทธิภาพระดับบริการ พร้อมการมองเห็นทั่วทั้งเครือข่าย ที่ได้รับการสนับสนุนจากปัญญาประดิษฐ์ โซลูชันนี้ทำให้เป็นอัตโนมัติทั้งการดำเนินการแบบครบวงจร และการวางแผนใหม่เมื่อเงื่อนไขเปลี่ยน

“ในขณะที่เราเติบโตขึ้น กระบวนการแบบแมนนวลและนักวางแผนที่เป็นมนุษย์ไม่สามารถจัดการทุกส่วนที่กำลังเคลื่อนไหวของธุรกิจโลจิสติกส์ของเราได้อีกต่อไป รวมถึงการจัดตารางผู้ให้บริการ การมอบหมายรถบรรทุก การจัดการท่าเทียบเรือ และการเฝ้าสังเกตการณ์สมรรถนะการตรงเวลา ระบบจัดการการขนส่ง (TMS) ของ Blue Yonder ทำให้เราสามารถทำกระบวนการทั้งหมดของเราให้เป็นอัตโนมัติและทำการตัดสินใจตามข้อเท็จจริงที่แสดงในผลลัพธ์ของเรา” สราวุธ เจียมศรีสมสุข หัวหน้าทีมดิจิทัลด้านการจัดการซัพพลายเชนดิจิทัล บริษัทน้ำตาลมิตรผล กล่าว

ด้วย TMS ของ Blue Yonder ทำให้มิตรผลสามารถเปลี่ยนแปลงปฏิบัติการขนส่งโดยการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทางธุรกิจครบวงจร ตั้งแต่การสร้างแบบจำลองเครือข่ายการขนส่งไปจนถึงการวางแผน ไปจนถึงการปฏิบัติและการทำงานร่วมกันของผู้ให้บริการขนส่ง

“เป็นเกียรติและสิทธิพิเศษ สำหรับ Nexus System Resources ที่ได้เป็นพันธมิตรการนำมาปฏิบัติที่ได้รับความไว้วางใจสำหรับโครงการระบบการจัดการการขนส่ง Blue Yonder เพื่อส่งมอบผลประโยชน์ที่จับต้องได้ให้กับน้ำตาลมิตรผล เราเชื่อร่วมกันว่าเราได้ประสบความสำเร็จในโครงการแล้ว และเราหวังว่าจะทำซ้ำซึ่งความสำเร็จนี้สำหรับหน่วยธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่มบริษัทมิตรผล และสานต่อความร่วมมือที่ยาวนานของเรา” Endro Partosoedarso กรรมการผู้จัดการ – ธุรกิจองค์กร Nexus System Resources กล่าว

“มิตรผลและ Fast and Fair เลือก TMS ของ Blue Yonder ในฐานะแกนหลักด้านดิจิทัลสำหรับการดำเนินงานประจำวันของพวกเขา เมื่อธุรกิจของพวกเขาเติบโตขึ้น โซลูชันนี้สามารถปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น ประมวลผลปริมาณธุรกรรมที่มีมหาศาลทุกวัน อีกไม่นานพวกเขาจะสามารถเฝ้าสังเกตการณ์และเพิ่มประสิทธิภาพด้านความยั่งยืนของเราให้สูงสุดได้เช่นเดียวกัน” Antonio Boccalandro ประธาน APAC/LATAM ของ Blue Yonder กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:

เกี่ยวกับน้ำตาลมิตรผล

น้ำตาลมิตรผลเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชีย และเป็นบริษัทที่มีกำลังการผลิตน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรกของโลก ด้วยโรงงานน้ำตาล 7 แห่งและศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาค 3 แห่ง มิตรผลจัดการบริษัทโลจิสติกส์ Fast and Fair ของตนเอง ซึ่งให้บริการขนส่งสำหรับโรงงานน้ำตาลทั้งเจ็ดแห่งของมิตรผลและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ Fast and Fair มีรถบรรทุกมากกว่า 4,000 คันและรถบรรทุกมากกว่า 400 คัน รวมทั้งพันธมิตรกับผู้ให้บริการขนส่งมากกว่า 50 ราย เพื่อขนส่งน้ำตาลมากกว่า 2 ล้านตันและสินค้าทั่วไป 1 ล้านตันในแต่ละปี

เกี่ยวกับ Blue Yonder

Blue Yonder เป็นผู้นำระดับโลกด้านการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลและการเติมเต็มการพาณิชย์หลายช่องทาง แพลตฟอร์มธุรกิจความรู้ความเข้าใจที่ครบวงจรของเราทำให้ผู้ค้าปลีก ผู้ผลิต และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์สามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด ตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการส่งมอบ ด้วย Blue Yonder คุณจะรวมข้อมูล ซัพพลายเชน และปฏิบัติการค้าปลีกเป็นหนึ่งเดียว เพื่อปลดล็อกโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติ การควบคุม และการประสานกันเพื่อทำให้สามารถสร้างกำไรได้มากขึ้น ตัดสินใจทางธุรกิจที่ยั่งยืน Blue Yonder – เติมเต็มศักยภาพของคุณ blueyonder.com

“Blue Yonder” เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Blue Yonder Group, Inc. ชื่อทางการค้า ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใดๆ ที่อ้างถึงในเอกสารนี้ที่ใช้ชื่อ “Blue Yonder” เป็นเครื่องหมายการค้าและ/หรือทรัพย์สินของ Blue Yonder Group Inc. ชื่อบริษัทและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายการค้าจดทะเบียน หรือเครื่องหมายบริการของบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ติดต่อประชาสัมพันธ์ Blue Yonder:
Marina Renneke, APR, ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรอาวุโส
โทร: +1 480-308-3037,  marina.renneke@blueyonder.com

ที่มา: Blue Yonder

HEINZ® เปิดตัวแพลตฟอร์มแบรนด์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ระดับโลกเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 150 ปี

Logo

การวางตำแหน่งสินค้าใหม่ เฉลิมฉลองและแสดงถึงความรักที่ไร้เหตุผลของแฟน ๆ ตัวจริงที่มีต่อแบรนด์

ชิคาโก พิตส์เบิร์ก และลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–1 มิถุนายน 2023

วันนี้ HEINZ ประกาศ “It Has to be HEINZ” แพลตฟอร์มระดับโลกใหม่ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 150 ปี ที่แบรนด์ถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้กลยุทธ์ความคิดสร้างสรรค์เดียว แคมเปญนี้แสดงความเคารพต่อแบรนด์ด้วยการเฉลิมฉลองความรักที่ไร้เหตุผลที่ผู้คนมีให้ HEINZ – ตั้งแต่ความรักใคร่ส่วนตัวของแฟน ๆ ตัวจริงที่มีต่อแบรนด์ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นด้วยความรักและห่วงใย

HEINZ announces its first new global platform in its 150-year history “It Has to be HEINZ,” inspired by real-life stories of fans’ undeniable love of HEINZ (Graphic: Business Wire)

HEINZ ประกาศแพลตฟอร์มใหม่ระดับโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 150 ปี “It Has to be HEINZ” ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงเกี่ยวกับความรักที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของแฟน ๆ ที่มีต่อ HEINZ (กราฟิก: Business Wire)

สนับสนุนโดยการลงทุนด้านสื่อที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาจนถึงปัจจุบันของ Kraft HEINZ แพลตฟอร์มความคิดสร้างสรรค์ระดับโลกนี้แสดงให้เห็นถึงความรักที่ไม่มีใครเทียบของผู้คนทั่วโลกหลายยุคสมัยที่มีต่อ HEINZ ตั้งแต่ซอสมะเขือเทศ ไปจนถึง ถึง Beanz และทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างกลาง เรื่องราวของแฟน ๆ ที่ถูกแสดงให้เห็นในความคิดสร้างสรรค์ เช่น รอยสัก HEINZ การพกซองเครื่องปรุงในกระเป๋าถือ และการลักลอบนำเข้ากระป๋อง Beanz ผ่านการรักษาความปลอดภัยสนามบิน มีที่มาจากโซเชียลมีเดีย บทความข่าว และผ่านการบอกเล่าปากต่อปาก

“ในขณะที่เรามองเพื่อที่จะรวมแบรนด์ให้เป็นหนึ่งภายใต้แพลตฟอร์มแบรนด์ระดับโลกเดียว เราดำดิ่งสู่โลกของผู้บริโภคของเราและพบว่าพวกเขาทั้งหมดมีสิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ พวกเขาจะไปไกลอย่างไร้เหตุผลเพื่อผลิตภัณฑ์ HEINZ” Diana Frost ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเติบโต โซนอเมริกาเหนือที่ Kraft HEINZ Company กล่าว “ในฐานะแบรนด์ที่หมกมุ่นอยู่กับผู้บริโภคของเรา เราสร้าง 'It Has to be HEINZ' ให้เป็นเพลงรักของเรา ส่งกลับไปหาพวกเขา แฟน ๆ คือแรงบันดาลใจของเรา”

เป็นเวลากว่า 150 ปี ที่ HEINZ มุ่งมั่นทำสิ่งธรรมดาให้ได้ดีเป็นพิเศษ ทุกวันนี้ คุณภาพที่ไม่มีใครเทียบยังคงเป็นแก่นแท้ของความเชื่อและการปฏิบัติของแบรนด์ ตั้งแต่การคัดสรรอย่างพิถีพิถันเฉพาะส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงสุดโดย “ผู้เชี่ยวชาญมะเขือเทศ” 7 คน ไปจนถึงเป้าหมายในการจัดหาซอสมะเขือเทศที่ยั่งยืน 100% ภายในปี 2025 แต่ละขั้นตอนได้รับการพิจารณาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้แน่ใจว่าได้ส่งมอบรสชาติที่ไม่ผิดเพี้ยนของ HEINZ ทุกครั้ง

“แฟน ๆ ของเราอาจไปได้ไกลมากอย่างไร้เหตุผล สำหรับ HEINZ แต่ความรู้สึกนั้นมีร่วมกัน – เราหมกมุ่นกับผลิตภัณฑ์ของเราพอ ๆ กับพวกเขา และไม่อาจรอที่จะแบ่งปันกับโลก” Cristina Kenz ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเติบโตโซนนานาชาติที่ Kraft HEINZ Company กล่าว “ความรักที่ไร้เหตุผลนี้ยังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่กว่าที่ Kraft HEINZ ซึ่งเรากำลังเคลื่อนไปด้วยความเร็วของวัฒนธรรมเพื่อสร้างความประหลาดใจและความปิติยินดีให้กับผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมที่นำโดยความเข้าใจอย่างถ่องแท้และประสบการณ์แท้จริงที่มีต่อแบรนด์”

แคมเปญนี้พัฒนาโดยความร่วมมือกับ Wieden+Kennedy แสดงให้เห็น 5 สปอตเรื่องจริงและอาจเป็นจริง ในสไตล์วีนแยทท์ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับความรักที่ไม่มีใครเทียบที่ผู้คนมีให้ซอสมะเขือเทศ HEINZ และ Beanz แพลตฟอร์มใหม่นี้จะถูกแสดงในช่องทางต่าง ๆ โดยกำหนดเป้าหมายการเข้าถึงจำนวนมากและการวางตำแหน่งที่มีผลกระทบสูงผ่านทีวี วิดีโอออนไลน์ โรงภาพยนตร์ โซเชียล และสื่อโฆษณานอกบ้าน “It Has to be HEINZ” จะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี และจะเปิดตัวสู่ตลาดอื่น ๆ ในอีก 6 เดือนข้างหน้า

ติดตามชมได้ที่ @Heinz, @Heinz_ca และ @heinz_uk บน Instagram และ @Heinz_us, @heinz_ca และ @heinzuk บน TikTok

เกี่ยวกับ Kraft HEINZ Company

เรากำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ Kraft HEINZ Company (Nasdaq: KHC) ได้รับแรงบันดาลใจจากวัตถุประสงค์ของเรา มาทำให้ชีวิตอร่อยกันเถอะ ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำ ด้วยยอดขายสุทธิในปี 2022 ที่ประมาณ 26 พันล้านเหรียญสหรัฐ เรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตของแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มที่โดดเด่นและเกิดใหม่ของเราในระดับโลก เราใช้ประโยชน์จากขนาดและความคล่องตัวของเราเพื่อปลดปล่อยพลังของ Kraft HEINZ อย่างเต็มที่ทั่วทั้งพอร์ตโฟลิโอของหกแพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภค ในฐานะพลเมืองโลก เราอุทิศตนเพื่อสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนและมีจริยธรรม ในขณะที่ช่วยให้อาหารโลกด้วยในลักษณะที่ดีต่อสุขภาพและมีความรับผิดชอบ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางของเราโดยการเยี่ยมชม www.kraftheinzcompany.com หรือติดตามเราทาง LinkedIn และ Twitter

ติดต่อ

Jenna Thornton
Kraft HEINZ Company (สอบถามโซนอเมริกาเหนือ)
Jenna.Thornton@kraftheinz.com

Marissa Munnings
Kraft HEINZ Company (สอบถามระหว่างประเทศ)
Marissa.Munnings@kraftheinz.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53410607en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แหล่งที่มา: Kraft HEINZ Company

Falcon 40B ของ UAE ซึ่งเป็นโมเดล AI อันดับต้น ๆ ของโลกจาก Technology Innovation Institute ปลอดค่าลิขสิทธิ์แล้ว

Logo

อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ – (BUSINESS WIRE )–31 พฤษภาคม 2023

เทคโนโลยี Falcon 40B ของ Technology Innovation Institute (TII) ที่เป็นโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สขนาดใหญ่ที่สำคัญของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตอนนี้เปิดให้ใช้งานเพื่อการพาณิชย์และการวิจัยโดยไม่มีค่าลิขสิทธิ์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทั่วโลกในการเข้าถึง AI อย่างสมบูรณ์

UAE’s Falcon 40B, World’s Top-Ranked AI Model is Now Royalty-free (Photo: AETOSWire)

โมเดล AI ตัวดีที่สุดของโลก Falcon 40B ของ UAE เป็นโมเดลที่ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์แล้ว (ภาพ: AETOSWire)

Falcon 40B ติดอันดับ 1 ของโลกการจัดลำดับของ Hugging Face สำหรับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) โดยเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง LLaMA ของ Meta และ StableLM ของ Stability AI ภายใต้ใบอนุญาตซอฟต์แวร์ Apache 2.0 ที่อนุญาตเผยแพร่อย่างเสรี ผู้ใช้ Falcon 40B สามารถเข้าถึงสิทธิบัตรใดๆ ที่ครอบคลุมโดยซอฟต์แวร์ที่เป็นปัญหา Apache 2.0 รับรองความปลอดภัยและความพร้อมใช้ของซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีความสามารถและสร้างโมเดลการบริหารที่มีประสิทธิภาพ

การเข้าถึง Falcon 40B ได้โดยไม่มีข้อจำกัดของ TII ย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในนวัตกรรมเทคโนโลยีและการแบ่งปันความรู้ ซึ่งสนับสนุนระบบนิเวศการร่วมมือและเสริมสร้างตำแหน่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะผู้นำด้าน AI ระดับโลก นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการก้าวข้ามขีดจำกัดในการสร้างอนาคต ซึ่ง AI เป็นตัวแทนในการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อผลสำเร็จ”

การใช้งาน Falcon 40B แบบเปิดเผยและไม่มีค่าลิขสิทธิ์อาจทำให้หน่วยงานทั้งสาธารณะและเอกชนมีประสิทธิภาพในด้านต่างๆ เช่น เริ่มโครงการได้เร็วขึ้น การทำซ้ำที่เร็วขึ้น กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น การรับรองและการสนับสนุนจากชุมชนที่แข็งแกร่ง และการจัดการใบอนุญาตที่ง่ายขึ้น

TII มุ่งเน้นในการสร้างระบบนิเวศที่เติบโตได้สำหรับความร่วมมือ นวัตกรรม และการแบ่งปันความรู้ระหว่างนักพัฒนา นักวิจัย และธุรกิจทั่วโลก การเคลื่อนไหวนี้ส่งเสริมความโปร่งใส การเข้าร่วมทุกฝ่าย และความคืบหน้าที่รวดเร็วในการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์สำหรับโลก และเปิดโอกาสที่หลากหลายในการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่างๆ

ดร. เอบเตสัม อัลมาซรูอี้ ผู้อำนวยการหน่วย AI Cross-Center ที่ TII กล่าวว่า: การยกเลิกค่าลิขสิทธิ์ของ Falcon 40B ส่งเสริมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีร่วมกันสำหรับสังคมที่เชื่อมโยงกัน เรามุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อรวมมนุษยชาติและปกป้องโลกของเราในอนาคต

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโมเดล Falcon 40B AI ที่เผยแพร่ในปัจจุบันและการลงทะเบียน โปรดเยี่ยมชม: FalconLLM.TII.ae.

สำหรับการจัดอันดับ Falcon 40B โปรดไปที่: https://huggingface.co/spaces/HuggingFaceH4/open_llm_leaderboard

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าชม  www.tii.ae

*ที่มาAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53410420/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อผู้ติดต่อ

Jennifer Dewan, ผู้อำนวยการสื่อสารระดับอาวุโส
jennifer.dewan@tii.ae.

ที่มา: The Technology Innovation Institute

ธนาคาร SBI มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพ XDC ขยายร่องรอยของ XDC Network ในประเทศญี่ปุ่น

Logo

อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ – ((BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2023

XDC Network (มีตัวแทนคือบริษัท TradeFinex Tech Ltd.) ยินดีที่จะประกาศความร่วมมือกับ SBI VC Trade Co. Ltd., ศูนย์แลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลชื่อเสียงของญี่ปุ่นในกลุ่ม SBI การทำงานร่วมกันเชิงกลยุทธ์นี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ XDC Network เนื่องจากเป็นการขยายระบบนิเวศในตลาดญี่ปุ่น

XDC Network นำเสนอเครือข่ายบล็อคเชนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับการใช้งานในองค์กร เช่น การเงินการค้า การชำระเงิน และการโทเค็นสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพในตลาดการเงินการค้า 2,000 ล้านล้านเยนต่อปีโดยประมาณ XDC Network ให้การทำธุรกรรมความเร็วสูงและค่าธรรมเนียมก๊าซที่ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญเป็นพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ SBI VC Trade และนำระบบนิเวศ XDC ไปสู่ตลาดญี่ปุ่น” Atul Khekade ผู้ร่วมก่อตั้ง XDC Network กล่าว “ญี่ปุ่นเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับการค้าระหว่างประเทศ และแพลตฟอร์มบล็อกเชนของเรามีเป้าหมายที่จะปรับปรุงในกลุ่มธุรกิจนี้ โดยการเพิ่มความโปร่งใส ความสามารถในการติดตาม และลดต้นทุน” ผ่านความร่วมมือกับ SBI VC Trade ทางเราหวังว่าจะสามารถเสริมสร้างธุรกิจและสถาบันการเงินในประเทศญี่ปุ่นด้วยประโยชน์ของ XDC Network ได้

“เรามียินดีที่ได้ขยายการให้บริการด้านสกุลเงินดิจิทัลของเราโดยการเพิ่ม XDC เข้าสู่แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนของเรา” Fumiki Ozaki, ประธานและ CEO ของ SBI VC Trade Co., Ltd. กล่าว “XDC Network นำเสนอคุณค่าที่ไม่เหมือนใครสำหรับตลาดการเงินการค้า และเราเชื่อว่าการเพิ่มมูลค่านี้จะเพิ่มประสบการณ์ในการซื้อขายของลูกค้าของเรา” SBI VC Trade ยังคงมุ่งมั่นในการให้บริการอย่างครบวงจรโดยให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้า และความร่วมมือกับ XDC Network เป็นอย่างดีเพื่อสอดคล้องกับแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า”

ในฐานะที่ XDC Network เข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นผ่านความร่วมมือกับ SBI VC Trade ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิตอลในอุตสาหกรรมการเงินการค้าและสร้างตัวเองเป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันบล็อกเชนสำหรับองค์กรและสถาบันการเงิน

เกี่ยวกับ XDC Network:

XDC Network เป็นบล็อกเชนชั้นที่ 1 ระดับองค์กรที่เป็นโอเพนซอร์ส ที่เป็นกลางด้านการปลดปล่อยคาร์บอน และเข้ากันได้กับ EVM ซึ่งได้มีความสำเร็จในด้านการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2019 เครือข่ายได้รับความเห็นพ้องต้องกันผ่านเทคนิค Proof-of-stake (XDPoS) ที่ได้รับมอบอำนาจเป็นพิเศษซึ่งช่วยให้สามารถทำธุรกรรมได้ในเวลาเพียง 2 วินาที โดยมีค่าใช้จ่ายก๊าซในระดับเกือบศูนย์ ($0.0001) และสามารถดำเนินการได้มากกว่า 2,000 รายการต่อวินาที (TPS) โดยยังสามารถทำงานร่วมกันตามมาตรฐานการส่งข้อความทางการเงิน ISO 20022 ได้ XDC Network มีความสามารถในการใช้งานบล็อกเชนในหลายแบบ ที่ปลอดภัย มีขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพสูง

*ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อผู้ติดต่อ

Nadar Suresh

suresh@xinfin.org

ที่มา: XDC Network

Kioxia เปิดตัวอุปกรณ์ Next-Generation UFS เวอร์ชัน 4.0

Logo

อุปกรณ์ 256GB, 512GB และ 1TB ใหม่ช่วยให้สดมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชันมือถือใช้ประโยชน์จากเครือข่าย 5G ได้

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษาภาคม 2023

การพัฒนาเทคโนโลยี Universal Flash Storage[1] (UFS) ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องโดย Kioxia Corporation ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศการสุ่มตัวอย่างของอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังตัว UFS เวอร์ชัน 4.0 ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า อุปกรณ์เหล่านี้ให้ความเร็วในการโอนหน่วยเก็บข้อมูลแบบฝังตัวที่รวดเร็วด้วยขนาดแพ็คเกจที่เล็ก และมีเป้าหมายสำหรับแอพพลิเคชั่นมือถือที่หลากหลายรุ่นต่อไป รวมถึงสมาร์ทโฟนระดับแนวหน้า ประสิทธิภาพที่ได้รับการปรับปรุงจากผลิตภัณฑ์ UFS ของ Kioxia ช่วยให้แอปพลิเคชันเหล่านี้สามารถใช้ประโยชน์ด้านการเชื่อมต่อของ 5G ซึ่งทำให้ดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น ลดเวลาหน่วง และปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้

Kioxia: UFS Ver. 4.0 Embedded Flash Memory Device (Photo: Business Wire)

Kioxia: อุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังตัว UFS เวอร์ชัน 4.0 (ภาพ: Business Wire)

อุปกรร์ UFS เวอร์ชัน 4.0 จาก Kioxia รวมหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D ที่เป็นนวัตกรรมของบริษัทและตัวควบคุมในแพ็คเกจมาตรฐาน JEDEC โดย UFS 4.0 รวม MIPI M-PHY 5.0 และ UniPro 2.0 และรองรับความเร็วอินเทอร์เฟซตามทฤษฎีสูงถึง 23.2Gbps ต่อเลนหรือ 46.4Gbps ต่ออุปกรณ์ UFS 4.0 เข้ากันได้กับ UFS 3.1 แบบย้อนหลัง

คุณสมบัติที่สำคัญ ได้แก่

  • การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานเหนือรุ่นก่อนหน้า[3]: การเขียนตามลำดับ +18%, การเขียนแบบสุ่ม +30% และการอ่านแบบสุ่ม +13%
  • รองรับฟีเจอร์ High Speed ​​Link Startup Sequence (HS-LSS): โดย UFS ทั่วไป การเริ่มต้นลิงก์  (ลำดับการเริ่มต้นของ M-PHY และ UniPro) ระหว่างอุปกรณ์และโฮสต์จะทำงานที่ PWM-G1 ความเร็วต่ำ (3~9Mbps[4]) แต่ด้วย HS-LSS สามารถทำงานได้ที่ความเร็ว HS-G1 อัตรา A (1248Mbps) ซึ่งคาดว่าจะลดเวลาในการเริ่มต้นลิงก์ได้ประมาณ 70% เมื่อเทียบกับวิธีการทั่วไป
  • ปรับปรุงความปลอดภัย: ในการใช้ Advanced RPMB (Replay Protected Memory Block) เพื่อการเข้าถึงการอ่านและเขียนข้อมูลความปลอดภัยที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น ข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้ในพื้นที่ RPMB และ RPMB Purge เพื่อให้แน่ใจว่ามีการล้างข้อมูลที่ถูกละทิ้งอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
  • รองรับ Extended Initiator ID (Ext-IID): มีวัตถุประสงค์เพื่อกับ Multi Circular Queue (MCQ) ที่โฮสต์คอนโทรลเลอร์ UFS 4.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบสุ่ม

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง:

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังตัว UFS เวอร์ชัน 4.0 ของ Kioxia
https://www.kioxia.com/en-jp/business/memory/mlc-nand/ufs4.html

หมายเหตุ

[1] Universal Flash Storage (UFS) เป็นหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแบบฝังตัวที่สร้างขึ้นตามข้อกำหนดมาตรฐาน JEDEC UFS เนื่องจากเป็นอินเทอร์เฟซแบบอนุกรม UFS จึงสนับสนุนการดูเพล็กซ์เต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยให้สามารถอ่านและเขียนพร้อมกันระหว่างหน่วยประมวลผลโฮสต์และอุปกรณ์ UFS

[2] อุปกรณ์ใหม่ล่าสุดของบริษัทรองรับสามความจุ: 256 กิกะไบต์ (GB), 512GB และ 1 เทราไบต์ (TB) การจัดส่งตัวอย่างของอุปกรณ์ 256GB และ 512GB เริ่มในเดือนนี้ โดยมีกำหนดจัดส่งอุปกรณ์ 1TB หลังจากเดือนตุลาคม ข้อมูลจำเพาะของตัวอย่างอาจแตกต่างจากผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์

[3] เมื่อเปรียบเทียบอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังตัว UFS เวอร์ชัน 4.0 ขนาด 512 GB ใหม่ของ Kioxia 4.0 และอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังตัว UFS เวอร์ชัน 4.0 ขนาด 512 GB รุ่นก่อนหน้าของ Kioxia (หมายเลขชิ้นส่วน THGJFJT2T85BAT0)
[4] ความเร็วในการสื่อสาร PWM-G1 ขึ้นอยู่กับโฮสต์และอุปกรณ์
 

*ในการกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ Kioxia ทุกครั้ง: ความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์จะระบุตามความหนาแน่นของชิปหน่วยความจำภายในผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่จำนวนความจุหน่วยความจำที่มีให้สำหรับการจัดเก็บข้อมูลโดยผู้ใช้ปลายทาง ความจุที่ผู้บริโภคใช้งานได้จะน้อยลงเนื่องจากพื้นที่ข้อมูลส่วนหัว การจัดรูปแบบ บล็อกเสีย และข้อจำกัดอื่นๆ และอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์โฮสต์และแอปพลิเคชัน สำหรับรายละเอียด โปรดดูข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง คำจำกัดความของ 1KB = 2^10 ไบต์ = 1,024 ไบต์ คำจำกัดความของ 1Gb = 2^30 บิต = 1,073,741,824 บิต คำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ 1Tb = 2^40 บิต = 1,099,511,627,776 บิต

*ความเร็วในการอ่านและเขียนเป็นค่าที่ดีที่สุดที่ได้รับจากสภาพแวดล้อมการทดสอบเฉพาะที่ Kioxia Corporation และ Kioxia Corporation ไม่รับประกันความเร็วในการอ่านหรือเขียนในอุปกรณ์แต่ละตัว ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้และขนาดไฟล์ที่อ่านหรือเขียน

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งอุทิศให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดร์ฟ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory รุ่นก่อนหน้าได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและคุณค่าต่อสังคมที่ใช้หน่วยความจำ เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia หรือ BiCS FLASH™ กำลังกำหนดอนาคตของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ยานยนต์และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ มีความถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53408968/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
สำนักงานขายทั่วโลก
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Koji Takahata
โทร: +81-3-6478-2404

แหล่งที่มา: Kioxia Corporation

การประชุม Erhai Forum on Global Ecological Civilization Construction ประจำปี 2023: มุ่งสู่การพัฒนาระบบนิเวศทั่วโลกร่วมกัน

Logo

ต้าหลี่ ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2023

การประชุม Erhai Forum on Global Ecological Civilization Construction ประจำปี 2023 ได้ปิดฉากลงเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ณ เมืองต้าหลี่ ประเทศจีน ด้วยหัวข้อ “มนุษย์และธรรมชาติกลมกลืน สู่เส้นทางความทันสมัย” งานนี้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และแขกชาวจีนและต่างชาติเกือบ 400 คนจากหน่วยงานรัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ สถานทูตและสถานกงสุลในประเทศจีน สถาบันการศึกษา บริษัท และองค์กรที่เกี่ยวข้อง

Launching ceremony of Erhai Initiative, photographed on May 28. (Graphic: Secretariat of Erhai Forum)

ภาพพิธีเปิด Erhai Initiative ที่ถ่ายเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม (กราฟิก: Secretariat of Erhai Forum)

ผู้เข้าร่วมการประชุมรับทราบถึงความสำคัญสูงสุดและบทบาทพื้นฐานของความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติสำหรับความทันสมัยแบบจีน เป็นการแสดงถึงภูมิปัญญาของอารยธรรมจีนในการหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม ตามหลักการของการพัฒนาที่ยั่งยืน จีนกำลังส่งเสริมการพัฒนาของจีนที่สวยงามและอารยธรรมทางนิเวศวิทยาอย่างแข็งขันผ่านการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประเทศที่กว้างขวาง จีนมีความกระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในการสร้างชุมชนที่ใช้ร่วมกัน โดยมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะบรรลุ “ความปรองดองระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ” ภายในปี 2050

ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ แขกผู้มีเกียรติทั้งในและต่างประเทศได้กล่าวสุนทรพจน์ที่น่าประทับใจ Sergio Cabrera เอกอัครราชทูตโคลอมเบียประจำประเทศจีน ได้เน้นย้ำถึงความหลากหลายทางชีวภาพอันอุดมสมบูรณ์ที่โคลอมเบียและจีนมีร่วมกัน และแสดงเจตจำนงที่จะส่งเสริมการสำรวจและความร่วมมือในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากนี้ เอกอัครราชทูต Cabrera ยังเชิญทุกประเทศให้เข้าร่วม Like-Minded Megadiverse Countries (LMMC) ซึ่งส่งเสริมโดยรัฐบาลโคลอมเบียอีกด้วย

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการพัฒนาการก่อสร้างอารยธรรมเชิงนิเวศทั่วโลกและสร้างโลกที่สะอาดและสวยงาม Erhai Forum ได้เปิดตัว Erhai Initiative โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความปรองดองระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ โดยเน้นย้ำว่า “น้ำใสและภูเขาเขียวขจีเป็นทรัพย์สินอันประเมินค่าไม่ได้” จึงเรียกร้องให้มีการจัดการภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ ทุ่งนา ทะเลสาบ หญ้า และทรายอย่างเป็นระบบระเบียบ นอกจากนี้ Erhai Initiative พยายามส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงวิธีการพัฒนาและวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเชิญชวนให้ร่วมมือกันทั่วโลกในการแสวงหาเส้นทางที่ยั่งยืนสู่การพัฒนาอารยธรรมเชิงนิเวศทั่วโลก

ในฐานะที่เป็นกิจกรรมที่เป็นกลางทางคาร์บอน การประชุมยังจัดพิธีเปิดตัว “การปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์” เช่นกัน

การประชุมครั้งแรกจัดขึ้นที่เมืองต้าหลี่ ประเทศจีน ในเดือนตุลาคม 2021 ก่อนการประชุม COP15 และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน “มรดกที่สำคัญและความสำเร็จที่สำคัญของ COP15” โดยสำนักงานคณะกรรมการบริหาร COP15 กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อม

ติดต่อ

Shelly Wang
info@xinhuaneteurope.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53409352/en

แหล่งที่มา: Erhai Forum on Global Ecological Civilization Construction

Huawei ICT Competition 2022-2023 Global Final จัดขึ้นที่เมืองเซินเจิ้น มี 146 ทีมจาก 36 ประเทศและภูมิภาคคว้ารางวัล

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–30 พฤษภาคม 2023

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2023 การแข่งขัน Huawei ICT Competition 2022-2023 Global Final ได้ปิดฉากลงที่เมืองเซินเจิ้น นับเป็นการปิดฉากครั้งที่ 7 ของการแข่งขันนี้ ครั้งแรกที่จัดขึ้นด้วยตนเองตั้งแต่ปี 2019 จุดสูงสุดของงานคือการแข่งขันระหว่างผู้เข้ารอบสุดท้ายใน 146 ทีมจาก 36 ประเทศ ก่อนรอบชิงชนะเลิศ นักศึกษากว่า 120,000 คนจากมหาวิทยาลัยมากกว่า 2,000 แห่งใน 74 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขัน ICT

Huawei ICT Competition 2022–2023 Global Final Closing and Awarding Ceremony (Photo: Huawei)

พิธีปิดและมอบรางวัลการแข่งขัน Huawei ICT Competition 2022–2023 Global Final (ภาพ: Huawei)

ทีมจาก Shenzhen Polytechnic, Guilin University of Electronic Technology, Guangzhou College of Commerce, Yangtze Normal University และ Hunan Industry Polytechnic คว้ารางวัล Network Track Grand Prize ทีมจาก Guilin University of Electronic Technology, Shenzhen Polytechnic และ Nanning College for Vocational Technology คว้ารางวัล Cloud Track Grand Prize ทีมของ Shenzhen Polytechnic คว้ารางวัล Computing Track Grand Prize ทีมของ Jilin University และ Ahmadu Bello University คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันนวัตกรรม ทีม imin จาก Tsinghua University คว้ารางวัล Smart Road Grand Prize และ Jsgroup จาก Xi'an Jiaotong University คว้ารางวัล Electric Power Digitalization Grand Prize

Xiao Haijun ประธานฝ่ายพัฒนาพันธมิตรทั่วโลกและฝ่ายขาย กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของ Huawei กล่าวว่า “ความสามารถด้านดิจิทัลและทักษะด้านดิจิทัลจะเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ในอนาคต Huawei จะนำทรัพยากรด้านการศึกษา ICT ไปสู่โรงเรียนอื่น ๆ ทั่วโลก เราคาดว่าจะสร้าง Huawei ICT Academies ทั้งหมด 7,000 แห่งภายในปี 2026 ฝึกอบรมนักเรียนมากกว่า 1 ล้านคนทุกปี โดยพัฒนาความรู้และทักษะด้านดิจิทัลของนักเรียนอย่างมากสำหรับโลกดิจิทัลที่มีพลวัตและครอบคลุมมากขึ้น”

Stefania Giannini ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ด้านการศึกษาของ UNESCO ได้ส่งความปรารถนาของเธอสำหรับการแข่งขัน Huawei ICT ผ่านทางวิดีโอ เธอกล่าวว่าการแข่งขัน Huawei ICT ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของนักเรียนเท่านั้น แต่ยังสำรวจวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วย เธอระบุว่า UNESCO สนับสนุนความพยายามของ Huawei ในอุตสาหกรรมการศึกษาอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาการเชื่อมต่อทั่วโลกและทักษะด้านดิจิทัล

Xiao Ran รองประธานของ Huawei Strategic Research Institute กล่าวว่า Huawei กำลังสร้างระบบนิเวศผู้มีความสามารถด้าน ICT ที่แข็งแกร่ง และเร่งความก้าวหน้าของการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลของโลกด้วยการเปิดตัว Huawei ICT Academies เพิ่มขึ้น โดยเผยแพร่เอกสารไวท์เปเปอร์และจัดการแข่งขัน Huawei ICT

ศาสตราจารย์ Mohan Munasinghe ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2007 ผู้ได้รับรางวัล Blue Planet ในปี 2021 และอดีตรองประธานคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้กล่าวสุนทรพจน์ผ่านวิดีโอ เขากล่าวว่า ICT นั้นมีบทบาทสำคัญในการประสานสามเหลี่ยมการพัฒนาที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ในขณะที่เทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยเพิ่มผลผลิตและการเติบโต อำนวยความสะดวกในการผลิตและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสริมสร้างความครอบคลุมและความร่วมมือ การแข่งขัน Huawei ICT สนับสนุนให้นักเรียนคิดค้นและสร้างความก้าวหน้าที่สำคัญซึ่งช่วยให้บรรลุการเติบโตที่สมดุล ครอบคลุม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

Vicky Zhang รองประธานฝ่ายสื่อสารองค์กรของ Huawei กล่าวว่า “Huawei ได้จัดรางวัล Women in Tech Award เพื่อส่งเสริมผู้เข้าประกวดหญิง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในอุตสาหกรรม ICT และการมีส่วนร่วมทางสังคม ในปีนี้ สัดส่วนของผู้เข้าแข่งขันหญิงในรอบชิงชนะเลิศระดับโลกเกิน 21% เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่แล้ว”

ในฐานะที่เป็นโครงการหลักของโครงการริเริ่ม Seed for the Future 2.0 ของ Huawei การแข่งขัน Huawei ICT มีเป้าหมายเพื่อให้เป็นเวทีสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยทั่วโลกเพื่อแข่งขันและสื่อสารกันในสาขา ICT ณ สิ้นปี 2022 Huawei ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย 2,200 แห่งเพื่อสร้าง Huawei ICT Academies ที่ซึ่งช่วยฝึกอบรมนักศึกษามากกว่า 200,000 คนในแต่ละปี นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 มีนักเรียนมากกว่า 580,000 คนจาก 85 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลกได้เข้าร่วมการแข่งขัน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53408594/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

corporate.comms@huawei.com

แหล่งที่มา: Huawei

เซิร์ฟเวอร์ AI ของ GIGABYTE ร่วมมือ Superchips Shine ที่ COMPUTEX เพื่อกำหนดนิยามใหม่แห่งการประมวลผลคอมพิวเตอร์

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2023

GIGABYTE กำลังจัดแสดงเทคโนโลยีและโซลูชันล้ำสมัยที่งาน COMPUTEX 2023 โดยนำเสนอธีม “อนาคตของคอมพิวเตอร์” ตั้งแต่วันที่ 30  พฤษภาคม ถึง 2 มิถุนายน GIGABYTE จัดแสดงผลิตภัณฑ์มากกว่า 110 รายการที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่ของเทคโนโลยี AI และความยั่งยืนในที่ชั้น 1 ณ ศูนย์นิทรรศการไทเปหนานกัง อาคาร 1

(Photo: Business Wire)

(Photo: Business Wire)

รับรางวัลใหญ่ด้วย AI ผ่านเซิร์ฟเวอร์ GPU/HPC รุ่นบุกเบิกของ GIGABYTE

GIGABYTE และบริษัทในเครืออย่าง Giga Computing ขอแนะนำ เซิร์ฟเวอร์ AI/HPCรุ่นต่างๆ ซึ่งเป็นผู้นำยุคของซูเปอร์คอมพิวติ้งระดับเอกซะ หนึ่งในดาวเด่นคือเซิร์ฟเวอร์ HGX H100 8-GPU SXM5 รุ่นแรกในอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองจาก NVIDIA หรือ G593-SD0 G593-SD0 ที่มาพร้อมกับ Intel Xeon หน่วยประมวลผลที่ขยายสเกลได้รุ่นที่ 4  และ GIGABYTE ผู้นำด้านการออกแบบระบบระบายความร้อน สามารถดำเนินการกับภาระงานที่หนักหน่วงยิ่งจาก AI แบบรู้สร้าง (Generative) และการเรียนรู้เชิงลึกจากการเทรนโมเดลภายในตัวเครื่องเซิร์ฟเวอร์ขนาด 5U ที่ปรับความหนาแน่นให้เหมาะสม ทำให้เซิร์ฟเวอร์นี้เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับศูนย์ข้อมูลเพื่อความก้าวหน้าของ AI

นอกจากนี้ GIGABYTE ยังเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ประมวลผล AI ที่รองรับ NVIDIA Grace CPU และ Grace Hopper Superchips เซิร์ฟเวอร์ความหนาแน่นสูงได้รับการเร่งความเร็วด้วยเทคโนโลยี NVLink-C2C ภายใต้แพลตฟอร์ม ARM Neoverse V2 ซึ่งเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับประสิทธิภาพการประมวลผล AI/HPC และแบนด์วิดท์

โอบรับความยั่งยืนด้วยโซลูชันการประมวลผลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่โลกยกย่องได้จาก GIGABYTE

โซลูชันการประมวลผลสีเขียวของ GIGABYTE กำลังยกระดับมาตรฐานของประสิทธิภาพการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลไปสู่อีกระดับ เป็นครั้งแรกที่ GIGABYTE จัดแสดง  immersion cooling ทั้งสามรุ่นที่งาน COMPUTEX เพื่อแสดงให้เห็นว่าการประมวลผลสีเขียวสามารถขจัดความจำเป็นในการใช้พัดลมที่กินไฟสูงและเครื่องปรับอากาศได้อย่างไร โซลูชันดังกล่าวช่วยให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของตนได้ ในขณะที่ต้องรับมือกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับนวัตกรรมที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมาก

นอกเหนือจากโซลูชันการประมวลผลสีเขียวแล้ว GIGABYTE ยังนำเสนอความพยายามอันยาวนานในการบรรลุ “ผลผลิตที่ยั่งยืน” GIGABYTE ได้เพิ่มประสิทธิภาพสายการผลิตเพื่อลดการใช้พลังงานและการปล่อยคาร์บอน เช่นเดียวกับการซ่อมแซม รีไซเคิล และปรับปรุงขยะอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้การใช้แหล่งพลังงานขององค์กรลดลง 34% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 43% ในปี 2021 และ 2022 GIGABYTE ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “ระดับผู้นำ” โดยการประเมินสภาพอากาศ CDP สำหรับการดำเนินการและความสำเร็จที่ยั่งยืนที่โดดเด่น

ศูนย์ข้อมูลขั้นสูงพร้อมเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ที่เลือกสรรร

การพัฒนาเทคโนโลยีและบริการดิจิทัลพึ่งพาศูนย์ ศูนย์ข้อมูลขั้นสูง GIGABYTE จัดแสดงเซิร์ฟเวอร์และมาเธอร์บอร์ดที่หลากหลายซึ่งเหมาะสำหรับการประมวลผลแบบคลาวด์ การจัดเก็บข้อมูล และ การประมวลผลแบบเอดจ์ เช่นเดียวกับเซิร์ฟเวอร์ที่แสดงในชั้นวางมาตรฐาน EIA และ OCP (Open Compute Project)  ผลิตภัณฑ์ระดับองค์กรล่าสุดของ GIGABYTE รองรับชิปล่าสุดจาก AMD, Ampere, Intel และ NVIDIA ซึ่งช่วยให้ศูนย์ข้อมูลได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพที่เหมาะสมที่สุด ความยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับขนาด และประสิทธิภาพ

เปิดใช้งานอุตสาหกรรมอัจฉริยะด้วยการปรับใช้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เหนือกว่าของ GIGABYTE

การพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารได้กระตุ้นให้เกิด Internet of Things (IoT) ที่งาน COMPUTEX GIGABYTE กำลังมีการจัดแสดงให้เห็นว่า IoT สามารถใช้เทคโนโลยี AI เพื่อปรับปรุงการผลิต การค้าปลีก ยานพาหนะอัตโนมัติ การดูแลสุขภาพ และภาคส่วนอื่นๆ ให้ทันสมัยได้อย่างไร เทคโนโลยีหลักบนจอแสดงผล ได้แก่ มาเธอร์บอร์ดอุตสาหกรรม, ระบบฝังตัว, ไมโครคอมพิวเตอร์, ระบบจดจำภาพ, AI และ อินเทอร์เน็ตของยานยนต์โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชิปรุ่นต่อไปเพื่อ ปลดล็อกโอกาสอันไร้ขอบเขตผ่านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

พลิกโฉมเกมด้วยคอมพิวเตอร์ AORUS และ AERO ที่ได้รับรางวัล

GIGABYTE ยึดมั่นในปรัชญาการออกแบบที่มอบประสบการณ์ผู้บริโภคที่โดดเด่นมาโดยตลอด AORUS Gaming และ AERO Creator Series  ได้รับรางวัล 15 Red Dot Design Awards ในปี 2023 สำหรับเมนบอร์ด กราฟิกการ์ด แล็ปท็อป จอภาพ 4K ขนาดใหญ่ และอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับเล่นเกม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมเฉพาะของ GIGABYTE และความเป็นเลิศด้านสุนทรียศาสตร์ นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ AORUS และ AERO ที่ได้รับรางวัลแล้ว GIGABYTE ยังจัดแสดงเมนบอร์ด, ไดร์ฟ SSD และชุดอุปกรณ์ DIY ที่หลากหลาย ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีด้วยตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมมากมาย

เยี่ยมชมหน้ากิจกรรม COMPUTEX ของ GIGABYTE

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

สื่อ: Michael Pao brand@gigabyte.com

ที่มา: GIGABYTE







บริษัทวิศวกรรมระดับโลก JGC Holdings เลือกให้ Boomi ปรับปรุงระบบธุรกิจให้ทันสมัย

Logo

แพลตฟอร์มการผสานรวมที่ได้รับรางวัลของ Boomi ในฐานะบริการ (iPaaS) ได้รับเลือกจากประวัติการใช้งานทั่วโลกและความสามารถในการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่าง ๆ

TOKYO & CHESTERBROOK, Pa.–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2023

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ได้ประกาศในวันนี้ว่า JGC Holdings Corporation (“JGC”) ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรมระดับโลก ได้เลือกแพลตฟอร์ม Boomi เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้ทันสมัยและสนับสนุนเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของบริษัท

Global Engineering Company JGC Holdings Selects Boomi To Modernize Its Business Systems (Graphic: Business Wire)

บริษัทวิศวกรรมระดับโลก JGC Holdings เลือกให้ Boomi ปรับปรุงระบบธุรกิจให้ทันสมัย (กราฟิก: Business Wire)

JGC ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ดำเนินธุรกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยต้องการสถาปัตยกรรมไอทีแบบ hub-and-spoke เพื่อเชื่อมต่อแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น เมื่อพิจารณาถึงความซับซ้อนของการพัฒนาระบบใหม่ JGC จึงใช้แนวทางแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อรวมแพลตฟอร์ม software as a service (SaaS) เช่น Coupa และ ServiceNow ขนาดของโครงการที่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เฟซ ระบบ และแพลตฟอร์มจำนวนมากนั้น ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น JGC ติดต่อ Nomura Research Institute (NRI) เพื่อแนะนำผู้จำหน่ายที่มีชื่อเสียงซึ่งมีประวัติการทำงานที่แข็งแกร่งและมีประสบการณ์ในการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มที่หลากหลายและทำให้โครงการที่ซับซ้อนง่ายขึ้น

“Boomi เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสี่รายในกระบวนการคัดเลือกและมีประสบการณ์มากมายในการแก้ปัญหาความท้าทายของลูกค้าตลอดเส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล” กล่าวโดย Mr. Atsuo Honiden ผู้จัดการกลุ่ม Procurement DX Group แผนกจัดส่งโครงการดิจิทัลของ JGC “Boomi เหมาะสมที่สุดทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและความคุ้มค่า นอกจากนี้ โซลูชันของ Boomi ยังตรงกับวิสัยทัศน์ของเราในการค่อย ๆ รวมระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้ได้สถาปัตยกรรมแบบ hub-and-spoke”

“Boomi มีผลงานที่พิสูจน์แล้วในการใช้งานทั่วโลกและจัดหาโซลูชันที่คุ้มค่าสำหรับโครงการจัดซื้อจัดจ้างของ JGC Corporation” กล่าวโดย Mr. Akira Matsumoto กรรมการผู้จัดการองค์กรอาวุโส ผู้จัดการแผนก DX Platform Division ของ Nomura Research Institute, Ltd. “ตัวเชื่อมต่อต่าง ๆ ของ Boomi ช่วยให้เราสามารถใช้สถาปัตยกรรมแบบ hub-and-spoke ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเชื่อมต่อระบบหลายระบบในเฟส”

Kazunori Hori ผู้อำนวยการที่ญี่ปุ่นของ Boomi กล่าวว่า “Boomi เป็นบริษัทผสานรวมอิสระบนคลาวด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มการผสานรวม เราเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่ง และภูมิใจในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ปลายทางที่ไม่ซ้ำกันมากกว่า 200,000 รายการ ช่วยให้ลูกค้าของเรา เช่น JGC สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”

Boomi นำเสนอชุมชนที่กำลังเติบโตซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 100,000 คน และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้รวมระบบระดับโลก (GSI) ที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ iPaaS บริษัทมีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย ซึ่งรวมถึง Accenture, Deloitte, SAP และ Snowflake และทำงานร่วมกับผู้ให้บริการคลาวด์ไฮเปอร์สเกลเลอร์รายใหญ่ที่สุด ที่มี Amazon Web Services, Google และ Microsoft เป็นต้น

นับรวมอยู่ใน Deloitte Technology Fast 500™ และ Inc. 5000 ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดในอเมริกา Boomi ได้รับรางวัล International Stevie® Awards สามรางวัลสำหรับบริษัทแห่งปี (สองปีติดต่อกัน) และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ได้แก่ รางวัล Gold Globee® Award ในหมวด Platform as a Service (PaaS), รางวัล Merit Award for Technology ในหมวด Cloud Services และรางวัล Stratus Award ในฐานะ Global Leader in Cloud Computing 2022 และได้รับการจัดอันดับอันทรงเกียรติระดับ 5 ดาว ใน CRN Partner Program Guide เป็นเวลาสองปีติดต่อกัน

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นโดยเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่ง ทุกที่ ผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มการผสานรวมบนคลาวด์ในรูปแบบบริการ (iPaaS) และปัจจุบันเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลกด้านบริการ (SaaS) Boomi นำเสนอฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มการผสานรวมและเครือข่ายทั่วโลกที่มีพันธมิตรประมาณ  800 ราย รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และจัดการข้อมูล ขณะที่เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ http://www.boomi.com

© 2022 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B', Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53408276/en

ติดต่อ

มีเดีย:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสื่อและนักวิเคราะห์สัมพันธ์ของ APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งที่มา: Boomi

KRAFTON เผยผลการทดสอบ Early Access Test ของเกม ‘Defense Derby’

Logo

  • ทำสถิติ Playtime รวม 81,500 ชั่วโมง สูงกว่าการทดสอบในปีที่แล้วเกือบสามเท่า
  • ส่งแรงกระตุ้นทิ้งท้ายก่อนเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วโลกในไตรมาสที่สามของปีนี้

กรุงโซล, ประเทศเกาหลีใต้ –(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2023

RisingWings ซึ่งเป็นสตูดิโออิสระของ KRAFTON, Inc. เผยตัวเลขหลังการทดสอบ Early Access Test ของ “Defense Derby” เกมป้องกันปราสาทแบบเรียลไทม์

KRAFTON Revealed the Early Access Test Records of ‘Defense Derby’ (Photo: Business Wire)

KRAFTON เผยผลการทดสอบ Early Access Test ของเกม 'Defense Derby' (ภาพ: Business Wire)

การเปิดทดสอบ Early Access Test เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 เมษายนถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 ในประเทศเกาหลีใต้ ไทย จีนไทเป และอินเดีย พร้อมชูระบบและโหมดใหม่ล่าสุดอย่าง “การเดินทางของผู้พิทักษ์”, “เลเวลเจ้าเมือง” และ “โหมดบรอล – แมตช์มิเรอร์” ซึ่งไม่มีในการทดสอบทั่วโลกเมื่อปีที่ผ่านมา การทดสอบครั้งล่าสุดนี้ได้มีการพัฒนาคอนเทนท์โดยรวมและปรับปรุงประสบการณ์การเล่นเกมเพื่อให้ได้รับการตอบสนองที่ดีเยี่ยมจากผู้เล่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ผู้เล่นกว่า 19,600 คนได้เข้าร่วมการทดสอบ Early Access Test และใช้เวลาในการเล่นรวมกันถึง 81,500 ชั่วโมงในเวลาเพียงสองสัปดาห์ สูงกว่าการทดสอบทั่วโลกเมื่อปีที่แล้วเกือบสามเท่า จำนวนแมตช์ใน “โหมดเดอร์บี้ (PvP)” ซึ่งเป็นโหมดหลักของเกมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน มีการเล่นโหมดเดอร์บี้มากถึง 381,000 ครั้งในช่วงทดสอบ หรือราว 21 แมตช์ต่อคน แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจอย่างมากต่อโหมดนี้

ผู้เล่นที่เข้าร่วมทดสอบ Early Access Test ยังแสดงถึงความพึงพอใจเกี่ยวกับเกมผ่านแบบสำรวจ โดยแสดงคะแนนความพึงพอใจของเกมอยู่ที่ 4.6 จาก 5 คะแนนและให้การรีวิวในเชิงบวก พร้อมกับเลือก “การเก็บสะสมและอัปเกรด/เพิ่มเลเวลฮีโร่และยูนิต” เป็นระบบที่ชอบมากที่สุดในเกม รองลงมาคือ “โหมดเดอร์บี้”  “โหมดบลิตซ์” และ “การเดินทางของผู้พิทักษ์” นอกเหนือจากนี้ผู้เล่นยังเลือกให้ “ระบบประมูลยูนิต” ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้ผู้เล่นต้องคาดเดาการเดินเกมของคู่ต่อสู้และวัดใจในการเดิมพัน เป็นองค์ประกอบความสนุกที่เป็นเอกลักษณ์ของเกม Defense Derby

“Defense Derby” อยู่ในระหว่างการพัฒนาเพื่อที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่สามของปีนี้ ติดตามข่าวสารและการอัปเดตเกี่ยวกับเกม Defense Derby ได้ทาง Facebook Official และช่อง YouTube

Defense Derby Facebook (เพจไทย) https://www.facebook.com/DefenseDerby.THAILAND
Defense Derby YouTube https://www.youtube.com/@defensederby

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่
https://www.businesswire.com/news/home/53408054/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

KRAFTON

Jihyun Park

jihyun.park@krafton.com

ที่มา: KRAFTON, Inc.

Thai Herald

Thai Herald